Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya

    ๒. สอุปาทิเสสสุตฺตํ

    2. Saupādisesasuttaṃ

    ๑๒. เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ อถ โข อายสฺมา สาริปุโตฺต ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถิํ ปิณฺฑาย ปาวิสิฯ อถ โข อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อติปฺปโค โข ตาว สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตุํ, ยํนูนาหํ เยน อญฺญติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ อาราโม เตนุปสงฺกเมยฺย’’นฺติฯ อถ โข อายสฺมา สาริปุโตฺต เยน อญฺญติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ อาราโม เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เตหิ อญฺญติตฺถิเยหิ ปริพฺพาชเกหิ สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ

    12. Ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Atha kho āyasmā sāriputto pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya sāvatthiṃ piṇḍāya pāvisi. Atha kho āyasmato sāriputtassa etadahosi – ‘‘atippago kho tāva sāvatthiyaṃ piṇḍāya carituṃ, yaṃnūnāhaṃ yena aññatitthiyānaṃ paribbājakānaṃ ārāmo tenupasaṅkameyya’’nti. Atha kho āyasmā sāriputto yena aññatitthiyānaṃ paribbājakānaṃ ārāmo tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā tehi aññatitthiyehi paribbājakehi saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdi.

    เตน โข ปน สมเยน เตสํ อญฺญติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ สนฺนิสินฺนานํ สนฺนิปติตานํ อยมนฺตรากถา อุทปาทิ – ‘‘โย หิ โกจิ, อาวุโส, สอุปาทิเสโส กาลํ กโรติ, สโพฺพ โส อปริมุโตฺต นิรยา อปริมุโตฺต ติรจฺฉานโยนิยา อปริมุโตฺต เปตฺติวิสยา อปริมุโตฺต อปายทุคฺคติวินิปาตา’’ติฯ อถ โข อายสฺมา สาริปุโตฺต เตสํ อญฺญติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ ภาสิตํ เนว อภินนฺทิ นปฺปฎิโกฺกสิฯ อนภินนฺทิตฺวา อปฺปฎิโกฺกสิตฺวา อุฎฺฐายาสนา ปกฺกามิ – ‘‘ภควโต สนฺติเก เอตสฺส ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชานิสฺสามี’’ติฯ อถ โข อายสฺมา สาริปุโตฺต สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกโนฺต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อายสฺมา สาริปุโตฺต ภควนฺตํ เอตทโวจ –

    Tena kho pana samayena tesaṃ aññatitthiyānaṃ paribbājakānaṃ sannisinnānaṃ sannipatitānaṃ ayamantarākathā udapādi – ‘‘yo hi koci, āvuso, saupādiseso kālaṃ karoti, sabbo so aparimutto nirayā aparimutto tiracchānayoniyā aparimutto pettivisayā aparimutto apāyaduggativinipātā’’ti. Atha kho āyasmā sāriputto tesaṃ aññatitthiyānaṃ paribbājakānaṃ bhāsitaṃ neva abhinandi nappaṭikkosi. Anabhinanditvā appaṭikkositvā uṭṭhāyāsanā pakkāmi – ‘‘bhagavato santike etassa bhāsitassa atthaṃ ājānissāmī’’ti. Atha kho āyasmā sāriputto sāvatthiyaṃ piṇḍāya caritvā pacchābhattaṃ piṇḍapātapaṭikkanto yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho āyasmā sāriputto bhagavantaṃ etadavoca –

    ‘‘อิธาหํ, ภเนฺต, ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถิํ ปิณฺฑาย ปาวิสิํฯ ตสฺส มยฺหํ, ภเนฺต, เอตทโหสิ – ‘อติปฺปโค โข ตาว สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตุํ; ยํนูนาหํ เยน อญฺญติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ อาราโม เตนุปสงฺกเมยฺย’นฺติฯ อถ โข อหํ, ภเนฺต, เยน อญฺญติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ อาราโม เตนุปสงฺกมิํ; อุปสงฺกมิตฺวา เตหิ อญฺญติตฺถิเยหิ ปริพฺพาชเกหิ สทฺธิํ สโมฺมทิํฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํฯ เตน โข ปน สมเยน เตสํ อญฺญติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ สนฺนิสินฺนานํ สนฺนิปติตานํ อยมนฺตรากถา อุทปาทิ – ‘โย หิ โกจิ, อาวุโส, สอุปาทิเสโส กาลํ กโรติ, สโพฺพ โส อปริมุโตฺต นิรยา อปริมุโตฺต ติรจฺฉานโยนิยา อปริมุโตฺต เปตฺติวิสยา อปริมุโตฺต อปายทุคฺคติวินิปาตา’ติฯ อถ โข อหํ, ภเนฺต, เตสํ อญฺญติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ ภาสิตํ เนว อภินนฺทิํ นปฺปฎิโกฺกสิํฯ อนภินนฺทิตฺวา อปฺปฎิโกฺกสิตฺวา อุฎฺฐายาสนา ปกฺกมิํ – ‘ภควโต สนฺติเก เอตสฺส ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชานิสฺสามี’’’ติฯ

    ‘‘Idhāhaṃ, bhante, pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya sāvatthiṃ piṇḍāya pāvisiṃ. Tassa mayhaṃ, bhante, etadahosi – ‘atippago kho tāva sāvatthiyaṃ piṇḍāya carituṃ; yaṃnūnāhaṃ yena aññatitthiyānaṃ paribbājakānaṃ ārāmo tenupasaṅkameyya’nti. Atha kho ahaṃ, bhante, yena aññatitthiyānaṃ paribbājakānaṃ ārāmo tenupasaṅkamiṃ; upasaṅkamitvā tehi aññatitthiyehi paribbājakehi saddhiṃ sammodiṃ. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdiṃ. Tena kho pana samayena tesaṃ aññatitthiyānaṃ paribbājakānaṃ sannisinnānaṃ sannipatitānaṃ ayamantarākathā udapādi – ‘yo hi koci, āvuso, saupādiseso kālaṃ karoti, sabbo so aparimutto nirayā aparimutto tiracchānayoniyā aparimutto pettivisayā aparimutto apāyaduggativinipātā’ti. Atha kho ahaṃ, bhante, tesaṃ aññatitthiyānaṃ paribbājakānaṃ bhāsitaṃ neva abhinandiṃ nappaṭikkosiṃ. Anabhinanditvā appaṭikkositvā uṭṭhāyāsanā pakkamiṃ – ‘bhagavato santike etassa bhāsitassa atthaṃ ājānissāmī’’’ti.

    ‘‘เก จ 1, สาริปุตฺต, อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา พาลา อพฺยตฺตา, เก จ 2 สอุปาทิเสสํ วา ‘สอุปาทิเสโส’ติ ชานิสฺสนฺติ, อนุปาทิเสสํ วา ‘อนุปาทิเสโส’ติ ชานิสฺสนฺติ’’!

    ‘‘Ke ca 3, sāriputta, aññatitthiyā paribbājakā bālā abyattā, ke ca 4 saupādisesaṃ vā ‘saupādiseso’ti jānissanti, anupādisesaṃ vā ‘anupādiseso’ti jānissanti’’!

    ‘‘นวยิเม, สาริปุตฺต, ปุคฺคลา สอุปาทิเสสา กาลํ กุรุมานา ปริมุตฺตา นิรยา ปริมุตฺตา ติรจฺฉานโยนิยา ปริมุตฺตา เปตฺติวิสยา ปริมุตฺตา อปายทุคฺคติวินิปาตาฯ กตเม นว? อิธ , สาริปุตฺต, เอกโจฺจ ปุคฺคโล สีเลสุ ปริปูรการี โหติ, สมาธิสฺมิํ ปริปูรการี , ปญฺญาย มตฺตโส การีฯ โส ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา อนฺตราปรินิพฺพายี โหติฯ อยํ, สาริปุตฺต , ปฐโม ปุคฺคโล สอุปาทิเสโส กาลํ กุรุมาโน ปริมุโตฺต นิรยา ปริมุโตฺต ติรจฺฉานโยนิยา ปริมุโตฺต เปตฺติวิสยา ปริมุโตฺต อปายทุคฺคติวินิปาตาฯ

    ‘‘Navayime, sāriputta, puggalā saupādisesā kālaṃ kurumānā parimuttā nirayā parimuttā tiracchānayoniyā parimuttā pettivisayā parimuttā apāyaduggativinipātā. Katame nava? Idha , sāriputta, ekacco puggalo sīlesu paripūrakārī hoti, samādhismiṃ paripūrakārī , paññāya mattaso kārī. So pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā antarāparinibbāyī hoti. Ayaṃ, sāriputta , paṭhamo puggalo saupādiseso kālaṃ kurumāno parimutto nirayā parimutto tiracchānayoniyā parimutto pettivisayā parimutto apāyaduggativinipātā.

    ‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, อิเธกโจฺจ ปุคฺคโล สีเลสุ ปริปูรการี โหติ, สมาธิสฺมิํ ปริปูรการี, ปญฺญาย มตฺตโส การีฯ โส ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา อุปหจฺจปรินิพฺพายี โหติ…เป.… อสงฺขารปรินิพฺพายี โหติ…เป.… สสงฺขารปรินิพฺพายี โหติ…เป.… อุทฺธํโสโต โหติ อกนิฎฺฐคามีฯ อยํ, สาริปุตฺต, ปญฺจโม ปุคฺคโล สอุปาทิเสโส กาลํ กุรุมาโน ปริมุโตฺต นิรยา ปริมุโตฺต ติรจฺฉานโยนิยา ปริมุโตฺต เปตฺติวิสยา ปริมุโตฺต อปายทุคฺคติวินิปาตาฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, sāriputta, idhekacco puggalo sīlesu paripūrakārī hoti, samādhismiṃ paripūrakārī, paññāya mattaso kārī. So pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā upahaccaparinibbāyī hoti…pe… asaṅkhāraparinibbāyī hoti…pe… sasaṅkhāraparinibbāyī hoti…pe… uddhaṃsoto hoti akaniṭṭhagāmī. Ayaṃ, sāriputta, pañcamo puggalo saupādiseso kālaṃ kurumāno parimutto nirayā parimutto tiracchānayoniyā parimutto pettivisayā parimutto apāyaduggativinipātā.

    ‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, อิเธกโจฺจ ปุคฺคโล สีเลสุ ปริปูรการี โหติ, สมาธิสฺมิํ มตฺตโส การี, ปญฺญาย มตฺตโส การีฯ โส ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตา สกทาคามี โหติ, สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติฯ อยํ, สาริปุตฺต, ฉโฎฺฐ ปุคฺคโล สอุปาทิเสโส กาลํ กุรุมาโน ปริมุโตฺต นิรยา…เป.… ปริมุโตฺต อปายทุคฺคติวินิปาตาฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, sāriputta, idhekacco puggalo sīlesu paripūrakārī hoti, samādhismiṃ mattaso kārī, paññāya mattaso kārī. So tiṇṇaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā rāgadosamohānaṃ tanuttā sakadāgāmī hoti, sakideva imaṃ lokaṃ āgantvā dukkhassantaṃ karoti. Ayaṃ, sāriputta, chaṭṭho puggalo saupādiseso kālaṃ kurumāno parimutto nirayā…pe… parimutto apāyaduggativinipātā.

    ‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, อิเธกโจฺจ ปุคฺคโล สีเลสุ ปริปูรการี โหติ, สมาธิสฺมิํ มตฺตโส การี, ปญฺญาย มตฺตโส การีฯ โส ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา เอกพีชี โหติ, เอกํเยว มานุสกํ ภวํ นิพฺพเตฺตตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติฯ อยํ, สาริปุตฺต, สตฺตโม ปุคฺคโล สอุปาทิเสโส กาลํ กุรุมาโน ปริมุโตฺต นิรยา…เป.… ปริมุโตฺต อปายทุคฺคติวินิปาตาฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, sāriputta, idhekacco puggalo sīlesu paripūrakārī hoti, samādhismiṃ mattaso kārī, paññāya mattaso kārī. So tiṇṇaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā ekabījī hoti, ekaṃyeva mānusakaṃ bhavaṃ nibbattetvā dukkhassantaṃ karoti. Ayaṃ, sāriputta, sattamo puggalo saupādiseso kālaṃ kurumāno parimutto nirayā…pe… parimutto apāyaduggativinipātā.

    ‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, อิเธกโจฺจ ปุคฺคโล สีเลสุ ปริปูรการี โหติ, สมาธิสฺมิํ มตฺตโส การี, ปญฺญาย มตฺตโส การีฯ โส ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โกลํโกโล โหติ, เทฺว วา ตีณิ วา กุลานิ สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติฯ อยํ, สาริปุตฺต, อฎฺฐโม ปุคฺคโล สอุปาทิเสโส กาลํ กุรุมาโน ปริมุโตฺต นิรยา…เป.… ปริมุโตฺต อปายทุคฺคติวินิปาตาฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, sāriputta, idhekacco puggalo sīlesu paripūrakārī hoti, samādhismiṃ mattaso kārī, paññāya mattaso kārī. So tiṇṇaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā kolaṃkolo hoti, dve vā tīṇi vā kulāni sandhāvitvā saṃsaritvā dukkhassantaṃ karoti. Ayaṃ, sāriputta, aṭṭhamo puggalo saupādiseso kālaṃ kurumāno parimutto nirayā…pe… parimutto apāyaduggativinipātā.

    ‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, อิเธกโจฺจ ปุคฺคโล สีเลสุ ปริปูรการี โหติ, สมาธิสฺมิํ มตฺตโส การี, ปญฺญาย มตฺตโส การีฯ โส ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา สตฺตกฺขตฺตุปรโม โหติ, สตฺตกฺขตฺตุปรมํ เทเว จ มนุเสฺส จ สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติฯ อยํ, สาริปุตฺต, นวโม ปุคฺคโล สอุปาทิเสโส กาลํ กุรุมาโน ปริมุโตฺต นิรยา ปริมุโตฺต ติรจฺฉานโยนิยา ปริมุโตฺต เปตฺติวิสยา ปริมุโตฺต อปายทุคฺคติวินิปาตาฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, sāriputta, idhekacco puggalo sīlesu paripūrakārī hoti, samādhismiṃ mattaso kārī, paññāya mattaso kārī. So tiṇṇaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā sattakkhattuparamo hoti, sattakkhattuparamaṃ deve ca manusse ca sandhāvitvā saṃsaritvā dukkhassantaṃ karoti. Ayaṃ, sāriputta, navamo puggalo saupādiseso kālaṃ kurumāno parimutto nirayā parimutto tiracchānayoniyā parimutto pettivisayā parimutto apāyaduggativinipātā.

    ‘‘เก จ, สาริปุตฺต, อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา พาลา อพฺยตฺตา, เก จ สอุปาทิเสสํ วา ‘สอุปาทิเสโส’ติ ชานิสฺสนฺติ, อนุปาทิเสสํ วา ‘อนุปาทิเสโส’ติ ชานิสฺสนฺติ! อิเม โข, สาริปุตฺต, นว ปุคฺคลา สอุปาทิเสสา กาลํ กุรุมานา ปริมุตฺตา นิรยา ปริมุตฺตา ติรจฺฉานโยนิยา ปริมุตฺตา เปตฺติวิสยา ปริมุตฺตา อปายทุคฺคติวินิปาตาฯ น ตาวายํ, สาริปุตฺต, ธมฺมปริยาโย ปฎิภาสิ ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีนํ อุปาสกานํ อุปาสิกานํฯ ตํ กิสฺส เหตุ? มายิมํ ธมฺมปริยายํ สุตฺวา ปมาทํ อาหริํสูติ 5ฯ อปิ จ มยา 6, สาริปุตฺต, ธมฺมปริยาโย ปญฺหาธิปฺปาเยน ภาสิโต’’ติฯ ทุติยํฯ

    ‘‘Ke ca, sāriputta, aññatitthiyā paribbājakā bālā abyattā, ke ca saupādisesaṃ vā ‘saupādiseso’ti jānissanti, anupādisesaṃ vā ‘anupādiseso’ti jānissanti! Ime kho, sāriputta, nava puggalā saupādisesā kālaṃ kurumānā parimuttā nirayā parimuttā tiracchānayoniyā parimuttā pettivisayā parimuttā apāyaduggativinipātā. Na tāvāyaṃ, sāriputta, dhammapariyāyo paṭibhāsi bhikkhūnaṃ bhikkhunīnaṃ upāsakānaṃ upāsikānaṃ. Taṃ kissa hetu? Māyimaṃ dhammapariyāyaṃ sutvā pamādaṃ āhariṃsūti 7. Api ca mayā 8, sāriputta, dhammapariyāyo pañhādhippāyena bhāsito’’ti. Dutiyaṃ.







    Footnotes:
    1. เกจิ (สฺยา. ปี.), เต จ (ก.)
    2. เกจิ (สฺยา. ปี. ก.) อ. นิ. ๖.๔๔ ปาฬิยา สํสเนฺทตพฺพํ
    3. keci (syā. pī.), te ca (ka.)
    4. keci (syā. pī. ka.) a. ni. 6.44 pāḷiyā saṃsandetabbaṃ
    5. อาหริํสุ (สี. ปี.)
    6. อปิ จายํ (?)
    7. āhariṃsu (sī. pī.)
    8. api cāyaṃ (?)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๒. สอุปาทิเสสสุตฺตวณฺณนา • 2. Saupādisesasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๒. สอุปาทิเสสสุตฺตวณฺณนา • 2. Saupādisesasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact