Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / จูฬวคฺคปาฬิ • Cūḷavaggapāḷi

    ๒. สติวินโย

    2. Sativinayo

    ๑๘๙. 1 เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเปฯ เตน โข ปน สมเยน อายสฺมตา ทเพฺพน มลฺลปุเตฺตน ชาติยา สตฺตวเสฺสน อรหตฺตํ สจฺฉิกตํ โหติ ฯ ยํ กิญฺจิ สาวเกน ปตฺตพฺพํ สพฺพํ เตน อนุปฺปตฺตํ โหติฯ นตฺถิ จสฺส กิญฺจิ อุตฺตริ 2 กรณียํ, กตสฺส วา ปติจโยฯ อถ โข อายสฺมโต ทพฺพสฺส มลฺลปุตฺตสฺส รโหคตสฺส ปฎิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตโกฺก อุทปาทิ – ‘‘มยา โข ชาติยา สตฺตวเสฺสน อรหตฺตํ สจฺฉิกตํฯ ยํ กิญฺจิ สาวเกน ปตฺตพฺพํ สพฺพํ มยา อนุปฺปตฺตํฯ นตฺถิ จ เม กิญฺจิ อุตฺตริกรณียํ, กตสฺส วา ปติจโยฯ กิํ นุ โข อหํ สงฺฆสฺส เวยฺยาวจฺจํ กเรยฺย’’นฺติ?

    189.3 Tena samayena buddho bhagavā rājagahe viharati veḷuvane kalandakanivāpe. Tena kho pana samayena āyasmatā dabbena mallaputtena jātiyā sattavassena arahattaṃ sacchikataṃ hoti . Yaṃ kiñci sāvakena pattabbaṃ sabbaṃ tena anuppattaṃ hoti. Natthi cassa kiñci uttari 4 karaṇīyaṃ, katassa vā paticayo. Atha kho āyasmato dabbassa mallaputtassa rahogatassa paṭisallīnassa evaṃ cetaso parivitakko udapādi – ‘‘mayā kho jātiyā sattavassena arahattaṃ sacchikataṃ. Yaṃ kiñci sāvakena pattabbaṃ sabbaṃ mayā anuppattaṃ. Natthi ca me kiñci uttarikaraṇīyaṃ, katassa vā paticayo. Kiṃ nu kho ahaṃ saṅghassa veyyāvaccaṃ kareyya’’nti?

    อถ โข อายสฺมโต ทพฺพสฺส มลฺลปุตฺตสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ยํนูนาหํ สงฺฆสฺส เสนาสนญฺจ ปญฺญเปยฺยํ ภตฺตานิ จ อุทฺทิเสยฺย’’นฺติฯ อถ โข อายสฺมา ทโพฺพ มลฺลปุโตฺต สายนฺหสมยํ ปฎิสลฺลานา วุฎฺฐิโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อายสฺมา ทโพฺพ มลฺลปุโตฺต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิธ มยฺหํ, ภเนฺต, รโหคตสฺส ปฎิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตโกฺก อุทปาทิ – ‘มยา โข ชาติยา สตฺตวเสฺสน อรหตฺตํ สจฺฉิกตํฯ ยํ กิญฺจิ สาวเกน ปตฺตพฺพํ, สพฺพํ มยา อนุปฺปตฺตํฯ นตฺถิ จ เม กิญฺจิ อุตฺตริกรณียํ, กตสฺส วา ปติจโยฯ กิํ นุ โข อหํ สงฺฆสฺส เวยฺยาวจฺจํ กเรยฺย’นฺติ ? ตสฺส มยฺหํ, ภเนฺต, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ สงฺฆสฺส เสนาสนญฺจ ปญฺญเปยฺยํ ภตฺตานิ จ อุทฺทิเสยฺย’นฺติฯ อิจฺฉามหํ, ภเนฺต, สงฺฆสฺส เสนาสนญฺจ ปญฺญาเปตุํ ภตฺตานิ จ อุทฺทิสิตุ’’นฺติฯ ‘‘สาธุ สาธุ, ทพฺพฯ เตน หิ ตฺวํ, ทพฺพ, สงฺฆสฺส เสนาสนญฺจ ปญฺญเปหิ ภตฺตานิ จ อุทฺทิสาหี’’ติ 5ฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข อายสฺมา ทโพฺพ มลฺลปุโตฺต ภควโต ปจฺจโสฺสสิฯ อถ โข ภควา เอตสฺมิํ นิทาเน เอตสฺมิํ ปกรเณ ธมฺมิํ กถํ กตฺวา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, สโงฺฆ ทพฺพํ มลฺลปุตฺตํ เสนาสนปญฺญาปกญฺจ ภตฺตุเทฺทสกญฺจ สมฺมนฺนตุฯ เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, สมฺมนฺนิตโพฺพฯ ปฐมํ ทโพฺพ มลฺลปุโตฺต ยาจิตโพฺพ 6ฯ ยาจิตฺวา พฺยเตฺตน ภิกฺขุนา ปฎิพเลน สโงฺฆ ญาเปตโพฺพ –

    Atha kho āyasmato dabbassa mallaputtassa etadahosi – ‘‘yaṃnūnāhaṃ saṅghassa senāsanañca paññapeyyaṃ bhattāni ca uddiseyya’’nti. Atha kho āyasmā dabbo mallaputto sāyanhasamayaṃ paṭisallānā vuṭṭhito yena bhagavā tenupasaṅkami, upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho āyasmā dabbo mallaputto bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘idha mayhaṃ, bhante, rahogatassa paṭisallīnassa evaṃ cetaso parivitakko udapādi – ‘mayā kho jātiyā sattavassena arahattaṃ sacchikataṃ. Yaṃ kiñci sāvakena pattabbaṃ, sabbaṃ mayā anuppattaṃ. Natthi ca me kiñci uttarikaraṇīyaṃ, katassa vā paticayo. Kiṃ nu kho ahaṃ saṅghassa veyyāvaccaṃ kareyya’nti ? Tassa mayhaṃ, bhante, etadahosi – ‘yaṃnūnāhaṃ saṅghassa senāsanañca paññapeyyaṃ bhattāni ca uddiseyya’nti. Icchāmahaṃ, bhante, saṅghassa senāsanañca paññāpetuṃ bhattāni ca uddisitu’’nti. ‘‘Sādhu sādhu, dabba. Tena hi tvaṃ, dabba, saṅghassa senāsanañca paññapehi bhattāni ca uddisāhī’’ti 7. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho āyasmā dabbo mallaputto bhagavato paccassosi. Atha kho bhagavā etasmiṃ nidāne etasmiṃ pakaraṇe dhammiṃ kathaṃ katvā bhikkhū āmantesi – ‘‘tena hi, bhikkhave, saṅgho dabbaṃ mallaputtaṃ senāsanapaññāpakañca bhattuddesakañca sammannatu. Evañca pana, bhikkhave, sammannitabbo. Paṭhamaṃ dabbo mallaputto yācitabbo 8. Yācitvā byattena bhikkhunā paṭibalena saṅgho ñāpetabbo –

    ๑๙๐. ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สโงฺฆ อายสฺมนฺตํ ทพฺพํ มลฺลปุตฺตํ เสนาสนปญฺญาปกญฺจ ภตฺตุเทฺทสกญฺจ สมฺมเนฺนยฺยฯ เอสา ญตฺติฯ

    190. ‘‘Suṇātu me, bhante, saṅgho. Yadi saṅghassa pattakallaṃ, saṅgho āyasmantaṃ dabbaṃ mallaputtaṃ senāsanapaññāpakañca bhattuddesakañca sammanneyya. Esā ñatti.

    ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ สโงฺฆ อายสฺมนฺตํ ทพฺพํ มลฺลปุตฺตํ เสนาสนปญฺญาปกญฺจ ภตฺตุเทฺทสกญฺจ สมฺมนฺนติฯ ยสฺสายสฺมโต ขมติ อายสฺมโต ทพฺพสฺส มลฺลปุตฺตสฺส เสนาสนปญฺญาปกสฺส จ ภตฺตุเทฺทสกสฺส จ สมฺมุติ, โส ตุณฺหสฺส; ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺยฯ

    ‘‘Suṇātu me, bhante, saṅgho. Saṅgho āyasmantaṃ dabbaṃ mallaputtaṃ senāsanapaññāpakañca bhattuddesakañca sammannati. Yassāyasmato khamati āyasmato dabbassa mallaputtassa senāsanapaññāpakassa ca bhattuddesakassa ca sammuti, so tuṇhassa; yassa nakkhamati, so bhāseyya.

    ‘‘สมฺมโต สเงฺฆน อายสฺมา ทโพฺพ มลฺลปุโตฺต เสนาสนปญฺญาปโก จ ภตฺตุเทฺทสโก จฯ ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติ ฯ

    ‘‘Sammato saṅghena āyasmā dabbo mallaputto senāsanapaññāpako ca bhattuddesako ca. Khamati saṅghassa, tasmā tuṇhī, evametaṃ dhārayāmī’’ti .

    ๑๙๑. สมฺมโต จ ปนายสฺมา ทโพฺพ มลฺลปุโตฺต สภาคานํ ภิกฺขูนํ เอกชฺฌํ เสนาสนํ ปญฺญเปติฯ เย เต ภิกฺขู สุตฺตนฺติกา เตสํ เอกชฺฌํ เสนาสนํ ปญฺญเปติ – เต อญฺญมญฺญํ สุตฺตนฺตํ สงฺคายิสฺสนฺตีติฯ เย เต ภิกฺขู วินยธรา เตสํ เอกชฺฌํ เสนาสนํ ปญฺญเปติ – เต อญฺญมญฺญํ วินยํ วินิจฺฉินิสฺสนฺตีติฯ เย เต ภิกฺขู ธมฺมกถิกา เตสํ เอกชฺฌํ เสนาสนํ ปญฺญเปติ – เต อญฺญมญฺญํ ธมฺมํ สากจฺฉิสฺสนฺตีติฯ เย เต ภิกฺขู ฌายิโน เตสํ เอกชฺฌํ เสนาสนํ ปญฺญเปติ – เต อญฺญมญฺญํ น พฺยาพาธิสฺสนฺตีติ ฯ เย เต ภิกฺขู ติรจฺฉานกถิกา กายทฬฺหิพหุลา 9 วิหรนฺติ เตสมฺปิ เอกชฺฌํ เสนาสนํ ปญฺญเปติ – อิมายปิเม อายสฺมโนฺต รติยา อจฺฉิสฺสนฺตีติฯ เยปิ เต ภิกฺขู วิกาเล อาคจฺฉนฺติ เตสมฺปิ เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวา เตเนว อาโลเกน เสนาสนํ ปญฺญเปติ; อปิสุ ภิกฺขู สญฺจิจฺจ วิกาเล อาคจฺฉนฺติ – มยํ อายสฺมโต ทพฺพสฺส มลฺลปุตฺตสฺส อิทฺธิปาฎิหาริยํ ปสฺสิสฺสามาติฯ

    191. Sammato ca panāyasmā dabbo mallaputto sabhāgānaṃ bhikkhūnaṃ ekajjhaṃ senāsanaṃ paññapeti. Ye te bhikkhū suttantikā tesaṃ ekajjhaṃ senāsanaṃ paññapeti – te aññamaññaṃ suttantaṃ saṅgāyissantīti. Ye te bhikkhū vinayadharā tesaṃ ekajjhaṃ senāsanaṃ paññapeti – te aññamaññaṃ vinayaṃ vinicchinissantīti. Ye te bhikkhū dhammakathikā tesaṃ ekajjhaṃ senāsanaṃ paññapeti – te aññamaññaṃ dhammaṃ sākacchissantīti. Ye te bhikkhū jhāyino tesaṃ ekajjhaṃ senāsanaṃ paññapeti – te aññamaññaṃ na byābādhissantīti . Ye te bhikkhū tiracchānakathikā kāyadaḷhibahulā 10 viharanti tesampi ekajjhaṃ senāsanaṃ paññapeti – imāyapime āyasmanto ratiyā acchissantīti. Yepi te bhikkhū vikāle āgacchanti tesampi tejodhātuṃ samāpajjitvā teneva ālokena senāsanaṃ paññapeti; apisu bhikkhū sañcicca vikāle āgacchanti – mayaṃ āyasmato dabbassa mallaputtassa iddhipāṭihāriyaṃ passissāmāti.

    เต อายสฺมนฺตํ ทพฺพํ มลฺลปุตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วทนฺติ – ‘‘อมฺหากํ, อาวุโส ทพฺพ, เสนาสนํ ปญฺญเปหี’’ติฯ เต อายสฺมา ทโพฺพ มลฺลปุโตฺต เอวํ วเทติ – ‘‘กตฺถ อายสฺมนฺตา อิจฺฉนฺติ กตฺถ ปญฺญเปมี’’ติ? เต สญฺจิจฺจ ทูเร อปทิสนฺติ – ‘‘อมฺหากํ, อาวุโส ทพฺพ, คิชฺฌกูเฎ ปพฺพเต เสนาสนํ ปญฺญเปหิฯ อมฺหากํ, อาวุโส, โจรปปาเต เสนาสนํ ปญฺญเปหิฯ อมฺหากํ, อาวุโส, อิสิคิลิปเสฺส กาฬสิลายํ เสนาสนํ ปญฺญเปหิฯ อมฺหากํ, อาวุโส, เวภารปเสฺส สตฺตปณฺณิคุหายํ เสนาสนํ ปญฺญเปหิฯ อมฺหากํ, อาวุโส, สีตวเน สปฺปโสณฺฑิกปพฺภาเร เสนาสนํ ปญฺญเปหิฯ อมฺหากํ, อาวุโส, โคตมกกนฺทรายํ 11 เสนาสนํ ปญฺญเปหิฯ อมฺหากํ, อาวุโส, ตินฺทุกกนฺทรายํ เสนาสนํ ปญฺญเปหิฯ อมฺหากํ, อาวุโส, ตโปทกนฺทรายํ 12 เสนาสนํ ปญฺญเปหิฯ อมฺหากํ, อาวุโส, ตโปทาราเม เสนาสนํ ปญฺญเปหิฯ อมฺหากํ, อาวุโส, ชีวกมฺพวเน เสนาสนํ ปญฺญเปหิฯ อมฺหากํ, อาวุโส, มทฺทกุจฺฉิมฺหิ มิคทาเย เสนาสนํ ปญฺญเปหี’’ติฯ

    Te āyasmantaṃ dabbaṃ mallaputtaṃ upasaṅkamitvā evaṃ vadanti – ‘‘amhākaṃ, āvuso dabba, senāsanaṃ paññapehī’’ti. Te āyasmā dabbo mallaputto evaṃ vadeti – ‘‘kattha āyasmantā icchanti kattha paññapemī’’ti? Te sañcicca dūre apadisanti – ‘‘amhākaṃ, āvuso dabba, gijjhakūṭe pabbate senāsanaṃ paññapehi. Amhākaṃ, āvuso, corapapāte senāsanaṃ paññapehi. Amhākaṃ, āvuso, isigilipasse kāḷasilāyaṃ senāsanaṃ paññapehi. Amhākaṃ, āvuso, vebhārapasse sattapaṇṇiguhāyaṃ senāsanaṃ paññapehi. Amhākaṃ, āvuso, sītavane sappasoṇḍikapabbhāre senāsanaṃ paññapehi. Amhākaṃ, āvuso, gotamakakandarāyaṃ 13 senāsanaṃ paññapehi. Amhākaṃ, āvuso, tindukakandarāyaṃ senāsanaṃ paññapehi. Amhākaṃ, āvuso, tapodakandarāyaṃ 14 senāsanaṃ paññapehi. Amhākaṃ, āvuso, tapodārāme senāsanaṃ paññapehi. Amhākaṃ, āvuso, jīvakambavane senāsanaṃ paññapehi. Amhākaṃ, āvuso, maddakucchimhi migadāye senāsanaṃ paññapehī’’ti.

    เตสํ อายสฺมา ทโพฺพ มลฺลปุโตฺต เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวา องฺคุลิยา ชลมานาย ปุรโต ปุรโต คจฺฉติฯ เตปิ เตเนว อาโลเกน อายสฺมโต ทพฺพสฺส มลฺลปุตฺตสฺส ปิฎฺฐิโต ปิฎฺฐิโต คจฺฉนฺติฯ เตสํ อายสฺมา ทโพฺพ มลฺลปุโตฺต เอวํ เสนาสนํ ปญฺญเปติ – อยํ มโญฺจ, อิทํ ปีฐํ , อยํ ภิสิ, อิทํ พิโพฺพหนํ 15, อิทํ วจฺจฎฺฐานํ, อิทํ ปสฺสาวฎฺฐานํ, อิทํ ปานียํ, อิทํ ปริโภชนียํ, อยํ กตฺตรทโณฺฑ, อิทํ สงฺฆสฺส กติกสณฺฐานํ, อิมํ กาลํ ปวิสิตพฺพํ , อิมํ กาลํ นิกฺขมิตพฺพนฺติฯ เตสํ อายสฺมา ทโพฺพ มลฺลปุโตฺต เอวํ เสนาสนํ ปญฺญเปตฺวา ปุนเทว เวฬุวนํ ปจฺจาคจฺฉติฯ

    Tesaṃ āyasmā dabbo mallaputto tejodhātuṃ samāpajjitvā aṅguliyā jalamānāya purato purato gacchati. Tepi teneva ālokena āyasmato dabbassa mallaputtassa piṭṭhito piṭṭhito gacchanti. Tesaṃ āyasmā dabbo mallaputto evaṃ senāsanaṃ paññapeti – ayaṃ mañco, idaṃ pīṭhaṃ , ayaṃ bhisi, idaṃ bibbohanaṃ 16, idaṃ vaccaṭṭhānaṃ, idaṃ passāvaṭṭhānaṃ, idaṃ pānīyaṃ, idaṃ paribhojanīyaṃ, ayaṃ kattaradaṇḍo, idaṃ saṅghassa katikasaṇṭhānaṃ, imaṃ kālaṃ pavisitabbaṃ , imaṃ kālaṃ nikkhamitabbanti. Tesaṃ āyasmā dabbo mallaputto evaṃ senāsanaṃ paññapetvā punadeva veḷuvanaṃ paccāgacchati.

    ๑๙๒. เตน โข ปน สมเยน เมตฺติยภูมชกา 17 ภิกฺขู นวกา เจว โหนฺติ อปฺปปุญฺญา จฯ ยานิ สงฺฆสฺส ลามกานิ เสนาสนานิ ตานิ เตสํ ปาปุณนฺติ ลามกานิ จ ภตฺตานิฯ เตน โข ปน สมเยน ราชคเห มนุสฺสา อิจฺฉนฺติ เถรานํ ภิกฺขูนํ อภิสงฺขาริกํ ปิณฺฑปาตํ ทาตุํ – สปฺปิมฺปิ, เตลมฺปิ, อุตฺตริภงฺคมฺปิฯ เมตฺติยภูมชกานํ ปน ภิกฺขูนํ ปากติกํ เทนฺติ – ยถารนฺธํ 18 กณาชกํ พิลงฺคทุติยํฯ เต ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฺปฎิกฺกนฺตา เถเร ภิกฺขู ปุจฺฉนฺติ – ‘‘ตุมฺหากํ, อาวุโส, ภตฺตเคฺค กิํ อโหสิ, ตุมฺหากํ กิํ อโหสี’’ติ 19? เอกเจฺจ เถรา เอวํ วทนฺติ – ‘‘อมฺหากํ, อาวุโส, สปฺปิ อโหสิ, เตลํ อโหสิ, อุตฺตริภงฺคํ อโหสี’’ติฯ เมตฺติยภูมชกา ปน ภิกฺขู เอวํ วทนฺติ – ‘‘อมฺหากํ, อาวุโส, น กิญฺจิ อโหสิ – ปากติกํ ยถารนฺธํ กณาชกํ พิลงฺคทุติย’’นฺติฯ

    192. Tena kho pana samayena mettiyabhūmajakā 20 bhikkhū navakā ceva honti appapuññā ca. Yāni saṅghassa lāmakāni senāsanāni tāni tesaṃ pāpuṇanti lāmakāni ca bhattāni. Tena kho pana samayena rājagahe manussā icchanti therānaṃ bhikkhūnaṃ abhisaṅkhārikaṃ piṇḍapātaṃ dātuṃ – sappimpi, telampi, uttaribhaṅgampi. Mettiyabhūmajakānaṃ pana bhikkhūnaṃ pākatikaṃ denti – yathārandhaṃ 21 kaṇājakaṃ bilaṅgadutiyaṃ. Te pacchābhattaṃ piṇḍapātappaṭikkantā there bhikkhū pucchanti – ‘‘tumhākaṃ, āvuso, bhattagge kiṃ ahosi, tumhākaṃ kiṃ ahosī’’ti 22? Ekacce therā evaṃ vadanti – ‘‘amhākaṃ, āvuso, sappi ahosi, telaṃ ahosi, uttaribhaṅgaṃ ahosī’’ti. Mettiyabhūmajakā pana bhikkhū evaṃ vadanti – ‘‘amhākaṃ, āvuso, na kiñci ahosi – pākatikaṃ yathārandhaṃ kaṇājakaṃ bilaṅgadutiya’’nti.

    เตน โข ปน สมเยน กลฺยาณภตฺติโก คหปติ สงฺฆสฺส จตุกฺกภตฺตํ เทติ นิจฺจภตฺตํฯ โส ภตฺตเคฺค สปุตฺตทาโร อุปติฎฺฐิตฺวา ปริวิสติ – อเญฺญ โอทเนน ปุจฺฉนฺติ, อเญฺญ สูเปน ปุจฺฉนฺติ, อเญฺญ เตเลน ปุจฺฉนฺติ, อเญฺญ อุตฺตริภเงฺคน ปุจฺฉนฺติฯ เตน โข ปน สมเยน กลฺยาณภตฺติกสฺส คหปติโน ภตฺตํ สฺวาตนาย เมตฺติยภูมชกานํ ภิกฺขูนํ อุทฺทิฎฺฐํ โหติฯ อถ โข กลฺยาณภตฺติโก คหปติ อารามํ อคมาสิ เกนจิเทว กรณีเยนฯ โส เยนายสฺมา ทโพฺพ มลฺลปุโตฺต เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ ทพฺพํ มลฺลปุตฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข กลฺยาณภตฺติกํ คหปติํ อายสฺมา ทโพฺพ มลฺลปุโตฺต ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสสิ สมาทเปสิ สมุเตฺตเชสิ สมฺปหํเสสิฯ อถ โข กลฺยาณภตฺติโก คหปติ อายสฺมตา ทเพฺพน มลฺลปุเตฺตน ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิโต สมาทปิโต สมุเตฺตชิโต สมฺปหํสิโต อายสฺมนฺตํ ทพฺพํ มลฺลปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กสฺส, ภเนฺต, อมฺหากํ ฆเร สฺวาตนาย ภตฺตํ อุทฺทิฎฺฐ’’นฺติ? ‘‘เมตฺติยภูมชกานํ โข, คหปติ, ภิกฺขูนํ ตุมฺหากํ ฆเร สฺวาตนาย ภตฺตํ อุทฺทิฎฺฐ’’นฺติฯ อถ โข กลฺยาณภตฺติโก คหปติ อนตฺตมโน อโหสิฯ กถญฺหิ นาม ปาปภิกฺขู อมฺหากํ ฆเร ภุญฺชิสฺสนฺตีติ ฆรํ คนฺตฺวา ทาสิํ อาณาเปสิ – ‘‘เย, เช, เสฺว ภตฺติกา อาคจฺฉนฺติ เต โกฎฺฐเก อาสนํ ปญฺญเปตฺวา กณาชเกน พิลงฺคทุติเยน ปริวิสา’’ติฯ ‘‘เอวํ อยฺยา’’ติ โข สา ทาสี กลฺยาณภตฺติกสฺส คหปติโน ปจฺจโสฺสสิฯ

    Tena kho pana samayena kalyāṇabhattiko gahapati saṅghassa catukkabhattaṃ deti niccabhattaṃ. So bhattagge saputtadāro upatiṭṭhitvā parivisati – aññe odanena pucchanti, aññe sūpena pucchanti, aññe telena pucchanti, aññe uttaribhaṅgena pucchanti. Tena kho pana samayena kalyāṇabhattikassa gahapatino bhattaṃ svātanāya mettiyabhūmajakānaṃ bhikkhūnaṃ uddiṭṭhaṃ hoti. Atha kho kalyāṇabhattiko gahapati ārāmaṃ agamāsi kenacideva karaṇīyena. So yenāyasmā dabbo mallaputto tenupasaṅkami, upasaṅkamitvā āyasmantaṃ dabbaṃ mallaputtaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinnaṃ kho kalyāṇabhattikaṃ gahapatiṃ āyasmā dabbo mallaputto dhammiyā kathāya sandassesi samādapesi samuttejesi sampahaṃsesi. Atha kho kalyāṇabhattiko gahapati āyasmatā dabbena mallaputtena dhammiyā kathāya sandassito samādapito samuttejito sampahaṃsito āyasmantaṃ dabbaṃ mallaputtaṃ etadavoca – ‘‘kassa, bhante, amhākaṃ ghare svātanāya bhattaṃ uddiṭṭha’’nti? ‘‘Mettiyabhūmajakānaṃ kho, gahapati, bhikkhūnaṃ tumhākaṃ ghare svātanāya bhattaṃ uddiṭṭha’’nti. Atha kho kalyāṇabhattiko gahapati anattamano ahosi. Kathañhi nāma pāpabhikkhū amhākaṃ ghare bhuñjissantīti gharaṃ gantvā dāsiṃ āṇāpesi – ‘‘ye, je, sve bhattikā āgacchanti te koṭṭhake āsanaṃ paññapetvā kaṇājakena bilaṅgadutiyena parivisā’’ti. ‘‘Evaṃ ayyā’’ti kho sā dāsī kalyāṇabhattikassa gahapatino paccassosi.

    อถ โข เมตฺติยภูมชกา ภิกฺขู – หิโยฺย โข, อาวุโส, อมฺหากํ กลฺยาณภตฺติกสฺส คหปติโน ภตฺตํ อุทฺทิฎฺฐํ; เสฺว อเมฺห กลฺยาณภตฺติโก คหปติ สปุตฺตทาโร อุปติฎฺฐิตฺวา ปริวิสิสฺสติ; อเญฺญ โอทเนน ปุจฺฉิสฺสนฺติ, อเญฺญ สูเปน ปุจฺฉิสฺสนฺติ, อเญฺญ เตเลน ปุจฺฉิสฺสนฺติ, อเญฺญ อุตฺตริภเงฺคน ปุจฺฉิสฺสนฺตีติฯ เต เตเนว โสมนเสฺสน น จิตฺตรูปํ รตฺติยา สุปิํสุฯ อถ โข เมตฺติยภูมชกา ภิกฺขู ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน กลฺยาณภตฺติกสฺส คหปติโน นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิํสุฯ อทฺทสา โข สา ทาสี เมตฺติยภูมชเก ภิกฺขู ทูรโตว อาคจฺฉเนฺต; ทิสฺวาน โกฎฺฐเก อาสนํ ปญฺญาเปตฺวา เมตฺติยภูมชเก ภิกฺขู เอตทโวจ – ‘‘นิสีทถ, ภเนฺต’’ติฯ อถ โข เมตฺติยภูมชกานํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘นิสฺสํสยํ โข น ตาว ภตฺตํ สิทฺธํ ภวิสฺสติ ยถา มยํ โกฎฺฐเก นิสีทาปิยามา’’ติ 23ฯ อถ โข สา ทาสี กณาชเกน 24 พิลงฺคทุติเยน อุปคญฺฉิ – ภุญฺชถ, ภเนฺตติฯ ‘‘มยํ โข, ภคินิ, นิจฺจภตฺติกา’’ติฯ ‘‘ชานามิ อยฺยา นิจฺจภตฺติกาติฯ อปิ จาหํ หิโยฺยว คหปตินา อาณตฺตา – ‘เย, เช, เสฺว ภตฺติกา อาคจฺฉนฺติ, เต โกฎฺฐเก อาสนํ ปญฺญาเปตฺวา กณาชเกน พิลงฺคทุติเยน ปริวิสา’ติฯ ภุญฺชถ, ภเนฺต’’ติฯ อถ โข เมตฺติยภูมชกา ภิกฺขู – หิโยฺย โข, อาวุโส, กลฺยาณภตฺติโก คหปติ อารามํ อคมาสิ ทพฺพสฺส มลฺลปุตฺตสฺส สนฺติเกฯ นิสฺสํสยํ โข มยํ ทเพฺพน มลฺลปุเตฺตน คหปติโน อนฺตเร ปริภินฺนาติ 25ฯ เต เตเนว โทมนเสฺสน น จิตฺตรูปํ ภุญฺชิํสุฯ อถ โข เมตฺติยภูมชกา ภิกฺขู ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฺปฎิกฺกนฺตา อารามํ คนฺตฺวา ปตฺตจีวรํ ปฎิสาเมตฺวา พหารามโกฎฺฐเก สงฺฆาฎิปลฺลตฺถิกาย นิสีทิํสุ ตุณฺหีภูตา มงฺกุภูตา ปตฺตกฺขนฺธา อโธมุขา ปชฺฌายนฺตา อปฺปฎิภานาฯ

    Atha kho mettiyabhūmajakā bhikkhū – hiyyo kho, āvuso, amhākaṃ kalyāṇabhattikassa gahapatino bhattaṃ uddiṭṭhaṃ; sve amhe kalyāṇabhattiko gahapati saputtadāro upatiṭṭhitvā parivisissati; aññe odanena pucchissanti, aññe sūpena pucchissanti, aññe telena pucchissanti, aññe uttaribhaṅgena pucchissantīti. Te teneva somanassena na cittarūpaṃ rattiyā supiṃsu. Atha kho mettiyabhūmajakā bhikkhū pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya yena kalyāṇabhattikassa gahapatino nivesanaṃ tenupasaṅkamiṃsu. Addasā kho sā dāsī mettiyabhūmajake bhikkhū dūratova āgacchante; disvāna koṭṭhake āsanaṃ paññāpetvā mettiyabhūmajake bhikkhū etadavoca – ‘‘nisīdatha, bhante’’ti. Atha kho mettiyabhūmajakānaṃ bhikkhūnaṃ etadahosi – ‘‘nissaṃsayaṃ kho na tāva bhattaṃ siddhaṃ bhavissati yathā mayaṃ koṭṭhake nisīdāpiyāmā’’ti 26. Atha kho sā dāsī kaṇājakena 27 bilaṅgadutiyena upagañchi – bhuñjatha, bhanteti. ‘‘Mayaṃ kho, bhagini, niccabhattikā’’ti. ‘‘Jānāmi ayyā niccabhattikāti. Api cāhaṃ hiyyova gahapatinā āṇattā – ‘ye, je, sve bhattikā āgacchanti, te koṭṭhake āsanaṃ paññāpetvā kaṇājakena bilaṅgadutiyena parivisā’ti. Bhuñjatha, bhante’’ti. Atha kho mettiyabhūmajakā bhikkhū – hiyyo kho, āvuso, kalyāṇabhattiko gahapati ārāmaṃ agamāsi dabbassa mallaputtassa santike. Nissaṃsayaṃ kho mayaṃ dabbena mallaputtena gahapatino antare paribhinnāti 28. Te teneva domanassena na cittarūpaṃ bhuñjiṃsu. Atha kho mettiyabhūmajakā bhikkhū pacchābhattaṃ piṇḍapātappaṭikkantā ārāmaṃ gantvā pattacīvaraṃ paṭisāmetvā bahārāmakoṭṭhake saṅghāṭipallatthikāya nisīdiṃsu tuṇhībhūtā maṅkubhūtā pattakkhandhā adhomukhā pajjhāyantā appaṭibhānā.

    อถ โข เมตฺติยา ภิกฺขุนี เยน เมตฺติยภูมชกา ภิกฺขู เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา เมตฺติยภูมชเก ภิกฺขู เอตทโวจ – ‘‘วนฺทามิ อยฺยา’’ติฯ เอวํ วุเตฺต เมตฺติยภูมชกา ภิกฺขู นาลปิํสุฯ ทุติยมฺปิ โข…เป.… ตติยมฺปิ โข เมตฺติยา ภิกฺขุนี เมตฺติยภูมชเก ภิกฺขู เอตทโวจ – ‘‘วนฺทามิ อยฺยา’’ติฯ ตติยมฺปิ โข เมตฺติยภูมชกา ภิกฺขู นาลปิํสุฯ ‘‘กฺยาหํ อยฺยานํ อปรชฺฌามิ? กิสฺส มํ อยฺยา นาลปนฺตี’’ติ? ‘‘ตถา หิ ปน ตฺวํ, ภคินิ, อเมฺห ทเพฺพน มลฺลปุเตฺตน วิเหฐิยมาเน อชฺฌุเปกฺขสี’’ติ? ‘‘กฺยาหํ, อยฺยา, กโรมี’’ติ? ‘‘สเจ โข ตฺวํ, ภคินิ, อิเจฺฉยฺยาสิ, อเชฺชว ภควา อายสฺมนฺตํ ทพฺพํ มลฺลปุตฺตํ นาสาเปยฺยา’’ติฯ ‘‘กฺยาหํ, อยฺยา, กโรมิ? กิํ มยา สกฺกา กาตุ’’นฺติ? ‘‘เอหิ ตฺวํ, ภคินิ, เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ เอวํ วเทหิ – ‘อิทํ , ภเนฺต, นจฺฉนฺนํ นปฺปติรูปํ, ยายํ, ภเนฺต, ทิสา อภยา อนีติกา อนุปทฺทวา สายํ ทิสา สภยา สอีติกา สอุปทฺทวา; ยโต นิวาตํ ตโต สวาตํ 29; อุทกํ มเญฺญ อาทิตฺตํ; อเยฺยนมฺหิ ทเพฺพน มลฺลปุเตฺตน ทูสิตา’’’ติฯ ‘‘เอวํ อยฺยา’’ติ โข เมตฺติยา ภิกฺขุนี เมตฺติยภูมชกานํ ภิกฺขูนํ ปฎิสฺสุตฺวา 30 เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิตา โข เมตฺติยา 31 ภิกฺขุนี ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิทํ, ภเนฺต, นจฺฉนฺนํ นปฺปติรูปํ, ยายํ, ภเนฺต, ทิสา อภยา อนีติกา อนุปทฺทวา สายํ ทิสา สภยา สอีติกา สอุปทฺทวา; ยโต นิวาตํ ตโต สวาตํ; อุทกํ มเญฺญ อาทิตฺตํ; อเยฺยนมฺหิ ทเพฺพน มลฺลปุเตฺตน ทูสิตา’’ติฯ

    Atha kho mettiyā bhikkhunī yena mettiyabhūmajakā bhikkhū tenupasaṅkami, upasaṅkamitvā mettiyabhūmajake bhikkhū etadavoca – ‘‘vandāmi ayyā’’ti. Evaṃ vutte mettiyabhūmajakā bhikkhū nālapiṃsu. Dutiyampi kho…pe… tatiyampi kho mettiyā bhikkhunī mettiyabhūmajake bhikkhū etadavoca – ‘‘vandāmi ayyā’’ti. Tatiyampi kho mettiyabhūmajakā bhikkhū nālapiṃsu. ‘‘Kyāhaṃ ayyānaṃ aparajjhāmi? Kissa maṃ ayyā nālapantī’’ti? ‘‘Tathā hi pana tvaṃ, bhagini, amhe dabbena mallaputtena viheṭhiyamāne ajjhupekkhasī’’ti? ‘‘Kyāhaṃ, ayyā, karomī’’ti? ‘‘Sace kho tvaṃ, bhagini, iccheyyāsi, ajjeva bhagavā āyasmantaṃ dabbaṃ mallaputtaṃ nāsāpeyyā’’ti. ‘‘Kyāhaṃ, ayyā, karomi? Kiṃ mayā sakkā kātu’’nti? ‘‘Ehi tvaṃ, bhagini, yena bhagavā tenupasaṅkami, upasaṅkamitvā bhagavantaṃ evaṃ vadehi – ‘idaṃ , bhante, nacchannaṃ nappatirūpaṃ, yāyaṃ, bhante, disā abhayā anītikā anupaddavā sāyaṃ disā sabhayā saītikā saupaddavā; yato nivātaṃ tato savātaṃ 32; udakaṃ maññe ādittaṃ; ayyenamhi dabbena mallaputtena dūsitā’’’ti. ‘‘Evaṃ ayyā’’ti kho mettiyā bhikkhunī mettiyabhūmajakānaṃ bhikkhūnaṃ paṭissutvā 33 yena bhagavā tenupasaṅkami, upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Ekamantaṃ ṭhitā kho mettiyā 34 bhikkhunī bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘idaṃ, bhante, nacchannaṃ nappatirūpaṃ, yāyaṃ, bhante, disā abhayā anītikā anupaddavā sāyaṃ disā sabhayā saītikā saupaddavā; yato nivātaṃ tato savātaṃ; udakaṃ maññe ādittaṃ; ayyenamhi dabbena mallaputtena dūsitā’’ti.

    ๑๙๓. อถ โข ภควา เอตสฺมิํ นิทาเน เอตสฺมิํ ปกรเณ ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาตาเปตฺวา อายสฺมนฺตํ ทพฺพํ มลฺลปุตฺตํ ปฎิปุจฺฉิ – ‘‘สรสิ ตฺวํ, ทพฺพ, เอวรูปํ กตฺตา ยถายํ ภิกฺขุนี อาหา’’ติ? ‘‘ยถา มํ, ภเนฺต, ภควา ชานาตี’’ติฯ ทุติยมฺปิ โข ภควา อายสฺมนฺตํ ทพฺพํ มลฺลปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สรสิ ตฺวํ, ทพฺพ, เอวรูปํ กตฺตา ยถายํ ภิกฺขุนี อาหา’’ติ? ‘‘ยถา มํ, ภเนฺต, ภควา ชานาตี’’ติฯ ตติยมฺปิ โข ภควา อายสฺมนฺตํ ทพฺพํ มลฺลปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สรสิ ตฺวํ, ทพฺพ, เอวรูปํ กตฺตา ยถายํ ภิกฺขุนี อาหา’’ติ? ‘‘ยถา มํ, ภเนฺต, ภควา ชานาตี’’ติฯ ‘‘น โข, ทพฺพ, ทพฺพา เอวํ นิเพฺพเฐนฺติฯ สเจ ตยา กตํ กตนฺติ วเทหิฯ สเจ อกตํ อกตนฺติ วเทหี’’ติฯ ‘‘ยโตหํ, ภเนฺต, ชาโต นาภิชานามิ สุปินเนฺตนปิ เมถุนํ ธมฺมํ ปฎิเสวิตา, ปเคว ชาคโร’’ติฯ อถ โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, เมตฺติยํ ภิกฺขุนิํ นาเสถฯ อิเม จ ภิกฺขู อนุยุญฺชถา’’ติฯ อิทํ วตฺวา ภควา อุฎฺฐายาสนา วิหารํ ปาวิสิฯ

    193. Atha kho bhagavā etasmiṃ nidāne etasmiṃ pakaraṇe bhikkhusaṅghaṃ sannipātāpetvā āyasmantaṃ dabbaṃ mallaputtaṃ paṭipucchi – ‘‘sarasi tvaṃ, dabba, evarūpaṃ kattā yathāyaṃ bhikkhunī āhā’’ti? ‘‘Yathā maṃ, bhante, bhagavā jānātī’’ti. Dutiyampi kho bhagavā āyasmantaṃ dabbaṃ mallaputtaṃ etadavoca – ‘‘sarasi tvaṃ, dabba, evarūpaṃ kattā yathāyaṃ bhikkhunī āhā’’ti? ‘‘Yathā maṃ, bhante, bhagavā jānātī’’ti. Tatiyampi kho bhagavā āyasmantaṃ dabbaṃ mallaputtaṃ etadavoca – ‘‘sarasi tvaṃ, dabba, evarūpaṃ kattā yathāyaṃ bhikkhunī āhā’’ti? ‘‘Yathā maṃ, bhante, bhagavā jānātī’’ti. ‘‘Na kho, dabba, dabbā evaṃ nibbeṭhenti. Sace tayā kataṃ katanti vadehi. Sace akataṃ akatanti vadehī’’ti. ‘‘Yatohaṃ, bhante, jāto nābhijānāmi supinantenapi methunaṃ dhammaṃ paṭisevitā, pageva jāgaro’’ti. Atha kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘tena hi, bhikkhave, mettiyaṃ bhikkhuniṃ nāsetha. Ime ca bhikkhū anuyuñjathā’’ti. Idaṃ vatvā bhagavā uṭṭhāyāsanā vihāraṃ pāvisi.

    อถ โข เต ภิกฺขู เมตฺติยํ ภิกฺขุนิํ นาเสสุํฯ อถ โข เมตฺติยภูมชกา ภิกฺขู เต ภิกฺขู เอตทโวจุํ – ‘‘มาวุโส, เมตฺติยํ ภิกฺขุนิํ นาเสถ, น สา กิญฺจิ อปรชฺฌติ; อเมฺหหิ สา อุสฺสาหิตา กุปิเตหิ อนตฺตมเนหิ จาวนาธิปฺปาเยหี’’ติฯ ‘‘กิํ ปน ตุเมฺห, อาวุโส, อายสฺมนฺตํ ทพฺพํ มลฺลปุตฺตํ อมูลิกาย สีลวิปตฺติยา อนุทฺธํเสถา’’ติ? ‘‘เอวมาวุโส’’ติฯ เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา…เป.… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม เมตฺติยภูมชกา ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ ทพฺพํ มลฺลปุตฺตํ อมูลิกาย สีลวิปตฺติยา อนุทฺธํเสสฺสนฺตี’’ติ! อถ โข เต ภิกฺขู ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ …เป.… ‘‘สจฺจํ กิร, ภิกฺขเว, เมตฺติยภูมชกา ภิกฺขู ทพฺพํ มลฺลปุตฺตํ อมูลิกาย สีลวิปตฺติยา อนุทฺธํเสนฺตี’’ติ? ‘‘สจฺจํ ภควา’’ติ…เป.… วิครหิตฺวา…เป.… ธมฺมิํ กถํ กตฺวา ภิกฺขู อามเนฺตสิ –

    Atha kho te bhikkhū mettiyaṃ bhikkhuniṃ nāsesuṃ. Atha kho mettiyabhūmajakā bhikkhū te bhikkhū etadavocuṃ – ‘‘māvuso, mettiyaṃ bhikkhuniṃ nāsetha, na sā kiñci aparajjhati; amhehi sā ussāhitā kupitehi anattamanehi cāvanādhippāyehī’’ti. ‘‘Kiṃ pana tumhe, āvuso, āyasmantaṃ dabbaṃ mallaputtaṃ amūlikāya sīlavipattiyā anuddhaṃsethā’’ti? ‘‘Evamāvuso’’ti. Ye te bhikkhū appicchā…pe… te ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma mettiyabhūmajakā bhikkhū āyasmantaṃ dabbaṃ mallaputtaṃ amūlikāya sīlavipattiyā anuddhaṃsessantī’’ti! Atha kho te bhikkhū bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ …pe… ‘‘saccaṃ kira, bhikkhave, mettiyabhūmajakā bhikkhū dabbaṃ mallaputtaṃ amūlikāya sīlavipattiyā anuddhaṃsentī’’ti? ‘‘Saccaṃ bhagavā’’ti…pe… vigarahitvā…pe… dhammiṃ kathaṃ katvā bhikkhū āmantesi –

    ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, สโงฺฆ ทพฺพสฺส มลฺลปุตฺตสฺส สติเวปุลฺลปฺปตฺตสฺส สติวินยํ เทตุฯ เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, ทาตโพฺพ – ‘‘เตน, ภิกฺขเว, ทเพฺพน มลฺลปุเตฺตน สงฺฆํ อุปสงฺกมิตฺวา, เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา, วุฑฺฒานํ ภิกฺขูนํ ปาเท วนฺทิตฺวา, อุกฺกุฎิกํ นิสีทิตฺวา, อญฺชลิํ ปคฺคเหตฺวา, เอวมสฺส วจนีโย – ‘อิเม มํ, ภเนฺต, เมตฺติยภูมชกา ภิกฺขู อมูลิกาย สีลวิปตฺติยา อนุทฺธํเสนฺติฯ โสหํ, ภเนฺต, สติเวปุลฺลปฺปโตฺต สงฺฆํ สติวินยํ ยาจามี’ติฯ ทุติยมฺปิ ยาจิตโพฺพฯ ตติยมฺปิ ยาจิตโพฺพ – ‘อิเม มํ, ภเนฺต เมตฺติยภูมชกา ภิกฺขู อมูลิกาย สีลวิปตฺติยา อนุทฺธํเสนฺติฯ โสหํ 35 สติเวปุลฺลปฺปโตฺต ตติยมฺปิ, ภเนฺต, สงฺฆํ สติวินยํ ยาจามี’ติฯ ‘‘พฺยเตฺตน ภิกฺขุนา ปฎิพเลน สโงฺฆ ญาเปตโพฺพ –

    ‘‘Tena hi, bhikkhave, saṅgho dabbassa mallaputtassa sativepullappattassa sativinayaṃ detu. Evañca pana, bhikkhave, dātabbo – ‘‘tena, bhikkhave, dabbena mallaputtena saṅghaṃ upasaṅkamitvā, ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ karitvā, vuḍḍhānaṃ bhikkhūnaṃ pāde vanditvā, ukkuṭikaṃ nisīditvā, añjaliṃ paggahetvā, evamassa vacanīyo – ‘ime maṃ, bhante, mettiyabhūmajakā bhikkhū amūlikāya sīlavipattiyā anuddhaṃsenti. Sohaṃ, bhante, sativepullappatto saṅghaṃ sativinayaṃ yācāmī’ti. Dutiyampi yācitabbo. Tatiyampi yācitabbo – ‘ime maṃ, bhante mettiyabhūmajakā bhikkhū amūlikāya sīlavipattiyā anuddhaṃsenti. Sohaṃ 36 sativepullappatto tatiyampi, bhante, saṅghaṃ sativinayaṃ yācāmī’ti. ‘‘Byattena bhikkhunā paṭibalena saṅgho ñāpetabbo –

    ๑๙๔. สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ อิเม เมตฺติยภูมชกา ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ ทพฺพํ มลฺลปุตฺตํ อมูลิกาย สีลวิปตฺติยา อนุทฺธํเสนฺติฯ อายสฺมา ทโพฺพ มลฺลปุโตฺต สติเวปุลฺลปฺปโตฺต สงฺฆํ สติวินยํ ยาจติฯ ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สโงฺฆ อายสฺมโต ทพฺพสฺส มลฺลปุตฺตสฺส สติเวปุลฺลปฺปตฺตสฺส สติวินยํ ทเทยฺยฯ เอสา ญตฺติฯ

    194. Suṇātu me, bhante, saṅgho. Ime mettiyabhūmajakā bhikkhū āyasmantaṃ dabbaṃ mallaputtaṃ amūlikāya sīlavipattiyā anuddhaṃsenti. Āyasmā dabbo mallaputto sativepullappatto saṅghaṃ sativinayaṃ yācati. Yadi saṅghassa pattakallaṃ, saṅgho āyasmato dabbassa mallaputtassa sativepullappattassa sativinayaṃ dadeyya. Esā ñatti.

    ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ อิเม เมตฺติยภูมชกา ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ ทพฺพํ มลฺลปุตฺตํ อมูลิกาย สีลวิปตฺติยา อนุทฺธํเสนฺติฯ อายสฺมา ทโพฺพ มลฺลปุโตฺต สติเวปุลฺลปฺปโตฺต สงฺฆํ สติวินยํ ยาจติฯ สโงฺฆ อายสฺมโต ทพฺพสฺส มลฺลปุตฺตสฺส สติเวปุลฺลปฺปตฺตสฺส สติวินยํ เทติฯ ยสฺสายสฺมโต ขมติ อายสฺมโต ทพฺพสฺส มลฺลปุตฺตสฺส สติเวปุลฺลปฺปตฺตสฺส สติวินยสฺส ทานํ, โส ตุณฺหสฺส; ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺยฯ

    ‘‘Suṇātu me, bhante, saṅgho. Ime mettiyabhūmajakā bhikkhū āyasmantaṃ dabbaṃ mallaputtaṃ amūlikāya sīlavipattiyā anuddhaṃsenti. Āyasmā dabbo mallaputto sativepullappatto saṅghaṃ sativinayaṃ yācati. Saṅgho āyasmato dabbassa mallaputtassa sativepullappattassa sativinayaṃ deti. Yassāyasmato khamati āyasmato dabbassa mallaputtassa sativepullappattassa sativinayassa dānaṃ, so tuṇhassa; yassa nakkhamati, so bhāseyya.

    ‘‘ทุติยมฺปิ เอตมตฺถํ วทามิ…เป.… ตติยมฺปิ เอตมตฺถํ วทามิ – สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ อิเม เมตฺติยภูมชกา ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ ทพฺพํ มลฺลปุตฺตํ อมูลิกาย สีลวิปตฺติยา อนุทฺธํเสนฺติฯ อายสฺมา ทโพฺพ มลฺลปุโตฺต สติเวปุลฺลปฺปโตฺต สงฺฆํ สติวินยํ ยาจติฯ สโงฺฆ อายสฺมโต ทพฺพสฺส มลฺลปุตฺตสฺส สติเวปุลฺลปฺปตฺตสฺส สติวินยํ เทติฯ ยสฺสายสฺมโต ขมติ อายสฺมโต ทพฺพสฺส มลฺลปุตฺตสฺส สติเวปุลฺลปฺปตฺตสฺส สติวินยสฺส ทานํ, โส ตุณฺหสฺส; ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺยฯ

    ‘‘Dutiyampi etamatthaṃ vadāmi…pe… tatiyampi etamatthaṃ vadāmi – suṇātu me, bhante, saṅgho. Ime mettiyabhūmajakā bhikkhū āyasmantaṃ dabbaṃ mallaputtaṃ amūlikāya sīlavipattiyā anuddhaṃsenti. Āyasmā dabbo mallaputto sativepullappatto saṅghaṃ sativinayaṃ yācati. Saṅgho āyasmato dabbassa mallaputtassa sativepullappattassa sativinayaṃ deti. Yassāyasmato khamati āyasmato dabbassa mallaputtassa sativepullappattassa sativinayassa dānaṃ, so tuṇhassa; yassa nakkhamati, so bhāseyya.

    ‘‘ทิโนฺน สเงฺฆน อายสฺมโต ทพฺพสฺส มลฺลปุตฺตสฺส สติเวปุลฺลปฺปตฺตสฺส สติวินโยฯ ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติฯ

    ‘‘Dinno saṅghena āyasmato dabbassa mallaputtassa sativepullappattassa sativinayo. Khamati saṅghassa, tasmā tuṇhī, evametaṃ dhārayāmī’’ti.

    ๑๙๕. ‘‘ปญฺจิมานิ, ภิกฺขเว, ธมฺมิกานิ สติวินยสฺส ทานานิฯ สุโทฺธ โหติ ภิกฺขุ อนาปตฺติโก, อนุวทนฺติ จ นํ, ยาจติ จ, ตสฺส สโงฺฆ สติวินยํ เทติ ธเมฺมน สมเคฺคน – อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ปญฺจ ธมฺมิกานิ สติวินยสฺส ทานานี’’ติฯ

    195. ‘‘Pañcimāni, bhikkhave, dhammikāni sativinayassa dānāni. Suddho hoti bhikkhu anāpattiko, anuvadanti ca naṃ, yācati ca, tassa saṅgho sativinayaṃ deti dhammena samaggena – imāni kho, bhikkhave, pañca dhammikāni sativinayassa dānānī’’ti.







    Footnotes:
    1. อิทํ วตฺถุ ปารา. ๓๘๐ อาทโย
    2. อุตฺตริํ (สี.)
    3. idaṃ vatthu pārā. 380 ādayo
    4. uttariṃ (sī.)
    5. อุทฺทิสาติ (ปารา. ๓๘๐)
    6. ทโพฺพ ยาจิตโพฺพ (สฺยา. ก.)
    7. uddisāti (pārā. 380)
    8. dabbo yācitabbo (syā. ka.)
    9. กายทฑฺฒิพหุลา (สี.)
    10. kāyadaḍḍhibahulā (sī.)
    11. โคมฎกนฺทรายํ (สฺยา. กํ.)
    12. กโปตกนฺทรายํ (ก.)
    13. gomaṭakandarāyaṃ (syā. kaṃ.)
    14. kapotakandarāyaṃ (ka.)
    15. พิโมฺพหนํ (สี. สฺยา. กํ.)
    16. bimbohanaṃ (sī. syā. kaṃ.)
    17. เมตฺติยภุมฺมชกา (สี. สฺยา. กํ.)
    18. ยถารทฺธํ (สฺยา.)
    19. กิํ นาโหสิ (สฺยา. กํ.)
    20. mettiyabhummajakā (sī. syā. kaṃ.)
    21. yathāraddhaṃ (syā.)
    22. kiṃ nāhosi (syā. kaṃ.)
    23. นิสีทาเปยฺยามาติ (ก.)
    24. กาณาชเกน (สฺยา. กํ.)
    25. สนฺติเก ปริภินฺนาติ (สฺยา. กํ.)
    26. nisīdāpeyyāmāti (ka.)
    27. kāṇājakena (syā. kaṃ.)
    28. santike paribhinnāti (syā. kaṃ.)
    29. ตโต ปวาตํ (สี. สฺยา. กํ.)
    30. ปฎิสฺสุณิตฺวา (สฺยา. กํ.)
    31. สา เมตฺติยา (สฺยา. ก.)
    32. tato pavātaṃ (sī. syā. kaṃ.)
    33. paṭissuṇitvā (syā. kaṃ.)
    34. sā mettiyā (syā. ka.)
    35. โสหํ ภเนฺต (ก.)
    36. sohaṃ bhante (ka.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / จูฬวคฺค-อฎฺฐกถา • Cūḷavagga-aṭṭhakathā / สติวินยกถา • Sativinayakathā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / สติวินยาทิกถาวณฺณนา • Sativinayādikathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / สติวินยกถาวณฺณนา • Sativinayakathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / สติวินยกถาทิวณฺณนา • Sativinayakathādivaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๒. สติวินยกถา • 2. Sativinayakathā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact