Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อุทานปาฬิ • Udānapāḷi |
๒. สตฺตชฎิลสุตฺตํ
2. Sattajaṭilasuttaṃ
๕๒. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ ปุพฺพาราเม มิคารมาตุปาสาเทฯ เตน โข ปน สมเยน ภควา สายนฺหสมยํ ปฎิสลฺลานา วุฎฺฐิโต พหิทฺวารโกฎฺฐเก นิสิโนฺน โหติฯ อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ
52. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati pubbārāme migāramātupāsāde. Tena kho pana samayena bhagavā sāyanhasamayaṃ paṭisallānā vuṭṭhito bahidvārakoṭṭhake nisinno hoti. Atha kho rājā pasenadi kosalo yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi.
เตน โข ปน สมเยน สตฺต จ ชฎิลา, สตฺต จ นิคณฺฐา, สตฺต จ อเจลกา, สตฺต จ เอกสาฎกา, สตฺต จ ปริพฺพาชกา, ปรูฬฺหกจฺฉนขโลมา ขาริวิวิธมาทาย 1 ภควโต อวิทูเร อติกฺกมนฺติฯ
Tena kho pana samayena satta ca jaṭilā, satta ca nigaṇṭhā, satta ca acelakā, satta ca ekasāṭakā, satta ca paribbājakā, parūḷhakacchanakhalomā khārivividhamādāya 2 bhagavato avidūre atikkamanti.
อทฺทสา โข ราชา ปเสนทิ โกสโล เต สตฺต จ ชฎิเล, สตฺต จ นิคเณฺฐ, สตฺต จ อเจลเก, สตฺต จ เอกสาฎเก, สตฺต จ ปริพฺพาชเก , ปรูฬฺหกจฺฉนขโลเม ขาริวิวิธมาทาย ภควโต อวิทูเร อติกฺกมเนฺตฯ ทิสฺวาน อุฎฺฐายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา ทกฺขิณชาณุมณฺฑลํ ปถวิยํ 3 นิหนฺตฺวา เยน เต สตฺต จ ชฎิลา, สตฺต จ นิคณฺฐา, สตฺต จ อเจลกา, สตฺต จ เอกสาฎกา, สตฺต จ ปริพฺพาชกา, เตนญฺชลิํ ปณาเมตฺวา ติกฺขตฺตุํ นามํ สาเวสิ – ‘‘ราชาหํ, ภเนฺต, ปเสนทิ โกสโล; ราชาหํ, ภเนฺต, ปเสนทิ โกสโล; ราชาหํ, ภเนฺต, ปเสนทิ โกสโล’’ติฯ
Addasā kho rājā pasenadi kosalo te satta ca jaṭile, satta ca nigaṇṭhe, satta ca acelake, satta ca ekasāṭake, satta ca paribbājake , parūḷhakacchanakhalome khārivividhamādāya bhagavato avidūre atikkamante. Disvāna uṭṭhāyāsanā ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ karitvā dakkhiṇajāṇumaṇḍalaṃ pathaviyaṃ 4 nihantvā yena te satta ca jaṭilā, satta ca nigaṇṭhā, satta ca acelakā, satta ca ekasāṭakā, satta ca paribbājakā, tenañjaliṃ paṇāmetvā tikkhattuṃ nāmaṃ sāvesi – ‘‘rājāhaṃ, bhante, pasenadi kosalo; rājāhaṃ, bhante, pasenadi kosalo; rājāhaṃ, bhante, pasenadi kosalo’’ti.
อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล อจิรปกฺกเนฺตสุ เตสุ สตฺตสุ จ ชฎิเลสุ, สตฺตสุ จ นิคเณฺฐสุ, สตฺตสุ จ อเจลเกสุ, สตฺตสุ จ เอกสาฎเกสุ, สตฺตสุ จ ปริพฺพาชเกสุ, เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เย โข 5 ภเนฺต, โลเก อรหโนฺต วา อรหตฺตมคฺคํ วา สมาปนฺนา เอเต เตสํ อญฺญตเร’’ติ 6ฯ
Atha kho rājā pasenadi kosalo acirapakkantesu tesu sattasu ca jaṭilesu, sattasu ca nigaṇṭhesu, sattasu ca acelakesu, sattasu ca ekasāṭakesu, sattasu ca paribbājakesu, yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho rājā pasenadi kosalo bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘ye kho 7 bhante, loke arahanto vā arahattamaggaṃ vā samāpannā ete tesaṃ aññatare’’ti 8.
‘‘ทุชฺชานํ โข เอตํ, มหาราช, ตยา คิหินา กามโภคินา ปุตฺตสมฺพาธสยนํ อชฺฌาวสเนฺตน กาสิกจนฺทนํ ปจฺจนุโภเนฺตน มาลาคนฺธวิเลปนํ ธารยเนฺตน ชาตรูปรชตํ สาทิยเนฺตน – อิเม วา อรหโนฺต, อิเม วา อรหตฺตมคฺคํ สมาปนฺนาติฯ
‘‘Dujjānaṃ kho etaṃ, mahārāja, tayā gihinā kāmabhoginā puttasambādhasayanaṃ ajjhāvasantena kāsikacandanaṃ paccanubhontena mālāgandhavilepanaṃ dhārayantena jātarūparajataṃ sādiyantena – ime vā arahanto, ime vā arahattamaggaṃ samāpannāti.
‘‘สํวาเสน โข, มหาราช, สีลํ เวทิตพฺพํฯ ตญฺจ โข ทีเฆน อทฺธุนา น อิตฺตรํ 9, มนสิกโรตา โน อมนสิกโรตา, ปญฺญวตา โน ทุปฺปเญฺญนฯ สํโวหาเรน โข, มหาราช, โสเจยฺยํ เวทิตพฺพํฯ ตญฺจ โข ทีเฆน อทฺธุนา น อิตฺตรํ, มนสิกโรตา โน อมนสิกโรตา, ปญฺญวตา โน ทุปฺปเญฺญนฯ อาปทาสุ โข, มหาราช, ถาโม เวทิตโพฺพฯ โส จ โข ทีเฆน อทฺธุนา น อิตฺตรํ, มนสิกโรตา โน อมนสิกโรตา, ปญฺญวตา โน ทุปฺปเญฺญนฯ สากจฺฉาย โข, มหาราช, ปญฺญา เวทิตพฺพาฯ สา จ โข ทีเฆน อทฺธุนา น อิตฺตรํ, มนสิกโรตา โน อมนสิกโรตา, ปญฺญวตา โน ทุปฺปเญฺญนา’’ติ ฯ
‘‘Saṃvāsena kho, mahārāja, sīlaṃ veditabbaṃ. Tañca kho dīghena addhunā na ittaraṃ 10, manasikarotā no amanasikarotā, paññavatā no duppaññena. Saṃvohārena kho, mahārāja, soceyyaṃ veditabbaṃ. Tañca kho dīghena addhunā na ittaraṃ, manasikarotā no amanasikarotā, paññavatā no duppaññena. Āpadāsu kho, mahārāja, thāmo veditabbo. So ca kho dīghena addhunā na ittaraṃ, manasikarotā no amanasikarotā, paññavatā no duppaññena. Sākacchāya kho, mahārāja, paññā veditabbā. Sā ca kho dīghena addhunā na ittaraṃ, manasikarotā no amanasikarotā, paññavatā no duppaññenā’’ti .
‘‘อจฺฉริยํ, ภเนฺต, อพฺภุตํ, ภเนฺต! ยาว สุภาสิตํ จิทํ 11, ภเนฺต, ภควตา – ‘ทุชฺชานํ โข เอตํ, มหาราช, ตยา คิหินา ปุตฺตสมฺพาธสยนํ อชฺฌาวสเนฺตน กาสิกจนฺทนํ ปจฺจนุโภเนฺตน มาลาคนฺธวิเลปนํ ธารยเนฺตน ชาตรูปรชตํ สาทิยเนฺตน – อิเม วา อรหโนฺต, อิเม วา อรหตฺตมคฺคํ สมาปนฺนาติฯ สํวาเสน โข, มหาราช, สีลํ เวทิตพฺพํ…เป.… สากจฺฉาย โข, มหาราช, ปญฺญา เวทิตพฺพาฯ สา จ โข ทีเฆน อทฺธุนา น อิตฺตรํ, มนสิกโรตา โน อมนสิกโรตา, ปญฺญวตา โน ทุปฺปเญฺญนา’’’ติฯ
‘‘Acchariyaṃ, bhante, abbhutaṃ, bhante! Yāva subhāsitaṃ cidaṃ 12, bhante, bhagavatā – ‘dujjānaṃ kho etaṃ, mahārāja, tayā gihinā puttasambādhasayanaṃ ajjhāvasantena kāsikacandanaṃ paccanubhontena mālāgandhavilepanaṃ dhārayantena jātarūparajataṃ sādiyantena – ime vā arahanto, ime vā arahattamaggaṃ samāpannāti. Saṃvāsena kho, mahārāja, sīlaṃ veditabbaṃ…pe… sākacchāya kho, mahārāja, paññā veditabbā. Sā ca kho dīghena addhunā na ittaraṃ, manasikarotā no amanasikarotā, paññavatā no duppaññenā’’’ti.
อถ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
Atha kho bhagavā etamatthaṃ viditvā tāyaṃ velāyaṃ imaṃ udānaṃ udānesi –
‘‘น วายเมยฺย สพฺพตฺถ, นาญฺญสฺส ปุริโส สิยา;
‘‘Na vāyameyya sabbattha, nāññassa puriso siyā;
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ขุทฺทกนิกาย (อฎฺฐกถา) • Khuddakanikāya (aṭṭhakathā) / อุทาน-อฎฺฐกถา • Udāna-aṭṭhakathā / ๒. สตฺตชฎิลสุตฺตวณฺณนา • 2. Sattajaṭilasuttavaṇṇanā