Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya

    ๔. สตฺตวสฺสานุพนฺธสุตฺตํ

    4. Sattavassānubandhasuttaṃ

    ๑๖๐. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา อุรุเวลายํ วิหรติ นชฺชา เนรญฺชราย ตีเร อชปาลนิโคฺรเธฯ เตน โข ปน สมเยน มาโร ปาปิมา สตฺตวสฺสานิ ภควนฺตํ อนุพโนฺธ โหติ โอตาราเปโกฺข โอตารํ อลภมาโนฯ อถ โข มาโร ปาปิมา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –

    160. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā uruvelāyaṃ viharati najjā nerañjarāya tīre ajapālanigrodhe. Tena kho pana samayena māro pāpimā sattavassāni bhagavantaṃ anubandho hoti otārāpekkho otāraṃ alabhamāno. Atha kho māro pāpimā yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ gāthāya ajjhabhāsi –

    ‘‘โสกาวติโณฺณ นุ วนมฺหิ ฌายสิ,

    ‘‘Sokāvatiṇṇo nu vanamhi jhāyasi,

    วิตฺตํ นุ ชีโน อุท ปตฺถยาโน;

    Vittaṃ nu jīno uda patthayāno;

    อาคุํ นุ คามสฺมิมกาสิ กิญฺจิ,

    Āguṃ nu gāmasmimakāsi kiñci,

    กสฺมา ชเนน น กโรสิ สกฺขิํ;

    Kasmā janena na karosi sakkhiṃ;

    สกฺขี น สมฺปชฺชติ เกนจิ เต’’ติฯ

    Sakkhī na sampajjati kenaci te’’ti.

    ‘‘โสกสฺส มูลํ ปลิขาย สพฺพํ,

    ‘‘Sokassa mūlaṃ palikhāya sabbaṃ,

    อนาคุ ฌายามิ อโสจมาโน;

    Anāgu jhāyāmi asocamāno;

    เฉตฺวาน สพฺพํ ภวโลภชปฺปํ,

    Chetvāna sabbaṃ bhavalobhajappaṃ,

    อนาสโว ฌายามิ ปมตฺตพนฺธู’’ติฯ

    Anāsavo jhāyāmi pamattabandhū’’ti.

    ‘‘ยํ วทนฺติ มม ยิทนฺติ, เย วทนฺติ มมนฺติ จ;

    ‘‘Yaṃ vadanti mama yidanti, ye vadanti mamanti ca;

    เอตฺถ เจ เต มโน อตฺถิ, น เม สมณ โมกฺขสี’’ติฯ

    Ettha ce te mano atthi, na me samaṇa mokkhasī’’ti.

    ‘‘ยํ วทนฺติ น ตํ มยฺหํ, เย วทนฺติ น เต อหํ;

    ‘‘Yaṃ vadanti na taṃ mayhaṃ, ye vadanti na te ahaṃ;

    เอวํ ปาปิม ชานาหิ, น เม มคฺคมฺปิ ทกฺขสี’’ติฯ

    Evaṃ pāpima jānāhi, na me maggampi dakkhasī’’ti.

    ‘‘สเจ มคฺคํ อนุพุทฺธํ, เขมํ อมตคามินํ;

    ‘‘Sace maggaṃ anubuddhaṃ, khemaṃ amatagāminaṃ;

    อเปหิ คจฺฉ ตฺวเมเวโก, กิมญฺญมนุสาสสี’’ติฯ

    Apehi gaccha tvameveko, kimaññamanusāsasī’’ti.

    ‘‘อมจฺจุเธยฺยํ ปุจฺฉนฺติ, เย ชนา ปารคามิโน;

    ‘‘Amaccudheyyaṃ pucchanti, ye janā pāragāmino;

    เตสาหํ ปุโฎฺฐ อกฺขามิ, ยํ สจฺจํ ตํ นิรูปธิ’’นฺติฯ

    Tesāhaṃ puṭṭho akkhāmi, yaṃ saccaṃ taṃ nirūpadhi’’nti.

    ‘‘เสยฺยถาปิ, ภเนฺต, คามสฺส วา นิคมสฺส วา อวิทูเร โปกฺขรณีฯ ตตฺรสฺส กกฺกฎโกฯ อถ โข, ภเนฺต, สมฺพหุลา กุมารกา วา กุมาริกาโย วา ตมฺหา คามา วา นิคมา วา นิกฺขมิตฺวา เยน สา โปกฺขรณี เตนุปสงฺกเมยฺยุํ; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ กกฺกฎกํ อุทกา อุทฺธริตฺวา ถเล ปติฎฺฐเปยฺยุํฯ ยํ ยเทว หิ โส, ภเนฺต, กกฺกฎโก อฬํ อภินินฺนาเมยฺย ตํ ตเทว เต กุมารกา วา กุมาริกาโย วา กเฎฺฐน วา กถลาย วา สญฺฉิเนฺทยฺยุํ สมฺภเญฺชยฺยุํ สมฺปลิภเญฺชยฺยุํฯ เอวญฺหิ โส, ภเนฺต, กกฺกฎโก สเพฺพหิ อเฬหิ สญฺฉิเนฺนหิ สมฺภเคฺคหิ สมฺปลิภเคฺคหิ อภโพฺพ ตํ โปกฺขรณิํ โอตริตุํฯ เอวเมว โข, ภเนฺต, ยานิ กานิจิ วิสูกายิกานิ 1 วิเสวิตานิ วิปฺผนฺทิตานิ, สพฺพานิ ตานิ 2 ภควตา สญฺฉินฺนานิ สมฺภคฺคานิ สมฺปลิภคฺคานิฯ อภโพฺพ ทานาหํ, ภเนฺต, ปุน ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตุํ ยทิทํ โอตาราเปโกฺข’’ติฯ อถ โข มาโร ปาปิมา ภควโต สนฺติเก อิมา นิเพฺพชนียา คาถาโย อภาสิ –

    ‘‘Seyyathāpi, bhante, gāmassa vā nigamassa vā avidūre pokkharaṇī. Tatrassa kakkaṭako. Atha kho, bhante, sambahulā kumārakā vā kumārikāyo vā tamhā gāmā vā nigamā vā nikkhamitvā yena sā pokkharaṇī tenupasaṅkameyyuṃ; upasaṅkamitvā taṃ kakkaṭakaṃ udakā uddharitvā thale patiṭṭhapeyyuṃ. Yaṃ yadeva hi so, bhante, kakkaṭako aḷaṃ abhininnāmeyya taṃ tadeva te kumārakā vā kumārikāyo vā kaṭṭhena vā kathalāya vā sañchindeyyuṃ sambhañjeyyuṃ sampalibhañjeyyuṃ. Evañhi so, bhante, kakkaṭako sabbehi aḷehi sañchinnehi sambhaggehi sampalibhaggehi abhabbo taṃ pokkharaṇiṃ otarituṃ. Evameva kho, bhante, yāni kānici visūkāyikāni 3 visevitāni vipphanditāni, sabbāni tāni 4 bhagavatā sañchinnāni sambhaggāni sampalibhaggāni. Abhabbo dānāhaṃ, bhante, puna bhagavantaṃ upasaṅkamituṃ yadidaṃ otārāpekkho’’ti. Atha kho māro pāpimā bhagavato santike imā nibbejanīyā gāthāyo abhāsi –

    ‘‘เมทวณฺณญฺจ ปาสาณํ, วายโส อนุปริยคา;

    ‘‘Medavaṇṇañca pāsāṇaṃ, vāyaso anupariyagā;

    อเปตฺถ มุทุํ วิเนฺทม, อปิ อสฺสาทนา สิยาฯ

    Apettha muduṃ vindema, api assādanā siyā.

    ‘‘อลทฺธา ตตฺถ อสฺสาทํ, วายเสโตฺต อปกฺกเม;

    ‘‘Aladdhā tattha assādaṃ, vāyasetto apakkame;

    กาโกว เสลมาสชฺช, นิพฺพิชฺชาเปม โคตมา’’ติฯ

    Kākova selamāsajja, nibbijjāpema gotamā’’ti.







    Footnotes:
    1. ยานิ วิสุกายิกานิ (สี. ปี. ก.)
    2. กานิจิ กานิจิ สพฺพานิ (สี. ปี. ก.)
    3. yāni visukāyikāni (sī. pī. ka.)
    4. kānici kānici sabbāni (sī. pī. ka.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๔. สตฺตวสฺสานุพนฺธสุตฺตวณฺณนา • 4. Sattavassānubandhasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๔. สตฺตวสฺสานุพนฺธสุตฺตวณฺณนา • 4. Sattavassānubandhasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact