Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) |
๓. เสขสุตฺตวณฺณนา
3. Sekhasuttavaṇṇanā
๒๒. เอวํ เม สุตนฺติ เสขสุตฺตํฯ ตตฺถ นวํ สนฺถาคารนฺติ อธุนา การิตํ สนฺถาคารํ, เอกา มหาสาลาติ อโตฺถฯ อุโยฺยคกาลาทีสุ หิ ราชาโน ตตฺถ ฐตฺวา ‘‘เอตฺตกา ปุรโต คจฺฉนฺตุ, เอตฺตกา ปจฺฉา, เอตฺตกา อุโภหิ ปเสฺสหิ, เอตฺตกา หตฺถีสุ อภิรุหนฺตุ, เอตฺตกา อเสฺสสุ, เอตฺตกา รเถสุ ติฎฺฐนฺตู’’ติ เอวํ สนฺถํ กโรนฺติ, มริยาทํ พนฺธนฺติ, ตสฺมา ตํ ฐานํ สนฺถาคารนฺติ วุจฺจติฯ อุโยฺยคฎฺฐานโต จ อาคนฺตฺวา ยาว เคเหสุ อลฺลโคมยปริภณฺฑาทีนิ กโรนฺติ, ตาว เทฺว ตีณิ ทิวสานิ เต ราชาโน ตตฺถ สนฺถมฺภนฺตีติปิ สนฺถาคารํฯ เตสํ ราชูนํ สห อตฺถานุสาสนํ อคารนฺติปิ สนฺถาคารํ คณราชาโน หิ เต , ตสฺมา อุปฺปนฺนกิจฺจํ เอกสฺส วเสน น ฉิชฺชติ, สเพฺพสํ ฉโนฺท ลทฺธุํ วฎฺฎติ, ตสฺมา สเพฺพ ตตฺถ สนฺนิปติตฺวา อนุสาสนฺติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘สห อตฺถานุสาสนํ อคารนฺติปิ สนฺถาคาร’’นฺติฯ ยสฺมา ปเนเต ตตฺถ สนฺนิปติตฺวา ‘‘อิมสฺมิํ กาเล กสิตุํ วฎฺฎติ, อิมสฺมิํ กาเล วปิตุ’’นฺติ เอวมาทินา นเยน ฆราวาสกิจฺจานิ สมฺมนฺตยนฺติ, ตสฺมา ฉิทฺทาวฉิทฺทํ ฆราวาสํ ตตฺถ สนฺถรนฺตีติปิ สนฺถาคารํฯ อจิรการิตํ โหตีติ กฎฺฐกมฺม-สิลากมฺม-จิตฺตกมฺมาทิวเสน สุสชฺชิตํ เทววิมานํ วิย อธุนา นิฎฺฐาปิตํฯ สมเณน วาติ เอตฺถ ยสฺมา ฆรวตฺถุปริคฺคหกาเลเยว เทวตา อตฺตโน วสนฎฺฐานํ คณฺหนฺติ, ตสฺมา ‘‘เทเวน วา’’ติ อวตฺวา ‘‘สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เกนจิ วา มนุสฺสภูเตนา’’ติ วุตฺตํฯ
22.Evaṃme sutanti sekhasuttaṃ. Tattha navaṃ santhāgāranti adhunā kāritaṃ santhāgāraṃ, ekā mahāsālāti attho. Uyyogakālādīsu hi rājāno tattha ṭhatvā ‘‘ettakā purato gacchantu, ettakā pacchā, ettakā ubhohi passehi, ettakā hatthīsu abhiruhantu, ettakā assesu, ettakā rathesu tiṭṭhantū’’ti evaṃ santhaṃ karonti, mariyādaṃ bandhanti, tasmā taṃ ṭhānaṃ santhāgāranti vuccati. Uyyogaṭṭhānato ca āgantvā yāva gehesu allagomayaparibhaṇḍādīni karonti, tāva dve tīṇi divasāni te rājāno tattha santhambhantītipi santhāgāraṃ. Tesaṃ rājūnaṃ saha atthānusāsanaṃ agārantipi santhāgāraṃ gaṇarājāno hi te , tasmā uppannakiccaṃ ekassa vasena na chijjati, sabbesaṃ chando laddhuṃ vaṭṭati, tasmā sabbe tattha sannipatitvā anusāsanti. Tena vuttaṃ ‘‘saha atthānusāsanaṃ agārantipi santhāgāra’’nti. Yasmā panete tattha sannipatitvā ‘‘imasmiṃ kāle kasituṃ vaṭṭati, imasmiṃ kāle vapitu’’nti evamādinā nayena gharāvāsakiccāni sammantayanti, tasmā chiddāvachiddaṃ gharāvāsaṃ tattha santharantītipi santhāgāraṃ. Acirakāritaṃ hotīti kaṭṭhakamma-silākamma-cittakammādivasena susajjitaṃ devavimānaṃ viya adhunā niṭṭhāpitaṃ. Samaṇena vāti ettha yasmā gharavatthupariggahakāleyeva devatā attano vasanaṭṭhānaṃ gaṇhanti, tasmā ‘‘devena vā’’ti avatvā ‘‘samaṇena vā brāhmaṇena vā kenaci vā manussabhūtenā’’ti vuttaṃ.
เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสูติ สนฺถาคารํ นิฎฺฐิตนฺติ สุตฺวา ‘‘คจฺฉาม, นํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ คนฺตฺวา ทฺวารโกฎฺฐกโต ปฎฺฐาย สพฺพํ โอโลเกตฺวา ‘‘อิทํ สนฺถาคารํ เทววิมานสทิสํ อติวิย มโนรมํ สสฺสิริกํ เกน ปฐมํ ปริภุตฺตํ อมฺหากํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย อสฺสา’’ติ จิเนฺตตฺวา ‘‘อมฺหากํ ญาติเสฎฺฐสฺส ปฐมํ ทิยฺยมาเนปิ สตฺถุโนว อนุจฺฉวิกํ, ทกฺขิเณยฺยวเสน ทิยฺยมาเนปิ สตฺถุโนว อนุจฺฉวิกํ, ตสฺมา ปฐมํ สตฺถารํ ปริภุญฺชาเปสฺสาม, ภิกฺขุสงฺฆสฺส อาคมนํ กริสฺสาม, ภิกฺขุสเงฺฆ อาคเต เตปิฎกํ พุทฺธวจนํ อาคตเมว ภวิสฺสติ, สตฺถารํ ติยามรตฺติํ อมฺหากํ ธมฺมกถํ กถาเปสฺสาม, อิติ ตีหิ รตเนหิ ปริภุตฺตํ มยํ ปจฺฉา ปริภุญฺชิสฺสาม , เอวํ โน ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย ภวิสฺสตี’’ติ สนฺนิฎฺฐานํ กตฺวา อุปสงฺกมิํสุฯ
Yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsūti santhāgāraṃ niṭṭhitanti sutvā ‘‘gacchāma, naṃ passissāmā’’ti gantvā dvārakoṭṭhakato paṭṭhāya sabbaṃ oloketvā ‘‘idaṃ santhāgāraṃ devavimānasadisaṃ ativiya manoramaṃ sassirikaṃ kena paṭhamaṃ paribhuttaṃ amhākaṃ dīgharattaṃ hitāya sukhāya assā’’ti cintetvā ‘‘amhākaṃ ñātiseṭṭhassa paṭhamaṃ diyyamānepi satthunova anucchavikaṃ, dakkhiṇeyyavasena diyyamānepi satthunova anucchavikaṃ, tasmā paṭhamaṃ satthāraṃ paribhuñjāpessāma, bhikkhusaṅghassa āgamanaṃ karissāma, bhikkhusaṅghe āgate tepiṭakaṃ buddhavacanaṃ āgatameva bhavissati, satthāraṃ tiyāmarattiṃ amhākaṃ dhammakathaṃ kathāpessāma, iti tīhi ratanehi paribhuttaṃ mayaṃ pacchā paribhuñjissāma , evaṃ no dīgharattaṃ hitāya sukhāya bhavissatī’’ti sanniṭṭhānaṃ katvā upasaṅkamiṃsu.
เยน สนฺถาคารํ เตนุปสงฺกมิํสูติ ตํ ทิวสํ กิร สนฺถาคารํ กิญฺจาปิ ราชกุลานํ ทสฺสนตฺถาย เทววิมานํ วิย สุสชฺชิตํ โหติ สุปฎิชคฺคิตํ, พุทฺธารหํ ปน กตฺวา อปฺปญฺญตฺตํฯ พุทฺธา หิ นาม อรญฺญชฺฌาสยา อรญฺญารามา อโนฺตคาเม วเสยฺยุํ วา โน วา, ตสฺมา ภควโต มนํ ชานิตฺวาว ปญฺญาเปสฺสามาติ จิเนฺตตฺวา เต ภควนฺตํ อุปสงฺกมิํสุฯ อิทานิ ปน มนํ ลภิตฺวา ปญฺญาเปตุกามา เยน สนฺถาคารํ เตนุปสงฺกมิํสุฯ
Yena santhāgāraṃ tenupasaṅkamiṃsūti taṃ divasaṃ kira santhāgāraṃ kiñcāpi rājakulānaṃ dassanatthāya devavimānaṃ viya susajjitaṃ hoti supaṭijaggitaṃ, buddhārahaṃ pana katvā appaññattaṃ. Buddhā hi nāma araññajjhāsayā araññārāmā antogāme vaseyyuṃ vā no vā, tasmā bhagavato manaṃ jānitvāva paññāpessāmāti cintetvā te bhagavantaṃ upasaṅkamiṃsu. Idāni pana manaṃ labhitvā paññāpetukāmā yena santhāgāraṃ tenupasaṅkamiṃsu.
สพฺพสนฺถริํ สนฺถาคารํ สนฺถริตฺวาติ ยถา สพฺพเมว สนฺถตํ โหติ, เอวํ ตํ สนฺถราเปตฺวาฯ สพฺพปฐมํ ตาว ‘‘โคมยํ นาม สพฺพมงฺคเลสุ วฎฺฎตี’’ติ สุธาปริกมฺมกตมฺปิ ภูมิํ อลฺลโคมเยน โอปุญฺฉาเปตฺวา ปริสุกฺขภาวํ ญตฺวา ยถา อกฺกนฺตฎฺฐาเน ปทํ น ปญฺญายติ, เอวํ จตุชฺชาติยคเนฺธหิ ลิมฺปาเปตฺวา อุปริ นานาวเณฺณ กฎสารเก สนฺถริตฺวา เตสํ อุปริ มหาปิฎฺฐิกโกชวเก อาทิํ กตฺวา หตฺถตฺถรก-อสฺสตฺถรก-สีหตฺถรก-พฺยคฺฆตฺถรก-จนฺทตฺถรก-สูริยตฺถรก-จิตฺตตฺถรกาทีหิ นานาวเณฺณหิ อตฺถรเณหิ สนฺถริตพฺพกยุตฺตํ สโพฺพกาสํ สนฺถราเปสุํฯ เตน วุตฺตํ ‘‘สพฺพสนฺถริํ สนฺถาคารํ สนฺถริตฺวา’’ติฯ
Sabbasanthariṃ santhāgāraṃ santharitvāti yathā sabbameva santhataṃ hoti, evaṃ taṃ santharāpetvā. Sabbapaṭhamaṃ tāva ‘‘gomayaṃ nāma sabbamaṅgalesu vaṭṭatī’’ti sudhāparikammakatampi bhūmiṃ allagomayena opuñchāpetvā parisukkhabhāvaṃ ñatvā yathā akkantaṭṭhāne padaṃ na paññāyati, evaṃ catujjātiyagandhehi limpāpetvā upari nānāvaṇṇe kaṭasārake santharitvā tesaṃ upari mahāpiṭṭhikakojavake ādiṃ katvā hatthattharaka-assattharaka-sīhattharaka-byagghattharaka-candattharaka-sūriyattharaka-cittattharakādīhi nānāvaṇṇehi attharaṇehi santharitabbakayuttaṃ sabbokāsaṃ santharāpesuṃ. Tena vuttaṃ ‘‘sabbasanthariṃ santhāgāraṃ santharitvā’’ti.
อาสนานิ ปญฺญาเปตฺวาติ มชฺฌฎฺฐาเน ตาว มงฺคลตฺถมฺภํ นิสฺสาย มหารหํ พุทฺธาสนํ ปญฺญาเปตฺวา ตตฺถ ยํ ยํ มุทุกญฺจ มโนรมญฺจ ปจฺจตฺถรณํ, ตํ ตํ ปจฺจตฺถริตฺวา ภควโต โลหิตกํ มนุญฺญทสฺสนํ อุปธานํ อุปทหิตฺวา อุปริ สุวณฺณรชตตารกวิจิตฺตํ วิตานํ พนฺธิตฺวา คนฺธทามปุปฺผทามปตฺตทามาทีหิ ปจฺจตฺถรเณหิ อลงฺกริตฺวา สมนฺตา ทฺวาทสหตฺถฎฺฐาเน ปุปฺผชาลํ กริตฺวา ติํสหตฺถมตฺตํ ฐานํ ปฎสาณิยา ปริกฺขิปาเปตฺวา ปจฺฉิมภิตฺติํ นิสฺสาย ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปลฺลงฺกปีฐ-อปสฺสยปีฐ-มุณฺฑปีฐานิ ปญฺญาเปตฺวา อุปริ เสตปจฺจตฺถรเณหิ ปจฺจตฺถราเปตฺวา ปาจีนภิตฺติํ นิสฺสาย อตฺตโน อตฺตโน มหาปิฎฺฐิกโกชวเก ปญฺญาเปตฺวา หํสโลมาทิปูริตานิ อุปธานานิ ฐปาเปสุํ ‘‘เอวํ อกิลมมานา สพฺพรตฺติํ ธมฺมํ สุณิสฺสามา’’ติฯ อิทํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อาสนานิ ปญฺญาเปตฺวา’’ติฯ
Āsanāni paññāpetvāti majjhaṭṭhāne tāva maṅgalatthambhaṃ nissāya mahārahaṃ buddhāsanaṃ paññāpetvā tattha yaṃ yaṃ mudukañca manoramañca paccattharaṇaṃ, taṃ taṃ paccattharitvā bhagavato lohitakaṃ manuññadassanaṃ upadhānaṃ upadahitvā upari suvaṇṇarajatatārakavicittaṃ vitānaṃ bandhitvā gandhadāmapupphadāmapattadāmādīhi paccattharaṇehi alaṅkaritvā samantā dvādasahatthaṭṭhāne pupphajālaṃ karitvā tiṃsahatthamattaṃ ṭhānaṃ paṭasāṇiyā parikkhipāpetvā pacchimabhittiṃ nissāya bhikkhusaṅghassa pallaṅkapīṭha-apassayapīṭha-muṇḍapīṭhāni paññāpetvā upari setapaccattharaṇehi paccattharāpetvā pācīnabhittiṃ nissāya attano attano mahāpiṭṭhikakojavake paññāpetvā haṃsalomādipūritāni upadhānāni ṭhapāpesuṃ ‘‘evaṃ akilamamānā sabbarattiṃ dhammaṃ suṇissāmā’’ti. Idaṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘āsanāni paññāpetvā’’ti.
อุทกมณิกนฺติ มหากุจฺฉิกํ อุทกจาฎิํฯ อุปฎฺฐเปตฺวาติ เอวํ ภควา จ ภิกฺขุสโงฺฆ จ ยถารุจิยา หเตฺถ วา โธวิสฺสนฺติ ปาเท วา, มุขํ วา วิกฺขาเลสฺสนฺตีติ เตสุ เตสุ ฐาเนสุ มณิวณฺณสฺส อุทกสฺส ปูราเปตฺวา วาสตฺถาย นานาปุปฺผานิ เจว อุทกวาสจุณฺณานิ จ ปกฺขิปิตฺวา กทลิปเณฺณหิ ปิทหิตฺวา ปติฎฺฐาเปสุํฯ อิทํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อุปฎฺฐเปตฺวา’’ติฯ
Udakamaṇikanti mahākucchikaṃ udakacāṭiṃ. Upaṭṭhapetvāti evaṃ bhagavā ca bhikkhusaṅgho ca yathāruciyā hatthe vā dhovissanti pāde vā, mukhaṃ vā vikkhālessantīti tesu tesu ṭhānesu maṇivaṇṇassa udakassa pūrāpetvā vāsatthāya nānāpupphāni ceva udakavāsacuṇṇāni ca pakkhipitvā kadalipaṇṇehi pidahitvā patiṭṭhāpesuṃ. Idaṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘upaṭṭhapetvā’’ti.
เตลปฺปทีปํ อาโรเปตฺวาติ รชตสุวณฺณาทิมยทณฺฑาสุ ทีปิกาสุ โยนกรูปกิราตรูปกาทีนํ หเตฺถ ฐปิตสุวณฺณรชตาทิมยกปลฺลกาทีสุ จ เตลปฺปทีปํ ชลยิตฺวาติ อโตฺถฯ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสูติ เอตฺถ ปน เต สกฺยราชาโน น เกวลํ สนฺถาคารเมว, อถ โข โยชนาวเฎฺฎ กปิลวตฺถุสฺมิํ นครวีถิโยปิ สมฺมชฺชาเปตฺวา ธเช อุสฺสาเปตฺวา เคหทฺวาเรสุ ปุณฺณฆเฎ จ กทลิโย จ ฐปาเปตฺวา สกลนครํ ทีปมาลาทีหิ วิปฺปกิณฺณตารกํ วิย กตฺวา ‘‘ขีรปายเก ทารเก ขีรํ ปาเยถ, ทหเร กุมาเร ลหุํ ลหุํ โภเชตฺวา สยาเปถ, อุจฺจาสทฺทํ มา กริตฺถ, อชฺช เอกรตฺติํ สตฺถา อโนฺตคาเม วสิสฺสติ, พุทฺธา นาม อปฺปสทฺทกามา โหนฺตี’’ติ เภริํ จราเปตฺวา สยํ ทณฺฑทีปิกา อาทาย เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุฯ
Telappadīpaṃ āropetvāti rajatasuvaṇṇādimayadaṇḍāsu dīpikāsu yonakarūpakirātarūpakādīnaṃ hatthe ṭhapitasuvaṇṇarajatādimayakapallakādīsu ca telappadīpaṃ jalayitvāti attho. Yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsūti ettha pana te sakyarājāno na kevalaṃ santhāgārameva, atha kho yojanāvaṭṭe kapilavatthusmiṃ nagaravīthiyopi sammajjāpetvā dhaje ussāpetvā gehadvāresu puṇṇaghaṭe ca kadaliyo ca ṭhapāpetvā sakalanagaraṃ dīpamālādīhi vippakiṇṇatārakaṃ viya katvā ‘‘khīrapāyake dārake khīraṃ pāyetha, dahare kumāre lahuṃ lahuṃ bhojetvā sayāpetha, uccāsaddaṃ mā karittha, ajja ekarattiṃ satthā antogāme vasissati, buddhā nāma appasaddakāmā hontī’’ti bheriṃ carāpetvā sayaṃ daṇḍadīpikā ādāya yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu.
อถ โข ภควา นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สทฺธิํ ภิกฺขุสเงฺฆน เยน นวํ สนฺถาคารํ เตนุปสงฺกมีติฯ ‘‘ยสฺส ทานิ, ภเนฺต, ภควา กาลํ มญฺญตี’’ติ เอวํ กิร กาเล อาโรจิเต ภควา ลาขารเสน ตินฺตรตฺตโกวิฬารปุปฺผวณฺณํ รตฺตทุปฎฺฎํ กตฺตริยา ปทุมํ กนฺตโนฺต วิย สํวิธาย ติมณฺฑลํ ปฎิจฺฉาเทโนฺต นิวาเสตฺวา สุวณฺณปามเงฺคน ปทุมกลาปํ ปริกฺขิปโนฺต วิย วิชฺชุลฺลตาสสฺสิริกํ กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา รตฺตกมฺพเลน คชกุมฺภํ ปริโยนทฺธโนฺต วิย รตนสตุเพฺพเธ สุวณฺณคฺฆิเก ปวาฬชาลํ ขิปมาโน วิย สุวณฺณเจติเย รตฺตกมฺพลกญฺจุกํ ปฎิมุญฺจโนฺต วิย คจฺฉนฺตํ ปุณฺณจนฺทํ รตฺตวณฺณวลาหเกน ปฎิจฺฉาทยมาโน วิย กญฺจนปพฺพตมตฺถเก สุปกฺกลาขารสํ ปริสิญฺจโนฺต วิย จิตฺตกูฎปพฺพตมตฺถกํ วิชฺชุลฺลตาย ปริกฺขิปโนฺต วิย จ สจกฺกวาฬสิเนรุยุคนฺธรํ มหาปถวิํ จาเลตฺวา คหิตํ นิโคฺรธปลฺลวสมานวณฺณํ รตฺตวรปํสุกูลํ ปารุปิตฺวา คนฺธกุฎิทฺวารโต นิกฺขมิ กญฺจนคุหโต สีโห วิย อุทยปพฺพตกูฎโต ปุณฺณจโนฺท วิย จฯ นิกฺขมิตฺวา ปน คนฺธกุฎิปมุเข อฎฺฐาสิฯ
Athakho bhagavā nivāsetvā pattacīvaramādāya saddhiṃ bhikkhusaṅghena yena navaṃ santhāgāraṃ tenupasaṅkamīti. ‘‘Yassa dāni, bhante, bhagavā kālaṃ maññatī’’ti evaṃ kira kāle ārocite bhagavā lākhārasena tintarattakoviḷārapupphavaṇṇaṃ rattadupaṭṭaṃ kattariyā padumaṃ kantanto viya saṃvidhāya timaṇḍalaṃ paṭicchādento nivāsetvā suvaṇṇapāmaṅgena padumakalāpaṃ parikkhipanto viya vijjullatāsassirikaṃ kāyabandhanaṃ bandhitvā rattakambalena gajakumbhaṃ pariyonaddhanto viya ratanasatubbedhe suvaṇṇagghike pavāḷajālaṃ khipamāno viya suvaṇṇacetiye rattakambalakañcukaṃ paṭimuñcanto viya gacchantaṃ puṇṇacandaṃ rattavaṇṇavalāhakena paṭicchādayamāno viya kañcanapabbatamatthake supakkalākhārasaṃ parisiñcanto viya cittakūṭapabbatamatthakaṃ vijjullatāya parikkhipanto viya ca sacakkavāḷasineruyugandharaṃ mahāpathaviṃ cāletvā gahitaṃ nigrodhapallavasamānavaṇṇaṃ rattavarapaṃsukūlaṃ pārupitvā gandhakuṭidvārato nikkhami kañcanaguhato sīho viya udayapabbatakūṭato puṇṇacando viya ca. Nikkhamitvā pana gandhakuṭipamukhe aṭṭhāsi.
อถสฺส กายโต เมฆมุเขหิ วิชฺชุกลาปา วิย รสฺมิโย นิกฺขมิตฺวา สุวณฺณรสธาราปริเสกมญฺชริปตฺตปุปฺผผลวิฎเป วิย อารามรุเกฺข กริํสุฯ ตาวเทว จ อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตจีวรมาทาย มหาภิกฺขุสโงฺฆ ภควนฺตํ ปริวาเรสิฯ เต ปน ปริวาเรตฺวา ฐิตา ภิกฺขู เอวรูปา อเหสุํ อปฺปิจฺฉา สนฺตุฎฺฐา ปวิวิตฺตา อสํสฎฺฐา อารทฺธวีริยา วตฺตาโร วจนกฺขมา โจทกา ปาปครหี สีลสมฺปนฺนา สมาธิสมฺปนฺนา ปญฺญาวิมุตฺติวิมุตฺติญาณทสฺสนสมฺปนฺนาติฯ เตหิ ปริวาริโต ภควา รตฺตกมฺพลปริกฺขิโตฺต วิย สุวณฺณกฺขโนฺธ รตฺตปทุมสณฺฑมชฺฌคตา วิย สุวณฺณนาวา ปวาฬเวทิกาปริกฺขิโตฺต วิย สุวณฺณปาสาโท วิโรจิตฺถฯ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานาทโย มหาเถราปิ นํ เมฆวณฺณํ ปํสุกูลํ ปารุปิตฺวา มณิวมฺมวมฺมิกา วิย มหานาคา ปริวารยิํสุ วนฺตราคา ภินฺนกิเลสา วิชฎิตชฎา ฉินฺนพนฺธนา กุเล วา คเณ วา อลคฺคาฯ
Athassa kāyato meghamukhehi vijjukalāpā viya rasmiyo nikkhamitvā suvaṇṇarasadhārāparisekamañjaripattapupphaphalaviṭape viya ārāmarukkhe kariṃsu. Tāvadeva ca attano attano pattacīvaramādāya mahābhikkhusaṅgho bhagavantaṃ parivāresi. Te pana parivāretvā ṭhitā bhikkhū evarūpā ahesuṃ appicchā santuṭṭhā pavivittā asaṃsaṭṭhā āraddhavīriyā vattāro vacanakkhamā codakā pāpagarahī sīlasampannā samādhisampannā paññāvimuttivimuttiñāṇadassanasampannāti. Tehi parivārito bhagavā rattakambalaparikkhitto viya suvaṇṇakkhandho rattapadumasaṇḍamajjhagatā viya suvaṇṇanāvā pavāḷavedikāparikkhitto viya suvaṇṇapāsādo virocittha. Sāriputtamoggallānādayo mahātherāpi naṃ meghavaṇṇaṃ paṃsukūlaṃ pārupitvā maṇivammavammikā viya mahānāgā parivārayiṃsu vantarāgā bhinnakilesā vijaṭitajaṭā chinnabandhanā kule vā gaṇe vā alaggā.
อิติ ภควา สยํ วีตราโค วีตราเคหิ, วีตโทโส วีตโทเสหิ, วีตโมโห วีตโมเหหิ, นิตฺตโณฺห นิตฺตเณฺหหิ, นิกฺกิเลโส นิกฺกิเลเสหิ, สยํ พุโทฺธ พหุสฺสุตพุเทฺธหิ ปริวาริโต, ปตฺตปริวาริตํ วิย เกสรํ, เกสรปริวาริตา วิย กณฺณิกา, อฎฺฐนาคสหสฺสปริวาริโต วิย ฉทฺทโนฺต นาคราชา, นวุติหํสสหสฺสปริวาริโต วิย ธตรโฎฺฐ หํสราชา, เสนงฺคปริวาริโต วิย จกฺกวตฺติ, มรุคณปริวาริโต วิย สโกฺก เทวราชา, พฺรหฺมคณปริวาริโต วิย หาริตมหาพฺรหฺมา, ตาราคณปริวาริโต วิย ปุณฺณจโนฺท, อสเมน พุทฺธเวเสน อปริมาเณน พุทฺธวิลาเสน กปิลวตฺถุคมนมคฺคํ ปฎิปชฺชิฯ
Iti bhagavā sayaṃ vītarāgo vītarāgehi, vītadoso vītadosehi, vītamoho vītamohehi, nittaṇho nittaṇhehi, nikkileso nikkilesehi, sayaṃ buddho bahussutabuddhehi parivārito, pattaparivāritaṃ viya kesaraṃ, kesaraparivāritā viya kaṇṇikā, aṭṭhanāgasahassaparivārito viya chaddanto nāgarājā, navutihaṃsasahassaparivārito viya dhataraṭṭho haṃsarājā, senaṅgaparivārito viya cakkavatti, marugaṇaparivārito viya sakko devarājā, brahmagaṇaparivārito viya hāritamahābrahmā, tārāgaṇaparivārito viya puṇṇacando, asamena buddhavesena aparimāṇena buddhavilāsena kapilavatthugamanamaggaṃ paṭipajji.
อถสฺส ปุรตฺถิมกายโต สุวณฺณวณฺณา รสฺมี อุฎฺฐหิตฺวา อสีติหตฺถฎฺฐานํ อคฺคเหสิฯ ปจฺฉิมกายโต ทกฺขิณหตฺถโต, วามหตฺถโต สุวณฺณวณฺณา รสฺมี อุฎฺฐหิตฺวา อสีติหตฺถฎฺฐานํ อคฺคเหสิฯ อุปริ เกสนฺตโต ปฎฺฐาย สพฺพเกสาวเตฺตหิ โมรคีววณฺณา รสฺมี อุฎฺฐหิตฺวา คคนตเล อสีติหตฺถฎฺฐานํ อคฺคเหสิฯ เหฎฺฐา ปาทตเลหิ ปวาฬวณฺณา รสฺมี อุฎฺฐหิตฺวา ฆนปถวิยํ อสีติหตฺถฎฺฐานํ อคฺคเหสิฯ เอวํ สมนฺตา อสีติหตฺถมตฺตํ ฐานํ ฉพฺพณฺณา พุทฺธรสฺมิโย วิโชฺชตมานา วิปฺผนฺทมานา กญฺจนทณฺฑทีปิกาหิ นิจฺฉริตฺวา อากาสํ ปกฺขนฺทชาลา วิย จาตุทฺทีปิกมหาเมฆโต นิกฺขนฺตวิชฺชุลฺลตา วิย วิธาวิํสุฯ สพฺพทิสาภาคา สุวณฺณจมฺปกปุเปฺผหิ วิกิริยมานา วิย, สุวณฺณฆฎา นิกฺขนฺตสุวณฺณรสธาราหิ สิญฺจมานา วิย, ปสาริตสุวณฺณปฎปริกฺขิตฺตา วิย, เวรมฺภวาตสมุฎฺฐิตกิํสุกกณิการปุปฺผจุณฺณสโมกิณฺณา วิย วิปฺปกิริํสุฯ
Athassa puratthimakāyato suvaṇṇavaṇṇā rasmī uṭṭhahitvā asītihatthaṭṭhānaṃ aggahesi. Pacchimakāyato dakkhiṇahatthato, vāmahatthato suvaṇṇavaṇṇā rasmī uṭṭhahitvā asītihatthaṭṭhānaṃ aggahesi. Upari kesantato paṭṭhāya sabbakesāvattehi moragīvavaṇṇā rasmī uṭṭhahitvā gaganatale asītihatthaṭṭhānaṃ aggahesi. Heṭṭhā pādatalehi pavāḷavaṇṇā rasmī uṭṭhahitvā ghanapathaviyaṃ asītihatthaṭṭhānaṃ aggahesi. Evaṃ samantā asītihatthamattaṃ ṭhānaṃ chabbaṇṇā buddharasmiyo vijjotamānā vipphandamānā kañcanadaṇḍadīpikāhi niccharitvā ākāsaṃ pakkhandajālā viya cātuddīpikamahāmeghato nikkhantavijjullatā viya vidhāviṃsu. Sabbadisābhāgā suvaṇṇacampakapupphehi vikiriyamānā viya, suvaṇṇaghaṭā nikkhantasuvaṇṇarasadhārāhi siñcamānā viya, pasāritasuvaṇṇapaṭaparikkhittā viya, verambhavātasamuṭṭhitakiṃsukakaṇikārapupphacuṇṇasamokiṇṇā viya vippakiriṃsu.
ภควโตปิ อสีติอนุพฺยญฺชนพฺยามปฺปภาทฺวตฺติํสวรลกฺขณสมุชฺชลํ สรีรํ สมุคฺคตตารกํ วิย คคนตลํ, วิกสิตมิว ปทุมวนํ, สพฺพปาลิผุโลฺล วิย โยชนสติโก ปาริจฺฉตฺตโก, ปฎิปาฎิยา ฐปิตานํ ทฺวตฺติํสูจนฺทานํ ทฺวตฺติํสสูริยานํ ทฺวตฺติํสจกฺกวตฺตีนํ ทฺวตฺติํสเทวราชานํ ทฺวตฺติํสมหาพฺรหฺมานํ สิริยา สิริํ อภิภวมานํ วิย วิโรจิตฺถ, ยถา ตํ ทสหิ ปารมีหิ ทสหิ อุปปารมีหิ ทสหิ ปรมตฺถปารมีหิ สุปูริตาหิ สมติํสปารมิตาหิ อลงฺกตํฯ กปฺปสตสหสาธิกานิ จตฺตาริ อสเงฺขฺยยฺยานิ ทินฺนทานํ รกฺขิตสีลํ กตกลฺยาณกมฺมํ เอกสฺมิํ อตฺตภาเว โอสริตฺวา วิปากํ ทาตุํ ฐานํ อลภมานํ สมฺพาธปตฺตํ วิย อโหสิฯ นาวาสหสฺสภณฺฑํ เอกนาวํ อาโรปนกาโล วิย, สกฎสหสฺสภณฺฑํ เอกสกฎํ อาโรปนกาโล วิย, ปญฺจวีสติยา นทีนํ โอฆสฺส สมฺภิชฺช มุขทฺวาเร เอกโต ราสีภูตกาโล วิย จ อโหสิฯ
Bhagavatopi asītianubyañjanabyāmappabhādvattiṃsavaralakkhaṇasamujjalaṃ sarīraṃ samuggatatārakaṃ viya gaganatalaṃ, vikasitamiva padumavanaṃ, sabbapāliphullo viya yojanasatiko pāricchattako, paṭipāṭiyā ṭhapitānaṃ dvattiṃsūcandānaṃ dvattiṃsasūriyānaṃ dvattiṃsacakkavattīnaṃ dvattiṃsadevarājānaṃ dvattiṃsamahābrahmānaṃ siriyā siriṃ abhibhavamānaṃ viya virocittha, yathā taṃ dasahi pāramīhi dasahi upapāramīhi dasahi paramatthapāramīhi supūritāhi samatiṃsapāramitāhi alaṅkataṃ. Kappasatasahasādhikāni cattāri asaṅkhyeyyāni dinnadānaṃ rakkhitasīlaṃ katakalyāṇakammaṃ ekasmiṃ attabhāve osaritvā vipākaṃ dātuṃ ṭhānaṃ alabhamānaṃ sambādhapattaṃ viya ahosi. Nāvāsahassabhaṇḍaṃ ekanāvaṃ āropanakālo viya, sakaṭasahassabhaṇḍaṃ ekasakaṭaṃ āropanakālo viya, pañcavīsatiyā nadīnaṃ oghassa sambhijja mukhadvāre ekato rāsībhūtakālo viya ca ahosi.
อิมาย พุทฺธสิริยา โอภาสมานสฺสาปิ จ ภควโต ปุรโต อเนกานิ ทณฺฑทีปิกสหสฺสานิ อุกฺขิปิํสุฯ ตถา ปจฺฉโตฯ วามปเสฺส ทกฺขิณปเสฺสฯ ชาติกุสุมจมฺปกวนมลฺลิกรตฺตุปฺปลนีลุปฺปลมกุลสินฺทุวารปุปฺผานิ เจว นีลปีตาทิวณฺณสุคนฺธคนฺธจุณฺณานิ จ จาตุทฺทีปิกเมฆวิสฺสโฎฺฐทกวุฎฺฐิโย วิย วิปฺปกิริํสุฯ ปญฺจงฺคิกตูริยนิโคฺฆสา เจว พุทฺธธมฺมสงฺฆคุณปฺปฎิสํยุตฺตา ถุติโฆสา จ สพฺพทิสา ปูรยิํสุฯ เทวมนุสฺสนาคสุปณฺณคนฺธพฺพยกฺขาทีนํ อกฺขีนิ อมตปานํ วิย ลภิํสุฯ อิมสฺมิํ ปน ฐาเน ฐตฺวา ปทสหเสฺสน คมนวณฺณํ วตฺตุํ วฎฺฎติฯ ตตฺริทํ มุขมตฺตํ –
Imāya buddhasiriyā obhāsamānassāpi ca bhagavato purato anekāni daṇḍadīpikasahassāni ukkhipiṃsu. Tathā pacchato. Vāmapasse dakkhiṇapasse. Jātikusumacampakavanamallikarattuppalanīluppalamakulasinduvārapupphāni ceva nīlapītādivaṇṇasugandhagandhacuṇṇāni ca cātuddīpikameghavissaṭṭhodakavuṭṭhiyo viya vippakiriṃsu. Pañcaṅgikatūriyanigghosā ceva buddhadhammasaṅghaguṇappaṭisaṃyuttā thutighosā ca sabbadisā pūrayiṃsu. Devamanussanāgasupaṇṇagandhabbayakkhādīnaṃ akkhīni amatapānaṃ viya labhiṃsu. Imasmiṃ pana ṭhāne ṭhatvā padasahassena gamanavaṇṇaṃ vattuṃ vaṭṭati. Tatridaṃ mukhamattaṃ –
‘‘เอวํ สพฺพงฺคสมฺปโนฺน, กมฺปยโนฺต วสุนฺธรํ;
‘‘Evaṃ sabbaṅgasampanno, kampayanto vasundharaṃ;
อเหฐยโนฺต ปาณานิ, ยาติ โลกวินายโกฯ
Aheṭhayanto pāṇāni, yāti lokavināyako.
ทกฺขิณํ ปฐมํ ปาทํ, อุทฺธรโนฺต นราสโภ;
Dakkhiṇaṃ paṭhamaṃ pādaṃ, uddharanto narāsabho;
คจฺฉโนฺต สิริสมฺปโนฺน, โสภเต ทฺวิปทุตฺตโมฯ
Gacchanto sirisampanno, sobhate dvipaduttamo.
คจฺฉโต พุทฺธเสฎฺฐสฺส, เหฎฺฐา ปาทตลํ มุทุ;
Gacchato buddhaseṭṭhassa, heṭṭhā pādatalaṃ mudu;
สมํ สมฺผุสเต ภูมิํ, รชสา นุปลิปฺปติฯ
Samaṃ samphusate bhūmiṃ, rajasā nupalippati.
นินฺนฎฺฐานํ อุนฺนมติ, คจฺฉเนฺต โลกนายเก;
Ninnaṭṭhānaṃ unnamati, gacchante lokanāyake;
อุนฺนตญฺจ สมํ โหติ, ปถวี จ อเจตนาฯ
Unnatañca samaṃ hoti, pathavī ca acetanā.
ปาสาณา สกฺขรา เจว, กถลา ขาณุกณฺฎกา;
Pāsāṇā sakkharā ceva, kathalā khāṇukaṇṭakā;
สเพฺพ มคฺคา วิวชฺชนฺติ, คจฺฉเนฺต โลกนายเกฯ
Sabbe maggā vivajjanti, gacchante lokanāyake.
นาติทูเร อุทฺธรติ, นจฺจาสเนฺน จ นิกฺขิปํ;
Nātidūre uddharati, naccāsanne ca nikkhipaṃ;
อฆฎฺฎยโนฺต นิยฺยาติ, อุโภ ชาณู จ โคปฺผเกฯ
Aghaṭṭayanto niyyāti, ubho jāṇū ca gopphake.
นาติสีฆํ ปกฺกมติ, สมฺปนฺนจรโณ มุนิ;
Nātisīghaṃ pakkamati, sampannacaraṇo muni;
น จาติสณิกํ ยาติ, คจฺฉมาโน สมาหิโตฯ
Na cātisaṇikaṃ yāti, gacchamāno samāhito.
อุทฺธํ อโธ จ ติริยํ, ทิสญฺจ วิทิสํ ตถา;
Uddhaṃ adho ca tiriyaṃ, disañca vidisaṃ tathā;
น เปกฺขมาโน โส ยาติ, ยุคมตฺตมฺหิ เปกฺขติฯ
Na pekkhamāno so yāti, yugamattamhi pekkhati.
นาควิกฺกนฺตจาโร โส, คมเน โสภเต ชิโน;
Nāgavikkantacāro so, gamane sobhate jino;
จารุํ คจฺฉติ โลกโคฺค, หาสยโนฺต สเทวเกฯ
Cāruṃ gacchati lokaggo, hāsayanto sadevake.
อุฬุราชาว โสภโนฺต, จตุจารีว เกสรี;
Uḷurājāva sobhanto, catucārīva kesarī;
โตสยโนฺต พหู สเตฺต, ปุรํ เสฎฺฐํ อุปาคมี’’ติฯ
Tosayanto bahū satte, puraṃ seṭṭhaṃ upāgamī’’ti.
วณฺณกาโล นาม กิเรส, เอวํวิเธสุ กาเลสุ พุทฺธสฺส สรีรวเณฺณ วา คุณวเณฺณ วา ธมฺมกถิกสฺส ถาโมเยว ปมาณํ จุณฺณิยปเทหิ วา คาถาพเนฺธน วา ยตฺตกํ สโกฺกติ, ตตฺตกํ วตฺตพฺพํฯ ทุกฺกถิตนฺติ น วตฺตพฺพํฯ อปฺปมาณวณฺณา หิ พุทฺธา, เตสํ พุทฺธาปิ อนวเสสโต วณฺณํ วตฺตุํ อสมตฺถา, ปเคว อิตรา ปชาติฯ อิมินา สิริวิลาเสน อลงฺกตปฺปฎิยตฺตํ สกฺยราชปุรํ ปวิสิตฺวา ภควา ปสนฺนจิเตฺตน ชเนน คนฺธธูมวาสจุณฺณาทีหิ ปูชยมาโน สนฺถาคารํ ปาวิสิฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข ภควา นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สทฺธิํ ภิกฺขุสเงฺฆน เยน เอวํ สนฺถาคารํ เตนุปสงฺกมี’’ติฯ
Vaṇṇakālo nāma kiresa, evaṃvidhesu kālesu buddhassa sarīravaṇṇe vā guṇavaṇṇe vā dhammakathikassa thāmoyeva pamāṇaṃ cuṇṇiyapadehi vā gāthābandhena vā yattakaṃ sakkoti, tattakaṃ vattabbaṃ. Dukkathitanti na vattabbaṃ. Appamāṇavaṇṇā hi buddhā, tesaṃ buddhāpi anavasesato vaṇṇaṃ vattuṃ asamatthā, pageva itarā pajāti. Iminā sirivilāsena alaṅkatappaṭiyattaṃ sakyarājapuraṃ pavisitvā bhagavā pasannacittena janena gandhadhūmavāsacuṇṇādīhi pūjayamāno santhāgāraṃ pāvisi. Tena vuttaṃ – ‘‘atha kho bhagavā nivāsetvā pattacīvaramādāya saddhiṃ bhikkhusaṅghena yena evaṃ santhāgāraṃ tenupasaṅkamī’’ti.
ภควนฺตํเยว ปุรกฺขตฺวาติ ภควนฺตํ ปุรโต กตฺวาฯ ตตฺถ ภควา ภิกฺขูนเญฺจว อุปาสกานญฺจ มเชฺฌ นิสิโนฺน คโนฺธทเกน นฺหาเปตฺวา ทุกูลจุมฺพฎเกน โวทกํ กตฺวา ชาติหิงฺคุลเกน มชฺชิตฺวา รตฺตกมฺพลปลิเวฐิเต ปีเฐ ฐปิตรตฺตสุวณฺณฆนปฎิมา วิย อติวิโรจิตฺถฯ อยํ ปเนตฺถ โปราณานํ วณฺณภณนมโคฺค –
Bhagavantaṃyeva purakkhatvāti bhagavantaṃ purato katvā. Tattha bhagavā bhikkhūnañceva upāsakānañca majjhe nisinno gandhodakena nhāpetvā dukūlacumbaṭakena vodakaṃ katvā jātihiṅgulakena majjitvā rattakambalapaliveṭhite pīṭhe ṭhapitarattasuvaṇṇaghanapaṭimā viya ativirocittha. Ayaṃ panettha porāṇānaṃ vaṇṇabhaṇanamaggo –
‘‘คนฺตฺวาน มณฺฑลมาฬํ, นาควิกฺกนฺตจรโณ;
‘‘Gantvāna maṇḍalamāḷaṃ, nāgavikkantacaraṇo;
โอภาสยโนฺต โลกโคฺค, นิสีทิ วรมาสเนฯ
Obhāsayanto lokaggo, nisīdi varamāsane.
ตสฺมิํ นิสิโนฺน นรทมฺมสารถิ,
Tasmiṃ nisinno naradammasārathi,
เทวาติเทโว สตปุญฺญลกฺขโณ;
Devātidevo satapuññalakkhaṇo;
พุทฺธาสเน มชฺฌคโต วิโรจติ,
Buddhāsane majjhagato virocati,
สุวณฺณเนกฺขํ วิย ปณฺฑุกมฺพเลฯ
Suvaṇṇanekkhaṃ viya paṇḍukambale.
เนกฺขํ ชโมฺพนทเสฺสว, นิกฺขิตฺตํ ปณฺฑุกมฺพเล;
Nekkhaṃ jambonadasseva, nikkhittaṃ paṇḍukambale;
วิโรจติ วีตมโล, มณิเวโรจโน ยถาฯ
Virocati vītamalo, maṇiverocano yathā.
มหาสาโลว สมฺผุโลฺล, เนรุราชาวลงฺกโต;
Mahāsālova samphullo, nerurājāvalaṅkato;
สุวณฺณยูปสงฺกาโส, ปทุโม โกกนโท ยถาฯ
Suvaṇṇayūpasaṅkāso, padumo kokanado yathā.
ชลโนฺต ทีปรุโกฺขว, ปพฺพตเคฺค ยถา สิขี;
Jalanto dīparukkhova, pabbatagge yathā sikhī;
เทวานํ ปาริจฺฉโตฺตว, สพฺพผุโลฺล วิโรจถา’’ติฯ
Devānaṃ pāricchattova, sabbaphullo virocathā’’ti.
กาปิลวตฺถเว สเกฺย พหุเทว รตฺติํ ธมฺมิยา กถายาติ เอตฺถ ธมฺมี กถา นาม สนฺถาคารอนุโมทนปฺปฎิสํยุตฺตา ปกิณฺณกกถา เวทิตพฺพาฯ ตทา หิ ภควา อากาสคงฺคํ โอตาเรโนฺต วิย ปถโวชํ อากฑฺฒโนฺต วิย มหาชมฺพุํ ขเนฺธ คเหตฺวา จาเลโนฺต วิย โยชนิกํ มธุภณฺฑํ จกฺกยเนฺตน ปีเฬตฺวา มธุปานํ ปายมาโน วิย กาปิลวตฺถวานํ สกฺยานํ หิตสุขาวหํ ปกิณฺณกกถํ กเถสิฯ ‘‘อาวาสทานํ นาเมตํ มหาราช มหนฺตํ, ตุมฺหากํ อาวาโส มยา ปริภุโตฺต ภิกฺขุสเงฺฆน ปริภุโตฺต มยา จ ภิกฺขุสเงฺฆน จ ปริภุโตฺต ปน ธมฺมรตเนน ปริภุโตฺต เยวาติ ตีหิ รตเนหิ ปริภุโตฺต นาม โหติฯ อาวาสทานสฺมิญฺหิ ทิเนฺน สพฺพทานํ ทินฺนเมว โหติฯ ภูมฎฺฐกปณฺณสาลาย วา สาขามณฺฑปสฺส วาปิ อานิสํโส นาม ปริจฺฉินฺทิตุํ น สกฺกา’’ติ นานานยวิจิตฺตํ พหุํ ธมฺมกถํ กเถตฺวา –
Kāpilavatthavesakye bahudeva rattiṃ dhammiyā kathāyāti ettha dhammī kathā nāma santhāgāraanumodanappaṭisaṃyuttā pakiṇṇakakathā veditabbā. Tadā hi bhagavā ākāsagaṅgaṃ otārento viya pathavojaṃ ākaḍḍhanto viya mahājambuṃ khandhe gahetvā cālento viya yojanikaṃ madhubhaṇḍaṃ cakkayantena pīḷetvā madhupānaṃ pāyamāno viya kāpilavatthavānaṃ sakyānaṃ hitasukhāvahaṃ pakiṇṇakakathaṃ kathesi. ‘‘Āvāsadānaṃ nāmetaṃ mahārāja mahantaṃ, tumhākaṃ āvāso mayā paribhutto bhikkhusaṅghena paribhutto mayā ca bhikkhusaṅghena ca paribhutto pana dhammaratanena paribhutto yevāti tīhi ratanehi paribhutto nāma hoti. Āvāsadānasmiñhi dinne sabbadānaṃ dinnameva hoti. Bhūmaṭṭhakapaṇṇasālāya vā sākhāmaṇḍapassa vāpi ānisaṃso nāma paricchindituṃ na sakkā’’ti nānānayavicittaṃ bahuṃ dhammakathaṃ kathetvā –
‘‘สีตํ อุณฺหํ ปฎิหนฺติ, ตโต วาฬมิคานิ จ;
‘‘Sītaṃ uṇhaṃ paṭihanti, tato vāḷamigāni ca;
สรีสเป จ มกเส, สิสิเร จาปิ วุฎฺฐิโยฯ
Sarīsape ca makase, sisire cāpi vuṭṭhiyo.
ตโต วาตาตโป โฆโร, สญฺชาโต ปฎิหญฺญติ;
Tato vātātapo ghoro, sañjāto paṭihaññati;
เลณตฺถญฺจ สุขตฺถญฺจ, ฌายิตุญฺจ วิปสฺสิตุํฯ
Leṇatthañca sukhatthañca, jhāyituñca vipassituṃ.
วิหารทานํ สงฺฆสฺส, อคฺคํ พุเทฺธน วณฺณิตํ;
Vihāradānaṃ saṅghassa, aggaṃ buddhena vaṇṇitaṃ;
ตสฺมา หิ ปณฺฑิโต โปโส, สมฺปสฺสํ อตฺถมตฺตโนฯ
Tasmā hi paṇḍito poso, sampassaṃ atthamattano.
วิหาเร การเย รเมฺม, วาสเยตฺถ พหุสฺสุเต;
Vihāre kāraye ramme, vāsayettha bahussute;
เตสํ อนฺนญฺจ ปานญฺจ, วตฺถเสนาสนานิ จฯ
Tesaṃ annañca pānañca, vatthasenāsanāni ca.
ทเทยฺย อุชุภูเตสุ, วิปฺปสเนฺนน เจตสา;
Dadeyya ujubhūtesu, vippasannena cetasā;
เต ตสฺส ธมฺมํ เทเสนฺติ, สพฺพทุกฺขาปนูทนํ;
Te tassa dhammaṃ desenti, sabbadukkhāpanūdanaṃ;
ยํ โส ธมฺมํ อิธญฺญาย, ปรินิพฺพาติ อนาสโว’’ติฯ (จูฬว. ๒๙๕) –
Yaṃ so dhammaṃ idhaññāya, parinibbāti anāsavo’’ti. (cūḷava. 295) –
เอวํ อยมฺปิ อาวาเส อานิสํโส, อยมฺปิ อานิสํโสติ พหุเทวรตฺติํ อติเรกตรํ ทิยฑฺฒยามํ อาวาสานิสํสกถํ กเถสิฯ ตตฺถ อิมา คาถาว สงฺคหํ อารุฬฺหา, ปกิณฺณกธมฺมเทสนา ปน สงฺคหํ น อาโรหติฯ สนฺทเสฺสสีติอาทีนิ วุตฺตตฺถาเนวฯ
Evaṃ ayampi āvāse ānisaṃso, ayampi ānisaṃsoti bahudevarattiṃ atirekataraṃ diyaḍḍhayāmaṃ āvāsānisaṃsakathaṃ kathesi. Tattha imā gāthāva saṅgahaṃ āruḷhā, pakiṇṇakadhammadesanā pana saṅgahaṃ na ārohati. Sandassesītiādīni vuttatthāneva.
อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามเนฺตสีติ ธมฺมกถํ กถาเปตุกาโม ชานาเปสิฯ อถ กสฺมา สาริปุตฺตมหาโมคฺคลฺลานมหากสฺสปาทีสุ อสีติมหาเถเรสุ วิชฺชมาเนสุ ภควา อานนฺทเตฺถรสฺส ภารมกาสีติฯ ปริสชฺฌาสยวเสนฯ อายสฺมา หิ อานโนฺท พหุสฺสุตานํ อโคฺค, ปโหสิ ปริมณฺฑเลหิ ปทพฺยญฺชเนหิ มธุรธมฺมกถํ กเถตุนฺติ สากิยมณฺฑเล ปากโฎ ปญฺญาโตฯ ตสฺส สกฺยราชูหิ วิหารํ คนฺตฺวาปิ ธมฺมกถา สุตปุพฺพา, โอโรธา ปน เนสํ น ยถารุจิยา วิหารํ คนฺตุํ ลภนฺติ, เตสํ เอตทโหสิ – ‘‘อโห วต ภควา อปฺปํเยว ธมฺมกถํ กเถตฺวา อมฺหากํ ญาติเสฎฺฐสฺส อานนฺทสฺส ภารํ กเรยฺยา’’ติฯ เตสํ อชฺฌาสยวเสน ภควา ตเสฺสว ภารมกาสิฯ
Āyasmantaṃ ānandaṃ āmantesīti dhammakathaṃ kathāpetukāmo jānāpesi. Atha kasmā sāriputtamahāmoggallānamahākassapādīsu asītimahātheresu vijjamānesu bhagavā ānandattherassa bhāramakāsīti. Parisajjhāsayavasena. Āyasmā hi ānando bahussutānaṃ aggo, pahosi parimaṇḍalehi padabyañjanehi madhuradhammakathaṃ kathetunti sākiyamaṇḍale pākaṭo paññāto. Tassa sakyarājūhi vihāraṃ gantvāpi dhammakathā sutapubbā, orodhā pana nesaṃ na yathāruciyā vihāraṃ gantuṃ labhanti, tesaṃ etadahosi – ‘‘aho vata bhagavā appaṃyeva dhammakathaṃ kathetvā amhākaṃ ñātiseṭṭhassa ānandassa bhāraṃ kareyyā’’ti. Tesaṃ ajjhāsayavasena bhagavā tasseva bhāramakāsi.
เสโข ปาฎิปโทติ ปฎิปนฺนโก เสขสมโณฯ โส ตุยฺหํ ปฎิภาตุ อุปฎฺฐาตุ, ตสฺส ปฎิปทํ เทเสหีติ ปฎิปทาย ปุคฺคลํ นิยเมตฺวา ทเสฺสติฯ กสฺมา ปน ภควา อิมํ ปฎิปทํ นิยเมสิ? พหูหิ การเณหิฯ อิเม ตาว สกฺยา มงฺคลสาลาย มงฺคลํ ปจฺจาสีสนฺติ วฑฺฒิํ อิจฺฉนฺติ, อยญฺจ เสขปฎิปทา มยฺหํ สาสเน มงฺคลปฎิปทา วฑฺฒมานกปฎิปทาติปิ อิมํ ปฎิปทํ นิยเมสิฯ ตสฺสญฺจ ปริสติ เสขาว พหู นิสินฺนา, เต อตฺตนา ปฎิวิทฺธฎฺฐาเน กถียมาเน อกิลมนฺตาว สลฺลเกฺขสฺสนฺตีติปิ อิมํ ปฎิปทํ นิยเมสิฯ อายสฺมา จ อานโนฺท เสขปฎิสมฺภิทาปโตฺตว, โส อตฺตนา ปฎิวิเทฺธ ปจฺจกฺขฎฺฐาเน กเถโนฺต อกิลมโนฺต วิญฺญาเปตุํ สกฺขิสฺสตีติปิ อิมํ ปฎิปทํ นิยเมสิฯ เสขปฎิปทาย จ ติโสฺสปิ สิกฺขา โอสฎา , ตตฺถ อธิสีลสิกฺขาย กถิตาย สกลํ วินยปิฎกํ กถิตเมว โหติ, อธิจิตฺตสิกฺขาย กถิตาย สกลํ สุตฺตนฺตปิฎกํ กถิตํ โหติ, อธิปญฺญาสิกฺขาย กถิตาย สกลํ อภิธมฺมปิฎกํ กถิตํ โหติ, อานโนฺท จ พหุสฺสุโต ติปิฎกธโร, โส ปโหติ ตีหิ ปิฎเกหิ ติโสฺส สิกฺขา กเถตุํ, เอวํ กถิเต สกฺยานํ มงฺคลเมว วฑฺฒิเยว ภวิสฺสตีติปิ อิมํ ปฎิปทํ นิยเมสิฯ
Sekho pāṭipadoti paṭipannako sekhasamaṇo. So tuyhaṃ paṭibhātu upaṭṭhātu, tassa paṭipadaṃ desehīti paṭipadāya puggalaṃ niyametvā dasseti. Kasmā pana bhagavā imaṃ paṭipadaṃ niyamesi? Bahūhi kāraṇehi. Ime tāva sakyā maṅgalasālāya maṅgalaṃ paccāsīsanti vaḍḍhiṃ icchanti, ayañca sekhapaṭipadā mayhaṃ sāsane maṅgalapaṭipadā vaḍḍhamānakapaṭipadātipi imaṃ paṭipadaṃ niyamesi. Tassañca parisati sekhāva bahū nisinnā, te attanā paṭividdhaṭṭhāne kathīyamāne akilamantāva sallakkhessantītipi imaṃ paṭipadaṃ niyamesi. Āyasmā ca ānando sekhapaṭisambhidāpattova, so attanā paṭividdhe paccakkhaṭṭhāne kathento akilamanto viññāpetuṃ sakkhissatītipi imaṃ paṭipadaṃ niyamesi. Sekhapaṭipadāya ca tissopi sikkhā osaṭā , tattha adhisīlasikkhāya kathitāya sakalaṃ vinayapiṭakaṃ kathitameva hoti, adhicittasikkhāya kathitāya sakalaṃ suttantapiṭakaṃ kathitaṃ hoti, adhipaññāsikkhāya kathitāya sakalaṃ abhidhammapiṭakaṃ kathitaṃ hoti, ānando ca bahussuto tipiṭakadharo, so pahoti tīhi piṭakehi tisso sikkhā kathetuṃ, evaṃ kathite sakyānaṃ maṅgalameva vaḍḍhiyeva bhavissatītipi imaṃ paṭipadaṃ niyamesi.
ปิฎฺฐิ เม อาคิลายตีติ กสฺมา อาคิลายติ? ภควโต หิ ฉพฺพสฺสานิ ปธานํ ปทหนฺตสฺส มหนฺตํ กายทุกฺขํ อโหสิ, อถสฺส อปรภาเค มหลฺลกกาเล ปิฎฺฐิวาโต อุปฺปชฺชิฯ อการณํ วา เอตํฯ ปโหติ หิ ภควา อุปฺปนฺนํ เวทนํ วิกฺขเมฺภตฺวา เอกมฺปิ เทฺวปิ สตฺตาเห เอกปลฺลเงฺกน นิสีทิตุํฯ สนฺถาคารสาลํ ปน จตูหิ อิริยาปเถหิ ปริภุญฺชิตุกาโม อโหสิ, ตตฺถ ปาทโธวนฎฺฐานโต ยาว ธมฺมาสนา อคมาสิ, เอตฺตเก ฐาเน คมนํ นิปฺผนฺนํฯ ธมฺมาสนํ ปโตฺต โถกํ ฐตฺวา นิสีทิ, เอตฺตเก ฐานํฯ ทิยฑฺฒยามํ ธมฺมาสเน นิสีทิ, เอตฺตเก ฐาเน นิสชฺชา นิปฺผนฺนาฯ อิทานิ ทกฺขิเณน ปเสฺสน โถกํ นิปเนฺน สยนํ นิปฺผชฺชิสฺสตีติ เอวํ จตูหิ อิริยาปเถหิ ปริภุญฺชิตุกาโม อโหสิฯ อุปาทินฺนกสรีรญฺจ นาม ‘‘โน อาคิลายตี’’ติ น วตฺตพฺพํ, ตสฺมา จิรํ นิสชฺชาย สญฺชาตํ อปฺปกมฺปิ อาคิลายนํ คเหตฺวา เอวมาหฯ
Piṭṭhi me āgilāyatīti kasmā āgilāyati? Bhagavato hi chabbassāni padhānaṃ padahantassa mahantaṃ kāyadukkhaṃ ahosi, athassa aparabhāge mahallakakāle piṭṭhivāto uppajji. Akāraṇaṃ vā etaṃ. Pahoti hi bhagavā uppannaṃ vedanaṃ vikkhambhetvā ekampi dvepi sattāhe ekapallaṅkena nisīdituṃ. Santhāgārasālaṃ pana catūhi iriyāpathehi paribhuñjitukāmo ahosi, tattha pādadhovanaṭṭhānato yāva dhammāsanā agamāsi, ettake ṭhāne gamanaṃ nipphannaṃ. Dhammāsanaṃ patto thokaṃ ṭhatvā nisīdi, ettake ṭhānaṃ. Diyaḍḍhayāmaṃ dhammāsane nisīdi, ettake ṭhāne nisajjā nipphannā. Idāni dakkhiṇena passena thokaṃ nipanne sayanaṃ nipphajjissatīti evaṃ catūhi iriyāpathehi paribhuñjitukāmo ahosi. Upādinnakasarīrañca nāma ‘‘no āgilāyatī’’ti na vattabbaṃ, tasmā ciraṃ nisajjāya sañjātaṃ appakampi āgilāyanaṃ gahetvā evamāha.
สงฺฆาฎิํ ปญฺญาเปตฺวาติ สนฺถาคารสฺส กิร เอกปเสฺส เต ราชาโน ปฎฺฎสาณิํ ปริกฺขิปาเปตฺวา กปฺปิยมญฺจกํ ปญฺญเปตฺวา กปฺปิยปจฺจตฺถรเณน อตฺถริตฺวา อุปริ สุวณฺณ-ตารก-คนฺธมาลา-ทามปฎิมณฺฑิตํ วิตานํ พนฺธิตฺวา คนฺธเตลปฺปทีปํ อาโรปยิํสุ ‘‘อเปฺปว นาม สตฺถา ธมฺมาสนโต วุฎฺฐาย โถกํ วิสฺสมโนฺต อิธ นิปเชฺชยฺย, เอวํ โน อิมํ สนฺถาคารํ ภควตา จตูหิ อิริยาปเถหิ ปริภุตฺตํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย ภวิสฺสตี’’ติฯ สตฺถาปิ ตเทว สนฺธาย ตตฺถ สงฺฆาฎิํ ปญฺญเปตฺวา นิปชฺชิฯ อุฎฺฐานสญฺญํ มนสิ กริตฺวาติ เอตฺตกํ กาลํ อติกฺกมิตฺวา วุฎฺฐหิสฺสามีติ วุฎฺฐานสญฺญํ จิเตฺต ฐเปตฺวาฯ
Saṅghāṭiṃ paññāpetvāti santhāgārassa kira ekapasse te rājāno paṭṭasāṇiṃ parikkhipāpetvā kappiyamañcakaṃ paññapetvā kappiyapaccattharaṇena attharitvā upari suvaṇṇa-tāraka-gandhamālā-dāmapaṭimaṇḍitaṃ vitānaṃ bandhitvā gandhatelappadīpaṃ āropayiṃsu ‘‘appeva nāma satthā dhammāsanato vuṭṭhāya thokaṃ vissamanto idha nipajjeyya, evaṃ no imaṃ santhāgāraṃ bhagavatā catūhi iriyāpathehi paribhuttaṃ dīgharattaṃ hitāya sukhāya bhavissatī’’ti. Satthāpi tadeva sandhāya tattha saṅghāṭiṃ paññapetvā nipajji. Uṭṭhānasaññaṃ manasi karitvāti ettakaṃ kālaṃ atikkamitvā vuṭṭhahissāmīti vuṭṭhānasaññaṃ citte ṭhapetvā.
๒๓. มหานามํ สกฺกํ อามเนฺตสีติ โส กิร ตสฺมิํ กาเล ตสฺสํ ปริสติ เชฎฺฐโก ปาโมโกฺข, ตสฺมิํ สงฺคหิเต เสสปริสา สงฺคหิตาว โหตีติ เถโร ตเมว อามเนฺตสิฯ สีลสมฺปโนฺนติ สีเลน สมฺปโนฺน, สมฺปนฺนสีโล ปริปุณฺณสีโลติ อโตฺถฯ สทฺธเมฺมหีติ สุนฺทรธเมฺมหิ, สตํ วา สปฺปุริสานํ ธเมฺมหิฯ
23.Mahānāmaṃ sakkaṃ āmantesīti so kira tasmiṃ kāle tassaṃ parisati jeṭṭhako pāmokkho, tasmiṃ saṅgahite sesaparisā saṅgahitāva hotīti thero tameva āmantesi. Sīlasampannoti sīlena sampanno, sampannasīlo paripuṇṇasīloti attho. Saddhammehīti sundaradhammehi, sataṃ vā sappurisānaṃ dhammehi.
๒๔. กถญฺจ มหานามาติ อิมินา เอตฺตเกน ฐาเนน เสขปฎิปทาย มาติกํ ฐเปตฺวา ปฎิปาฎิยา วิตฺถาเรตุกาโม เอวมาหฯ ตตฺถ สีลสมฺปโนฺนติอาทีนิ ‘‘สมฺปนฺนสีลา, ภิกฺขเว, วิหรถา’’ติ อากเงฺขยฺยสุตฺตาทีสุ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพานิฯ
24.Kathañca mahānāmāti iminā ettakena ṭhānena sekhapaṭipadāya mātikaṃ ṭhapetvā paṭipāṭiyā vitthāretukāmo evamāha. Tattha sīlasampannotiādīni ‘‘sampannasīlā, bhikkhave, viharathā’’ti ākaṅkheyyasuttādīsu vuttanayeneva veditabbāni.
๒๕. กายทุจฺจริเตนาติอาทีสุ อุปโยคเตฺถ กรณวจนํ, หิริยิตพฺพานิ กายทุจฺจริตาทีนิ หิริยติ ชิคุจฺฉตีติ อโตฺถฯ โอตฺตปฺปนิเทฺทเส เหตฺวเตฺถ กรณวจนํ, กายทุจฺจริตาทีหิ โอตฺตปฺปสฺส เหตุภูเตหิ โอตฺตปฺปติ ภายตีติ อโตฺถฯ อารทฺธวีริโยติ ปคฺคหิตวีริโย อโนสกฺกิตมานโสฯ ปหานายาติ ปหานตฺถายฯ อุปสมฺปทายาติ ปฎิลาภตฺถายฯ ถามวาติ วีริยถาเมน สมนฺนาคโตฯ ทฬฺหปรกฺกโมติ ถิรปรกฺกโมฯ อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธเมฺมสูติ กุสเลสุ ธเมฺมสุ อโนโรปิตธุโร อโนสกฺกิตวีริโยฯ ปรเมนาติ อุตฺตเมนฯ สติเนปเกฺกนาติ สติยา จ นิปกภาเวน จฯ กสฺมา ปน สติภาชนิเย ปญฺญา อาคตาติ? สติยา พลวภาวทีปนตฺถํฯ ปญฺญาวิปฺปยุตฺตา หิ สติ ทุพฺพลา โหติ, สมฺปยุตฺตา พลวตีติฯ
25.Kāyaduccaritenātiādīsu upayogatthe karaṇavacanaṃ, hiriyitabbāni kāyaduccaritādīni hiriyati jigucchatīti attho. Ottappaniddese hetvatthe karaṇavacanaṃ, kāyaduccaritādīhi ottappassa hetubhūtehi ottappati bhāyatīti attho. Āraddhavīriyoti paggahitavīriyo anosakkitamānaso. Pahānāyāti pahānatthāya. Upasampadāyāti paṭilābhatthāya. Thāmavāti vīriyathāmena samannāgato. Daḷhaparakkamoti thiraparakkamo. Anikkhittadhuro kusalesu dhammesūti kusalesu dhammesu anoropitadhuro anosakkitavīriyo. Paramenāti uttamena. Satinepakkenāti satiyā ca nipakabhāvena ca. Kasmā pana satibhājaniye paññā āgatāti? Satiyā balavabhāvadīpanatthaṃ. Paññāvippayuttā hi sati dubbalā hoti, sampayuttā balavatīti.
จิรกตมฺปีติ อตฺตนา วา ปเรน วา กาเยน จิรกตํ เจติยงฺคณวตฺตาทิ อสีติ มหาวตฺตปฎิปตฺติปูรณํฯ จิรภาสิตมฺปีติ อตฺตนา วา ปเรน วา วาจาย จิรภาสิตํ สกฺกจฺจํ อุทฺทิสน-อุทฺทิสาปน-ธโมฺมสารณ-ธมฺมเทสนา-อุปนิสินฺนกถา-อนุโมทนิยาทิวเสน ปวตฺติตํ วจีกมฺมํฯ สริตา อนุสฺสริตาติ ตสฺมิํ กาเยน จิรกเต ‘‘กาโย นาม กายวิญฺญตฺติ, จิรภาสิเต วาจา นาม วจีวิญฺญตฺติฯ ตทุภยมฺปิ รูปํ, ตํสมุฎฺฐาปิกา จิตฺตเจตสิกา อรูปํฯ อิติ อิเม รูปารูปธมฺมา เอวํ อุปฺปชฺชิตฺวา เอวํ นิรุทฺธา’’ติ สรติ เจว อนุสฺสรติ จ, สติสโมฺพชฺฌงฺคํ สมุฎฺฐาเปตีติ อโตฺถฯ โพชฺฌงฺคสมุฎฺฐาปิกา หิ สติ อิธ อธิเปฺปตาฯ ตาย สติยา เอส สกิมฺปิ สรเณน สริตา, ปุนปฺปุนํ สรเณน อนุสฺสริตาติ เวทิตพฺพาฯ
Cirakatampīti attanā vā parena vā kāyena cirakataṃ cetiyaṅgaṇavattādi asīti mahāvattapaṭipattipūraṇaṃ. Cirabhāsitampīti attanā vā parena vā vācāya cirabhāsitaṃ sakkaccaṃ uddisana-uddisāpana-dhammosāraṇa-dhammadesanā-upanisinnakathā-anumodaniyādivasena pavattitaṃ vacīkammaṃ. Saritā anussaritāti tasmiṃ kāyena cirakate ‘‘kāyo nāma kāyaviññatti, cirabhāsite vācā nāma vacīviññatti. Tadubhayampi rūpaṃ, taṃsamuṭṭhāpikā cittacetasikā arūpaṃ. Iti ime rūpārūpadhammā evaṃ uppajjitvā evaṃ niruddhā’’ti sarati ceva anussarati ca, satisambojjhaṅgaṃ samuṭṭhāpetīti attho. Bojjhaṅgasamuṭṭhāpikā hi sati idha adhippetā. Tāya satiyā esa sakimpi saraṇena saritā, punappunaṃ saraṇena anussaritāti veditabbā.
อุทยตฺถคามินิยาติ ปญฺจนฺนํ ขนฺธานํ อุทยวยคามินิยา อุทยญฺจ วยญฺจ ปฎิวิชฺฌิตุํ สมตฺถายฯ อริยายาติ วิกฺขมฺภนวเสน จ สมุเจฺฉทวเสน จ กิเลเสหิ อารกา ฐิตาย ปริสุทฺธายฯ ปญฺญาย สมนฺนาคโตติ วิปสฺสนาปญฺญาย เจว มคฺคปญฺญาย จ สมงฺคีภูโตฯ นิเพฺพธิกายาติ สาเยว นิพฺพิชฺฌนโต นิเพฺพธิกาติ วุจฺจติ, ตาย สมนฺนาคโตติ อโตฺถฯ ตตฺถ มคฺคปญฺญาย สมุเจฺฉทวเสน อนิพฺพิทฺธปุพฺพํ อปทาลิตปุพฺพํ โลภกฺขนฺธํ โทสกฺขนฺธํ โมหกฺขนฺธํ นิพฺพิชฺฌติ ปทาเลตีติ นิเพฺพธิกาฯ วิปสฺสนาปญฺญาย ตทงฺควเสน นิเพฺพธิกาย มคฺคปญฺญาย ปฎิลาภสํวตฺตนโต จาติ วิปสฺสนา ‘‘นิเพฺพธิกา’’ติ วตฺตุํ วฎฺฎติฯ สมฺมา ทุกฺขกฺขยคามินิยาติ อิธาปิ มคฺคปญฺญา ‘‘สมฺมา เหตุนา นเยน วฎฺฎทุกฺขํ เขปยมานา คจฺฉตีติ สมฺมา ทุกฺขกฺขยคามินี นามฯ วิปสฺสนา ตทงฺควเสน วฎฺฎทุกฺขญฺจ กิเลสทุกฺขญฺจ เขปยมานา คจฺฉตีติ ทุกฺขกฺขยคามินีฯ ทุกฺขกฺขยคามินิยา วา มคฺคปญฺญาย ปฎิลาภสํวตฺตนโต เอสา ทุกฺขกฺขยคามินี’’ติ เวทิตพฺพาฯ
Udayatthagāminiyāti pañcannaṃ khandhānaṃ udayavayagāminiyā udayañca vayañca paṭivijjhituṃ samatthāya. Ariyāyāti vikkhambhanavasena ca samucchedavasena ca kilesehi ārakā ṭhitāya parisuddhāya. Paññāya samannāgatoti vipassanāpaññāya ceva maggapaññāya ca samaṅgībhūto. Nibbedhikāyāti sāyeva nibbijjhanato nibbedhikāti vuccati, tāya samannāgatoti attho. Tattha maggapaññāya samucchedavasena anibbiddhapubbaṃ apadālitapubbaṃ lobhakkhandhaṃ dosakkhandhaṃ mohakkhandhaṃ nibbijjhati padāletīti nibbedhikā. Vipassanāpaññāya tadaṅgavasena nibbedhikāya maggapaññāya paṭilābhasaṃvattanato cāti vipassanā ‘‘nibbedhikā’’ti vattuṃ vaṭṭati. Sammā dukkhakkhayagāminiyāti idhāpi maggapaññā ‘‘sammā hetunā nayena vaṭṭadukkhaṃ khepayamānā gacchatīti sammā dukkhakkhayagāminī nāma. Vipassanā tadaṅgavasena vaṭṭadukkhañca kilesadukkhañca khepayamānā gacchatīti dukkhakkhayagāminī. Dukkhakkhayagāminiyā vā maggapaññāya paṭilābhasaṃvattanato esā dukkhakkhayagāminī’’ti veditabbā.
๒๖. อภิเจตสิกานนฺติ อภิจิตฺตํ เสฎฺฐจิตฺตํ สิตานํ นิสฺสิตานํฯ ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารานนฺติ อปฺปิตปฺปิตกฺขเณ สุขปฎิลาภเหตูนํฯ นิกามลาภีติ อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ สมาปชฺชิตาฯ อกิจฺฉลาภีติ นิทุกฺขลาภีฯ อกสิรลาภีติ วิปุลลาภีฯ ปคุณภาเวน เอโก อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ สมาปชฺชิตุํ สโกฺกติ, สมาธิปาริปนฺถิกธเมฺม ปน อกิลมโนฺต วิกฺขเมฺภตุํ น สโกฺกติ, โส อตฺตโน อนิจฺฉาย ขิปฺปเมว วุฎฺฐาติ, ยถาปริเจฺฉทวเสน สมาปตฺติํ ฐเปตุํ น สโกฺกติ อยํ กิจฺฉลาภี กสิรลาภี นามฯ เอโก อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ จ สมาปชฺชิตุํ สโกฺกติ, สมาธิปาริปนฺถิกธเมฺม จ อกิลมโนฺต วิกฺขเมฺภติ, โส ยถาปริเจฺฉทวเสเนว วุฎฺฐาตุํ สโกฺกติ, อยํ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี นามฯ
26.Abhicetasikānanti abhicittaṃ seṭṭhacittaṃ sitānaṃ nissitānaṃ. Diṭṭhadhammasukhavihārānanti appitappitakkhaṇe sukhapaṭilābhahetūnaṃ. Nikāmalābhīti icchiticchitakkhaṇe samāpajjitā. Akicchalābhīti nidukkhalābhī. Akasiralābhīti vipulalābhī. Paguṇabhāvena eko icchiticchitakkhaṇe samāpajjituṃ sakkoti, samādhipāripanthikadhamme pana akilamanto vikkhambhetuṃ na sakkoti, so attano anicchāya khippameva vuṭṭhāti, yathāparicchedavasena samāpattiṃ ṭhapetuṃ na sakkoti ayaṃ kicchalābhī kasiralābhī nāma. Eko icchiticchitakkhaṇe ca samāpajjituṃ sakkoti, samādhipāripanthikadhamme ca akilamanto vikkhambheti, so yathāparicchedavaseneva vuṭṭhātuṃ sakkoti, ayaṃ akicchalābhī akasiralābhī nāma.
๒๗. อยํ วุจฺจติ มหานาม อริยสาวโก เสโข ปาฎิปโทติ มหานาม อริยสาวโก เสโข ปาฎิปโท วิปสฺสนาคพฺภาย วฑฺฒมานกปฎิปทาย สมนฺนาคโตติ วุจฺจตีติ ทเสฺสติฯ อปุจฺจณฺฑตายาติ อปูติอณฺฑตายฯ ภโพฺพ อภินิพฺภิทายาติ วิปสฺสนาทิญาณปฺปเภทาย ภโพฺพฯ สโมฺพธายาติ อริยมคฺคายฯ อนุตฺตรสฺส โยคเกฺขมสฺสาติ อรหตฺตํ อนุตฺตโร โยคเกฺขโม นาม, ตทภิคมาย ภโพฺพติ ทเสฺสติฯ ยา ปนายเมตฺถ อตฺถทีปนตฺถํ อุปมา อาหฎา, สา เจโตขิลสุเตฺต วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาฯ เกวลญฺหิ ตตฺถ ‘‘ตสฺสา กุกฺกุฎิยา อเณฺฑสุ ติวิธกิริยกรณํ วิย หิ อิมสฺส ภิกฺขุโน อุโสฺสฬฺหิปนฺนรเสหิ อเงฺคหิ สมนฺนาคตภาโว’’ติ ยํ เอวํ โอปมฺมสํสนฺทนํ อาคตํ, ตํ อิธ เอวํ สีลสมฺปโนฺน โหตีติอาทิวจนโต ‘‘ตสฺสา กุกฺกุฎิยา อเณฺฑสุ ติวิธกิริยกรณํ วิย อิมสฺส ภิกฺขุโน สีลสมฺปนฺนตาทีหิ ปนฺนรเสหิ ธเมฺมหิ สมงฺคิภาโว’’ติฯ เอวํ โยเชตฺวา เวทิตพฺพํฯ เสสํ สพฺพตฺถ วุตฺตสทิสเมวฯ
27.Ayaṃvuccati mahānāma ariyasāvako sekho pāṭipadoti mahānāma ariyasāvako sekho pāṭipado vipassanāgabbhāya vaḍḍhamānakapaṭipadāya samannāgatoti vuccatīti dasseti. Apuccaṇḍatāyāti apūtiaṇḍatāya. Bhabbo abhinibbhidāyāti vipassanādiñāṇappabhedāya bhabbo. Sambodhāyāti ariyamaggāya. Anuttarassa yogakkhemassāti arahattaṃ anuttaro yogakkhemo nāma, tadabhigamāya bhabboti dasseti. Yā panāyamettha atthadīpanatthaṃ upamā āhaṭā, sā cetokhilasutte vuttanayeneva veditabbā. Kevalañhi tattha ‘‘tassā kukkuṭiyā aṇḍesu tividhakiriyakaraṇaṃ viya hi imassa bhikkhuno ussoḷhipannarasehi aṅgehi samannāgatabhāvo’’ti yaṃ evaṃ opammasaṃsandanaṃ āgataṃ, taṃ idha evaṃ sīlasampanno hotītiādivacanato ‘‘tassā kukkuṭiyā aṇḍesu tividhakiriyakaraṇaṃ viya imassa bhikkhuno sīlasampannatādīhi pannarasehi dhammehi samaṅgibhāvo’’ti. Evaṃ yojetvā veditabbaṃ. Sesaṃ sabbattha vuttasadisameva.
๒๘. อิมํเยว อนุตฺตรํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธินฺติ อิมํ ปฐมาทิชฺฌาเนหิ อสทิสํ อุตฺตมํ จตุตฺถชฺฌานิกํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิํฯ ปฐมาภินิพฺภิทาติ ปฐโม ญาณเภโทฯ ทุติยาทีสุปิ เอเสว นโยฯ กุกฺกุฎจฺฉาปโก ปน เอกวารํ มาตุกุจฺฉิโต เอกวารํ อณฺฑโกสโตติ เทฺว วาเร ชายติฯ อริยสาวโก ตีหิ วิชฺชาหิ ตาโย วาเร ชายติฯ ปุเพฺพนิวาสจฺฉาทกํ ตมํ วิโนเทตฺวา ปุเพฺพนิวาสญาเณน ปฐมํ ชายติ, สตฺตานํ จุติปฎิสนฺธิจฺฉาทกํ ตมํ วิโนเทตฺวา ทิพฺพจกฺขุญาเณน ทุติยํ ชายติ, จตุสจฺจปฎิจฺฉาทกํ ตมํ วิโนเทตฺวา อาสวกฺขยญาเณน ตติยํ ชายติฯ
28.Imaṃyeva anuttaraṃ upekkhāsatipārisuddhinti imaṃ paṭhamādijjhānehi asadisaṃ uttamaṃ catutthajjhānikaṃ upekkhāsatipārisuddhiṃ. Paṭhamābhinibbhidāti paṭhamo ñāṇabhedo. Dutiyādīsupi eseva nayo. Kukkuṭacchāpako pana ekavāraṃ mātukucchito ekavāraṃ aṇḍakosatoti dve vāre jāyati. Ariyasāvako tīhi vijjāhi tāyo vāre jāyati. Pubbenivāsacchādakaṃ tamaṃ vinodetvā pubbenivāsañāṇena paṭhamaṃ jāyati, sattānaṃ cutipaṭisandhicchādakaṃ tamaṃ vinodetvā dibbacakkhuñāṇena dutiyaṃ jāyati, catusaccapaṭicchādakaṃ tamaṃ vinodetvā āsavakkhayañāṇena tatiyaṃ jāyati.
๒๙. อิทมฺปิสฺส โหติ จรณสฺมินฺติ อิทมฺปิ สีลํ อสฺส ภิกฺขุโน จรณํ นาม โหตีติ อโตฺถฯ จรณํ นาม พหุ อเนกวิธํ, สีลาทโย ปนฺนรสธมฺมา, ตตฺถ อิทมฺปิ เอกํ จรณนฺติ อโตฺถฯ ปทโตฺถ ปน จรติ เตน อคตปุพฺพํ ทิสํ คจฺฉตีติ จรณํฯ เอส นโย สพฺพตฺถฯ
29.Idampissa hoti caraṇasminti idampi sīlaṃ assa bhikkhuno caraṇaṃ nāma hotīti attho. Caraṇaṃ nāma bahu anekavidhaṃ, sīlādayo pannarasadhammā, tattha idampi ekaṃ caraṇanti attho. Padattho pana carati tena agatapubbaṃ disaṃ gacchatīti caraṇaṃ. Esa nayo sabbattha.
อิทมฺปิสฺส โหติ วิชฺชายาติ อิทํ ปุเพฺพนิวาสญาณํ ตสฺส วิชฺชา นาม โหตีติ อโตฺถฯ วิชฺชา นาม พหุ อเนกวิธา, วิปสฺสนญาณาทีนิ อฎฺฐ ญาณานิ, ตตฺถ อิทมฺปิ ญาณํ เอกา วิชฺชาติปิ อโตฺถฯ ปทโตฺถ ปน วินิวิชฺฌิตฺวา เอตาย ชานาตีติ วิชฺชาฯ เอส นโย สพฺพตฺถฯ วิชฺชาสมฺปโนฺน อิติปีติ ตีหิ วิชฺชาหิ วิชฺชาสมฺปโนฺน อิติปิฯ จรณสมฺปโนฺน อิติปีติ ปญฺจทสหิ ธเมฺมหิ จรณสมฺปโนฺน อิติปิฯ ตทุภเยน ปน วิชฺชาจรณสมฺปโนฺน อิติปีติฯ
Idampissa hoti vijjāyāti idaṃ pubbenivāsañāṇaṃ tassa vijjā nāma hotīti attho. Vijjā nāma bahu anekavidhā, vipassanañāṇādīni aṭṭha ñāṇāni, tattha idampi ñāṇaṃ ekā vijjātipi attho. Padattho pana vinivijjhitvā etāya jānātīti vijjā. Esa nayo sabbattha. Vijjāsampanno itipīti tīhi vijjāhi vijjāsampanno itipi. Caraṇasampanno itipīti pañcadasahi dhammehi caraṇasampanno itipi. Tadubhayena pana vijjācaraṇasampanno itipīti.
๓๐. สนงฺกุมาเรนาติ โปราณกกุมาเรน, จิรกาลโต ปฎฺฐาย กุมาโรติ ปญฺญาเตนฯ โส กิร มนุสฺสปเถ ปญฺจจูฬกกุมารกกาเล ฌานํ นิพฺพเตฺตตฺวา อปริหีนชฺฌาโน พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติ, ตสฺส โส อตฺตภาโว ปิโย อโหสิ มนาโป, ตสฺมา ตาทิเสเนว อตฺตภาเวน จรติ, เตน นํ สนงฺกุมาโรติ สญฺชานนฺติฯ ชเนตสฺมินฺติ ชนิตสฺมิํ, ปชายาติ อโตฺถฯ เย โคตฺตปฎิสาริโนติ เย ชเนตสฺมิํ โคตฺตํ ปฎิสรนฺติ ‘‘อหํ โคตโม, อหํ กสฺสโป’’ติ, เตสุ โลเก โคตฺตปฎิสารีสุ ขตฺติโย เสโฎฺฐฯ อนุมตา ภควตาติ มม ปญฺหพฺยากรเณน สทฺธิํ สํสนฺทิตฺวา เทสิตาติ อมฺพฎฺฐสุเตฺต พุเทฺธน ภควตา ‘‘อหมฺปิ, อมฺพฎฺฐ, เอวํ วทามิ –
30.Sanaṅkumārenāti porāṇakakumārena, cirakālato paṭṭhāya kumāroti paññātena. So kira manussapathe pañcacūḷakakumārakakāle jhānaṃ nibbattetvā aparihīnajjhāno brahmaloke nibbatti, tassa so attabhāvo piyo ahosi manāpo, tasmā tādiseneva attabhāvena carati, tena naṃ sanaṅkumāroti sañjānanti. Janetasminti janitasmiṃ, pajāyāti attho. Ye gottapaṭisārinoti ye janetasmiṃ gottaṃ paṭisaranti ‘‘ahaṃ gotamo, ahaṃ kassapo’’ti, tesu loke gottapaṭisārīsu khattiyo seṭṭho. Anumatā bhagavatāti mama pañhabyākaraṇena saddhiṃ saṃsanditvā desitāti ambaṭṭhasutte buddhena bhagavatā ‘‘ahampi, ambaṭṭha, evaṃ vadāmi –
‘ขตฺติโย เสโฎฺฐ ชเนตสฺมิํ, เย โคตฺตปฎิสาริโน;
‘Khattiyo seṭṭho janetasmiṃ, ye gottapaṭisārino;
วิชฺชาจรณสมฺปโนฺน, โส เสโฎฺฐ เทวมานุเส’ติ’’ฯ (ที. นิ. ๑.๒๗๗) –
Vijjācaraṇasampanno, so seṭṭho devamānuse’ti’’. (dī. ni. 1.277) –
เอวํ ภาสเนฺตน อนุญฺญาตา อนุโมทิตาฯ สาธุ สาธุ อานนฺทาติ, ภควา กิร อาทิโต ปฎฺฐาย นิทฺทํ อโนกฺกมโนฺตว อิมํ สุตฺตํ สุตฺวา อานเนฺทน เสขปฎิปทาย กูฎํ คหิตนฺติ ญตฺวา อุฎฺฐาย ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสิโนฺน สาธุการํ อทาสิฯ เอตฺตาวตา จ ปน อิทํ สุตฺตํ ชินภาสิตํ นาม ชาตํฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติฯ
Evaṃ bhāsantena anuññātā anumoditā. Sādhu sādhu ānandāti, bhagavā kira ādito paṭṭhāya niddaṃ anokkamantova imaṃ suttaṃ sutvā ānandena sekhapaṭipadāya kūṭaṃ gahitanti ñatvā uṭṭhāya pallaṅkaṃ ābhujitvā nisinno sādhukāraṃ adāsi. Ettāvatā ca pana idaṃ suttaṃ jinabhāsitaṃ nāma jātaṃ. Sesaṃ sabbattha uttānamevāti.
ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย
Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya
เสขสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sekhasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๓. เสขสุตฺตํ • 3. Sekhasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๓. เสขสุตฺตวณฺณนา • 3. Sekhasuttavaṇṇanā