Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วินยวินิจฺฉย-ฎีกา • Vinayavinicchaya-ṭīkā |
เสทโมจนกถาวณฺณนา
Sedamocanakathāvaṇṇanā
๖๗๙. สุณตํ สุณนฺตานํ ภิกฺขูนํ ปฎุภาวกรา วินยวินิจฺฉเย ปญฺญาโกสลฺลสาธิกา ตโตเยว วรา อุตฺตมาฯ เสทโมจนคาถาโยติ อตฺถปจฺจตฺถิกานํ, สาสนปจฺจตฺถิกานญฺจ วิสฺสเชฺชตุมสกฺกุเณยฺยภาเวน จินฺตยนฺตสฺส ขินฺนสรีรา เสเท โมเจนฺตีติ เสทโมจนาฯ อตฺถานุคตปญฺหา อุปาลิเตฺถเรน ฐปิตา ปญฺหคาถาโย, ตปฺปฎิพทฺธา วิสฺสชฺชนคาถาโย จ อิโต ปรํ วกฺขามีติ โยชนาฯ
679.Suṇataṃ suṇantānaṃ bhikkhūnaṃ paṭubhāvakarā vinayavinicchaye paññākosallasādhikā tatoyeva varā uttamā. Sedamocanagāthāyoti atthapaccatthikānaṃ, sāsanapaccatthikānañca vissajjetumasakkuṇeyyabhāvena cintayantassa khinnasarīrā sede mocentīti sedamocanā. Atthānugatapañhā upālittherena ṭhapitā pañhagāthāyo, tappaṭibaddhā vissajjanagāthāyo ca ito paraṃ vakkhāmīti yojanā.
๖๘๑. กพนฺธํ นาม อสีสํ อุรสิ ชาตอกฺขิมุขสรีรํฯ ยถาห – ‘‘อสีสกํ กพนฺธํ, ยสฺส อุเร อกฺขีนิ เจว มุขญฺจ โหตี’’ติ (ปริ. อฎฺฐ. ๔๗๙)ฯ มุเขน กรณภูเตนฯ กตฺวาติ เสวิตฺวาฯ
681.Kabandhaṃ nāma asīsaṃ urasi jātaakkhimukhasarīraṃ. Yathāha – ‘‘asīsakaṃ kabandhaṃ, yassa ure akkhīni ceva mukhañca hotī’’ti (pari. aṭṭha. 479). Mukhena karaṇabhūtena. Katvāti sevitvā.
๖๘๒. ตสฺส ภิกฺขุโน กถํ ปาราชิโก สิยา ปาราชิกธโมฺม กถํ สิยาฯ
682.Tassa bhikkhuno kathaṃ pārājiko siyā pārājikadhammo kathaṃ siyā.
๖๘๔. กิญฺจีติ ปาทํ วา ปาทารหํ วา ปรสนฺตกํฯ ปรญฺจ น สมาทเปติ ‘‘อมุกสฺส อิตฺถนฺนามํ ภณฺฑํ อวหราหี’’ติ ปรํ น อาณาเปยฺยฯ
684.Kiñcīti pādaṃ vā pādārahaṃ vā parasantakaṃ. Parañca na samādapeti ‘‘amukassa itthannāmaṃ bhaṇḍaṃ avaharāhī’’ti paraṃ na āṇāpeyya.
๖๘๕. ปรสฺส กิญฺจิ นาทิยโนฺตติ สมฺพโนฺธฯ อาณตฺติญฺจาติ จ-สเทฺทน สํวิธานํ, สเงฺกตญฺจ สงฺคณฺหาติฯ
685. Parassa kiñci nādiyantoti sambandho. Āṇattiñcāti ca-saddena saṃvidhānaṃ, saṅketañca saṅgaṇhāti.
๖๘๖. ครุกํ ภณฺฑนฺติ ปาทคฺฆนกภาเวน ครุภณฺฑํฯ ‘‘ปริกฺขาร’’นฺติ เอตสฺส วิเสสนํฯ ปรสฺส ปริกฺขารนฺติ ปรสนฺตกํ ยํ กิญฺจิ ปริกฺขารํฯ
686.Garukaṃ bhaṇḍanti pādagghanakabhāvena garubhaṇḍaṃ. ‘‘Parikkhāra’’nti etassa visesanaṃ. Parassa parikkhāranti parasantakaṃ yaṃ kiñci parikkhāraṃ.
๖๙๒. มนุสฺสุตฺตริเก ธเมฺมติ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมวิสเยฯ กติกํ กตฺวานาติ ‘‘เอวํ นิสิเนฺน เอวํ ฐิเต เอวํ คมเน อตฺถํ อาวิกโรตี’’ติอาทิํ กตฺวาฯ สมฺภาวนาธิปฺปาโยติ ‘‘อรหา’’ติ คเหตฺวา มหาสมฺภาวนํ กโรตีติ อธิปฺปาโย หุตฺวาฯ อติกฺกมติ เจติ ตถา กตํ กติกํ อติกฺกมติ เจ, ตถารูปํ นิสชฺชํ วา ฐานํ วา คมนํ วา กโรตีติ อโตฺถฯ จุโตติ ตถารูปํ นิสชฺชาทิํ ทิสฺวา เกนจิ มนุสฺสชาติเกน ‘‘อรหา’’ติ ตงฺขเณ ญาเต โส ปุคฺคโล ปาราชิกํ อาปชฺชติฯ
692.Manussuttarike dhammeti uttarimanussadhammavisaye. Katikaṃ katvānāti ‘‘evaṃ nisinne evaṃ ṭhite evaṃ gamane atthaṃ āvikarotī’’tiādiṃ katvā. Sambhāvanādhippāyoti ‘‘arahā’’ti gahetvā mahāsambhāvanaṃ karotīti adhippāyo hutvā. Atikkamati ceti tathā kataṃ katikaṃ atikkamati ce, tathārūpaṃ nisajjaṃ vā ṭhānaṃ vā gamanaṃ vā karotīti attho. Cutoti tathārūpaṃ nisajjādiṃ disvā kenaci manussajātikena ‘‘arahā’’ti taṅkhaṇe ñāte so puggalo pārājikaṃ āpajjati.
๖๙๓. เอกวตฺถุกา กถํ ภเวยฺยุนฺติ โยชนาฯ
693. Ekavatthukā kathaṃ bhaveyyunti yojanā.
๖๙๔. อิตฺถิยาติ เอกิสฺสา อิตฺถิยาฯ ปฎิปชฺชโนฺตติ เอกกฺขเณ อเญฺญน ปุริเสน วุตฺตสาสนํ วตฺวา, อิมินา จ ‘‘ปฎิคฺคณฺหาติ, วีมํสตี’’ติ องฺคทฺวยสฺส ปุริมสิทฺธตํ ทีเปติ อิมสฺส ปจฺจาหรณกตญฺจฯ กายสํสคฺคํ สมาปชฺชิตฺวา ทุฎฺฐุลฺลํ วตฺวา อตฺตกามปาริจริยาย วณฺณํ ภณโนฺตฯ
694.Itthiyāti ekissā itthiyā. Paṭipajjantoti ekakkhaṇe aññena purisena vuttasāsanaṃ vatvā, iminā ca ‘‘paṭiggaṇhāti, vīmaṃsatī’’ti aṅgadvayassa purimasiddhataṃ dīpeti imassa paccāharaṇakatañca. Kāyasaṃsaggaṃ samāpajjitvā duṭṭhullaṃ vatvā attakāmapāricariyāya vaṇṇaṃ bhaṇanto.
๖๙๕. ยถาวุตฺตํ วตฺตํ อจริตฺวาติ ภควตา วุตฺตํ ปริวาสาทิวตฺตํ อจริตฺวาฯ
695.Yathāvuttaṃ vattaṃ acaritvāti bhagavatā vuttaṃ parivāsādivattaṃ acaritvā.
๖๙๖. ภิกฺขุนีหิ อสาธารณสิกฺขาปทตฺตา อาห ‘‘นตฺถิ สงฺฆาทิเสสตา’’ติฯ
696. Bhikkhunīhi asādhāraṇasikkhāpadattā āha ‘‘natthi saṅghādisesatā’’ti.
๖๙๗. เยน กุโทฺธ ปสํสิโตติ เอตฺถ ‘‘นินฺทิโต จา’’ติ เสโสฯ
697.Yena kuddho pasaṃsitoti ettha ‘‘nindito cā’’ti seso.
๖๙๘. ติตฺถิยานํ วณฺณมฺหิ ภญฺญมาเน โย กุชฺฌติ, โส อาราธโกติ โยชนา, ปริโตสิโต ปสํสิโตติ อธิปฺปาโยฯ ติตฺถิยปุโพฺพ อิมสฺมิํ สาสเน ปพฺพชฺชํ ลภิตฺวา ติตฺถิยานํ วณฺณสฺมิํ ภญฺญมาเน สุตฺวา สเจ กุปฺปติ อนตฺตมนํ กโรติ, อาราธโก สงฺฆาราธโก สงฺฆํ ปริโตเสโนฺต โหติ, สมฺพุทฺธสฺส วณฺณสฺมิํ ภญฺญมาเน ยทิ กุชฺฌติ, นินฺทิโตติ โยชนาฯ เอตฺถ สมฺพุทฺธสฺสาติ อุปลกฺขณํฯ
698. Titthiyānaṃ vaṇṇamhi bhaññamāne yo kujjhati, so ārādhakoti yojanā, paritosito pasaṃsitoti adhippāyo. Titthiyapubbo imasmiṃ sāsane pabbajjaṃ labhitvā titthiyānaṃ vaṇṇasmiṃ bhaññamāne sutvā sace kuppati anattamanaṃ karoti, ārādhako saṅghārādhako saṅghaṃ paritosento hoti, sambuddhassa vaṇṇasmiṃ bhaññamāne yadi kujjhati, ninditoti yojanā. Ettha sambuddhassāti upalakkhaṇaṃ.
๗๐๑. คเหตฺวาติ ปฎิคฺคเหตฺวาฯ
701.Gahetvāti paṭiggahetvā.
๗๕๑. ‘‘น รตฺตจิโตฺต’’ติอาทินา ปุริมานํ ติณฺณํ ปาราชิกานํ วีติกฺกมจิตฺตุปฺปาทมตฺตสฺสาปิ อภาวํ ทีเปติฯ มรณายาติ เอตฺถ ‘‘มนุสฺสชาติกสฺสา’’ติ อิทํ ปาราชิกปกรณโตว ลพฺภติฯ ตสฺสาติ กิญฺจิ เทนฺตสฺสฯ ตนฺติ ตถา ทียมานํฯ
751.‘‘Na rattacitto’’tiādinā purimānaṃ tiṇṇaṃ pārājikānaṃ vītikkamacittuppādamattassāpi abhāvaṃ dīpeti. Maraṇāyāti ettha ‘‘manussajātikassā’’ti idaṃ pārājikapakaraṇatova labbhati. Tassāti kiñci dentassa. Tanti tathā dīyamānaṃ.
๗๕๒. ‘‘ปราชโย’’ติ อิทํ อภพฺพปุคฺคเลสุ สงฺฆเภทกสฺส อโนฺตคธตฺตา วุตฺตํฯ สลากคฺคาเหนาปิ สงฺฆํ ภินฺทโนฺต สงฺฆเภทโกว โหติฯ
752.‘‘Parājayo’’ti idaṃ abhabbapuggalesu saṅghabhedakassa antogadhattā vuttaṃ. Salākaggāhenāpi saṅghaṃ bhindanto saṅghabhedakova hoti.
๗๕๓. อทฺธโยชเน ยํ ติณฺณํ จีวรานํ อญฺญตรํ เอกํ จีวรํ นิกฺขิปิตฺวานาติ โยชนาฯ
753. Addhayojane yaṃ tiṇṇaṃ cīvarānaṃ aññataraṃ ekaṃ cīvaraṃ nikkhipitvānāti yojanā.
๗๕๔. สุปฺปติฎฺฐิตนิโคฺรธสทิเส รุกฺขมูลเก ติจีวรํ นิกฺขิปิตฺวา อทฺธโยชเน อรุณํ อุฎฺฐาเปนฺตสฺสาติ โยชนาฯ
754. Suppatiṭṭhitanigrodhasadise rukkhamūlake ticīvaraṃ nikkhipitvā addhayojane aruṇaṃ uṭṭhāpentassāti yojanā.
๗๕๕. กายิกา นานาวตฺถุกาโย สมฺพหุลา อาปตฺติโย อปุพฺพํ อจริมํ เอกกฺขเณ กถํ ผุเสติ โยชนาฯ
755. Kāyikā nānāvatthukāyo sambahulā āpattiyo apubbaṃ acarimaṃ ekakkhaṇe kathaṃ phuseti yojanā.
๗๕๗. วาจสิกา น กายิกา นานาวตฺถุกาโย สมฺพหุลา อาปตฺติโย อปุพฺพํ อจริมํ เอกกฺขเณ กถํ ผุเสติ โยชนาฯ
757. Vācasikā na kāyikā nānāvatthukāyo sambahulā āpattiyo apubbaṃ acarimaṃ ekakkhaṇe kathaṃ phuseti yojanā.
๗๕๘. วินยนสเตฺถติ วินยปิฎเกฯ ตสฺส ภิกฺขุสฺสฯ
758.Vinayanasattheti vinayapiṭake. Tassa bhikkhussa.
๗๕๙. ‘‘อิตฺถิยา’’ติอาทีสุ สหเตฺถ กรณวจนํฯ อิตฺถิยา วา ปุริเสน วา ปณฺฑเกน วา นิมิตฺตเก เมถุนํ น เสวโนฺต น ปฎิเสวโนฺต เมถุนปจฺจยา จุโตติ โยชนาฯ
759.‘‘Itthiyā’’tiādīsu sahatthe karaṇavacanaṃ. Itthiyā vā purisena vā paṇḍakena vā nimittake methunaṃ na sevanto na paṭisevanto methunapaccayā cutoti yojanā.
๗๖๐. กายสํสโคฺคเยว กายสํสคฺคตา, ตํ อาปนฺนาฯ อฎฺฐวตฺถุกํ เฉชฺชนฺติ เอวํนามกํ ปาราชิกํฯ
760. Kāyasaṃsaggoyeva kāyasaṃsaggatā, taṃ āpannā. Aṭṭhavatthukaṃ chejjanti evaṃnāmakaṃ pārājikaṃ.
๗๖๒. สมเย ปิฎฺฐิสญฺญิเตติ คิมฺหานํ ปจฺฉิมมาสสฺส ปฐมทิวสโต ยาว เหมนฺตสฺส ปฐมทิวโส, เอตฺถนฺตเร สตฺตมาสมเตฺต ปิฎฺฐิสญฺญิเต สมเยฯ ‘‘มาตุยาปิ จา’’ติ วตฺตเพฺพ ‘‘มาตรมฺปิ จา’’ติ วุตฺตํฯ โสเยว วา ปาโฐฯ
762.Samaye piṭṭhisaññiteti gimhānaṃ pacchimamāsassa paṭhamadivasato yāva hemantassa paṭhamadivaso, etthantare sattamāsamatte piṭṭhisaññite samaye. ‘‘Mātuyāpi cā’’ti vattabbe ‘‘mātarampi cā’’ti vuttaṃ. Soyeva vā pāṭho.
๗๖๔. ‘‘อวสฺสุตหตฺถโต หิ ปิณฺฑํ คเหตฺวา’’ติ อิมินา สงฺฆาทิเสสสฺส วตฺถุมาห, ลสุณนฺติ ปาจิตฺติยสฺส วตฺถุํ, มนุสฺสมํสนฺติ ถุลฺลจฺจยวตฺถุํ, อกปฺปมญฺญนฺติ ทุกฺกฎวตฺถุํฯ อกปฺปมญฺญนฺติ เอตฺถ ‘‘มํส’’นฺติ เสโสฯ ‘‘สเพฺพ เอกโต’’ติ ปทเจฺฉโทฯ เอกโตติ เอตฺถ ‘‘มทฺทิตฺวา’’ติ เสโส, อกปฺปิยมํเสหิ สทฺธิํ เอกโต มทฺทิตฺวา ขาทตีติ อโตฺถฯ สพฺพเมตํ ‘‘คเหตฺวา, มทฺทิตฺวา, ขาทตี’’ติ กิริยานํ กมฺมวจนํฯ มนุสฺสมํสญฺจาติ เอตฺถ จ-สโทฺท ปเจฺจกํ โยเชตโพฺพ โหติฯ ตสฺสาติ ภิกฺขุนิยาฯ สงฺฆาทิเสสปาจิตฺติยทุกฺกฎปาฎิเทสนียถุลฺลจฺจยานิ เอกกฺขเณ โหนฺติฯ
764.‘‘Avassutahatthato hi piṇḍaṃ gahetvā’’ti iminā saṅghādisesassa vatthumāha, lasuṇanti pācittiyassa vatthuṃ, manussamaṃsanti thullaccayavatthuṃ, akappamaññanti dukkaṭavatthuṃ. Akappamaññanti ettha ‘‘maṃsa’’nti seso. ‘‘Sabbe ekato’’ti padacchedo. Ekatoti ettha ‘‘madditvā’’ti seso, akappiyamaṃsehi saddhiṃ ekato madditvā khādatīti attho. Sabbametaṃ ‘‘gahetvā, madditvā, khādatī’’ti kiriyānaṃ kammavacanaṃ. Manussamaṃsañcāti ettha ca-saddo paccekaṃ yojetabbo hoti. Tassāti bhikkhuniyā. Saṅghādisesapācittiyadukkaṭapāṭidesanīyathullaccayāni ekakkhaṇe honti.
๗๖๕. ‘‘ปุคฺคโล เอโก’’ติ ปทเจฺฉโทฯ เทฺวปิ จ ปุณฺณวสฺสาติ ปริปุณฺณวีสติวสฺสา จ เทฺว สามเณราฯ เอกาว เตสํ ปน กมฺมวาจาติ เตสํ อุภินฺนํ สามเณรานํ เอเกน อาจริเยน เอกาว อุปสมฺปทกมฺมวาจา กตาฯ เอกสฺสาติ เอกสฺสาปิ สามเณรสฺสฯ กมฺมนฺติ อุปสมฺปทกมฺมํฯ น รูหเตติ น สมฺปชฺชติ, กิเมตฺถ การณํ, วท ภทฺทมุขาติ อธิปฺปาโยฯ
765. ‘‘Puggalo eko’’ti padacchedo. Dvepi ca puṇṇavassāti paripuṇṇavīsativassā ca dve sāmaṇerā. Ekāva tesaṃ pana kammavācāti tesaṃ ubhinnaṃ sāmaṇerānaṃ ekena ācariyena ekāva upasampadakammavācā katā. Ekassāti ekassāpi sāmaṇerassa. Kammanti upasampadakammaṃ. Na rūhateti na sampajjati, kimettha kāraṇaṃ, vada bhaddamukhāti adhippāyo.
๗๖๖. มหิทฺธิเกสูติ ทฺวีสุ สามเณเรสุฯ สเจ ปน เอโก เกสคฺคมตฺตมฺปิ อากาสโค อากาสโฎฺฐ โหติ , อากาสคตเสฺสว กตํ ตํ อุปสมฺปทกมฺมํ เนว รูหติ เนว สมฺปชฺชติ, ภูมิคตสฺส รูหตีติ โยชนาฯ
766.Mahiddhikesūti dvīsu sāmaṇeresu. Sace pana eko kesaggamattampi ākāsago ākāsaṭṭho hoti , ākāsagatasseva kataṃ taṃ upasampadakammaṃ neva rūhati neva sampajjati, bhūmigatassa rūhatīti yojanā.
๗๖๗. อิทฺธิยา อากาเส ฐิเตน สเงฺฆน ภูมิคตสฺส สามเณรสฺส อุปสมฺปทกมฺมํ น กาตพฺพํฯ ยทิ กโรติ, กุปฺปตีติ โยชนาฯ อิทญฺจ สพฺพกมฺมานํ สาธารณลกฺขณํฯ ยถาห – ‘‘สเงฺฆนาปิ อากาเส นิสีทิตฺวา ภูมิคตสฺส กมฺมํ น กาตพฺพํฯ สเจ กโรติ, กุปฺปตี’’ติ (ปริ. อฎฺฐ. ๔๘๑)ฯ
767. Iddhiyā ākāse ṭhitena saṅghena bhūmigatassa sāmaṇerassa upasampadakammaṃ na kātabbaṃ. Yadi karoti, kuppatīti yojanā. Idañca sabbakammānaṃ sādhāraṇalakkhaṇaṃ. Yathāha – ‘‘saṅghenāpi ākāse nisīditvā bhūmigatassa kammaṃ na kātabbaṃ. Sace karoti, kuppatī’’ti (pari. aṭṭha. 481).
๗๖๘. วตฺถํ กปฺปกตญฺจ น โหติ, รตฺตญฺจ น โหติ, เกสกมฺพลาทิ อกปฺปิยญฺจ โหติ, นิวตฺถสฺส ปนาปตฺติ ตํ ปน นิวตฺถสฺส ภิกฺขุโน อาปตฺติ โหติฯ อนาปตฺติ กถํ สิยา, วท ภทฺทมุขาติ โยชนาฯ
768. Vatthaṃ kappakatañca na hoti, rattañca na hoti, kesakambalādi akappiyañca hoti, nivatthassa panāpatti taṃ pana nivatthassa bhikkhuno āpatti hoti. Anāpatti kathaṃ siyā, vada bhaddamukhāti yojanā.
๗๖๙. เอตฺถ เอตสฺมิํ อกปฺปิยวตฺถุธารเณ ตนฺนิมิตฺตํฯ อจฺฉินฺนจีวรสฺส ภิกฺขุโน อนาปตฺติ สิยาติ โยชนาฯ ‘‘กิญฺจิปี’’ติอาทินา วุตฺตเมวตฺถํ สมเตฺถติฯ อสฺส อจฺฉินฺนจีวรสฺส ภิกฺขุสฺส อกปฺปิยํ นาม กิญฺจิปิ จีวรํ น วิชฺชติ, ตสฺมา อนาปตฺตีติ อธิปฺปาโยฯ
769.Ettha etasmiṃ akappiyavatthudhāraṇe tannimittaṃ. Acchinnacīvarassa bhikkhuno anāpatti siyāti yojanā. ‘‘Kiñcipī’’tiādinā vuttamevatthaṃ samattheti. Assa acchinnacīvarassa bhikkhussa akappiyaṃ nāma kiñcipi cīvaraṃ na vijjati, tasmā anāpattīti adhippāyo.
๗๗๐. กุโตปิ จ ปุริสสฺส หตฺถโต โภชนสฺส กิญฺจิ น คณฺหติ, โภชนโต กิญฺจิปิ สยมฺปิ กสฺสจิ ปุริสสฺส น เทติ, ตถาปิ ครุกํ วชฺชํ สงฺฆาทิเสสาปตฺติํ อุเปติ อาปชฺชติ, ตํ กถมาปชฺชติ, ตฺวํ ยทิ วินเย กุสโล อสิ, เม มยฺหํ วท เอตํ การณํ กเถหีติ โยชนาฯ หเวติ นิปาตมตฺตํฯ
770.Kutopi ca purisassa hatthato bhojanassa kiñci na gaṇhati, bhojanato kiñcipi sayampi kassaci purisassa na deti, tathāpi garukaṃ vajjaṃ saṅghādisesāpattiṃ upeti āpajjati, taṃ kathamāpajjati, tvaṃ yadi vinaye kusalo asi, me mayhaṃ vada etaṃ kāraṇaṃ kathehīti yojanā. Haveti nipātamattaṃ.
๗๗๑. ยา ปน ภิกฺขุนี อญฺญาย ภิกฺขุนิยา ‘‘อิงฺฆ, อเยฺย, ยํ เต เอโส ปุริสปุคฺคโล เทติ ขาทนียํ วา’’ติอาทินา (ปาจิ. ๗๐๕) สงฺฆาทิเสสมาติกาย วุตฺตนเยน อุโยฺยชิตา อวสฺสุตมฺหา ปุริสปุคฺคลา ยํ กิญฺจิ โภชนํ อาทาย ปฎิคฺคเหตฺวา สเจ ภุญฺชติ, สา ตถา ภุญฺชนฺตี ยาย อุโยฺยชิตา ภุญฺชติ, ตสฺสา อุโยฺยชิกาย ธีรา วินยธรา ปณฺฑิตา สงฺฆาทิเสสํ กถยนฺติ ตสฺสา อุโยฺยชิตาย โภชนปริโยสาเน อุโยฺยชิกาย สงฺฆาทิเสสํ วทนฺตีติ โยชนาฯ ยถาห – ‘‘ตสฺสา หิ โภชนปริโยสาเน อุโยฺยชิกาย สงฺฆาทิเสโส โหตี’’ติ (ปริ. อฎฺฐ. ๔๘๑)ฯ
771.Yā pana bhikkhunī aññāya bhikkhuniyā ‘‘iṅgha, ayye, yaṃ te eso purisapuggalo deti khādanīyaṃ vā’’tiādinā (pāci. 705) saṅghādisesamātikāya vuttanayena uyyojitā avassutamhā purisapuggalā yaṃ kiñci bhojanaṃ ādāya paṭiggahetvā sace bhuñjati, sā tathā bhuñjantī yāya uyyojitā bhuñjati, tassā uyyojikāya dhīrā vinayadharā paṇḍitā saṅghādisesaṃ kathayanti tassā uyyojitāya bhojanapariyosāne uyyojikāya saṅghādisesaṃ vadantīti yojanā. Yathāha – ‘‘tassā hi bhojanapariyosāne uyyojikāya saṅghādiseso hotī’’ti (pari. aṭṭha. 481).
๗๗๒. ตํ กถํ ยทิ พุชฺฌสิ ชานาสิ, สาธุกํ พฺรูหิ กเถหีติ โยชนาฯ
772. Taṃ kathaṃ yadi bujjhasi jānāsi, sādhukaṃ brūhi kathehīti yojanā.
๗๗๓. นิเสวิเตติ ตาย อุโยฺยชิตาย ภิกฺขุนิยา ตสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส หตฺถโต ปฎิคฺคหิเต ตสฺมิํ ทนฺตโปเน ปริภุเตฺต อุโยฺยชิกา ลหุวชฺชํ อาปชฺชตีติ อโตฺถฯ
773.Niseviteti tāya uyyojitāya bhikkhuniyā tassa purisapuggalassa hatthato paṭiggahite tasmiṃ dantapone paribhutte uyyojikā lahuvajjaṃ āpajjatīti attho.
๗๗๕. ‘‘อุกฺขิตฺตโก’’ติ อิมินา อาปตฺติวชฺชมาหฯ ยถาห – ‘‘เตน หิ สทฺธิํ วินยกมฺมํ นตฺถิ, ตสฺมา โส สงฺฆาทิเสสํ อาปชฺชิตฺวา ฉาเทโนฺต วชฺชํ น ผุสตี’’ติฯ
775.‘‘Ukkhittako’’ti iminā āpattivajjamāha. Yathāha – ‘‘tena hi saddhiṃ vinayakammaṃ natthi, tasmā so saṅghādisesaṃ āpajjitvā chādento vajjaṃ na phusatī’’ti.
๗๗๖. สปฺปาณปฺปาณชนฺติ สปฺปาณเก จ อปฺปาณเก จ ชาตํฯ เนว ชงฺคมนฺติ ปาเทหิ ภูมิยํ เนว จรนฺตํฯ น วิหงฺคมนฺติ อากาเส ปกฺขํ ปสาเรตฺวา น จรนฺตํฯ ทฺวิชนฺติ ทฺวีหิ ปจฺจเยหิ, ทฺวิกฺขตฺตุํ วา ชาตตฺตา ทฺวิชํฯ กนฺตนฺติ มโนหรํฯ อกนฺตนฺติ อมโนหรํฯ
776.Sappāṇappāṇajanti sappāṇake ca appāṇake ca jātaṃ. Neva jaṅgamanti pādehi bhūmiyaṃ neva carantaṃ. Na vihaṅgamanti ākāse pakkhaṃ pasāretvā na carantaṃ. Dvijanti dvīhi paccayehi, dvikkhattuṃ vā jātattā dvijaṃ. Kantanti manoharaṃ. Akantanti amanoharaṃ.
๗๗๗. สปฺปาณโช สโทฺท จิตฺตโช วุโตฺต, อปฺปาณโช อุตุโช สโทฺท วุโตฺต, โส ปน ทฺวีเหว ปจฺจเยหิ ชาตตฺตา ‘‘ทฺวิโช’’ติ มโตติ โยชนาฯ
777. Sappāṇajo saddo cittajo vutto, appāṇajo utujo saddo vutto, so pana dvīheva paccayehi jātattā ‘‘dvijo’’ti matoti yojanā.
๗๗๘. ‘‘วินเย’’ติอาทิคาถา วณฺณิตตฺถาเยวฯ
778.‘‘Vinaye’’tiādigāthā vaṇṇitatthāyeva.
อิติ อุตฺตเร ลีนตฺถปกาสนิยา
Iti uttare līnatthapakāsaniyā
เสทโมจนกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sedamocanakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.