Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เทฺวมาติกาปาฬิ • Dvemātikāpāḷi

    เสขิยกโณฺฑ

    Sekhiyakaṇḍo

    ๑. ปริมณฺฑลสิกฺขาปทวณฺณนา

    1. Parimaṇḍalasikkhāpadavaṇṇanā

    เสขิเยสุ ปฐเม ปริมณฺฑลนฺติ สมนฺตโต มณฺฑลํฯ สิกฺขา กรณียาติ ‘‘เอวํ นิวาเสสฺสามี’’ติ อาราเมปิ อนฺตรฆเรปิ สพฺพตฺถ สิกฺขา กาตพฺพา, เอตฺถ จ ยสฺมา วตฺตกฺขนฺธเก วุตฺตวตฺตานิปิ สิกฺขิตพฺพตฺตา เสขิยาเนว โหนฺติ, ตสฺมา ปาราชิกาทีสุ วิย ปริเจฺฉโท น กโตฯ จาริตฺตวินยทสฺสนตฺถญฺจ ‘‘โย ปน ภิกฺขุ โอลเมฺพโนฺต นิวาเสยฺย, ทุกฺกฎ’’นฺติ เอวํ อาปตฺตินาเมน อวตฺวา ‘‘สิกฺขา กรณียา’’ติ เอวํ สพฺพสิกฺขาปเทสุ ปาฬิ อาโรปิตา, ปทภาชเน (ปาจิ. ๕๗๖) ปน ‘‘อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ วุตฺตตฺตา สพฺพตฺถ อนาทริยกรเณ ทุกฺกฎํ เวทิตพฺพํฯ

    Sekhiyesu paṭhame parimaṇḍalanti samantato maṇḍalaṃ. Sikkhā karaṇīyāti ‘‘evaṃ nivāsessāmī’’ti ārāmepi antaragharepi sabbattha sikkhā kātabbā, ettha ca yasmā vattakkhandhake vuttavattānipi sikkhitabbattā sekhiyāneva honti, tasmā pārājikādīsu viya paricchedo na kato. Cārittavinayadassanatthañca ‘‘yo pana bhikkhu olambento nivāseyya, dukkaṭa’’nti evaṃ āpattināmena avatvā ‘‘sikkhā karaṇīyā’’ti evaṃ sabbasikkhāpadesu pāḷi āropitā, padabhājane (pāci. 576) pana ‘‘āpatti dukkaṭassā’’ti vuttattā sabbattha anādariyakaraṇe dukkaṭaṃ veditabbaṃ.

    อิทานิ ปริมณฺฑลนฺติ เอตฺถ นาภิมณฺฑลํ ปฎิจฺฉาเทตฺวา ชาณุมณฺฑลสฺส เหฎฺฐา ชงฺฆฎฺฐิกโต ปฎฺฐาย อฎฺฐงฺคุลมตฺตํ นิวาสนํ โอตาเรตฺวา นิวาเสเนฺตน ปริมณฺฑลํ นิวตฺถํ นาม โหติ, เอวํ อนิวาเสตฺวา อนาทริเยน ปุรโต วา ปจฺฉโต วา โอลเมฺพตฺวา นิวาเสนฺตสฺส ทุกฺกฎํฯ น เกวลญฺจ ตเสฺสว, เย จเญฺญ ‘‘เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา คิหินิวตฺถํ นิวาเสนฺติ, หตฺถิโสณฺฑกํ มจฺฉวาลกํ จตุกฺกณฺณกํ ตาลวณฺฎกํ สตวลิกํ นิวาเสนฺติ, สํวลฺลิยํ นิวาเสนฺตี’’ติ ขนฺธเก (จูฬว. ๒๘๐) นิวาสนโทสา วุตฺตา, ตถา นิวาเสนฺตสฺสปิ ทุกฺกฎเมวฯ

    Idāni parimaṇḍalanti ettha nābhimaṇḍalaṃ paṭicchādetvā jāṇumaṇḍalassa heṭṭhā jaṅghaṭṭhikato paṭṭhāya aṭṭhaṅgulamattaṃ nivāsanaṃ otāretvā nivāsentena parimaṇḍalaṃ nivatthaṃ nāma hoti, evaṃ anivāsetvā anādariyena purato vā pacchato vā olambetvā nivāsentassa dukkaṭaṃ. Na kevalañca tasseva, ye caññe ‘‘tena kho pana samayena chabbaggiyā gihinivatthaṃ nivāsenti, hatthisoṇḍakaṃ macchavālakaṃ catukkaṇṇakaṃ tālavaṇṭakaṃ satavalikaṃ nivāsenti, saṃvalliyaṃ nivāsentī’’ti khandhake (cūḷava. 280) nivāsanadosā vuttā, tathā nivāsentassapi dukkaṭameva.

    ตตฺถ หตฺถิโสณฺฑกํ นาม นาภิมูลโต หตฺถิโสณฺฑสณฺฐานํ โอลมฺพกํ กตฺวา นิวตฺถํ โจฬิกอิตฺถีนํ นิวาสนํ วิยฯ มจฺฉวาลกํ นาม เอกโตทสนฺตํ เอกโต ปาสนฺตํ โอลเมฺพตฺวา นิวตฺถํฯ จตุกฺกณฺณกํ นาม อุปริ เทฺว, เหฎฺฐโต เทฺวติ เอวํ จตฺตาโร กเณฺณ ทเสฺสตฺวา นิวตฺถํฯ ตาลวณฺฎกํ นาม ตาลวณฺฎากาเรน สาฎกํ โอลเมฺพตฺวา นิวตฺถํฯ สตวลิกํ นาม ทีฆสาฎกํ อเนกกฺขตฺตุํ โอภุชิตฺวา โอวฎฺฎิกํ กโรเนฺตน นิวตฺถํ, วามทกฺขิณปเสฺสสุ วา นิรนฺตรํ วลิโย ทเสฺสตฺวา นิวตฺถํฯ สเจ ปน ชาณุโต ปฎฺฐาย เอกา วา เทฺว วา วลิโย ปญฺญายนฺติ, วฎฺฎติฯ สํวลฺลิยนฺติ มลฺลกมฺมการาทีหิ วิย กจฺฉํ พนฺธิตฺวา นิวตฺถํฯ เอวํ นิวาเสตุํ คิลานสฺสาปิ มคฺคปฺปฎิปนฺนสฺสาปิ น วฎฺฎติฯ ยมฺปิ มคฺคํ คจฺฉนฺตา เอกํ วา เทฺว วา กเณฺณ อุกฺขิปิตฺวา อนฺตรวาสกสฺส อุปริ ลคฺคนฺติ, อโนฺต วา เอกํ กาสาวํ ตถา นิวาเสตฺวา พหิ อปรํ นิวาเสนฺติ, สพฺพํ น วฎฺฎติฯ

    Tattha hatthisoṇḍakaṃ nāma nābhimūlato hatthisoṇḍasaṇṭhānaṃ olambakaṃ katvā nivatthaṃ coḷikaitthīnaṃ nivāsanaṃ viya. Macchavālakaṃ nāma ekatodasantaṃ ekato pāsantaṃ olambetvā nivatthaṃ. Catukkaṇṇakaṃ nāma upari dve, heṭṭhato dveti evaṃ cattāro kaṇṇe dassetvā nivatthaṃ. Tālavaṇṭakaṃ nāma tālavaṇṭākārena sāṭakaṃ olambetvā nivatthaṃ. Satavalikaṃ nāma dīghasāṭakaṃ anekakkhattuṃ obhujitvā ovaṭṭikaṃ karontena nivatthaṃ, vāmadakkhiṇapassesu vā nirantaraṃ valiyo dassetvā nivatthaṃ. Sace pana jāṇuto paṭṭhāya ekā vā dve vā valiyo paññāyanti, vaṭṭati. Saṃvalliyanti mallakammakārādīhi viya kacchaṃ bandhitvā nivatthaṃ. Evaṃ nivāsetuṃ gilānassāpi maggappaṭipannassāpi na vaṭṭati. Yampi maggaṃ gacchantā ekaṃ vā dve vā kaṇṇe ukkhipitvā antaravāsakassa upari lagganti, anto vā ekaṃ kāsāvaṃ tathā nivāsetvā bahi aparaṃ nivāsenti, sabbaṃ na vaṭṭati.

    คิลาโน ปน อโนฺตกาสาวสฺส โอวฎฺฎิกํ ทเสฺสตฺวา อปรํ อุปริ นิวาเสตุํ ลภติ, อคิลาเนน เทฺว นิวาเสเนฺตน สคุณํ กตฺวา นิวาเสตพฺพานิฯ อิติ อิมํ ขนฺธเก ปฎิกฺขิตฺตญฺจ โอลมฺพกญฺจ สพฺพํ วิวเชฺชตฺวา วุตฺตลกฺขณสมฺปนฺนํ นิพฺพิการํ ปริมณฺฑลํ นิวาเสตพฺพํ, ตถา อนิวาเสตฺวา ยํกิญฺจิ วิการํ กโรนฺตสฺส ทุกฺกฎํฯ

    Gilāno pana antokāsāvassa ovaṭṭikaṃ dassetvā aparaṃ upari nivāsetuṃ labhati, agilānena dve nivāsentena saguṇaṃ katvā nivāsetabbāni. Iti imaṃ khandhake paṭikkhittañca olambakañca sabbaṃ vivajjetvā vuttalakkhaṇasampannaṃ nibbikāraṃ parimaṇḍalaṃ nivāsetabbaṃ, tathā anivāsetvā yaṃkiñci vikāraṃ karontassa dukkaṭaṃ.

    ‘‘นิทานํ ปุคฺคลํ วตฺถุ’’นฺติอาทิเก (กงฺขา. อฎฺฐ. ปฐมปาราชิกวณฺณนา ) ปน วินิจฺฉเย สุรุสุรุการกํ โกสมฺพิยํ ปญฺญตฺตํ, สามิเสน หเตฺถน ปานียถาลกสสิตฺถกปตฺตโธวนปฎิสํยุตฺตทฺวยํ ภเคฺคสุ สมฺพหุเล ภิกฺขู อารพฺภ, เสสานิ สพฺพาเนว สาวตฺถิยํ ฉพฺพคฺคิเย อารพฺภ โอลเมฺพตฺวา นิวาสนาทิวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตานิฯ สูโปทนวิญฺญตฺติยํ ธมฺมเทสนาทีสุ จ คิลานวเสน เอกา อนุปญฺญตฺติ, สพฺพานิ สาธารณปญฺญตฺติโย, อนาณตฺติกานิ, สเพฺพสุ ทุกฺกฎเมว, อโญฺญ อาปตฺติเภโท นตฺถิ, วิปตฺติวิจารณา วุตฺตาเยว, สมุฎฺฐานาทีนิ สเพฺพสํ อวสาเน ทสฺสยิสฺสามฯ อนาปตฺติมตฺตํ ปน องฺคญฺจ สพฺพตฺถ วตฺตพฺพํ, ตยิทํ วุจฺจติฯ อิมสฺมิํ ตาว สิกฺขาปเท อสญฺจิจฺจ, อสฺสติยา, อชานนฺตสฺส, คิลานสฺส, อาปทาสุ, อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ

    ‘‘Nidānaṃ puggalaṃ vatthu’’ntiādike (kaṅkhā. aṭṭha. paṭhamapārājikavaṇṇanā ) pana vinicchaye surusurukārakaṃ kosambiyaṃ paññattaṃ, sāmisena hatthena pānīyathālakasasitthakapattadhovanapaṭisaṃyuttadvayaṃ bhaggesu sambahule bhikkhū ārabbha, sesāni sabbāneva sāvatthiyaṃ chabbaggiye ārabbha olambetvā nivāsanādivatthusmiṃ paññattāni. Sūpodanaviññattiyaṃ dhammadesanādīsu ca gilānavasena ekā anupaññatti, sabbāni sādhāraṇapaññattiyo, anāṇattikāni, sabbesu dukkaṭameva, añño āpattibhedo natthi, vipattivicāraṇā vuttāyeva, samuṭṭhānādīni sabbesaṃ avasāne dassayissāma. Anāpattimattaṃ pana aṅgañca sabbattha vattabbaṃ, tayidaṃ vuccati. Imasmiṃ tāva sikkhāpade asañcicca, assatiyā, ajānantassa, gilānassa, āpadāsu, ummattakādīnañca anāpatti.

    ตตฺถ อสญฺจิจฺจาติ ‘‘อปริมณฺฑลํ นิวาเสสฺสามี’’ติ เอวํ อสญฺจิจฺจ, อถ โข ‘‘ปริมณฺฑลํเยว นิวาเสสฺสามี’’ติ วิรชฺฌิตฺวา อปริมณฺฑลํ นิวาเสนฺตสฺส อนาปตฺติฯ อสฺสติยาติ อญฺญาวิหิตสฺสาปิ ตถา นิวาเสนฺตสฺส อนาปตฺติฯ อชานนฺตสฺสาติ ปริมณฺฑลํ นิวาเสตุํ อชานนฺตสฺส อนาปตฺติ, อปิจ นิวาสนวตฺตํ อุคฺคเหตพฺพํฯ โย ปน สุกฺขชโงฺฆ วา โหติ มหาปิณฺฑิกมํโส วา, ตสฺส สารุปฺปตฺถาย อฎฺฐงฺคุลาธิกมฺปิ โอตาเรตฺวา นิวาเสตุํ วฎฺฎติฯ คิลานสฺสาติ ยสฺส ชงฺฆาย วา ปาเท วา วโณ โหติ, ตสฺส อุกฺขิปิตฺวา วา โอตาเรตฺวา วา นิวาเสตุํ วฎฺฎติฯ อาปทาสูติ วาฬา วา โจรา วา อนุพนฺธนฺติ, เอวรูปาสุ อาปทาสุ อนาปตฺติ ฯ อุมฺมตฺตกาทโย วุตฺตนยา เอวฯ อนาทริยํ, อนาปตฺติการณาภาโว, อปริมณฺฑลนิวาสนนฺติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ ยถา เจตฺถ, เอวํ สพฺพตฺถ ปุริมานิ เทฺว ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตปฺปฎิปกฺขกรณญฺจาติ ตีณิเยว โหนฺติ, ตสฺมา อิโต ปรํ ตานิปิ อวตฺวา อนาปตฺติมตฺตเมว วกฺขามาติฯ

    Tattha asañciccāti ‘‘aparimaṇḍalaṃ nivāsessāmī’’ti evaṃ asañcicca, atha kho ‘‘parimaṇḍalaṃyeva nivāsessāmī’’ti virajjhitvā aparimaṇḍalaṃ nivāsentassa anāpatti. Assatiyāti aññāvihitassāpi tathā nivāsentassa anāpatti. Ajānantassāti parimaṇḍalaṃ nivāsetuṃ ajānantassa anāpatti, apica nivāsanavattaṃ uggahetabbaṃ. Yo pana sukkhajaṅgho vā hoti mahāpiṇḍikamaṃso vā, tassa sāruppatthāya aṭṭhaṅgulādhikampi otāretvā nivāsetuṃ vaṭṭati. Gilānassāti yassa jaṅghāya vā pāde vā vaṇo hoti, tassa ukkhipitvā vā otāretvā vā nivāsetuṃ vaṭṭati. Āpadāsūti vāḷā vā corā vā anubandhanti, evarūpāsu āpadāsu anāpatti . Ummattakādayo vuttanayā eva. Anādariyaṃ, anāpattikāraṇābhāvo, aparimaṇḍalanivāsananti imānettha tīṇi aṅgāni. Yathā cettha, evaṃ sabbattha purimāni dve tattha tattha vuttappaṭipakkhakaraṇañcāti tīṇiyeva honti, tasmā ito paraṃ tānipi avatvā anāpattimattameva vakkhāmāti.

    ๒. ทุติยปริมณฺฑลสิกฺขาปทวณฺณนา

    2. Dutiyaparimaṇḍalasikkhāpadavaṇṇanā

    ทุติเย ‘‘น, ภิกฺขเว, คิหิปารุตํ ปารุปิตพฺพ’’นฺติ (จูฬว. ๒๘๐) เอวํ ปฎิกฺขิตฺตํ คิหิปารุตํ อปารุปิตฺวา อุโภ กเณฺณ สมํ กตฺวา ปารุปนํ ปริมณฺฑลปารุปนํ นาม, ตตฺถ ยํกิญฺจิ เสตปฎปารุตํ ปริพฺพาชกปารุตํ เอกสาฎกปารุตํ สุราโสณฺฑปารุตํ อเนฺตปุริกปารุตํ มหาเชฎฺฐปารุตํ กุฎิปฺปเวสกปารุตํ พฺราหฺมณปารุตํ ปาฬิการกปารุตนฺติ เอวมาทิ ปริมณฺฑลลกฺขณโต อญฺญถา ปารุตํ, สพฺพเมตํ คิหิปารุตํ นามฯ ตสฺมา ยถา เสตปฎา อฑฺฒปาลกนิคณฺฐา ปารุปนฺติ, ยถา จ เอกเจฺจ ปริพฺพาชกา อุรํ วิวริตฺวา ทฺวีสุ อํสกูเฎสุ ปาวุรณํ ฐเปนฺติ, ยถา จ เอกสาฎกา มนุสฺสา นิวตฺถสาฎกสฺส เอเกน อเนฺตน ปิฎฺฐิํ ปารุปิตฺวา อุโภ กเณฺณ อุโภสุ อํสกูเฎสุ ฐเปนฺติ, ยถา จ สุราโสณฺฑาทโย สาฎเกน คีวํ ปริกฺขิปิตฺวา อุโภ อเนฺต อุเร วา โอลเมฺพนฺติ, ปิฎฺฐิยํ วา ขิปนฺติ, ยถา จ อเนฺตปุริกาโย อกฺขิตารกมตฺตํ ทเสฺสตฺวา โอคุณฺฐิตํ ปารุปนฺติ, ยถา จ มหาเชฎฺฐา ทีฆสาฎกํ นิวาเสตฺวา ตเสฺสว เอเกนเนฺตน สกลสรีรํ ปารุปนฺติ, ยถา จ กสฺสกา เขตฺตกุฎิํ ปวิสนฺตา สาฎกํ ปลิเวเฐตฺวา อุปกจฺฉเก ปกฺขิปิตฺวา ตเสฺสว เอเกนเนฺตน สรีรํ ปารุปนฺติ, ยถา จ พฺราหฺมณา อุภินฺนํ อุปกจฺฉกานํ อนฺตเร สาฎกํ ปเวเสตฺวา อํสกูเฎสุ ปกฺขิปนฺติ, ยถา จ ปาฬิการโก ภิกฺขุ เอกํสปารุปเนน ปารุตํ วามพาหุํ วิวริตฺวา จีวรํ อํสกูเฎ อาโรเปติ, เอวํ อปารุปิตฺวา สเพฺพปิ เอเต, อเญฺญ จ เอวรูเป ปารุปนโทเส วเชฺชตฺวา นิพฺพิการํ ปริมณฺฑลํ ปารุปิตพฺพํฯ ตถา อปารุปิตฺวา อาราเม วา อนฺตรฆเร วา อนาทเรน ยํกิญฺจิ วิการํ กโรนฺตสฺส ทุกฺกฎํ, อนาปตฺติ ปุริมสทิสาเยว, ยถา เจตฺถ, เอวํ สพฺพตฺถฯ ยตฺถ ปน วิเสโส ภวิสฺสติ, ตตฺถ วกฺขามาติฯ

    Dutiye ‘‘na, bhikkhave, gihipārutaṃ pārupitabba’’nti (cūḷava. 280) evaṃ paṭikkhittaṃ gihipārutaṃ apārupitvā ubho kaṇṇe samaṃ katvā pārupanaṃ parimaṇḍalapārupanaṃ nāma, tattha yaṃkiñci setapaṭapārutaṃ paribbājakapārutaṃ ekasāṭakapārutaṃ surāsoṇḍapārutaṃ antepurikapārutaṃ mahājeṭṭhapārutaṃ kuṭippavesakapārutaṃ brāhmaṇapārutaṃ pāḷikārakapārutanti evamādi parimaṇḍalalakkhaṇato aññathā pārutaṃ, sabbametaṃ gihipārutaṃ nāma. Tasmā yathā setapaṭā aḍḍhapālakanigaṇṭhā pārupanti, yathā ca ekacce paribbājakā uraṃ vivaritvā dvīsu aṃsakūṭesu pāvuraṇaṃ ṭhapenti, yathā ca ekasāṭakā manussā nivatthasāṭakassa ekena antena piṭṭhiṃ pārupitvā ubho kaṇṇe ubhosu aṃsakūṭesu ṭhapenti, yathā ca surāsoṇḍādayo sāṭakena gīvaṃ parikkhipitvā ubho ante ure vā olambenti, piṭṭhiyaṃ vā khipanti, yathā ca antepurikāyo akkhitārakamattaṃ dassetvā oguṇṭhitaṃ pārupanti, yathā ca mahājeṭṭhā dīghasāṭakaṃ nivāsetvā tasseva ekenantena sakalasarīraṃ pārupanti, yathā ca kassakā khettakuṭiṃ pavisantā sāṭakaṃ paliveṭhetvā upakacchake pakkhipitvā tasseva ekenantena sarīraṃ pārupanti, yathā ca brāhmaṇā ubhinnaṃ upakacchakānaṃ antare sāṭakaṃ pavesetvā aṃsakūṭesu pakkhipanti, yathā ca pāḷikārako bhikkhu ekaṃsapārupanena pārutaṃ vāmabāhuṃ vivaritvā cīvaraṃ aṃsakūṭe āropeti, evaṃ apārupitvā sabbepi ete, aññe ca evarūpe pārupanadose vajjetvā nibbikāraṃ parimaṇḍalaṃ pārupitabbaṃ. Tathā apārupitvā ārāme vā antaraghare vā anādarena yaṃkiñci vikāraṃ karontassa dukkaṭaṃ, anāpatti purimasadisāyeva, yathā cettha, evaṃ sabbattha. Yattha pana viseso bhavissati, tattha vakkhāmāti.

    ๓-๔. สุปฺปฎิจฺฉนฺนสิกฺขาปทวณฺณนา

    3-4. Suppaṭicchannasikkhāpadavaṇṇanā

    ตติเย สุปฺปฎิจฺฉโนฺนติ สุฎฺฐุ ปฎิจฺฉโนฺน, คณฺฐิกํ ปฎิมุญฺจิตฺวา อนุวาตเนฺตน คีวํ ปฎิจฺฉาเทตฺวา อุโภ กเณฺณ สมํ กตฺวา ปฎิสงฺฆริตฺวา ยาว มณิพนฺธํ ปฎิจฺฉาเทตฺวา อนฺตรฆเร คมิสฺสามีติ อโตฺถ, ตถา อกตฺวา ปน ชาณุํ วา อุรํ วา วิวริตฺวา คจฺฉนฺตสฺส ทุกฺกฎํฯ

    Tatiye suppaṭicchannoti suṭṭhu paṭicchanno, gaṇṭhikaṃ paṭimuñcitvā anuvātantena gīvaṃ paṭicchādetvā ubho kaṇṇe samaṃ katvā paṭisaṅgharitvā yāva maṇibandhaṃ paṭicchādetvā antaraghare gamissāmīti attho, tathā akatvā pana jāṇuṃ vā uraṃ vā vivaritvā gacchantassa dukkaṭaṃ.

    จตุเตฺถ คลวาฎกโต ปฎฺฐาย สีสํ, มณิพนฺธโต ปฎฺฐาย หเตฺถ, ปิณฺฑิกมํสโต ปฎฺฐาย ปาเท วิวริตฺวา เสสํ ฉาเทตฺวา นิสิโนฺน สุปฺปฎิจฺฉโนฺน นาม โหติ, เอตฺถ ปน วาสูปคตสฺส อนาปตฺติฯ

    Catutthe galavāṭakato paṭṭhāya sīsaṃ, maṇibandhato paṭṭhāya hatthe, piṇḍikamaṃsato paṭṭhāya pāde vivaritvā sesaṃ chādetvā nisinno suppaṭicchanno nāma hoti, ettha pana vāsūpagatassa anāpatti.

    ๕-๖. สุสํวุตสิกฺขาปทวณฺณนา

    5-6. Susaṃvutasikkhāpadavaṇṇanā

    ปญฺจเม สุสํวุโตติ หตฺถํ วา ปาทํ วา อกีฬาเปโนฺต สุวินีโตติ อโตฺถฯ ฉเฎฺฐปิ เอเสว นโยฯ

    Pañcame susaṃvutoti hatthaṃ vā pādaṃ vā akīḷāpento suvinītoti attho. Chaṭṭhepi eseva nayo.

    ๗-๘. โอกฺขิตฺตจกฺขุสิกฺขาปทวณฺณนา

    7-8. Okkhittacakkhusikkhāpadavaṇṇanā

    สตฺตเม โอกฺขิตฺตจกฺขูติ เหฎฺฐา ขิตฺตจกฺขุ หุตฺวา ปุรโต ยุคมตฺตํ ภูมิภาคํ เปกฺขมาโน, เอกสฺมิํ ปน ฐาเน ฐตฺวา หตฺถิอสฺสาทิปริสฺสยาภาวํ โอโลเกตุํ วฎฺฎติฯ อฎฺฐเมปิ เอเสว นโยฯ

    Sattame okkhittacakkhūti heṭṭhā khittacakkhu hutvā purato yugamattaṃ bhūmibhāgaṃ pekkhamāno, ekasmiṃ pana ṭhāne ṭhatvā hatthiassādiparissayābhāvaṃ oloketuṃ vaṭṭati. Aṭṭhamepi eseva nayo.

    ๙-๑๐. อุกฺขิตฺตกสิกฺขาปทวณฺณนา

    9-10. Ukkhittakasikkhāpadavaṇṇanā

    นวเม อุกฺขิตฺตกายาติ อุเกฺขเปน, อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ กรณวจนํ, เอกโต วา อุภโต วา อุกฺขิตฺตจีวโร หุตฺวาติ อโตฺถ, อโนฺต อินฺทขีลโต ปฎฺฐาย เอวํ น คนฺตพฺพํฯ

    Navame ukkhittakāyāti ukkhepena, itthambhūtalakkhaṇe karaṇavacanaṃ, ekato vā ubhato vā ukkhittacīvaro hutvāti attho, anto indakhīlato paṭṭhāya evaṃ na gantabbaṃ.

    ทสเม นิสินฺนกาเล ธมกรณํ นีหรเนฺตนาปิ จีวรํ อนุกฺขิปิตฺวาว นีหริตพฺพํ, วาสูปคตสฺส ปน อนาปตฺติฯ

    Dasame nisinnakāle dhamakaraṇaṃ nīharantenāpi cīvaraṃ anukkhipitvāva nīharitabbaṃ, vāsūpagatassa pana anāpatti.

    ๑๑-๑๒. อุชฺชคฺฆิกสิกฺขาปทวณฺณนา

    11-12. Ujjagghikasikkhāpadavaṇṇanā

    เอกาทสเม อุชฺชคฺฆิกายาติ มหาหสิตํ หสโนฺตติ อโตฺถฯ อิธาปิ หิ อิตฺถมฺภูตลกฺขเณเยว กรณวจนํฯ

    Ekādasame ujjagghikāyāti mahāhasitaṃ hasantoti attho. Idhāpi hi itthambhūtalakkhaṇeyeva karaṇavacanaṃ.

    ทฺวาทสเมปิ เอเสว นโยฯ อุภยตฺถ หสนียสฺมิํ วตฺถุสฺมิํ มิหิตมตฺตํ กโรนฺตสฺส อนาปตฺติฯ

    Dvādasamepi eseva nayo. Ubhayattha hasanīyasmiṃ vatthusmiṃ mihitamattaṃ karontassa anāpatti.

    ๑๓-๑๔. อุจฺจสทฺทสิกฺขาปทวณฺณนา

    13-14. Uccasaddasikkhāpadavaṇṇanā

    เตรสเม อปฺปสโทฺทติ น อุจฺจาสทฺทมหาสโทฺท หุตฺวาฯ จุทฺทสเมปิ เอเสว นโยฯ อยํ ปเนตฺถ อปฺปสทฺทตาปริเจฺฉโท – สเจ ทฺวาทสหเตฺถ เคเห อาทิมฺหิ สงฺฆเตฺถโร, มเชฺฌ ทุติยเตฺถโร , อเนฺต ตติยเตฺถโรติ เอวํ นิสิเนฺนสุ ยํ สงฺฆเตฺถโร ทุติยเตฺถเรน สทฺธิํ มเนฺตติ, ทุติยเตฺถโร จ ตสฺส สทฺทํ สุณาติ, กถญฺจ ววตฺถเปติฯ ตติยเตฺถโร ปน สทฺทเมว สุณาติ, กถํ น ววตฺถเปติ, เอตฺตาวตา อปฺปสโทฺท โหติฯ สเจ ปน ตติยเตฺถโร กถญฺจ ววตฺถเปติ, มหาสโทฺท นาม โหติฯ

    Terasame appasaddoti na uccāsaddamahāsaddo hutvā. Cuddasamepi eseva nayo. Ayaṃ panettha appasaddatāparicchedo – sace dvādasahatthe gehe ādimhi saṅghatthero, majjhe dutiyatthero , ante tatiyattheroti evaṃ nisinnesu yaṃ saṅghatthero dutiyattherena saddhiṃ manteti, dutiyatthero ca tassa saddaṃ suṇāti, kathañca vavatthapeti. Tatiyatthero pana saddameva suṇāti, kathaṃ na vavatthapeti, ettāvatā appasaddo hoti. Sace pana tatiyatthero kathañca vavatthapeti, mahāsaddo nāma hoti.

    ๑๕…เป.…๒๐. กายปฺปจาลกาทิสิกฺขาปทวณฺณนา

    15…Pe…20. kāyappacālakādisikkhāpadavaṇṇanā

    อิโต ปเรสุ ฉสุ กายปฺปจาลกนฺติ กายํ จาเลตฺวา จาเลตฺวา, เอส นโย สพฺพตฺถฯ ตสฺมา กายาทีนิ ปคฺคเหตฺวา นิจฺจลานิ อุชุกานิ ฐเปตฺวา คนฺตพฺพเญฺจว นิสีทิตพฺพญฺจ, นิสีทนปฺปฎิสํยุเตฺตสุ ตีสุ วาสูปคตสฺส อนาปตฺติฯ

    Ito paresu chasu kāyappacālakanti kāyaṃ cāletvā cāletvā, esa nayo sabbattha. Tasmā kāyādīni paggahetvā niccalāni ujukāni ṭhapetvā gantabbañceva nisīditabbañca, nisīdanappaṭisaṃyuttesu tīsu vāsūpagatassa anāpatti.

    ๒๑-๒๒. ขมฺภกตสิกฺขาปทวณฺณนา

    21-22. Khambhakatasikkhāpadavaṇṇanā

    เอกวีสทฺวาวีเสสุ ขมฺภกโตติ กฎิยํ หตฺถํ ฐเปตฺวา กตขโมฺภฯ

    Ekavīsadvāvīsesu khambhakatoti kaṭiyaṃ hatthaṃ ṭhapetvā katakhambho.

    ๒๓-๒๔. โอคุณฺฐิตสิกฺขาปทวณฺณนา

    23-24. Oguṇṭhitasikkhāpadavaṇṇanā

    เตวีสจตุวีเสสุ โอคุณฺฐิโตติ สสีสํ ปารุโตฯ

    Tevīsacatuvīsesu oguṇṭhitoti sasīsaṃ pāruto.

    ๒๕. อุกฺกุฎิกสิกฺขาปทวณฺณนา

    25. Ukkuṭikasikkhāpadavaṇṇanā

    ปญฺจวีเส อุกฺกุฎิกา วุจฺจติ ปณฺหิโย อุกฺขิปิตฺวา อคฺคปาเทเหว, อคฺคปาเท วา อุกฺขิปิตฺวา ปณฺหีหิเยว ภูมิยํ ผุสนฺตสฺส คมนํ, กรณวจนํ ปเนตฺถ วุตฺตลกฺขณเมวฯ

    Pañcavīse ukkuṭikā vuccati paṇhiyo ukkhipitvā aggapādeheva, aggapāde vā ukkhipitvā paṇhīhiyeva bhūmiyaṃ phusantassa gamanaṃ, karaṇavacanaṃ panettha vuttalakkhaṇameva.

    ๒๖. ปลฺลตฺถิกสิกฺขาปทวณฺณนา

    26. Pallatthikasikkhāpadavaṇṇanā

    ฉพฺพีเส น ปลฺลตฺถิกายาติ หตฺถปลฺลตฺถิกาย วา ทุสฺสปลฺลตฺถิกาย วา น นิสีทิตพฺพํฯ อนาทเรน นิสีทนฺตสฺส ทุกฺกฎํ, วาสูปคตสฺส ปน อิธาปิ ปุริเมสุ จ ทฺวาวีสจตุวีเสสุ อนาปตฺติฯ

    Chabbīse na pallatthikāyāti hatthapallatthikāya vā dussapallatthikāya vā na nisīditabbaṃ. Anādarena nisīdantassa dukkaṭaṃ, vāsūpagatassa pana idhāpi purimesu ca dvāvīsacatuvīsesu anāpatti.

    ฉพฺพีสติสารุปฺปสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Chabbīsatisāruppasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๒๗. สกฺกจฺจปฎิคฺคหณสิกฺขาปทวณฺณนา

    27. Sakkaccapaṭiggahaṇasikkhāpadavaṇṇanā

    โภชนปฺปฎิสํยุเตฺตสุ ปฐเม สกฺกจฺจนฺติ สติํ อุปฎฺฐาเปตฺวาฯ

    Bhojanappaṭisaṃyuttesu paṭhame sakkaccanti satiṃ upaṭṭhāpetvā.

    ๒๘. ปตฺตสญฺญีปฎิคฺคหณสิกฺขาปทวณฺณนา

    28. Pattasaññīpaṭiggahaṇasikkhāpadavaṇṇanā

    ทุติเย ปเตฺต สญฺญา ปตฺตสญฺญา, สา อสฺส อตฺถีติ ปตฺตสญฺญี, อตฺตโน ภาชเน อุปนิพทฺธสญฺญี หุตฺวาติ อโตฺถฯ

    Dutiye patte saññā pattasaññā, sā assa atthīti pattasaññī, attano bhājane upanibaddhasaññī hutvāti attho.

    ๒๙. สมสูปกปฎิคฺคหณสิกฺขาปทวณฺณนา

    29. Samasūpakapaṭiggahaṇasikkhāpadavaṇṇanā

    ตติเย สมสูปโก นาม ยตฺถ มุคฺคมาเสหิ วา กุลตฺถาทีหิ วา กโต หตฺถหาริโย สูโป ภตฺตสฺส จตุตฺถภาคปฺปมาโณ โหติ, ตโต หิ อธิกํ คณฺหนฺตสฺส ทุกฺกฎํฯ ฐเปตฺวา ปน สูปํ อวเสสา สพฺพาปิ สูเปยฺยพฺยญฺชนวิกติ รสรโส นาม โหติ, ตสฺมิํ รสรเส, ญาตกานํ วา ปวาริตานํ วา อญฺญสฺสตฺถาย วา อตฺตโน ธเนน วา อิธ อนาปตฺติฯ

    Tatiye samasūpako nāma yattha muggamāsehi vā kulatthādīhi vā kato hatthahāriyo sūpo bhattassa catutthabhāgappamāṇo hoti, tato hi adhikaṃ gaṇhantassa dukkaṭaṃ. Ṭhapetvā pana sūpaṃ avasesā sabbāpi sūpeyyabyañjanavikati rasaraso nāma hoti, tasmiṃ rasarase, ñātakānaṃ vā pavāritānaṃ vā aññassatthāya vā attano dhanena vā idha anāpatti.

    ๓๐…เป.…๓๒. สมติตฺติกสิกฺขาปทวณฺณนา

    30…Pe…32. samatittikasikkhāpadavaṇṇanā

    จตุเตฺถ สมติตฺติกนฺติ สมปุณฺณํ สมภริตํ อธิฎฺฐานุปคปตฺตสฺส อโนฺตมุขวฎฺฎิเลขํ อนติกฺกมิตฺวา รจิตํฯ ปิณฺฑปาตนฺติ ยํกิญฺจิ ยาวกาลิกํฯ อนธิฎฺฐานุปเค ปน ยาวกาลิกํ ยามกาลิกาทีนิ จ ยตฺถกตฺถจิ ถูปีกตานิปิ วฎฺฎนฺติ, ยํ ปน ทฺวีสุ ปเตฺตสุ คเหตฺวา เอกํ ปูเรตฺวา วิหารํ หรติ, ยํ วา ปกฺขิปิยมานํ ปูวอุจฺฉุกฺขณฺฑผลาผลาทิ เหฎฺฐา โอโรหติ , ตโกฺกลวฎํสกาทโย วา อุปริ ฐเปตฺวา ทิยฺยนฺติ, ยญฺจ ปเณฺณ วา ถาลเก วา ปกฺขิปิตฺวา ปตฺตมตฺถเก ฐปิตํ โหติ, น ตํ ถูปีกตํ นาม, ตสฺมา ตํ สพฺพํ วฎฺฎติฯ อิธ ปน คิลานสฺสาปิ อนาปตฺติ นตฺถิ, ตสฺมา เตนปิ สมติตฺติโกเยว คเหตโพฺพฯ สพฺพตฺถ ปน ปฎิคฺคเหตุเมว น วฎฺฎติ, ปฎิคฺคหิตํ ปน สุปฺปฎิคฺคหิตํ ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎติฯ ปญฺจมฉฎฺฐานิ วุตฺตนยาเนวฯ

    Catutthe samatittikanti samapuṇṇaṃ samabharitaṃ adhiṭṭhānupagapattassa antomukhavaṭṭilekhaṃ anatikkamitvā racitaṃ. Piṇḍapātanti yaṃkiñci yāvakālikaṃ. Anadhiṭṭhānupage pana yāvakālikaṃ yāmakālikādīni ca yatthakatthaci thūpīkatānipi vaṭṭanti, yaṃ pana dvīsu pattesu gahetvā ekaṃ pūretvā vihāraṃ harati, yaṃ vā pakkhipiyamānaṃ pūvaucchukkhaṇḍaphalāphalādi heṭṭhā orohati , takkolavaṭaṃsakādayo vā upari ṭhapetvā diyyanti, yañca paṇṇe vā thālake vā pakkhipitvā pattamatthake ṭhapitaṃ hoti, na taṃ thūpīkataṃ nāma, tasmā taṃ sabbaṃ vaṭṭati. Idha pana gilānassāpi anāpatti natthi, tasmā tenapi samatittikoyeva gahetabbo. Sabbattha pana paṭiggahetumeva na vaṭṭati, paṭiggahitaṃ pana suppaṭiggahitaṃ paribhuñjituṃ vaṭṭati. Pañcamachaṭṭhāni vuttanayāneva.

    ๓๓-๓๔. สปทานสิกฺขาปทวณฺณนา

    33-34. Sapadānasikkhāpadavaṇṇanā

    สตฺตเม สปทานนฺติ ตตฺถ ตตฺถ โอธิํ อกตฺวา อนุปฎิปาฎิยาฯ โย ปน อเญฺญสํ วา เทโนฺต, อญฺญภาชเน วา อากิรโนฺต ตโต ตโต โอมสติ, ตสฺส, อุตฺตริภงฺคญฺจ อุปฺปฎิปาฎิยา คณฺหนฺตสฺสาปิ อิธ อนาปตฺติฯ อฎฺฐมํ วุตฺตนยเมวฯ

    Sattame sapadānanti tattha tattha odhiṃ akatvā anupaṭipāṭiyā. Yo pana aññesaṃ vā dento, aññabhājane vā ākiranto tato tato omasati, tassa, uttaribhaṅgañca uppaṭipāṭiyā gaṇhantassāpi idha anāpatti. Aṭṭhamaṃ vuttanayameva.

    ๓๕. ถูปกตสิกฺขาปทวณฺณนา

    35. Thūpakatasikkhāpadavaṇṇanā

    นวเม ถูปกโตติ มตฺถกโต เวมชฺฌโตติ อโตฺถฯ โย ปน ปริตฺตเก เสเส เอกโต สงฺกฑฺฒิตฺวา โอมทฺทิตฺวา ภุญฺชติ, ตสฺสาปิ อนาปตฺติฯ

    Navame thūpakatoti matthakato vemajjhatoti attho. Yo pana parittake sese ekato saṅkaḍḍhitvā omadditvā bhuñjati, tassāpi anāpatti.

    ๓๖. โอทนปฺปฎิจฺฉาทนสิกฺขาปทวณฺณนา

    36. Odanappaṭicchādanasikkhāpadavaṇṇanā

    ทสเม ยสฺส ภตฺตสามิกา มาฆาตสมยาทีสุ พฺยญฺชนํ ปฎิจฺฉาเทตฺวา เทนฺติ, โย จ น ภิโยฺยกมฺยตาย ปฎิจฺฉาเทติ, เตสํ อนาปตฺติ, คิลานสฺส ปน อนาคตตฺตา อาปตฺติเยวฯ

    Dasame yassa bhattasāmikā māghātasamayādīsu byañjanaṃ paṭicchādetvā denti, yo ca na bhiyyokamyatāya paṭicchādeti, tesaṃ anāpatti, gilānassa pana anāgatattā āpattiyeva.

    ๓๗. สูโปทนวิญฺญตฺติสิกฺขาปทวณฺณนา

    37. Sūpodanaviññattisikkhāpadavaṇṇanā

    เอกาทสเม ญาตกานํ วา ปวาริตานํ วา อญฺญสฺสตฺถาย อตฺตโน ธเนนาติ อิทํ อนาปตฺติยํ อธิกํฯ

    Ekādasame ñātakānaṃ vā pavāritānaṃ vā aññassatthāya attano dhanenāti idaṃ anāpattiyaṃ adhikaṃ.

    ๓๘. อุชฺฌานสญฺญีสิกฺขาปทวณฺณนา

    38. Ujjhānasaññīsikkhāpadavaṇṇanā

    ทฺวาทสเม อุชฺฌาเน สญฺญา อุชฺฌานสญฺญา, สา อสฺส อตฺถีติ อุชฺฌานสญฺญีฯ อิธาปิ คิลาโน น มุจฺจติ, ‘‘ทสฺสามี’’ติ วา, ‘‘ทาเปสฺสามี’’ติ วา โอโลเกนฺตสฺส ปน, น อุชฺฌานสญฺญิสฺส จ อนาปตฺติฯ

    Dvādasame ujjhāne saññā ujjhānasaññā, sā assa atthīti ujjhānasaññī. Idhāpi gilāno na muccati, ‘‘dassāmī’’ti vā, ‘‘dāpessāmī’’ti vā olokentassa pana, na ujjhānasaññissa ca anāpatti.

    ๓๙. กพฬสิกฺขาปทวณฺณนา

    39. Kabaḷasikkhāpadavaṇṇanā

    เตรสเม นาติมหนฺตนฺติ มยูรณฺฑํ อติมหนฺตํ, กุกฺกุฎณฺฑํ อติขุทฺทกํ, เตสํ เวมชฺฌปฺปมาณํฯ มูลขาทนียาทิเภเท ปน สพฺพขชฺชเก ผลาผเล จ อนาปตฺติฯ

    Terasame nātimahantanti mayūraṇḍaṃ atimahantaṃ, kukkuṭaṇḍaṃ atikhuddakaṃ, tesaṃ vemajjhappamāṇaṃ. Mūlakhādanīyādibhede pana sabbakhajjake phalāphale ca anāpatti.

    ๔๐. อาโลปสิกฺขาปทวณฺณนา

    40. Ālopasikkhāpadavaṇṇanā

    จุทฺทสเม ปริมณฺฑลนฺติ อทีฆํฯ อิธ ปน ขชฺชกผลาผเลหิ สทฺธิํ อุตฺตริภเงฺคปิ อนาปตฺติฯ

    Cuddasame parimaṇḍalanti adīghaṃ. Idha pana khajjakaphalāphalehi saddhiṃ uttaribhaṅgepi anāpatti.

    ๔๑-๔๒. อนาหฎสิกฺขาปทวณฺณนา

    41-42. Anāhaṭasikkhāpadavaṇṇanā

    ปนฺนรสเม อนาหเฎติ อนาหริเต, มุขทฺวารํ อสมฺปเตฺตติ อโตฺถฯ โสฬสเม สพฺพหตฺถนฺติ สกลํ หตฺถํฯ

    Pannarasame anāhaṭeti anāharite, mukhadvāraṃ asampatteti attho. Soḷasame sabbahatthanti sakalaṃ hatthaṃ.

    ๔๓. สกพฬสิกฺขาปทวณฺณนา

    43. Sakabaḷasikkhāpadavaṇṇanā

    สตฺตรสเม สกพเฬนาติ เอตฺถ ยตฺตเกน วจนํ อปริปุณฺณํ โหติ, ตตฺตเก สติ กเถนฺตสฺส อาปตฺติฯ โย ปน ธมฺมํ กเถโนฺต หริฎกาทีนิ มุเข ปกฺขิปิตฺวา กเถติ, ยตฺตเกน วจนํ อปริปุณฺณํ น โหติ, ตตฺตเก มุขมฺหิ สติ วฎฺฎติฯ

    Sattarasame sakabaḷenāti ettha yattakena vacanaṃ aparipuṇṇaṃ hoti, tattake sati kathentassa āpatti. Yo pana dhammaṃ kathento hariṭakādīni mukhe pakkhipitvā katheti, yattakena vacanaṃ aparipuṇṇaṃ na hoti, tattake mukhamhi sati vaṭṭati.

    ๔๔. ปิณฺฑุเกฺขปกสิกฺขาปทวณฺณนา

    44. Piṇḍukkhepakasikkhāpadavaṇṇanā

    อฎฺฐารสเม ปิณฺฑุเกฺขปกนฺติ ปิณฺฑํ อุกฺขิปิตฺวา อุกฺขิปิตฺวา, อิธาปิ ขชฺชกผลาผเลสุ อนาปตฺติฯ

    Aṭṭhārasame piṇḍukkhepakanti piṇḍaṃ ukkhipitvā ukkhipitvā, idhāpi khajjakaphalāphalesu anāpatti.

    ๔๕. กพฬาวเจฺฉทกสิกฺขาปทวณฺณนา

    45. Kabaḷāvacchedakasikkhāpadavaṇṇanā

    เอกูนวีสติเม กพฬาวเจฺฉทกนฺติ กพฬํ อวจฺฉินฺทิตฺวา อวจฺฉินฺทิตฺวา, อิธ ขชฺชกผลาผเลหิ สทฺธิํ อุตฺตริภเงฺคปิ อนาปตฺติฯ

    Ekūnavīsatime kabaḷāvacchedakanti kabaḷaṃ avacchinditvā avacchinditvā, idha khajjakaphalāphalehi saddhiṃ uttaribhaṅgepi anāpatti.

    ๔๖. อวคณฺฑการกสิกฺขาปทวณฺณนา

    46. Avagaṇḍakārakasikkhāpadavaṇṇanā

    วีสติเม อวคณฺฑการกนฺติ มกฺกโฎ วิย คเณฺฑ กตฺวา กตฺวา, อิธ ผลาผลมตฺตเก อนาปตฺติฯ

    Vīsatime avagaṇḍakārakanti makkaṭo viya gaṇḍe katvā katvā, idha phalāphalamattake anāpatti.

    ๔๗. หตฺถนิทฺธุนกสิกฺขาปทวณฺณนา

    47. Hatthaniddhunakasikkhāpadavaṇṇanā

    เอกวีสติเม หตฺถนิทฺธุนกนฺติ หตฺถํ นิทฺธุนิตฺวา นิทฺธุนิตฺวา, อนาปตฺติยํ ปเนตฺถ ‘‘กจวรํ ฉเฑฺฑโนฺต หตฺถํ นิทฺธุนาตี’’ติ (ปาจิ. ๖๒๓) อิทํ อธิกํฯ

    Ekavīsatime hatthaniddhunakanti hatthaṃ niddhunitvā niddhunitvā, anāpattiyaṃ panettha ‘‘kacavaraṃ chaḍḍento hatthaṃ niddhunātī’’ti (pāci. 623) idaṃ adhikaṃ.

    ๔๘. สิตฺถาวการกสิกฺขาปทวณฺณนา

    48. Sitthāvakārakasikkhāpadavaṇṇanā

    ทฺวาวีสติเม สิตฺถาวการกนฺติ สิตฺถานิ อวกิริตฺวา อวกิริตฺวา, อิธาปิ ‘‘กจวรํ ฉเฑฺฑโนฺต สิตฺถํ ฉฑฺฑยตี’’ติ (ปาจิ. ๖๒๓) อิทํ อนาปตฺติยํ อธิกํฯ

    Dvāvīsatime sitthāvakārakanti sitthāni avakiritvā avakiritvā, idhāpi ‘‘kacavaraṃ chaḍḍento sitthaṃ chaḍḍayatī’’ti (pāci. 623) idaṃ anāpattiyaṃ adhikaṃ.

    ๔๙. ชิวฺหานิจฺฉารกสิกฺขาปทวณฺณนา

    49. Jivhānicchārakasikkhāpadavaṇṇanā

    เตวีสติเม ชิวฺหานิจฺฉารกนฺติ ชิวฺหํ นิจฺฉาเรตฺวา นิจฺฉาเรตฺวาฯ

    Tevīsatime jivhānicchārakanti jivhaṃ nicchāretvā nicchāretvā.

    ๕๐-๕๑. จปุจปุการกสิกฺขาปทวณฺณนา

    50-51. Capucapukārakasikkhāpadavaṇṇanā

    จตุวีสติเม จปุจปุการกนฺติ จปุ จปูติ เอวํ สทฺทํ กตฺวา กตฺวาฯ ปญฺจวีสติเมปิ เอเสว นโยฯ

    Catuvīsatime capucapukārakanti capu capūti evaṃ saddaṃ katvā katvā. Pañcavīsatimepi eseva nayo.

    ๕๒…เป.…๕๔. หตฺถนิเลฺลหกาทิสิกฺขาปทวณฺณนา

    52…Pe…54. hatthanillehakādisikkhāpadavaṇṇanā

    ฉพฺพีสติเม หตฺถนิเลฺลหกนฺติ หตฺถํ นิเลฺลหิตฺวา นิเลฺลหิตฺวาฯ ภุญฺชเนฺตน หิ องฺคุลิมตฺตมฺปิ นิเลฺลหิตุํ น วฎฺฎติฯ ฆนยาคุผาณิตปายาสาทิเก ปน องฺคุลีหิ คเหตฺวา องฺคุลิโย มุเข ปเวเสตฺวา ภุญฺชิตุํ วฎฺฎติ, สตฺตวีสติมอฎฺฐวีสติเมสุปิ เอเสว นโยฯ ตสฺมา เอกงฺคุลิยาปิ ปโตฺต น นิเลฺลหิตโพฺพ, เอกโอโฎฺฐปิ จ ชิวฺหาย น นิเลฺลหิตโพฺพ, โอฎฺฐมํเสหิ เอว ปน คเหตฺวา อโนฺต ปเวเสตุํ วฎฺฎติฯ

    Chabbīsatime hatthanillehakanti hatthaṃ nillehitvā nillehitvā. Bhuñjantena hi aṅgulimattampi nillehituṃ na vaṭṭati. Ghanayāguphāṇitapāyāsādike pana aṅgulīhi gahetvā aṅguliyo mukhe pavesetvā bhuñjituṃ vaṭṭati, sattavīsatimaaṭṭhavīsatimesupi eseva nayo. Tasmā ekaṅguliyāpi patto na nillehitabbo, ekaoṭṭhopi ca jivhāya na nillehitabbo, oṭṭhamaṃsehi eva pana gahetvā anto pavesetuṃ vaṭṭati.

    ๕๕. สามิสสิกฺขาปทวณฺณนา

    55. Sāmisasikkhāpadavaṇṇanā

    เอกูนติํสติเม น สามิเสนาติ เอตํ ปฎิกูลวเสน ปฎิกฺขิตฺตํ, ตสฺมา สงฺฆิกมฺปิ ปุคฺคลิกมฺปิ คิหิสนฺตกมฺปิ อตฺตโน สนฺตกมฺปิ สโงฺขปิ สราวกมฺปิ ถาลกมฺปิ น คเหตพฺพเมว, คณฺหนฺตสฺส ทุกฺกฎํฯ สเจ ปน หตฺถสฺส เอกเทโส อามิสมกฺขิโต น โหติ, เตน ปเทเสน คเหตุํ วฎฺฎติ, อิธ ‘‘โธวิสฺสามีติ วา, โธวาเปสฺสามีติ วา ปฎิคฺคณฺหาตี’’ติ (ปาจิ. ๖๓๑) อิทํ อนาปตฺติยํ อธิกํฯ

    Ekūnatiṃsatime na sāmisenāti etaṃ paṭikūlavasena paṭikkhittaṃ, tasmā saṅghikampi puggalikampi gihisantakampi attano santakampi saṅkhopi sarāvakampi thālakampi na gahetabbameva, gaṇhantassa dukkaṭaṃ. Sace pana hatthassa ekadeso āmisamakkhito na hoti, tena padesena gahetuṃ vaṭṭati, idha ‘‘dhovissāmīti vā, dhovāpessāmīti vā paṭiggaṇhātī’’ti (pāci. 631) idaṃ anāpattiyaṃ adhikaṃ.

    ๕๖. สสิตฺถกสิกฺขาปทวณฺณนา

    56. Sasitthakasikkhāpadavaṇṇanā

    ติํสติเม ‘‘อุทฺธริตฺวา วา ภินฺทิตฺวา วา ปฎิคฺคเห วา นีหริตฺวา วา ฉเฑฺฑตี’’ติ อิทํ อนาปตฺติยํ อธิกํฯ ตตฺถ อุทฺธริตฺวา วาติ สิตฺถานิ อุทกโต อุทฺธริตฺวา, เอกสฺมิํ ฐาเน ราสิํ กตฺวา อุทกํ ฉเฑฺฑติฯ ภินฺทิตฺวา วาติ สิตฺถานิ ภินฺทิตฺวา อุทกคติกานิ กตฺวา ฉเฑฺฑติฯ ปฎิคฺคเห วาติ ปฎิคฺคเหน ปฎิจฺฉนฺตานํ ปฎิคฺคเห ฉเฑฺฑติฯ นีหริตฺวาติ พหิ นีหริตฺวา ฉเฑฺฑติ, เอวํ ฉเฑฺฑนฺตสฺส อนาปตฺติฯ

    Tiṃsatime ‘‘uddharitvā vā bhinditvā vā paṭiggahe vā nīharitvā vā chaḍḍetī’’ti idaṃ anāpattiyaṃ adhikaṃ. Tattha uddharitvā vāti sitthāni udakato uddharitvā, ekasmiṃ ṭhāne rāsiṃ katvā udakaṃ chaḍḍeti. Bhinditvā vāti sitthāni bhinditvā udakagatikāni katvā chaḍḍeti. Paṭiggahe vāti paṭiggahena paṭicchantānaṃ paṭiggahe chaḍḍeti. Nīharitvāti bahi nīharitvā chaḍḍeti, evaṃ chaḍḍentassa anāpatti.

    ติํสโภชนปฺปฎิสํยุตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Tiṃsabhojanappaṭisaṃyuttasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๕๗. ฉตฺตปาณิสิกฺขาปทวณฺณนา

    57. Chattapāṇisikkhāpadavaṇṇanā

    ธมฺมเทสนาปฎิสํยุเตฺตสุ ปฐเม ยํกิญฺจิ ฉตฺตํ ปาณิมฺหิ อสฺสาติ ฉตฺตปาณิฯ โส ตํ ฉตฺตํ ยตฺถกตฺถจิ สรีราวยเว ฐเปตฺวาปิ ยาว หเตฺถน น มุญฺจติ, ตาวสฺส ธมฺมํ เทเสตุํ น วฎฺฎติฯ สเจ ปนสฺส อโญฺญ ฉตฺตํ ธาเรติ, ปเสฺส วา ฐิตํ โหติ, หตฺถโต อปคตมเตฺต ฉตฺตปาณิ นาม น โหติ, ตสฺส เทเสตุํ วฎฺฎติฯ ธมฺมปริเจฺฉโท เจตฺถ ปทโสธเมฺม วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ

    Dhammadesanāpaṭisaṃyuttesu paṭhame yaṃkiñci chattaṃ pāṇimhi assāti chattapāṇi. So taṃ chattaṃ yatthakatthaci sarīrāvayave ṭhapetvāpi yāva hatthena na muñcati, tāvassa dhammaṃ desetuṃ na vaṭṭati. Sace panassa añño chattaṃ dhāreti, passe vā ṭhitaṃ hoti, hatthato apagatamatte chattapāṇi nāma na hoti, tassa desetuṃ vaṭṭati. Dhammaparicchedo cettha padasodhamme vuttanayeneva veditabbo.

    ๕๘-๕๙. ทณฺฑปาณิสิกฺขาปทวณฺณนา

    58-59. Daṇḍapāṇisikkhāpadavaṇṇanā

    ทุติเย ทโณฺฑ นาม มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส จตุหตฺถปฺปมาโณ, ทณฺฑปาณิภาโว ปนสฺส ฉตฺตปาณิมฺหิ วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ ตติเยปิ เอเสว นโยฯ อสิํ สนฺนหิตฺวา ฐิโตปิ หิ สตฺถปาณิสงฺขฺยํ น คจฺฉติฯ

    Dutiye daṇḍo nāma majjhimassa purisassa catuhatthappamāṇo, daṇḍapāṇibhāvo panassa chattapāṇimhi vuttanayeneva veditabbo. Tatiyepi eseva nayo. Asiṃ sannahitvā ṭhitopi hi satthapāṇisaṅkhyaṃ na gacchati.

    ๖๐. อาวุธปาณิสิกฺขาปทวณฺณนา

    60. Āvudhapāṇisikkhāpadavaṇṇanā

    จตุเตฺถ สพฺพาปิ ธนุวิกติ สทฺธิํ สรวิกติยา อาวุธนฺติ เวทิตพฺพา, ตสฺมา สทฺธิํ วา สเรน ธนุํ คเหตฺวา, สุทฺธธนุํ วา สุทฺธสรํ วา สชิยธนุํ วา นิชฺชิยธนุํ วา คเหตฺวา ฐิตสฺส วา นิสินฺนสฺส วา ธมฺมํ เทเสตุํ น วฎฺฎติฯ สเจ ปนสฺส ธนุ ขเนฺธปิ ปฎิมุกฺกํ โหติ, ยาว น คณฺหาติ, ตาว วฎฺฎติฯ

    Catutthe sabbāpi dhanuvikati saddhiṃ saravikatiyā āvudhanti veditabbā, tasmā saddhiṃ vā sarena dhanuṃ gahetvā, suddhadhanuṃ vā suddhasaraṃ vā sajiyadhanuṃ vā nijjiyadhanuṃ vā gahetvā ṭhitassa vā nisinnassa vā dhammaṃ desetuṃ na vaṭṭati. Sace panassa dhanu khandhepi paṭimukkaṃ hoti, yāva na gaṇhāti, tāva vaṭṭati.

    ๖๑-๖๒. ปาทุกสิกฺขาปทวณฺณนา

    61-62. Pādukasikkhāpadavaṇṇanā

    ปญฺจเม ปาทุการุฬฺหสฺสาติ ฉตฺตทณฺฑเก องฺคุลนฺตริกํ อปฺปเวเสตฺวา เกวลํ อกฺกนฺตสฺส วา, ปเวเสตฺวา ฐานวเสน ปฎิมุกฺกสฺส วาฯ ฉเฎฺฐปิ เอเสว นโยฯ อิธ ปน ยฺวายํ ปณฺหิกพนฺธํ โอมุญฺจิตฺวา ฐานวเสน ‘‘โอมุโกฺก’’ติ วุจฺจติ, ตสฺสาปิ น วฎฺฎติฯ

    Pañcame pādukāruḷhassāti chattadaṇḍake aṅgulantarikaṃ appavesetvā kevalaṃ akkantassa vā, pavesetvā ṭhānavasena paṭimukkassa vā. Chaṭṭhepi eseva nayo. Idha pana yvāyaṃ paṇhikabandhaṃ omuñcitvā ṭhānavasena ‘‘omukko’’ti vuccati, tassāpi na vaṭṭati.

    ๖๓. ยานสิกฺขาปทวณฺณนา

    63. Yānasikkhāpadavaṇṇanā

    สตฺตเม สเจปิ ทฺวีหิ ชเนหิ หตฺถสงฺฆาเฎน คหิโต, สาฎเก วา ฐเปตฺวา วํเสน วยฺหติ, อยุเตฺต วา วยฺหาทิเก ยาเน วิสงฺขริตฺวา วา ฐปิเต จกฺกมเตฺตปิ นิสิโนฺน โหติ, ยานคโตเตฺวว สงฺขํ คจฺฉติฯ สเจ ปน เทฺวปิ เอกยาเน นิสินฺนา โหนฺติ, วฎฺฎติฯ วิสุํ นิสิเนฺนสุปิ อุเจฺจ ยาเน นิสิเนฺนน นีเจ นิสินฺนสฺส เทเสตุํ วฎฺฎติ, สมปฺปมาเณปิ วฎฺฎติ, ตถา ปุริเม นิสิเนฺนน ปจฺฉิเม นิสินฺนสฺสฯ ปจฺฉิเม ปน อุจฺจตเรปิ นิสิเนฺนน เทเสตุํ น วฎฺฎติฯ

    Sattame sacepi dvīhi janehi hatthasaṅghāṭena gahito, sāṭake vā ṭhapetvā vaṃsena vayhati, ayutte vā vayhādike yāne visaṅkharitvā vā ṭhapite cakkamattepi nisinno hoti, yānagatotveva saṅkhaṃ gacchati. Sace pana dvepi ekayāne nisinnā honti, vaṭṭati. Visuṃ nisinnesupi ucce yāne nisinnena nīce nisinnassa desetuṃ vaṭṭati, samappamāṇepi vaṭṭati, tathā purime nisinnena pacchime nisinnassa. Pacchime pana uccatarepi nisinnena desetuṃ na vaṭṭati.

    ๖๔. สยนสิกฺขาปทวณฺณนา

    64. Sayanasikkhāpadavaṇṇanā

    อฎฺฐเม สยนคตสฺสาติ อนฺตมโส กฎสารเกปิ ปกติภูมิยมฺปิ นิปนฺนสฺส อุเจฺจปิ มเญฺจ วา ปีเฐ วา ภูมิปฺปเทเส วา ฐิเตน นิสิเนฺนน วา เทเสตุํ น วฎฺฎติฯ สยนคเตน ปน สยนคตสฺส อุจฺจตเร วา สมปฺปมาเณ วา นิปเนฺนน เทเสตุํ วฎฺฎติฯ นิปเนฺนน ปน ฐิตสฺส วา นิสินฺนสฺส วา นิปนฺนสฺส วา, นิสิเนฺนน จ ฐิตสฺส วา นิสินฺนสฺส วา, ฐิเตน ฐิตเสฺสว วฎฺฎติฯ

    Aṭṭhame sayanagatassāti antamaso kaṭasārakepi pakatibhūmiyampi nipannassa uccepi mañce vā pīṭhe vā bhūmippadese vā ṭhitena nisinnena vā desetuṃ na vaṭṭati. Sayanagatena pana sayanagatassa uccatare vā samappamāṇe vā nipannena desetuṃ vaṭṭati. Nipannena pana ṭhitassa vā nisinnassa vā nipannassa vā, nisinnena ca ṭhitassa vā nisinnassa vā, ṭhitena ṭhitasseva vaṭṭati.

    ๖๕. ปลฺลตฺถิกสิกฺขาปทวณฺณนา

    65. Pallatthikasikkhāpadavaṇṇanā

    นวเม หตฺถปลฺลตฺถิกาทีสุ ยาย กายจิ นิสินฺนสฺส เทเสตุํ น วฎฺฎติฯ

    Navame hatthapallatthikādīsu yāya kāyaci nisinnassa desetuṃ na vaṭṭati.

    ๖๖. เวฐิตสิกฺขาปทวณฺณนา

    66. Veṭhitasikkhāpadavaṇṇanā

    ทสเม เวฐิตสีสสฺสาติ ทุสฺสเวเฐน วา โมฬิอาทีหิ วา ยถา เกสโนฺต น ทิสฺสติ, เอวํ เวฐิตสีสสฺส, เตเนวสฺส อนาปตฺติยํ ‘‘เกสนฺตํ วิวราเปตฺวา เทเสตี’’ติ (ปาจิ. ๖๔๓) วุตฺตํฯ

    Dasame veṭhitasīsassāti dussaveṭhena vā moḷiādīhi vā yathā kesanto na dissati, evaṃ veṭhitasīsassa, tenevassa anāpattiyaṃ ‘‘kesantaṃ vivarāpetvā desetī’’ti (pāci. 643) vuttaṃ.

    ๖๗. โอคุณฺฐิตสิกฺขาปทวณฺณนา

    67. Oguṇṭhitasikkhāpadavaṇṇanā

    เอกาทสเม โอคุณฺฐิตสีสสฺสาติ สสีสํ ปารุตสฺส, อนาปตฺติยํ ปเนตฺถ ‘‘สีสํ วิวราเปตฺวา เทเสตี’’ติ (ปาจิ. ๖๔๔) อธิกํฯ

    Ekādasame oguṇṭhitasīsassāti sasīsaṃ pārutassa, anāpattiyaṃ panettha ‘‘sīsaṃ vivarāpetvā desetī’’ti (pāci. 644) adhikaṃ.

    ๖๘. ฉมาสิกฺขาปทวณฺณนา

    68. Chamāsikkhāpadavaṇṇanā

    ทฺวาทสเม ฉมายํ นิสีทิตฺวาติ ภูมิยํ นิสีทิตฺวาฯ อาสเนติ อนฺตมโส วตฺถมฺปิ ติณานิปิ สนฺถริตฺวา นิสินฺนสฺสฯ

    Dvādasame chamāyaṃ nisīditvāti bhūmiyaṃ nisīditvā. Āsaneti antamaso vatthampi tiṇānipi santharitvā nisinnassa.

    ๖๙. นีจาสนสิกฺขาปทวณฺณนา

    69. Nīcāsanasikkhāpadavaṇṇanā

    เตรสเม อุเจฺจ อาสเนติ อนฺตมโส ภูมิปฺปเทเสปิ อุนฺนตปฺปเทเส นิสินฺนสฺสฯ

    Terasame ucce āsaneti antamaso bhūmippadesepi unnatappadese nisinnassa.

    ๗๐. ฐิตสิกฺขาปทวณฺณนา

    70. Ṭhitasikkhāpadavaṇṇanā

    จุทฺทสเม น ฐิโต นิสินฺนสฺสาติ สเจ เถรสฺส อุปฎฺฐานํ คนฺตฺวา ฐิตํ ทหรํ อาสเน นิสิโนฺน มหาเถโร ปญฺหํ ปุจฺฉติ, น กเถตพฺพํฯ คารเวน ปน เถรํ ‘‘อุฎฺฐหิตฺวา ปุจฺฉา’’ติ วตฺตุํ น สกฺกา, ตสฺมา ‘‘ปเสฺส ฐิตสฺส ภิกฺขุโน กเถสฺสามี’’ติ กเถตุํ วฎฺฎติฯ

    Cuddasame na ṭhito nisinnassāti sace therassa upaṭṭhānaṃ gantvā ṭhitaṃ daharaṃ āsane nisinno mahāthero pañhaṃ pucchati, na kathetabbaṃ. Gāravena pana theraṃ ‘‘uṭṭhahitvā pucchā’’ti vattuṃ na sakkā, tasmā ‘‘passe ṭhitassa bhikkhuno kathessāmī’’ti kathetuṃ vaṭṭati.

    ๗๑. ปจฺฉโตคมนสิกฺขาปทวณฺณนา

    71. Pacchatogamanasikkhāpadavaṇṇanā

    ปนฺนรสเม สเจ ปุรโต คจฺฉโนฺต ปญฺหํ ปุจฺฉติ, ตสฺส ตํ อกเถตฺวา ‘‘ปจฺฉิมสฺส ภิกฺขุโน กเถสฺสามี’’ติ กเถตพฺพํฯ สทฺธิํ อุคฺคหิตธมฺมํ ปน สชฺฌายิตุํ, สมธุเรน วา คจฺฉนฺตสฺส กเถตุํ วฎฺฎติฯ

    Pannarasame sace purato gacchanto pañhaṃ pucchati, tassa taṃ akathetvā ‘‘pacchimassa bhikkhuno kathessāmī’’ti kathetabbaṃ. Saddhiṃ uggahitadhammaṃ pana sajjhāyituṃ, samadhurena vā gacchantassa kathetuṃ vaṭṭati.

    ๗๒. อุปฺปเถนคมนสิกฺขาปทวณฺณนา

    72. Uppathenagamanasikkhāpadavaṇṇanā

    โสฬสเม น อุปฺปเถนาติ เอตฺถ สเจ เทฺวปิ สกฎมคฺคสฺมิํ เอเกกจกฺกปเถน วา อุปฺปเถน วา สมธุรํ คจฺฉนฺติ, วฎฺฎติฯ

    Soḷasame na uppathenāti ettha sace dvepi sakaṭamaggasmiṃ ekekacakkapathena vā uppathena vā samadhuraṃ gacchanti, vaṭṭati.

    ๗๓. ฐิโตอุจฺจารสิกฺขาปทวณฺณนา

    73. Ṭhitouccārasikkhāpadavaṇṇanā

    สตฺตรสเม ‘‘อสญฺจิจฺจา’’ติ อนาปตฺติยํ สเจ ปฎิจฺฉนฺนฎฺฐานํ คจฺฉนฺตสฺส สหสา อุจฺจาโร วา ปสฺสาโว วา นิกฺขมติ, อสญฺจิจฺจ กโต นาม โหติฯ

    Sattarasame ‘‘asañciccā’’ti anāpattiyaṃ sace paṭicchannaṭṭhānaṃ gacchantassa sahasā uccāro vā passāvo vā nikkhamati, asañcicca kato nāma hoti.

    ๗๔. หริเตอุจฺจารสิกฺขาปทวณฺณนา

    74. Hariteuccārasikkhāpadavaṇṇanā

    อฎฺฐารสเม ยมฺปิ ชีวมานรุกฺขสฺส มูลํ ปถวิยํ ทิสฺสมานํ คจฺฉติ, สาขา วา ภูมิลคฺคา คจฺฉติ, สพฺพํ หริตสงฺขาตเมวฯ ขเนฺธ นิสีทิตฺวา ปน อปฺปหริตฎฺฐาเน ปาเตตุํ วฎฺฎติฯ สเจ อปฺปหริตฎฺฐานํ โอโลเกนฺตเสฺสว สหสา นิกฺขมติ, คิลานฎฺฐาเน ฐิโต โหติ, ‘‘อปฺปหริเต กโต หริตํ โอตฺถรตี’’ติ (ปาจิ. ๖๕๒) อิทเมตฺถ อนาปตฺติยํ อธิกํฯ ตตฺถ สเจปิ อปฺปหริตํ อลภเนฺตน ติณณฺฑุปกํ วา ปลลณฺฑุปกํ วา ฐเปตฺวา กโต ปจฺฉา หริตํ โอตฺถรติ, วฎฺฎติเยวฯ เขเฬน เจตฺถ สิงฺฆาณิกาปิ สงฺคหิตาฯ

    Aṭṭhārasame yampi jīvamānarukkhassa mūlaṃ pathaviyaṃ dissamānaṃ gacchati, sākhā vā bhūmilaggā gacchati, sabbaṃ haritasaṅkhātameva. Khandhe nisīditvā pana appaharitaṭṭhāne pātetuṃ vaṭṭati. Sace appaharitaṭṭhānaṃ olokentasseva sahasā nikkhamati, gilānaṭṭhāne ṭhito hoti, ‘‘appaharite kato haritaṃ ottharatī’’ti (pāci. 652) idamettha anāpattiyaṃ adhikaṃ. Tattha sacepi appaharitaṃ alabhantena tiṇaṇḍupakaṃ vā palalaṇḍupakaṃ vā ṭhapetvā kato pacchā haritaṃ ottharati, vaṭṭatiyeva. Kheḷena cettha siṅghāṇikāpi saṅgahitā.

    ๗๕. อุทเกอุจฺจารสิกฺขาปทวณฺณนา

    75. Udakeuccārasikkhāpadavaṇṇanā

    เอกูนวีสติเม น อุทเกติ เอตํ ปริโภคอุทกเมว สนฺธาย วุตฺตํ, วจฺจกุฎิสมุทฺทาทิอุทเกสุ ปน อปริโภเคสุ อนาปตฺติฯ เทเว วสฺสเนฺต สมนฺตโต อุทโกเฆ ชาเต อนุทกฎฺฐานํ อลภเนฺตน อุทเก กาตุํ วฎฺฎติ, อิธาปิ ‘‘ถเล กโต อุทกํ โอตฺถรตี’’ติ (ปาจิ. ๖๕๔) อิทํ อนาปตฺติยํ อธิกํ, เสสํ สพฺพสิกฺขาปเทสุ อุตฺตานเมวฯ

    Ekūnavīsatime na udaketi etaṃ paribhogaudakameva sandhāya vuttaṃ, vaccakuṭisamuddādiudakesu pana aparibhogesu anāpatti. Deve vassante samantato udakoghe jāte anudakaṭṭhānaṃ alabhantena udake kātuṃ vaṭṭati, idhāpi ‘‘thale kato udakaṃ ottharatī’’ti (pāci. 654) idaṃ anāpattiyaṃ adhikaṃ, sesaṃ sabbasikkhāpadesu uttānameva.

    สมุฎฺฐานาทิทีปนตฺถาย ปเนตฺถ อิทํ ปกิณฺณกํ – อุชฺชคฺฆิกอุจฺจาสทฺทปฺปฎิสํยุตฺตานิ จตฺตาริ, สกพเฬน มุเขน พฺยาหรณํ เอกํ, ฉมานีจาสนนิสินฺนฐิตปจฺฉโตคมนอุปฺปถคมนปฺปฎิสํยุตฺตานิ ปญฺจาติ อิมานิ ทส สิกฺขาปทานิ สมนุภาสนสมุฎฺฐานานิ, เอเกกเมตฺถ กิริยํ, สญฺญาวิโมกฺขํ, สจิตฺตกํ, โลกวชฺชํ, กายกมฺมํ, วจีกมฺมํ, อกุสลจิตฺตํ, ทุกฺขเวทนํฯ สูโปทนวิญฺญตฺติสิกฺขาปทํ เถยฺยสตฺถสมุฎฺฐานํ, กิริยํ, สญฺญาวิโมกฺขํ, สจิตฺตกํ, โลกวชฺชํ, กายกมฺมํ, วจีกมฺมํ, อกุสลจิตฺตํ, ทุกฺขเวทนํฯ ฉตฺตปาณิทณฺฑปาณิสตฺถปาณิอาวุธปาณิปาทุกาอุปาหนยานสยนปลฺลตฺถิกเวฐิตโอคุณฺฐิตนามกานิ เอกาทส ธมฺมเทสนาสมุฎฺฐานานิ, กิริยากิริยานิ, สญฺญาวิโมกฺขานิ, สจิตฺตกานิ, โลกวชฺชานิ, วจีกมฺมานิ, อกุสลจิตฺตานิ, ทุกฺขเวทนานิฯ เสสานิ เตปณฺณาส ปฐมปาราชิกสมอุฎฺฐานาทิเภทานีติฯ

    Samuṭṭhānādidīpanatthāya panettha idaṃ pakiṇṇakaṃ – ujjagghikauccāsaddappaṭisaṃyuttāni cattāri, sakabaḷena mukhena byāharaṇaṃ ekaṃ, chamānīcāsananisinnaṭhitapacchatogamanauppathagamanappaṭisaṃyuttāni pañcāti imāni dasa sikkhāpadāni samanubhāsanasamuṭṭhānāni, ekekamettha kiriyaṃ, saññāvimokkhaṃ, sacittakaṃ, lokavajjaṃ, kāyakammaṃ, vacīkammaṃ, akusalacittaṃ, dukkhavedanaṃ. Sūpodanaviññattisikkhāpadaṃ theyyasatthasamuṭṭhānaṃ, kiriyaṃ, saññāvimokkhaṃ, sacittakaṃ, lokavajjaṃ, kāyakammaṃ, vacīkammaṃ, akusalacittaṃ, dukkhavedanaṃ. Chattapāṇidaṇḍapāṇisatthapāṇiāvudhapāṇipādukāupāhanayānasayanapallatthikaveṭhitaoguṇṭhitanāmakāni ekādasa dhammadesanāsamuṭṭhānāni, kiriyākiriyāni, saññāvimokkhāni, sacittakāni, lokavajjāni, vacīkammāni, akusalacittāni, dukkhavedanāni. Sesāni tepaṇṇāsa paṭhamapārājikasamauṭṭhānādibhedānīti.

    เอกูนวีสติธมฺมเทสนาปฎิสํยุตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Ekūnavīsatidhammadesanāpaṭisaṃyuttasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.

    กงฺขาวิตรณิยา ปาติโมกฺขวณฺณนาย

    Kaṅkhāvitaraṇiyā pātimokkhavaṇṇanāya

    เสขิยวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Sekhiyavaṇṇanā niṭṭhitā.

    อธิกรณสมถวณฺณนา

    Adhikaraṇasamathavaṇṇanā

    อธิกรณสมเถสุ สตฺตาติ เตสํ คณนปริเจฺฉโทฯ อธิกรณานิ สเมนฺติ วูปสเมนฺตีติ อธิกรณสมถาฯ อุเทฺทสํ อาคจฺฉนฺตีติ อาปตฺตาธิกรณสงฺขาตาสุ จ อวเสสาธิกรณตฺตยปจฺจยาสุ จ อาปตฺตีสุ ปริสุทฺธภาวํ ปุจฺฉนตฺถํ อุทฺทิสิตพฺพตํ อาคจฺฉนฺติฯ อุปฺปนฺนุปฺปนฺนานนฺติ อุปฺปนฺนานํ อุปฺปนฺนานํฯ อธิกรณานนฺติ วิวาทาธิกรณํ อนุวาทาธิกรณํ อาปตฺตาธิกรณํ กิจฺจาธิกรณนฺติ อิเมสํ จตุนฺนํฯ สมถาย วูปสมายาติ สมนตฺถเญฺจว วูปสมนตฺถญฺจ สมฺมุขาวินโย ทาตโพฺพ…เป.… ติณวตฺถารโกติ อิเม สตฺต สมถา ทาตพฺพาฯ ตตฺรายํ วินิจฺฉโย – อธิกรเณสุ ตาว ‘‘ธโมฺม’’ติ วา, ‘‘อธโมฺม’’ติ วา อฎฺฐารสหิ วตฺถูหิ วิวทนฺตานํ ภิกฺขูนํ โย วิวาโท, อิทํ วิวาทาธิกรณํ นามฯ สีลวิปตฺติยา วา อาจารทิฎฺฐิอาชีววิปตฺติยา วา อนุวทนฺตานํ โย อนุวาโท อุปวทนา เจว โจทนา จ, อิทํ อนุวาทาธิกรณํ นามฯ มาติกาย อาคตา ปญฺจ, วิภเงฺค เทฺวติ สตฺตปิ อาปตฺติกฺขนฺธา อาปตฺตาธิกรณํ , นามฯ ยํ สงฺฆสฺส อปโลกนาทีนํ จตุนฺนํ กมฺมานํ กรณํ, อิทํ กิจฺจาธิกรณํ นามฯ

    Adhikaraṇasamathesu sattāti tesaṃ gaṇanaparicchedo. Adhikaraṇāni samenti vūpasamentīti adhikaraṇasamathā. Uddesaṃ āgacchantīti āpattādhikaraṇasaṅkhātāsu ca avasesādhikaraṇattayapaccayāsu ca āpattīsu parisuddhabhāvaṃ pucchanatthaṃ uddisitabbataṃ āgacchanti. Uppannuppannānanti uppannānaṃ uppannānaṃ. Adhikaraṇānanti vivādādhikaraṇaṃ anuvādādhikaraṇaṃ āpattādhikaraṇaṃ kiccādhikaraṇanti imesaṃ catunnaṃ. Samathāya vūpasamāyāti samanatthañceva vūpasamanatthañca sammukhāvinayo dātabbo…pe… tiṇavatthārakoti ime satta samathā dātabbā. Tatrāyaṃ vinicchayo – adhikaraṇesu tāva ‘‘dhammo’’ti vā, ‘‘adhammo’’ti vā aṭṭhārasahi vatthūhi vivadantānaṃ bhikkhūnaṃ yo vivādo, idaṃ vivādādhikaraṇaṃ nāma. Sīlavipattiyā vā ācāradiṭṭhiājīvavipattiyā vā anuvadantānaṃ yo anuvādo upavadanā ceva codanā ca, idaṃ anuvādādhikaraṇaṃ nāma. Mātikāya āgatā pañca, vibhaṅge dveti sattapi āpattikkhandhā āpattādhikaraṇaṃ, nāma. Yaṃ saṅghassa apalokanādīnaṃ catunnaṃ kammānaṃ karaṇaṃ, idaṃ kiccādhikaraṇaṃ nāma.

    ตตฺถ วิวาทาธิกรณํ (จูฬว. ๒๒๘) ทฺวีหิ สมเถหิ สมฺมติ สมฺมุขาวินเยน จ เยภุยฺยสิกาย จ, สมฺมุขาวินเยเนว สมฺมมานํ ยสฺมิํ วิหาเร อุปฺปนฺนํ, ตสฺมิํเยว วา, อญฺญตฺถ วูปสเมตุํ คจฺฉนฺตานํ อนฺตรามเคฺค วา, ยตฺถ คนฺตฺวา สงฺฆสฺส นิยฺยาติตํ, ตตฺถ สเงฺฆน วา วูปสเมตุํ อสโกฺกเนฺต ตเตฺถว อุพฺพาหิกาย สมฺมตปุคฺคเลหิ วา วินิจฺฉิตํ สมฺมติ, เอวํ สมฺมมาเน จ ปน ตสฺมิํ ยา สงฺฆสมฺมุขตา ธมฺมสมฺมุขตา วินยสมฺมุขตา ปุคฺคลสมฺมุขตา อยํ สมฺมุขาวินโย นามฯ ตตฺถ จ การกสงฺฆสฺส สงฺฆสามคฺคิวเสน สมฺมุขีภาโว สงฺฆสมฺมุขตา, สเมตพฺพสฺส วตฺถุโน ภูตตา ธมฺมสมฺมุขตา, ยถา ตํ สเมตพฺพํ, ตเถวสฺส สมนํ วินยสมฺมุขตา, โย จ วิวทติ, เยน จ วิวทติ, เตสํ อุภินฺนํ อตฺถปจฺจตฺถิกานํ สมฺมุขีภาโว ปุคฺคลสมฺมุขตาฯ อุพฺพาหิกาย วูปสมเน ปเนตฺถ สงฺฆสมฺมุขตา ปริหายติ, เอวํ ตาว สมฺมุขาวินเยเนว สมฺมติฯ

    Tattha vivādādhikaraṇaṃ (cūḷava. 228) dvīhi samathehi sammati sammukhāvinayena ca yebhuyyasikāya ca, sammukhāvinayeneva sammamānaṃ yasmiṃ vihāre uppannaṃ, tasmiṃyeva vā, aññattha vūpasametuṃ gacchantānaṃ antarāmagge vā, yattha gantvā saṅghassa niyyātitaṃ, tattha saṅghena vā vūpasametuṃ asakkonte tattheva ubbāhikāya sammatapuggalehi vā vinicchitaṃ sammati, evaṃ sammamāne ca pana tasmiṃ yā saṅghasammukhatā dhammasammukhatā vinayasammukhatā puggalasammukhatā ayaṃ sammukhāvinayo nāma. Tattha ca kārakasaṅghassa saṅghasāmaggivasena sammukhībhāvo saṅghasammukhatā, sametabbassa vatthuno bhūtatā dhammasammukhatā, yathā taṃ sametabbaṃ, tathevassa samanaṃ vinayasammukhatā, yo ca vivadati, yena ca vivadati, tesaṃ ubhinnaṃ atthapaccatthikānaṃ sammukhībhāvo puggalasammukhatā. Ubbāhikāya vūpasamane panettha saṅghasammukhatā parihāyati, evaṃ tāva sammukhāvinayeneva sammati.

    สเจ ปเนวมฺปิ น สมฺมติ, อถ นํ อุพฺพาหิกาย สมฺมตา ภิกฺขู ‘‘น มยํ สโกฺกม วูปสเมตุ’’นฺติ สงฺฆเสฺสว นิยฺยาเตนฺติ, ตโต สโงฺฆ ปญฺจงฺคสมนฺนาคตํ ภิกฺขุํ สลากคฺคาหาปกํ สมฺมนฺนิตฺวา เตน คุฬฺหกวิวฎฺฎกสกณฺณชปฺปเกสุ ตีสุ สลากคฺคาเหสุ อญฺญตรวเสน สลากํ คาเหตฺวา สนฺนิปติตปริสาย ธมฺมวาทีนํ เยภุยฺยตาย ยถา เต ธมฺมวาทิโน วทนฺติ, เอวํ วูปสนฺตํ อธิกรณํ สมฺมุขาวินเยน จ เยภุยฺยสิกาย จ วูปสนฺตํ โหติฯ ตตฺถ สมฺมุขาวินโย วุตฺตนโย เอว, ยํ ปน เยภุยฺยสิกกมฺมสฺส กรณํฯ อยํ เยภุยฺยสิกา นาม, เอวํ วิวาทาธิกรณํ ทฺวีหิ สมเถหิ สมฺมติฯ

    Sace panevampi na sammati, atha naṃ ubbāhikāya sammatā bhikkhū ‘‘na mayaṃ sakkoma vūpasametu’’nti saṅghasseva niyyātenti, tato saṅgho pañcaṅgasamannāgataṃ bhikkhuṃ salākaggāhāpakaṃ sammannitvā tena guḷhakavivaṭṭakasakaṇṇajappakesu tīsu salākaggāhesu aññataravasena salākaṃ gāhetvā sannipatitaparisāya dhammavādīnaṃ yebhuyyatāya yathā te dhammavādino vadanti, evaṃ vūpasantaṃ adhikaraṇaṃ sammukhāvinayena ca yebhuyyasikāya ca vūpasantaṃ hoti. Tattha sammukhāvinayo vuttanayo eva, yaṃ pana yebhuyyasikakammassa karaṇaṃ. Ayaṃ yebhuyyasikā nāma, evaṃ vivādādhikaraṇaṃ dvīhi samathehi sammati.

    อนุวาทาธิกรณํ (จูฬว. ๒๓๖) จตูหิ สมเถหิ สมฺมติ สมฺมุขาวินเยน จ สติวินเยน จ อมูฬฺหวินเยน จ ตสฺสปาปิยสิกาย จฯ สมฺมุขาวินเยเนว สมฺมมานํ โย จ อนุวทติ, ยญฺจ อนุวทติ, เตสํ วจนํ สุตฺวา สเจ กาจิ อาปตฺติ นตฺถิ, อุโภ ขมาเปตฺวา, สเจ อตฺถิ, ‘‘อยํ นาเมตฺถ อาปตฺตี’’ติ เอวํ วินิจฺฉิตํ วูปสมฺมติ, ตตฺถ สมฺมุขาวินยลกฺขณํ วุตฺตนยเมวฯ ยทา ปน ขีณาสวสฺส ภิกฺขุโน อมูลิกาย สีลวิปตฺติยา อนุทฺธํสิตสฺส สติวินยํ ยาจมานสฺส สโงฺฆ ญตฺติจตุเตฺถน กเมฺมน สติวินยํ เทติ, ตทา สมฺมุขาวินเยน จ สติวินเยน จ วูปสนฺตํ โหติ, ทิเนฺน ปน สติวินเย ปุน ตสฺมิํ ปุคฺคเล กสฺสจิ อนุวาโท น รุหติฯ ยทา อุมฺมตฺตโก ภิกฺขุ อุมฺมาทวเสน คเต อสฺสามณเก อชฺฌาจาเร ‘‘สรตายสฺมา เอวรูปิํ อาปตฺติ’’นฺติ ภิกฺขูหิ โจทิยมาโน ‘‘อุมฺมตฺตเกน เม, อาวุโส, เอตํ กตํ, นาหํ ตํ สรามี’’ติ ภณโนฺตปิ ภิกฺขูหิ โจทิยมาโนว ปุน อโจทนตฺถาย อมูฬฺหวินยํ ยาจติ, สโงฺฆ จสฺส ญตฺติจตุเตฺถน กเมฺมน อมูฬฺหวินยํ เทติฯ ตทา สมฺมุขาวินเยน จ อมูฬฺหวินเยน จ วูปสนฺตํ โหติ, ทิเนฺน ปน อมูฬฺหวินเย ปุน ตสฺมิํ ปุคฺคเล กสฺสจิ ตปฺปจฺจยา อนุวาโท น รุหติฯ

    Anuvādādhikaraṇaṃ (cūḷava. 236) catūhi samathehi sammati sammukhāvinayena ca sativinayena ca amūḷhavinayena ca tassapāpiyasikāya ca. Sammukhāvinayeneva sammamānaṃ yo ca anuvadati, yañca anuvadati, tesaṃ vacanaṃ sutvā sace kāci āpatti natthi, ubho khamāpetvā, sace atthi, ‘‘ayaṃ nāmettha āpattī’’ti evaṃ vinicchitaṃ vūpasammati, tattha sammukhāvinayalakkhaṇaṃ vuttanayameva. Yadā pana khīṇāsavassa bhikkhuno amūlikāya sīlavipattiyā anuddhaṃsitassa sativinayaṃ yācamānassa saṅgho ñatticatutthena kammena sativinayaṃ deti, tadā sammukhāvinayena ca sativinayena ca vūpasantaṃ hoti, dinne pana sativinaye puna tasmiṃ puggale kassaci anuvādo na ruhati. Yadā ummattako bhikkhu ummādavasena gate assāmaṇake ajjhācāre ‘‘saratāyasmā evarūpiṃ āpatti’’nti bhikkhūhi codiyamāno ‘‘ummattakena me, āvuso, etaṃ kataṃ, nāhaṃ taṃ sarāmī’’ti bhaṇantopi bhikkhūhi codiyamānova puna acodanatthāya amūḷhavinayaṃ yācati, saṅgho cassa ñatticatutthena kammena amūḷhavinayaṃ deti. Tadā sammukhāvinayena ca amūḷhavinayena ca vūpasantaṃ hoti, dinne pana amūḷhavinaye puna tasmiṃ puggale kassaci tappaccayā anuvādo na ruhati.

    ยทา ปน ปาราชิเกน วา ปาราชิกสามเนฺตน วา โจทิยมานสฺส อเญฺญนญฺญํ ปฎิจรโต ปาปุสฺสนฺนตาย ปาปิยสฺส ปุคฺคลสฺส ‘‘สจายํ อจฺฉินฺนมูโล ภวิสฺสติ, สมฺมา วตฺติตฺวา โอสารณํ ลภิสฺสติ, สเจ ฉินฺนมูโล, สยเมวสฺส นาสนา ภวิสฺสตี’’ติ มญฺญมาโน สโงฺฆ ญตฺติจตุเตฺถน กเมฺมน ตสฺสปาปิยสิกํ กมฺมํ กโรติ, ตทา สมฺมุขาวินเยน จ ตสฺสปาปิยสิกาย จ วูปสนฺตํ โหติ, เอวํ อนุวาทาธิกรณํ จตูหิ สมเถหิ สมฺมติฯ

    Yadā pana pārājikena vā pārājikasāmantena vā codiyamānassa aññenaññaṃ paṭicarato pāpussannatāya pāpiyassa puggalassa ‘‘sacāyaṃ acchinnamūlo bhavissati, sammā vattitvā osāraṇaṃ labhissati, sace chinnamūlo, sayamevassa nāsanā bhavissatī’’ti maññamāno saṅgho ñatticatutthena kammena tassapāpiyasikaṃ kammaṃ karoti, tadā sammukhāvinayena ca tassapāpiyasikāya ca vūpasantaṃ hoti, evaṃ anuvādādhikaraṇaṃ catūhi samathehi sammati.

    อาปตฺตาธิกรณํ (จูฬว. ๒๓๙) ตีหิ สมเถหิ สมฺมติ สมฺมุขาวินเยน จ ปฎิญฺญาตกรเณน จ ติณวตฺถารเกน จฯ ตสฺส สมฺมุขาวินเยเนว วูปสโม นตฺถิ, ยทา ปน เอกสฺส วา ภิกฺขุโน, นิสฺสคฺคิยวณฺณนายํ วุตฺตนเยน สงฺฆคณมเชฺฌสุ วา ภิกฺขุ ลหุกํ อาปตฺติํ เทเสติ, ตทา อาปตฺตาธิกรณํ สมฺมุขาวินเยน จ ปฎิญฺญาตกรเณน จ วูปสมฺมติฯ ตตฺถ สมฺมุขาวินเย ตาว โย จ เทเสติ, ยสฺส จ เทเสติ, เตสํ สมฺมุขีภาโว ปุคฺคลสมฺมุขตา, เสสํ วุตฺตนยเมวฯ ปุคฺคลสฺส จ คณสฺส จ เทสนากาเล สงฺฆสมฺมุขตา ปริหายติฯ

    Āpattādhikaraṇaṃ (cūḷava. 239) tīhi samathehi sammati sammukhāvinayena ca paṭiññātakaraṇena ca tiṇavatthārakena ca. Tassa sammukhāvinayeneva vūpasamo natthi, yadā pana ekassa vā bhikkhuno, nissaggiyavaṇṇanāyaṃ vuttanayena saṅghagaṇamajjhesu vā bhikkhu lahukaṃ āpattiṃ deseti, tadā āpattādhikaraṇaṃ sammukhāvinayena ca paṭiññātakaraṇena ca vūpasammati. Tattha sammukhāvinaye tāva yo ca deseti, yassa ca deseti, tesaṃ sammukhībhāvo puggalasammukhatā, sesaṃ vuttanayameva. Puggalassa ca gaṇassa ca desanākāle saṅghasammukhatā parihāyati.

    ยา ปเนตฺถ ‘‘อหํ, ภเนฺต, อิตฺถนฺนามํ อาปตฺติํ อาปโนฺน’’ติ จ, ‘‘ปสฺสสี’’ติ, ‘‘อาม ปสฺสามี’’ติ จ ปฎิญฺญา, ตาย ‘‘อายติํ สํวเรยฺยาสี’’ติ กรณํ ปฎิญฺญาตกรณํ นามฯ สงฺฆาทิเสเส ปริวาสาทิยาจนา ปฎิญฺญา, ปริวาสาทีนํ ทานํ ปฎิญฺญาตกรณํ นามฯ เทฺวปกฺขชาตา ปน ภณฺฑนการกา ภิกฺขู พหุํ อสฺสามณกํ อชฺฌาจารํ จริตฺวา ปุน ลชฺชิธเมฺม อุปฺปเนฺน ‘‘สเจ มยํ อิมาหิ อาปตฺตีหิ อญฺญมญฺญํ กริสฺสาม, สิยาปิ ตํ อธิกรณํ กกฺขฬตฺถาย วาฬตฺถาย สํวเตฺตยฺยา’’ติ อญฺญมญฺญํ อาปตฺติยา การาปเน โทสํ ทิสฺวา ยทา ติณวตฺถารกกมฺมํ กโรนฺติ, ตทา อาปตฺตาธิกรณํ สมฺมุขาวินเยน จ ติณวตฺถารเกน จ สมฺมติฯ ตตฺร หิ ยตฺตกา หตฺถปาสูปคตา ‘‘น เมตํ ขมตี’’ติ เอวํ ทิฎฺฐาวิกมฺมํ อกตฺวา นิทฺทมฺปิ โอกฺกมนฺตา โหนฺติ, สเพฺพสํ ฐเปตฺวา ถุลฺลวชฺชญฺจ คิหิปฺปฎิสํยุตฺตญฺจ สพฺพาปตฺติโย วุฎฺฐหนฺติ, เอวํ อาปตฺตาธิกรณํ ตีหิ สมเถหิ สมฺมติฯ

    Yā panettha ‘‘ahaṃ, bhante, itthannāmaṃ āpattiṃ āpanno’’ti ca, ‘‘passasī’’ti, ‘‘āma passāmī’’ti ca paṭiññā, tāya ‘‘āyatiṃ saṃvareyyāsī’’ti karaṇaṃ paṭiññātakaraṇaṃ nāma. Saṅghādisese parivāsādiyācanā paṭiññā, parivāsādīnaṃ dānaṃ paṭiññātakaraṇaṃ nāma. Dvepakkhajātā pana bhaṇḍanakārakā bhikkhū bahuṃ assāmaṇakaṃ ajjhācāraṃ caritvā puna lajjidhamme uppanne ‘‘sace mayaṃ imāhi āpattīhi aññamaññaṃ karissāma, siyāpi taṃ adhikaraṇaṃ kakkhaḷatthāya vāḷatthāya saṃvatteyyā’’ti aññamaññaṃ āpattiyā kārāpane dosaṃ disvā yadā tiṇavatthārakakammaṃ karonti, tadā āpattādhikaraṇaṃ sammukhāvinayena ca tiṇavatthārakena ca sammati. Tatra hi yattakā hatthapāsūpagatā ‘‘na metaṃ khamatī’’ti evaṃ diṭṭhāvikammaṃ akatvā niddampi okkamantā honti, sabbesaṃ ṭhapetvā thullavajjañca gihippaṭisaṃyuttañca sabbāpattiyo vuṭṭhahanti, evaṃ āpattādhikaraṇaṃ tīhi samathehi sammati.

    กิจฺจาธิกรณํ (จูฬว. ๒๔๒) เอเกน สมเถน สมฺมติ สมฺมุขาวินเยเนวฯ อิติ อิมานิ จตฺตาริ อธิกรณานิ ยถานุรูปํ อิเมหิ สตฺตหิ สมเถหิ สมฺมนฺติ, เตน วุตฺตํ ‘‘อุปฺปนฺนุปฺปนฺนานํ อธิกรณานํ สมถาย วูปสมาย สมฺมุขาวินโย ทาตโพฺพ…เป.… ติณวตฺถารโก’’ติฯ อยเมตฺถ วินิจฺฉยนโย, วิตฺถาโร ปน สมถกฺขนฺธเก อาคโตเยว, วินิจฺฉโยปิสฺส สมนฺตปาสาทิกายํ วุโตฺตฯ

    Kiccādhikaraṇaṃ (cūḷava. 242) ekena samathena sammati sammukhāvinayeneva. Iti imāni cattāri adhikaraṇāni yathānurūpaṃ imehi sattahi samathehi sammanti, tena vuttaṃ ‘‘uppannuppannānaṃ adhikaraṇānaṃ samathāya vūpasamāya sammukhāvinayo dātabbo…pe… tiṇavatthārako’’ti. Ayamettha vinicchayanayo, vitthāro pana samathakkhandhake āgatoyeva, vinicchayopissa samantapāsādikāyaṃ vutto.

    ตตฺถายสฺมเนฺต ปุจฺฉามิ, กจฺจิตฺถ ปริสุทฺธาติ เตสุ สตฺตสุ อธิกรณสมเถสุ กจฺจิตฺถ ปริสุทฺธา, นตฺถิ โว กิญฺจิ สมเถหิ วูปสเมตพฺพนฺติ ปุจฺฉามิ, เอเตน สพฺพาปตฺตีหิ ปริสุทฺธภาโว ปุจฺฉิโต โหติฯ

    Tatthāyasmante pucchāmi, kaccittha parisuddhāti tesu sattasu adhikaraṇasamathesu kaccittha parisuddhā, natthi vo kiñci samathehi vūpasametabbanti pucchāmi, etena sabbāpattīhi parisuddhabhāvo pucchito hoti.

    อุทฺทิฎฺฐํ โข อายสฺมโนฺต นิทานนฺติอาทิ นิคมนวจนํฯ ตตฺถ เอตฺตกนฺติ เอตฺตกํ สิกฺขาปทํฯ สุตฺตาคตนฺติ สุเตฺต ปาติโมเกฺข อาคตํฯ สุตฺตปริยาปนฺนนฺติ ตเตฺถว อโนฺตคธํฯ อนฺวทฺธมาสํ อุเทฺทสํ อาคจฺฉตีติ อทฺธมาเส อทฺธมาเส อุโปสถวเสน อุทฺทิสิตพฺพตํ อาคจฺฉติฯ สมเคฺคหีติ กายสามคฺคิวเสน สมเคฺคหิฯ สโมฺมทมาเนหีติ จิตฺตสามคฺคิวเสน เอกชฺฌาสยตาย สุฎฺฐุ โมทมาเนหิฯ อวิวทมาเนหีติ อฎฺฐารสสุ วิวาทวตฺถูสุ อญฺญตรวเสนาปิ อวิวทมาเนหิฯ สิกฺขิตพฺพนฺติ ตํ ตํ สิกฺขาปทํ อวีติกฺกมเนฺตหิ อธิสีลสิกฺขา สมฺปาเทตพฺพาฯ อนฺตรนฺตรา ปน ยํ น วุตฺตํ, ตํ สพฺพํ ปุริเม ปุริเม สิกฺขาปเท วุตฺตตฺตา เจว อุตฺตานตฺถตฺตา จาติฯ

    Uddiṭṭhaṃ kho āyasmanto nidānantiādi nigamanavacanaṃ. Tattha ettakanti ettakaṃ sikkhāpadaṃ. Suttāgatanti sutte pātimokkhe āgataṃ. Suttapariyāpannanti tattheva antogadhaṃ. Anvaddhamāsaṃ uddesaṃ āgacchatīti addhamāse addhamāse uposathavasena uddisitabbataṃ āgacchati. Samaggehīti kāyasāmaggivasena samaggehi. Sammodamānehīti cittasāmaggivasena ekajjhāsayatāya suṭṭhu modamānehi. Avivadamānehīti aṭṭhārasasu vivādavatthūsu aññataravasenāpi avivadamānehi. Sikkhitabbanti taṃ taṃ sikkhāpadaṃ avītikkamantehi adhisīlasikkhā sampādetabbā. Antarantarā pana yaṃ na vuttaṃ, taṃ sabbaṃ purime purime sikkhāpade vuttattā ceva uttānatthattā cāti.

    อธิกรณสมถวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Adhikaraṇasamathavaṇṇanā niṭṭhitā.

    กงฺขาวิตรณิยา ปาติโมกฺขวณฺณนาย

    Kaṅkhāvitaraṇiyā pātimokkhavaṇṇanāya

    ภิกฺขุปาติโมกฺขวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Bhikkhupātimokkhavaṇṇanā niṭṭhitā.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact