Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๒. สตฺตสูริยสุตฺตํ
2. Sattasūriyasuttaṃ
๖๖. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา เวสาลิยํ วิหรติ อมฺพปาลิวเนฯ ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติฯ ‘‘ภทเนฺต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ –
66. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā vesāliyaṃ viharati ambapālivane. Tatra kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘bhikkhavo’’ti. ‘‘Bhadante’’ti te bhikkhū bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca –
‘‘อนิจฺจา , ภิกฺขเว, สงฺขารา; อธุวา, ภิกฺขเว, สงฺขารา; อนสฺสาสิกา, ภิกฺขเว, สงฺขาราฯ ยาวญฺจิทํ, ภิกฺขเว, อลเมว สพฺพสงฺขาเรสุ นิพฺพินฺทิตุํ อลํ วิรชฺชิตุํ อลํ วิมุจฺจิตุํฯ
‘‘Aniccā , bhikkhave, saṅkhārā; adhuvā, bhikkhave, saṅkhārā; anassāsikā, bhikkhave, saṅkhārā. Yāvañcidaṃ, bhikkhave, alameva sabbasaṅkhāresu nibbindituṃ alaṃ virajjituṃ alaṃ vimuccituṃ.
‘‘สิเนรุ, ภิกฺขเว, ปพฺพตราชา จตุราสีติโยชนสหสฺสานิ อายาเมน, จตุราสีติโยชนสหสฺสานิ วิตฺถาเรน, จตุราสีติโยชนสหสฺสานิ มหาสมุเทฺท อโชฺฌคาโฬฺห, จตุราสีติโยชนสหสฺสานิ มหาสมุทฺทา อจฺจุคฺคโตฯ โหติ โข โส, ภิกฺขเว, สมโย ยํ กทาจิ กรหจิ ทีฆสฺส อทฺธุโน อจฺจเยน พหูนิ วสฺสานิ พหูนิ วสฺสสตานิ พหูนิ วสฺสสหสฺสานิ พหูนิ วสฺสสตสหสฺสานิ เทโว น วสฺสติฯ เทเว โข ปน, ภิกฺขเว, อวสฺสเนฺต เย เกจิเม พีชคามภูตคามา โอสธิติณวนปฺปตโย เต อุสฺสุสฺสนฺติ วิสุสฺสนฺติ, น ภวนฺติฯ เอวํ อนิจฺจา, ภิกฺขเว, สงฺขารา; เอวํ อธุวา, ภิกฺขเว, สงฺขารา…เป.… อลํ วิมุจฺจิตุํฯ
‘‘Sineru, bhikkhave, pabbatarājā caturāsītiyojanasahassāni āyāmena, caturāsītiyojanasahassāni vitthārena, caturāsītiyojanasahassāni mahāsamudde ajjhogāḷho, caturāsītiyojanasahassāni mahāsamuddā accuggato. Hoti kho so, bhikkhave, samayo yaṃ kadāci karahaci dīghassa addhuno accayena bahūni vassāni bahūni vassasatāni bahūni vassasahassāni bahūni vassasatasahassāni devo na vassati. Deve kho pana, bhikkhave, avassante ye kecime bījagāmabhūtagāmā osadhitiṇavanappatayo te ussussanti visussanti, na bhavanti. Evaṃ aniccā, bhikkhave, saṅkhārā; evaṃ adhuvā, bhikkhave, saṅkhārā…pe… alaṃ vimuccituṃ.
‘‘โหติ โข โส, ภิกฺขเว, สมโย ยํ กทาจิ กรหจิ ทีฆสฺส อทฺธุโน อจฺจเยน ทุติโย สูริโย ปาตุภวติฯ ทุติยสฺส, ภิกฺขเว, สูริยสฺส ปาตุภาวา ยา กาจิ กุนฺนทิโย กุโสพฺภา 1 ตา อุสฺสุสฺสนฺติ วิสุสฺสนฺติ, น ภวนฺติ ฯ เอวํ อนิจฺจา, ภิกฺขเว, สงฺขารา…เป.… อลํ วิมุจฺจิตุํฯ
‘‘Hoti kho so, bhikkhave, samayo yaṃ kadāci karahaci dīghassa addhuno accayena dutiyo sūriyo pātubhavati. Dutiyassa, bhikkhave, sūriyassa pātubhāvā yā kāci kunnadiyo kusobbhā 2 tā ussussanti visussanti, na bhavanti . Evaṃ aniccā, bhikkhave, saṅkhārā…pe… alaṃ vimuccituṃ.
‘‘โหติ โข โส, ภิกฺขเว, สมโย ยํ กทาจิ กรหจิ ทีฆสฺส อทฺธุโน อจฺจเยน ตติโย สูริโย ปาตุภวติฯ ตติยสฺส, ภิกฺขเว, สูริยสฺส ปาตุภาวา ยา กาจิ มหานทิโย, เสยฺยถิทํ – คงฺคา, ยมุนา, อจิรวตี, สรภู, มหี, ตา อุสฺสุสฺสนฺติ วิสุสฺสนฺติ, น ภวนฺติฯ เอวํ อนิจฺจา, ภิกฺขเว, สงฺขารา…เป.… อลํ วิมุจฺจิตุํฯ
‘‘Hoti kho so, bhikkhave, samayo yaṃ kadāci karahaci dīghassa addhuno accayena tatiyo sūriyo pātubhavati. Tatiyassa, bhikkhave, sūriyassa pātubhāvā yā kāci mahānadiyo, seyyathidaṃ – gaṅgā, yamunā, aciravatī, sarabhū, mahī, tā ussussanti visussanti, na bhavanti. Evaṃ aniccā, bhikkhave, saṅkhārā…pe… alaṃ vimuccituṃ.
‘‘โหติ โข โส, ภิกฺขเว, สมโย ยํ กทาจิ กรหจิ ทีฆสฺส อทฺธุโน อจฺจเยน จตุโตฺถ สูริโย ปาตุภวติฯ จตุตฺถสฺส, ภิกฺขเว, สูริยสฺส ปาตุภาวา เย เต มหาสรา ยโต อิมา มหานทิโย ปวตฺตนฺติ, เสยฺยถิทํ – อโนตตฺตา, สีหปปาตา, รถการา, กณฺณมุณฺฑา, กุณาลา, ฉทฺทนฺตา, มนฺทากินิยา, ตา อุสฺสุสฺสนฺติ วิสุสฺสนฺติ, น ภวนฺติฯ เอวํ อนิจฺจา, ภิกฺขเว, สงฺขารา…เป.… อลํ วิมุจฺจิตุํฯ
‘‘Hoti kho so, bhikkhave, samayo yaṃ kadāci karahaci dīghassa addhuno accayena catuttho sūriyo pātubhavati. Catutthassa, bhikkhave, sūriyassa pātubhāvā ye te mahāsarā yato imā mahānadiyo pavattanti, seyyathidaṃ – anotattā, sīhapapātā, rathakārā, kaṇṇamuṇḍā, kuṇālā, chaddantā, mandākiniyā, tā ussussanti visussanti, na bhavanti. Evaṃ aniccā, bhikkhave, saṅkhārā…pe… alaṃ vimuccituṃ.
‘‘โหติ โข โส, ภิกฺขเว, สมโย ยํ กทาจิ กรหจิ ทีฆสฺส อทฺธุโน อจฺจเยน ปญฺจโม สูริโย ปาตุภวติฯ ปญฺจมสฺส, ภิกฺขเว, สูริยสฺส ปาตุภาวา โยชนสติกานิปิ มหาสมุเทฺท อุทกานิ โอคจฺฉนฺติ, ทฺวิโยชนสติกานิปิ มหาสมุเทฺท อุทกานิ โอคจฺฉนฺติ, ติโยชนสติกานิปิ, จตุโยชนสติกานิปิ, ปญฺจโยชนสติกานิปิ, ฉโยชนสติกานิปิ, สตฺตโยชนสติกานิปิ มหาสมุเทฺท อุทกานิ โอคจฺฉนฺติ; สตฺตตาลมฺปิ มหาสมุเทฺท อุทกํ สณฺฐาติ, ฉตาลมฺปิ, ปญฺจตาลมฺปิ, จตุตาลมฺปิ, ติตาลมฺปิ, ทฺวิตาลมฺปิ , ตาลมตฺตมฺปิ มหาสมุเทฺท อุทกํ สณฺฐาติ; สตฺตโปริสมฺปิ มหาสมุเทฺท อุทกํ สณฺฐาติ, ฉโปริสมฺปิ, ปญฺจโปริสมฺปิ, จตุโปริสมฺปิ, ติโปริสมฺปิ, ทฺวิโปริสมฺปิ, โปริสมฺปิ 3, อฑฺฒโปริสมฺปิ, กฎิมตฺตมฺปิ, ชณฺณุกามตฺตมฺปิ, โคปฺผกมตฺตมฺปิ มหาสมุเทฺท อุทกํ สณฺฐาติฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, สรทสมเย ถุลฺลผุสิตเก เทเว วสฺสเนฺต ตตฺถ ตตฺถ โคปเทสุ 4 อุทกานิ ฐิตานิ โหนฺติ; เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ตตฺถ ตตฺถ โคปฺผกมตฺตานิ 5 มหาสมุเทฺท อุทกานิ ฐิตานิ โหนฺติฯ ปญฺจมสฺส, ภิกฺขเว, สูริยสฺส ปาตุภาวา องฺคุลิปพฺพมตฺตมฺปิ มหาสมุเทฺท อุทกํ น โหติฯ เอวํ อนิจฺจา, ภิกฺขเว, สงฺขารา…เป.… อลํ วิมุจฺจิตุํฯ
‘‘Hoti kho so, bhikkhave, samayo yaṃ kadāci karahaci dīghassa addhuno accayena pañcamo sūriyo pātubhavati. Pañcamassa, bhikkhave, sūriyassa pātubhāvā yojanasatikānipi mahāsamudde udakāni ogacchanti, dviyojanasatikānipi mahāsamudde udakāni ogacchanti, tiyojanasatikānipi, catuyojanasatikānipi, pañcayojanasatikānipi, chayojanasatikānipi, sattayojanasatikānipi mahāsamudde udakāni ogacchanti; sattatālampi mahāsamudde udakaṃ saṇṭhāti, chatālampi, pañcatālampi, catutālampi, titālampi, dvitālampi , tālamattampi mahāsamudde udakaṃ saṇṭhāti; sattaporisampi mahāsamudde udakaṃ saṇṭhāti, chaporisampi, pañcaporisampi, catuporisampi, tiporisampi, dviporisampi, porisampi 6, aḍḍhaporisampi, kaṭimattampi, jaṇṇukāmattampi, gopphakamattampi mahāsamudde udakaṃ saṇṭhāti. Seyyathāpi, bhikkhave, saradasamaye thullaphusitake deve vassante tattha tattha gopadesu 7 udakāni ṭhitāni honti; evamevaṃ kho, bhikkhave, tattha tattha gopphakamattāni 8 mahāsamudde udakāni ṭhitāni honti. Pañcamassa, bhikkhave, sūriyassa pātubhāvā aṅgulipabbamattampi mahāsamudde udakaṃ na hoti. Evaṃ aniccā, bhikkhave, saṅkhārā…pe… alaṃ vimuccituṃ.
‘‘โหติ โข โส, ภิกฺขเว, สมโย ยํ กทาจิ กรหจิ ทีฆสฺส อทฺธุโน อจฺจเยน ฉโฎฺฐ สูริโย ปาตุภวติฯ ฉฎฺฐสฺส, ภิกฺขเว, สูริยสฺส ปาตุภาวา อยญฺจ มหาปถวี สิเนรุ จ ปพฺพตราชา ธูมายนฺติ สํธูมายนฺติ สมฺปธูมายนฺติ 9ฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, กุมฺภการปาโก อาเลปิโต 10 ปฐมํ ธูเมติ สํธูเมติ สมฺปธูเมติ; เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ฉฎฺฐสฺส สูริยสฺส ปาตุภาวา อยญฺจ มหาปถวี สิเนรุ จ ปพฺพตราชา ธูมายนฺติ สํธูมายนฺติ สมฺปธูมายนฺติฯ เอวํ อนิจฺจา, ภิกฺขเว, สงฺขารา…เป.… อลํ วิมุจฺจิตุํฯ
‘‘Hoti kho so, bhikkhave, samayo yaṃ kadāci karahaci dīghassa addhuno accayena chaṭṭho sūriyo pātubhavati. Chaṭṭhassa, bhikkhave, sūriyassa pātubhāvā ayañca mahāpathavī sineru ca pabbatarājā dhūmāyanti saṃdhūmāyanti sampadhūmāyanti 11. Seyyathāpi, bhikkhave, kumbhakārapāko ālepito 12 paṭhamaṃ dhūmeti saṃdhūmeti sampadhūmeti; evamevaṃ kho, bhikkhave, chaṭṭhassa sūriyassa pātubhāvā ayañca mahāpathavī sineru ca pabbatarājā dhūmāyanti saṃdhūmāyanti sampadhūmāyanti. Evaṃ aniccā, bhikkhave, saṅkhārā…pe… alaṃ vimuccituṃ.
‘‘โหติ โข โส, ภิกฺขเว, สมโย ยํ กทาจิ กรหจิ ทีฆสฺส อทฺธุโน อจฺจเยน สตฺตโม สูริโย ปาตุภวติฯ สตฺตมสฺส , ภิกฺขเว, สูริยสฺส ปาตุภาวา อยญฺจ มหาปถวี สิเนรุ จ ปพฺพตราชา อาทิปฺปนฺติ ปชฺชลนฺติ เอกชาลา ภวนฺติฯ อิมิสฺสา จ, ภิกฺขเว, มหาปถวิยา สิเนรุสฺส จ ปพฺพตราชสฺส ฌายมานานํ ทยฺหมานานํ อจฺจิ วาเตน ขิตฺตา ยาว พฺรหฺมโลกาปิ คจฺฉติฯ สิเนรุสฺส, ภิกฺขเว, ปพฺพตราชสฺส ฌายมานสฺส ทยฺหมานสฺส วินสฺสมานสฺส มหตา เตโชขเนฺธน อภิภูตสฺส โยชนสติกานิปิ กูฎานิ ปลุชฺชนฺติ ทฺวิโยชนสติกานิปิ, ติโยชนสติกานิปิ, จตุโยชนสติกานิปิ, ปญฺจโยชนสติกานิปิ กูฎานิ ปลุชฺชนฺติฯ อิมิสฺสา จ, ภิกฺขเว, มหาปถวิยา สิเนรุสฺส จ ปพฺพตราชสฺส ฌายมานานํ ทยฺหมานานํ เนว ฉาริกา ปญฺญายติ น มสิฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, สปฺปิสฺส วา เตลสฺส วา ฌายมานสฺส ทยฺหมานสฺส เนว ฉาริกา ปญฺญายติ น มสิ; เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, อิมิสฺสา จ มหาปถวิยา สิเนรุสฺส จ ปพฺพตราชสฺส ฌายมานานํ ทยฺหมานานํ เนว ฉาริกา ปญฺญายติ น มสิฯ เอวํ อนิจฺจา, ภิกฺขเว, สงฺขารา; เอวํ อธุวา, ภิกฺขเว, สงฺขารา; เอวํ อนสฺสาสิกา, ภิกฺขเว, สงฺขาราฯ ยาวญฺจิทํ, ภิกฺขเว, อลเมว สพฺพสงฺขาเรสุ นิพฺพินฺทิตุํ อลํ วิรชฺชิตุํ อลํ วิมุจฺจิตุํฯ
‘‘Hoti kho so, bhikkhave, samayo yaṃ kadāci karahaci dīghassa addhuno accayena sattamo sūriyo pātubhavati. Sattamassa , bhikkhave, sūriyassa pātubhāvā ayañca mahāpathavī sineru ca pabbatarājā ādippanti pajjalanti ekajālā bhavanti. Imissā ca, bhikkhave, mahāpathaviyā sinerussa ca pabbatarājassa jhāyamānānaṃ dayhamānānaṃ acci vātena khittā yāva brahmalokāpi gacchati. Sinerussa, bhikkhave, pabbatarājassa jhāyamānassa dayhamānassa vinassamānassa mahatā tejokhandhena abhibhūtassa yojanasatikānipi kūṭāni palujjanti dviyojanasatikānipi, tiyojanasatikānipi, catuyojanasatikānipi, pañcayojanasatikānipi kūṭāni palujjanti. Imissā ca, bhikkhave, mahāpathaviyā sinerussa ca pabbatarājassa jhāyamānānaṃ dayhamānānaṃ neva chārikā paññāyati na masi. Seyyathāpi, bhikkhave, sappissa vā telassa vā jhāyamānassa dayhamānassa neva chārikā paññāyati na masi; evamevaṃ kho, bhikkhave, imissā ca mahāpathaviyā sinerussa ca pabbatarājassa jhāyamānānaṃ dayhamānānaṃ neva chārikā paññāyati na masi. Evaṃ aniccā, bhikkhave, saṅkhārā; evaṃ adhuvā, bhikkhave, saṅkhārā; evaṃ anassāsikā, bhikkhave, saṅkhārā. Yāvañcidaṃ, bhikkhave, alameva sabbasaṅkhāresu nibbindituṃ alaṃ virajjituṃ alaṃ vimuccituṃ.
‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, โก มนฺตา โก สทฺธาตา – ‘อยญฺจ ปถวี สิเนรุ จ ปพฺพตราชา ทยฺหิสฺสนฺติ วินสฺสิสฺสนฺติ, น ภวิสฺสนฺตี’ติ อญฺญตฺร ทิฎฺฐปเทหิ?
‘‘Tatra, bhikkhave, ko mantā ko saddhātā – ‘ayañca pathavī sineru ca pabbatarājā dayhissanti vinassissanti, na bhavissantī’ti aññatra diṭṭhapadehi?
13 ‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, สุเนโตฺต นาม สตฺถา อโหสิ ติตฺถกโร กาเมสุ วีตราโคฯ สุเนตฺตสฺส โข ปน, ภิกฺขเว , สตฺถุโน อเนกานิ สาวกสตานิ อเหสุํฯ สุเนโตฺต, ภิกฺขเว, สตฺถา สาวกานํ พฺรหฺมโลกสหพฺยตาย ธมฺมํ เทเสสิฯ เย โข ปน, ภิกฺขเว, สุเนตฺตสฺส สตฺถุโน พฺรหฺมโลกสหพฺยตาย ธมฺมํ เทเสนฺตสฺส สเพฺพน สพฺพํ สาสนํ อาชานิํสุ เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ พฺรหฺมโลกํ อุปปชฺชิํสุฯ เย น สเพฺพน สพฺพํ สาสนํ อาชานิํสุ เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อเปฺปกเจฺจ ปรนิมฺมิตวสวตฺตีนํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชิํสุ, อเปฺปกเจฺจ นิมฺมานรตีนํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชิํสุ, อเปฺปกเจฺจ ตุสิตานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชิํสุ, อเปฺปกเจฺจ ยามานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชิํสุ , อเปฺปกเจฺจ ตาวติํสานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชิํสุ , อเปฺปกเจฺจ จาตุมหาราชิกานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชิํสุ, อเปฺปกเจฺจ ขตฺติยมหาสาลานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชิํสุ, อเปฺปกเจฺจ พฺราหฺมณมหาสาลานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชิํสุ, อเปฺปกเจฺจ คหปติมหาสาลานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชิํสุฯ
14 ‘‘Bhūtapubbaṃ, bhikkhave, sunetto nāma satthā ahosi titthakaro kāmesu vītarāgo. Sunettassa kho pana, bhikkhave , satthuno anekāni sāvakasatāni ahesuṃ. Sunetto, bhikkhave, satthā sāvakānaṃ brahmalokasahabyatāya dhammaṃ desesi. Ye kho pana, bhikkhave, sunettassa satthuno brahmalokasahabyatāya dhammaṃ desentassa sabbena sabbaṃ sāsanaṃ ājāniṃsu te kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ brahmalokaṃ upapajjiṃsu. Ye na sabbena sabbaṃ sāsanaṃ ājāniṃsu te kāyassa bhedā paraṃ maraṇā appekacce paranimmitavasavattīnaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjiṃsu, appekacce nimmānaratīnaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjiṃsu, appekacce tusitānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjiṃsu, appekacce yāmānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjiṃsu , appekacce tāvatiṃsānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjiṃsu , appekacce cātumahārājikānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjiṃsu, appekacce khattiyamahāsālānaṃ sahabyataṃ upapajjiṃsu, appekacce brāhmaṇamahāsālānaṃ sahabyataṃ upapajjiṃsu, appekacce gahapatimahāsālānaṃ sahabyataṃ upapajjiṃsu.
‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, สุเนตฺตสฺส สตฺถุโน เอตทโหสิ – ‘น โข เมตํ ปติรูปํ โยหํ สาวกานํ สมสมคติโย อสฺสํ อภิสมฺปรายํ, ยํนูนาหํ อุตฺตริ เมตฺตํ 15 ภาเวยฺย’’’นฺติฯ
‘‘Atha kho, bhikkhave, sunettassa satthuno etadahosi – ‘na kho metaṃ patirūpaṃ yohaṃ sāvakānaṃ samasamagatiyo assaṃ abhisamparāyaṃ, yaṃnūnāhaṃ uttari mettaṃ 16 bhāveyya’’’nti.
‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, สุเนโตฺต สตฺถา สตฺต วสฺสานิ เมตฺตํ จิตฺตํ ภาเวสิฯ สตฺต วสฺสานิ เมตฺตํ จิตฺตํ ภาเวตฺวา สตฺต สํวฎฺฎวิวฎฺฎกเปฺป นยิมํ โลกํ ปุนราคมาสิฯ สํวฎฺฎมาเน สุทํ, ภิกฺขเว , โลเก อาภสฺสรูปโค โหติฯ วิวฎฺฎมาเน โลเก สุญฺญํ พฺรหฺมวิมานํ อุปปชฺชติฯ ตตฺร สุทํ, ภิกฺขเว, พฺรหฺมา โหติ มหาพฺรหฺมา อภิภู อนภิภูโต อญฺญทตฺถุทโส วสวตฺตีฯ ฉตฺติํสกฺขตฺตุํ โข ปน, ภิกฺขเว, สโกฺก อโหสิ เทวานมิโนฺทฯ อเนกสตกฺขตฺตุํ ราชา อโหสิ จกฺกวตฺตี ธมฺมิโก ธมฺมราชา จาตุรโนฺต วิชิตาวี ชนปทตฺถาวริยปฺปโตฺต สตฺตรตนสมนฺนาคโตฯ ปโรสหสฺสํ โข ปนสฺส ปุตฺตา อเหสุํ สูรา วีรงฺครูปา ปรเสนปฺปมทฺทนาฯ โส อิมํ ปถวิํ สาครปริยนฺตํ อทเณฺฑน อสเตฺถน ธเมฺมน อภิวิชิย อชฺฌาวสิฯ โส หิ นาม, ภิกฺขเว, สุเนโตฺต สตฺถา เอวํ ทีฆายุโก สมาโน เอวํ จิรฎฺฐิติโก อปริมุโตฺต อโหสิ – ‘ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุเกฺขหิ โทมนเสฺสหิ อุปายาเสหิ, อปริมุโตฺต ทุกฺขสฺมา’ติ วทามิ’’ฯ
‘‘Atha kho, bhikkhave, sunetto satthā satta vassāni mettaṃ cittaṃ bhāvesi. Satta vassāni mettaṃ cittaṃ bhāvetvā satta saṃvaṭṭavivaṭṭakappe nayimaṃ lokaṃ punarāgamāsi. Saṃvaṭṭamāne sudaṃ, bhikkhave , loke ābhassarūpago hoti. Vivaṭṭamāne loke suññaṃ brahmavimānaṃ upapajjati. Tatra sudaṃ, bhikkhave, brahmā hoti mahābrahmā abhibhū anabhibhūto aññadatthudaso vasavattī. Chattiṃsakkhattuṃ kho pana, bhikkhave, sakko ahosi devānamindo. Anekasatakkhattuṃ rājā ahosi cakkavattī dhammiko dhammarājā cāturanto vijitāvī janapadatthāvariyappatto sattaratanasamannāgato. Parosahassaṃ kho panassa puttā ahesuṃ sūrā vīraṅgarūpā parasenappamaddanā. So imaṃ pathaviṃ sāgarapariyantaṃ adaṇḍena asatthena dhammena abhivijiya ajjhāvasi. So hi nāma, bhikkhave, sunetto satthā evaṃ dīghāyuko samāno evaṃ ciraṭṭhitiko aparimutto ahosi – ‘jātiyā jarāya maraṇena sokehi paridevehi dukkhehi domanassehi upāyāsehi, aparimutto dukkhasmā’ti vadāmi’’.
‘‘ตํ กิสฺส เหตุ? จตุนฺนํ ธมฺมานํ อนนุโพธา อปฺปฎิเวธาฯ กตเมสํ จตุนฺนํ? อริยสฺส, ภิกฺขเว, สีลสฺส อนนุโพธา อปฺปฎิเวธา, อริยสฺส สมาธิสฺส อนนุโพธา อปฺปฎิเวธา, อริยาย ปญฺญาย อนนุโพธา อปฺปฎิเวธา, อริยาย วิมุตฺติยา อนนุโพธา อปฺปฎิเวธาฯ ตยิทํ, ภิกฺขเว, อริยํ สีลํ อนุพุทฺธํ ปฎิวิทฺธํ, อริโย สมาธิ อนุโพโธ ปฎิวิโทฺธ, อริยา ปญฺญา อนุโพธา ปฎิวิทฺธา, อริยา วิมุตฺติ อนุโพธา ปฎิวิทฺธา, อุจฺฉินฺนา ภวตณฺหา, ขีณา ภวเนตฺติ, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติฯ อิทมโวจ ภควาฯ อิทํ วตฺวาน สุคโต อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –
‘‘Taṃ kissa hetu? Catunnaṃ dhammānaṃ ananubodhā appaṭivedhā. Katamesaṃ catunnaṃ? Ariyassa, bhikkhave, sīlassa ananubodhā appaṭivedhā, ariyassa samādhissa ananubodhā appaṭivedhā, ariyāya paññāya ananubodhā appaṭivedhā, ariyāya vimuttiyā ananubodhā appaṭivedhā. Tayidaṃ, bhikkhave, ariyaṃ sīlaṃ anubuddhaṃ paṭividdhaṃ, ariyo samādhi anubodho paṭividdho, ariyā paññā anubodhā paṭividdhā, ariyā vimutti anubodhā paṭividdhā, ucchinnā bhavataṇhā, khīṇā bhavanetti, natthi dāni punabbhavo’’ti. Idamavoca bhagavā. Idaṃ vatvāna sugato athāparaṃ etadavoca satthā –
‘‘สีลํ สมาธิ ปญฺญา จ, วิมุตฺติ จ อนุตฺตรา;
‘‘Sīlaṃ samādhi paññā ca, vimutti ca anuttarā;
อนุพุทฺธา อิเม ธมฺมา, โคตเมน ยสสฺสินาฯ
Anubuddhā ime dhammā, gotamena yasassinā.
‘‘อิติ พุโทฺธ อภิญฺญาย, ธมฺมมกฺขาสิ ภิกฺขุนํ;
‘‘Iti buddho abhiññāya, dhammamakkhāsi bhikkhunaṃ;
ทุกฺขสฺสนฺตกโร สตฺถา, จกฺขุมา ปรินิพฺพุโต’’ติฯ ทุติยํ;
Dukkhassantakaro satthā, cakkhumā parinibbuto’’ti. dutiyaṃ;
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๒. สตฺตสูริยสุตฺตวณฺณนา • 2. Sattasūriyasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑-๒. หิริโอตฺตปฺปสุตฺตาทิวณฺณนา • 1-2. Hiriottappasuttādivaṇṇanā