Tipiṭaka / Tipiṭaka (English) / Majjhima Nikāya, English translation

    มชฺฌิม นิกาย ๙๒

    The Middle-Length Suttas Collection 92

    เสลสุตฺต

    With Sela

    เอวํ เม สุตํ—เอกํ สมยํ ภควา องฺคุตฺตราเปสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ อฑฺฒเตฬเสหิ ภิกฺขุสเตหิ เยน อาปณํ นาม องฺคุตฺตราปานํ นิคโม ตทวสริฯ

    So I have heard. At one time the Buddha was wandering in the land of the Northern Āpaṇas together with a large Saṅgha of 1,250 bhikkhus when he arrived at a town of the Northern Āpaṇas named Āpaṇa.

    อโสฺสสิ โข เกณิโย ชฏิโล: “สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม สกฺยปุตฺโต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต องฺคุตฺตราเปสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ อฑฺฒเตฬเสหิ ภิกฺขุสเตหิ อาปณํ อนุปฺปตฺโตฯ ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต: ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา'ติฯ โส อิมํ โลกํ สเทวกํ สมารกํ สพฺรหฺมกํ สสฺสมณพฺราหฺมณึ ปชํ สเทวมนุสฺสํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติฯ โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติฯ สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ โหตี”ติฯ

    The matted-hair ascetic Keṇiya heard: “It seems the ascetic Gotama—a Sakyan, gone forth from a Sakyan family—has arrived at Āpaṇa, together with a large Saṅgha of 1,250 bhikkhus. He has this good reputation: ‘That Blessed One is perfected, a fully awakened Buddha, accomplished in knowledge and conduct, holy, knower of the world, supreme guide for those who wish to train, teacher of gods and humans, awakened, blessed.’ He has realized with his own insight this world—with its gods, Māras and Brahmās, this population with its ascetics and brahmins, gods and humans—and he makes it known to others. He teaches Dhamma that’s good in the beginning, good in the middle, and good in the end, meaningful and well-phrased. And he reveals a spiritual practice that’s entirely full and pure. It’s good to see such perfected ones.”

    อถ โข เกณิโย ชฏิโล เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิฯ สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข เกณิยํ ชฏิลํ ภควา ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสสิ สมาทเปสิ สมุตฺเตเชสิ สมฺปหํเสสิฯ

    So Keṇiya approached the Buddha and exchanged greetings with him. When the greetings and polite conversation were over, he sat down to one side. The Buddha educated, encouraged, fired up, and inspired him with a Dhamma talk.

    อถ โข เกณิโย ชฏิโล ภควตา ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิโต สมาทปิโต สมุตฺเตชิโต สมฺปหํสิโต ภควนฺตํ เอตทโวจ: “อธิวาเสตุ เม ภวํ โคตโม สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆนา”ติฯ

    Then he said to the Buddha, “Would Master Gotama together with the bhikkhu Saṅgha please accept tomorrow’s meal from me?”

    เอวํ วุตฺเต, ภควา เกณิยํ ชฏิลํ เอตทโวจ: “มหา โข, เกณิย, ภิกฺขุสงฺโฆ อฑฺฒเตฬสานิ ภิกฺขุสตานิ, ตฺวญฺจ พฺราหฺมเณสุ อภิปฺปสนฺโน”ติฯ

    When he said this, the Buddha said to him, “The Saṅgha is large, Keṇiya; there are 1,250 bhikkhus. And you are devoted to the brahmins.”

    ทุติยมฺปิ โข เกณิโย ชฏิโล ภควนฺตํ เอตทโวจ: “กิญฺจาปิ โข, โภ โคตม, มหา ภิกฺขุสงฺโฆ อฑฺฒเตฬสานิ ภิกฺขุสตานิ, อหญฺจ พฺราหฺมเณสุ อภิปฺปสนฺโน; อธิวาเสตุ เม ภวํ โคตโม สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆนา”ติฯ ทุติยมฺปิ โข ภควา เกณิยํ ชฏิลํ เอตทโวจ: “มหา โข, เกณิย, ภิกฺขุสงฺโฆ อฑฺฒเตฬสานิ ภิกฺขุสตานิ, ตฺวญฺจ พฺราหฺมเณสุ อภิปฺปสนฺโน”ติฯ ตติยมฺปิ โข เกณิโย ชฏิโล ภควนฺตํ เอตทโวจ: “กิญฺจาปิ โข, โภ โคตม, มหา ภิกฺขุสงฺโฆ อฑฺฒเตฬสานิ ภิกฺขุสตานิ, อหญฺจ พฺราหฺมเณสุ อภิปฺปสนฺโน; อธิวาเสตุ เม ภวํ โคตโม สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆนา”ติฯ อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวนฯ

    For a second time, Keṇiya asked the Buddha to accept a meal offering. “Never mind that the Saṅgha is large, with 1,250 bhikkhus, and that I am devoted to the brahmins. Would Master Gotama together with the bhikkhu Saṅgha please accept tomorrow’s meal from me?” And for a second time, the Buddha gave the same reply. For a third time, Keṇiya asked the Buddha to accept a meal offering. “Never mind that the Saṅgha is large, with 1,250 bhikkhus, and that I am devoted to the brahmins. Would Master Gotama together with the bhikkhu Saṅgha please accept tomorrow’s meal from me?” The Buddha consented with silence.

    อถ โข เกณิโย ชฏิโล ภควโต อธิวาสนํ วิทิตฺวา อุฏฺฐายาสนา เยน สโก อสฺสโม เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มิตฺตามจฺเจ ญาติสาโลหิเต อามนฺเตสิ: “สุณนฺตุ เม โภนฺโต, มิตฺตามจฺจา ญาติสาโลหิตา; สมโณ เม โคตโม นิมนฺติโต สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆนฯ เยน เม กายเวยฺยาวฏิกํ กเรยฺยาถา”ติฯ

    Then, knowing that the Buddha had consented, Keṇiya got up from his seat and went to his own hermitage. There he addressed his friends and colleagues, relatives and family members, “My friends and colleagues, relatives and family members: please listen! The ascetic Gotama together with the bhikkhu Saṅgha has been invited by me for tomorrow’s meal. Please help me with the preparations.”

    “เอวํ, โภ”ติ โข เกณิยสฺส ชฏิลสฺส มิตฺตามจฺจา ญาติสาโลหิตา เกณิยสฺส ชฏิลสฺส ปฏิสฺสุตฺวา อปฺเปกจฺเจ อุทฺธนานิ ขณนฺติ, อปฺเปกจฺเจ กฏฺฐานิ ผาเลนฺติ, อปฺเปกจฺเจ ภาชนานิ โธวนฺติ, อปฺเปกจฺเจ อุทกมณิกํ ปติฏฺฐาเปนฺติ, อปฺเปกจฺเจ อาสนานิ ปญฺญเปนฺติฯ เกณิโย ปน ชฏิโล สามํเยว มณฺฑลมาลํ ปฏิยาเทติฯ

    “Yes, sir,” they replied. Some dug ovens, some chopped wood, some washed dishes, some set out a water jar, and some spread out seats. Meanwhile, Keṇiya set up the pavilion himself.

    เตน โข ปน สมเยน เสโล พฺราหฺมโณ อาปเณ ปฏิวสติ ติณฺณํ เวทานํ ปารคู สนิฆณฺฑุเกฏุภานํ สากฺขรปฺปเภทานํ อิติหาสปญฺจมานํ, ปทโก, เวยฺยากรโณ, โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ อนวโย, ตีณิ จ มาณวกสตานิ มนฺเต วาเจติฯ

    Now at that time the brahmin Sela was residing in Āpaṇa. He had mastered the three Vedas, together with their vocabularies, ritual, phonology and etymology, and the testament as fifth. He knew philology and grammar, and was well versed in cosmology and the marks of a great man. And he was teaching three hundred students to recite the hymns.

    เตน โข ปน สมเยน เกณิโย ชฏิโล เสเล พฺราหฺมเณ อภิปฺปสนฺโน โหติฯ อถ โข เสโล พฺราหฺมโณ ตีหิ มาณวกสเตหิ ปริวุโต ชงฺฆาวิหารํ อนุจงฺกมมาโน อนุวิจรมาโน เยน เกณิยสฺส ชฏิลสฺส อสฺสโม เตนุปสงฺกมิฯ อทฺทสา โข เสโล พฺราหฺมโณ เกณิยสฺส ชฏิลสฺส อสฺสเม อปฺเปกจฺเจ อุทฺธนานิ ขณนฺเต, อปฺเปกจฺเจ กฏฺฐานิ ผาเลนฺเต, อปฺเปกจฺเจ ภาชนานิ โธวนฺเต, อปฺเปกจฺเจ อุทกมณิกํ ปติฏฺฐาเปนฺเต, อปฺเปกจฺเจ อาสนานิ ปญฺญเปนฺเต, เกณิยํ ปน ชฏิลํ สามํเยว มณฺฑลมาลํ ปฏิยาเทนฺตํฯ ทิสฺวาน เกณิยํ ชฏิลํ เอตทโวจ: “กึ นุ โภโต เกณิยสฺส อาวาโห วา ภวิสฺสติ วิวาโห วา ภวิสฺสติ มหายญฺโญ วา ปจฺจุปฏฺฐิโต, ราชา วา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร นิมนฺติโต สฺวาตนาย สทฺธึ พลกาเยนา”ติ?

    And at that time Keṇiya was devoted to Sela. Then Sela, while going for a walk escorted by the three hundred students, approached Keṇiya’s hermitage. He saw the preparations going on, and said to Keṇiya, “Keṇiya, is your son or daughter being married? Or are you setting up a big sacrifice? Or has King Seniya Bimbisāra of Magadha been invited for tomorrow’s meal?”

    “น เม, โภ เสล, อาวาโห ภวิสฺสติ นปิ วิวาโห ภวิสฺสติ นปิ ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร นิมนฺติโต สฺวาตนาย สทฺธึ พลกาเยน; อปิ จ โข เม มหายญฺโญ ปจฺจุปฏฺฐิโตฯ อตฺถิ, โภ, สมโณ โคตโม สกฺยปุตฺโต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต องฺคุตฺตราเปสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ อฑฺฒเตฬเสหิ ภิกฺขุสเตหิ อาปณํ อนุปฺปตฺโตฯ ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต: ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา'ติฯ โส เม นิมนฺติโต สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆนา”ติฯ

    “There is no marriage, Sela, and the king is not coming. Rather, I am setting up a big sacrifice. The ascetic Gotama has arrived at Āpaṇa, together with a large Saṅgha of 1,250 bhikkhus. He has this good reputation: ‘That Blessed One is perfected, a fully awakened Buddha, accomplished in knowledge and conduct, holy, knower of the world, supreme guide for those who wish to train, teacher of gods and humans, awakened, blessed.’ He has been invited by me for tomorrow’s meal together with the bhikkhu Saṅgha.”

    “พุทฺโธติ—โภ เกณิย, วเทสิ”?

    “Mister Keṇiya, did you say ‘the awakened one’?”

    “พุทฺโธติ—โภ เสล, วทามิ”ฯ

    “I said ‘the awakened one’.”

    “พุทฺโธติ—โภ เกณิย, วเทสิ”?

    “Did you say ‘the awakened one’?”

    “พุทฺโธติ—โภ เสล, วทามี”ติฯ

    “I said ‘the awakened one’.”

    อถ โข เสลสฺส พฺราหฺมณสฺส เอตทโหสิ: “โฆโสปิ โข เอโส ทุลฺลโภ โลกสฺมึ—ยทิทํ ‘พุทฺโธ'ติฯ อาคตานิ โข ปนมฺหากํ มนฺเตสุ ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณานิ, เยหิ สมนฺนาคตสฺส มหาปุริสสฺส เทฺวเยว คติโย ภวนฺติ อนญฺญาฯ สเจ อคารํ อชฺฌาวสติ, ราชา โหติ จกฺกวตฺตี ธมฺมิโก ธมฺมราชา จาตุรนฺโต วิชิตาวี ชนปทตฺถาวริยปฺปตฺโต สตฺตรตนสมนฺนาคโตฯ ตสฺสิมานิ สตฺต รตนานิ ภวนฺติ, เสยฺยถิทํ—จกฺกรตนํ, หตฺถิรตนํ, อสฺสรตนํ, มณิรตนํ, อิตฺถิรตนํ, คหปติรตนํ, ปริณายกรตนเมว สตฺตมํฯ ปโรสหสฺสํ โข ปนสฺส ปุตฺตา ภวนฺติ สูรา วีรงฺครูปา ปรเสนปฺปมทฺทนาฯ โส อิมํ ปถวึ สาครปริยนฺตํ อทณฺเฑน อสตฺเถน ธมฺเมน อภิวิชิย อชฺฌาวสติฯ สเจ ปน อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติ, อรหํ โหติ สมฺมาสมฺพุทฺโธ โลเก วิวฏฺฏจฺฉโท”ฯ

    Then Sela thought, “It’s hard to even find the word ‘awakened one’ in the world. The thirty-two marks of a great man have been handed down in our hymns. A great man who possesses these has only two possible destinies, no other. If he stays at home he becomes a king, a wheel-turning monarch, a just and principled king. His dominion extends to all four sides, he achieves stability in the country, and he possesses the seven treasures. He has the following seven treasures: the wheel, the elephant, the horse, the jewel, the woman, the treasurer, and the counselor as the seventh treasure. He has over a thousand sons who are valiant and heroic, crushing the armies of his enemies. After conquering this land girt by sea, he reigns by principle, without rod or sword. But if he goes forth from the lay life to homelessness, he becomes a perfected one, a fully awakened Buddha, who draws back the veil from the world.”

    “กหํ ปน, โภ เกณิย, เอตรหิ โส ภวํ โคตโม วิหรติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ”ติ?

    “But Keṇiya, where is the Blessed One at present, the perfected one, the fully awakened Buddha?”

    เอวํ วุตฺเต, เกณิโย ชฏิโล ทกฺขิณํ พาหุํ ปคฺคเหตฺวา เสลํ พฺราหฺมณํ เอตทโวจ: “เยเนสา, โภ เสล, นีลวนราชี”ติฯ

    When he said this, Keṇiya pointed with his right arm and said, “There, Mister Sela, at that line of blue forest.”

    อถ โข เสโล พฺราหฺมโณ ตีหิ มาณวกสเตหิ สทฺธึ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิฯ อถ โข เสโล พฺราหฺมโณ เต มาณวเก อามนฺเตสิ: “อปฺปสทฺทา โภนฺโต อาคจฺฉนฺตุ ปเท ปทํ นิกฺขิปนฺตา; ทุราสทา หิ เต ภควนฺโต สีหาว เอกจราฯ ยทา จาหํ, โภ, สมเณน โคตเมน สทฺธึ มนฺเตยฺยํ, มา เม โภนฺโต อนฺตรนฺตรา กถํ โอปาเตถฯ กถาปริโยสานํ เม ภวนฺโต อาคเมนฺตู”ติฯ

    Then Sela, together with his students, approached the Buddha. He said to his students, “Come quietly, gentlemen, tread gently. For the Buddhas are intimidating, like a lion living alone. When I’m consulting with the ascetic Gotama, don’t interrupt. Wait until I’ve finished speaking.”

    อถ โข เสโล พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิฯ สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข เสโล พฺราหฺมโณ ภควโต กาเย ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณานิ สมนฺเนสิฯ

    Then Sela went up to the Buddha, and exchanged greetings with him. When the greetings and polite conversation were over, he sat down to one side, and scrutinized the Buddha’s body for the thirty-two marks of a great man.

    อทฺทสา โข เสโล พฺราหฺมโณ ภควโต กาเย ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณานิ, เยภุเยฺยน ฐเปตฺวา เทฺวฯ ทฺวีสุ มหาปุริสลกฺขเณสุ กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติ—โกโสหิเต จ วตฺถคุเยฺห ปหูตชิวฺหตาย จฯ

    He saw all of them except for two, which he had doubts about: whether the private parts are covered in a foreskin, and the largeness of the tongue.

    อถ โข ภควโต เอตทโหสิ: “ปสฺสติ โข เม อยํ เสโล พฺราหฺมโณ ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณานิ, เยภุเยฺยน ฐเปตฺวา เทฺวฯ ทฺวีสุ มหาปุริสลกฺขเณสุ กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติ—โกโสหิเต จ วตฺถคุเยฺห ปหูตชิวฺหตาย จา”ติฯ

    Then it occurred to the Buddha, “Sela sees all the marks except for two, which he has doubts about: whether the private parts are covered in a foreskin, and the largeness of the tongue.”

    อถ โข ภควา ตถารูปํ อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขาสิ, ยถา อทฺทส เสโล พฺราหฺมโณ ภควโต โกโสหิตํ วตฺถคุยฺหํฯ อถ โข ภควา ชิวฺหํ นินฺนาเมตฺวา อุโภปิ กณฺณโสตานิ อนุมสิ ปฏิมสิ; อุโภปิ นาสิกโสตานิ อนุมสิ ปฏิมสิ; เกวลมฺปิ นลาฏมณฺฑลํ ชิวฺหาย ฉาเทสิฯ

    The Buddha used his psychic power to will that Sela would see his private parts covered in a foreskin. And he stuck out his tongue and stroked back and forth on his ear holes and nostrils, and covered his entire forehead with his tongue.

    อถ โข เสลสฺส พฺราหฺมณสฺส เอตทโหสิ: “สมนฺนาคโต โข สมโณ โคตโม ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขเณหิ ปริปุณฺเณหิ, โน อปริปุณฺเณหิ; โน จ โข นํ ชานามิ พุทฺโธ วา โน วาฯ สุตํ โข ปน เมตํ พฺราหฺมณานํ วุทฺธานํ มหลฺลกานํ อาจริยปาจริยานํ ภาสมานานํ: ‘เย เต ภวนฺติ อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา เต สเก วณฺเณ ภญฺญมาเน อตฺตานํ ปาตุกโรนฺตี'ติฯ ยนฺนูนาหํ สมณํ โคตมํ สมฺมุขา สารุปฺปาหิ คาถาหิ อภิตฺถเวยฺยนฺ”ติฯ

    Then Sela thought, “The ascetic Gotama possesses the thirty-two marks completely, lacking none. But I don’t know whether or not he is an awakened one. I have heard that brahmins of the past who were elderly and senior, the teachers of teachers, said, ‘Those who are perfected ones, fully awakened Buddhas reveal themselves when praised.’ Why don’t I extoll him in his presence with fitting verses?”

    อถ โข เสโล พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ สมฺมุขา สารุปฺปาหิ คาถาหิ อภิตฺถวิ:

    Then Sela extolled the Buddha in his presence with fitting verses:

    “ปริปุณฺณกาโย สุรุจิ, สุชาโต จารุทสฺสโน; สุวณฺณวณฺโณสิ ภควา, สุสุกฺกทาโฐสิ วีริยวาฯ

    “O Blessed One, your body’s perfect, you’re radiant, handsome, lovely to behold; golden colored, with teeth so white; you’re strong.

    นรสฺส หิ สุชาตสฺส, เย ภวนฺติ วิยญฺชนา; สพฺเพ เต ตว กายสฺมึ, มหาปุริสลกฺขณาฯ

    The characteristics of a handsome man, the marks of a great man, are all found on your body.

    ปสนฺนเนตฺโต สุมุโข, พฺรหา อุชุ ปตาปวา; มชฺเฌ สมณสงฺฆสฺส, อาทิจฺโจว วิโรจสิฯ

    Your eyes are clear, your face is fair, you’re formidable, upright, majestic. In the midst of the Saṅgha of ascetics, you shine like the sun.

    กลฺยาณทสฺสโน ภิกฺขุ, กญฺจนสนฺนิภตฺตโจ; กึ เต สมณภาเวน, เอวํ อุตฺตมวณฺณิโนฯ

    You’re a bhikkhu fine to see, with skin of golden sheen. But with such excellent appearance, what do you want with the ascetic life?

    ราชา อรหสิ ภวิตุํ, จกฺกวตฺตี รเถสโภ; จาตุรนฺโต วิชิตาวี, ชมฺพุสณฺฑสฺส อิสฺสโรฯ

    You’re fit to be a king, a wheel-turning monarch, chief of charioteers, victorious in the four quarters, lord of all India.

    ขตฺติยา โภคิราชาโน, อนุยนฺตา ภวนฺตุ เต; ราชาภิราชา มนุชินฺโท, รชฺชํ กาเรหิ โคตม”ฯ

    Aristocrats, nobles, and kings ought follow your rule. Gotama, you should reign as king of kings, lord of men!”

    “ราชาหมสฺมิ เสลาติ, ธมฺมราชา อนุตฺตโร; ธมฺเมน จกฺกํ วตฺเตมิ, จกฺกํ อปฺปฏิวตฺติยํ”ฯ

    “I am a king, Sela, the supreme king of the teaching. By the teaching I roll forth the wheel which cannot be rolled back.”

    “สมฺพุทฺโธ ปฏิชานาสิ, ธมฺมราชา อนุตฺตโร; ‘ธมฺเมน จกฺกํ วตฺเตมิ', อิติ ภาสสิ โคตมฯ

    “You claim to be awakened, the supreme king of the teaching. ‘I roll forth the teaching’: so you say, Gotama.

    โก นุ เสนาปติ โภโต, สาวโก สตฺถุรนฺวโย; โก เตตมนุวตฺเตติ, ธมฺมจกฺกํ ปวตฺติตํ”ฯ

    Then who is your general, the disciple who follows the Teacher’s way? Who keeps rolling the wheel of teaching you rolled forth?”

    “มยา ปวตฺติตํ จกฺกํ, (เสลาติ ภควา) ธมฺมจกฺกํ อนุตฺตรํ; สาริปุตฺโต อนุวตฺเตติ, อนุชาโต ตถาคตํฯ

    “By me the wheel was rolled forth,” said the Buddha, “the supreme wheel of teaching. Sāriputta, taking after the Realized One, keeps it rolling on.

    อภิญฺเญยฺยํ อภิญฺญาตํ, ภาเวตพฺพญฺจ ภาวิตํ; ปหาตพฺพํ ปหีนํ เม, ตสฺมา พุทฺโธสฺมิ พฺราหฺมณฯ

    I have known what should be known, and developed what should be developed, and given up what should be given up: and so, brahmin, I am a Buddha.

    วินยสฺสุ มยิ กงฺขํ, อธิมุจฺจสฺสุ พฺราหฺมณ; ทุลฺลภํ ทสฺสนํ โหติ, สมฺพุทฺธานํ อภิณฺหโสฯ

    Dispel your doubt in me—make up your mind, brahmin! The sight of a Buddha is hard to find again.

    เยสํ เว ทุลฺลโภ โลเก, ปาตุภาโว อภิณฺหโส; โสหํ พฺราหฺมณ สมฺพุทฺโธ, สลฺลกตฺโต อนุตฺตโรฯ

    I am a Buddha, brahmin, the supreme surgeon, one of those whose appearance in the world is hard to find again.

    พฺรหฺมภูโต อติตุโล, มารเสนปฺปมทฺทโน; สพฺพามิตฺเต วสี กตฺวา, โมทามิ อกุโตภโย”ฯ

    Holy, unequaled, crusher of Māra’s army; having subdued all my opponents, I rejoice, fearing nothing from any quarter.”

    “อิมํ โภนฺโต นิสาเมถ, ยถา ภาสติ จกฺขุมา; สลฺลกตฺโต มหาวีโร, สีโหว นทตี วเนฯ

    “Pay heed, sirs, to what is spoken by the Clear-eyed One. The surgeon, the great hero, roars like a lion in the jungle.

    พฺรหฺมภูตํ อติตุลํ, มารเสนปฺปมทฺทนํ; โก ทิสฺวา นปฺปสีเทยฺย, อปิ กณฺหาภิชาติโกฯ

    Holy, unequaled, crusher of Māra’s army; who would not be inspired by him, even one whose nature is dark?

    โย มํ อิจฺฉติ อเนฺวตุ, โย วา นิจฺฉติ คจฺฉตุ; อิธาหํ ปพฺพชิสฺสามิ, วรปญฺญสฺส สนฺติเก”ฯ

    Those who wish may follow me; those who don’t may go. Right here, I’ll go forth in his presence, the one of such splendid wisdom.”

    “เอตญฺเจ รุจฺจติ โภโต, สมฺมาสมฺพุทฺธสาสนํ; มยมฺปิ ปพฺพชิสฺสาม, วรปญฺญสฺส สนฺติเก”ฯ

    “Sir, if you like the teaching of the Buddha, we’ll also go forth in his presence, the one of such splendid wisdom.”

    พฺราหฺมณา ติสตา อิเม, ยาจนฺติ ปญฺชลีกตา; “พฺรหฺมจริยํ จริสฺสาม, ภควา ตว สนฺติเก”ฯ

    “These three hundred brahmins with joined palms held up, ask: ‘May we lead the spiritual life in your presence, Blessed One?’”

    “สฺวากฺขาตํ พฺรหฺมจริยํ, (เสลาติ ภควา) สนฺทิฏฺฐิกมกาลิกํ; ยตฺถ อโมฆา ปพฺพชฺชา, อปฺปมตฺตสฺส สิกฺขโต”ติฯ

    “The spiritual life is well explained,” said the Buddha, “apparent in the present life, immediately effective. Here the going forth isn’t in vain for one who trains with diligence.”

    อลตฺถ โข เสโล พฺราหฺมโณ สปริโส ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, อลตฺถ อุปสมฺปทํฯ

    And the brahmin Sela together with his assembly received the going forth, the ordination in the Buddha’s presence.

    อถ โข เกณิโย ชฏิโล ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน สเก อสฺสเม ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ ปฏิยาทาเปตฺวา ภควโต กาลํ อาโรจาเปสิ: “กาโล, โภ โคตม, นิฏฺฐิตํ ภตฺตนฺ”ติฯ

    And when the night had passed Keṇiya had delicious fresh and cooked foods prepared in his own home. Then he had the Buddha informed of the time, saying, “It’s time, Master Gotama, the meal is ready.”

    อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน เกณิยสฺส ชฏิลสฺส อสฺสโม เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺญตฺเต อาสเน นิสีทิ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆนฯ อถ โข เกณิโย ชฏิโล พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตปฺเปสิ, สมฺปวาเรสิฯ อถ โข เกณิโย ชฏิโล ภควนฺตํ ภุตฺตาวึ โอนีตปตฺตปาณึ อญฺญตรํ นีจํ อาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข เกณิยํ ชฏิลํ ภควา อิมาหิ คาถาหิ อนุโมทิ:

    Then the Buddha robed up in the morning and, taking his bowl and robe, went to Keṇiya’s hermitage, where he sat on the seat spread out, together with the Saṅgha of bhikkhus. Then Keṇiya served and satisfied the bhikkhu Saṅgha headed by the Buddha with his own hands with delicious fresh and cooked foods. When the Buddha had eaten and washed his hand and bowl, Keṇiya took a low seat and sat to one side. The Buddha expressed his appreciation with these verses:

    “อคฺคิหุตฺตมุขา ยญฺญา, สาวิตฺตี ฉนฺทโส มุขํ; ราชา มุขํ มนุสฺสานํ, นทีนํ สาคโร มุขํฯ

    “The foremost of sacrifices is the offering to the sacred flame; the Gāyatrī Mantra is the foremost of poetic meters; of humans, the king is the foremost; the ocean’s the foremost of rivers;

    นกฺขตฺตานํ มุขํ จนฺโท, อาทิจฺโจ ตปตํ มุขํ; ปุญฺญํ อากงฺขมานานํ, สงฺโฆ เว ยชตํ มุขนฺ”ติฯ

    the foremost of stars is the moon; the sun is the foremost of lights; for those who sacrifice seeking merit, the Saṅgha is the foremost.”

    อถ โข ภควา เกณิยํ ชฏิลํ อิมาหิ คาถาหิ อนุโมทิตฺวา อุฏฺฐายาสนา ปกฺกามิฯ

    When the Buddha had expressed his appreciation to Keṇiya the matted-hair ascetic with these verses, he got up from his seat and left.

    อถ โข อายสฺมา เสโล สปริโส เอโก วูปกฏฺโฐ อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต นจิรเสฺสว—ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ, ตทนุตฺตรํ—พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเฐว ธมฺเม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิฯ

    Then Venerable Sela and his assembly, living alone, withdrawn, diligent, keen, and resolute, soon realized the supreme end of the spiritual path in this very life. They lived having achieved with their own insight the goal for which gentlemen rightly go forth from the lay life to homelessness.

    “ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา”ติ อพฺภญฺญาสิฯ อญฺญตโร โข ปนายสฺมา เสโล สปริโส อรหตํ อโหสิฯ

    They understood: “Rebirth is ended; the spiritual journey has been completed; what had to be done has been done; there is no return to any state of existence.” And Venerable Sela together with his assembly became perfected.

    อถ โข อายสฺมา เสโล สปริโส เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เอกํสํ จีวรํ กตฺวา เยน ภควา เตนญฺชลึ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ คาถาหิ อชฺฌภาสิ:

    Then Sela with his assembly went to see the Buddha. He arranged his robe over one shoulder, raised his joined palms toward the Buddha, and said:

    “ยํ ตํ สรณมาคมฺม, อิโต อฏฺฐมิ จกฺขุมา; สตฺตรตฺเตน ภควา, ทนฺตมฺห ตว สาสเนฯ

    “This is the eighth day since we went for refuge, O Clear-eyed One. In these seven days, Blessed One, we’ve become tamed in your teaching.

    ตุวํ พุทฺโธ ตุวํ สตฺถา, ตุวํ มาราภิภู มุนิ; ตุวํ อนุสเย เฉตฺวา, ติณฺโณ ตาเรสิมํ ปชํฯ

    You are the Buddha, you are the Teacher, you are the sage who has overcome Māra; you have cut off the underlying tendencies, you’ve crossed over, and you bring humanity across.

    อุปธี เต สมติกฺกนฺตา, อาสวา เต ปทาลิตา; สีโหว อนุปาทาโน, ปหีนภยเภรโวฯ

    You have transcended attachments, your defilements are shattered; by not grasping, like a lion, you’ve given up fear and dread.

    ภิกฺขโว ติสตา อิเม, ติฏฺฐนฺติ ปญฺชลีกตา; ปาเท วีร ปสาเรหิ, นาคา วนฺทนฺตุ สตฺถุโน”ติฯ

    These three hundred bhikkhus stand with joined palms raised. Stretch out your feet, great hero: let these giants bow to the Teacher.”

    เสลสุตฺตํ นิฏฺฐิตํ ทุติยํฯ





    The authoritative text of the Majjhima Nikāya is the Pāli text. The English translation is provided as an aid to the study of the original Pāli text. [CREDITS »]


    © 1991-2024 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact