Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วินยวินิจฺฉย-ฎีกา • Vinayavinicchaya-ṭīkā

    เสขิยกถาวณฺณนา

    Sekhiyakathāvaṇṇanā

    ๑๘๗๐. เอวํ ปาฎิเทสนียวินิจฺฉยํ ทเสฺสตฺวา ตทนนฺตรํ อุทฺทิฎฺฐานํ เสขิยานํ วินิจฺฉยํ ทเสฺสตุมาห ‘‘โย อนาทริเยเนวา’’ติอาทิฯ โยติ เถโร วา นโว วา มชฺฌิโม วาฯ เอตฺถ อนาทริยํ นาม สญฺจิจฺจ อาปตฺติอาปชฺชนํ, นิวาสนาทิวตฺถสฺส อุคฺคหเณ นิรุสฺสาหญฺจฯ ปจฺฉโตปิ วาติ เอตฺถ วา-สเทฺทน ‘‘ปสฺสโตปิ วา’’ติ อิทํ สงฺคณฺหาติฯ ตสฺส จาติ เอตฺถ -สโทฺท วกฺขมานสมุจฺจโยฯ

    1870. Evaṃ pāṭidesanīyavinicchayaṃ dassetvā tadanantaraṃ uddiṭṭhānaṃ sekhiyānaṃ vinicchayaṃ dassetumāha ‘‘yo anādariyenevā’’tiādi. Yoti thero vā navo vā majjhimo vā. Ettha anādariyaṃ nāma sañcicca āpattiāpajjanaṃ, nivāsanādivatthassa uggahaṇe nirussāhañca. Pacchatopi vāti ettha -saddena ‘‘passatopi vā’’ti idaṃ saṅgaṇhāti. Tassa cāti ettha ca-saddo vakkhamānasamuccayo.

    ๑๘๗๑. น เกวลํ วุตฺตนเยน นิวาเสนฺตเสฺสว โหติ, ขนฺธกาคตหตฺถิโสณฺฑาทิอากาเรนาปิ นิวาเสนฺตสฺส ทุกฺกฎํ โหตีติ อาห ‘‘หตฺถิโสณฺฑาที’’ติอาทิฯ หตฺถิโสณฺฑาทินิวาสนํ ปรโต ขุทฺทกวตฺถุกฺขนฺธเก (จูฬว. ๒๘๐) อาวิ ภวิสฺสติฯ ปริมณฺฑลนฺติ สมนฺตโต มณฺฑลํ กตฺวาฯ วตฺถพฺพนฺติ นิวตฺถพฺพํ นิวาเสตพฺพนฺติ อโตฺถฯ

    1871. Na kevalaṃ vuttanayena nivāsentasseva hoti, khandhakāgatahatthisoṇḍādiākārenāpi nivāsentassa dukkaṭaṃ hotīti āha ‘‘hatthisoṇḍādī’’tiādi. Hatthisoṇḍādinivāsanaṃ parato khuddakavatthukkhandhake (cūḷava. 280) āvi bhavissati. Parimaṇḍalanti samantato maṇḍalaṃ katvā. Vatthabbanti nivatthabbaṃ nivāsetabbanti attho.

    ๑๘๗๒. ชาณุมณฺฑลโต เหฎฺฐาติ เอตฺถ ‘‘ชงฺฆฎฺฐิสีสโต ปฎฺฐายา’’ติ เสโสฯ อฎฺฐงฺคุลปฺปมาณกนฺติ วฑฺฒกิองฺคุเลน อฎฺฐงฺคุลมตฺตนฺติ อาจริยาฯ ‘‘โย ปน สุกฺขชโงฺฆ วา มหาปิณฺฑิกมํโส วา โหติ, ตสฺส สารุปฺปตฺถาย ชาณุมณฺฑลโต อฎฺฐงฺคุลาธิกมฺปิ โอตาเรตฺวา นิวาเสตุํ วฎฺฎตี’’ติ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๕๗๖) อฎฺฐกถํ สงฺคณฺหิตุมาห ‘‘ตโต อูนํ น วฎฺฎตี’’ติฯ

    1872.Jāṇumaṇḍalatoheṭṭhāti ettha ‘‘jaṅghaṭṭhisīsato paṭṭhāyā’’ti seso. Aṭṭhaṅgulappamāṇakanti vaḍḍhakiaṅgulena aṭṭhaṅgulamattanti ācariyā. ‘‘Yo pana sukkhajaṅgho vā mahāpiṇḍikamaṃso vā hoti, tassa sāruppatthāya jāṇumaṇḍalato aṭṭhaṅgulādhikampi otāretvā nivāsetuṃ vaṭṭatī’’ti (pāci. aṭṭha. 576) aṭṭhakathaṃ saṅgaṇhitumāha ‘‘tato ūnaṃ na vaṭṭatī’’ti.

    ๑๘๗๓. อสญฺจิจฺจ อปริมณฺฑลํ นิวาเสนฺตสฺส อนาปตฺตีติ โยชนาฯ เอวมุปริปิฯ อสญฺจิจฺจาติ ‘‘อปริมณฺฑลํ นิวาเสสฺสามี’’ติ เอวํ อสญฺจิจฺจ, อถ โข ‘‘ปริมณฺฑลํเยว นิวาเสสฺสามี’’ติ วิรชฺฌิตฺวา อปริมณฺฑลํ นิวาเสนฺตสฺส อนาปตฺติฯ อสติสฺสาปีติ อญฺญวิหิตสฺสาปิ ตถา นิวาเสนฺตสฺส อนาปตฺติฯ อชานนฺตสฺสาติ เกวลํ ปริมณฺฑลํ นิวาเสตุํ อชานนฺตสฺส อนาปตฺติฯ อปิจ นิวาสนวตฺตํ อุคฺคเหตพฺพํฯ อุคฺคหิตวโตฺตปิ สเจ ‘‘อารุฬฺห’’นฺติ วา ‘‘โอรุฬฺห’’นฺติ วา น ชานาติ, ตสฺสาปิ อนาปตฺติเยวฯ คิลานสฺสาติ ยสฺส ชงฺฆาย วา ปาเท วา วโณ โหติ, ตสฺส อุกฺขิปิตฺวา วา โอตาเรตฺวา วา นิวาเสนฺตสฺส อนาปตฺติฯ ปาโทติ เจตฺถ ปาทสมีปํ อธิเปฺปตํฯ อาปทาสูติ วาฬา วา โจรา วา อนุพนฺธนฺติ, เอวรูปาสุ อาปทาสุ อนาปตฺติฯ

    1873. Asañcicca aparimaṇḍalaṃ nivāsentassa anāpattīti yojanā. Evamuparipi. Asañciccāti ‘‘aparimaṇḍalaṃ nivāsessāmī’’ti evaṃ asañcicca, atha kho ‘‘parimaṇḍalaṃyeva nivāsessāmī’’ti virajjhitvā aparimaṇḍalaṃ nivāsentassa anāpatti. Asatissāpīti aññavihitassāpi tathā nivāsentassa anāpatti. Ajānantassāti kevalaṃ parimaṇḍalaṃ nivāsetuṃ ajānantassa anāpatti. Apica nivāsanavattaṃ uggahetabbaṃ. Uggahitavattopi sace ‘‘āruḷha’’nti vā ‘‘oruḷha’’nti vā na jānāti, tassāpi anāpattiyeva. Gilānassāti yassa jaṅghāya vā pāde vā vaṇo hoti, tassa ukkhipitvā vā otāretvā vā nivāsentassa anāpatti. Pādoti cettha pādasamīpaṃ adhippetaṃ. Āpadāsūti vāḷā vā corā vā anubandhanti, evarūpāsu āpadāsu anāpatti.

    ปริมณฺฑลกถาวณฺณนาฯ

    Parimaṇḍalakathāvaṇṇanā.

    ๑๘๗๔. อุโภ โกเณ สมํ กตฺวาติ ปารุปนสฺส เอกํเส กตสฺส ปิฎฺฐิปเสฺส, อุทรปเสฺส จ โอลมฺพมาเน อุโภ กเณฺณ หตฺถิปิเฎฺฐ คณฺฑา วิย สมํ กตฺวาฯ ปริมณฺฑลํ กตฺวาติ เอตเสฺสว อตฺถปทํฯ สาทรนฺติ ภาวนปุํสกนิเทฺทโสฯ สาทรํ วา ปารุปิตพฺพนฺติ โยชนา, สาทรํ ปารุปนํ กตฺตพฺพนฺติ อโตฺถฯ เอวํ อกโรนฺตสฺสาติ ปารุปนวเตฺต อาทรํ ชเนตฺวา เอวํ อปารุปนฺตสฺสฯ

    1874.Ubho koṇe samaṃ katvāti pārupanassa ekaṃse katassa piṭṭhipasse, udarapasse ca olambamāne ubho kaṇṇe hatthipiṭṭhe gaṇḍā viya samaṃ katvā. Parimaṇḍalaṃ katvāti etasseva atthapadaṃ. Sādaranti bhāvanapuṃsakaniddeso. Sādaraṃ vā pārupitabbanti yojanā, sādaraṃ pārupanaṃ kattabbanti attho. Evaṃ akarontassāti pārupanavatte ādaraṃ janetvā evaṃ apārupantassa.

    ๑๘๗๕. ‘‘ปริมณฺฑลํ นิวาเสสฺสามีติ สิกฺขา กรณียา’’ติ (ปาจิ. ๕๗๖) วา ‘‘ปริมณฺฑลํ ปารุปิสฺสามีติ สิกฺขา กรณียา’’ติ (ปาจิ. ๕๗๗) วา ‘‘อนฺตรฆเร’’ติ อวิเสเสตฺวา วุตฺตตฺตา อาห ‘‘อวิเสเสน วุตฺต’’นฺติฯ อิทํ สิกฺขาปททฺวยํ ยสฺมา อวิเสเสน วุตฺตํ, ตสฺมา ฆเร, วิหาเร วา กาตพฺพํ ปริมณฺฑลนฺติ โยชนาฯ ฆเรติ อนฺตรฆเรฯ วิหาเร วาติ พุทฺธุปฎฺฐานาทิกาลํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ปริมณฺฑลํ กตฺตพฺพนฺติ ปริมณฺฑลเมว นิวาเสตพฺพํ ปารุปิตพฺพนฺติ อโตฺถฯ

    1875. ‘‘Parimaṇḍalaṃ nivāsessāmīti sikkhā karaṇīyā’’ti (pāci. 576) vā ‘‘parimaṇḍalaṃ pārupissāmīti sikkhā karaṇīyā’’ti (pāci. 577) vā ‘‘antaraghare’’ti avisesetvā vuttattā āha ‘‘avisesena vutta’’nti. Idaṃ sikkhāpadadvayaṃ yasmā avisesena vuttaṃ, tasmā ghare, vihāre vā kātabbaṃ parimaṇḍalanti yojanā. Ghareti antaraghare. Vihāre vāti buddhupaṭṭhānādikālaṃ sandhāya vuttaṃ. Parimaṇḍalaṃ kattabbanti parimaṇḍalameva nivāsetabbaṃ pārupitabbanti attho.

    ทุติยํฯ

    Dutiyaṃ.

    ๑๘๗๖. อุโภ โกเณ สมํ กตฺวาติ สมฺพโนฺธฯ คีวเมว จ อนุวาเตน ฉาเทตฺวาติ โยชนาฯ

    1876. Ubho koṇe samaṃ katvāti sambandho. Gīvameva ca anuvātena chādetvāti yojanā.

    ๑๘๗๗. ตถา อกตฺวาติ ยถาวุตฺตวิธานํ อกตฺวาฯ ชตฺตูนิปีติ อุโภ อํสกูฎานิปิฯ อุรมฺปิ จาติ หทยมฺปิฯ วิวริตฺวาติ อปฺปฎิจฺฉาเทตฺวาฯ ยถากามนฺติ อิจฺฉานุรูปํฯ คจฺฉโตติ เอตฺถ ‘‘อนฺตรฆเร’’ติ เสโสฯ อนฺตรฆรํ นาม คาเม วา โหตุ วิหาเร วา, ปจิตฺวา ภุญฺชิตฺวา คิหีนํ วสนฎฺฐานํฯ

    1877.Tathā akatvāti yathāvuttavidhānaṃ akatvā. Jattūnipīti ubho aṃsakūṭānipi. Urampi cāti hadayampi. Vivaritvāti appaṭicchādetvā. Yathākāmanti icchānurūpaṃ. Gacchatoti ettha ‘‘antaraghare’’ti seso. Antaragharaṃ nāma gāme vā hotu vihāre vā, pacitvā bhuñjitvā gihīnaṃ vasanaṭṭhānaṃ.

    ตติยํฯ

    Tatiyaṃ.

    ๑๘๗๘-๙. ‘‘มณิพนฺธโต’’ติ อิมินาปิ ‘‘เหฎฺฐา’’ติ โยเชตพฺพํฯ วาสูปคสฺสาติ เอตฺถ ‘‘กายํ วิวริตฺวา นิสีทโต’’ติ เสโสฯ วาสูปโค นาม รตฺติวาสตฺถาย อุปคโต, เอเตน วาสตฺถาย อนฺตรฆรํ อุปคจฺฉเนฺตน สุปฺปฎิจฺฉเนฺนเนว อุปคนฺตพฺพนฺติ ทีปิตํ โหติ, เอเตเนว วาสูปคตสฺส สนฺติกํ อุปคตสฺส ยถากามํ คมเน น โทโสติ จ วุตฺตเมว โหติฯ เตนาห คณฺฐิปเท ‘‘เอกทิวสมฺปิ วาสูปคตสฺส สนฺติกํ ยถาสุขํ คนฺตุํ วฎฺฎติ, โก ปน วาโท จตุปญฺจาหํ วาสมธิฎฺฐาย วสิตภิกฺขูนํ สนฺติก’’นฺติฯ

    1878-9.‘‘Maṇibandhato’’ti imināpi ‘‘heṭṭhā’’ti yojetabbaṃ. Vāsūpagassāti ettha ‘‘kāyaṃ vivaritvā nisīdato’’ti seso. Vāsūpago nāma rattivāsatthāya upagato, etena vāsatthāya antaragharaṃ upagacchantena suppaṭicchanneneva upagantabbanti dīpitaṃ hoti, eteneva vāsūpagatassa santikaṃ upagatassa yathākāmaṃ gamane na dosoti ca vuttameva hoti. Tenāha gaṇṭhipade ‘‘ekadivasampi vāsūpagatassa santikaṃ yathāsukhaṃ gantuṃ vaṭṭati, ko pana vādo catupañcāhaṃ vāsamadhiṭṭhāya vasitabhikkhūnaṃ santika’’nti.

    จตุตฺถํฯ

    Catutthaṃ.

    ๑๘๘๐. สุวินีเตนาติ หตฺถปาทานํ อกีฬาปเนเนว สุฎฺฐุ วินีเตนฯ

    1880.Suvinītenāti hatthapādānaṃ akīḷāpaneneva suṭṭhu vinītena.

    ปญฺจมํฯ

    Pañcamaṃ.

    ๑๘๘๑. คาถาพนฺธวเสน ‘‘สตีมตา’’ติ ทีโฆ กโตฯ อวิกาเรนาติ ตํตทวโลกาสหิเตน ฯ ยุคํ มตฺตา ปมาณํ เอตสฺสาติ ยุคมตฺตํ, รถยุคํ จตุหตฺถปฺปมาณํ, ตตฺตกํ ปเทสํฯ เปกฺขินาติ โอโลเกเนฺตนฯ ‘‘ภิกฺขุนา โอกฺขิตฺตจกฺขุนา’’ติ ปทเจฺฉโทฯ

    1881. Gāthābandhavasena ‘‘satīmatā’’ti dīgho kato. Avikārenāti taṃtadavalokāsahitena . Yugaṃ mattā pamāṇaṃ etassāti yugamattaṃ, rathayugaṃ catuhatthappamāṇaṃ, tattakaṃ padesaṃ. Pekkhināti olokentena. ‘‘Bhikkhunā okkhittacakkhunā’’ti padacchedo.

    ๑๘๘๒. อนฺตรฆเร ยตฺถ กตฺถจิปิ เอกสฺมิมฺปิ ฐาเน ฐตฺวาติ โยชนาฯ เอวํ วุเตฺตปิ ตถารูเป อนฺตราเย สติ คจฺฉโตปิ โอโลเกตุํ ลพฺภติฯ เอกสฺมิํ ปน ฐาเน ฐตฺวาติ เอตฺถ คจฺฉโนฺตปิ ปริสฺสยาภาวํ โอโลเกตุํ ลพฺภติเยวฯ ‘‘ตถา คาเม ปูช’’นฺติ คณฺฐิปเทสุ วุตฺตํฯ ปิ-สโทฺท ปน-สทฺทโตฺถ, โอโลเกตุํ ปน วฎฺฎตีติ วุตฺตํ โหติฯ

    1882. Antaraghare yattha katthacipi ekasmimpi ṭhāne ṭhatvāti yojanā. Evaṃ vuttepi tathārūpe antarāye sati gacchatopi oloketuṃ labbhati. Ekasmiṃ pana ṭhāne ṭhatvāti ettha gacchantopi parissayābhāvaṃ oloketuṃ labbhatiyeva. ‘‘Tathā gāme pūja’’nti gaṇṭhipadesu vuttaṃ. Pi-saddo pana-saddattho, oloketuṃ pana vaṭṭatīti vuttaṃ hoti.

    ๑๘๘๓. โอโลเกโนฺต ตหํ ตหนฺติ โย อนาทริยํ ปฎิจฺจ ตํ ตํ ทิสาภาคํ ปาสาทํ กูฎาคารํ วีถิํ โอโลเกโนฺตฯ

    1883.Olokento tahaṃ tahanti yo anādariyaṃ paṭicca taṃ taṃ disābhāgaṃ pāsādaṃ kūṭāgāraṃ vīthiṃ olokento.

    สตฺตมํฯ

    Sattamaṃ.

    ๑๘๘๔. เอกโต วาปีติ เอกอํสกูฎโต วาฯ อุภโต วาปีติ อุภยํสกูฎโต วาฯ อินฺทขีลกโต อโนฺตติ คามทฺวารินฺทขีลโต อโนฺต, ฆเรติ วุตฺตํ โหติฯ

    1884.Ekatovāpīti ekaaṃsakūṭato vā. Ubhato vāpīti ubhayaṃsakūṭato vā. Indakhīlakato antoti gāmadvārindakhīlato anto, ghareti vuttaṃ hoti.

    นวมํฯ

    Navamaṃ.

    ๑๘๘๕. ตถา นิสินฺนกาเลปีติ อินฺทขีลสฺส อโนฺต นิสินฺนกาเลปิฯ กุณฺฑิกํ นีหรเนฺตน จ จีวรํ อนุกฺขิปิตฺวา ทาตพฺพา กุณฺฑิกาติ โยชนาฯ กุณฺฑิกนฺติ จ อุปลกฺขณมตฺตํฯ ธมฺมกรณาทีสุปิ เอเสว นโยฯ

    1885.Tathā nisinnakālepīti indakhīlassa anto nisinnakālepi. Kuṇḍikaṃ nīharantena ca cīvaraṃ anukkhipitvā dātabbā kuṇḍikāti yojanā. Kuṇḍikanti ca upalakkhaṇamattaṃ. Dhammakaraṇādīsupi eseva nayo.

    ทสมํฯ

    Dasamaṃ.

    ปฐโม วโคฺคฯ

    Paṭhamo vaggo.

    ๑๘๘๖. คนฺตุเญฺจว นิสีทิตุญฺจ น วฎฺฎตีติ โยชนาฯ -สโทฺท กิริยาสมุจฺจโยฯ หสนียสฺมิํ วตฺถุสฺมินฺติ หาสชนเก การเณฯ สิตมตฺตนฺติ มนฺทหาสํฯ

    1886. Gantuñceva nisīdituñca na vaṭṭatīti yojanā. Ca-saddo kiriyāsamuccayo. Hasanīyasmiṃ vatthusminti hāsajanake kāraṇe. Sitamattanti mandahāsaṃ.

    ปฐมทุติยานิฯ

    Paṭhamadutiyāni.

    ๑๘๘๗. อปฺปสเทฺทนาติ ‘‘กิตฺตาวตา อปฺปสโทฺท โหติ? ทฺวาทสหเตฺถ เคเห อาทิมฺหิ สงฺฆเตฺถโร, มเชฺฌ ทุติยเตฺถโร, อเนฺต ตติยเตฺถโรติ เอวํ นิสิเนฺนสุยํ สงฺฆเตฺถโร ทุติยเตฺถเรน สทฺธิํ มเนฺตติ, ทุติยเตฺถโร ตสฺส สทฺทเญฺจว สุณาติ, กถญฺจ ววตฺถเปติฯ ตติยเตฺถโร ปน สทฺทเมว สุณาติ, กถํ น ววตฺถเปติฯ เอตฺตาวตา อปฺปสโทฺท โหตี’’ติ (ปาจิ. ๕๘๘) วุตฺตอปฺปสทฺทยุเตฺตนฯ สเจ ปน ตติยเตฺถโร กถญฺจ ววตฺถเปติ, มหาสโทฺท นาม โหตีติฯ

    1887.Appasaddenāti ‘‘kittāvatā appasaddo hoti? Dvādasahatthe gehe ādimhi saṅghatthero, majjhe dutiyatthero, ante tatiyattheroti evaṃ nisinnesuyaṃ saṅghatthero dutiyattherena saddhiṃ manteti, dutiyatthero tassa saddañceva suṇāti, kathañca vavatthapeti. Tatiyatthero pana saddameva suṇāti, kathaṃ na vavatthapeti. Ettāvatā appasaddo hotī’’ti (pāci. 588) vuttaappasaddayuttena. Sace pana tatiyatthero kathañca vavatthapeti, mahāsaddo nāma hotīti.

    ตติยํฯ

    Tatiyaṃ.

    ๑๘๘๘. กายปฺปจาลกํ กตฺวาติ กายํ จาเลตฺวา จาเลตฺวาฯ อุปริปิ เอเสว นโยฯ หตฺถสฺส วุตฺตลกฺขณตฺตา ‘‘พาหู’’ติ มณิพนฺธโต ยาว อํสกูฎา คเหตพฺพาฯ

    1888.Kāyappacālakaṃ katvāti kāyaṃ cāletvā cāletvā. Uparipi eseva nayo. Hatthassa vuttalakkhaṇattā ‘‘bāhū’’ti maṇibandhato yāva aṃsakūṭā gahetabbā.

    ๑๘๘๙. อุชุํ ปคฺคเหตฺวาติ อุชุํ ฐเปตฺวาฯ อาสิตพฺพนฺติ นิสีทิตพฺพํฯ ‘‘สเมน อิริยาปเถน ตู’’ติ ปทเจฺฉโทฯ

    1889.Ujuṃ paggahetvāti ujuṃ ṭhapetvā. Āsitabbanti nisīditabbaṃ. ‘‘Samena iriyāpathena tū’’ti padacchedo.

    ๑๘๙๐. อิตฺถมฺภูเต กรณวจนํฯ คมนปฎิสํยุเตฺตสุ สิกฺขาปเทสุ คมนสฺส อสมฺภโวติ อาห ‘‘นิสีทเนน ยุเตฺตสู’’ติฯ

    1890. Itthambhūte karaṇavacanaṃ. Gamanapaṭisaṃyuttesu sikkhāpadesu gamanassa asambhavoti āha ‘‘nisīdanena yuttesū’’ti.

    ปญฺจมฉฎฺฐสตฺตมฎฺฐมนวมานิฯ

    Pañcamachaṭṭhasattamaṭṭhamanavamāni.

    ทุติโย วโคฺคฯ

    Dutiyo vaggo.

    ๑๘๙๑. ขมฺภํ กตฺวาติ กฎิยา เอกปเสฺส วา ทฺวีสุ วา ปเสฺสสุ กปฺปรสนฺธิโต อาภุชิตฺวา หตฺถํ ฐเปตฺวาฯ ยถาห – ‘‘ขมฺภกโต นาม กฎิยํ หตฺถํ ฐเปตฺวา กตขโมฺภ’’ติ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๕๙๖)ฯ อุกฺกุฎิกาย วา คจฺฉโตติ โยชนาฯ อุกฺกุฎิกา วุจฺจติ ปณฺหิโย อุกฺขิปิตฺวา อคฺคปาเทหิ วา อคฺคปาเท อุกฺขิปิตฺวา ปณฺหีหิ เอว วา ภูมิํ ผุสนฺตสฺส คมนํฯ

    1891.Khambhaṃ katvāti kaṭiyā ekapasse vā dvīsu vā passesu kapparasandhito ābhujitvā hatthaṃ ṭhapetvā. Yathāha – ‘‘khambhakato nāma kaṭiyaṃ hatthaṃ ṭhapetvā katakhambho’’ti (pāci. aṭṭha. 596). Ukkuṭikāya vā gacchatoti yojanā. Ukkuṭikā vuccati paṇhiyo ukkhipitvā aggapādehi vā aggapāde ukkhipitvā paṇhīhi eva vā bhūmiṃ phusantassa gamanaṃ.

    ๑๘๙๒. ทุสฺสปลฺลตฺถิกายาติ อาโยคปลฺลตฺถิกายฯ อนฺตรฆเร นิสีทนฺตสฺส ตสฺส ทุกฺกฎํ โหตีติ โยชนาฯ

    1892.Dussapallatthikāyāti āyogapallatthikāya. Antaraghare nisīdantassa tassa dukkaṭaṃ hotīti yojanā.

    ๑๘๙๓. ทุติเย จาติ ‘‘น ขมฺภกโต อนฺตรฆเร นิสีทิสฺสามี’’ติ (ปาจิ. ๕๙๗) สิกฺขาปเท จฯ จตุเตฺถ จาติ ‘‘น โอคุณฺฐิโต อนฺตรฆเร นิสีทิสฺสามี’’ติ (ปาจิ. ๕๙๙) สิกฺขาปเท จฯ ฉเฎฺฐติ ‘‘น ปลฺลตฺถิกาย อนฺตรฆเร’’อิจฺจาทิ (ปาจิ. ๖๐๑) สิกฺขาปเท จฯ อิติ เอวํ สารุปฺปา สมณาจารานุจฺฉวิกา ฉพฺพีสติ สิกฺขาปทานิ ปกาสิตานิฯ

    1893.Dutiyeti ‘‘na khambhakato antaraghare nisīdissāmī’’ti (pāci. 597) sikkhāpade ca. Catutthe cāti ‘‘na oguṇṭhito antaraghare nisīdissāmī’’ti (pāci. 599) sikkhāpade ca. Chaṭṭheti ‘‘na pallatthikāya antaraghare’’iccādi (pāci. 601) sikkhāpade ca. Iti evaṃ sāruppā samaṇācārānucchavikā chabbīsati sikkhāpadāni pakāsitāni.

    ปฐมทุติยตติยจตุตฺถปญฺจมฉฎฺฐานิฯ

    Paṭhamadutiyatatiyacatutthapañcamachaṭṭhāni.

    ๑๘๙๔. วิญฺญุนา ภิกฺขุนา สกฺกจฺจํ สติยุเตฺตน, ปตฺตสญฺญินา จ หุตฺวา สมสูโปว ปิณฺฑปาโต คเหตโพฺพติ โยชนาฯ เอวํ เอตาย คาถาย สิกฺขาปทตฺตยํ สงฺคหิตํฯ สกฺกจฺจนฺติ สติํ อุปฎฺฐเปตฺวาฯ ‘‘สติยุเตฺตนา’’ติ อิทํ ‘‘สกฺกจฺจ’’นฺติ เอตสฺส อตฺถปทํฯ ‘‘สติํ อุปฎฺฐเปตฺวา’’ติ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๖๐๒) หิ อฎฺฐกถายํ วุตฺตํฯ ปเตฺต สญฺญา ปตฺตสญฺญา, สา อสฺส อตฺถีติ ปตฺตสญฺญี, อนญฺญวิหิเตน อตฺตโน ภาชเนเยว อุปนิพทฺธสญฺญินาติ อโตฺถฯ

    1894. Viññunā bhikkhunā sakkaccaṃ satiyuttena, pattasaññinā ca hutvā samasūpova piṇḍapāto gahetabboti yojanā. Evaṃ etāya gāthāya sikkhāpadattayaṃ saṅgahitaṃ. Sakkaccanti satiṃ upaṭṭhapetvā. ‘‘Satiyuttenā’’ti idaṃ ‘‘sakkacca’’nti etassa atthapadaṃ. ‘‘Satiṃ upaṭṭhapetvā’’ti (pāci. aṭṭha. 602) hi aṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ. Patte saññā pattasaññā, sā assa atthīti pattasaññī, anaññavihitena attano bhājaneyeva upanibaddhasaññināti attho.

    ๑๘๙๕. ภตฺตจตุพฺภาโคติ ภตฺตสฺส จตุพฺภาคปฺปมาโณฯ ตโต อธิกํ คณฺหโต ทุกฺกฎํฯ

    1895.Bhattacatubbhāgoti bhattassa catubbhāgappamāṇo. Tato adhikaṃ gaṇhato dukkaṭaṃ.

    ๑๘๙๖. ‘‘รสรเส’’ติ วตฺตเพฺพ ‘‘รเสรเส’’ติ คาถาพนฺธวเสน วุตฺตํฯ เทฺว สูเป ฐเปตฺวา อวเสสานิ โอโลณิสากสูเปยฺยมจฺฉรสมํสรสาทีนิ รสรสาติ เวทิตพฺพานิฯ เอตฺถ จ ‘‘โอโลณีติ ทธิกตํ โครส’’นฺติ เกจิฯ ‘‘เอกา พฺยญฺชนวิกตี’’ติ อปเรฯ ‘‘โย โกจิ สุโทฺธ กญฺชิกตกฺกาทิรโส’’ติ อเญฺญฯ สากสูเปยฺยคฺคหเณน ยา กาจิ สูเปยฺยสาเกหิ กตา พฺยญฺชนวิกติ วุตฺตาฯ มํสรสาทีนีติ อาทิ-สเทฺทน อวเสสา สพฺพาปิ พฺยญฺชนวิกติ สงฺคหิตาติ ทฎฺฐพฺพํฯ ญาตกาทีนนฺติ เอตฺถ ‘‘สนฺตกํ คณฺหนฺตสฺสา’’ติ เสโสฯ อญฺญตฺถายาติ เอตฺถ ‘‘กตํ คณฺหนฺตสฺสา’’ติ เสโสฯ ธเนนาติ เอตฺถ ‘‘อตฺตโน’’ติ จ ‘‘กีต’’นฺติ จ ‘‘คณฺหนฺตสฺสา’’ติ จ เสโสฯ ญาตกาทีนํ สนฺตกํ คณฺหนฺตสฺส, อญฺญตฺถาย กตํ คณฺหนฺตสฺส, อตฺตโน ธเนน กีตํ คณฺหนฺตสฺส อนาปตฺตีติ อโตฺถฯ

    1896. ‘‘Rasarase’’ti vattabbe ‘‘raserase’’ti gāthābandhavasena vuttaṃ. Dve sūpe ṭhapetvā avasesāni oloṇisākasūpeyyamaccharasamaṃsarasādīni rasarasāti veditabbāni. Ettha ca ‘‘oloṇīti dadhikataṃ gorasa’’nti keci. ‘‘Ekā byañjanavikatī’’ti apare. ‘‘Yo koci suddho kañjikatakkādiraso’’ti aññe. Sākasūpeyyaggahaṇena yā kāci sūpeyyasākehi katā byañjanavikati vuttā. Maṃsarasādīnīti ādi-saddena avasesā sabbāpi byañjanavikati saṅgahitāti daṭṭhabbaṃ. Ñātakādīnanti ettha ‘‘santakaṃ gaṇhantassā’’ti seso. Aññatthāyāti ettha ‘‘kataṃ gaṇhantassā’’ti seso. Dhanenāti ettha ‘‘attano’’ti ca ‘‘kīta’’nti ca ‘‘gaṇhantassā’’ti ca seso. Ñātakādīnaṃ santakaṃ gaṇhantassa, aññatthāya kataṃ gaṇhantassa, attano dhanena kītaṃ gaṇhantassa anāpattīti attho.

    สตฺตมฎฺฐมนวมานิฯ

    Sattamaṭṭhamanavamāni.

    ๑๘๙๗. อธิฎฺฐานูปคสฺส ปตฺตสฺส มุขวฎฺฎิยา อโนฺตเลขาปมาเณน ปูริโตว คเหตโพฺพติ โยชนาฯ

    1897. Adhiṭṭhānūpagassa pattassa mukhavaṭṭiyā antolekhāpamāṇena pūritova gahetabboti yojanā.

    ๑๘๙๘. อนาปตฺติวิสยํ ทเสฺสตฺวา อาปตฺติวิสยํ ทเสฺสตุมาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิฯ ตตฺถาติ อธิฎฺฐานูปเค ปเตฺตฯ ถูปีกตํ กตฺวาติ เอตฺถ ‘‘ทิยฺยมาน’’นฺติ เสโสฯ ยถาวุตฺตเลขาติกฺกโม ยถา โหติ, เอวํ ถูปีกตํ ทิยฺยมานํ คณฺหโต อาปตฺติ ทุกฺกฎนฺติ สมฺพโนฺธฯ อิมินา ปฐมํ ถูปีกตสฺส อธิฎฺฐานูปคปตฺตสฺส ปจฺฉา ปฎิคฺคหณญฺจ ปฐมปฎิคฺคหิตปเตฺต ปจฺฉา โภชนสฺส ถูปีกตสฺส ปฎิคฺคหณญฺจ นิวาริตนฺติ เวทิตพฺพํฯ

    1898. Anāpattivisayaṃ dassetvā āpattivisayaṃ dassetumāha ‘‘tatthā’’tiādi. Tatthāti adhiṭṭhānūpage patte. Thūpīkataṃ katvāti ettha ‘‘diyyamāna’’nti seso. Yathāvuttalekhātikkamo yathā hoti, evaṃ thūpīkataṃ diyyamānaṃ gaṇhato āpatti dukkaṭanti sambandho. Iminā paṭhamaṃ thūpīkatassa adhiṭṭhānūpagapattassa pacchā paṭiggahaṇañca paṭhamapaṭiggahitapatte pacchā bhojanassa thūpīkatassa paṭiggahaṇañca nivāritanti veditabbaṃ.

    ๑๘๙๙. กาลิกตฺตยเมว จ ถูปีกตํ วฎฺฎเตวาติ โยชนาฯ เสเสติ อนธิฎฺฐานูปเค ปเตฺตฯ สพฺพนฺติ จตุพฺพิธํ กาลิกํ ถูปีกตํ วฎฺฎตีติ โยชนาฯ

    1899. Kālikattayameva ca thūpīkataṃ vaṭṭatevāti yojanā. Seseti anadhiṭṭhānūpage patte. Sabbanti catubbidhaṃ kālikaṃ thūpīkataṃ vaṭṭatīti yojanā.

    ๑๙๐๐. เปเสตีติ เอตฺถ ‘‘ภิกฺขู’’ติ เสโสฯ ภิกฺขุ ภิกฺขูนํ ยทิ เปเสตีติ โยชนาฯ ‘‘วิหารํ เปเสตุํ วฎฺฎตี’’ติ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๖๐๕) อฎฺฐกถาย อธิปฺปายํ ทเสฺสตุํ ‘‘ภิกฺขูน’’นฺติ วจเนน ปฎิคฺคหณํ อวิชหิตฺวา ภิกฺขุนา เอว เปสิตํ คณฺหนฺตานํ ภิกฺขูนํ อนาปตฺตีติ ทีปิตํ โหติฯ อญฺญถา ‘‘ปูเรตุํ วฎฺฎตี’’ติ เอตฺตกเมว วตฺตพฺพนฺติ วิญฺญายติฯ

    1900.Pesetīti ettha ‘‘bhikkhū’’ti seso. Bhikkhu bhikkhūnaṃ yadi pesetīti yojanā. ‘‘Vihāraṃ pesetuṃ vaṭṭatī’’ti (pāci. aṭṭha. 605) aṭṭhakathāya adhippāyaṃ dassetuṃ ‘‘bhikkhūna’’nti vacanena paṭiggahaṇaṃ avijahitvā bhikkhunā eva pesitaṃ gaṇhantānaṃ bhikkhūnaṃ anāpattīti dīpitaṃ hoti. Aññathā ‘‘pūretuṃ vaṭṭatī’’ti ettakameva vattabbanti viññāyati.

    ๑๙๐๑. ปกฺขิปฺปมานนฺติ มุขวฎฺฎิโต อุจฺจํ กตฺวา มเชฺฌ ปกฺขิปิยมานํฯ ผลาทิกนฺติ อาทิ-สเทฺทน โอทนาทิมฺปิ สงฺคณฺหาติฯ เหฎฺฐา โอโรหตีติ สมนฺตา โอกาสสมฺภวโต จาลิยมานํ มุขวฎฺฎิปฺปมาณโต เหฎฺฐา ภสฺสติฯ

    1901.Pakkhippamānanti mukhavaṭṭito uccaṃ katvā majjhe pakkhipiyamānaṃ. Phalādikanti ādi-saddena odanādimpi saṅgaṇhāti. Heṭṭhāorohatīti samantā okāsasambhavato cāliyamānaṃ mukhavaṭṭippamāṇato heṭṭhā bhassati.

    ๑๙๐๒. ตโกฺกลกาทีนนฺติ เอตฺถ อาทิ-สเทฺทน ปูคผลาทีนํ สงฺคโหฯ ฐเปตฺวาติ ภตฺตมตฺถเก นิกฺขิปิตฺวาฯ วฎํสกนฺติ อวฎํสกํฯ

    1902.Takkolakādīnanti ettha ādi-saddena pūgaphalādīnaṃ saṅgaho. Ṭhapetvāti bhattamatthake nikkhipitvā. Vaṭaṃsakanti avaṭaṃsakaṃ.

    ๑๙๐๓. ปูวสฺสาติ วิการสมฺพเนฺธ สามิวจนํ, ปูววฎํสกนฺติ วุตฺตํ โหติฯ ปูวสฺส ยาวกาลิกตฺตา อาห ‘‘อิทํ ถูปีกตํ สิยา’’ติฯ

    1903.Pūvassāti vikārasambandhe sāmivacanaṃ, pūvavaṭaṃsakanti vuttaṃ hoti. Pūvassa yāvakālikattā āha ‘‘idaṃ thūpīkataṃ siyā’’ti.

    ๑๙๐๔. ปณฺณานํ วิสุํ ภาชนตฺตา อาห ‘‘วฎฺฎตี’’ติฯ

    1904. Paṇṇānaṃ visuṃ bhājanattā āha ‘‘vaṭṭatī’’ti.

    ๑๙๐๕. อสฺสาติ ภิกฺขุสฺสฯ ตํ ตุ สพฺพนฺติ ‘‘ถูปีกตตฺตา น วฎฺฎตี’’ติ วุตฺตํ ตํ ปน สพฺพํฯ คหิตํ สุคหิตนฺติ วิราเธตฺวา ปฎิคฺคหิตํ เจ, สุปฺปฎิคฺคหิตํฯ

    1905.Assāti bhikkhussa. Taṃ tu sabbanti ‘‘thūpīkatattā na vaṭṭatī’’ti vuttaṃ taṃ pana sabbaṃ. Gahitaṃ sugahitanti virādhetvā paṭiggahitaṃ ce, suppaṭiggahitaṃ.

    ทสมํฯ

    Dasamaṃ.

    ตติโย วโคฺคฯ

    Tatiyo vaggo.

    ๑๙๐๖. ‘‘อุปริ โอธิ’’นฺติ ปทเจฺฉโทฯ อุปรีติ ภตฺตสฺส อุปริฯ โอธินฺติ ปริเจฺฉทํฯ ปฎิปาฎิยาติ อตฺตโน ทิสาย ปริยนฺตโต ปฎฺฐาย อนุกฺกเมนฯ

    1906. ‘‘Upari odhi’’nti padacchedo. Uparīti bhattassa upari. Odhinti paricchedaṃ. Paṭipāṭiyāti attano disāya pariyantato paṭṭhāya anukkamena.

    ๑๙๐๗. อเญฺญสนฺติ เอตฺถ ‘‘เทโนฺต’’ติ เสโสฯ อตฺตโน ภตฺตํ อเญฺญสํ เทโนฺต อญฺญสฺส ภาชเน อากิรํ อากิรโนฺต ปน ปฎิปาฎิํ วินาปิ ตหิํ ตหิํ โอมสติ เจ, นตฺถิ โทโสติ โยชนาฯ อุตฺตริภงฺคกํ ตถา อากิรโนฺต ตตฺถ ตตฺถ โอมสติ, นตฺถิ โทโสติ โยชนา ฯ ภุญฺชนตฺถาย คณฺหโนฺตปิ เจตฺถ วตฺตโพฺพฯ อุตฺตริภงฺคํ นาม พฺยญฺชนํฯ

    1907.Aññesanti ettha ‘‘dento’’ti seso. Attano bhattaṃ aññesaṃ dento aññassa bhājane ākiraṃ ākiranto pana paṭipāṭiṃ vināpi tahiṃ tahiṃ omasati ce, natthi dosoti yojanā. Uttaribhaṅgakaṃ tathā ākiranto tattha tattha omasati, natthi dosoti yojanā . Bhuñjanatthāya gaṇhantopi cettha vattabbo. Uttaribhaṅgaṃ nāma byañjanaṃ.

    ตติยํฯ

    Tatiyaṃ.

    ๑๙๐๘. มตฺถกํ โอมทฺทิตฺวา ปริภุญฺชโต โทโสติ โยชนาฯ ‘‘ถูปกโตติ มตฺถกโต, เวมชฺฌโต’’ติ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๖๑๐) อฎฺฐกถาวจนโต มตฺถกนฺติ เอตฺถ ภตฺตมตฺถกมาหฯ โอมทฺทิตฺวาติ หเตฺถน ภตฺตํ อวมทฺทิตฺวาฯ

    1908. Matthakaṃ omadditvā paribhuñjato dosoti yojanā. ‘‘Thūpakatoti matthakato, vemajjhato’’ti (pāci. aṭṭha. 610) aṭṭhakathāvacanato matthakanti ettha bhattamatthakamāha. Omadditvāti hatthena bhattaṃ avamadditvā.

    ๑๙๐๙. เสสเก ปริเตฺตปิ จาติ อวสิเฎฺฐ อปฺปเกปิ จฯ สํกฑฺฒิตฺวานาติ ตสฺมิํ ตสฺมิํ ฐาเน ฐิตํ สํหริตฺวาฯ เอกโต ปน มทฺทิตฺวา ภุญฺชโต อนาปตฺตีติ โยชนาฯ

    1909.Sesake parittepi cāti avasiṭṭhe appakepi ca. Saṃkaḍḍhitvānāti tasmiṃ tasmiṃ ṭhāne ṭhitaṃ saṃharitvā. Ekato pana madditvā bhuñjato anāpattīti yojanā.

    ปญฺจมํฯ

    Pañcamaṃ.

    ๑๙๑๐. ภิโยฺยกมฺยตาเหตูติ ปุน คณฺหิตุกามตาเหตุฯ สูปํ วาติ มุคฺคาทิสูปํ วาฯ พฺยญฺชนํ วาติ อุตฺตริภงฺคํ วาฯ

    1910.Bhiyyokamyatāhetūti puna gaṇhitukāmatāhetu. Sūpaṃ vāti muggādisūpaṃ vā. Byañjanaṃ vāti uttaribhaṅgaṃ vā.

    ฉฎฺฐํฯ

    Chaṭṭhaṃ.

    ๑๙๑๑. วิญฺญตฺติยนฺติ สูโปทนวิญฺญตฺติยํฯ ‘‘ญาตกานํ วา ปวาริตานํ วา อญฺญสฺส อตฺถาย วา อตฺตโน ธเนน วา’’ติ อิทํ อนาปตฺติยํ อธิกํฯ คิลาโนปิ หุตฺวา ปเรสํ ปตฺตํ อุชฺฌานสญฺญาย โอโลเกนฺตสฺส อาปตฺติ โหตีติ อาห ‘‘อุชฺฌาเน คิลาโนปิ น มุจฺจตี’’ติฯ อุชฺฌาเนติ นิมิตฺตเตฺถ ภุมฺมํฯ

    1911.Viññattiyanti sūpodanaviññattiyaṃ. ‘‘Ñātakānaṃ vā pavāritānaṃ vā aññassa atthāya vā attano dhanena vā’’ti idaṃ anāpattiyaṃ adhikaṃ. Gilānopi hutvā paresaṃ pattaṃ ujjhānasaññāya olokentassa āpatti hotīti āha ‘‘ujjhāne gilānopi na muccatī’’ti. Ujjhāneti nimittatthe bhummaṃ.

    ๑๙๑๒. ทสฺสามีติ อิมสฺส ภตฺตํ โอโลเกตฺวา ‘‘ยํ ตตฺถ นตฺถิ, ตํ ทสฺสามี’’ติ วา ‘‘ทาเปสฺสามี’’ติ วาฯ อวมญฺญิตฺวา อุชฺฌายนจิตฺตํ อุชฺฌานํ, อุชฺฌาเน สญฺญา อุชฺฌานสญฺญา, สา อสฺส อตฺถีติ วิคฺคโหฯ นอุชฺฌานสญฺญิโน จ อนาปตฺตีติ ญาตพฺพนฺติ โยชนาฯ

    1912.Dassāmīti imassa bhattaṃ oloketvā ‘‘yaṃ tattha natthi, taṃ dassāmī’’ti vā ‘‘dāpessāmī’’ti vā. Avamaññitvā ujjhāyanacittaṃ ujjhānaṃ, ujjhāne saññā ujjhānasaññā, sā assa atthīti viggaho. Naujjhānasaññino ca anāpattīti ñātabbanti yojanā.

    สตฺตมฎฺฐมานิฯ

    Sattamaṭṭhamāni.

    ๑๙๑๓. ‘‘เตสํ มชฺฌปฺปมาเณนา’’ติ อิมินา อสารุปฺปวเสน ขุทฺทกปฎิเกฺขโป กโตติ เวทิตโพฺพฯ ‘‘นาติมหนฺต’’นฺติ จ อติมหนฺตเสฺสว ปฎิกฺขิตฺตตฺตา ขุทฺทเก อาปตฺติ น ทิสฺสตีติฯ กพโฬติ อาโลโปฯ

    1913.‘‘Tesaṃ majjhappamāṇenā’’ti iminā asāruppavasena khuddakapaṭikkhepo katoti veditabbo. ‘‘Nātimahanta’’nti ca atimahantasseva paṭikkhittattā khuddake āpatti na dissatīti. Kabaḷoti ālopo.

    ๑๙๑๔. มูลขาทนียาทิเก สพฺพตฺถ ขชฺชเก ปนาติ โยชนาฯ ผลาผเลติ ขุทฺทเก, มหเนฺต จ ผเลฯ

    1914. Mūlakhādanīyādike sabbattha khajjake panāti yojanā. Phalāphaleti khuddake, mahante ca phale.

    นวมํฯ

    Navamaṃ.

    ๑๙๑๕. ทสเม นตฺถิ กิญฺจิ วตฺตพฺพํฯ

    1915. Dasame natthi kiñci vattabbaṃ.

    ทสมํฯ

    Dasamaṃ.

    จตุโตฺถ วโคฺคฯ

    Catuttho vaggo.

    ๑๙๑๖. ‘‘อนาหเฎ’’ติ เอตสฺส อตฺถปทํ ‘‘มุขทฺวารํ อปฺปเตฺต’’ติฯ ยถาห ‘‘อนาหเฎติ อนาหริเต, มุขทฺวารํ อสมฺปาปิเตติ อโตฺถ’’ติ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๖๑๗)ฯ ‘‘มุขทฺวารํ วิวรนฺตสฺสา’’ติ เอตฺตเก วุเตฺต มุขทฺวาร-สทฺทสฺส สมฺพนฺธิสทฺทตฺตา กสฺสาติ อเปกฺขาย ‘‘มุขทฺวารํ วิวริสฺสามี’’ติ อตฺตโนปเทกวจเนน พฺยญฺชิตเมวตฺถํ ปกาเสตุํ อตฺตโน-คหณํ กตนฺติ เวทิตพฺพํฯ -สโทฺท เอวการโตฺถ, อปฺปเตฺต วาติ โยเชตโพฺพ, อสมฺปเตฺตเยวาติ อโตฺถฯ

    1916.‘‘Anāhaṭe’’ti etassa atthapadaṃ ‘‘mukhadvāraṃ appatte’’ti. Yathāha ‘‘anāhaṭeti anāharite, mukhadvāraṃ asampāpiteti attho’’ti (pāci. aṭṭha. 617). ‘‘Mukhadvāraṃ vivarantassā’’ti ettake vutte mukhadvāra-saddassa sambandhisaddattā kassāti apekkhāya ‘‘mukhadvāraṃ vivarissāmī’’ti attanopadekavacanena byañjitamevatthaṃ pakāsetuṃ attano-gahaṇaṃ katanti veditabbaṃ. Ca-saddo evakārattho, appatte vāti yojetabbo, asampatteyevāti attho.

    ปฐมํฯ

    Paṭhamaṃ.

    ๑๙๑๗. สกลํ หตฺถนฺติ เอตฺถ หตฺถ-สโทฺท ตเทกเทเสสุ องฺคุลีสุ ทฎฺฐโพฺพฯ ‘‘หตฺถมุทฺทา’’ติอาทีสุ วิย สมุทาเย ปวตฺตโวหารสฺส อวยเวปิ ปวตฺตนโต เอกงฺคุลิมฺปิ มุเข ปกฺขิปิตุํ น วฎฺฎติฯ

    1917.Sakalaṃhatthanti ettha hattha-saddo tadekadesesu aṅgulīsu daṭṭhabbo. ‘‘Hatthamuddā’’tiādīsu viya samudāye pavattavohārassa avayavepi pavattanato ekaṅgulimpi mukhe pakkhipituṃ na vaṭṭati.

    ๑๙๑๘. อสฺสาติ ภิกฺขุโนฯ พฺยาหรนฺตสฺสาติ กเถนฺตสฺสฯ

    1918.Assāti bhikkhuno. Byāharantassāti kathentassa.

    ทุติยตติยานิฯ

    Dutiyatatiyāni.

    ๑๙๒๐. ปิณฺฑุเกฺขปกนฺติ ปิณฺฑํ อุกฺขิปิตฺวา อุกฺขิปิตฺวาฯ อิธาปิ ขชฺชกผลาผเลสุ อนาปตฺติฯ กพฬเจฺฉทกมฺปิ วาติ กพฬํ ฉินฺทิตฺวาฯ อิธ ขชฺชกผลาผเลหิ สทฺธิํ อุตฺตริภเงฺคปิ อนาปตฺติฯ คเณฺฑ กตฺวาติ เอตฺถ ผลาผลมเตฺตเยว อนาปตฺติฯ

    1920.Piṇḍukkhepakanti piṇḍaṃ ukkhipitvā ukkhipitvā. Idhāpi khajjakaphalāphalesu anāpatti. Kabaḷacchedakampi vāti kabaḷaṃ chinditvā. Idha khajjakaphalāphalehi saddhiṃ uttaribhaṅgepi anāpatti. Gaṇḍe katvāti ettha phalāphalamatteyeva anāpatti.

    จตุตฺถปญฺจมฉฎฺฐานิฯ

    Catutthapañcamachaṭṭhāni.

    ๑๙๒๑-๒. หตฺถํ นิทฺธุนิตฺวานาติ หตฺถํ นิทฺธุนิตฺวา ภตฺตํ ภุญฺชโตติ จ สมฺพโนฺธฯ สิตฺถาวการกนฺติ สิตฺถานิ อวกิริตฺวา อวกิริตฺวาฯ ชิวฺหานิจฺฉารกํ วาปีติ ชิวฺหํ นิจฺฉาเรตฺวา นิจฺฉาเรตฺวาฯ จปุ จปูติ วาติ ‘‘จปุ จปู’’ติ เอวํ สทฺทํ กตฺวาฯ สตฺตเมติ ‘‘น หตฺถนิทฺธุนก’’นฺติ สิกฺขาปเทฯ อฎฺฐเมติ ‘‘น สิตฺถาวการก’’นฺติ สิกฺขาปเทฯ กจวรุชฺฌเนติ กจวราปนยเนฯ

    1921-2.Hatthaṃ niddhunitvānāti hatthaṃ niddhunitvā bhattaṃ bhuñjatoti ca sambandho. Sitthāvakārakanti sitthāni avakiritvā avakiritvā. Jivhānicchārakaṃ vāpīti jivhaṃ nicchāretvā nicchāretvā. Capu capūti vāti ‘‘capu capū’’ti evaṃ saddaṃ katvā. Sattameti ‘‘na hatthaniddhunaka’’nti sikkhāpade. Aṭṭhameti ‘‘na sitthāvakāraka’’nti sikkhāpade. Kacavarujjhaneti kacavarāpanayane.

    สตฺตมฎฺฐมนวมทสมานิฯ

    Sattamaṭṭhamanavamadasamāni.

    ปญฺจโม วโคฺคฯ

    Pañcamo vaggo.

    ๑๙๒๓. ‘‘สุรุ สุรู’’ติ เอวํ สทฺทํ กตฺวา น โภตฺตพฺพนฺติ โยชนาฯ หตฺถนิเลฺลหกํ วาปีติ หตฺถํ นิเลฺลหิตฺวา นิเลฺลหิตฺวาฯ

    1923. ‘‘Suru surū’’ti evaṃ saddaṃ katvā na bhottabbanti yojanā. Hatthanillehakaṃ vāpīti hatthaṃ nillehitvā nillehitvā.

    ๑๙๒๔. ผาณิตํ , ฆนยาคุํ วา องฺคุลีหิ คเหตฺวา องฺคุลิโย มุเข ปเวเสตฺวาปิ ตํ โภตฺตุํ วฎฺฎตีติ โยชนาฯ

    1924. Phāṇitaṃ , ghanayāguṃ vā aṅgulīhi gahetvā aṅguliyo mukhe pavesetvāpi taṃ bhottuṃ vaṭṭatīti yojanā.

    ๑๙๒๕. เอกาย องฺคุลิกายปิ ปโตฺต น เลหิตโพฺพวฯ ชิวฺหาย เอกโอโฎฺฐปิ น นิเลฺลหิตพฺพโกติ โยชนาฯ พหิ โอฎฺฐญฺจ ชิวฺหาย น เลหิตพฺพํฯ โอเฎฺฐ ลคฺคํ สิตฺถาทิํ ยํ กิญฺจิ อุโภหิ โอฎฺฐมํเสหิเยว คเหตฺวา อโนฺต กาตุํ วฎฺฎติฯ

    1925. Ekāya aṅgulikāyapi patto na lehitabbova. Jivhāya ekaoṭṭhopi na nillehitabbakoti yojanā. Bahi oṭṭhañca jivhāya na lehitabbaṃ. Oṭṭhe laggaṃ sitthādiṃ yaṃ kiñci ubhohi oṭṭhamaṃsehiyeva gahetvā anto kātuṃ vaṭṭati.

    ปฐมทุติยตติยจตุตฺถานิฯ

    Paṭhamadutiyatatiyacatutthāni.

    ๑๙๒๖-๘. จ คเหตพฺพํ, ปฎิกฺกูลวเสน ปฎิกฺขิตฺตนฺติ โยชนาฯ หิ-อิติ ‘‘ยสฺมา’’ติ เอตสฺส อเตฺถ, เตเนว วกฺขติ ‘‘ตสฺมา’’ติฯ ‘‘ปานียถาลก’’นฺติ อิทํ อุปลกฺขณมตฺตํ สงฺขาทีนมฺปิ ตถา นคเหตพฺพตฺตาฯ สราวํ วาติ ตฎฺฎกํ วาฯ

    1926-8.Na ca gahetabbaṃ, paṭikkūlavasena paṭikkhittanti yojanā. Hi-iti ‘‘yasmā’’ti etassa atthe, teneva vakkhati ‘‘tasmā’’ti. ‘‘Pānīyathālaka’’nti idaṃ upalakkhaṇamattaṃ saṅkhādīnampi tathā nagahetabbattā. Sarāvaṃ vāti taṭṭakaṃ vā.

    อนามิเสน หเตฺถนาติ อามิสรหิเตน หเตฺถกเทเสนฯ ยถาห ‘‘สเจ ปน หตฺถสฺส

    Anāmisena hatthenāti āmisarahitena hatthekadesena. Yathāha ‘‘sace pana hatthassa

    เอกเทโส อามิสมกฺขิโต น โหติ, เตน ปเทเสน คเหตุํ วฎฺฎตี’’ติ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๖๓๑)ฯ อามิสมกฺขิเตเนว หเตฺถน ‘‘โธวิสฺสามี’’ติ วา ‘‘โธวาเปสฺสามี’’ติ วา คณฺหนฺตสฺส ปน อนาปตฺติฯ

    Ekadeso āmisamakkhito na hoti, tena padesena gahetuṃ vaṭṭatī’’ti (pāci. aṭṭha. 631). Āmisamakkhiteneva hatthena ‘‘dhovissāmī’’ti vā ‘‘dhovāpessāmī’’ti vā gaṇhantassa pana anāpatti.

    ปญฺจมํฯ

    Pañcamaṃ.

    ๑๙๒๙. อุทฺธริตฺวาติ สสิตฺถกา ปตฺตโธวนา สิตฺถกานิ อุทฺธริตฺวา ตํ ปตฺตโธวโนทกํ ฆรา พหิ อนฺตรฆเร ฉเฑฺฑนฺตสฺส อนาปตฺติฯ ภินฺทิตฺวาติ สสิตฺถเก ปตฺตโธวเน สิตฺถกานิ มทฺทิตฺวา อุทเกน สมฺภินฺทิตฺวา อุทกคติกาเนว กตฺวา ตํ อุทกํ ฆรา พหิ อนฺตรฆเร ฉเฑฺฑนฺตสฺส อนาปตฺติฯ คเหตฺวาติ สสิตฺถกํ ปตฺตโธวโนทกํ คเหตฺวา ปฎิคฺคเห ฉเฑฺฑนฺตสฺส อนาปตฺติฯ สสิตฺถกํ ปตฺตโธวโนทกํ ฆรา พหิ นีหริตฺวา อนฺตรฆเร ฉเฑฺฑนฺตสฺส อนาปตฺตีติ อชฺฌาหารโยชนา เวทิตพฺพาฯ เอตฺถ ปฎิคฺคโห นาม เขฬมลฺลาทิโก อุจฺฉิฎฺฐหตฺถโธวนภาชนวิเสโสฯ

    1929.Uddharitvāti sasitthakā pattadhovanā sitthakāni uddharitvā taṃ pattadhovanodakaṃ gharā bahi antaraghare chaḍḍentassa anāpatti. Bhinditvāti sasitthake pattadhovane sitthakāni madditvā udakena sambhinditvā udakagatikāneva katvā taṃ udakaṃ gharā bahi antaraghare chaḍḍentassa anāpatti. Gahetvāti sasitthakaṃ pattadhovanodakaṃ gahetvā paṭiggahe chaḍḍentassa anāpatti. Sasitthakaṃ pattadhovanodakaṃ gharā bahi nīharitvā antaraghare chaḍḍentassa anāpattīti ajjhāhārayojanā veditabbā. Ettha paṭiggaho nāma kheḷamallādiko ucchiṭṭhahatthadhovanabhājanaviseso.

    ฉฎฺฐํฯ

    Chaṭṭhaṃ.

    ๑๙๓๐. ฉตฺตํ ยํ กิญฺจีติ ‘‘ฉตฺตํ นาม ตีณิ ฉตฺตานิ เสตจฺฉตฺตํ กิลญฺชจฺฉตฺตํ ปณฺณจฺฉตฺตํ มณฺฑลพทฺธํ สลากพทฺธ’’นฺติ (ปาจิ. ๖๓๔) วุเตฺตสุ ตีสุ ฉเตฺตสุ อญฺญตรํฯ เอตฺถ จ เสตจฺฉตฺตนฺติ วตฺถปลิคุณฺฐิตํ ปณฺฑรจฺฉตฺตํฯ กิลญฺชจฺฉตฺตนฺติ วิลีวจฺฉตฺตํฯ ปณฺณจฺฉตฺตนฺติ ตาลปณฺณาทีหิ เยหิ เกหิจิ กตํฯ ‘‘มณฺฑลพทฺธํ สลากพทฺธ’’นฺติ อิทํ ปน ติณฺณมฺปิ ฉตฺตานํ ปญฺชรทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ ตานิ หิ มณฺฑลพทฺธานิ เจว โหนฺติ สลากพทฺธานิ จฯ ‘‘ยํ กิญฺจี’’ติ อนวเสสปริคฺคหวจเนน ‘‘ยมฺปิ จ ตตฺถชาตทเณฺฑน กตํ เอกปณฺณจฺฉตฺตํ โหติ, ตมฺปิ ฉตฺตเมวา’’ติ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๖๓๔) อฎฺฐกถาย วุตฺตํ ฉตฺตวิเสสํ คณฺหาติฯ หเตฺถนาติ เอตฺถ ‘‘อมุญฺจิตฺวา’’ติ เสโสฯ สรีราวยเวนาติ เอตฺถ ‘‘คเหตฺวา’’ติ เสโสฯ วา-สโทฺท อปิ-สทฺทโตฺถฯ อํสกูฎาทิสรีราวยเวน คเหตฺวาปิ หเตฺถน อมุญฺจิตฺวา ธาเรนฺตสฺสาติ อโตฺถฯ

    1930.Chattaṃ yaṃ kiñcīti ‘‘chattaṃ nāma tīṇi chattāni setacchattaṃ kilañjacchattaṃ paṇṇacchattaṃ maṇḍalabaddhaṃ salākabaddha’’nti (pāci. 634) vuttesu tīsu chattesu aññataraṃ. Ettha ca setacchattanti vatthapaliguṇṭhitaṃ paṇḍaracchattaṃ. Kilañjacchattanti vilīvacchattaṃ. Paṇṇacchattanti tālapaṇṇādīhi yehi kehici kataṃ. ‘‘Maṇḍalabaddhaṃ salākabaddha’’nti idaṃ pana tiṇṇampi chattānaṃ pañjaradassanatthaṃ vuttaṃ. Tāni hi maṇḍalabaddhāni ceva honti salākabaddhāni ca. ‘‘Yaṃ kiñcī’’ti anavasesapariggahavacanena ‘‘yampi ca tatthajātadaṇḍena kataṃ ekapaṇṇacchattaṃ hoti, tampi chattamevā’’ti (pāci. aṭṭha. 634) aṭṭhakathāya vuttaṃ chattavisesaṃ gaṇhāti. Hatthenāti ettha ‘‘amuñcitvā’’ti seso. Sarīrāvayavenāti ettha ‘‘gahetvā’’ti seso. -saddo api-saddattho. Aṃsakūṭādisarīrāvayavena gahetvāpi hatthena amuñcitvā dhārentassāti attho.

    สเจ ปนสฺส อโญฺญ ฉตฺตํ ธาเรติ, ฉตฺตปาทุกาย วา ฐิตํ โหติ, ปเสฺส วา ฐิตํ โหติ,

    Sace panassa añño chattaṃ dhāreti, chattapādukāya vā ṭhitaṃ hoti, passe vā ṭhitaṃ hoti,

    หตฺถโต อปคตมเตฺต ฉตฺตปาณิ นาม น โหติ, ตสฺส ธมฺมํ เทเสตุํ วฎฺฎติฯ ‘‘น ฉตฺตปาณิสฺส อคิลานสฺสา’’ติ วจนโต, อิธ ‘‘สพฺพตฺถ อคิลานสฺสา’’ติ วกฺขมานตฺตา จ เอตฺถ ‘‘อคิลานสฺสา’’ติ ลพฺภติฯ ธมฺมปริเจฺฉโท เจตฺถ ปทโสธเมฺม วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ เอวมุปริปิฯ

    Hatthato apagatamatte chattapāṇi nāma na hoti, tassa dhammaṃ desetuṃ vaṭṭati. ‘‘Na chattapāṇissa agilānassā’’ti vacanato, idha ‘‘sabbattha agilānassā’’ti vakkhamānattā ca ettha ‘‘agilānassā’’ti labbhati. Dhammaparicchedo cettha padasodhamme vuttanayeneva veditabbo. Evamuparipi.

    สตฺตมํฯ

    Sattamaṃ.

    ๑๙๓๑. ทณฺฑปาณิมฺหีติ เอตฺถ ทโณฺฑ ปาณิมฺหิ อสฺสาติ วิคฺคโหฯ กิตฺตกปฺปมาโณ ทโณฺฑติ อาห ‘‘จตุหตฺถปฺปมาโณ’’ติอาทิฯ มชฺฌิมหตฺถโตติ ปมาณมชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส หตฺถโต, โย ‘‘วฑฺฒกิหโตฺถ’’ติ วุจฺจติฯ

    1931.Daṇḍapāṇimhīti ettha daṇḍo pāṇimhi assāti viggaho. Kittakappamāṇo daṇḍoti āha ‘‘catuhatthappamāṇo’’tiādi. Majjhimahatthatoti pamāṇamajjhimassa purisassa hatthato, yo ‘‘vaḍḍhakihattho’’ti vuccati.

    อฎฺฐมํฯ

    Aṭṭhamaṃ.

    ๑๙๓๒. สตฺถปาณิสฺสาติ เอตฺถาปิ วิคฺคโห วุตฺตนโยวฯ วกฺขมานํ สกลํ ธนุวิกติํ, สรวิกติญฺจ ฐเปตฺวา อวเสสํ ขคฺคาทิ สตฺถํ นามฯ ขคฺคํ สนฺนหิตฺวา ฐิโตปิ สตฺถปาณิ นุ โขติ อาสงฺกาย นิวตฺตนตฺถมาห ‘‘สตฺถปาณี’’ติอาทิฯ ‘‘น โหติ อสิ’’นฺติ ปทเจฺฉโทฯ

    1932.Satthapāṇissāti etthāpi viggaho vuttanayova. Vakkhamānaṃ sakalaṃ dhanuvikatiṃ, saravikatiñca ṭhapetvā avasesaṃ khaggādi satthaṃ nāma. Khaggaṃ sannahitvā ṭhitopi satthapāṇi nu khoti āsaṅkāya nivattanatthamāha ‘‘satthapāṇī’’tiādi. ‘‘Na hoti asi’’nti padacchedo.

    นวมํฯ

    Navamaṃ.

    ๑๙๓๓-๕. สเรน สทฺธิํ ธนุํ วา สุทฺธธนุํ วา สุทฺธสรํ วา สชิยํ ธนุทณฺฑํ วา นิชิยํ ธนุทณฺฑํ วา คเหตฺวา ฐิตสฺสาปิ วา นิสินฺนสฺสาปิ วา นิปนฺนสฺสาปิ วา สเจ โย ตถา ปทโสธเมฺม วุตฺตลกฺขณํ สทฺธมฺมํ เทเสติ, ตสฺส อาปตฺติ ทุกฺกฎํ โหตีติ โยชนาฯ สเจ ปนสฺส ธนุ ขเนฺธ ปฎิมุกฺกํ โหติ, ยาว น คณฺหาติ, ตาว วฎฺฎติฯ ชิยาย สห วตฺตตีติ สชิยํ

    1933-5. Sarena saddhiṃ dhanuṃ vā suddhadhanuṃ vā suddhasaraṃ vā sajiyaṃ dhanudaṇḍaṃ vā nijiyaṃ dhanudaṇḍaṃ vā gahetvā ṭhitassāpi vā nisinnassāpi vā nipannassāpi vā sace yo tathā padasodhamme vuttalakkhaṇaṃ saddhammaṃ deseti, tassa āpatti dukkaṭaṃ hotīti yojanā. Sace panassa dhanu khandhe paṭimukkaṃ hoti, yāva na gaṇhāti, tāva vaṭṭati. Jiyāya saha vattatīti sajiyaṃ.

    ทสมํฯ

    Dasamaṃ.

    ฉโฎฺฐ วโคฺคฯ

    Chaṭṭho vaggo.

    ๑๙๓๖. ปาทุการุฬฺหกสฺสาติ ปาทุกํ อารุโฬฺห ปาทุการุโฬฺห, โสเยว ปาทุการุฬฺหโก, ตสฺสฯ กถํ อารุฬฺหสฺสาติ อาห ‘‘อกฺกมิตฺวา’’ติอาทิฯ อกฺกมิตฺวา ฐิตสฺสาติ ฉตฺตทณฺฑเก องฺคุลนฺตรํ อปฺปเวเสตฺวา เกวลํ ปาทุกํ อกฺกมิตฺวา ฐิตสฺสฯ ปฎิมุกฺกสฺส วาติ ปฎิมุญฺจิตฺวา ฐิตสฺสฯ เอตํ ทฺวยมฺปิ ‘‘ปาทุการุฬฺหกสฺสา’’ติ เอตสฺส อตฺถปทํฯ ยถาห ‘‘น ปาทุการุฬฺหสฺส อคิลานสฺส ธโมฺม เทเสตโพฺพฯ โย อนาทริยํ ปฎิจฺจ อกฺกนฺตสฺส วา ปฎิมุกฺกสฺส วา โอมุกฺกสฺส วา อคิลานสฺส ธมฺมํ เทเสติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ (ปาจิ. ๖๓๘)ฯ

    1936.Pādukāruḷhakassāti pādukaṃ āruḷho pādukāruḷho, soyeva pādukāruḷhako, tassa. Kathaṃ āruḷhassāti āha ‘‘akkamitvā’’tiādi. Akkamitvā ṭhitassāti chattadaṇḍake aṅgulantaraṃ appavesetvā kevalaṃ pādukaṃ akkamitvā ṭhitassa. Paṭimukkassa vāti paṭimuñcitvā ṭhitassa. Etaṃ dvayampi ‘‘pādukāruḷhakassā’’ti etassa atthapadaṃ. Yathāha ‘‘na pādukāruḷhassa agilānassa dhammo desetabbo. Yo anādariyaṃ paṭicca akkantassa vā paṭimukkassa vā omukkassa vā agilānassa dhammaṃ deseti, āpatti dukkaṭassā’’ti (pāci. 638).

    ปฐมํฯ

    Paṭhamaṃ.

    ๑๙๓๗-๔๐. อุปาหนคตสฺสาปีติ อกฺกนฺตาทิอากาเรน อุปาหนารุฬฺหสฺส จฯ ยถาห ‘‘อกฺกนฺตสฺส วา ปฎิมุกฺกสฺส วา’’ติฯ สพฺพตฺถาติ ฉตฺตปาณิอาทีสุ สพฺพสิกฺขาปเทสุฯ อคิลานสฺสาติ อิทํ โยเชตพฺพนฺติ เสโสฯ ยาเน วา คตสฺส อคิลานสฺส ธมฺมํ เทเสติ, ทุกฺกฎนฺติ โยชนาฯ ตตฺถ ยาเน วา คตสฺสาติ สเจ ทฺวีหิ ชเนหิ หตฺถสงฺฆาเตน คหิโต, สาฎเก วา ฐเปตฺวา วํเสน วยฺหติ, อยุเตฺต วา วยฺหาทิเก ยาเน, วิสงฺขริตฺวา วา ฐปิเต จกฺกมเตฺตปิ นิสิโนฺน โหติ, ยานคโตเตฺวว สงฺขฺยํ คจฺฉติฯ

    1937-40.Upāhanagatassāpīti akkantādiākārena upāhanāruḷhassa ca. Yathāha ‘‘akkantassa vā paṭimukkassa vā’’ti. Sabbatthāti chattapāṇiādīsu sabbasikkhāpadesu. Agilānassāti idaṃ yojetabbanti seso. Yāne vā gatassa agilānassa dhammaṃ deseti, dukkaṭanti yojanā. Tattha yāne vā gatassāti sace dvīhi janehi hatthasaṅghātena gahito, sāṭake vā ṭhapetvā vaṃsena vayhati, ayutte vā vayhādike yāne, visaṅkharitvā vā ṭhapite cakkamattepi nisinno hoti, yānagatotveva saṅkhyaṃ gacchati.

    สยเนปิ วา อนฺตมโส กฎสารเก วา ฉมาย วา นิปนฺนสฺสาปิ อคิลานสฺสาติ โยชนาฯ ยถาห ‘‘สยนคตสฺสาติ อนฺตมโส กฎสารเกปิ ปกติภูมิยมฺปิ นิปนฺนสฺสา’’ติ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๖๔๑)ฯ อุเจฺจ ปีเฐ วา อุเจฺจ มเญฺจปิ วา นิสิเนฺนน, ฐิเตน วา นิปนฺนสฺส เทเสตุํ น วฎฺฎตีติ โยชนาฯ ‘‘ฐตฺวา’’ติ อิมินา ‘‘นิสีทิตฺวา’’ติ อิทญฺจ สงฺคหิตเมวฯ สยเนสุ คตสฺส จ เทเสเนฺตน สยเนสุ คเตนาปิ สมาเน วาปิ อุเจฺจ วา นิปเนฺนเนว วฎฺฎตีติ โยชนาฯ

    Sayanepi vā antamaso kaṭasārake vā chamāya vā nipannassāpi agilānassāti yojanā. Yathāha ‘‘sayanagatassāti antamaso kaṭasārakepi pakatibhūmiyampi nipannassā’’ti (pāci. aṭṭha. 641). Ucce pīṭhe vā ucce mañcepi vā nisinnena, ṭhitena vā nipannassa desetuṃ na vaṭṭatīti yojanā. ‘‘Ṭhatvā’’ti iminā ‘‘nisīditvā’’ti idañca saṅgahitameva. Sayanesu gatassa ca desentena sayanesu gatenāpi samāne vāpi ucce vā nipanneneva vaṭṭatīti yojanā.

    ๑๙๔๑. ‘‘ตเถว จา’’ติ อิมินา ‘‘วฎฺฎตี’’ติ อิทํ คหิตํฯ

    1941.‘‘Tathevacā’’ti iminā ‘‘vaṭṭatī’’ti idaṃ gahitaṃ.

    ทุติยตติยจตุตฺถานิฯ

    Dutiyatatiyacatutthāni.

    ๑๙๔๒. ‘‘ปลฺลตฺถิกาย นิสินฺนสฺสา’’ติ วตฺตเพฺพ คาถาพนฺธวเสน ยการสฺส โลปํ กตฺวา ‘‘ปลฺลตฺถิกา นิสินฺนสฺสา’’ติ วุตฺตํ, อาโยคปลฺลตฺถิกาย วา หตฺถปลฺลตฺถิกาย วา ทุสฺสปลฺลตฺถิกาย วา ยาย กายจิ ปลฺลตฺถิกาย นิสินฺนสฺสาติ อโตฺถฯ เวฐิตสีสสฺสาติ ทุสฺสเวฐเนน วา โมลิอาทีหิ วา ยถา เกสโนฺต น ทิสฺสติ, เอวํ เวฐิตสีสสฺสฯ

    1942. ‘‘Pallatthikāya nisinnassā’’ti vattabbe gāthābandhavasena yakārassa lopaṃ katvā ‘‘pallatthikā nisinnassā’’ti vuttaṃ, āyogapallatthikāya vā hatthapallatthikāya vā dussapallatthikāya vā yāya kāyaci pallatthikāya nisinnassāti attho. Veṭhitasīsassāti dussaveṭhanena vā moliādīhi vā yathā kesanto na dissati, evaṃ veṭhitasīsassa.

    ๑๙๔๓. ยทิ เกสนฺตํ วิวราเปตฺวา เทเสติ, วฎฺฎตีติ โยชนาฯ ‘‘อยเมว วินิจฺฉโย’’ติ อิมินา ‘‘สีสํ วิวราเปตฺวา เทเสติ, วฎฺฎตี’’ติ อนาปตฺติวาโรปิ วุโตฺต โหติฯ

    1943. Yadi kesantaṃ vivarāpetvā deseti, vaṭṭatīti yojanā. ‘‘Ayameva vinicchayo’’ti iminā ‘‘sīsaṃ vivarāpetvā deseti, vaṭṭatī’’ti anāpattivāropi vutto hoti.

    ปญฺจมฉฎฺฐสตฺตมานิฯ

    Pañcamachaṭṭhasattamāni.

    ๑๙๔๔-๕. อฎฺฐเม ‘‘อาสเน นิสินฺนสฺสาติ อนฺตมโส วตฺถมฺปิ ติณานิปิ สนฺถริตฺวา นิสินฺนสฺสา’’ติ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๖๔๕) อิทญฺจ นวเม ‘‘อุเจฺจ อาสเนติ อนฺตมโส ภูมิปฺปเทเสปิ อุนฺนเต ฐาเน นิสินฺนสฺส เทเสตุํ น วฎฺฎตี’’ติ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๖๔๗) อิทญฺจ ทสเม ‘‘สเจปี’’ติอาทินา วกฺขมานวินิจฺฉยญฺจ ฐเปตฺวา วตฺตพฺพวิเสสาภาวา อาห ‘‘อฎฺฐเม นวเม วาปิ, ทสเม นตฺถิ กิญฺจิปี’’ติฯ เอตฺถ ‘‘วตฺตพฺพ’’นฺติ เสโสฯ เถรุปฎฺฐานํ คนฺตฺวาน ฐิตํ ทหรํ อาสเน นิสิโนฺน เถโร เจ ปญฺหํ ปุจฺฉตีติ อชฺฌาหารโยชนาฯ กเถตพฺพมุปายํ ทเสฺสตุมาห ‘‘ตสฺส ปเสฺส ปนญฺญสฺส, กเถตพฺพํ วิชานตา’’ติฯ เอตฺถ ‘‘ฐิตสฺสา’’ติ เสโส ฯ ตสฺส สมีปวตฺติโน กสฺสจิ อภาเว สชฺฌายํ อธิฎฺฐหิตฺวาปิ วตฺตุํ วฎฺฎติฯ

    1944-5. Aṭṭhame ‘‘āsane nisinnassāti antamaso vatthampi tiṇānipi santharitvā nisinnassā’’ti (pāci. aṭṭha. 645) idañca navame ‘‘ucce āsaneti antamaso bhūmippadesepi unnate ṭhāne nisinnassa desetuṃ na vaṭṭatī’’ti (pāci. aṭṭha. 647) idañca dasame ‘‘sacepī’’tiādinā vakkhamānavinicchayañca ṭhapetvā vattabbavisesābhāvā āha ‘‘aṭṭhame navamevāpi, dasame natthi kiñcipī’’ti. Ettha ‘‘vattabba’’nti seso. Therupaṭṭhānaṃ gantvāna ṭhitaṃ daharaṃ āsane nisinno thero ce pañhaṃ pucchatīti ajjhāhārayojanā. Kathetabbamupāyaṃ dassetumāha ‘‘tassa passe panaññassa, kathetabbaṃ vijānatā’’ti. Ettha ‘‘ṭhitassā’’ti seso . Tassa samīpavattino kassaci abhāve sajjhāyaṃ adhiṭṭhahitvāpi vattuṃ vaṭṭati.

    อฎฺฐมนวมทสมานิฯ

    Aṭṭhamanavamadasamāni.

    สตฺตโม วโคฺคฯ

    Sattamo vaggo.

    ๑๙๔๖. คจฺฉโต ปุรโตติ เอตฺถ ‘‘ปจฺฉโต คจฺฉเนฺตนา’’ติ เสโสฯ ปจฺฉโต คจฺฉเนฺตน ปุรโต คจฺฉโต ปญฺหํ น วตฺตพฺพนฺติ โยชนาฯ สเจ ปุรโต คจฺฉโนฺต ปญฺหํ ปุจฺฉติ, กิํ กาตพฺพนฺติ อาห ‘‘ปจฺฉิมสฺสา’’ติอาทิฯ

    1946.Gacchato puratoti ettha ‘‘pacchato gacchantenā’’ti seso. Pacchato gacchantena purato gacchato pañhaṃ na vattabbanti yojanā. Sace purato gacchanto pañhaṃ pucchati, kiṃ kātabbanti āha ‘‘pacchimassā’’tiādi.

    ๑๙๔๗. อุคฺคหิตํ ธมฺมํ ปุรโต คจฺฉเนฺตน สทฺธิํ ปจฺฉโต คจฺฉโนฺต สชฺฌายติ, วฎฺฎตีติ โยชนาฯ สมเมว คจฺฉโต ยุคคฺคาหํ กเถตุํ วฎฺฎตีติ โยชนาฯ ยุคคฺคาหนฺติ อญฺญมญฺญํฯ อญฺญมญฺญ-สทฺทปริยาโย หิ ยุคคฺคาห-สโทฺทฯ

    1947. Uggahitaṃ dhammaṃ purato gacchantena saddhiṃ pacchato gacchanto sajjhāyati, vaṭṭatīti yojanā. Samameva gacchato yugaggāhaṃ kathetuṃ vaṭṭatīti yojanā. Yugaggāhanti aññamaññaṃ. Aññamañña-saddapariyāyo hi yugaggāha-saddo.

    ปฐมํฯ

    Paṭhamaṃ.

    ๑๙๔๘. สกฎมเคฺค เอเกกสฺส จกฺกสฺส ปเถน คจฺฉโนฺต เอเกกสฺส จกฺกสฺส ปเถน สมํ คจฺฉโต ธมฺมํ เทเสตุํ วฎฺฎติฯ อุปฺปเถนาปิ คจฺฉโนฺต อุปฺปเถน สมํ คจฺฉนฺตสฺส ธมฺมํ เทเสตุํ วฎฺฎตีติ อชฺฌาหารโยชนาฯ อุปฺปเถนาติ อมเคฺคนฯ เอวํ อนาปตฺติวิสเย ทสฺสิเต ตพฺพิปริยายโต อาปตฺติวิสโย ทสฺสิโตเยวาติ เวทิตโพฺพฯ

    1948. Sakaṭamagge ekekassa cakkassa pathena gacchanto ekekassa cakkassa pathena samaṃ gacchato dhammaṃ desetuṃ vaṭṭati. Uppathenāpi gacchanto uppathena samaṃ gacchantassa dhammaṃ desetuṃ vaṭṭatīti ajjhāhārayojanā. Uppathenāti amaggena. Evaṃ anāpattivisaye dassite tabbipariyāyato āpattivisayo dassitoyevāti veditabbo.

    ทุติยํฯ

    Dutiyaṃ.

    ๑๙๔๙. ตติเย นตฺถิ วตฺตพฺพนฺติ ‘‘น ฐิโต อคิลาโน อุจฺจารํ วา ปสฺสาวํ วา กริสฺสามี’’ติ (ปาจิ. ๖๕๑) เอตสฺส วินิจฺฉโย ยถารุตวเสน สุวิเญฺญโยฺยติ กตฺวา วุตฺตํฯ สเจ ปฎิจฺฉนฺนํ ฐานํ คจฺฉนฺตสฺส สหสา อุจฺจาโร วา ปสฺสาโว วา นิกฺขมติ, อสญฺจิจฺจ กโต นาม, อนาปตฺติฯ อยเมตฺถ วิเสโส ทฎฺฐโพฺพฯ สิงฺฆาณิกาย เขเฬเนว สงฺคหิตเตฺตปิ พาตฺติํสโกฎฺฐาเสสุ วิสุํเยว ทสฺสิโต เอโก โกฎฺฐาโสติ สิกฺขาปเทสุ อวุตฺตมฺปิ สงฺคเหตฺวา อาห ‘‘อุจฺจาราทิจตุกฺก’’นฺติฯ

    1949.Tatiye natthi vattabbanti ‘‘na ṭhito agilāno uccāraṃ vā passāvaṃ vā karissāmī’’ti (pāci. 651) etassa vinicchayo yathārutavasena suviññeyyoti katvā vuttaṃ. Sace paṭicchannaṃ ṭhānaṃ gacchantassa sahasā uccāro vā passāvo vā nikkhamati, asañcicca kato nāma, anāpatti. Ayamettha viseso daṭṭhabbo. Siṅghāṇikāya kheḷeneva saṅgahitattepi bāttiṃsakoṭṭhāsesu visuṃyeva dassito eko koṭṭhāsoti sikkhāpadesu avuttampi saṅgahetvā āha ‘‘uccārādicatukka’’nti.

    ๑๙๕๐. เอตฺถ หริตํ นาม อิทนฺติ ทเสฺสตุมาห ‘‘ชีวรุกฺขสฺสา’’ติอาทิฯ รุกฺขสฺสาติ อุปลกฺขณํ ชีวมานกติณลตาทีนมฺปิ หริเตเยว สงฺคหิตตฺตาฯ ‘‘ทิสฺสมานํ คจฺฉตี’’ติ วจเนเนว อทิสฺสมานคตํ อหริตนฺติ พฺยติเรกโต วิญฺญายติฯ สาขา วา ภูมิลคฺคา ทิสฺสมานา คจฺฉติ, ตํ สพฺพํ หริตเมวาติ โยชนาฯ

    1950. Ettha haritaṃ nāma idanti dassetumāha ‘‘jīvarukkhassā’’tiādi. Rukkhassāti upalakkhaṇaṃ jīvamānakatiṇalatādīnampi hariteyeva saṅgahitattā. ‘‘Dissamānaṃ gacchatī’’ti vacaneneva adissamānagataṃ aharitanti byatirekato viññāyati. Sākhā vā bhūmilaggā dissamānā gacchati, taṃ sabbaṃ haritamevāti yojanā.

    ๑๙๕๑. สหสา วจฺจํ นิกฺขมเตวาติ สมฺพโนฺธฯ อสฺส ภิกฺขุโนฯ วจฺจนฺติ อุปลกฺขณํ ปสฺสาวาทีนมฺปิ ทสฺสิตตฺตาฯ วฎฺฎตีติ เอตฺถ ‘‘คิลานฎฺฐาเน ฐิตตฺตา’’ติ เสโสฯ

    1951. Sahasā vaccaṃ nikkhamatevāti sambandho. Assa bhikkhuno. Vaccanti upalakkhaṇaṃ passāvādīnampi dassitattā. Vaṭṭatīti ettha ‘‘gilānaṭṭhāne ṭhitattā’’ti seso.

    ๑๙๕๒. ปลาลณฺฑุปเก วาปีติ ปลาลจุมฺพฎเกปิฯ เอตฺถ ‘‘อปฺปหริตํ อลภเนฺตนา’’ติ เสโสฯ กิสฺมิญฺจีติ สุกฺขติณาทิมฺหิ กิสฺมิญฺจิฯ ตํ วจฺจํ ปจฺฉา หริตํ โอตฺถรติ, วฎฺฎตีติ โยชนาฯ

    1952.Palālaṇḍupake vāpīti palālacumbaṭakepi. Ettha ‘‘appaharitaṃ alabhantenā’’ti seso. Kismiñcīti sukkhatiṇādimhi kismiñci. Taṃ vaccaṃ pacchā haritaṃ ottharati, vaṭṭatīti yojanā.

    ๑๙๕๓. เอตีติ ปวิสติฯ เอตฺถาติ อิมสฺมิํ สิกฺขาปเทฯ ‘‘เขเฬน เอว จา’’ติ ปทเจฺฉโทฯ

    1953.Etīti pavisati. Etthāti imasmiṃ sikkhāpade. ‘‘Kheḷena eva cā’’ti padacchedo.

    ตติยจตุตฺถานิฯ

    Tatiyacatutthāni.

    ๑๙๕๔. วจฺจกุฎิสมุทฺทาทิอุทเกสูติ เอตฺถ อาทิ-สเทฺทน สพฺพํ อปริโภคชลํ สงฺคณฺหาติฯ เตเนว ‘‘เตสํ อปริโภคตฺตา’’ติ อปริโภคตฺตเมว การณมาหฯ

    1954.Vaccakuṭisamuddādiudakesūti ettha ādi-saddena sabbaṃ aparibhogajalaṃ saṅgaṇhāti. Teneva ‘‘tesaṃ aparibhogattā’’ti aparibhogattameva kāraṇamāha.

    ๑๙๕๕. อุทโกเฆติ เอตฺถ ‘‘ชาเต’’ติ เสโสฯ อชลนฺติ อชลฎฺฐานํฯ ชเลติ ปริโภคารหชเลฯ อิธาปิ ถลกโต อุทกํ โอตฺถรติ, อนาปตฺติฯ

    1955.Udakogheti ettha ‘‘jāte’’ti seso. Ajalanti ajalaṭṭhānaṃ. Jaleti paribhogārahajale. Idhāpi thalakato udakaṃ ottharati, anāpatti.

    ปญฺจมํฯ

    Pañcamaṃ.

    อฎฺฐโม วโคฺคฯ

    Aṭṭhamo vaggo.

    ๑๙๕๖-๗. ปกิณฺณกวินิจฺฉยํ ทเสฺสตุมาห ‘‘สมุฎฺฐานาทโย’’ติอาทิฯ เญยฺยาติ วกฺขมานนเยน เวทิตพฺพาฯ เอตฺถาติ เอเตสุ เสขิเยสุฯ อุชฺชคฺฆิกา อาทิ เยสนฺติ วิคฺคโห, ตคฺคุณสํวิญฺญาโณยํ พาหิรตฺถสมาโส, อุชฺชคฺฆิกาอปฺปสทฺทปฎิสํยุตฺตานิ จตฺตาริ สิกฺขาปทานีติ อโตฺถฯ ฉมา จ นีจาสนญฺจ ฐานญฺจ ปจฺฉา จ อุปฺปโถ จ ฉมานีจาสนฎฺฐานปจฺฉาอุปฺปถา, เต สทฺทา เอเตสํ สิกฺขาปทานํ อตฺถีติ ตปฺปฎิสํยุตฺตานิ สิกฺขาปทานิ ฉมา…เป.… อุปฺปถวา, ฉมาทิปทวนฺตานิ ปญฺจ สิกฺขาปทานีติ อโตฺถฯ เอตฺถ ฐาน-สเทฺทน ฐา-ธาตุเสฺสว รูปตฺตา สิกฺขาปทาคโต ฐิต-สโทฺท คหิโตฯ ‘‘ทสสู’’ติ วตฺตเพฺพ วณฺณโลเปน, วิภตฺติวิปลฺลาเสน วา ‘‘ทสา’’ติ วุตฺตํฯ สมนุภาสเน สมุฎฺฐานาทีหิ เอเตสุ ทสสุ สิกฺขาปเทสุ สมุฎฺฐานาทโย ตุลฺยา วุตฺตาติ โยชนาฯ

    1956-7. Pakiṇṇakavinicchayaṃ dassetumāha ‘‘samuṭṭhānādayo’’tiādi. Ñeyyāti vakkhamānanayena veditabbā. Etthāti etesu sekhiyesu. Ujjagghikā ādi yesanti viggaho, tagguṇasaṃviññāṇoyaṃ bāhiratthasamāso, ujjagghikāappasaddapaṭisaṃyuttāni cattāri sikkhāpadānīti attho. Chamā ca nīcāsanañca ṭhānañca pacchā ca uppatho ca chamānīcāsanaṭṭhānapacchāuppathā, te saddā etesaṃ sikkhāpadānaṃ atthīti tappaṭisaṃyuttāni sikkhāpadāni chamā…pe… uppathavā, chamādipadavantāni pañca sikkhāpadānīti attho. Ettha ṭhāna-saddena ṭhā-dhātusseva rūpattā sikkhāpadāgato ṭhita-saddo gahito. ‘‘Dasasū’’ti vattabbe vaṇṇalopena, vibhattivipallāsena vā ‘‘dasā’’ti vuttaṃ. Samanubhāsane samuṭṭhānādīhi etesu dasasu sikkhāpadesu samuṭṭhānādayo tulyā vuttāti yojanā.

    กิํ วุตฺตํ โหติ? อิมานิ ทส สิกฺขาปทานิ สมนุภาสนสมุฎฺฐานานิ, เอเกกเมตฺถ กิริยํ, สญฺญาวิโมกฺขํ, สจิตฺตกํ, โลกวชฺชํ, กายกมฺมํ, วจีกมฺมํ, อกุสลจิตฺตํ, ทุกฺขเวทนนฺติ วุตฺตํ โหติฯ

    Kiṃ vuttaṃ hoti? Imāni dasa sikkhāpadāni samanubhāsanasamuṭṭhānāni, ekekamettha kiriyaṃ, saññāvimokkhaṃ, sacittakaṃ, lokavajjaṃ, kāyakammaṃ, vacīkammaṃ, akusalacittaṃ, dukkhavedananti vuttaṃ hoti.

    ๑๙๕๘-๙. ‘‘ฉตฺต’’นฺติอาทีนิ สิกฺขาปทานํ อุปลกฺขณปทานิฯ เอตานิ เอกาทส สิกฺขาปทานิ สมุฎฺฐานาทินา ปน ธมฺมเทสเนน ตุลฺยาว สทิสา เอวาติ โยชนาฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – อิมานิ เอกาทส สิกฺขาปทานิ ธมฺมเทสนาสมุฎฺฐานานิ, กิริยากิริยานิ, สญฺญาวิโมกฺขานิ, สจิตฺตกานิ, โลกวชฺชานิ, วจีกมฺมานิ, อกุสลจิตฺตานิ, ทุกฺขเวทนานีติฯ

    1958-9.‘‘Chatta’’ntiādīni sikkhāpadānaṃ upalakkhaṇapadāni. Etāni ekādasa sikkhāpadāni samuṭṭhānādinā pana dhammadesanena tulyāva sadisā evāti yojanā. Idaṃ vuttaṃ hoti – imāni ekādasa sikkhāpadāni dhammadesanāsamuṭṭhānāni, kiriyākiriyāni, saññāvimokkhāni, sacittakāni, lokavajjāni, vacīkammāni, akusalacittāni, dukkhavedanānīti.

    สูโปทเนน วิญฺญตฺตีติ สูโปทน-สเทฺทน ลกฺขิตํ วิญฺญตฺติสิกฺขาปทํฯ วิญฺญตฺติสิกฺขาปทานํ พหุตฺตา อิทเมว วิเสสิตํฯ เถยฺยสตฺถสมํ มตนฺติ สมุฎฺฐานาทีหิ เถยฺยสตฺถสิกฺขาปเทน สมานํ มตนฺติ อโตฺถฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – สูโปทนวิญฺญตฺติสิกฺขาปทํ เถยฺยสตฺถสมุฎฺฐานํ, กิริยํ, สญฺญาวิโมกฺขํ, สจิตฺตกํ, โลกวชฺชํ, กายกมฺมํ, วจีกมฺมํ, อกุสลจิตฺตํ, ทุกฺขเวทนนฺติฯ

    Sūpodanena viññattīti sūpodana-saddena lakkhitaṃ viññattisikkhāpadaṃ. Viññattisikkhāpadānaṃ bahuttā idameva visesitaṃ. Theyyasatthasamaṃ matanti samuṭṭhānādīhi theyyasatthasikkhāpadena samānaṃ matanti attho. Idaṃ vuttaṃ hoti – sūpodanaviññattisikkhāpadaṃ theyyasatthasamuṭṭhānaṃ, kiriyaṃ, saññāvimokkhaṃ, sacittakaṃ, lokavajjaṃ, kāyakammaṃ, vacīkammaṃ, akusalacittaṃ, dukkhavedananti.

    ๑๙๖๐. อวเสสา ติปญฺญาสาติ อวเสสานิ เตปญฺญาสสิกฺขาปทานิฯ สมานา ปฐเมน ตูติ ปฐเมน ปาราชิเกน สมุฎฺฐานาทิโต สมานานีติ อโตฺถ, ปฐมปาราชิกสทิสสมุฎฺฐานานีติ วุตฺตํ โหติฯ ‘‘อนาปตฺติ อาปทาสู’’ติ ปทเจฺฉโทฯ ปริมณฺฑลํ นิวาเสตฺวา, ปารุปิตฺวา จรนฺตานํ โจรุปทฺทวาทิ อาปทา นามฯ อปิ-สเทฺทน นทิสนฺตรณาทิํ สงฺคณฺหาติฯ เสขิเยสุ สเพฺพสูติ เยภุยฺยวเสน วุตฺตํฯ

    1960.Avasesā tipaññāsāti avasesāni tepaññāsasikkhāpadāni. Samānā paṭhamena tūti paṭhamena pārājikena samuṭṭhānādito samānānīti attho, paṭhamapārājikasadisasamuṭṭhānānīti vuttaṃ hoti. ‘‘Anāpatti āpadāsū’’ti padacchedo. Parimaṇḍalaṃ nivāsetvā, pārupitvā carantānaṃ corupaddavādi āpadā nāma. Api-saddena nadisantaraṇādiṃ saṅgaṇhāti. Sekhiyesu sabbesūti yebhuyyavasena vuttaṃ.

    ๑๙๖๑. ‘‘น อุชฺฌานสญฺญี ปเรสํ ปตฺตํ โอโลเกสฺสามี’’ติอาทีนํ (ปาจิ. ๖๑๔) อิมสฺส อนาปตฺติวารสฺส อสมฺภวโต น ปนาคโตติ ปาฬิยํ น วุโตฺตฯ ตสฺสาปิ ยถาวตฺถุกาว อาปตฺติโย ทฎฺฐพฺพาฯ

    1961. ‘‘Na ujjhānasaññī paresaṃ pattaṃ olokessāmī’’tiādīnaṃ (pāci. 614) imassa anāpattivārassa asambhavato na panāgatoti pāḷiyaṃ na vutto. Tassāpi yathāvatthukāva āpattiyo daṭṭhabbā.

    อิติ วินยตฺถสารสนฺทีปนิยา

    Iti vinayatthasārasandīpaniyā

    วินยวินิจฺฉยวณฺณนาย

    Vinayavinicchayavaṇṇanāya

    เสขิยกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Sekhiyakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๑๙๖๒. โย อิมํ วินิจฺฉยํ วิทิตฺวา ฐิโต, โส หิ ยสฺมา วินเย วิสารโท โหติ, วินีตมานโส จ โหติ, ปเรหิ ทุปฺปธํสิโย จ โหติ, ตโต ตสฺมา การณา สมาหิโต สตตํ อิมํ วินยวินิจฺฉยํ สิเกฺขยฺยาติ โยชนาฯ

    1962. Yo imaṃ vinicchayaṃ viditvā ṭhito, so hi yasmā vinaye visārado hoti, vinītamānaso ca hoti, parehi duppadhaṃsiyo ca hoti, tato tasmā kāraṇā samāhito satataṃ imaṃ vinayavinicchayaṃ sikkheyyāti yojanā.

    ตตฺถ อิมํ วินิจฺฉยํ วิทิตฺวาติ สพฺพโลกิยโลกุตฺตรคุณสมฺปตฺตินิทานํ อิมํ วินยวินิจฺฉยํ อตฺถโต, คนฺถโต, วินิจฺฉยโต จ สกฺกจฺจํ ญตฺวาฯ วิสารโทติ สารชฺชนํ สารโท, วิคโต สารโท อสฺสาติ วิสารโท, วินยปริยตฺติยา, อาปตฺตาทิวิภาเค จ นิพฺภโย นิราสโงฺกติ วุตฺตํ โหติฯ น เกวลํ อิมสฺส ชานเน เอโสว อานิสํโส, อถ โข วินีตมานโส จ โหติ, สํยตจิโตฺต โหตีติ อโตฺถฯ โสติ อิมํ วินิจฺฉยํ สกฺกจฺจํ วิทิตฺวา ฐิโต ภิกฺขุฯ ปเรหีติ อิมํ อชานเนฺตหิ อเญฺญหิฯ ทุปฺปธํสิโย จ โหตีติ อนภิภวนีโย จ โหติฯ

    Tattha imaṃ vinicchayaṃ viditvāti sabbalokiyalokuttaraguṇasampattinidānaṃ imaṃ vinayavinicchayaṃ atthato, ganthato, vinicchayato ca sakkaccaṃ ñatvā. Visāradoti sārajjanaṃ sārado, vigato sārado assāti visārado, vinayapariyattiyā, āpattādivibhāge ca nibbhayo nirāsaṅkoti vuttaṃ hoti. Na kevalaṃ imassa jānane esova ānisaṃso, atha kho vinītamānaso ca hoti, saṃyatacitto hotīti attho. Soti imaṃ vinicchayaṃ sakkaccaṃ viditvā ṭhito bhikkhu. Parehīti imaṃ ajānantehi aññehi. Duppadhaṃsiyo ca hotīti anabhibhavanīyo ca hoti.

    ตโตติ ตสฺมา วินเย วิสารทตาทิสพฺพคุณสมฺปนฺนเหตุตฺตาฯ หีติ ยสฺมาติ อโตฺถฯ สิเกฺขติ สชฺฌายนสวนาทิวเสน สิเกฺขยฺย, อุคฺคเณฺหยฺยาติ อโตฺถฯ ‘‘สตต’’นฺติ อิมินา สพฺพตฺถกกมฺมฎฺฐาเน วิย เอตฺถาปิ สตตาภิโยโค กาตโพฺพติ ทเสฺสติฯ วิกฺขิตฺตสฺส ยถาภูตปฎิเวธาภาวโต ตปฺปฎิปกฺขาย เอกคฺคตาย นิโยเชโนฺต อาห ‘‘สมาหิโต’’ติ, สมฺมา วินยวินิจฺฉเย อาหิโต ปติฎฺฐิโต เอกคฺคจิโตฺตติ วุตฺตํ โหติฯ ยถาห ‘‘อวิกฺขิตฺตสฺสายํ ธโมฺม, นายํ ธโมฺม วิกฺขิตฺตสฺสา’’ติฯ

    Tatoti tasmā vinaye visāradatādisabbaguṇasampannahetuttā. ti yasmāti attho. Sikkheti sajjhāyanasavanādivasena sikkheyya, uggaṇheyyāti attho. ‘‘Satata’’nti iminā sabbatthakakammaṭṭhāne viya etthāpi satatābhiyogo kātabboti dasseti. Vikkhittassa yathābhūtapaṭivedhābhāvato tappaṭipakkhāya ekaggatāya niyojento āha ‘‘samāhito’’ti, sammā vinayavinicchaye āhito patiṭṭhito ekaggacittoti vuttaṃ hoti. Yathāha ‘‘avikkhittassāyaṃ dhammo, nāyaṃ dhammo vikkhittassā’’ti.

    ๑๙๖๓. เอวํ อิมาย คาถาย วุตฺตเมวตฺถํ ปการนฺตเรนาปิ ทเสฺสตุมาห ‘‘อิม’’นฺติอาทิฯ เตติ อเปกฺขิตฺวา ‘‘เย’’ติ ลพฺภติฯ เย เถรา วา นวา วา มชฺฌิมา วาฯ ปรมนฺติ อมตมหานิพฺพานปฺปตฺติยา มูลการณสฺส สีลสฺส ปกาสนโต อุตฺตมํฯ อสํกรนฺติ นิกายนฺตรลทฺธีหิ อสมฺมิสฺสํฯ สํกรนฺติ วุตฺตปฺปการคุโณเปตตฺตา กายจิตฺตสุขการณํ สมฺมุขํ กโรตีติ สํกรํฯ สวนามตนฺติ สทฺทรสาทิโยเคน กณฺณรสายนํฯ อมตนฺติ ตโตเยว อมตํ สุมธุรํฯ อมตมหานิพฺพานาวหตฺตา วา ผลูปจาเรน อมตํฯ อิมํ วินยวินิจฺฉยํฯ อเวจฺจาติ สกฺกจฺจํ วิทิตฺวาฯ อธิเกติ อธิสีลาทิสิกฺขตฺตยปฺปกาสเนน อุกฺกเฎฺฐฯ หิเตติ โลกิยโลกุตฺตรสุขเหตุเตฺตน หิเตฯ หิโนติ อตฺตโน ผลนฺติ ‘‘หิต’’นฺติ สุขเหตุ วุจฺจติฯ กลิสาสเนติ โลภาทิกิเลสวิทฺธํสเนฯ สาสเนติ วินยปริยตฺติสงฺขาตสาสเนกเทเสฯ ปฎุตฺตนฺติ พฺยตฺตภาวํฯ น ยนฺติ น คจฺฉนฺติฯ เก เตติ กตเม เตฯ ‘‘น เกจิ สนฺติ จา’’ติ นิสฺสเนฺทเห อิมิสฺสา คาถาย อโตฺถ ลิขิโตฯ

    1963. Evaṃ imāya gāthāya vuttamevatthaṃ pakārantarenāpi dassetumāha ‘‘ima’’ntiādi. Teti apekkhitvā ‘‘ye’’ti labbhati. Ye therā vā navā vā majjhimā vā. Paramanti amatamahānibbānappattiyā mūlakāraṇassa sīlassa pakāsanato uttamaṃ. Asaṃkaranti nikāyantaraladdhīhi asammissaṃ. Saṃkaranti vuttappakāraguṇopetattā kāyacittasukhakāraṇaṃ sammukhaṃ karotīti saṃkaraṃ. Savanāmatanti saddarasādiyogena kaṇṇarasāyanaṃ. Amatanti tatoyeva amataṃ sumadhuraṃ. Amatamahānibbānāvahattā vā phalūpacārena amataṃ. Imaṃ vinayavinicchayaṃ. Aveccāti sakkaccaṃ viditvā. Adhiketi adhisīlādisikkhattayappakāsanena ukkaṭṭhe. Hiteti lokiyalokuttarasukhahetuttena hite. Hinoti attano phalanti ‘‘hita’’nti sukhahetu vuccati. Kalisāsaneti lobhādikilesaviddhaṃsane. Sāsaneti vinayapariyattisaṅkhātasāsanekadese. Paṭuttanti byattabhāvaṃ. Na yanti na gacchanti. Ke teti katame te. ‘‘Na keci santi cā’’ti nissandehe imissā gāthāya attho likhito.

    เอวํ เอตฺถ อตฺถโยชนา เวทิตพฺพา – ปรมํ อุตฺตมํ อสํกรํ นิกายนฺตรลทฺธีหิ อสมฺมิสฺสํ สํกรํ สกลโลกิยโลกุตฺตรสุขาภินิปฺผาทกํ สวนามตํ โสตรสายนํ อิมํ วินิจฺฉยปฺปกรณํ อเวจฺจ สกฺกจฺจํ วิทิตฺวา อธิเก อธิสีลาทิสิกฺขตฺตยปฺปกาสเนน อุกฺกเฎฺฐ หิเต โลกิยโลกุตฺตรสุขเหตุภูเต กลิสาสเน สกลสํกิเลสวิทฺธํสเก สาสเน วินยปิฎกสงฺขาเต ปริยตฺติสาสเน เย ปฎุตฺตํ น ยนฺติ, เต เก นามาติ โยชนา, เย อิมํ ปกรณํ อเวจฺจ วิทิตฺวา ฐิตา, เต เอกํสโต วินยปิฎเก ปฎุตฺตํ ปาปุณนฺติ เยวาติ อธิปฺปาโยฯ

    Evaṃ ettha atthayojanā veditabbā – paramaṃ uttamaṃ asaṃkaraṃ nikāyantaraladdhīhi asammissaṃ saṃkaraṃ sakalalokiyalokuttarasukhābhinipphādakaṃ savanāmataṃ sotarasāyanaṃ imaṃ vinicchayappakaraṇaṃ avecca sakkaccaṃ viditvā adhike adhisīlādisikkhattayappakāsanena ukkaṭṭhe hite lokiyalokuttarasukhahetubhūte kalisāsane sakalasaṃkilesaviddhaṃsake sāsane vinayapiṭakasaṅkhāte pariyattisāsane ye paṭuttaṃ na yanti, te ke nāmāti yojanā, ye imaṃ pakaraṇaṃ avecca viditvā ṭhitā, te ekaṃsato vinayapiṭake paṭuttaṃ pāpuṇanti yevāti adhippāyo.

    อิติ วินยตฺถสารสนฺทีปนิยา

    Iti vinayatthasārasandīpaniyā

    วินยวินิจฺฉยวณฺณนาย

    Vinayavinicchayavaṇṇanāya

    ภิกฺขุวิภงฺคกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Bhikkhuvibhaṅgakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact