Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สุตฺตนิปาตปาฬิ • Suttanipātapāḷi |
๗. เสลสุตฺตํ
7. Selasuttaṃ
เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา องฺคุตฺตราเปสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ อฑฺฒเตฬเสหิ ภิกฺขุสเตหิ เยน อาปณํ นาม องฺคุตฺตราปานํ นิคโม ตทวสริฯ อโสฺสสิ โข เกณิโย ชฎิโล ‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม สกฺยปุโตฺต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต องฺคุตฺตราเปสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ อฑฺฒเตฬเสหิ ภิกฺขุสเตหิ อาปณํ อนุปฺปโตฺตฯ ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสโทฺท อพฺภุคฺคโต – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ วิชฺชาจรณสมฺปโนฺน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุโทฺธ ภควา’ติ 1ฯ โส อิมํ โลกํ สเทวกํ สมารกํ สพฺรหฺมกํ สสฺสมณพฺราหฺมณิํ ปชํ สเทวมนุสฺสํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติฯ โส ธมฺมํ เทสติ อาทิกลฺยาณํ มเชฺฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติฯ สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ โหตี’’ติฯ
Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā aṅguttarāpesu cārikaṃ caramāno mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ aḍḍhateḷasehi bhikkhusatehi yena āpaṇaṃ nāma aṅguttarāpānaṃ nigamo tadavasari. Assosi kho keṇiyo jaṭilo ‘‘samaṇo khalu, bho, gotamo sakyaputto sakyakulā pabbajito aṅguttarāpesu cārikaṃ caramāno mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ aḍḍhateḷasehi bhikkhusatehi āpaṇaṃ anuppatto. Taṃ kho pana bhavantaṃ gotamaṃ evaṃ kalyāṇo kittisaddo abbhuggato – ‘itipi so bhagavā arahaṃ sammāsambuddho vijjācaraṇasampanno sugato lokavidū anuttaro purisadammasārathi satthā devamanussānaṃ buddho bhagavā’ti 2. So imaṃ lokaṃ sadevakaṃ samārakaṃ sabrahmakaṃ sassamaṇabrāhmaṇiṃ pajaṃ sadevamanussaṃ sayaṃ abhiññā sacchikatvā pavedeti. So dhammaṃ desati ādikalyāṇaṃ majjhekalyāṇaṃ pariyosānakalyāṇaṃ sātthaṃ sabyañjanaṃ, kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ pakāseti. Sādhu kho pana tathārūpānaṃ arahataṃ dassanaṃ hotī’’ti.
อถ โข เกณิโย ชฎิโล เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข เกณิยํ ชฎิลํ ภควา ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสสิ สมาทเปสิ สมุเตฺตเชสิ สมฺปหํเสสิฯ อถ โข เกณิโย ชฎิโล ภควตา ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิโต สมาทปิโต สมุเตฺตชิโต สมฺปหํสิโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อธิวาเสตุ เม ภวํ โคตโม สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธิํ ภิกฺขุสเงฺฆนา’’ติฯ เอวํ วุเตฺต, ภควา เกณิยํ ชฎิลํ เอตทโวจ – ‘‘มหา โข, เกณิย, ภิกฺขุสโงฺฆ อฑฺฒเตฬสานิ ภิกฺขุสตานิ; ตฺวญฺจ พฺราหฺมเณสุ อภิปฺปสโนฺน’’ติฯ
Atha kho keṇiyo jaṭilo yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavatā saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinnaṃ kho keṇiyaṃ jaṭilaṃ bhagavā dhammiyā kathāya sandassesi samādapesi samuttejesi sampahaṃsesi. Atha kho keṇiyo jaṭilo bhagavatā dhammiyā kathāya sandassito samādapito samuttejito sampahaṃsito bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘adhivāsetu me bhavaṃ gotamo svātanāya bhattaṃ saddhiṃ bhikkhusaṅghenā’’ti. Evaṃ vutte, bhagavā keṇiyaṃ jaṭilaṃ etadavoca – ‘‘mahā kho, keṇiya, bhikkhusaṅgho aḍḍhateḷasāni bhikkhusatāni; tvañca brāhmaṇesu abhippasanno’’ti.
ทุติยมฺปิ โข เกณิโย ชฎิโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กิญฺจาปิ, โภ โคตม, มหา ภิกฺขุสโงฺฆ อฑฺฒเตฬสานิ ภิกฺขุสตานิ, อหญฺจ พฺราหฺมเณสุ อภิปฺปสโนฺน; อธิวาเสตุ เม ภวํ โคตโม สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธิํ ภิกฺขุสเงฺฆนา’’ติฯ ทุติยมฺปิ โข ภควา เกณิยํ ชฎิลํ เอตทโวจ – ‘‘มหา โข, เกณิย, ภิกฺขุสโงฺฆ อฑฺฒเตฬสานิ ภิกฺขุสตานิ; ตฺวญฺจ พฺราหฺมเณสุ อภิปฺปสโนฺน’’ติฯ
Dutiyampi kho keṇiyo jaṭilo bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘kiñcāpi, bho gotama, mahā bhikkhusaṅgho aḍḍhateḷasāni bhikkhusatāni, ahañca brāhmaṇesu abhippasanno; adhivāsetu me bhavaṃ gotamo svātanāya bhattaṃ saddhiṃ bhikkhusaṅghenā’’ti. Dutiyampi kho bhagavā keṇiyaṃ jaṭilaṃ etadavoca – ‘‘mahā kho, keṇiya, bhikkhusaṅgho aḍḍhateḷasāni bhikkhusatāni; tvañca brāhmaṇesu abhippasanno’’ti.
ตติยมฺปิ โข เกณิโย ชฎิโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กิญฺจาปิ, โภ โคตม, มหา ภิกฺขุสโงฺฆ อฑฺฒเตฬสานิ ภิกฺขุสตานิ, อหญฺจ พฺราหฺมเณสุ อภิปฺปสโนฺน, อธิวาเสตุ 3 เม ภวํ โคตโม สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธิํ ภิกฺขุสเงฺฆนา’’ติฯ อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวนฯ อถ โข เกณิโย ชฎิโล ภควโต อธิวาสนํ วิทิตฺวา อุฎฺฐายาสนา เยน สโก อสฺสโม เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มิตฺตามเจฺจ ญาติสาโลหิเต อามเนฺตสิ – ‘‘สุณนฺตุ เม ภวโนฺต มิตฺตามจฺจา ญาติสาโลหิตา, สมโณ เม โคตโม นิมนฺติโต สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธิํ ภิกฺขุสเงฺฆน, เยน เม กายเวยฺยาวฎิกํ กเรยฺยาถา’’ติฯ ‘‘เอวํ, โภ’’ติ โข เกณิยสฺส ชฎิลสฺส มิตฺตามจฺจา ญาติสาโลหิตา เกณิยสฺส ชฎิลสฺส ปฎิสฺสุตฺวา อเปฺปกเจฺจ อุทฺธนานิ ขณนฺติ, อเปฺปกเจฺจ กฎฺฐานิ ผาเลนฺติ, อเปฺปกเจฺจ ภาชนานิ โธวนฺติ, อเปฺปกเจฺจ อุทกมณิกํ ปติฎฺฐาเปนฺติ, อเปฺปกเจฺจ อาสนานิ ปญฺญาเปนฺติฯ เกณิโย ปน ชฎิโล สามํเยว มณฺฑลมาฬํ ปฎิยาเทติฯ
Tatiyampi kho keṇiyo jaṭilo bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘kiñcāpi, bho gotama, mahā bhikkhusaṅgho aḍḍhateḷasāni bhikkhusatāni, ahañca brāhmaṇesu abhippasanno, adhivāsetu 4 me bhavaṃ gotamo svātanāya bhattaṃ saddhiṃ bhikkhusaṅghenā’’ti. Adhivāsesi bhagavā tuṇhībhāvena. Atha kho keṇiyo jaṭilo bhagavato adhivāsanaṃ viditvā uṭṭhāyāsanā yena sako assamo tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā mittāmacce ñātisālohite āmantesi – ‘‘suṇantu me bhavanto mittāmaccā ñātisālohitā, samaṇo me gotamo nimantito svātanāya bhattaṃ saddhiṃ bhikkhusaṅghena, yena me kāyaveyyāvaṭikaṃ kareyyāthā’’ti. ‘‘Evaṃ, bho’’ti kho keṇiyassa jaṭilassa mittāmaccā ñātisālohitā keṇiyassa jaṭilassa paṭissutvā appekacce uddhanāni khaṇanti, appekacce kaṭṭhāni phālenti, appekacce bhājanāni dhovanti, appekacce udakamaṇikaṃ patiṭṭhāpenti, appekacce āsanāni paññāpenti. Keṇiyo pana jaṭilo sāmaṃyeva maṇḍalamāḷaṃ paṭiyādeti.
เตน โข ปน สมเยน เสโล พฺราหฺมโณ อาปเณ ปฎิวสติ, ติณฺณํ เวทานํ ปารคู สนิฆณฺฑุเกฎุภานํ สากฺขรปฺปเภทานํ อิติหาสปญฺจมานํ ปทโก เวยฺยากรโณ โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ อนวโย, ตีณิ จ มาณวกสตานิ มเนฺต วาเจติฯ
Tena kho pana samayena selo brāhmaṇo āpaṇe paṭivasati, tiṇṇaṃ vedānaṃ pāragū sanighaṇḍukeṭubhānaṃ sākkharappabhedānaṃ itihāsapañcamānaṃ padako veyyākaraṇo lokāyatamahāpurisalakkhaṇesu anavayo, tīṇi ca māṇavakasatāni mante vāceti.
เตน โข ปน สมเยน เกณิโย ชฎิโล เสเล พฺราหฺมเณ อภิปฺปสโนฺน โหติฯ อถ โข เสโล พฺราหฺมโณ ตีหิ มาณวกสเตหิ ปริวุโต ชงฺฆาวิหารํ อนุจงฺกมมาโน อนุวิจรมาโน เยน เกณิยสฺส ชฎิลสฺส อสฺสโม เตนุปสงฺกมิฯ อทฺทสา โข เสโล พฺราหฺมโณ เกณิยสฺส ชฎิลสฺส อสฺสเม 5 อเปฺปกเจฺจ อุทฺธนานิ ขณเนฺต…เป.… อเปฺปกเจฺจ อาสนานิ ปญฺญเปเนฺต, เกณิยํ ปน ชฎิลํ สามํเยว มณฺฑลมาฬํ ปฎิยาเทนฺตํฯ ทิสฺวาน เกณิยํ ชฎิลํ เอตทโวจ – ‘‘กิํ นุ โข โภโต เกณิยสฺส อาวาโห วา ภวิสฺสติ, วิวาโห วา ภวิสฺสติ, มหายโญฺญ วา ปจฺจุปฎฺฐิโต, ราชา วา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร นิมนฺติโต สฺวาตนาย สทฺธิํ พลกาเยนา’’ติ?
Tena kho pana samayena keṇiyo jaṭilo sele brāhmaṇe abhippasanno hoti. Atha kho selo brāhmaṇo tīhi māṇavakasatehi parivuto jaṅghāvihāraṃ anucaṅkamamāno anuvicaramāno yena keṇiyassa jaṭilassa assamo tenupasaṅkami. Addasā kho selo brāhmaṇo keṇiyassa jaṭilassa assame 6 appekacce uddhanāni khaṇante…pe… appekacce āsanāni paññapente, keṇiyaṃ pana jaṭilaṃ sāmaṃyeva maṇḍalamāḷaṃ paṭiyādentaṃ. Disvāna keṇiyaṃ jaṭilaṃ etadavoca – ‘‘kiṃ nu kho bhoto keṇiyassa āvāho vā bhavissati, vivāho vā bhavissati, mahāyañño vā paccupaṭṭhito, rājā vā māgadho seniyo bimbisāro nimantito svātanāya saddhiṃ balakāyenā’’ti?
‘‘น เม, โภ เสล, อาวาโห วา ภวิสฺสติ วิวาโห วา, นาปิ ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร นิมนฺติโต สฺวาตนาย สทฺธิํ พลกาเยน; อปิ จ โข เม มหายโญฺญ ปจฺจุปฎฺฐิโตฯ อตฺถิ สมโณ โคตโม สกฺยปุโตฺต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต องฺคุตฺตราเปสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ อฑฺฒเตฬเสหิ ภิกฺขุสเตหิ อาปณํ อนุปฺปโตฺตฯ ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ…เป.… พุโทฺธ ภควาติฯ โส เม นิมนฺติโต สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธิํ ภิกฺขุสเงฺฆนา’’ติฯ ‘‘พุโทฺธติ, โภ เกณิย, วเทสิ’’? ‘‘พุโทฺธติ, โภ เสล, วทามิ’’ฯ ‘‘พุโทฺธติ, โภ เกณิย, วเทสิ’’? ‘‘พุโทฺธติ, โภ เสล, วทามี’’ติฯ
‘‘Na me, bho sela, āvāho vā bhavissati vivāho vā, nāpi rājā māgadho seniyo bimbisāro nimantito svātanāya saddhiṃ balakāyena; api ca kho me mahāyañño paccupaṭṭhito. Atthi samaṇo gotamo sakyaputto sakyakulā pabbajito aṅguttarāpesu cārikaṃ caramāno mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ aḍḍhateḷasehi bhikkhusatehi āpaṇaṃ anuppatto. Taṃ kho pana bhavantaṃ gotamaṃ…pe… buddho bhagavāti. So me nimantito svātanāya bhattaṃ saddhiṃ bhikkhusaṅghenā’’ti. ‘‘Buddhoti, bho keṇiya, vadesi’’? ‘‘Buddhoti, bho sela, vadāmi’’. ‘‘Buddhoti, bho keṇiya, vadesi’’? ‘‘Buddhoti, bho sela, vadāmī’’ti.
อถ โข เสลสฺส พฺราหฺมณสฺส เอตทโหสิ – ‘‘โฆโสปิ โข เอโส ทุลฺลโภ โลกสฺมิํ ยทิทํ พุโทฺธติฯ อาคตานิ โข ปนมฺหากํ มเนฺตสุ ทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขณานิ, เยหิ สมนฺนาคตสฺส มหาปุริสสฺส เทฺวว คติโย ภวนฺติ อนญฺญาฯ สเจ อคารํ อชฺฌาวสติ ราชา โหติ จกฺกวตฺติ ธมฺมิโก ธมฺมราชา จาตุรโนฺต วิชิตาวี ชนปทตฺถาวริยปฺปโตฺต สตฺตรตนสมนฺนาคโตฯ ตสฺสิมานิ สตฺต รตนานิ ภวนฺติ, เสยฺยถิทํ – จกฺกรตนํ, หตฺถิรตนํ, อสฺสรตนํ, มณิรตนํ, อิตฺถิรตนํ, คหปติรตนํ, ปริณายกรตนเมว สตฺตมํฯ ปโรสหสฺสํ โข ปนสฺส ปุตฺตา ภวนฺติ สูรา วีรงฺครูปา ปรเสนปฺปมทฺทนาฯ โส อิมํ ปถวิํ สาครปริยนฺตํ อทเณฺฑน อสเตฺถน ธเมฺมน อภิวิชิย อชฺฌาวสติฯ สเจ โข ปน อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติ, อรหํ โหติ สมฺมาสมฺพุโทฺธ โลเก วิวฎฺฎจฺฉโท 7ฯ กหํ ปน, โภ เกณิย, เอตรหิ โส ภวํ โคตโม วิหรติ อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ’’ติ?
Atha kho selassa brāhmaṇassa etadahosi – ‘‘ghosopi kho eso dullabho lokasmiṃ yadidaṃ buddhoti. Āgatāni kho panamhākaṃ mantesu dvattiṃsamahāpurisalakkhaṇāni, yehi samannāgatassa mahāpurisassa dveva gatiyo bhavanti anaññā. Sace agāraṃ ajjhāvasati rājā hoti cakkavatti dhammiko dhammarājā cāturanto vijitāvī janapadatthāvariyappatto sattaratanasamannāgato. Tassimāni satta ratanāni bhavanti, seyyathidaṃ – cakkaratanaṃ, hatthiratanaṃ, assaratanaṃ, maṇiratanaṃ, itthiratanaṃ, gahapatiratanaṃ, pariṇāyakaratanameva sattamaṃ. Parosahassaṃ kho panassa puttā bhavanti sūrā vīraṅgarūpā parasenappamaddanā. So imaṃ pathaviṃ sāgarapariyantaṃ adaṇḍena asatthena dhammena abhivijiya ajjhāvasati. Sace kho pana agārasmā anagāriyaṃ pabbajati, arahaṃ hoti sammāsambuddho loke vivaṭṭacchado 8. Kahaṃ pana, bho keṇiya, etarahi so bhavaṃ gotamo viharati arahaṃ sammāsambuddho’’ti?
เอวํ วุเตฺต, เกณิโย ชฎิโล ทกฺขิณํ พาหุํ ปคฺคเหตฺวา เสลํ พฺราหฺมณํ เอตทโวจ – ‘‘เยเนสา , โภ เสล, นีลวนราชี’’ติฯ อถ โข เสโล พฺราหฺมโณ ตีหิ มาณวกสเตหิ สทฺธิํ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิฯ อถ โข เสโล พฺราหฺมโณ เต มาณวเก อามเนฺตสิ – ‘‘อปฺปสทฺทา โภโนฺต อาคจฺฉนฺตุ, ปเท ปทํ นิกฺขิปนฺตาฯ ทุราสทา หิ เต ภควโนฺต 9 สีหาว เอกจราฯ ยทา จาหํ, โภ, สมเณน โคตเมน สทฺธิํ มเนฺตยฺยุํ, มา เม โภโนฺต อนฺตรนฺตรา กถํ โอปาเตถ; กถาปริโยสานํ เม ภวโนฺต อาคเมนฺตู’’ติฯ
Evaṃ vutte, keṇiyo jaṭilo dakkhiṇaṃ bāhuṃ paggahetvā selaṃ brāhmaṇaṃ etadavoca – ‘‘yenesā , bho sela, nīlavanarājī’’ti. Atha kho selo brāhmaṇo tīhi māṇavakasatehi saddhiṃ yena bhagavā tenupasaṅkami. Atha kho selo brāhmaṇo te māṇavake āmantesi – ‘‘appasaddā bhonto āgacchantu, pade padaṃ nikkhipantā. Durāsadā hi te bhagavanto 10 sīhāva ekacarā. Yadā cāhaṃ, bho, samaṇena gotamena saddhiṃ manteyyuṃ, mā me bhonto antarantarā kathaṃ opātetha; kathāpariyosānaṃ me bhavanto āgamentū’’ti.
อถ โข เสโล พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข เสโล พฺราหฺมโณ ภควโต กาเย ทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขณานิ สมเนฺนสิ 11ฯ อทฺทสา โข เสโล พฺราหฺมโณ ภควโต กาเย ทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขณานิ เยภุเยฺยน ฐเปตฺวา เทฺวฯ ทฺวีสุ มหาปุริสลกฺขเณสุ กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติ – โกโสหิเต จ วตฺถคุเยฺห, ปหูตชิวฺหตาย จาติฯ
Atha kho selo brāhmaṇo yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavatā saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho selo brāhmaṇo bhagavato kāye dvattiṃsamahāpurisalakkhaṇāni samannesi 12. Addasā kho selo brāhmaṇo bhagavato kāye dvattiṃsamahāpurisalakkhaṇāni yebhuyyena ṭhapetvā dve. Dvīsu mahāpurisalakkhaṇesu kaṅkhati vicikicchati nādhimuccati na sampasīdati – kosohite ca vatthaguyhe, pahūtajivhatāya cāti.
อถ โข ภควโต เอตทโหสิ – ‘‘ปสฺสติ โข เม อยํ เสโล พฺราหฺมโณ ทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขณานิ เยภุเยฺยน ฐเปตฺวา เทฺวฯ ทฺวีสุ มหาปุริสลกฺขเณสุ กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติ – โกโสหิเต จ วตฺถคุเยฺห, ปหูตชิวฺหตาย จา’’ติฯ อถ โข ภควา ตถารูปํ อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขาสิ 13, ยถา อทฺทส เสโล พฺราหฺมโณ ภควโต โกโสหิตํ วตฺถคุยฺหํ ฯ อถ โข ภควา ชิวฺหํ นินฺนาเมตฺวา อุโภปิ กณฺณโสตานิ อนุมสิ ปฎิมสิ, อุโภปิ นาสิกโสตานิ อนุมสิ ปฎิมสิ, เกวลมฺปิ นลาฎมณฺฑลํ ชิวฺหาย ฉาเทสิฯ
Atha kho bhagavato etadahosi – ‘‘passati kho me ayaṃ selo brāhmaṇo dvattiṃsamahāpurisalakkhaṇāni yebhuyyena ṭhapetvā dve. Dvīsu mahāpurisalakkhaṇesu kaṅkhati vicikicchati nādhimuccati na sampasīdati – kosohite ca vatthaguyhe, pahūtajivhatāya cā’’ti. Atha kho bhagavā tathārūpaṃ iddhābhisaṅkhāraṃ abhisaṅkhāsi 14, yathā addasa selo brāhmaṇo bhagavato kosohitaṃ vatthaguyhaṃ . Atha kho bhagavā jivhaṃ ninnāmetvā ubhopi kaṇṇasotāni anumasi paṭimasi, ubhopi nāsikasotāni anumasi paṭimasi, kevalampi nalāṭamaṇḍalaṃ jivhāya chādesi.
อถ โข เสลสฺส พฺราหฺมณสฺส เอตทโหสิ – ‘‘สมนฺนาคโต โข สมโณ โคตโม ทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขเณหิ ปริปุเณฺณหิ, โน อปุริปุเณฺณหิฯ โน จ โข นํ ชานามิ พุโทฺธ วา โน วาฯ สุตํ โข ปน เมตํ พฺราหฺมณานํ วุฑฺฒานํ มหลฺลกานํ อาจริยปาจริยานํ ภาสมานานํ – ‘เย เต ภวนฺติ อรหโนฺต สมฺมาสมฺพุทฺธา, เต สเก วเณฺณ ภญฺญมาเน อตฺตานํ ปาตุกโรนฺตี’ติฯ ยํนูนาหํ สมณํ โคตมํ สมฺมุขา สารุปฺปาหิ คาถาหิ อภิตฺถเวยฺย’’นฺติฯ อถ โข เสโล พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ สมฺมุขา สารุปฺปาหิ คาถาหิ อภิตฺถวิ –
Atha kho selassa brāhmaṇassa etadahosi – ‘‘samannāgato kho samaṇo gotamo dvattiṃsamahāpurisalakkhaṇehi paripuṇṇehi, no apuripuṇṇehi. No ca kho naṃ jānāmi buddho vā no vā. Sutaṃ kho pana metaṃ brāhmaṇānaṃ vuḍḍhānaṃ mahallakānaṃ ācariyapācariyānaṃ bhāsamānānaṃ – ‘ye te bhavanti arahanto sammāsambuddhā, te sake vaṇṇe bhaññamāne attānaṃ pātukarontī’ti. Yaṃnūnāhaṃ samaṇaṃ gotamaṃ sammukhā sāruppāhi gāthāhi abhitthaveyya’’nti. Atha kho selo brāhmaṇo bhagavantaṃ sammukhā sāruppāhi gāthāhi abhitthavi –
๕๕๓.
553.
‘‘ปริปุณฺณกาโย สุรุจิ, สุชาโต จารุทสฺสโน;
‘‘Paripuṇṇakāyo suruci, sujāto cārudassano;
สุวณฺณวโณฺณสิ ภควา, สุสุกฺกทาโฐสิ วีริยวาฯ
Suvaṇṇavaṇṇosi bhagavā, susukkadāṭhosi vīriyavā.
๕๕๔.
554.
‘‘นรสฺส หิ สุชาตสฺส, เย ภวนฺติ วิยญฺชนา;
‘‘Narassa hi sujātassa, ye bhavanti viyañjanā;
สเพฺพ เต ตว กายสฺมิํ, มหาปุริสลกฺขณาฯ
Sabbe te tava kāyasmiṃ, mahāpurisalakkhaṇā.
๕๕๕.
555.
‘‘ปสนฺนเนโตฺต สุมุโข, พฺรหา อุชุ ปตาปวา;
‘‘Pasannanetto sumukho, brahā uju patāpavā;
มเชฺฌ สมณสงฺฆสฺส, อาทิโจฺจว วิโรจสิฯ
Majjhe samaṇasaṅghassa, ādiccova virocasi.
๕๕๖.
556.
‘‘กลฺยาณทสฺสโน ภิกฺขุ, กญฺจนสนฺนิภตฺตโจ;
‘‘Kalyāṇadassano bhikkhu, kañcanasannibhattaco;
กิํ เต สมณภาเวน, เอวํ อุตฺตมวณฺณิโนฯ
Kiṃ te samaṇabhāvena, evaṃ uttamavaṇṇino.
๕๕๗.
557.
‘‘ราชา อรหสิ ภวิตุํ, จกฺกวตฺตี รเถสโภ;
‘‘Rājā arahasi bhavituṃ, cakkavattī rathesabho;
๕๕๘.
558.
ราชาภิราชา มนุชิโนฺท, รชฺชํ กาเรหิ โคตม’’ฯ
Rājābhirājā manujindo, rajjaṃ kārehi gotama’’.
๕๕๙.
559.
‘‘ราชาหมสฺมิ เสลาติ, (ภควา) ธมฺมราชา อนุตฺตโร;
‘‘Rājāhamasmi selāti, (bhagavā) dhammarājā anuttaro;
ธเมฺมน จกฺกํ วเตฺตมิ, จกฺกํ อปฺปฎิวตฺติยํ’’ฯ
Dhammena cakkaṃ vattemi, cakkaṃ appaṭivattiyaṃ’’.
๕๖๐.
560.
‘‘สมฺพุโทฺธ ปฎิชานาสิ, (อิติ เสโล พฺราหฺมโณ) ธมฺมราชา อนุตฺตโร;
‘‘Sambuddho paṭijānāsi, (iti selo brāhmaṇo) dhammarājā anuttaro;
‘ธเมฺมน จกฺกํ วเตฺตมิ’, อิติ ภาสสิ โคตมฯ
‘Dhammena cakkaṃ vattemi’, iti bhāsasi gotama.
๕๖๑.
561.
‘‘โก นุ เสนาปติ โภโต, สาวโก สตฺถุรนฺวโย;
‘‘Ko nu senāpati bhoto, sāvako satthuranvayo;
โก เต ตมนุวเตฺตติ, ธมฺมจกฺกํ ปวตฺติตํ’’ฯ
Ko te tamanuvatteti, dhammacakkaṃ pavattitaṃ’’.
๕๖๒.
562.
‘‘มยา ปวตฺติตํ จกฺกํ, (เสลาติ ภควา) ธมฺมจกฺกํ อนุตฺตรํ;
‘‘Mayā pavattitaṃ cakkaṃ, (selāti bhagavā) dhammacakkaṃ anuttaraṃ;
สาริปุโตฺต อนุวเตฺตติ, อนุชาโต ตถาคตํฯ
Sāriputto anuvatteti, anujāto tathāgataṃ.
๕๖๓.
563.
‘‘อภิเญฺญยฺยํ อภิญฺญาตํ, ภาเวตพฺพญฺจ ภาวิตํ;
‘‘Abhiññeyyaṃ abhiññātaṃ, bhāvetabbañca bhāvitaṃ;
ปหาตพฺพํ ปหีนํ เม, ตสฺมา พุโทฺธสฺมิ พฺราหฺมณฯ
Pahātabbaṃ pahīnaṃ me, tasmā buddhosmi brāhmaṇa.
๕๖๔.
564.
‘‘วินยสฺสุ มยิ กงฺขํ, อธิมุจฺจสฺสุ พฺราหฺมณ;
‘‘Vinayassu mayi kaṅkhaṃ, adhimuccassu brāhmaṇa;
ทุลฺลภํ ทสฺสนํ โหติ, สมฺพุทฺธานํ อภิณฺหโสฯ
Dullabhaṃ dassanaṃ hoti, sambuddhānaṃ abhiṇhaso.
๕๖๕.
565.
โสหํ พฺราหฺมณ สมฺพุโทฺธ, สลฺลกโตฺต อนุตฺตโรฯ
Sohaṃ brāhmaṇa sambuddho, sallakatto anuttaro.
๕๖๖.
566.
‘‘พฺรหฺมภูโต อติตุโล, มารเสนปฺปมทฺทโน;
‘‘Brahmabhūto atitulo, mārasenappamaddano;
สพฺพามิเตฺต วสีกตฺวา, โมทามิ อกุโตภโย’’ฯ
Sabbāmitte vasīkatvā, modāmi akutobhayo’’.
๕๖๗.
567.
‘‘อิมํ ภวโนฺต นิสาเมถ, ยถา ภาสติ จกฺขุมา;
‘‘Imaṃ bhavanto nisāmetha, yathā bhāsati cakkhumā;
สลฺลกโตฺต มหาวีโร, สีโหว นทตี วเนฯ
Sallakatto mahāvīro, sīhova nadatī vane.
๕๖๘.
568.
‘‘พฺรหฺมภูตํ อติตุลํ, มารเสนปฺปมทฺทนํ;
‘‘Brahmabhūtaṃ atitulaṃ, mārasenappamaddanaṃ;
โก ทิสฺวา นปฺปสีเทยฺย, อปิ กณฺหาภิชาติโกฯ
Ko disvā nappasīdeyya, api kaṇhābhijātiko.
๕๖๙.
569.
‘‘โย มํ อิจฺฉติ อเนฺวตุ, โย วา นิจฺฉติ คจฺฉตุ;
‘‘Yo maṃ icchati anvetu, yo vā nicchati gacchatu;
อิธาหํ ปพฺพชิสฺสามิ, วรปญฺญสฺส สนฺติเก’’ฯ
Idhāhaṃ pabbajissāmi, varapaññassa santike’’.
๕๗๐.
570.
มยมฺปิ ปพฺพชิสฺสาม, วรปญฺญสฺส สนฺติเก’’ฯ
Mayampi pabbajissāma, varapaññassa santike’’.
๕๗๑.
571.
‘‘พฺราหฺมณา ติสตา อิเม, ยาจนฺติ ปญฺชลีกตา;
‘‘Brāhmaṇā tisatā ime, yācanti pañjalīkatā;
พฺรหฺมจริยํ จริสฺสาม, ภควา ตว สนฺติเก’’ฯ
Brahmacariyaṃ carissāma, bhagavā tava santike’’.
๕๗๒.
572.
‘‘สฺวากฺขาตํ พฺรหฺมจริยํ, (เสลาติ ภควา) สนฺทิฎฺฐิกมกาลิกํ;
‘‘Svākkhātaṃ brahmacariyaṃ, (selāti bhagavā) sandiṭṭhikamakālikaṃ;
ยตฺถ อโมฆา ปพฺพชฺชา, อปฺปมตฺตสฺส สิกฺขโต’’ติฯ
Yattha amoghā pabbajjā, appamattassa sikkhato’’ti.
อลตฺถ โข เสโล พฺราหฺมโณ สปริโส ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, อลตฺถ อุปสมฺปทํฯ อถ โข เกณิโย ชฎิโล ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน สเก อสฺสเม ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ ปฎิยาทาเปตฺวา ภควโต กาลํ อาโรจาเปสิ – ‘‘กาโล, โภ โคตม, นิฎฺฐิตํ ภตฺต’’นฺติ ฯ อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน เกณิยสฺส ชฎิลสฺส อสฺสโม เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิ สทฺธิํ ภิกฺขุสเงฺฆนฯ
Alattha kho selo brāhmaṇo sapariso bhagavato santike pabbajjaṃ, alattha upasampadaṃ. Atha kho keṇiyo jaṭilo tassā rattiyā accayena sake assame paṇītaṃ khādanīyaṃ bhojanīyaṃ paṭiyādāpetvā bhagavato kālaṃ ārocāpesi – ‘‘kālo, bho gotama, niṭṭhitaṃ bhatta’’nti . Atha kho bhagavā pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya yena keṇiyassa jaṭilassa assamo tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā paññatte āsane nisīdi saddhiṃ bhikkhusaṅghena.
อถ โข เกณิโย ชฎิโล พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตเปฺปสิ สมฺปวาเรสิฯ อถ โข เกณิโย ชฎิโล ภควนฺตํ ภุตฺตาวิํ โอนีตปตฺตปาณิํ อญฺญตรํ นีจํ อาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข เกณิยํ ชฎิลํ ภควา อิมาหิ คาถาหิ อนุโมทิ –
Atha kho keṇiyo jaṭilo buddhappamukhaṃ bhikkhusaṅghaṃ paṇītena khādanīyena bhojanīyena sahatthā santappesi sampavāresi. Atha kho keṇiyo jaṭilo bhagavantaṃ bhuttāviṃ onītapattapāṇiṃ aññataraṃ nīcaṃ āsanaṃ gahetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinnaṃ kho keṇiyaṃ jaṭilaṃ bhagavā imāhi gāthāhi anumodi –
๕๗๓.
573.
‘‘อคฺคิหุตฺตมุขา ยญฺญา, สาวิตฺตี ฉนฺทโส มุขํ;
‘‘Aggihuttamukhā yaññā, sāvittī chandaso mukhaṃ;
ราชา มุขํ มนุสฺสานํ, นทีนํ สาคโร มุขํฯ
Rājā mukhaṃ manussānaṃ, nadīnaṃ sāgaro mukhaṃ.
๕๗๔.
574.
‘‘นกฺขตฺตานํ มุขํ จโนฺท, อาทิโจฺจ ตปตํ มุขํ;
‘‘Nakkhattānaṃ mukhaṃ cando, ādicco tapataṃ mukhaṃ;
ปุญฺญํ อากงฺขมานานํ, สโงฺฆ เว ยชตํ มุข’’นฺติฯ
Puññaṃ ākaṅkhamānānaṃ, saṅgho ve yajataṃ mukha’’nti.
อถ โข ภควา เกณิยํ ชฎิลํ อิมาหิ คาถาหิ อนุโมทิตฺวา อุฎฺฐายาสนา ปกฺกามิฯ อถ โข อายสฺมา เสโล สปริโส เอโก วูปกโฎฺฐ อปฺปมโตฺต อาตาปี ปหิตโตฺต วิหรโนฺต นจิรเสฺส …เป.… อญฺญตโร โข ปนาปสฺมา เสโล สปริโส อรหตํ อโหสิฯ
Atha kho bhagavā keṇiyaṃ jaṭilaṃ imāhi gāthāhi anumoditvā uṭṭhāyāsanā pakkāmi. Atha kho āyasmā selo sapariso eko vūpakaṭṭho appamatto ātāpī pahitatto viharanto nacirasse …pe… aññataro kho panāpasmā selo sapariso arahataṃ ahosi.
อถ โข อายสฺมา เสโล สปริโส เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา เอกํสํ จีวรํ กตฺวา เยน ภควา เตนญฺชลิํ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
Atha kho āyasmā selo sapariso yena bhagavā tenupasaṅkami, upasaṅkamitvā ekaṃsaṃ cīvaraṃ katvā yena bhagavā tenañjaliṃ paṇāmetvā bhagavantaṃ gāthāya ajjhabhāsi –
๕๗๕.
575.
สตฺตรเตฺตน ภควา, ทนฺตมฺห ตว สาสเนฯ
Sattarattena bhagavā, dantamha tava sāsane.
๕๗๖.
576.
‘‘ตุวํ พุโทฺธ ตุวํ สตฺถา, ตุวํ มาราภิภู มุนิ;
‘‘Tuvaṃ buddho tuvaṃ satthā, tuvaṃ mārābhibhū muni;
ตุวํ อนุสเย เฉตฺวา, ติโณฺณ ตาเรสิมํ ปชํฯ
Tuvaṃ anusaye chetvā, tiṇṇo tāresimaṃ pajaṃ.
๕๗๗.
577.
‘‘อุปธี เต สมติกฺกนฺตา, อาสวา เต ปทาลิตา;
‘‘Upadhī te samatikkantā, āsavā te padālitā;
๕๗๘.
578.
‘‘ภิกฺขโว ติสตา อิเม, ติฎฺฐนฺติ ปญฺชลีกตา;
‘‘Bhikkhavo tisatā ime, tiṭṭhanti pañjalīkatā;
ปาเท วีร ปสาเรหิ, นาคา วนฺทนฺตุ สตฺถุโน’’ติฯ
Pāde vīra pasārehi, nāgā vandantu satthuno’’ti.
เสลสุตฺตํ สตฺตมํ นิฎฺฐิตํฯ
Selasuttaṃ sattamaṃ niṭṭhitaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ขุทฺทกนิกาย (อฎฺฐกถา) • Khuddakanikāya (aṭṭhakathā) / สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถา • Suttanipāta-aṭṭhakathā / ๗. เสลสุตฺตวณฺณนา • 7. Selasuttavaṇṇanā