Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) |
๒. ทุติยวโคฺค
2. Dutiyavaggo
๑. สตฺตชฎิลสุตฺตวณฺณนา
1. Sattajaṭilasuttavaṇṇanā
๑๒๒. ทุติยวคฺคสฺส ปฐเม ปุพฺพาราเม มิคารมาตุปาสาเทติ ปุพฺพารามสงฺขาเต วิหาเร มิคารมาตุยา ปาสาเทฯ ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา – อตีเต สตสหสฺสกปฺปมตฺถเก เอกา อุปาสิกา ปทุมุตฺตรํ ภควนฺตํ นิมเนฺตตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สตสหสฺสทานํ ทตฺวา ภควโต ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา – ‘‘อนาคเต ตุมฺหาทิสสฺส พุทฺธสฺส อคฺคุปฎฺฐายิกา โหมี’’ติ ปตฺถนํ อกาสิฯ สา กปฺปสตสหสฺสํ เทเวสุ จ มนุเสฺสสุ จ สํสริตฺวา อมฺหากํ ภควโต กาเล ภทฺทิยนคเร เมณฺฑกปุตฺตสฺส ธนญฺจยเสฎฺฐิโน เคเห สุมนเทวิยา กุจฺฉิสฺมิํ ปฎิสนฺธิํ คณฺหิ ฯ ชาตกาเล จสฺสา วิสาขาติ นามํ อกํสุฯ สา ยทา ภควา ภทฺทิยนครํ อคมาสิ, ตทา ปญฺจหิ ทาริกาสเตหิ สทฺธิํ ภควโต ปจฺจุคฺคมนํ คตา ปฐมทสฺสนมฺหิเยว โสตาปนฺนา อโหสิฯ อปรภาเค สาวตฺถิยํ มิคารเสฎฺฐิปุตฺตสฺส ปุณฺณวฑฺฒนกุมารสฺส เคหํ คตาฯ ตตฺถ นํ มิคารเสฎฺฐิ มาติฎฺฐาเน ฐเปสิ, ตสฺมา มิคารมาตาติ วุจฺจติฯ ตาย การิเต ปาสาเทฯ
122. Dutiyavaggassa paṭhame pubbārāme migāramātupāsādeti pubbārāmasaṅkhāte vihāre migāramātuyā pāsāde. Tatrāyaṃ anupubbikathā – atīte satasahassakappamatthake ekā upāsikā padumuttaraṃ bhagavantaṃ nimantetvā buddhappamukhassa bhikkhusaṅghassa satasahassadānaṃ datvā bhagavato pādamūle nipajjitvā – ‘‘anāgate tumhādisassa buddhassa aggupaṭṭhāyikā homī’’ti patthanaṃ akāsi. Sā kappasatasahassaṃ devesu ca manussesu ca saṃsaritvā amhākaṃ bhagavato kāle bhaddiyanagare meṇḍakaputtassa dhanañcayaseṭṭhino gehe sumanadeviyā kucchismiṃ paṭisandhiṃ gaṇhi . Jātakāle cassā visākhāti nāmaṃ akaṃsu. Sā yadā bhagavā bhaddiyanagaraṃ agamāsi, tadā pañcahi dārikāsatehi saddhiṃ bhagavato paccuggamanaṃ gatā paṭhamadassanamhiyeva sotāpannā ahosi. Aparabhāge sāvatthiyaṃ migāraseṭṭhiputtassa puṇṇavaḍḍhanakumārassa gehaṃ gatā. Tattha naṃ migāraseṭṭhi mātiṭṭhāne ṭhapesi, tasmā migāramātāti vuccati. Tāya kārite pāsāde.
พหิ ทฺวารโกฎฺฐเกติ ปาสาททฺวารโกฎฺฐกสฺส พหิ, น วิหารทฺวารโกฎฺฐกสฺสฯ โส กิร ปาสาโท โลหปาสาโท วิย สมนฺตา จตุทฺวารโกฎฺฐกยุเตฺตน ปากาเรน ปริกฺขิโตฺตฯ เตสุ ปาจีนทฺวารโกฎฺฐกสฺส พหิ ปาสาทจฺฉายายํ ปาจีนโลกธาตุํ โอโลเกโนฺต ปญฺญเตฺต วรพุทฺธาสเน นิสิโนฺน โหติฯ
Bahi dvārakoṭṭhaketi pāsādadvārakoṭṭhakassa bahi, na vihāradvārakoṭṭhakassa. So kira pāsādo lohapāsādo viya samantā catudvārakoṭṭhakayuttena pākārena parikkhitto. Tesu pācīnadvārakoṭṭhakassa bahi pāsādacchāyāyaṃ pācīnalokadhātuṃ olokento paññatte varabuddhāsane nisinno hoti.
ปรูฬฺหกจฺฉนขโลมาติ ปรูฬฺหกจฺฉา ปรูฬฺหนขา ปรูฬฺหโลมา, กจฺฉาทีสุ ทีฆโลมา ทีฆนขา จาติ อโตฺถฯ ขาริวิวิธนฺติ วิวิธขาริํ นานปฺปการกํ ปพฺพชิตปริกฺขารภณฺฑกํฯ อวิทูเร อติกฺกมนฺตีติ อวิทูรมเคฺคน นครํ ปวิสนฺติฯ ราชาหํ , ภเนฺตติ อหํ, ภเนฺต, ราชา ปเสนทิ โกสโล, มยฺหํ นามํ ตุเมฺห ชานาถาติฯ กสฺมา ปน ราชา โลเก อคฺคปุคฺคลสฺส สนฺติเก นิสิโนฺน เอวรูปานํ นคฺคโภคฺคนิสฺสิริกานํ อญฺชลิํ ปคฺคณฺหาตีติฯ สงฺคณฺหนตฺถายฯ เอวํ หิสฺส อโหสิ – ‘‘สจาหํ เอตฺตกมฺปิ เอเตสํ น กริสฺสามิ , ‘มยํ ปุตฺตทารํ ปหาย เอตสฺสตฺถาย ทุโพฺภชนทุกฺขเสยฺยาทีนิ อนุโภม, อยํ อมฺหากํ อญฺชลิมตฺตมฺปิ น กโรตี’ติ อตฺตนา ทิฎฺฐํ สุตํ ปฎิจฺฉาเทตฺวา น กเถยฺยุํฯ เอวํ กเต ปน อนิคูหิตฺวา กเถสฺสนฺตี’’ติฯ ตสฺมา เอวมกาสิฯ อปิจ สตฺถุ อชฺฌาสยชานนตฺถํ เอวมกาสิฯ
Parūḷhakacchanakhalomāti parūḷhakacchā parūḷhanakhā parūḷhalomā, kacchādīsu dīghalomā dīghanakhā cāti attho. Khārivividhanti vividhakhāriṃ nānappakārakaṃ pabbajitaparikkhārabhaṇḍakaṃ. Avidūre atikkamantīti avidūramaggena nagaraṃ pavisanti. Rājāhaṃ, bhanteti ahaṃ, bhante, rājā pasenadi kosalo, mayhaṃ nāmaṃ tumhe jānāthāti. Kasmā pana rājā loke aggapuggalassa santike nisinno evarūpānaṃ naggabhogganissirikānaṃ añjaliṃ paggaṇhātīti. Saṅgaṇhanatthāya. Evaṃ hissa ahosi – ‘‘sacāhaṃ ettakampi etesaṃ na karissāmi , ‘mayaṃ puttadāraṃ pahāya etassatthāya dubbhojanadukkhaseyyādīni anubhoma, ayaṃ amhākaṃ añjalimattampi na karotī’ti attanā diṭṭhaṃ sutaṃ paṭicchādetvā na katheyyuṃ. Evaṃ kate pana anigūhitvā kathessantī’’ti. Tasmā evamakāsi. Apica satthu ajjhāsayajānanatthaṃ evamakāsi.
กาสิกจนฺทนนฺติ สณฺหจนฺทนํฯ มาลาคนฺธวิเลปนนฺติ วณฺณคนฺธตฺถาย มาลํ, สุคนฺธภาวตฺถาย คนฺธํ, วณฺณคนฺธตฺถาย วิเลปนญฺจ ธาเรเนฺตนฯ
Kāsikacandananti saṇhacandanaṃ. Mālāgandhavilepananti vaṇṇagandhatthāya mālaṃ, sugandhabhāvatthāya gandhaṃ, vaṇṇagandhatthāya vilepanañca dhārentena.
สํวาเสนาติ สหวาเสนฯ สีลํ เวทิตพฺพนฺติ อยํ สุสีโล วา ทุสฺสีโล วาติ สํวสเนฺตน อุปสงฺกมเนฺตน ชานิตโพฺพฯ ตญฺจ โข ทีเฆน อทฺธุนา น อิตฺตรนฺติ ตญฺจ สีลํ ทีเฆน กาเลน เวทิตพฺพํ, น อิตฺตเรนฯ ทฺวีหตีหญฺหิ สํยตากาโร จ สํวุตินฺทฺริยากาโร จ น สกฺกา ทเสฺสตุํฯ มนสิกโรตาติ สีลมสฺส ปริคฺคเหสฺสามีติ มนสิกโรเนฺตน ปจฺจเวกฺขเนฺตเนว สกฺกา ชานิตุํ, น อิตเรนฯ ปญฺญวตาติ ตมฺปิ สปฺปเญฺญเนว ปณฺฑิเตนฯ พาโล หิ มนสิกโรโนฺตปิ ชานิตุํ น สโกฺกติฯ
Saṃvāsenāti sahavāsena. Sīlaṃ veditabbanti ayaṃ susīlo vā dussīlo vāti saṃvasantena upasaṅkamantena jānitabbo. Tañca kho dīghena addhunā na ittaranti tañca sīlaṃ dīghena kālena veditabbaṃ, na ittarena. Dvīhatīhañhi saṃyatākāro ca saṃvutindriyākāro ca na sakkā dassetuṃ. Manasikarotāti sīlamassa pariggahessāmīti manasikarontena paccavekkhanteneva sakkā jānituṃ, na itarena. Paññavatāti tampi sappaññeneva paṇḍitena. Bālo hi manasikarontopi jānituṃ na sakkoti.
สํโวหาเรนาติ กถเนนฯ
Saṃvohārenāti kathanena.
‘‘โย หิ โกจิ มนุเสฺสสุ, โวหารํ อุปชีวติ;
‘‘Yo hi koci manussesu, vohāraṃ upajīvati;
เอวํ วาเสฎฺฐ ชานาหิ, วาณิโช โส น พฺราหฺมโณ’’ติฯ (ม. นิ. ๒.๔๕๗) –
Evaṃ vāseṭṭha jānāhi, vāṇijo so na brāhmaṇo’’ti. (ma. ni. 2.457) –
เอตฺถ หิ พฺยวหาโร โวหาโร นามฯ ‘‘จตฺตาโร อริยโวหารา จตฺตาโร อนริยโวหารา’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๑๓) เอตฺถ เจตนาฯ ‘‘สงฺขา สมญฺญา ปญฺญตฺติ โวหาโร’’ติ (ธ. ส. ๑๓๑๓-๑๓๑๕) เอตฺถ ปญฺญตฺติฯ ‘‘โวหารมเตฺตน โส โวหเรยฺยา’’ติ (สํ. นิ. ๑.๒๕) เอตฺถ กถา โวหาโรฯ อิธาปิ เอโสว อธิเปฺปโตฯ เอกจฺจสฺส หิ สมฺมุขา กถา ปรมฺมุขาย กถาย น สเมติ, ปรมฺมุขา กถา จ สมฺมุขาย กถาย, ตถา ปุริมกถา จ ปจฺฉิมกถาย, ปจฺฉิมกถา จ ปุริมกถายฯ โส กเถเนฺตเนว สกฺกา ชานิตุํ ‘‘อสุจิ เอโส ปุคฺคโล’’ติฯ สุจิสีลสฺส ปน ปุริมํ ปจฺฉิเมน, ปจฺฉิมญฺจ ปุริเมน สเมติ, สมฺมุขากถิตํ ปรมฺมุขากถิเตน, ปรมฺมุขากถิตญฺจ สมฺมุขากถิเตน, ตสฺมา กเถเนฺตน สกฺกา สุจิภาโว ชานิตุนฺติ ปกาเสโนฺต เอวมาหฯ
Ettha hi byavahāro vohāro nāma. ‘‘Cattāro ariyavohārā cattāro anariyavohārā’’ti (dī. ni. 3.313) ettha cetanā. ‘‘Saṅkhā samaññā paññatti vohāro’’ti (dha. sa. 1313-1315) ettha paññatti. ‘‘Vohāramattena so vohareyyā’’ti (saṃ. ni. 1.25) ettha kathā vohāro. Idhāpi esova adhippeto. Ekaccassa hi sammukhā kathā parammukhāya kathāya na sameti, parammukhā kathā ca sammukhāya kathāya, tathā purimakathā ca pacchimakathāya, pacchimakathā ca purimakathāya. So kathenteneva sakkā jānituṃ ‘‘asuci eso puggalo’’ti. Sucisīlassa pana purimaṃ pacchimena, pacchimañca purimena sameti, sammukhākathitaṃ parammukhākathitena, parammukhākathitañca sammukhākathitena, tasmā kathentena sakkā sucibhāvo jānitunti pakāsento evamāha.
ถาโมติ ญาณถาโมฯ ยสฺส หิ ญาณถาโม นตฺถิ, โส อุปฺปเนฺนสุ อุปทฺทเวสุ คเหตพฺพคฺคหณํ กตพฺพกิจฺจํ อปสฺสโนฺต อทฺวารฆรํ ปวิโฎฺฐ วิย จรติฯ เตนาห อาปทาสุ โข, มหาราช, ถาโม เวทิตโพฺพติฯ สากจฺฉายาติ สํกถายฯ ทุปฺปญฺญสฺส หิ กถา อุทเก เคณฺฑุ วิย อุปฺปลวติ, ปญฺญวโต กเถนฺตสฺส ปฎิภานํ อนนฺตรํ โหติฯ อุทกวิปฺผนฺทิเตเนว หิ มโจฺฉ ขุทฺทโก วา มหโนฺต วาติ ญายติฯ โอจรกาติ เหฎฺฐาจรกาฯ จรา หิ ปพฺพตมตฺถเกน จรนฺตาปิ เหฎฺฐา – จรกาว โหนฺติฯ โอจริตฺวาติ อวจริตฺวา วีมํสิตฺวา, ตํ ตํ ปวตฺติํ ญตฺวาติ อโตฺถฯ รโชชลฺลนฺติ รชญฺจ ชลฺลญฺจฯ วณฺณรูเปนาติ วณฺณสณฺฐาเนนฯ อิตฺตรทสฺสเนนาติ ลหุกทสฺสเนนฯ วิยญฺชเนนาติ ปริกฺขารภณฺฑเกนฯ ปติรูปโก มตฺติกากุณฺฑโลวาติ สุวณฺณกุณฺฑลปติรูปโก มตฺติกากุณฺฑโลวฯ โลหฑฺฒมาโสติ โลหฑฺฒมาสโกฯ ปฐมํฯ
Thāmoti ñāṇathāmo. Yassa hi ñāṇathāmo natthi, so uppannesu upaddavesu gahetabbaggahaṇaṃ katabbakiccaṃ apassanto advāragharaṃ paviṭṭho viya carati. Tenāha āpadāsu kho, mahārāja, thāmo veditabboti. Sākacchāyāti saṃkathāya. Duppaññassa hi kathā udake geṇḍu viya uppalavati, paññavato kathentassa paṭibhānaṃ anantaraṃ hoti. Udakavipphanditeneva hi maccho khuddako vā mahanto vāti ñāyati. Ocarakāti heṭṭhācarakā. Carā hi pabbatamatthakena carantāpi heṭṭhā – carakāva honti. Ocaritvāti avacaritvā vīmaṃsitvā, taṃ taṃ pavattiṃ ñatvāti attho. Rajojallanti rajañca jallañca. Vaṇṇarūpenāti vaṇṇasaṇṭhānena. Ittaradassanenāti lahukadassanena. Viyañjanenāti parikkhārabhaṇḍakena. Patirūpako mattikākuṇḍalovāti suvaṇṇakuṇḍalapatirūpako mattikākuṇḍalova. Lohaḍḍhamāsoti lohaḍḍhamāsako. Paṭhamaṃ.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๑. สตฺตชฎิลสุตฺตํ • 1. Sattajaṭilasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๑. สตฺตชฎิลสุตฺตวณฺณนา • 1. Sattajaṭilasuttavaṇṇanā