Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) |
๓. เสขสุตฺตวณฺณนา
3. Sekhasuttavaṇṇanā
๒๒. สนฺถาคารนฺติ อตฺถานุสาสนาคารํฯ เตนาห – ‘‘อุโยฺยคกาลาทีสู’’ติอาทิฯ อาทิ-สเทฺทน มงฺคลมหาทีนํ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ สนฺถมฺภนฺตีติ วิสฺสมนฺติ, ปริสฺสมํ วิโนเทนฺตีติ อโตฺถฯ สหาติ สนฺนิเวสวเสน เอกชฺฌํฯ สห อตฺถานุสาสนํ อคารนฺติ เอตสฺมิํ อเตฺถ ตฺถ-การสฺส นฺถ-การํ กตฺวา สนฺถาคารนฺติ วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ สนฺถรนฺตีติ สมฺมนฺตนวเสน ติฎฺฐนฺติฯ
22.Santhāgāranti atthānusāsanāgāraṃ. Tenāha – ‘‘uyyogakālādīsū’’tiādi. Ādi-saddena maṅgalamahādīnaṃ saṅgaho daṭṭhabbo. Santhambhantīti vissamanti, parissamaṃ vinodentīti attho. Sahāti sannivesavasena ekajjhaṃ. Saha atthānusāsanaṃ agāranti etasmiṃ atthe ttha-kārassa ntha-kāraṃ katvā santhāgāranti vuttanti daṭṭhabbaṃ. Santharantīti sammantanavasena tiṭṭhanti.
เตปิฎกํ พุทฺธวจนํ อาคตเมว ภวิสฺสตีติ พุทฺธวจนสฺส อาคมนสีเสน อริยผลธมฺมานมฺปิ อาคมนํ วุตฺตเมว, ติยามรตฺติํ ตตฺถ วสนฺตานํ ผลสมาปตฺติวฬญฺชนํ โหตีติฯ ตสฺมิญฺจ ภิกฺขุสเงฺฆ กลฺยาณปุถุชฺชนา วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปนฺตา โหนฺตีติ เจ? อริยมคฺคธมฺมานํ ตตฺถ อาคมนํ โหติเยวฯ
Tepiṭakaṃ buddhavacanaṃ āgatameva bhavissatīti buddhavacanassa āgamanasīsena ariyaphaladhammānampi āgamanaṃ vuttameva, tiyāmarattiṃ tattha vasantānaṃ phalasamāpattivaḷañjanaṃ hotīti. Tasmiñca bhikkhusaṅghe kalyāṇaputhujjanā vipassanaṃ ussukkāpentā hontīti ce? Ariyamaggadhammānaṃ tattha āgamanaṃ hotiyeva.
อลฺลโคมเยนาติ อเจฺฉน อลฺลโคมยรเสนฯ โอปุญฺฉาเปตฺวาติ วิลิมฺปิตฺวาฯ จตุชฺชาติยคเนฺธหีติ ตครกุงฺกุมยวนปุปฺผตมาลปตฺตานิ ปิสิตฺวา กตคเนฺธหิ นานาวเณฺณติ นีลาทิวเสน นานาวเณฺณ, น ภิตฺติวิเสสวเสนฯ ภิตฺติวิเสสวเสน ปน นานาสณฺฐานรูปเมวฯ มหาปิฎฺฐิกโกชวเกติ หตฺถิปิฎฺฐีสุ อตฺถริตพฺพตาย มหาปิฎฺฐิกาติ ลทฺธสมเญฺญ โกชเวติ วทนฺติฯ กุตฺตเก ปน สนฺธาเยตํ วุตฺตํ หตฺถตฺถรณา หตฺถิรูปวิจิตฺตาฯ อสฺสตฺถรกสีหตฺถรกาทโยปิ อสฺสสีหรูปาทิวิจิตฺตา เอว อตฺถรกา, จิตฺตตฺถรกํ นานารูเปหิ เจว นานาวิธมาลากมฺมาทีหิ จ วิจิตฺตํ อตฺถรกํฯ
Allagomayenāti acchena allagomayarasena. Opuñchāpetvāti vilimpitvā. Catujjātiyagandhehīti tagarakuṅkumayavanapupphatamālapattāni pisitvā katagandhehi nānāvaṇṇeti nīlādivasena nānāvaṇṇe, na bhittivisesavasena. Bhittivisesavasena pana nānāsaṇṭhānarūpameva. Mahāpiṭṭhikakojavaketi hatthipiṭṭhīsu attharitabbatāya mahāpiṭṭhikāti laddhasamaññe kojaveti vadanti. Kuttake pana sandhāyetaṃ vuttaṃ hatthattharaṇā hatthirūpavicittā. Assattharakasīhattharakādayopi assasīharūpādivicittā eva attharakā, cittattharakaṃ nānārūpehi ceva nānāvidhamālākammādīhi ca vicittaṃ attharakaṃ.
อุปธานนฺติ อปสฺสยนํ อุปทหิตฺวาติ อปสฺสยโยคฺคภาเวน ฐเปตฺวา คเนฺธหิ กตมาลา คนฺธทามํ, ตมาลปตฺตาทีหิ กตํ ปตฺตทามํฯ อาทิ-สเทฺทน หิงฺคุลตโกฺกลชาติผลชาติปุปฺผาทีหิ กตทามํ สงฺคณฺหาติฯ ปลฺลงฺกากาเรน กตปีฐํ ปลฺลงฺกปีฐํ, ตีสุ ปเสฺสสุ, เอกปเสฺส เอว วา สอุปสฺสยํ อปสฺสยปีฐํ, อนปสฺสยํ มุณฺฑปีฐํ โยชนาวเฎฺฎติ โยชนปริเกฺขเปฯ
Upadhānanti apassayanaṃ upadahitvāti apassayayoggabhāvena ṭhapetvā gandhehi katamālā gandhadāmaṃ, tamālapattādīhi kataṃ pattadāmaṃ. Ādi-saddena hiṅgulatakkolajātiphalajātipupphādīhi katadāmaṃ saṅgaṇhāti. Pallaṅkākārena katapīṭhaṃ pallaṅkapīṭhaṃ, tīsu passesu, ekapasse eva vā saupassayaṃ apassayapīṭhaṃ, anapassayaṃ muṇḍapīṭhaṃ yojanāvaṭṭeti yojanaparikkhepe.
สํวิธายาติ อนฺตรวาสกสฺส โกณปเทสญฺจ อิตรปเทสญฺจ สมํ กตฺวา วิธายฯ เตนาห – ‘‘กตฺตริยา ปทุมํ กนฺตโนฺต วิยา’’ติ ติมณฺฑลํ ปฎิจฺฉาเทโนฺตติ เอตฺถ จ ยสฺมา พุทฺธานํ รูปสมฺปทา วิย อากปฺปสมฺปทาปิ ปรมุกฺกํสคตา, ตสฺมา ตทา ภควา เอวํ โสภตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘สุวณฺณปามเงฺคนา’’ติอาทิมาห, ตตฺถ อสเมน พุทฺธเวเสนาติอาทินา ตทา ภควา พุทฺธานุภาวสฺส นิคุหเณ การณาภาวโต ตตฺถ สนฺนิปติตเทวมนุสฺสนาคยกฺขคนฺธพฺพาทีนํ ปสาทชนนตฺถํ อตฺตโน สภาวปกติกิริยาเยว กปิลวตฺถุํ ปาวิสีติ ทเสฺสติฯ พุทฺธานํ กายปฺปภา นาม ปกติยา อสีติหตฺถมตฺตเมว ปเทสํ ผรตีติ อาห – ‘‘อสีติหตฺถฎฺฐานํ อคฺคเหสี’’ติ นีลปีตโลหิโตทาตมญฺชิฎฺฐปภสฺสรานํ วเสน ฉพฺพณฺณา พุทฺธรสฺมิโยฯ
Saṃvidhāyāti antaravāsakassa koṇapadesañca itarapadesañca samaṃ katvā vidhāya. Tenāha – ‘‘kattariyā padumaṃ kantanto viyā’’ti timaṇḍalaṃ paṭicchādentoti ettha ca yasmā buddhānaṃ rūpasampadā viya ākappasampadāpi paramukkaṃsagatā, tasmā tadā bhagavā evaṃ sobhatīti dassento ‘‘suvaṇṇapāmaṅgenā’’tiādimāha, tattha asamena buddhavesenātiādinā tadā bhagavā buddhānubhāvassa niguhaṇe kāraṇābhāvato tattha sannipatitadevamanussanāgayakkhagandhabbādīnaṃ pasādajananatthaṃ attano sabhāvapakatikiriyāyeva kapilavatthuṃ pāvisīti dasseti. Buddhānaṃ kāyappabhā nāma pakatiyā asītihatthamattameva padesaṃ pharatīti āha – ‘‘asītihatthaṭṭhānaṃ aggahesī’’ti nīlapītalohitodātamañjiṭṭhapabhassarānaṃ vasena chabbaṇṇā buddharasmiyo.
สพฺพปาลิผุโลฺลติ มูลโต ปฎฺฐาย ยาว อคฺคา ผุโลฺล วิกสิโตฯ ปฎิปาฎิยา ฐปิตานนฺติอาทิ ปริกปฺปูปมาฯ ยถา ตํ…เป.… อลงฺกตํ อโญฺญ วิโรจติ, เอวํ วิโรจิตฺถ, สมติํสาย ปารมิตาหิ อภิสงฺขตตฺตา เอวํ วิโรจิตฺถาติ วุตฺตํ โหติฯ ปญฺจวีสติยา นทีนนฺติ คงฺคาทีนํ จนฺทภาคาปริโยสานานํ ปญฺจวีสติยา มหานทีนํฯ สมฺภิชฺชาติ สเมฺภทํ มิสฺสีภาวํ ปตฺวา มุขทฺวาเรติ สมุทฺทํ ปวิฎฺฐฎฺฐาเนฯ
Sabbapāliphulloti mūlato paṭṭhāya yāva aggā phullo vikasito. Paṭipāṭiyā ṭhapitānantiādi parikappūpamā. Yathā taṃ…pe… alaṅkataṃ añño virocati, evaṃ virocittha, samatiṃsāya pāramitāhi abhisaṅkhatattā evaṃ virocitthāti vuttaṃ hoti. Pañcavīsatiyā nadīnanti gaṅgādīnaṃ candabhāgāpariyosānānaṃ pañcavīsatiyā mahānadīnaṃ. Sambhijjāti sambhedaṃ missībhāvaṃ patvā mukhadvāreti samuddaṃ paviṭṭhaṭṭhāne.
เทวมนุสฺสนาคสุปณฺณคนฺธพฺพยกฺขาทีนํ อกฺขีนีติ เจตํ ปริกปฺปนวเสน วุตฺตํฯ สหเสฺสนาติ ปทสหเสฺสน, ภาณวารปฺปมาเณน คเนฺถนาติ อโตฺถฯ
Devamanussanāgasupaṇṇagandhabbayakkhādīnaṃ akkhīnīti cetaṃ parikappanavasena vuttaṃ. Sahassenāti padasahassena, bhāṇavārappamāṇena ganthenāti attho.
กมฺปยโนฺต วสุนฺธรนฺติ อตฺตโน คุณวิเสเสหิ ปถวีกมฺปํ อุปฺปาเทโนฺต, เอวํภูโตปิ อเหฐยโนฺต ปาณานิฯ สพฺพทกฺขิณตฺตา พุทฺธานํ ทกฺขิณํ ปฐมํ ปาทํ อุทฺธรโนฺตฯ สมํ สมฺผุสเต ภูมิํ สุปฺปติฎฺฐิตปาทตายฯ ยทิปิ ภูมิํ สมํ ผุสติ, รชสานุปลิปฺปติ สุขุมตฺตา ฉวิยาฯ นินฺนฎฺฐานํ อุนฺนมตีติอาทิ พุทฺธานํ สุปฺปติฎฺฐิตปาทสงฺขาตสฺส มหาปุริสลกฺขณปฎิลาภสฺส นิสฺสนฺทผลํฯ นาติทูเร อุทฺธรตีติ อติทูเร ฐเปตุํ น อุทฺธรติฯ นจฺจาสเนฺน จ นิกฺขิปนฺติ อจฺจาสเนฺน จ ฐาเน อนิกฺขิปโนฺต นิยฺยาติฯ หาสยโนฺต สเทวเก โลเก โตสยโนฺตฯ จตูหิ ปาเทหิ จรตีติ จตุจารีฯ
Kampayanto vasundharanti attano guṇavisesehi pathavīkampaṃ uppādento, evaṃbhūtopi aheṭhayanto pāṇāni. Sabbadakkhiṇattā buddhānaṃ dakkhiṇaṃ paṭhamaṃ pādaṃ uddharanto. Samaṃ samphusate bhūmiṃ suppatiṭṭhitapādatāya. Yadipi bhūmiṃ samaṃ phusati, rajasānupalippati sukhumattā chaviyā. Ninnaṭṭhānaṃ unnamatītiādi buddhānaṃ suppatiṭṭhitapādasaṅkhātassa mahāpurisalakkhaṇapaṭilābhassa nissandaphalaṃ. Nātidūre uddharatīti atidūre ṭhapetuṃ na uddharati. Naccāsanne ca nikkhipanti accāsanne ca ṭhāne anikkhipanto niyyāti. Hāsayanto sadevake loke tosayanto. Catūhi pādehi caratīti catucārī.
พุทฺธานุภาวสฺส ปกาสนวเสน คตตฺตา วณฺณกาโล นาม กิเรสฯ สรีรวเณฺณ วา คุณวเณฺณ วา กถิยมาเน ทุกฺกถิตนฺติ น วตฺตพฺพํฯ กสฺมา? อปริมาณวณฺณา หิ พุทฺธา ภควโนฺต, พุทฺธคุณสํวณฺณนา ชานนฺตสฺส ยถาธมฺมสํวณฺณนํเยว อนุปวิสตีติฯ
Buddhānubhāvassa pakāsanavasena gatattā vaṇṇakālo nāma kiresa. Sarīravaṇṇe vā guṇavaṇṇe vā kathiyamāne dukkathitanti na vattabbaṃ. Kasmā? Aparimāṇavaṇṇā hi buddhā bhagavanto, buddhaguṇasaṃvaṇṇanā jānantassa yathādhammasaṃvaṇṇanaṃyeva anupavisatīti.
ทุกูลจุมฺพฎเกนาติ คนฺถิตฺวา คหิตทุกูลวเตฺถน, นาควิกฺกนฺตจรโณติ หตฺถินาคสทิสปทนิเกฺขโปฯ สตปุญฺญลกฺขโณติ อเนกสตปุญฺญนิมฺมิตมหาปุริสลกฺขโณ มณิเวโรจโน ยถาติ อติวิย วิโรจมาโน มณิ วิย เวโรจโน นาม เอโก มณิวิเสโสติ เกจิ มหาสาโลวาติ มหโนฺต สาลรุโกฺข วิย, โกวิฬาราทิมหารุโกฺข วิย วา ปทุโม โกกนโท ยถาติ โกกนทสงฺขาตํ มหาปทุมํ วิย, วิกสมานปทุมํ วิย วาฯ
Dukūlacumbaṭakenāti ganthitvā gahitadukūlavatthena, nāgavikkantacaraṇoti hatthināgasadisapadanikkhepo. Satapuññalakkhaṇoti anekasatapuññanimmitamahāpurisalakkhaṇo maṇiverocano yathāti ativiya virocamāno maṇi viya verocano nāma eko maṇivisesoti keci mahāsālovāti mahanto sālarukkho viya, koviḷārādimahārukkho viya vā padumo kokanado yathāti kokanadasaṅkhātaṃ mahāpadumaṃ viya, vikasamānapadumaṃ viya vā.
อากาสคงฺคํ โอตาเรโนฺต วิยาติอาทิ ตสฺสา ปกิณฺณกกถาย อเญฺญสํ ทุกฺกรภาวทสฺสนเญฺจว สุณนฺตานํ อจฺจนฺตสุขาวหภาวทสฺสนญฺจ ปถวีชํ อากเฑฺฒโนฺต วิยาติ นาฬิยนฺตํ โยเชตฺวา มหาปถวิยา เหฎฺฐิมตเล ปปฺปฎโกชํ อุทฺธํมุขํ กตฺวา อากเฑฺฒโนฺต วิย โยชนิกนฺติ โยชนปฺปมาณํ มธุภณฺฑนฺติ มธุปฎลํฯ
Ākāsagaṅgaṃ otārento viyātiādi tassā pakiṇṇakakathāya aññesaṃ dukkarabhāvadassanañceva suṇantānaṃ accantasukhāvahabhāvadassanañca pathavījaṃ ākaḍḍhento viyāti nāḷiyantaṃ yojetvā mahāpathaviyā heṭṭhimatale pappaṭakojaṃ uddhaṃmukhaṃ katvā ākaḍḍhento viya yojanikanti yojanappamāṇaṃ madhubhaṇḍanti madhupaṭalaṃ.
มหนฺตนฺติ อุฬารํฯ สพฺพทานํ ทินฺนเมว โหตีติ สพฺพเมว ปจฺจยชาตํ อาวาสทายเกน ทินฺนเมว โหติฯ ตถาหิ เทฺว ตโย คาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา กิญฺจิ อลทฺธา อาคตสฺสปิ ฉายูทกสมฺปนฺนํ อารามํ ปวิสิตฺวา นฺหายิตฺวา ปฎิสฺสเย มุหุตฺตํ นิปชฺชิตฺวา อุฎฺฐาย นิสินฺนสฺส กาเย พลํ อาหริตฺวา ปกฺขิตฺตํ วิย โหติฯ พหิ วิจรนฺตสฺส จ กาเย วณฺณธาตุ วาตาตเปหิ กิลมติ, ปฎิสฺสยํ ปวิสิตฺวา ทฺวารํ ปิธาย มุหุตฺตํ นิสินฺนสฺส วิสภาคสนฺตติ วูปสมฺมติ, สภาคสนฺตติ ปติฎฺฐาติ, วณฺณธาตุ อาหริตฺวา ปกฺขิตฺตา วิย โหติ, พหิ วิจรนฺตสฺส จ ปาเท กณฺฎโก วิชฺฌติ, ขาณุ ปหรติ, สรีสปาทิปริสฺสโย เจว โจรภยญฺจ อุปฺปชฺชติ, ปฎิสฺสยํ ปวิสิตฺวา ทฺวารํ ปิธาย นิปนฺนสฺส ปน สเพฺพ ปริสฺสยา น โหนฺติ, อชฺฌยนฺตสฺส ธมฺมปีติสุขํ, กมฺมฎฺฐานํ มนสิกโรนฺตสฺส อุปสมสุขํ อุปฺปชฺชติ พหิทฺธา วิเกฺขปาภาวโต, พหิ วิจรนฺตสฺส จ กาเย เสทา มุจฺจนฺติ, อกฺขีนิ ผนฺทนฺติ, เสนาสนํ ปวิสนกฺขเณ มญฺจปีฐาทีนิ น ปญฺญายนฺติ, มุหุตฺตํ นิสินฺนสฺส ปน อกฺขิปสาโท อาหริตฺวา ปกฺขิโตฺต วิย โหติ, ทฺวารวาตปานมญฺจปีฐาทีนิ ปญฺญายนฺติ, เอตสฺมิมฺปิ จ อาวาเส วสนฺตํ ทิสฺวา มนุสฺสา จตูหิ ปจฺจเยหิ สกฺกจฺจํ อุปฎฺฐหนฺติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อาวาสทานสฺมิํ ทิเนฺน สพฺพํ ทานํ ทินฺนเมว โหตี’’ติฯ ภูมฎฺฐก…เป.… น สกฺกาติ อยมโตฺถ มหาสุทสฺสนวตฺถุนา (ที. นิ. ๒.๒๔๑ อาทโย) ทีเปตโพฺพฯ
Mahantanti uḷāraṃ. Sabbadānaṃ dinnameva hotīti sabbameva paccayajātaṃ āvāsadāyakena dinnameva hoti. Tathāhi dve tayo gāme piṇḍāya caritvā kiñci aladdhā āgatassapi chāyūdakasampannaṃ ārāmaṃ pavisitvā nhāyitvā paṭissaye muhuttaṃ nipajjitvā uṭṭhāya nisinnassa kāye balaṃ āharitvā pakkhittaṃ viya hoti. Bahi vicarantassa ca kāye vaṇṇadhātu vātātapehi kilamati, paṭissayaṃ pavisitvā dvāraṃ pidhāya muhuttaṃ nisinnassa visabhāgasantati vūpasammati, sabhāgasantati patiṭṭhāti, vaṇṇadhātu āharitvā pakkhittā viya hoti, bahi vicarantassa ca pāde kaṇṭako vijjhati, khāṇu paharati, sarīsapādiparissayo ceva corabhayañca uppajjati, paṭissayaṃ pavisitvā dvāraṃ pidhāya nipannassa pana sabbe parissayā na honti, ajjhayantassa dhammapītisukhaṃ, kammaṭṭhānaṃ manasikarontassa upasamasukhaṃ uppajjati bahiddhā vikkhepābhāvato, bahi vicarantassa ca kāye sedā muccanti, akkhīni phandanti, senāsanaṃ pavisanakkhaṇe mañcapīṭhādīni na paññāyanti, muhuttaṃ nisinnassa pana akkhipasādo āharitvā pakkhitto viya hoti, dvāravātapānamañcapīṭhādīni paññāyanti, etasmimpi ca āvāse vasantaṃ disvā manussā catūhi paccayehi sakkaccaṃ upaṭṭhahanti. Tena vuttaṃ – ‘‘āvāsadānasmiṃ dinne sabbaṃ dānaṃ dinnameva hotī’’ti. Bhūmaṭṭhaka…pe… na sakkāti ayamattho mahāsudassanavatthunā (dī. ni. 2.241 ādayo) dīpetabbo.
สีตนฺติ (สารตฺถ. ฎี. จูฬวคฺค ๓.๒๙๕; สํ. นิ. ฎี. ๒.๔.๒๔๓) อชฺฌตฺตธาตุโกฺขภวเสน วา พหิทฺธอุตุวิปริณามวเสน วา อุปฺปชฺชนกสีตํฯ อุณฺหนฺติ อคฺคิสนฺตาปํฯ ตสฺส ปน ทวทาหาทีสุ สมฺภโว ทฎฺฐโพฺพฯ ปฎิหนฺตีติ ปฎิพาหติฯ ยถา ตทุภยวเสน กายจิตฺตานํ พาธนานิ น โหนฺติ, เอวํ กโรติฯ สีตุณฺหพฺภาหเต หิ สรีเร วิกฺขิตฺตจิโตฺต ภิกฺขุ โยนิโส ปทหิตุํ น สโกฺกติฯ วาฬมิคานีติ สีหพฺยคฺฆาทิวาฬมิเคฯ คุตฺตเสนาสนญฺหิ ปวิสิตฺวา ทฺวารํ ปิธาย นิสินฺนสฺส เต ปริสฺสยา น โหนฺติ ฯ สรีสเปติ เย เกจิ สรนฺตา คจฺฉเนฺต ทีฆชาติเกฯ มกเสติ นิทสฺสนเมตํ, ฑํสาทีนํ เอเตเนว สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ สิสิเรติ สีตกาลวเสน สตฺตาหวทฺทลิกาทิวเสน จ อุปฺปเนฺน สิสิรสมฺผเสฺสฯ วุฎฺฐิโยติ ยทา ตทา อุปฺปนฺนา วสฺสวุฎฺฐิโย ปฎิหนตีติ โยชนาฯ
Sītanti (sārattha. ṭī. cūḷavagga 3.295; saṃ. ni. ṭī. 2.4.243) ajjhattadhātukkhobhavasena vā bahiddhautuvipariṇāmavasena vā uppajjanakasītaṃ. Uṇhanti aggisantāpaṃ. Tassa pana davadāhādīsu sambhavo daṭṭhabbo. Paṭihantīti paṭibāhati. Yathā tadubhayavasena kāyacittānaṃ bādhanāni na honti, evaṃ karoti. Sītuṇhabbhāhate hi sarīre vikkhittacitto bhikkhu yoniso padahituṃ na sakkoti. Vāḷamigānīti sīhabyagghādivāḷamige. Guttasenāsanañhi pavisitvā dvāraṃ pidhāya nisinnassa te parissayā na honti . Sarīsapeti ye keci sarantā gacchante dīghajātike. Makaseti nidassanametaṃ, ḍaṃsādīnaṃ eteneva saṅgaho daṭṭhabbo. Sisireti sītakālavasena sattāhavaddalikādivasena ca uppanne sisirasamphasse. Vuṭṭhiyoti yadā tadā uppannā vassavuṭṭhiyo paṭihanatīti yojanā.
วาตาตโป โฆโรติ รุกฺขคจฺฉาทีนํ อุมฺมูลภญฺชนวเสน ปวตฺติยา โฆโร สรชอรชาทิเภโท วาโต เจว คิมฺหปริฬาหสมเยสุ อุปฺปตฺติยา โฆโร สูริยาตโป จฯ ปฎิหญฺญตีติ ปฎิพาหียติฯ เลณตฺถนฺติ นานารมฺมณโต จิตฺตํ นิวเตฺตตฺวา ปฎิสลฺลานารามตฺถํฯ สุขตฺถนฺติ วุตฺตปริสฺสยาภาเวน ผาสุวิหารตฺถํฯ ฌายิตุนฺติ อฎฺฐติํสารมฺมเณสุ ยตฺถ กตฺถจิ จิตฺตํ อุปนิชฺฌายิตุํฯ วิปสฺสิตุนฺติ อนิจฺจาทิโต สพฺพสงฺขาเร สมฺมสิตุํฯ
Vātātapo ghoroti rukkhagacchādīnaṃ ummūlabhañjanavasena pavattiyā ghoro sarajaarajādibhedo vāto ceva gimhapariḷāhasamayesu uppattiyā ghoro sūriyātapo ca. Paṭihaññatīti paṭibāhīyati. Leṇatthanti nānārammaṇato cittaṃ nivattetvā paṭisallānārāmatthaṃ. Sukhatthanti vuttaparissayābhāvena phāsuvihāratthaṃ. Jhāyitunti aṭṭhatiṃsārammaṇesu yattha katthaci cittaṃ upanijjhāyituṃ. Vipassitunti aniccādito sabbasaṅkhāre sammasituṃ.
วิหาเรติ ปฎิสฺสเยฯ การเยติ การาเปยฺยฯ รเมฺมติ มโนรเม นิวาสสุเขฯ วาสเยตฺถ พหุสฺสุเตติ กาเรตฺวา ปน เอตฺถ วิหาเรสุ พหุสฺสุเต สีลวเนฺต กลฺยาณธเมฺม นิวาเสยฺยฯ เต นิวาเสโนฺต ปน เตสํ พหุสฺสุตานํ ยถา ปจฺจเยหิ กิลมโถ น โหติ, เอวํ อนฺนญฺจ ปานญฺจ วตฺถเสนาสนานิ จ ทเทยฺย อุชุภูเตสุ อชฺฌาสยสมฺปเนฺนสุ กมฺมผลานํ รตนตฺตยคุณานญฺจ สทฺทหเนน วิปฺปสเนฺนน เจตสาฯ
Vihāreti paṭissaye. Kārayeti kārāpeyya. Rammeti manorame nivāsasukhe. Vāsayettha bahussuteti kāretvā pana ettha vihāresu bahussute sīlavante kalyāṇadhamme nivāseyya. Te nivāsento pana tesaṃ bahussutānaṃ yathā paccayehi kilamatho na hoti, evaṃ annañca pānañca vatthasenāsanāni ca dadeyya ujubhūtesu ajjhāsayasampannesu kammaphalānaṃ ratanattayaguṇānañca saddahanena vippasannena cetasā.
อิทานิ คหฎฺฐปพฺพชิตานํ อญฺญมญฺญูปการตํ ทเสฺสตุํ ‘‘เต ตสฺสา’’ติ คาถมาหฯ ตตฺถ เตติ พหุสฺสุตา ตสฺสาติ อุปาสกสฺสฯ ธมฺมํ เทเสนฺตีติ สกลวฎฺฎทุกฺขปนุทนํ ธมฺมํ เทเสนฺติฯ ยํ โส ธมฺมํ อิธญฺญายาติ โส ปุคฺคโล ยํ สทฺธมฺมํ อิมสฺมิํ สาสเน สมฺมาปฎิปชฺชเนน ชานิตฺวา อคฺคมคฺคาธิคเมน อนาสโว หุตฺวา ปรินิพฺพายติฯ
Idāni gahaṭṭhapabbajitānaṃ aññamaññūpakārataṃ dassetuṃ ‘‘te tassā’’ti gāthamāha. Tattha teti bahussutā tassāti upāsakassa. Dhammaṃ desentīti sakalavaṭṭadukkhapanudanaṃ dhammaṃ desenti. Yaṃ so dhammaṃ idhaññāyāti so puggalo yaṃ saddhammaṃ imasmiṃ sāsane sammāpaṭipajjanena jānitvā aggamaggādhigamena anāsavo hutvā parinibbāyati.
ปูชาสกฺการวเสเนว ปฐมยาโม เขปิโต, ภควโต เทสนาย อปฺปาวเสโส มชฺฌิมยาโม คโตติ ปาฬิยํ ‘‘พหุเทว รตฺติ’’นฺติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อติเรกตรํ ทิยฑฺฒยาม’’นฺติฯ สนฺทเสฺสสีติ อานิสํสํ ทเสฺสสิ, อาวาสทานปฎิสํยุตฺตํ ธมฺมิํ กถํ สุตฺวา ตโต ปรํ, ‘‘มหาราช, อิติปิ สีลํ, อิติปิ สมาธิ, อิติปิ ปญฺญา’’ติ สีลาทิคุเณ เตสํ สมฺมา ทเสฺสสิ, หเตฺถน คเหตฺวา วิย ปจฺจกฺขโต ปกาเสสิฯ สมาทเปสีติ ‘‘เอวํ สีลํ สมาทาตพฺพํ, สีเล ปติฎฺฐิเตน เอวํ สมาธิ, เอวํ ปญฺญา ภาเวตพฺพา’’ติ ยถา เต สีลาทิคุเณ อาทิยนฺติ, ตถา คณฺหาเปสิฯ สมุเตฺตเชสีติ ยถา สมาทินฺนํ สีลํ สุวิสุทฺธํ โหติ, สมถวิปสฺสนา จ ภาวิยมานา ยถา สุฎฺฐุ วิโสธิตา อุปริวิเสสาวหา โหนฺติ, เอวํ จิตฺตํ สมุเตฺตเชสิ นิสามนวเสน โวทาเปสิฯ สมฺปหํเสสีติ ยถานุสิฎฺฐํ ฐิตสีลาทิคุเณหิ สมฺปติ ลทฺธคุณานิสํเสหิ เจว อุปริ ลทฺธพฺพผลวิเสเสหิ จ อุปริจิตฺตํ สมฺมา ปหํเสสิ, ลทฺธสฺสาสวเสน สุฎฺฐุ โตเสสิฯ เอวเมเตสํ ปทานํ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
Pūjāsakkāravaseneva paṭhamayāmo khepito, bhagavato desanāya appāvaseso majjhimayāmo gatoti pāḷiyaṃ ‘‘bahudeva ratti’’nti vuttanti āha ‘‘atirekataraṃ diyaḍḍhayāma’’nti. Sandassesīti ānisaṃsaṃ dassesi, āvāsadānapaṭisaṃyuttaṃ dhammiṃ kathaṃ sutvā tato paraṃ, ‘‘mahārāja, itipi sīlaṃ, itipi samādhi, itipi paññā’’ti sīlādiguṇe tesaṃ sammā dassesi, hatthena gahetvā viya paccakkhato pakāsesi. Samādapesīti ‘‘evaṃ sīlaṃ samādātabbaṃ, sīle patiṭṭhitena evaṃ samādhi, evaṃ paññā bhāvetabbā’’ti yathā te sīlādiguṇe ādiyanti, tathā gaṇhāpesi. Samuttejesīti yathā samādinnaṃ sīlaṃ suvisuddhaṃ hoti, samathavipassanā ca bhāviyamānā yathā suṭṭhu visodhitā uparivisesāvahā honti, evaṃ cittaṃ samuttejesi nisāmanavasena vodāpesi. Sampahaṃsesīti yathānusiṭṭhaṃ ṭhitasīlādiguṇehi sampati laddhaguṇānisaṃsehi ceva upari laddhabbaphalavisesehi ca uparicittaṃ sammā pahaṃsesi, laddhassāsavasena suṭṭhu tosesi. Evametesaṃ padānaṃ attho veditabbo.
สมุทายวจโนปิ อสีติมหาเถร-สโทฺท ตเทกเทเสปิ นิรุโฬฺหติ อาห ‘‘อสีติมหาเถเรสุ วิชฺชมาเนสู’’ติฯ อานนฺทเตฺถโรปิ หิ อโนฺตคโธ เอวาติฯ สากิยมณฺฑเลติ สากิยราชสมูเหฯ
Samudāyavacanopi asītimahāthera-saddo tadekadesepi niruḷhoti āha ‘‘asītimahātheresu vijjamānesū’’ti. Ānandattheropi hi antogadho evāti. Sākiyamaṇḍaleti sākiyarājasamūhe.
ปฎิปทาย นิยุตฺตตฺตา ปาฎิปโทฯ เตนาห – ‘‘ปฎิปนฺนโก’’ติฯ สิกฺขนสีลตาทินา เสโข, โอธิโส สมิตปาปตาย สมโณฯ เสโข ปาฎิปโท ปฎิปชฺชนปุคฺคลาธิฎฺฐาเนน ปฎิปทาเทสนํ นิยเมโนฺต ปฎิปทาย ปุคฺคลํ นิยเมติ นามาติ ‘‘ปฎิปทาย ปุคฺคลํ นิยเมตฺวา ทเสฺสตี’’ติฯ เสขปฺปฎิปทา สาสเน มงฺคลปฎิปทา สมฺมเทว อเสวิตพฺพปริวชฺชเนน เสวิตพฺพสมาทาเนน อุกฺกํสวตฺถูสุ จ ภาวโต อเสขธมฺมปาริปูริยา อาวหตฺตา จ วฑฺฒมานกปฎิปทาฯ อกิลมนฺตาว สลฺลเกฺขสฺสนฺตีติ อิทํ ตทา เตสํ อเสขภูมิอธิคมาย อโยคฺยตาย วุตฺตํฯ อกิลมนฺตาวาติ อิมินา ปฎิสมฺภิทาปฺปตฺตสฺสปิ อนธิคตมคฺคสญฺญาปนา ภาริยาติ ทเสฺสติฯ โอสฎาติ อนุปฺปวิฎฺฐาฯ สกลํ วินยปิฎกํ กถิตเมว โหติ ตสฺส สีลกถาพาหุลฺลโต เสสทฺวเยปิ เอเสว นโยฯ ตีหิ ปิฎเกหีติ กรณเตฺถ กรณวจนํฯ เตน ตํตํปิฎกานํ ตสฺสา ตสฺสา สิกฺขาย สาธกตมภาวํ ทเสฺสติฯ
Paṭipadāya niyuttattā pāṭipado. Tenāha – ‘‘paṭipannako’’ti. Sikkhanasīlatādinā sekho, odhiso samitapāpatāya samaṇo. Sekho pāṭipado paṭipajjanapuggalādhiṭṭhānena paṭipadādesanaṃ niyamento paṭipadāya puggalaṃ niyameti nāmāti ‘‘paṭipadāya puggalaṃ niyametvā dassetī’’ti. Sekhappaṭipadā sāsane maṅgalapaṭipadā sammadeva asevitabbaparivajjanena sevitabbasamādānena ukkaṃsavatthūsu ca bhāvato asekhadhammapāripūriyā āvahattā ca vaḍḍhamānakapaṭipadā. Akilamantāva sallakkhessantīti idaṃ tadā tesaṃ asekhabhūmiadhigamāya ayogyatāya vuttaṃ. Akilamantāvāti iminā paṭisambhidāppattassapi anadhigatamaggasaññāpanā bhāriyāti dasseti. Osaṭāti anuppaviṭṭhā. Sakalaṃ vinayapiṭakaṃ kathitameva hoti tassa sīlakathābāhullato sesadvayepi eseva nayo. Tīhi piṭakehīti karaṇatthe karaṇavacanaṃ. Tena taṃtaṃpiṭakānaṃ tassā tassā sikkhāya sādhakatamabhāvaṃ dasseti.
ปิฎฺฐิวาโต อุปฺปชฺชติ อุปาทินฺนกสรีรสฺส ตถารูปตฺตา สงฺขารานญฺจ อนิจฺจตาย ทุกฺขานุพนฺธตฺตาฯ อการณํ วา เอตนฺติ เยนาธิปฺปาเยน วุตฺตํ, ตเมว อธิปฺปายํ วิวริตุํ ‘‘ปโหตี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ จตูหิ อิริยาปเถหิ ปริภุญฺชิตุกาโม อโหสิ สกฺยราชูนํ อชฺฌาสยวเสนฯ ตถา หิ วกฺขติ ‘‘สตฺถาปิ ตเทว สนฺธาย ตตฺถ สงฺฆาฎิํ ปญฺญเปตฺวา นิปชฺชีตี’’ติฯ ยทิ เอวํ ‘‘ปิฎฺฐิ เม อาคิลายตี’’ติ อิทํ กถนฺติ อาห ‘‘อุปาทินฺนกสรีรญฺจ นามา’’ติอาทิฯ
Piṭṭhivātouppajjati upādinnakasarīrassa tathārūpattā saṅkhārānañca aniccatāya dukkhānubandhattā. Akāraṇaṃ vā etanti yenādhippāyena vuttaṃ, tameva adhippāyaṃ vivarituṃ ‘‘pahotī’’tiādi vuttaṃ. Catūhi iriyāpathehi paribhuñjitukāmo ahosi sakyarājūnaṃ ajjhāsayavasena. Tathā hi vakkhati ‘‘satthāpi tadeva sandhāya tattha saṅghāṭiṃ paññapetvā nipajjītī’’ti. Yadi evaṃ ‘‘piṭṭhi me āgilāyatī’’ti idaṃ kathanti āha ‘‘upādinnakasarīrañca nāmā’’tiādi.
๒๓. ‘‘อิมินา ปาติโมกฺขสํวเรน…เป.… สมฺปโนฺน’’ติอาทีสุ (วิภ. ๕๑๑) สมนฺนาคตโตฺถ สมฺปนฺน-สโทฺท, อิธ ปน ปาริปูริอโตฺถติ ทเสฺสตุํ ‘‘ปริปุณฺณสีโลติ อโตฺถ’’ติ วุตฺตํฯ โย ปน สมฺปนฺนสีโลเยว, โส ปริปุณฺณสีโลฯ ปริสุทฺธญฺหิ สีลํ ‘‘ปริปุณฺณ’’นฺติ วุจฺจติ, น สพลํ กมฺมาสํ วาฯ สุนฺทรธเมฺมหีติ โสภนธเมฺมหิฯ ยสฺมิํ สนฺตาเน อุปฺปนฺนา ตสฺส โสภนภาวโตฯ เตหิ สปฺปุริสภาวสาธนโต สปฺปุริสานํ ธเมฺมหิฯ
23. ‘‘Iminā pātimokkhasaṃvarena…pe… sampanno’’tiādīsu (vibha. 511) samannāgatattho sampanna-saddo, idha pana pāripūriatthoti dassetuṃ ‘‘paripuṇṇasīloti attho’’ti vuttaṃ. Yo pana sampannasīloyeva, so paripuṇṇasīlo. Parisuddhañhi sīlaṃ ‘‘paripuṇṇa’’nti vuccati, na sabalaṃ kammāsaṃ vā. Sundaradhammehīti sobhanadhammehi. Yasmiṃ santāne uppannā tassa sobhanabhāvato. Tehi sappurisabhāvasādhanato sappurisānaṃ dhammehi.
๒๔. อิมินา เอตฺตเกน ฐาเนนาติ ‘‘อิธ, มหานาม, อริยสาวโก’’ติ อารภิตฺวา ยาว ‘‘อกสิรลาภี’’ติ ปทํ อิมินา เอตฺตเกน อุเทฺทสปเทน มาติกํ ฐเปตฺวาฯ ปฎิปาฎิยาติ อุเทฺทสปฎิปาฎิยาฯ เอวมาหาติ ‘‘เอวํ กถญฺจ, มหานามา’’ติอาทินา อิทานิ วุจฺจมาเนน ทสฺสิตากาเรน อาหฯ
24.Imināettakena ṭhānenāti ‘‘idha, mahānāma, ariyasāvako’’ti ārabhitvā yāva ‘‘akasiralābhī’’ti padaṃ iminā ettakena uddesapadena mātikaṃ ṭhapetvā. Paṭipāṭiyāti uddesapaṭipāṭiyā. Evamāhāti ‘‘evaṃ kathañca, mahānāmā’’tiādinā idāni vuccamānena dassitākārena āha.
๒๕. หิรียตีติ ลชฺชียติ ปีฬียติฯ ยสฺมา หิรี ปาปชิคุจฺฉนลกฺขณา, ตสฺมา ‘‘ชิคุจฺฉตีติ อโตฺถ’’ติ วุตฺตํฯ โอตฺตปฺปตีติ อุตฺตปฺปติฯ ปาปุตฺราสลกฺขณญฺหิ โอตฺตปฺปํฯ ปคฺคหิตวีริโยติ สโงฺกจํ อนาปนฺนวีริโยฯ เตนาห ‘‘อโนสกฺกิตมานโส’’ติฯ ปหานตฺถายาติ สมุจฺฉินฺทนตฺถายฯ กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทา นาม อธิคโม เอวาติ อาห ‘‘ปฎิลาภตฺถายา’’ติฯ สติเนปเกฺกนาติ สติยา เนปเกฺกน ติกฺขวิสทสูรภาเวนฯ อฎฺฐกถายํ ปน เนปกฺกํ นาม ปญฺญาติ อธิปฺปาเยน ‘‘สติยา จ นิปกภาเวน จา’’ติ อโตฺถ วุโตฺต, เอวํ สติ อโญฺญ นิทฺทิโฎฺฐ นาม โหติฯ สติมาติ จ อิมินาว วิเสสา สติ คหิตา, ปรโต ‘‘จิรกตมฺปิ จิรภาสิตมฺปิ สริตา อนุสฺสริตา’’ติ สติกิจฺจเมว นิทฺทิฎฺฐํ, น ปญฺญากิจฺจํ, ตสฺมา สติเนปเกฺกนาติ สติยา เนปกฺกภาเวนาติ สกฺกา วิญฺญาตุํฯ เตเนว หิ ปจฺจยวิเสสวเสน อญฺญธมฺมนิรเปโกฺข สติยา พลวภาโวฯ ตถา หิ ญาณวิปฺปยุตฺตจิเตฺตนปิ อชฺฌยนสมฺมสนานิ สมฺภวนฺติฯ
25.Hirīyatīti lajjīyati pīḷīyati. Yasmā hirī pāpajigucchanalakkhaṇā, tasmā ‘‘jigucchatīti attho’’ti vuttaṃ. Ottappatīti uttappati. Pāputrāsalakkhaṇañhi ottappaṃ. Paggahitavīriyoti saṅkocaṃ anāpannavīriyo. Tenāha ‘‘anosakkitamānaso’’ti. Pahānatthāyāti samucchindanatthāya. Kusalānaṃ dhammānaṃ upasampadā nāma adhigamo evāti āha ‘‘paṭilābhatthāyā’’ti. Satinepakkenāti satiyā nepakkena tikkhavisadasūrabhāvena. Aṭṭhakathāyaṃ pana nepakkaṃ nāma paññāti adhippāyena ‘‘satiyā ca nipakabhāvena cā’’ti attho vutto, evaṃ sati añño niddiṭṭho nāma hoti. Satimāti ca imināva visesā sati gahitā, parato ‘‘cirakatampi cirabhāsitampi saritā anussaritā’’ti satikiccameva niddiṭṭhaṃ, na paññākiccaṃ, tasmā satinepakkenāti satiyā nepakkabhāvenāti sakkā viññātuṃ. Teneva hi paccayavisesavasena aññadhammanirapekkho satiyā balavabhāvo. Tathā hi ñāṇavippayuttacittenapi ajjhayanasammasanāni sambhavanti.
เจติยงฺคณวตฺตาทีติ อาทิ-สเทฺทน โพธิยงฺคณวตฺตาทีนิ สงฺคณฺหาติฯ อสีติมหาวตฺตปฎิปตฺติปูรณนฺติ เอตฺถ อสีติวตฺตปฎิปตฺติปูรณํ มหาวตฺตปฎิปตฺติปูรณนฺติ วตฺตปฎิปตฺติปูรณ-สโทฺท ปเจฺจกํ โยเชตโพฺพฯ ตตฺถ มหาวตฺตานิ (วิภ. มูลฎี. ๔๐๖) นาม วตฺตขนฺธเก (จูฬว. ๓๕๖ อาทโย) วุตฺตานิ อาคนฺตุกวตฺตํ อาวาสิกํ คมิกํ อนุโมทนํ ภตฺตคฺคํ ปิณฺฑจาริกํ อารญฺญิกํ เสนาสนํ ชนฺตาฆรํ วจฺจกุฎิ อุปชฺฌายํ สทฺธิวิหาริกํ อาจริยํ อเนฺตวาสิกวตฺตนฺติ จุทฺทสฯ ตโต อญฺญานิ ปน กทาจิ ตชฺชนียกมฺมกตาทิกาเล ปาริวาสิกาทิกาเล จ จริตพฺพานิ อสีติ ขุทฺทกวตฺตานิ สพฺพาสุ อวตฺถาสุ น จริตพฺพานิ, ตสฺมา มหาวเตฺตสุ, อคฺคหิตานิฯ ตตฺถ ‘‘ปาริวาสิกานํ ภิกฺขูนํ วตฺตํ ปญฺญเปสฺสามี’’ติ อารภิตฺวา ‘‘น อุปสมฺปาเทตพฺพํ…เป.… น ฉมายํ จงฺกมเนฺต จงฺกเม จงฺกมิตพฺพ’’นฺติ (จูฬว. ๘๑) วุตฺตานิ ปกภเตฺต จริตพฺพวตฺตาวสานานิ ฉสฎฺฐิ, ตโต ปรํ ‘‘น, ภิกฺขเว, ปาริวาสิเกน ภิกฺขุนา ปาริวาสิกวุฑฺฒตเรน ภิกฺขุนา สทฺธิํ มูลายปฎิกสฺสนารเหน มานตฺตารเหน มานตฺตจาริเกน อพฺภานารเหน ภิกฺขุนา สทฺธิํ เอกจฺฉเนฺน อาวาเส วตฺตพฺพ’’นฺติอาทีนิ (จูฬว. ๘๒) ปกตเตฺต จริตเพฺพหิ อนญฺญตฺตา วิสุํ วิสุํ อคเณตฺวา ปาริวาสิกวุฑฺฒตราทีสุ ปุคฺคลนฺตเรสุ จริตพฺพตฺตา เตสํ วเสน สมฺปิเณฺฑตฺวา เอเกกํ กตฺวา คณิตพฺพานิ ปญฺจาติ เอกสตฺตติวตฺตานิ, อุเกฺขปนิยกมฺมกตวเตฺตสุ วตฺตปญฺญาปนวเสน วุตฺตํ – ‘‘น ปกตตฺตสฺส ภิกฺขุโน อภิวาทนํ ปจฺจุฎฺฐานํ…เป.… นฺหาเน ปิฎฺฐิปริกมฺมํ สาทิตพฺพ’’นฺติ (จูฬว. ๕๑) อิทํ อภิวาทนาทีนํ อสาทิยนํ เอกํ, ‘‘น ปกตโตฺต ภิกฺขุ สีลวิปตฺติยา อนุทฺธํสิตโพฺพ’’ติอาทีนิ จ ทสาติ เอวเมตานิ ทฺวาสีติฯ เอเตเสฺวว ปน กานิจิ ตชฺชนียกมฺมาทิวตฺตานิ กานิจิ ปาริวาสิกาทิวตฺตานีติ อคฺคหิตคฺคหเณน ทฺวาสีติ, เอวํ อปฺปกํ ปน อูนมธิกํ วา คณนุปคํ น โหตีติ อิธ ‘‘อสีติ’’เจฺจว วุตฺตํฯ อญฺญตฺถ ปน อฎฺฐกถาปเทเส ‘‘ทฺวาสีติ ขนฺธกวตฺตานี’’ติ วุจฺจติฯ
Cetiyaṅgaṇavattādīti ādi-saddena bodhiyaṅgaṇavattādīni saṅgaṇhāti. Asītimahāvattapaṭipattipūraṇanti ettha asītivattapaṭipattipūraṇaṃ mahāvattapaṭipattipūraṇanti vattapaṭipattipūraṇa-saddo paccekaṃ yojetabbo. Tattha mahāvattāni (vibha. mūlaṭī. 406) nāma vattakhandhake (cūḷava. 356 ādayo) vuttāni āgantukavattaṃ āvāsikaṃ gamikaṃ anumodanaṃ bhattaggaṃ piṇḍacārikaṃ āraññikaṃ senāsanaṃ jantāgharaṃ vaccakuṭi upajjhāyaṃ saddhivihārikaṃ ācariyaṃ antevāsikavattanti cuddasa. Tato aññāni pana kadāci tajjanīyakammakatādikāle pārivāsikādikāle ca caritabbāni asīti khuddakavattāni sabbāsu avatthāsu na caritabbāni, tasmā mahāvattesu, aggahitāni. Tattha ‘‘pārivāsikānaṃ bhikkhūnaṃ vattaṃ paññapessāmī’’ti ārabhitvā ‘‘na upasampādetabbaṃ…pe… na chamāyaṃ caṅkamante caṅkame caṅkamitabba’’nti (cūḷava. 81) vuttāni pakabhatte caritabbavattāvasānāni chasaṭṭhi, tato paraṃ ‘‘na, bhikkhave, pārivāsikena bhikkhunā pārivāsikavuḍḍhatarena bhikkhunā saddhiṃ mūlāyapaṭikassanārahena mānattārahena mānattacārikena abbhānārahena bhikkhunā saddhiṃ ekacchanne āvāse vattabba’’ntiādīni (cūḷava. 82) pakatatte caritabbehi anaññattā visuṃ visuṃ agaṇetvā pārivāsikavuḍḍhatarādīsu puggalantaresu caritabbattā tesaṃ vasena sampiṇḍetvā ekekaṃ katvā gaṇitabbāni pañcāti ekasattativattāni, ukkhepaniyakammakatavattesu vattapaññāpanavasena vuttaṃ – ‘‘na pakatattassa bhikkhuno abhivādanaṃ paccuṭṭhānaṃ…pe… nhāne piṭṭhiparikammaṃ sāditabba’’nti (cūḷava. 51) idaṃ abhivādanādīnaṃ asādiyanaṃ ekaṃ, ‘‘na pakatatto bhikkhu sīlavipattiyā anuddhaṃsitabbo’’tiādīni ca dasāti evametāni dvāsīti. Etesveva pana kānici tajjanīyakammādivattāni kānici pārivāsikādivattānīti aggahitaggahaṇena dvāsīti, evaṃ appakaṃ pana ūnamadhikaṃ vā gaṇanupagaṃ na hotīti idha ‘‘asīti’’cceva vuttaṃ. Aññattha pana aṭṭhakathāpadese ‘‘dvāsīti khandhakavattānī’’ti vuccati.
สกฺกจฺจํ อุทฺทิสนํ สกฺกจฺจํ อุทฺทิสาปนนฺติ ปเจฺจกํ สกฺกจฺจํ-สโทฺท โยเชตโพฺพฯ อุทฺทิสนํ อุเทฺทสคฺคหณํฯ ธโมฺมสารณํ ธมฺมสฺส อุจฺจารณํฯ ธมฺมเทสนา –
Sakkaccaṃuddisanaṃ sakkaccaṃ uddisāpananti paccekaṃ sakkaccaṃ-saddo yojetabbo. Uddisanaṃ uddesaggahaṇaṃ. Dhammosāraṇaṃ dhammassa uccāraṇaṃ. Dhammadesanā –
‘‘อาทิมฺหิ สีลํ เทเสยฺย, มเชฺฌ ฌานํ วิปสฺสนํ;
‘‘Ādimhi sīlaṃ deseyya, majjhe jhānaṃ vipassanaṃ;
ปริโยสาเน จ นิพฺพานํ, เอสา กถิกสณฺฐิตี’’ติฯ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑๙๐; สํ. นิ. อฎฺฐ. ๓.๔.๒๔๖) –
Pariyosāne ca nibbānaṃ, esā kathikasaṇṭhitī’’ti. (dī. ni. aṭṭha. 1.190; saṃ. ni. aṭṭha. 3.4.246) –
เอวํ กถิตลกฺขณา ธมฺมกถาฯ อุปคนฺตฺวา นิสินฺนสฺส ยสฺส กสฺสจิ คหฎฺฐสฺส ปพฺพชิตสฺส วา ตงฺขณานุรูปา ธมฺมี กถา อุปนิสินฺนกถาฯ ภตฺตานุโมทนกถา อนุโมทนิยาฯ สริตาติ เอตฺถ น เกวลํ จิรกตจิรภาสิตานํ สรณมนุสฺสรณมตฺตํ อธิเปฺปตํ, อถ โข ตถาปวตฺตรูปารูปธมฺมานํ ปริคฺคหมุเขน ปวตฺตวิปสฺสนาจาเร สติสโมฺพชฺฌงฺคสมุฎฺฐาปนนฺติ ทเสฺสตุํ ‘‘ตสฺมิํ กาเยน จิรกเต’’ติอาทิ วุตฺตํฯ สกิมฺปิ สรเณนาติ เอกวารํ สรเณนฯ ปุนปฺปุนํ สรเณนาติ อนุ อนุ สรเณนฯ สติสโมฺพชฺฌงฺคมฺปิ วิเวกนิสฺสิตํ วิราคนิสฺสิตํ นิโรธนิสฺสิตํ โวสคฺคปริณามิญฺจ กตฺวา สรโนฺต ตตฺถ ตตฺถ ชวนวาเร สรณชวนวาเร ปริตฺตชวนวเสน อนุสฺสริตาติ เวทิตพฺพาฯ
Evaṃ kathitalakkhaṇā dhammakathā. Upagantvā nisinnassa yassa kassaci gahaṭṭhassa pabbajitassa vā taṅkhaṇānurūpā dhammī kathā upanisinnakathā. Bhattānumodanakathā anumodaniyā. Saritāti ettha na kevalaṃ cirakatacirabhāsitānaṃ saraṇamanussaraṇamattaṃ adhippetaṃ, atha kho tathāpavattarūpārūpadhammānaṃ pariggahamukhena pavattavipassanācāre satisambojjhaṅgasamuṭṭhāpananti dassetuṃ ‘‘tasmiṃ kāyena cirakate’’tiādi vuttaṃ. Sakimpi saraṇenāti ekavāraṃ saraṇena. Punappunaṃ saraṇenāti anu anu saraṇena. Satisambojjhaṅgampi vivekanissitaṃ virāganissitaṃ nirodhanissitaṃ vosaggapariṇāmiñca katvā saranto tattha tattha javanavāre saraṇajavanavāre parittajavanavasena anussaritāti veditabbā.
คติอตฺถา ธาตุสทฺทา พุทฺธิอตฺถา โหนฺตีติ อาห – ‘‘อุทยญฺจ วยญฺจ ปฎิวิชฺฌิตุํ สมตฺถายา’’ติฯ มิสฺสกนเยนายํ เทสนา อาคตาติ อาห – ‘‘วิกฺขมฺภนวเสน จ สมุเจฺฉทวเสน จา’’ติฯ เตนาห ‘‘วิปสฺสนาปญฺญาย เจวา’’ติอาทิฯ วิปสฺสนาปญฺญาย นิเพฺพธิกปริยายโตฯ สา จ โข ปเทสิกาติ นิปฺปเทสิกํ กตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘มคฺคปญฺญาย ปฎิลาภสํวตฺตนโต จา’’ติ วุตฺตํฯ ทุกฺขกฺขยคามินิภาเวปิ เอเสว นโยฯ สมฺมาติ ยาถาวโตฯ อกุปฺปธมฺมตาย หิ มคฺคปญฺญา เขปิตเขปนาย น ปุน กิจฺจํ อตฺถีติ อุปาเยน ญาเยน ยา ปวตฺติ สา เอวาติ อาห – ‘‘เหตุนา นเยนา’’ติฯ
Gatiatthā dhātusaddā buddhiatthā hontīti āha – ‘‘udayañca vayañca paṭivijjhituṃ samatthāyā’’ti. Missakanayenāyaṃ desanā āgatāti āha – ‘‘vikkhambhanavasena ca samucchedavasena cā’’ti. Tenāha ‘‘vipassanāpaññāya cevā’’tiādi. Vipassanāpaññāya nibbedhikapariyāyato. Sā ca kho padesikāti nippadesikaṃ katvā dassetuṃ ‘‘maggapaññāya paṭilābhasaṃvattanato cā’’ti vuttaṃ. Dukkhakkhayagāminibhāvepi eseva nayo. Sammāti yāthāvato. Akuppadhammatāya hi maggapaññā khepitakhepanāya na puna kiccaṃ atthīti upāyena ñāyena yā pavatti sā evāti āha – ‘‘hetunā nayenā’’ti.
๒๖. อธิกํ เจโต อภิเจโต, มหคฺคตจิตฺตํ, ตสฺส ปน อธิกตา กามจฺฉนฺทาทิปฎิปกฺขวิคเมน วิสิฎฺฐภาวปฺปตฺติ, ตนฺนิสฺสิตานิ อาภิเจตสิกานิฯ เตนาห ‘‘อภิจิตฺตํ เสฎฺฐจิตฺตํ สิตาน’’นฺติฯ ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารานนฺติ อิมสฺมิํเยว อตฺตภาเว ผาสุวิหารภูตานํฯ เตหิ ปน สมงฺคิตกฺขเณ ยสฺมา วิเวกชํ ปีติสุขํ สมาธิชํ ปีติสุขํ อปีติชํ สติปาริสุทฺธิญาณสุขญฺจ ปฎิลภติ วินฺทติ, ตสฺมา อาห – ‘‘อปฺปิตปฺปิตกฺขเณ สุขปฎิลาภเหตูน’’นฺติฯ อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ สมาปชฺชิตาติ อิมินา เตสุ ฌาเนสุ สมาปชฺชนวสีภาวมาห, ‘‘นิกามลาภี’’ติ ปน วจนโต อาวชฺชนาธิฎฺฐานา ปจฺจเวกฺขณวสิโย จ วุตฺตา เอวาติ เวทิตพฺพาฯ นิทุกฺขลาภีติ อิมินา เตสํ ฌานานํ สุขปฎิปทาขิปฺปาภิญฺญตํ ทเสฺสติ, วิปุลลาภีติ อิมินา ปคุณตํ ตปฺปมาณทสฺสิตภาวทีปนโตฯ เตนาห ‘‘ปคุณภาเวนา’’ติอาทิฯ สมาปชฺชิตุํ สโกฺกติ สมาปชฺชนวสีภาวตาย สาธิตตฺตาฯ สมาธิปาริปนฺถิกธเมฺมติ วสีภาวสฺส ปจฺจนีกธเมฺมฯ ฌานาธิคมสฺส ปน ปจฺจนีกธมฺมา ปเคว วิกฺขมฺภิตา, อญฺญถา ฌานาธิคโม เอว น สิยาฯ อกิลมโนฺต วิกฺขเมฺภตุํ น สโกฺกตีติ กิเจฺฉน วิกฺขเมฺภติ วิโสเธติ, กามาทีนวปจฺจเวกฺขณาทีหิ กามจฺฉนฺทาทีนํ อเญฺญสํ สมาธิปาริปนฺถิกานํ ทูรสมุสฺสารณํ อิธ วิกฺขมฺภนํ วิโสธนนฺติ เวทิตพฺพํฯ
26. Adhikaṃ ceto abhiceto, mahaggatacittaṃ, tassa pana adhikatā kāmacchandādipaṭipakkhavigamena visiṭṭhabhāvappatti, tannissitāni ābhicetasikāni. Tenāha ‘‘abhicittaṃ seṭṭhacittaṃ sitāna’’nti. Diṭṭhadhammasukhavihārānanti imasmiṃyeva attabhāve phāsuvihārabhūtānaṃ. Tehi pana samaṅgitakkhaṇe yasmā vivekajaṃ pītisukhaṃ samādhijaṃ pītisukhaṃ apītijaṃ satipārisuddhiñāṇasukhañca paṭilabhati vindati, tasmā āha – ‘‘appitappitakkhaṇe sukhapaṭilābhahetūna’’nti. Icchiticchitakkhaṇe samāpajjitāti iminā tesu jhānesu samāpajjanavasībhāvamāha, ‘‘nikāmalābhī’’ti pana vacanato āvajjanādhiṭṭhānā paccavekkhaṇavasiyo ca vuttā evāti veditabbā. Nidukkhalābhīti iminā tesaṃ jhānānaṃ sukhapaṭipadākhippābhiññataṃ dasseti, vipulalābhīti iminā paguṇataṃ tappamāṇadassitabhāvadīpanato. Tenāha ‘‘paguṇabhāvenā’’tiādi. Samāpajjituṃ sakkoti samāpajjanavasībhāvatāya sādhitattā. Samādhipāripanthikadhammeti vasībhāvassa paccanīkadhamme. Jhānādhigamassa pana paccanīkadhammā pageva vikkhambhitā, aññathā jhānādhigamo eva na siyā. Akilamanto vikkhambhetuṃ na sakkotīti kicchena vikkhambheti visodheti, kāmādīnavapaccavekkhaṇādīhi kāmacchandādīnaṃ aññesaṃ samādhipāripanthikānaṃ dūrasamussāraṇaṃ idha vikkhambhanaṃ visodhananti veditabbaṃ.
๒๗. วิปสฺสนาหิตาย อุปรูปริวิเสสาวหตฺตา วฑฺฒมานาย ปุพฺพภาคสีลาทิปฎิปทายฯ สา เอว ปุพฺพภาคปฎิปทา ยถาภาวิตตาย อวสฺสํ ภาวินํ วิเสสํ ปริคฺคหิตตฺตา อณฺฑํ วิยาติ อณฺฑํ, กิเลเสหิ อทูสิตตาย อปูติ อณฺฑํ เอตสฺสาติ อปุจฺจโณฺฑ, วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา ฐิตปุคฺคโล, ตสฺส ภาโว อปุจฺจณฺฑตาฯ วิปสฺสนาทิญาณปฺปเภทายาติ ปุเพฺพนิวาสญาณาทิญาณปเภทายฯ ตตฺถาติ เจโตขิลสุเตฺต (ม. นิ. ๑.๑๘๕) ‘‘ส โข โส, ภิกฺขเว, เอวํ อุโสฺสฬฺหิปนฺนรสงฺคสมนฺนาคโต ภิกฺขุ ภโพฺพ อภินิพฺพิทายา’’ติ อาคตตฺตา อุโสฺสฬฺหิปนฺนรเสหิ อเงฺคหิ สมนฺนาคตภาโวติ เอวํ ยํ โอปมฺมสํสนฺทนํ อาคตํ, ตํ โอปมฺมสํสนฺทนํ อิธ อิมสฺมิํ เสขสุเตฺต โยเชตฺวา เวทิตพฺพนฺติ สมฺพโนฺธฯ
27. Vipassanāhitāya uparūparivisesāvahattā vaḍḍhamānāya pubbabhāgasīlādipaṭipadāya. Sā eva pubbabhāgapaṭipadā yathābhāvitatāya avassaṃ bhāvinaṃ visesaṃ pariggahitattā aṇḍaṃ viyāti aṇḍaṃ, kilesehi adūsitatāya apūti aṇḍaṃ etassāti apuccaṇḍo, vipassanaṃ ussukkāpetvā ṭhitapuggalo, tassa bhāvo apuccaṇḍatā. Vipassanādiñāṇappabhedāyāti pubbenivāsañāṇādiñāṇapabhedāya. Tatthāti cetokhilasutte (ma. ni. 1.185) ‘‘sa kho so, bhikkhave, evaṃ ussoḷhipannarasaṅgasamannāgato bhikkhu bhabbo abhinibbidāyā’’ti āgatattā ussoḷhipannarasehi aṅgehi samannāgatabhāvoti evaṃ yaṃ opammasaṃsandanaṃ āgataṃ, taṃ opammasaṃsandanaṃ idha imasmiṃ sekhasutte yojetvā veditabbanti sambandho.
๒๘. มหคฺคตาทิภาเวน เหฎฺฐิมานํ ฌานานํ อนุรูปมฺปิ อตฺตโน วิเสเสน เต อุตฺตริตฺวา อติกฺกมิตฺวาน ฐิตนฺติ อนุตฺตรํ, เตนาห – ‘‘ปฐมาทิชฺฌาเนหิ อสทิสํ อุตฺตม’’นฺติฯ ทุติยาทีสุปิ อภินิพฺภิทาสุฯ ปุเพฺพนิวาสญาณํ อุปฺปชฺชมานํ ยถา อตฺตโน วิสยปฎิจฺฉาทกํ กิเลสนฺธการํ วิธมนฺตเมว อุปฺปชฺชติ, เอวํ อตฺตโน วิสเย กญฺจิ วิเสสํ กโรนฺตเมว อุปฺปชฺชตีติ อาห – ‘‘ปุเพฺพนิวาสญาเณน ปฐมํ ชายตี’’ติ, เสสญาณทฺวเยปิ เอเสว นโยฯ
28. Mahaggatādibhāvena heṭṭhimānaṃ jhānānaṃ anurūpampi attano visesena te uttaritvā atikkamitvāna ṭhitanti anuttaraṃ, tenāha – ‘‘paṭhamādijjhānehi asadisaṃ uttama’’nti. Dutiyādīsupi abhinibbhidāsu. Pubbenivāsañāṇaṃ uppajjamānaṃ yathā attano visayapaṭicchādakaṃ kilesandhakāraṃ vidhamantameva uppajjati, evaṃ attano visaye kañci visesaṃ karontameva uppajjatīti āha – ‘‘pubbenivāsañāṇena paṭhamaṃ jāyatī’’ti, sesañāṇadvayepi eseva nayo.
๒๙. จรณสฺมินฺติ ปจฺจเตฺต ภุมฺมวจนนฺติ อาห ‘‘จรณํ นาม โหตีติ อโตฺถ’’ติฯ เตนาติ กรณเตฺถ กรณวจนํ อคตปุพฺพทิสาคมเน เตสํ สาธกตมภาวโตฯ
29.Caraṇasminti paccatte bhummavacananti āha ‘‘caraṇaṃ nāma hotīti attho’’ti. Tenāti karaṇatthe karaṇavacanaṃ agatapubbadisāgamane tesaṃ sādhakatamabhāvato.
อฎฺฐ ญาณานีติ อิธ อาคตานิ จ อนาคตานิ จ อมฺพฎฺฐสุตฺตาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๕๔ อาทโย) อาคตานิ คเหตฺวา วทติฯ วินิวิชฺฌิตฺวาติ ปุเพฺพนิวาสปฎิจฺฉาทกาทิกิเลสตมํ ภินฺทิตฺวา ปทาเลตฺวาฯ
Aṭṭha ñāṇānīti idha āgatāni ca anāgatāni ca ambaṭṭhasuttādīsu (dī. ni. 1.254 ādayo) āgatāni gahetvā vadati. Vinivijjhitvāti pubbenivāsapaṭicchādakādikilesatamaṃ bhinditvā padāletvā.
๓๐. สนงฺกุมาเรนาติ สนนฺตนกุมาเรนฯ ตเทว หิ ตสฺส สนนฺตนกุมารตํ ทเสฺสตุํ ‘‘จิรกาลโต ปฎฺฐายา’’ติ วุตฺตํฯ โส อตฺตภาโวติ เยน อตฺตภาเวน มนุสฺสปเถ ฌานํ นิพฺพเตฺตสิ, โส กุมารตฺตภาโว, ตสฺมา พฺรหฺมภูโตปิ ตาทิเสน กุมารตฺตภาเวน จรติฯ
30.Sanaṅkumārenāti sanantanakumārena. Tadeva hi tassa sanantanakumārataṃ dassetuṃ ‘‘cirakālato paṭṭhāyā’’ti vuttaṃ. So attabhāvoti yena attabhāvena manussapathe jhānaṃ nibbattesi, so kumārattabhāvo, tasmā brahmabhūtopi tādisena kumārattabhāvena carati.
ชนิตสฺมิํ-สโทฺท เอว อิ-การสฺส เอ-การํ กตฺวา ‘‘ชเนตสฺมิ’’นฺติ วุโตฺต, ชนิตสฺมินฺติ จ ชนสฺมินฺติ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ชนิตสฺมินฺติ สามญฺญคฺคหเณปิ ยตฺถ จตุวณฺณสมญฺญา, ตเตฺถว มนุสฺสโลเกฯ ขตฺติโย เสโฎฺฐติ โลกสมญฺญาปิ มนุสฺสโลเกเยว, น เทวกาเย พฺรหฺมกาเย วาติ ทเสฺสตุํ ‘‘เย โคตฺตปฎิสาริโน’’ติ วุตฺตํฯ ปฎิสรนฺตีติ ‘‘อหํ โคตโม, อหํ กสฺสโป’’ติ ปติ ปติ อตฺตโน โคตฺตํ อนุสรนฺติ ปฎิชานนฺติ วาติ อโตฺถฯ
Janitasmiṃ-saddo eva i-kārassa e-kāraṃ katvā ‘‘janetasmi’’nti vutto, janitasminti ca janasminti attho veditabbo. Janitasminti sāmaññaggahaṇepi yattha catuvaṇṇasamaññā, tattheva manussaloke. Khattiyo seṭṭhoti lokasamaññāpi manussalokeyeva, na devakāye brahmakāye vāti dassetuṃ ‘‘ye gottapaṭisārino’’ti vuttaṃ. Paṭisarantīti ‘‘ahaṃ gotamo, ahaṃ kassapo’’ti pati pati attano gottaṃ anusaranti paṭijānanti vāti attho.
เอตฺตาวตาติ ‘‘สาธุ สาธุ อานนฺทา’’ติ เอตฺตเกน สาธุการทาเนนฯ ชินภาสิตํ นาม ชาตนฺติอาทิโต ปฎฺฐาย ยาว ปริโยสานา เถรภาสิตํ พุทฺธภาสิตเมว นาม ชาตํฯ ‘‘กิมฺปนิทํ สุตฺตํ สตฺถุเทสนานุวิธานโต ชินภาสิตํ, อุทาหุ สาธุการทานมเตฺตนา’’ติ เอวรูปา โจทนา อิธ อโนกาสา เถรสฺส เทสนาย ภควโต เทสนานุวิธานเหตุกตฺตา สาธุการทานสฺสาติฯ ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต อวิภตฺตํ, ตํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
Ettāvatāti ‘‘sādhu sādhu ānandā’’ti ettakena sādhukāradānena. Jinabhāsitaṃ nāma jātantiādito paṭṭhāya yāva pariyosānā therabhāsitaṃ buddhabhāsitameva nāma jātaṃ. ‘‘Kimpanidaṃ suttaṃ satthudesanānuvidhānato jinabhāsitaṃ, udāhu sādhukāradānamattenā’’ti evarūpā codanā idha anokāsā therassa desanāya bhagavato desanānuvidhānahetukattā sādhukāradānassāti. Yaṃ panettha atthato avibhattaṃ, taṃ suviññeyyameva.
เสขสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ
Sekhasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๓. เสขสุตฺตํ • 3. Sekhasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๓. เสขสุตฺตวณฺณนา • 3. Sekhasuttavaṇṇanā