Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถา • Suttanipāta-aṭṭhakathā

    ๗. เสลสุตฺตวณฺณนา

    7. Selasuttavaṇṇanā

    เอวํ เม สุตนฺติ เสลสุตฺตํฯ กา อุปฺปตฺติ? อยเมว ยาสฺส นิทาเน วุตฺตาฯ อตฺถวณฺณนากฺกเมปิ จสฺส ปุพฺพสทิสํ ปุเพฺพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ ยํ ปน อปุพฺพํ, ตํ อุตฺตานตฺถานิ ปทานิ ปริหรนฺตา วณฺณยิสฺสามฯ องฺคุตฺตราเปสูติ องฺคา เอว โส ชนปโท, คงฺคาย ปน ยา อุตฺตเรน อาโป, ตาสํ อวิทูรตฺตา ‘‘อุตฺตราโป’’ติปิ วุจฺจติฯ กตรคงฺคาย อุตฺตเรน ยา อาโปติ? มหามหีคงฺคายฯ

    Evaṃme sutanti selasuttaṃ. Kā uppatti? Ayameva yāssa nidāne vuttā. Atthavaṇṇanākkamepi cassa pubbasadisaṃ pubbe vuttanayeneva veditabbaṃ. Yaṃ pana apubbaṃ, taṃ uttānatthāni padāni pariharantā vaṇṇayissāma. Aṅguttarāpesūti aṅgā eva so janapado, gaṅgāya pana yā uttarena āpo, tāsaṃ avidūrattā ‘‘uttarāpo’’tipi vuccati. Kataragaṅgāya uttarena yā āpoti? Mahāmahīgaṅgāya.

    ตตฺรายํ ตสฺสา นทิยา อาวิภาวตฺถํ อาทิโต ปภุติ วณฺณนา – อยํ กิร ชมฺพุทีโป ทสสหสฺสโยชนปริมาโณฯ ตตฺถ จตุสหสฺสโยชนปริมาโณ ปเทโส อุทเกน อโชฺฌตฺถโฎ ‘‘สมุโทฺท’’ติ สงฺขํ คโตฯ ติสหสฺสโยชนปมาเณ มนุสฺสา วสนฺติฯ ติสหสฺสโยชนปมาเณ หิมวา ปติฎฺฐิโต อุเพฺพเธน ปญฺจโยชนสติโก จตุราสีติสหสฺสกูเฎหิ ปฎิมณฺฑิโต สมนฺตโต สนฺทมานปญฺจสตนทีวิจิโตฺตฯ ยตฺถ อายามวิตฺถาเรน คมฺภีรตาย จ ปญฺญาสปญฺญาสโยชนา ทิยฑฺฒโยชนสตปริมณฺฑลา ปูรฬาสสุตฺตวณฺณนายํ วุตฺตา อโนตตฺตาทโย สตฺต มหาสรา ปติฎฺฐิตาฯ

    Tatrāyaṃ tassā nadiyā āvibhāvatthaṃ ādito pabhuti vaṇṇanā – ayaṃ kira jambudīpo dasasahassayojanaparimāṇo. Tattha catusahassayojanaparimāṇo padeso udakena ajjhotthaṭo ‘‘samuddo’’ti saṅkhaṃ gato. Tisahassayojanapamāṇe manussā vasanti. Tisahassayojanapamāṇe himavā patiṭṭhito ubbedhena pañcayojanasatiko caturāsītisahassakūṭehi paṭimaṇḍito samantato sandamānapañcasatanadīvicitto. Yattha āyāmavitthārena gambhīratāya ca paññāsapaññāsayojanā diyaḍḍhayojanasataparimaṇḍalā pūraḷāsasuttavaṇṇanāyaṃ vuttā anotattādayo satta mahāsarā patiṭṭhitā.

    เตสุ อโนตโตฺต สุทสฺสนกูฎํ, จิตฺรกูฎํ, กาฬกูฎํ, คนฺธมาทนกูฎํ, เกลาสกูฎนฺติ อิเมหิ ปญฺจหิ ปพฺพเตหิ ปริกฺขิโตฺตฯ ตตฺถ สุทสฺสนกูฎํ สุวณฺณมยํ ทฺวิโยชนสตุเพฺพธํ อโนฺตวงฺกํ กากมุขสณฺฐานํ ตเมว สรํ ปฎิจฺฉาเทตฺวา ฐิตํ, จิตฺรกูฎํ สพฺพรตนมยํ, กาฬกูฎํ อญฺชนมยํ, คนฺธมาทนกูฎํ สานุมยํ อพฺภนฺตเร มุคฺควณฺณํ นานปฺปการโอสธสญฺฉนฺนํ กาฬปกฺขุโปสถทิวเส อาทิตฺตมิว องฺคารํ ชลนฺตํ ติฎฺฐติ, เกลาสกูฎํ รชตมยํฯ สพฺพานิ สุทสฺสเนน สมานุเพฺพธสณฺฐานานิ ตเมว สรํ ปฎิจฺฉาเทตฺวา ฐิตานิฯ สพฺพานิ เทวานุภาเวน นาคานุภาเวน จ วสฺสนฺติ, นทิโย จ เตสุ สนฺทนฺติฯ ตํ สพฺพมฺปิ อุทกํ อโนตตฺตเมว ปวิสติฯ จนฺทิมสูริยา ทกฺขิเณน วา อุตฺตเรน วา คจฺฉนฺตา ปพฺพตนฺตเรน ตํ โอภาเสนฺติ, อุชุํ คจฺฉนฺตา น โอภาเสนฺติฯ เตเนวสฺส ‘‘อโนตตฺต’’นฺติ สงฺขา อุทปาทิฯ

    Tesu anotatto sudassanakūṭaṃ, citrakūṭaṃ, kāḷakūṭaṃ, gandhamādanakūṭaṃ, kelāsakūṭanti imehi pañcahi pabbatehi parikkhitto. Tattha sudassanakūṭaṃ suvaṇṇamayaṃ dviyojanasatubbedhaṃ antovaṅkaṃ kākamukhasaṇṭhānaṃ tameva saraṃ paṭicchādetvā ṭhitaṃ, citrakūṭaṃ sabbaratanamayaṃ, kāḷakūṭaṃ añjanamayaṃ, gandhamādanakūṭaṃ sānumayaṃ abbhantare muggavaṇṇaṃ nānappakāraosadhasañchannaṃ kāḷapakkhuposathadivase ādittamiva aṅgāraṃ jalantaṃ tiṭṭhati, kelāsakūṭaṃ rajatamayaṃ. Sabbāni sudassanena samānubbedhasaṇṭhānāni tameva saraṃ paṭicchādetvā ṭhitāni. Sabbāni devānubhāvena nāgānubhāvena ca vassanti, nadiyo ca tesu sandanti. Taṃ sabbampi udakaṃ anotattameva pavisati. Candimasūriyā dakkhiṇena vā uttarena vā gacchantā pabbatantarena taṃ obhāsenti, ujuṃ gacchantā na obhāsenti. Tenevassa ‘‘anotatta’’nti saṅkhā udapādi.

    ตตฺถ มโนหรสิลาตลานิ นิมฺมจฺฉกจฺฉปานิ ผลิกสทิสนิมฺมลูทกานิ นหานติตฺถานิ สุปฺปฎิยตฺตานิ โหนฺติ, เยสุ พุทฺธปเจฺจกพุทฺธขีณาสวา อิสิคณา จ นฺหายนฺติ, เทวยกฺขาทโย จ อุยฺยานกีฬิกํ กีฬนฺติฯ

    Tattha manoharasilātalāni nimmacchakacchapāni phalikasadisanimmalūdakāni nahānatitthāni suppaṭiyattāni honti, yesu buddhapaccekabuddhakhīṇāsavā isigaṇā ca nhāyanti, devayakkhādayo ca uyyānakīḷikaṃ kīḷanti.

    จตูสุ จสฺส ปเสฺสสุ สีหมุขํ, หตฺถิมุขํ, อสฺสมุขํ, อุสภมุขนฺติ จตฺตาริ มุขานิ โหนฺติ, เยหิ จตโสฺส นทิโย สนฺทนฺติฯ สีหมุเขน นิกฺขนฺตนทีตีเร สีหา พหุตรา โหนฺติ, หตฺถิมุขาทีหิ หตฺถิอสฺสอุสภาฯ ปุรตฺถิมทิสโต นิกฺขนฺตนที อโนตตฺตํ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา อิตรา ติโสฺส นทิโย อนุปคมฺม ปาจีนหิมวเนฺตเนว อมนุสฺสปถํ คนฺตฺวา มหาสมุทฺทํ ปวิสติฯ ปจฺฉิมทิสโต จ อุตฺตรทิสโต จ นิกฺขนฺตนทิโยปิ ตเถว ปทกฺขิณํ กตฺวา ปจฺฉิมหิมวเนฺตเนว อุตฺตรหิมวเนฺตเนว จ อมนุสฺสปถํ คนฺตฺวา มหาสมุทฺทํ ปวิสนฺติฯ ทกฺขิณทิสโต นิกฺขนฺตนที ปน ตํ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ทกฺขิเณน อุชุกํ ปาสาณปิเฎฺฐเนว สฎฺฐิโยชนานิ คนฺตฺวา ปพฺพตํ ปหริตฺวา วุฎฺฐาย ปริณาเหน ติคาวุตปมาณา อุทกธารา หุตฺวา อากาเสน สฎฺฐิ โยชนานิ คนฺตฺวา ติยคฺคเฬ นาม ปาสาเณ ปติตา, ปาสาโณ อุทกธาราเวเคน ภิโนฺนฯ ตตฺร ปญฺญาสโยชนปมาณา ติยคฺคฬา นาม โปกฺขรณี ชาตาฯ โปกฺขรณิยา กูลํ ภินฺทิตฺวา ปาสาณํ ปวิสิย สฎฺฐิ โยชนานิ คตาฯ ตโต ฆนปถวิํ ภินฺทิตฺวา อุมเงฺคน สฎฺฐิ โยชนานิ คนฺตฺวา วิญฺฌํ นาม ติรจฺฉานปพฺพตํ ปหริตฺวา หตฺถตเล ปญฺจงฺคุลิสทิสา ปญฺจธารา หุตฺวา ปวตฺตติฯ สา ติกฺขตฺตุํ อโนตตฺตํ ปทกฺขิณํ กตฺวา คตฎฺฐาเน ‘‘อาวฎฺฎคงฺคา’’ติ วุจฺจติ ฯ อุชุกํ ปาสาณปิเฎฺฐน สฎฺฐิ โยชนานิ คตฎฺฐาเน ‘‘กณฺหคงฺคา’’ติ วุจฺจติฯ อากาเสน สฎฺฐิ โยชนานิ คตฎฺฐาเน ‘‘อากาสคงฺคา’’ติ วุจฺจติฯ ติยคฺคฬปาสาเณ ปญฺญาสโยชโนกาเส ‘‘ติยคฺคฬโปกฺขรณี’’ติ วุจฺจติฯ กูลํ ภินฺทิตฺวา ปาสาณํ ปวิสิย สฎฺฐิ โยชนานิ คตฎฺฐาเน ‘‘พหลคงฺคา’’ติ วุจฺจติฯ ปถวิํ ภินฺทิตฺวา อุมเงฺคน สฎฺฐิ โยชนานิ คตฎฺฐาเน ‘‘อุมงฺคคงฺคา’’ติ วุจฺจติฯ วิญฺฌํ นาม ติรจฺฉานปพฺพตํ ปหริตฺวา ปญฺจธารา หุตฺวา ปวตฺตฎฺฐาเน ‘‘คงฺคา, ยมุนา, อจิรวตี, สรภู, มหี’’ติ ปญฺจธา วุจฺจติฯ เอวเมตา ปญฺจ มหาคงฺคา หิมวตา สมฺภวนฺติฯ ตาสุ ยา อยํ ปญฺจมี มหี นาม, สา อิธ ‘‘มหามหีคงฺคา’’ติ อธิเปฺปตาฯ ตสฺสา คงฺคาย อุตฺตเรน ยา อาโป, ตาสํ อวิทูรตฺตา โส ชนปโท ‘‘องฺคุตฺตราโป’’ติ เวทิตโพฺพฯ ตสฺมิํ ชนปเท องฺคุตฺตราเปสุฯ

    Catūsu cassa passesu sīhamukhaṃ, hatthimukhaṃ, assamukhaṃ, usabhamukhanti cattāri mukhāni honti, yehi catasso nadiyo sandanti. Sīhamukhena nikkhantanadītīre sīhā bahutarā honti, hatthimukhādīhi hatthiassausabhā. Puratthimadisato nikkhantanadī anotattaṃ tikkhattuṃ padakkhiṇaṃ katvā itarā tisso nadiyo anupagamma pācīnahimavanteneva amanussapathaṃ gantvā mahāsamuddaṃ pavisati. Pacchimadisato ca uttaradisato ca nikkhantanadiyopi tatheva padakkhiṇaṃ katvā pacchimahimavanteneva uttarahimavanteneva ca amanussapathaṃ gantvā mahāsamuddaṃ pavisanti. Dakkhiṇadisato nikkhantanadī pana taṃ tikkhattuṃ padakkhiṇaṃ katvā dakkhiṇena ujukaṃ pāsāṇapiṭṭheneva saṭṭhiyojanāni gantvā pabbataṃ paharitvā vuṭṭhāya pariṇāhena tigāvutapamāṇā udakadhārā hutvā ākāsena saṭṭhi yojanāni gantvā tiyaggaḷe nāma pāsāṇe patitā, pāsāṇo udakadhārāvegena bhinno. Tatra paññāsayojanapamāṇā tiyaggaḷā nāma pokkharaṇī jātā. Pokkharaṇiyā kūlaṃ bhinditvā pāsāṇaṃ pavisiya saṭṭhi yojanāni gatā. Tato ghanapathaviṃ bhinditvā umaṅgena saṭṭhi yojanāni gantvā viñjhaṃ nāma tiracchānapabbataṃ paharitvā hatthatale pañcaṅgulisadisā pañcadhārā hutvā pavattati. Sā tikkhattuṃ anotattaṃ padakkhiṇaṃ katvā gataṭṭhāne ‘‘āvaṭṭagaṅgā’’ti vuccati . Ujukaṃ pāsāṇapiṭṭhena saṭṭhi yojanāni gataṭṭhāne ‘‘kaṇhagaṅgā’’ti vuccati. Ākāsena saṭṭhi yojanāni gataṭṭhāne ‘‘ākāsagaṅgā’’ti vuccati. Tiyaggaḷapāsāṇe paññāsayojanokāse ‘‘tiyaggaḷapokkharaṇī’’ti vuccati. Kūlaṃ bhinditvā pāsāṇaṃ pavisiya saṭṭhi yojanāni gataṭṭhāne ‘‘bahalagaṅgā’’ti vuccati. Pathaviṃ bhinditvā umaṅgena saṭṭhi yojanāni gataṭṭhāne ‘‘umaṅgagaṅgā’’ti vuccati. Viñjhaṃ nāma tiracchānapabbataṃ paharitvā pañcadhārā hutvā pavattaṭṭhāne ‘‘gaṅgā, yamunā, aciravatī, sarabhū, mahī’’ti pañcadhā vuccati. Evametā pañca mahāgaṅgā himavatā sambhavanti. Tāsu yā ayaṃ pañcamī mahī nāma, sā idha ‘‘mahāmahīgaṅgā’’ti adhippetā. Tassā gaṅgāya uttarena yā āpo, tāsaṃ avidūrattā so janapado ‘‘aṅguttarāpo’’ti veditabbo. Tasmiṃ janapade aṅguttarāpesu.

    จาริกํ จรมาโนติ อทฺธานคมนํ กุรุมาโน ฯ ตตฺถ ภควโต ทุวิธา จาริกา ตุริตจาริกา, อตุริตจาริกา จฯ ตตฺถ ทูเรปิ ภพฺพปุคฺคเล ทิสฺวา สหสา คมนํ ตุริตจาริกาฯ สา มหากสฺสปปจฺจุคฺคมนาทีสุ ทฎฺฐพฺพาฯ ตํ ปจฺจุคฺคจฺฉโนฺต หิ ภควา มุหุเตฺตเนว ติคาวุตํ อคมาสิ, อาฬวกทมนตฺถํ ติํสโยชนํ, ตถา องฺคุลิมาลสฺสตฺถายฯ ปุกฺกุสาติสฺส ปน ปญฺจตฺตาลีสโยชนํ, มหากปฺปินสฺส วีสโยชนสตํ, ธนิยสฺสตฺถาย สตฺตโยชนสตํ อทฺธานํ อคมาสิฯ อยํ ตุริตจาริกา นามฯ คามนิคมนครปฎิปาฎิยา ปน ปิณฺฑปาตจริยาทีหิ โลกํ อนุคฺคณฺหนฺตสฺส คมนํ อตุริตจาริกา นามฯ อยํ อิธ อธิเปฺปตาฯ เอวํ จาริกํ จรมาโนฯ มหตาติ สงฺขฺยามหตา คุณมหตา จฯ ภิกฺขุสเงฺฆนาติ สมณคเณนฯ อฑฺฒเตฬเสหีติ อเฑฺฒน เตฬสหิ, ทฺวาทสหิ สเตหิ ปญฺญาสาย จ ภิกฺขูหิ สทฺธินฺติ วุตฺตํ โหติฯ เยน…เป.… ตทวสรีติ อาปณพหุลตาย โส นิคโม ‘‘อาปโณ’’ เตฺวว นามํ ลภิฯ ตสฺมิํ กิร วีสติอาปณมุขสหสฺสานิ วิภตฺตานิ อเหสุํฯ เยน ทิสาภาเคน มเคฺคน วา โส องฺคุตฺตราปานํ รฎฺฐสฺส นิคโม โอสริตโพฺพ, เตน อวสริ ตทวสริ อคมาสิ, ตํ นิคมํ อนุปาปุณีติ วุตฺตํ โหติฯ

    Cārikaṃ caramānoti addhānagamanaṃ kurumāno . Tattha bhagavato duvidhā cārikā turitacārikā, aturitacārikā ca. Tattha dūrepi bhabbapuggale disvā sahasā gamanaṃ turitacārikā. Sā mahākassapapaccuggamanādīsu daṭṭhabbā. Taṃ paccuggacchanto hi bhagavā muhutteneva tigāvutaṃ agamāsi, āḷavakadamanatthaṃ tiṃsayojanaṃ, tathā aṅgulimālassatthāya. Pukkusātissa pana pañcattālīsayojanaṃ, mahākappinassa vīsayojanasataṃ, dhaniyassatthāya sattayojanasataṃ addhānaṃ agamāsi. Ayaṃ turitacārikā nāma. Gāmanigamanagarapaṭipāṭiyā pana piṇḍapātacariyādīhi lokaṃ anuggaṇhantassa gamanaṃ aturitacārikā nāma. Ayaṃ idha adhippetā. Evaṃ cārikaṃ caramāno. Mahatāti saṅkhyāmahatā guṇamahatā ca. Bhikkhusaṅghenāti samaṇagaṇena. Aḍḍhateḷasehīti aḍḍhena teḷasahi, dvādasahi satehi paññāsāya ca bhikkhūhi saddhinti vuttaṃ hoti. Yena…pe… tadavasarīti āpaṇabahulatāya so nigamo ‘‘āpaṇo’’ tveva nāmaṃ labhi. Tasmiṃ kira vīsatiāpaṇamukhasahassāni vibhattāni ahesuṃ. Yena disābhāgena maggena vā so aṅguttarāpānaṃ raṭṭhassa nigamo osaritabbo, tena avasari tadavasari agamāsi, taṃ nigamaṃ anupāpuṇīti vuttaṃ hoti.

    เกณิโย ชฎิโลติ เกณิโยติ นาเมน, ชฎิโลติ ตาปโสฯ โส กิร พฺราหฺมณมหาสาโล, ธนรกฺขณตฺถาย ปน ตาปสปพฺพชฺชํ สมาทาย รโญฺญ ปณฺณาการํ ทตฺวา ภูมิภาคํ คเหตฺวา ตตฺถ อสฺสมํ กาเรตฺวา วสติ กุลสหสฺสสฺส นิสฺสโย หุตฺวาฯ อสฺสเมปิ จสฺส เอโก ตาลรุโกฺข ทิวเส ทิวเส เอกํ สุวณฺณผลํ มุญฺจตีติ วทนฺติฯ โส ทิวา กาสายานิ ธาเรติ ชฎา จ พนฺธติ, รตฺติํ ยถาสุขํ ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจาเรติฯ สกฺยปุโตฺตติ อุจฺจากุลปริทีปนํฯ สกฺยกุลา ปพฺพชิโตติ สทฺธาย ปพฺพชิตภาวปริทีปนํ, เกนจิ ปาริชุเญฺญน อนภิภูโต อปริกฺขีณํเยว ตํ กุลํ ปหาย สทฺธาย ปพฺพชิโตติ วุตฺตํ โหติฯ ตํ โข ปนาติ อิตฺถมฺภูตาขฺยานเตฺถ อุปโยควจนํ, ตสฺส โข ปน โภโต โคตมสฺสาติ อโตฺถฯ กลฺยาโณติ กลฺยาณคุณสมนฺนาคโต, เสโฎฺฐติ วุตฺตํ โหติฯ กิตฺติสโทฺทติ กิตฺติเยว ถุติโฆโส วาฯ

    Keṇiyo jaṭiloti keṇiyoti nāmena, jaṭiloti tāpaso. So kira brāhmaṇamahāsālo, dhanarakkhaṇatthāya pana tāpasapabbajjaṃ samādāya rañño paṇṇākāraṃ datvā bhūmibhāgaṃ gahetvā tattha assamaṃ kāretvā vasati kulasahassassa nissayo hutvā. Assamepi cassa eko tālarukkho divase divase ekaṃ suvaṇṇaphalaṃ muñcatīti vadanti. So divā kāsāyāni dhāreti jaṭā ca bandhati, rattiṃ yathāsukhaṃ pañcahi kāmaguṇehi samappito samaṅgībhūto paricāreti. Sakyaputtoti uccākulaparidīpanaṃ. Sakyakulā pabbajitoti saddhāya pabbajitabhāvaparidīpanaṃ, kenaci pārijuññena anabhibhūto aparikkhīṇaṃyeva taṃ kulaṃ pahāya saddhāya pabbajitoti vuttaṃ hoti. Taṃ kho panāti itthambhūtākhyānatthe upayogavacanaṃ, tassa kho pana bhoto gotamassāti attho. Kalyāṇoti kalyāṇaguṇasamannāgato, seṭṭhoti vuttaṃ hoti. Kittisaddoti kittiyeva thutighoso vā.

    อิติปิ โส ภควาติ อาทิมฺหิ ปน อยํ ตาว โยชนา – โส ภควา อิติปิ อรหํ, อิติปิ สมฺมาสมฺพุโทฺธ…เป.… อิติปิ ภควาติ, อิมินา จ อิมินา จ การเณนาติ วุตฺตํ โหติฯ ตตฺถ อารกตฺตา, อรีนํ อรานญฺจ หตตฺตา ปจฺจยาทีนํ อรหตฺตา, ปาปกรเณ รหาภาวาติ อิเมหิ ตาว การเณหิ โส ภควา อรหนฺติ เวทิตโพฺพฯ อารกา หิ โส สพฺพกิเลเสหิ มเคฺคน สวาสนานํ กิเลสานํ วิทฺธํสิตตฺตาติ อารกตฺตา อรหํฯ เต จาเนน กิเลสารโย มเคฺคน หตาติ อรีนํ หตตฺตาปิ อรหํฯ ยเญฺจตํ อวิชฺชาภวตณฺหามยนาภิ, ปุญฺญาทิอภิสงฺขารานํ ชรามรณเนมิ, อาสวสมุทยมเยน อเกฺขน วิชฺฌิตฺวา ติภวรเถ สมาโยชิตํ อนาทิกาลปวตฺตํ สํสารจกฺกํฯ ตสฺสาเนน โพธิมเณฺฑ วีริยปาเทหิ สีลปถวิยํ ปติฎฺฐาย สทฺธาหเตฺถน กมฺมกฺขยกรญาณผรสุํ คเหตฺวา สเพฺพ อรา หตาติ อรานํ หตตฺตาติปิ อรหํ ฯ อคฺคทกฺขิเณยฺยตฺตา จ จีวราทิปจฺจเย สกฺการครุการาทีนิ จ อรหตีติ ปจฺจยาทีนํ อรหตฺตาปิ อรหํฯ ยถา จ โลเก เกจิ ปณฺฑิตมานิโน พาลา อสิโลกภเยน รโห ปาปํ กโรนฺติ, เอวํ นายํ กทาจิ กโรตีติ ปาปกรเณ รหาภาวโตปิ อรหํฯ โหติ เจตฺถ –

    Itipi so bhagavāti ādimhi pana ayaṃ tāva yojanā – so bhagavā itipi arahaṃ, itipi sammāsambuddho…pe… itipi bhagavāti, iminā ca iminā ca kāraṇenāti vuttaṃ hoti. Tattha ārakattā, arīnaṃ arānañca hatattā paccayādīnaṃ arahattā, pāpakaraṇe rahābhāvāti imehi tāva kāraṇehi so bhagavā arahanti veditabbo. Ārakā hi so sabbakilesehi maggena savāsanānaṃ kilesānaṃ viddhaṃsitattāti ārakattā arahaṃ. Te cānena kilesārayo maggena hatāti arīnaṃ hatattāpi arahaṃ. Yañcetaṃ avijjābhavataṇhāmayanābhi, puññādiabhisaṅkhārānaṃ jarāmaraṇanemi, āsavasamudayamayena akkhena vijjhitvā tibhavarathe samāyojitaṃ anādikālapavattaṃ saṃsāracakkaṃ. Tassānena bodhimaṇḍe vīriyapādehi sīlapathaviyaṃ patiṭṭhāya saddhāhatthena kammakkhayakarañāṇapharasuṃ gahetvā sabbe arā hatāti arānaṃ hatattātipi arahaṃ . Aggadakkhiṇeyyattā ca cīvarādipaccaye sakkāragarukārādīni ca arahatīti paccayādīnaṃ arahattāpi arahaṃ. Yathā ca loke keci paṇḍitamānino bālā asilokabhayena raho pāpaṃ karonti, evaṃ nāyaṃ kadāci karotīti pāpakaraṇe rahābhāvatopi arahaṃ. Hoti cettha –

    ‘‘อารกตฺตา หตตฺตา จ, กิเลสารีน โส มุนิ;

    ‘‘Ārakattā hatattā ca, kilesārīna so muni;

    หตสํสารจกฺกาโร, ปจฺจยาทีน จารโห;

    Hatasaṃsāracakkāro, paccayādīna cāraho;

    น รโห กโรติ ปาปานิ, อรหํ เตน ปวุจฺจตี’’ติฯ

    Na raho karoti pāpāni, arahaṃ tena pavuccatī’’ti.

    สมฺมา สามญฺจ สจฺจานํ พุทฺธตฺตา สมฺมาสมฺพุโทฺธฯ อติสยวิสุทฺธาหิ วิชฺชาหิ อพฺภุตฺตเมน จรเณน จ สมนฺนาคตตฺตา วิชฺชาจรณสมฺปโนฺนฯ โสภนคมนตฺตา สุนฺทรํ ฐานํ คตตฺตา สุฎฺฐุ คตตฺตา สมฺมา คทตฺตา จ สุคโตฯ สพฺพถาปิ วิทิตโลกตฺตา โลกวิทูฯ โส หิ ภควา สภาวโต สมุทยโต นิโรธโต นิโรธูปายโตติ สพฺพถา ขนฺธายตนาทิเภทํ สงฺขารโลกํ อเวทิ, ‘‘เอโก โลโก สเพฺพ สตฺตา อาหารฎฺฐิติกาฯ เทฺว โลกา นามญฺจ รูปญฺจฯ ตโย โลกา ติโสฺส เวทนาฯ จตฺตาโร โลกา จตฺตาโร อาหาราฯ ปญฺจ โลกา ปญฺจุปาทานกฺขนฺธาฯ ฉ โลกา ฉ อชฺฌตฺติกานิ อายตนานิฯ สตฺต โลกา สตฺต วิญฺญาณฎฺฐิติโยฯ อฎฺฐ โลกา อฎฺฐ โลกธมฺมาฯ นว โลกา นว สตฺตาวาสาฯ ทส โลกา ทสายตนานิฯ ทฺวาทส โลกา ทฺวาทสายตนานิฯ อฎฺฐารส โลกา อฎฺฐารส ธาตุโย’’ติ (ปฎิ. ม. ๑.๑๑๒) เอวํ สพฺพถา สงฺขารโลกํ อเวทิฯ สตฺตานํ อาสยํ ชานาติ, อนุสยํ ชานาติ, จริตํ ชานาติ, อธิมุตฺติํ ชานาติ, อปฺปรชเกฺข มหารชเกฺข ติกฺขินฺทฺริเย มุทินฺทฺริเย สฺวากาเร ทฺวากาเร สุวิญฺญาปเย ทุวิญฺญาปเย ภเพฺพ อภเพฺพ สเตฺต ชานาตีติ สพฺพถา สตฺตโลกํ อเวทิฯ ตถา เอกํ จกฺกวาฬํ อายามโต วิตฺถารโต จ โยชนานํ ทฺวาทส สตสหสฺสานิ ตีณิ สหสฺสานิ อฑฺฒปญฺจมานิ จ สตานิ, ปริเกฺขปโต ฉตฺติํส สตสหสฺสานิ ทส สหสฺสานิ อฑฺฒุฑฺฒานิ จ สตานิฯ

    Sammā sāmañca saccānaṃ buddhattā sammāsambuddho. Atisayavisuddhāhi vijjāhi abbhuttamena caraṇena ca samannāgatattā vijjācaraṇasampanno. Sobhanagamanattā sundaraṃ ṭhānaṃ gatattā suṭṭhu gatattā sammā gadattā ca sugato. Sabbathāpi viditalokattā lokavidū. So hi bhagavā sabhāvato samudayato nirodhato nirodhūpāyatoti sabbathā khandhāyatanādibhedaṃ saṅkhāralokaṃ avedi, ‘‘eko loko sabbe sattā āhāraṭṭhitikā. Dve lokā nāmañca rūpañca. Tayo lokā tisso vedanā. Cattāro lokā cattāro āhārā. Pañca lokā pañcupādānakkhandhā. Cha lokā cha ajjhattikāni āyatanāni. Satta lokā satta viññāṇaṭṭhitiyo. Aṭṭha lokā aṭṭha lokadhammā. Nava lokā nava sattāvāsā. Dasa lokā dasāyatanāni. Dvādasa lokā dvādasāyatanāni. Aṭṭhārasa lokā aṭṭhārasa dhātuyo’’ti (paṭi. ma. 1.112) evaṃ sabbathā saṅkhāralokaṃ avedi. Sattānaṃ āsayaṃ jānāti, anusayaṃ jānāti, caritaṃ jānāti, adhimuttiṃ jānāti, apparajakkhe mahārajakkhe tikkhindriye mudindriye svākāre dvākāre suviññāpaye duviññāpaye bhabbe abhabbe satte jānātīti sabbathā sattalokaṃ avedi. Tathā ekaṃ cakkavāḷaṃ āyāmato vitthārato ca yojanānaṃ dvādasa satasahassāni tīṇi sahassāni aḍḍhapañcamāni ca satāni, parikkhepato chattiṃsa satasahassāni dasa sahassāni aḍḍhuḍḍhāni ca satāni.

    ตตฺถ –

    Tattha –

    ทุเว สตสหสฺสานิ, จตฺตาริ นหุตานิ จ;

    Duve satasahassāni, cattāri nahutāni ca;

    เอตฺตกํ พหลเตฺตน, สงฺขาตายํ วสุนฺธราฯ

    Ettakaṃ bahalattena, saṅkhātāyaṃ vasundharā.

    จตฺตาริ สตสหสฺสานิ, อเฎฺฐว นหุตานิ จ;

    Cattāri satasahassāni, aṭṭheva nahutāni ca;

    เอตฺตกํ พหลเตฺตน, ชลํ วาเต ปติฎฺฐิตํฯ

    Ettakaṃ bahalattena, jalaṃ vāte patiṭṭhitaṃ.

    นว สตสหสฺสานิ, มาลุโต นภมุคฺคโต;

    Nava satasahassāni, māluto nabhamuggato;

    สฎฺฐิ เจว สหสฺสานิ, เอสา โลกสฺส สณฺฐิติ’’ฯ

    Saṭṭhi ceva sahassāni, esā lokassa saṇṭhiti’’.

    เอวํ สณฺฐิเต เจตฺถ โยชนานํ –

    Evaṃ saṇṭhite cettha yojanānaṃ –

    จตุราสีติ สหสฺสานิ, อโชฺฌคาโฬฺห มหณฺณเว;

    Caturāsīti sahassāni, ajjhogāḷho mahaṇṇave;

    อจฺจุคฺคโต ตาวเทว, สิเนรุ ปพฺพตุตฺตโมฯ

    Accuggato tāvadeva, sineru pabbatuttamo.

    ตโต อุปฑฺฒุปเฑฺฒน, ปมาเณน ยถากฺกมํ;

    Tato upaḍḍhupaḍḍhena, pamāṇena yathākkamaṃ;

    อโชฺฌคาฬฺหุคฺคตา ทิพฺพา, นานารตนจิตฺติตาฯ

    Ajjhogāḷhuggatā dibbā, nānāratanacittitā.

    ยุคนฺธโร อีสธโร, กรวีโก สุทสฺสโน;

    Yugandharo īsadharo, karavīko sudassano;

    เนมินฺธโร วินตโก, อสฺสกโณฺณ คิริ พฺรหาฯ

    Nemindharo vinatako, assakaṇṇo giri brahā.

    เอเต สตฺต มหาเสลา, สิเนรุสฺส สมนฺตโต;

    Ete satta mahāselā, sinerussa samantato;

    มหาราชานมาวาสา, เทวยกฺขนิเสวิตาฯ

    Mahārājānamāvāsā, devayakkhanisevitā.

    โยชนานํ สตานุโจฺจ, หิมวา ปญฺจ ปพฺพโต;

    Yojanānaṃ satānucco, himavā pañca pabbato;

    โยชนานํ สหสฺสานิ, ตีณิ อายตวิตฺถโตฯ

    Yojanānaṃ sahassāni, tīṇi āyatavitthato.

    จตุราสีติสหเสฺสหิ, กูเฎหิ ปฎิมณฺฑิโต;

    Caturāsītisahassehi, kūṭehi paṭimaṇḍito;

    ติปญฺจโยชนกฺขนฺธ-ปริเกฺขปา นควฺหยาฯ

    Tipañcayojanakkhandha-parikkhepā nagavhayā.

    ปญฺญาสโยชนกฺขนฺธ-สาขายามา สมนฺตโต;

    Paññāsayojanakkhandha-sākhāyāmā samantato;

    สตฺตโยชนวิตฺถิณฺณา, ตาวเทว จ อุคฺคตาฯ

    Sattayojanavitthiṇṇā, tāvadeva ca uggatā.

    ชมฺพู ยสฺสานุภาเวน, ชมฺพุทีโป ปกาสิโต;

    Jambū yassānubhāvena, jambudīpo pakāsito;

    เทฺว อสีติสหสฺสานิ, อโชฺฌคาโฬฺห มหณฺณเวฯ

    Dve asītisahassāni, ajjhogāḷho mahaṇṇave.

    อจฺจุคฺคโต ตาวเทว, จกฺกวาฬสิลุจฺจโย;

    Accuggato tāvadeva, cakkavāḷasiluccayo;

    ปริกฺขิปิตฺวา ตํ สพฺพํ, จกฺกวาฬมยํ ฐิโต’’ฯ

    Parikkhipitvā taṃ sabbaṃ, cakkavāḷamayaṃ ṭhito’’.

    ตตฺถ จนฺทมณฺฑลํ เอกูนปญฺญาสโยชนํ, สูริยมณฺฑลํ ปญฺญาสโยชนํ, ตาวติํสภวนํ ทสสหสฺสโยชนํ, ตถา อสุรภวนํ อวีจิมหานิรโย ชมฺพุทีโป จฯ อปรโคยานํ สตฺตสหสฺสโยชนํ, ตถา ปุพฺพวิเทโห, อุตฺตรกุรุ อฎฺฐสหสฺสโยชโนฯ เอกเมโก เจตฺถ มหาทีโป ปญฺจสตปญฺจสตปริตฺตทีปปริวาโรฯ ตํ สพฺพมฺปิ เอกํ จกฺกวาฬํ เอกา โลกธาตุฯ จกฺกวาฬนฺตเรสุ โลกนฺตริกนิรยาฯ เอวํ อนนฺตานิ จกฺกวาฬานิ อนนฺตา โลกธาตุโย, อนเนฺตน พุทฺธญาเณน อญฺญาสีติ สพฺพถา โอกาสโลกํ อเวทิฯ เอวํ โส ภควา สพฺพถาฯ วิทิตโลกตฺตา โลกวิทูติ เวทิตโพฺพฯ

    Tattha candamaṇḍalaṃ ekūnapaññāsayojanaṃ, sūriyamaṇḍalaṃ paññāsayojanaṃ, tāvatiṃsabhavanaṃ dasasahassayojanaṃ, tathā asurabhavanaṃ avīcimahānirayo jambudīpo ca. Aparagoyānaṃ sattasahassayojanaṃ, tathā pubbavideho, uttarakuru aṭṭhasahassayojano. Ekameko cettha mahādīpo pañcasatapañcasataparittadīpaparivāro. Taṃ sabbampi ekaṃ cakkavāḷaṃ ekā lokadhātu. Cakkavāḷantaresu lokantarikanirayā. Evaṃ anantāni cakkavāḷāni anantā lokadhātuyo, anantena buddhañāṇena aññāsīti sabbathā okāsalokaṃ avedi. Evaṃ so bhagavā sabbathā. Viditalokattā lokavidūti veditabbo.

    อตฺตโน ปน คุเณหิ วิสิฎฺฐตรสฺส กสฺสจิ อภาวา อนุตฺตโรฯ วิจิเตฺตหิ วินยนูปาเยหิ ปุริสทเมฺม สาเรตีติ ปุริสทมฺมสารถิฯ ทิฎฺฐธมฺมิกสมฺปรายิกปรมเตฺถหิ ยถารหํ อนุสาสติ นิตฺถาเรติ จาติ สตฺถาฯ เทวมนุสฺสคฺคหณํ อุกฺกฎฺฐปริเจฺฉทวเสน ภพฺพปุคฺคลปริคฺคหวเสน จ กตํ, นาคาทิเกปิ ปน เอส โลกิยเตฺถน อนุสาสติฯ ยทตฺถิ เนยฺยํ นาม, สพฺพสฺส พุทฺธตฺตา วิโมกฺขนฺติกญาณวเสน พุโทฺธฯ ยโต ปน โส –

    Attano pana guṇehi visiṭṭhatarassa kassaci abhāvā anuttaro. Vicittehi vinayanūpāyehi purisadamme sāretīti purisadammasārathi. Diṭṭhadhammikasamparāyikaparamatthehi yathārahaṃ anusāsati nitthāreti cāti satthā. Devamanussaggahaṇaṃ ukkaṭṭhaparicchedavasena bhabbapuggalapariggahavasena ca kataṃ, nāgādikepi pana esa lokiyatthena anusāsati. Yadatthi neyyaṃ nāma, sabbassa buddhattā vimokkhantikañāṇavasena buddho. Yato pana so –

    ‘‘ภคฺยวา ภคฺควา ยุโตฺต, ภเคหิ จ วิภตฺตวา;

    ‘‘Bhagyavā bhaggavā yutto, bhagehi ca vibhattavā;

    ภตฺตวา วนฺตคมโน, ภเวสุ ภควา ตโต’’ติฯ

    Bhattavā vantagamano, bhavesu bhagavā tato’’ti.

    อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถารโต ปเนตานิ ปทานิ วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๒๔-๑๒๕) วุตฺตานิฯ

    Ayamettha saṅkhepo, vitthārato panetāni padāni visuddhimagge (visuddhi. 1.124-125) vuttāni.

    โส อิมํ โลกนฺติ โส ภควา อิมํ โลกํฯ อิทานิ วตฺตพฺพํ นิทเสฺสติฯ สเทวกนฺติอาทีนิ กสิภารทฺวาชอาฬวกสุเตฺตสุ วุตฺตนยาเนวฯ สยนฺติ สามํ อปรเนโยฺย หุตฺวาฯ อภิญฺญาติ อภิญฺญายฯ สจฺฉิกตฺวาติ ปจฺจกฺขํ กตฺวาฯ ปเวเทตีติ โพเธติ ญาเปติ ปกาเสติฯ โส ธมฺมํ เทเสติ…เป.… ปริโยสานกลฺยาณนฺติ โส ภควา สเตฺตสุ การุญฺญตํ ปฎิจฺจ อนุตฺตรํ วิเวกสุขํ หิตฺวาปิ ธมฺมํ เทเสติฯ ตญฺจ โข อปฺปํ วา พหุํ วา เทเสโนฺต อาทิกลฺยาณาทิปฺปการเมว เทเสติฯ กถํ? เอกคาถาปิ หิ สมนฺตภทฺทกตฺตา ธมฺมสฺส ปฐมปาเทน อาทิกลฺยาณา, ทุติยตติยปาเทหิ มเชฺฌกลฺยาณา, ปจฺฉิมปาเทน ปริโยสานกลฺยาณาฯ เอกานุสนฺธิกํ สุตฺตํ นิทาเนน อาทิกลฺยาณํ, นิคมเนน ปริโยสานกลฺยาณํ, เสเสน มเชฺฌกลฺยาณํฯ นานานุสนฺธิกํ ปฐมานุสนฺธินา อาทิกลฺยาณํ, ปจฺฉิเมน ปริโยสานกลฺยาณํ, เสเสหิ มเชฺฌกลฺยาณํฯ สกโลปิ สาสนธโมฺม อตฺตโน อตฺถภูเตน สีเลน อาทิกลฺยาโณ, สมถวิปสฺสนามคฺคผเลหิ มเชฺฌกลฺยาโณ, นิพฺพาเนน ปริโยสานกลฺยาโณฯ สีลสมาธีหิ วา อาทิกลฺยาโณ, วิปสฺสนามเคฺคหิ มเชฺฌกลฺยาโณ, ผลนิพฺพาเนหิ ปริโยสานกลฺยาโณฯ พุทฺธสุโพธิตาย วา อาทิกลฺยาโณ, ธมฺมสุธมฺมตาย มเชฺฌกลฺยาโณ, สงฺฆสุปฺปฎิปตฺติยา ปริโยสานกลฺยาโณ ฯ ตํ สุตฺวา ตถตฺตาย ปฎิปเนฺนน อธิคนฺตพฺพาย อภิสโมฺพธิยา วา อาทิกลฺยาโณ, ปเจฺจกโพธิยา มเชฺฌกลฺยาโณ, สาวกโพธิยา ปริโยสานกลฺยาโณ ฯ สุยฺยมาโน เจส นีวรณาทิวิกฺขมฺภนโต สวเนนปิ กลฺยาณเมว อาวหตีติ อาทิกลฺยาโณ, ปฎิปชฺชมาโน สมถวิปสฺสนาสุขาวหนโต ปฎิปตฺติยาปิ กลฺยาณเมว อาวหตีติ มเชฺฌกลฺยาโณ, ตถา ปฎิปโนฺน จ ปฎิปตฺติผเล นิฎฺฐิเต ตาทิภาวาวหนโต ปฎิปตฺติผเลนปิ กลฺยาณเมว อาวหตีติ ปริโยสานกลฺยาโณฯ นาถปฺปภวตฺตา จ ปภวสุทฺธิยา อาทิกลฺยาโณ, อตฺถสุทฺธิยา มเชฺฌกลฺยาโณ, กิจฺจสุทฺธิยา ปริโยสานกลฺยาโณฯ ยโต อปฺปํ วา พหุํ วา เทเสโนฺต อาทิกลฺยาณาทิปฺปการเมว เทเสตีติ เวทิตโพฺพฯ

    So imaṃ lokanti so bhagavā imaṃ lokaṃ. Idāni vattabbaṃ nidasseti. Sadevakantiādīni kasibhāradvājaāḷavakasuttesu vuttanayāneva. Sayanti sāmaṃ aparaneyyo hutvā. Abhiññāti abhiññāya. Sacchikatvāti paccakkhaṃ katvā. Pavedetīti bodheti ñāpeti pakāseti. So dhammaṃ deseti…pe… pariyosānakalyāṇanti so bhagavā sattesu kāruññataṃ paṭicca anuttaraṃ vivekasukhaṃ hitvāpi dhammaṃ deseti. Tañca kho appaṃ vā bahuṃ vā desento ādikalyāṇādippakārameva deseti. Kathaṃ? Ekagāthāpi hi samantabhaddakattā dhammassa paṭhamapādena ādikalyāṇā, dutiyatatiyapādehi majjhekalyāṇā, pacchimapādena pariyosānakalyāṇā. Ekānusandhikaṃ suttaṃ nidānena ādikalyāṇaṃ, nigamanena pariyosānakalyāṇaṃ, sesena majjhekalyāṇaṃ. Nānānusandhikaṃ paṭhamānusandhinā ādikalyāṇaṃ, pacchimena pariyosānakalyāṇaṃ, sesehi majjhekalyāṇaṃ. Sakalopi sāsanadhammo attano atthabhūtena sīlena ādikalyāṇo, samathavipassanāmaggaphalehi majjhekalyāṇo, nibbānena pariyosānakalyāṇo. Sīlasamādhīhi vā ādikalyāṇo, vipassanāmaggehi majjhekalyāṇo, phalanibbānehi pariyosānakalyāṇo. Buddhasubodhitāya vā ādikalyāṇo, dhammasudhammatāya majjhekalyāṇo, saṅghasuppaṭipattiyā pariyosānakalyāṇo . Taṃ sutvā tathattāya paṭipannena adhigantabbāya abhisambodhiyā vā ādikalyāṇo, paccekabodhiyā majjhekalyāṇo, sāvakabodhiyā pariyosānakalyāṇo . Suyyamāno cesa nīvaraṇādivikkhambhanato savanenapi kalyāṇameva āvahatīti ādikalyāṇo, paṭipajjamāno samathavipassanāsukhāvahanato paṭipattiyāpi kalyāṇameva āvahatīti majjhekalyāṇo, tathā paṭipanno ca paṭipattiphale niṭṭhite tādibhāvāvahanato paṭipattiphalenapi kalyāṇameva āvahatīti pariyosānakalyāṇo. Nāthappabhavattā ca pabhavasuddhiyā ādikalyāṇo, atthasuddhiyā majjhekalyāṇo, kiccasuddhiyā pariyosānakalyāṇo. Yato appaṃ vā bahuṃ vā desento ādikalyāṇādippakārameva desetīti veditabbo.

    สาตฺถํ สพฺยญฺชนนฺติ เอวมาทีสุ ปน ยสฺมา อิมํ ธมฺมํ เทเสโนฺต สาสนพฺรหฺมจริยํ มคฺคพฺรหฺมจริยญฺจ ปกาเสติ, นานานเยหิ ทีเปติ, ตญฺจ ยถาสมฺภวํ อตฺถสมฺปตฺติยา สาตฺถํ, พฺยญฺชนสมฺปตฺติยา สพฺยญฺชนํฯ สงฺกาสนปกาสนวิวรณวิภชนอุตฺตานีกรณปญฺญตฺติอตฺถปทสมาโยคโต สาตฺถํ, อกฺขรปทพฺยญฺชนาการนิรุตฺตินิเทฺทสสมฺปตฺติยา สพฺยญฺชนํฯ อตฺถคมฺภีรตาปฎิเวธคมฺภีรตาหิ สาตฺถํ, ธมฺมคมฺภีรตาเทสนาคมฺภีรตาหิ สพฺยญฺชนํฯ อตฺถปฎิภานปฎิสมฺภิทาวิสยโต สาตฺถํ, ธมฺมนิรุตฺติปฎิสมฺภิทาวิสยโต สพฺยญฺชนํฯ ปณฺฑิตเวทนียโต สริกฺขกชนปฺปสาทกนฺติ สาตฺถํ, สเทฺธยฺยโต โลกิยชนปฺปสาทกนฺติ สพฺยญฺชนํฯ คมฺภีราธิปฺปายโต สาตฺถํ, อุตฺตานปทโต สพฺยญฺชนํฯ อุปเนตพฺพสฺสาภาวโต สกลปริปุณฺณภาเวน เกวลปริปุณฺณํ, อปเนตพฺพสฺส อภาวโต นิโทฺทสภาเวน ปริสุทฺธํฯ สิกฺขตฺตยปริคฺคหิตตฺตา พฺรหฺมภูเตหิ เสเฎฺฐหิ จริตพฺพโต เตสญฺจ จริยภาวโต พฺรหฺมจริยํฯ ตสฺมา ‘‘สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ…เป.… พฺรหฺมจริยํ ปกาเสตี’’ติ วุจฺจติฯ

    Sātthaṃ sabyañjananti evamādīsu pana yasmā imaṃ dhammaṃ desento sāsanabrahmacariyaṃ maggabrahmacariyañca pakāseti, nānānayehi dīpeti, tañca yathāsambhavaṃ atthasampattiyā sātthaṃ, byañjanasampattiyā sabyañjanaṃ. Saṅkāsanapakāsanavivaraṇavibhajanauttānīkaraṇapaññattiatthapadasamāyogato sātthaṃ, akkharapadabyañjanākāraniruttiniddesasampattiyā sabyañjanaṃ. Atthagambhīratāpaṭivedhagambhīratāhi sātthaṃ, dhammagambhīratādesanāgambhīratāhi sabyañjanaṃ. Atthapaṭibhānapaṭisambhidāvisayato sātthaṃ, dhammaniruttipaṭisambhidāvisayato sabyañjanaṃ. Paṇḍitavedanīyato sarikkhakajanappasādakanti sātthaṃ, saddheyyato lokiyajanappasādakanti sabyañjanaṃ. Gambhīrādhippāyato sātthaṃ, uttānapadato sabyañjanaṃ. Upanetabbassābhāvato sakalaparipuṇṇabhāvena kevalaparipuṇṇaṃ, apanetabbassa abhāvato niddosabhāvena parisuddhaṃ. Sikkhattayapariggahitattā brahmabhūtehi seṭṭhehi caritabbato tesañca cariyabhāvato brahmacariyaṃ. Tasmā ‘‘sātthaṃ sabyañjanaṃ…pe… brahmacariyaṃ pakāsetī’’ti vuccati.

    อปิจ ยสฺมา สนิทานํ สอุปฺปตฺติกญฺจ เทเสโนฺต อาทิกลฺยาณํ เทเสติ, วิเนยฺยานํ อนุรูปโต อตฺถสฺส อวิปรีตตาย เหตุทาหรณโยคโต จ มเชฺฌกลฺยาณํ , โสตูนํ สทฺธาปฎิลาเภน นิคมเนน จ ปริโยสานกลฺยาณํฯ เอวํ เทเสโนฺต จ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติฯ ตญฺจ ปฎิปตฺติยา อธิคมพฺยตฺติโต สาตฺถํ, ปริยตฺติยา อาคมพฺยตฺติโต สพฺยญฺชนํ, สีลาทิปญฺจธมฺมกฺขนฺธยุตฺตโต เกวลปริปุณฺณํ, นิรุปกฺกิเลสโต นิตฺถรณตฺถาย ปวตฺติโต โลกามิสนิรเปกฺขโต จ ปริสุทฺธํ, เสฎฺฐเฎฺฐน พฺรหฺมภูตานํ พุทฺธปเจฺจกพุทฺธสาวกานํ จริยโต พฺรหฺมจริยนฺติ วุจฺจติ, ตสฺมาปิ ‘‘โส ธมฺมํ เทเสติ…เป.… พฺรหฺมจริยํ ปกาเสตี’’ติ วุจฺจติฯ

    Apica yasmā sanidānaṃ sauppattikañca desento ādikalyāṇaṃ deseti, vineyyānaṃ anurūpato atthassa aviparītatāya hetudāharaṇayogato ca majjhekalyāṇaṃ , sotūnaṃ saddhāpaṭilābhena nigamanena ca pariyosānakalyāṇaṃ. Evaṃ desento ca brahmacariyaṃ pakāseti. Tañca paṭipattiyā adhigamabyattito sātthaṃ, pariyattiyā āgamabyattito sabyañjanaṃ, sīlādipañcadhammakkhandhayuttato kevalaparipuṇṇaṃ, nirupakkilesato nittharaṇatthāya pavattito lokāmisanirapekkhato ca parisuddhaṃ, seṭṭhaṭṭhena brahmabhūtānaṃ buddhapaccekabuddhasāvakānaṃ cariyato brahmacariyanti vuccati, tasmāpi ‘‘so dhammaṃ deseti…pe… brahmacariyaṃ pakāsetī’’ti vuccati.

    สาธุ โข ปนาติ สุนฺทรํ โข ปน, อตฺถาวหํ สุขาวหนฺติ วุตฺตํ โหติฯ ธมฺมิยา กถายาติ ปานกานิสํสปฎิสํยุตฺตายฯ อยญฺหิ เกณิโย สายนฺหสมเย ภควโต อาคมนํ อโสฺสสิฯ ‘‘ตุจฺฉหโตฺถ ภควนฺตํ ทสฺสนาย คนฺตุํ ลชฺชมาโน วิกาลโภชนา วิรตานมฺปิ ปานกํ กปฺปตี’’ติ จิเนฺตตฺวา ปญฺจหิ กาชสเตหิ สุสงฺขตํ พทรปานํ คาหาเปตฺวา อคมาสิฯ ยถาห เภสชฺชกฺขนฺธเก ‘‘อถ โข เกณิยสฺส ชฎิลสฺส เอตทโหสิ, กิํ นุ โข อหํ สมณสฺส โคตมสฺส หราเปยฺย’’นฺติ (มหาว. ๓๐๐) สพฺพํ เวทิตพฺพํฯ ตโต นํ ภควา ยถา เสกฺขสุเตฺต (ม. นิ. ๒.๒๒ อาทโย) สากิเย อาวสถานิสํสปฎิสํยุตฺตาย กถาย, โคสิงฺคสาลวเน (ม. นิ. ๑.๓๒๕ อาทโย) ตโย กุลปุเตฺต สามคฺคิรสานิสํสปฎิสํยุตฺตาย, รถวินีเต (ม. นิ. ๑.๒๕๒ อาทโย) ชาติภูมเก ภิกฺขู ทสกถาวตฺถุปฎิสํยุตฺตาย, เอวํ ตงฺขณานุรูปาย ปานกานิสํสปฎิสํยุตฺตาย กถาย ปานกทานานิสํสํ สนฺทเสฺสสิ, ตถารูปานํ ปุญฺญานํ ปุนปิ กตฺตพฺพตาย นิโยเชโนฺต สมาทเปสิ, อพฺภุสฺสาหํ ชเนโนฺต สมุเตฺตเชสิ, สนฺทิฎฺฐิกสมฺปรายิเกน ผลวิเสเสน ปหํเสโนฺต สมฺปหํเสสิฯ เตนาห ‘‘ธมฺมิยา กถาย…เป.… สมฺปหํเสสี’’ติฯ โส ภิโยฺยโสมตฺตาย ภควติ ปสโนฺน ภควนฺตํ นิมเนฺตสิ, ภควา จสฺส ติกฺขตฺตุํ ปฎิกฺขิปิตฺวา อธิวาเสสิฯ เตนาห ‘‘อถ โข เกณิโย ชฎิโล…เป.… อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวนา’’ติฯ

    Sādhu kho panāti sundaraṃ kho pana, atthāvahaṃ sukhāvahanti vuttaṃ hoti. Dhammiyā kathāyāti pānakānisaṃsapaṭisaṃyuttāya. Ayañhi keṇiyo sāyanhasamaye bhagavato āgamanaṃ assosi. ‘‘Tucchahattho bhagavantaṃ dassanāya gantuṃ lajjamāno vikālabhojanā viratānampi pānakaṃ kappatī’’ti cintetvā pañcahi kājasatehi susaṅkhataṃ badarapānaṃ gāhāpetvā agamāsi. Yathāha bhesajjakkhandhake ‘‘atha kho keṇiyassa jaṭilassa etadahosi, kiṃ nu kho ahaṃ samaṇassa gotamassa harāpeyya’’nti (mahāva. 300) sabbaṃ veditabbaṃ. Tato naṃ bhagavā yathā sekkhasutte (ma. ni. 2.22 ādayo) sākiye āvasathānisaṃsapaṭisaṃyuttāya kathāya, gosiṅgasālavane (ma. ni. 1.325 ādayo) tayo kulaputte sāmaggirasānisaṃsapaṭisaṃyuttāya, rathavinīte (ma. ni. 1.252 ādayo) jātibhūmake bhikkhū dasakathāvatthupaṭisaṃyuttāya, evaṃ taṅkhaṇānurūpāya pānakānisaṃsapaṭisaṃyuttāya kathāya pānakadānānisaṃsaṃ sandassesi, tathārūpānaṃ puññānaṃ punapi kattabbatāya niyojento samādapesi, abbhussāhaṃ janento samuttejesi, sandiṭṭhikasamparāyikena phalavisesena pahaṃsento sampahaṃsesi. Tenāha ‘‘dhammiyā kathāya…pe… sampahaṃsesī’’ti. So bhiyyosomattāya bhagavati pasanno bhagavantaṃ nimantesi, bhagavā cassa tikkhattuṃ paṭikkhipitvā adhivāsesi. Tenāha ‘‘atha kho keṇiyo jaṭilo…pe… adhivāsesi bhagavā tuṇhībhāvenā’’ti.

    กิมตฺถํ ปน ปฎิกฺขิปิ ภควาติ? ปุนปฺปุนํ ยาจนาย จสฺส ปุญฺญวุฑฺฒิ ภวิสฺสติ, พหุตรญฺจ ปฎิยาเทสฺสติ, ตโต อฑฺฒเตลสานํ ภิกฺขุสตานํ ปฎิยตฺตํ อฑฺฒโสฬสนฺนํ ปาปุณิสฺสตีติฯ กุโต อปรานิ ตีณิ สตานีติ เจ? อปฺปฎิยเตฺตเยว หิ ภเตฺต เสโล พฺราหฺมโณ ตีหิ มาณวกสเตหิ สทฺธิํ ปพฺพชิสฺสติ, ตํ ทิสฺวา ภควา เอวมาหาติฯ มิตฺตามเจฺจติ มิเตฺต จ กมฺมกเร จฯ ญาติสาโลหิเตติ สมานโลหิเต เอกโยนิสมฺพเนฺธ ปุตฺตธีตาทโย อวเสสพนฺธเว จฯ เยนาติ ยสฺมาฯ เมติ มยฺหํฯ กายเวยฺยาวฎิกนฺติ กาเยน เวยฺยาวจฺจํฯ มณฺฑลมาฬํ ปฎิยาเทตีติ เสตวิตานมณฺฑปํ กโรติฯ

    Kimatthaṃ pana paṭikkhipi bhagavāti? Punappunaṃ yācanāya cassa puññavuḍḍhi bhavissati, bahutarañca paṭiyādessati, tato aḍḍhatelasānaṃ bhikkhusatānaṃ paṭiyattaṃ aḍḍhasoḷasannaṃ pāpuṇissatīti. Kuto aparāni tīṇi satānīti ce? Appaṭiyatteyeva hi bhatte selo brāhmaṇo tīhi māṇavakasatehi saddhiṃ pabbajissati, taṃ disvā bhagavā evamāhāti. Mittāmacceti mitte ca kammakare ca. Ñātisālohiteti samānalohite ekayonisambandhe puttadhītādayo avasesabandhave ca. Yenāti yasmā. Meti mayhaṃ. Kāyaveyyāvaṭikanti kāyena veyyāvaccaṃ. Maṇḍalamāḷaṃ paṭiyādetīti setavitānamaṇḍapaṃ karoti.

    ติณฺณํ เวทานนฺติ อิรุเพฺพทยชุเพฺพทสามเวทานํฯ สห นิฆณฺฑุนา จ เกฎุเภน จ สนิฆณฺฑุเกฎุภานํนิฆณฺฑูติ นามนิฆณฺฑุรุกฺขาทีนํ เววจนปฺปกาสกํ สตฺถํฯ เกฎุภนฺติ กิริยากปฺปวิกโปฺป กวีนํ อุปการาย สตฺถํฯ สห อกฺขรปฺปเภเทน สากฺขรปฺปเภทานํอกฺขรปฺปเภโทติ สิกฺขา จ นิรุตฺติ จฯ อิติหาสปญฺจมานนฺติ อถพฺพนเวทํ จตุตฺถํ กตฺวา ‘‘อิติห อาส อิติห อาสา’’ติ อีทิสวจนปฎิสํยุโตฺต ปุราณกถาสงฺขาโต อิติหาโส ปญฺจโม เอเตสนฺติ อิติหาสปญฺจมาฯ เตสํ อิติหาสปญฺจมานํฯ ปทํ ตทวเสสญฺจ พฺยากรณํ อเชฺฌติ เวเทติ จาติ ปทโก เวยฺยากรโณฯ โลกายเต วิตณฺฑวาทสเตฺถ มหาปุริสลกฺขณาธิกาเร จ ทฺวาทสสหเสฺส มหาปุริสลกฺขณสเตฺถ อนูโน ปริปูรการีติ โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ อนวโย, อวโย น โหตีติ วุตฺตํ โหติฯ อวโย นาม โย ตานิ อตฺถโต จ คนฺถโต จ สนฺธาเรตุํ น สโกฺกติฯ

    Tiṇṇaṃ vedānanti irubbedayajubbedasāmavedānaṃ. Saha nighaṇḍunā ca keṭubhena ca sanighaṇḍukeṭubhānaṃ. Nighaṇḍūti nāmanighaṇḍurukkhādīnaṃ vevacanappakāsakaṃ satthaṃ. Keṭubhanti kiriyākappavikappo kavīnaṃ upakārāya satthaṃ. Saha akkharappabhedena sākkharappabhedānaṃ. Akkharappabhedoti sikkhā ca nirutti ca. Itihāsapañcamānanti athabbanavedaṃ catutthaṃ katvā ‘‘itiha āsa itiha āsā’’ti īdisavacanapaṭisaṃyutto purāṇakathāsaṅkhāto itihāso pañcamo etesanti itihāsapañcamā. Tesaṃ itihāsapañcamānaṃ. Padaṃ tadavasesañca byākaraṇaṃ ajjheti vedeti cāti padako veyyākaraṇo. Lokāyate vitaṇḍavādasatthe mahāpurisalakkhaṇādhikāre ca dvādasasahasse mahāpurisalakkhaṇasatthe anūno paripūrakārīti lokāyatamahāpurisalakkhaṇesu anavayo, avayo na hotīti vuttaṃ hoti. Avayo nāma yo tāni atthato ca ganthato ca sandhāretuṃ na sakkoti.

    ชงฺฆาย หิตํ วิหารํ ชงฺฆาวิหารํ, จิราสนาทิชนิตํ ปริสฺสมํ วิโนเทตุํ ชงฺฆาปสารณตฺถํ อทีฆจาริกนฺติ วุตฺตํ โหติฯ อนุจงฺกมมาโนติ จงฺกมมาโน เอวฯ อนุวิจรมาโนติ อิโต จิโต จ จรมาโนฯ เกณิยสฺส ชฎิลสฺส อสฺสโมติ เกณิยสฺส อสฺสมํ นิเวสนํฯ อาวาโหติ กญฺญาคหณํฯ วิวาโหติ กญฺญาทานํฯ มหายโญฺญติ มหายชนํฯ มาคโธติ มคธานํ อิสฺสโรฯ มหติยา เสนาย สมนฺนาคตตฺตา เสนิโยฯ พิมฺพีติ สุวณฺณํ, ตสฺมา สารสุวณฺณสทิสวณฺณตาย พิมฺพิสาโรฯ โส เม นิมนฺติโตติ โส มยา นิมนฺติโตฯ

    Jaṅghāya hitaṃ vihāraṃ jaṅghāvihāraṃ, cirāsanādijanitaṃ parissamaṃ vinodetuṃ jaṅghāpasāraṇatthaṃ adīghacārikanti vuttaṃ hoti. Anucaṅkamamānoti caṅkamamāno eva. Anuvicaramānoti ito cito ca caramāno. Keṇiyassa jaṭilassa assamoti keṇiyassa assamaṃ nivesanaṃ. Āvāhoti kaññāgahaṇaṃ. Vivāhoti kaññādānaṃ. Mahāyaññoti mahāyajanaṃ. Māgadhoti magadhānaṃ issaro. Mahatiyā senāya samannāgatattā seniyo. Bimbīti suvaṇṇaṃ, tasmā sārasuvaṇṇasadisavaṇṇatāya bimbisāro. So me nimantitoti so mayā nimantito.

    อถ พฺราหฺมโณ ปุเพฺพ กตาธิการตฺตา พุทฺธสทฺทํ สุตฺวาว อมเตเนวาภิสิโตฺต วิมฺหยรูปตฺตา อาห – ‘‘พุโทฺธติ, โภ เกณิย, วเทสี’’ติฯ อิตโร ยถาภูตํ อาจิกฺขโนฺต อาห – ‘‘พุโทฺธติ, โภ เสล, วทามี’’ติฯ ตโต นํ ปุนปิ ทฬฺหีกรณตฺถํ ปุจฺฉิ, อิตโรปิ ตเถว อาโรเจสิฯ อถ กปฺปสตสหเสฺสหิปิ พุทฺธสทฺทสฺส ทุลฺลภภาวํ ทเสฺสโนฺต อาห – ‘‘โฆโสปิ โข เอโส ทุลฺลโภ โลกสฺมิํ ยทิทํ พุโทฺธ’’ติฯ ตตฺถ ยทิทนฺติ นิปาโต, โย เอโสติ วุตฺตํ โหติฯ

    Atha brāhmaṇo pubbe katādhikārattā buddhasaddaṃ sutvāva amatenevābhisitto vimhayarūpattā āha – ‘‘buddhoti, bho keṇiya, vadesī’’ti. Itaro yathābhūtaṃ ācikkhanto āha – ‘‘buddhoti, bho sela, vadāmī’’ti. Tato naṃ punapi daḷhīkaraṇatthaṃ pucchi, itaropi tatheva ārocesi. Atha kappasatasahassehipi buddhasaddassa dullabhabhāvaṃ dassento āha – ‘‘ghosopi kho eso dullabho lokasmiṃ yadidaṃ buddho’’ti. Tattha yadidanti nipāto, yo esoti vuttaṃ hoti.

    อถ พฺราหฺมโณ พุทฺธสทฺทํ สุตฺวา ‘‘กิํ นุ โข โส สจฺจเมว พุโทฺธ, อุทาหุ นามมตฺตเมวสฺส พุโทฺธ’’ติ วีมํสิตุกาโม จิเนฺตสิ, อภาสิ เอว วา ‘‘อาคตานิ โข ปน…เป.… วิวฎฺฎจฺฉโท’’ติฯ ตตฺถ ‘‘มเนฺตสู’’ติ เวเทสุฯ ‘‘ตถาคโต กิร อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ ปฎิกเจฺจว สุทฺธาวาสเทวา พฺราหฺมณเวเสน ลกฺขณานิ ปกฺขิปิตฺวา เวเท วาเจนฺติ ‘‘ตทนุสาเรน มเหสกฺขา สตฺตา ตถาคตํ ชานิสฺสนฺตี’’ติฯ เตน ปุเพฺพ เวเทสุ มหาปุริสลกฺขณานิ อาคจฺฉนฺติฯ ปรินิพฺพุเต ปน ตถาคเต กเมน อนฺตรธายนฺติ, เตน เอตรหิ นตฺถิฯ มหาปุริสสฺสาติ ปณิธิสมาทานญาณสมาทานกรุณาทิคุณมหโต ปุริสสฺส ฯ เทฺวว คติโยติ เทฺว เอว นิฎฺฐาฯ กามญฺจายํ คติสโทฺท ‘‘ปญฺจ โข อิมา, สาริปุตฺต, คติโย’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๕๓) ภวเภเท, ‘‘คตี มิคานํ ปวน’’นฺติอาทีสุ (ปริ. ๓๓๙) นิวาสฎฺฐาเน, ‘‘เอวํ อธิมตฺตคติมโนฺต’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๖๑) ปญฺญายํ, ‘‘คติคต’’นฺติอาทีสุ (จูฬว. ๒๐๔) วิสฎภาเว วตฺตติ, อิธ ปน นิฎฺฐายํ เวทิตโพฺพฯ ตตฺถ กิญฺจาปิ เยหิ ลกฺขเณหิ สมนฺนาคโต ราชา โหติ จกฺกวตฺติ, น เตหิ เอว พุโทฺธฯ ชาติสามญฺญโต ปน ตานิเยว ตานีติ วุจฺจนฺติฯ ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘เยหิ สมนฺนาคตสฺสา’’ติฯ

    Atha brāhmaṇo buddhasaddaṃ sutvā ‘‘kiṃ nu kho so saccameva buddho, udāhu nāmamattamevassa buddho’’ti vīmaṃsitukāmo cintesi, abhāsi eva vā ‘‘āgatāni kho pana…pe… vivaṭṭacchado’’ti. Tattha ‘‘mantesū’’ti vedesu. ‘‘Tathāgato kira uppajjissatī’’ti paṭikacceva suddhāvāsadevā brāhmaṇavesena lakkhaṇāni pakkhipitvā vede vācenti ‘‘tadanusārena mahesakkhā sattā tathāgataṃ jānissantī’’ti. Tena pubbe vedesu mahāpurisalakkhaṇāni āgacchanti. Parinibbute pana tathāgate kamena antaradhāyanti, tena etarahi natthi. Mahāpurisassāti paṇidhisamādānañāṇasamādānakaruṇādiguṇamahato purisassa . Dveva gatiyoti dve eva niṭṭhā. Kāmañcāyaṃ gatisaddo ‘‘pañca kho imā, sāriputta, gatiyo’’tiādīsu (ma. ni. 1.153) bhavabhede, ‘‘gatī migānaṃ pavana’’ntiādīsu (pari. 339) nivāsaṭṭhāne, ‘‘evaṃ adhimattagatimanto’’tiādīsu (ma. ni. 1.161) paññāyaṃ, ‘‘gatigata’’ntiādīsu (cūḷava. 204) visaṭabhāve vattati, idha pana niṭṭhāyaṃ veditabbo. Tattha kiñcāpi yehi lakkhaṇehi samannāgato rājā hoti cakkavatti, na tehi eva buddho. Jātisāmaññato pana tāniyeva tānīti vuccanti. Tasmā vuttaṃ ‘‘yehi samannāgatassā’’ti.

    สเจ อคารํ อชฺฌาวสตีติ ยทิ อคาเร วสติฯ ราชา โหติ จกฺกวตฺตีติ จตูหิ อจฺฉริยธเมฺมหิ สงฺคหวตฺถูหิ จ โลกํ รญฺชนโต ราชาฯ จกฺกรตนํ วเตฺตติ, จตูหิ สมฺปตฺติจเกฺกหิ, วตฺตติ, เตหิ จ ปรํ วเตฺตติ, ปรหิตาย จ อิริยาปถจกฺกานํ วโตฺต เอตสฺมิํ อตฺถีติ จกฺกวตฺติฯ เอตฺถ จ ราชาติ สามญฺญํ, จกฺกวตฺตีติ วิเสสนํฯ ธเมฺมน จรตีติ ธมฺมิโก, ญาเยน สเมน วตฺตตีติ อโตฺถฯ ธเมฺมน รชฺชํ ลภิตฺวา ราชา ชาโตติ ธมฺมราชาฯ ปรหิตธมฺมกรเณน วา ธมฺมิโก, อตฺตหิตธมฺมกรเณน ธมฺมราชาฯ จตุรนฺตาย อิสฺสโรติ จาตุรโนฺต, จตุสมุทฺทนฺตาย จตฺตุพฺพิธทีปวิภูสิตาย จ ปถวิยา อิสฺสโรติ อโตฺถฯ อชฺฌตฺตํ โกธาทิปจฺจตฺถิเก พหิทฺธา จ สพฺพราชาโน วิเชสีติ วิชิตาวีฯ ชนปทตฺถาวริยปฺปโตฺตติ ชนปเท ธุวภาวํ ถาวรภาวํ ปโตฺต, น สกฺกา เกนจิ จาเลตุํ, ชนปโท วา ตมฺหิ ถาวริยปฺปโตฺต อนุสฺสุโกฺก สกมฺมนิรโต อจโล อสมฺปเวธีติปิ ชนปทตฺถาวริยปฺปโตฺตฯ

    Sace agāraṃ ajjhāvasatīti yadi agāre vasati. Rājā hoti cakkavattīti catūhi acchariyadhammehi saṅgahavatthūhi ca lokaṃ rañjanato rājā. Cakkaratanaṃ vatteti, catūhi sampatticakkehi, vattati, tehi ca paraṃ vatteti, parahitāya ca iriyāpathacakkānaṃ vatto etasmiṃ atthīti cakkavatti. Ettha ca rājāti sāmaññaṃ, cakkavattīti visesanaṃ. Dhammena caratīti dhammiko, ñāyena samena vattatīti attho. Dhammena rajjaṃ labhitvā rājā jātoti dhammarājā. Parahitadhammakaraṇena vā dhammiko, attahitadhammakaraṇena dhammarājā. Caturantāya issaroti cāturanto, catusamuddantāya cattubbidhadīpavibhūsitāya ca pathaviyā issaroti attho. Ajjhattaṃ kodhādipaccatthike bahiddhā ca sabbarājāno vijesīti vijitāvī. Janapadatthāvariyappattoti janapade dhuvabhāvaṃ thāvarabhāvaṃ patto, na sakkā kenaci cāletuṃ, janapado vā tamhi thāvariyappatto anussukko sakammanirato acalo asampavedhītipi janapadatthāvariyappatto.

    เสยฺยถิทนฺติ นิปาโต, ตสฺส เอตานิ กตมานีติ อโตฺถฯ จกฺกรตนํ…เป.… ปริณายกรตนเมว สตฺตมนฺติ ตานิ สพฺพปฺปการโต รตนสุตฺตวณฺณนายํ วุตฺตานิฯ เตสุ อยํ จกฺกวตฺติราชา จกฺกรตเนน อชิตํ ชินาติ, หตฺถิอสฺสรตเนหิ วิชิเต ยถาสุขมนุวิจรติ, ปริณายกรตเนน วิชิตมนุรกฺขติ, เสเสหิ อุปโภคสุขมนุภวติฯ ปฐเมน จสฺส อุสฺสาหสตฺติโยโค, หตฺถิอสฺสคหปติรตเนหิ ปภุสตฺติโยโค, ปริณายกรตเนน มนฺตสตฺติโยโค สุปริปุโณฺณ โหติ, อิตฺถิมณิรตเนหิ จ ติวิธสตฺติโยคผลํฯ โส อิตฺถิมณิรตเนหิ โภคสุขมนุโภติ, เสเสหิ อิสฺสริยสุขํฯ วิเสสโต จสฺส ปุริมานิ ตีณิ อโทสกุสลมูลชนิตกมฺมานุภาเวน สมฺปชฺชนฺติ, มชฺฌิมานิ อโลภกุสลมูลชนิตกมฺมานุภาเวน, ปจฺฉิมเมกํ อโมหกุสลมูลชนิตกมฺมานุภาเวนาติ เวทิตพฺพํฯ

    Seyyathidanti nipāto, tassa etāni katamānīti attho. Cakkaratanaṃ…pe… pariṇāyakaratanameva sattamanti tāni sabbappakārato ratanasuttavaṇṇanāyaṃ vuttāni. Tesu ayaṃ cakkavattirājā cakkaratanena ajitaṃ jināti, hatthiassaratanehi vijite yathāsukhamanuvicarati, pariṇāyakaratanena vijitamanurakkhati, sesehi upabhogasukhamanubhavati. Paṭhamena cassa ussāhasattiyogo, hatthiassagahapatiratanehi pabhusattiyogo, pariṇāyakaratanena mantasattiyogo suparipuṇṇo hoti, itthimaṇiratanehi ca tividhasattiyogaphalaṃ. So itthimaṇiratanehi bhogasukhamanubhoti, sesehi issariyasukhaṃ. Visesato cassa purimāni tīṇi adosakusalamūlajanitakammānubhāvena sampajjanti, majjhimāni alobhakusalamūlajanitakammānubhāvena, pacchimamekaṃ amohakusalamūlajanitakammānubhāvenāti veditabbaṃ.

    ปโรสหสฺสนฺติ อติเรกสหสฺสํฯ สูราติ อภีรุกชาติกาฯ วีรงฺครูปาติ เทวปุตฺตสทิสกายา, เอวํ ตาเวเกฯ อยํ ปเนตฺถ สภาโว วีราติ อุตฺตมสูรา วุจฺจนฺติ, วีรานํ องฺคํ วีรงฺคํ, วีรการณํ วีริยนฺติ วุตฺตํ โหติฯ วีรงฺคํ รูปํ เอเตสนฺติ วีรงฺครูปา, วีริยมยสรีรา วิยาติ วุตฺตํ โหติฯ ปรเสนปฺปมทฺทนาติ สเจ ปฎิมุขํ ติเฎฺฐยฺย ปรเสนา, ตํ ปมทฺทิตุํ สมตฺถาติ อธิปฺปาโยฯ ธเมฺมนาติ ‘‘ปาโณ น หนฺตโพฺพ’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๒๔๔; ม. นิ. ๓.๒๕๗) ปญฺจสีลธเมฺมนฯ อรหํ โหติ สมฺมาสมฺพุโทฺธ โลเก วิวฎฺฎจฺฉโทติ เอตฺถ ราคโทสโมหมานทิฎฺฐิอวิชฺชาทุจฺจริตฉทเนหิ สตฺตหิ ปฎิจฺฉเนฺน กิเลสนฺธกาเร โลเก ตํ ฉทนํ วิวเฎฺฎตฺวา สมนฺตโต สญฺชาตาโลโก หุตฺวา ฐิโตติ วิวฎฺฎจฺฉโทฯ ตตฺถ ปฐเมน ปเทน ปูชารหตา, ทุติเยน ตสฺสา เหตุ ยสฺมา สมฺมาสมฺพุโทฺธติฯ ตติเยน พุทฺธตฺตเหตุ วิวฎฺฎจฺฉทตา วุตฺตาติ เวทิตพฺพาฯ อถ วา วิวโฎฺฎ จ วิจฺฉโท จาติ วิวฎฺฎจฺฉโท, วฎฺฎรหิโต ฉทนรหิโต จาติ วุตฺตํ โหติฯ เตน อรหํ วฎฺฎาภาเวน สมฺมาสมฺพุโทฺธ ฉทนาภาเวนาติ เอวํ ปุริมปททฺวยเสฺสว เหตุทฺวยํ วุตฺตํ โหติฯ ทุติเยน เวสารเชฺชน เจตฺถ ปุริมสิทฺธิ, ปฐเมน ทุติยสิทฺธิ, ตติยจตุเตฺถหิ ตติยสิทฺธิ โหติฯ ปุริมญฺจ ธมฺมจกฺขุํ, ทุติยํ พุทฺธจกฺขุํ, ตติยํ สมนฺตจกฺขุํ สาเธตีติ เวทิตพฺพํฯ

    Parosahassanti atirekasahassaṃ. Sūrāti abhīrukajātikā. Vīraṅgarūpāti devaputtasadisakāyā, evaṃ tāveke. Ayaṃ panettha sabhāvo vīrāti uttamasūrā vuccanti, vīrānaṃ aṅgaṃ vīraṅgaṃ, vīrakāraṇaṃ vīriyanti vuttaṃ hoti. Vīraṅgaṃ rūpaṃ etesanti vīraṅgarūpā, vīriyamayasarīrā viyāti vuttaṃ hoti. Parasenappamaddanāti sace paṭimukhaṃ tiṭṭheyya parasenā, taṃ pamaddituṃ samatthāti adhippāyo. Dhammenāti ‘‘pāṇo na hantabbo’’tiādinā (dī. ni. 2.244; ma. ni. 3.257) pañcasīladhammena. Arahaṃ hoti sammāsambuddho loke vivaṭṭacchadoti ettha rāgadosamohamānadiṭṭhiavijjāduccaritachadanehi sattahi paṭicchanne kilesandhakāre loke taṃ chadanaṃ vivaṭṭetvā samantato sañjātāloko hutvā ṭhitoti vivaṭṭacchado. Tattha paṭhamena padena pūjārahatā, dutiyena tassā hetu yasmā sammāsambuddhoti. Tatiyena buddhattahetu vivaṭṭacchadatā vuttāti veditabbā. Atha vā vivaṭṭo ca vicchado cāti vivaṭṭacchado, vaṭṭarahito chadanarahito cāti vuttaṃ hoti. Tena arahaṃ vaṭṭābhāvena sammāsambuddho chadanābhāvenāti evaṃ purimapadadvayasseva hetudvayaṃ vuttaṃ hoti. Dutiyena vesārajjena cettha purimasiddhi, paṭhamena dutiyasiddhi, tatiyacatutthehi tatiyasiddhi hoti. Purimañca dhammacakkhuṃ, dutiyaṃ buddhacakkhuṃ, tatiyaṃ samantacakkhuṃ sādhetīti veditabbaṃ.

    อิทานิ ภควโต สนฺติกํ คนฺตุกาโม อาห – ‘‘กหํ ปน โภ…เป.… สมฺมาสมฺพุโทฺธ’’ติฯ เอวํ วุเตฺตติอาทีสุ เยเนสาติ เยน ทิสาภาเคน เอสาฯ นีลวนราชีติ นีลวณฺณรุกฺขปนฺติฯ วนํ กิร เมฆปนฺติสทิสํฯ ยตฺถ ภควา ตทา วิหาสิ, ตํ นิทฺทิสโนฺต อาห – ‘‘เยเนสา โภ, เสล, นีลวนราชี’’ติฯ ตตฺถ ‘‘โส วิหรตี’’ติ อยํ ปเนตฺถ ปาฐเสโส, ภุมฺมเตฺถ วา กรณวจนํฯ ปเท ปทนฺติ ปทสมีเป ปทํฯ เตน ตุริตคมนํ ปฎิเสเธติฯ ทุราสทา หีติ การณํ อาห, ยสฺมา เต ทุราสทา, ตสฺมา เอวํ โภโนฺต อาคจฺฉนฺตูติฯ กิํ ปน การณา ทุราสทาติ เจ? สีหาว เอกจรายถา หิ สีหา สหายกิจฺจาภาวโต เอกจรา, เอวํ เตปิ วิเวกกามตายฯ ‘‘ยทา จาห’’นฺติอาทินา ปน เต มาณวเก อุปจารํ สิกฺขาเปติฯ ตตฺถ มา โอปาเตถาติ มา ปเวเสถ, มา กเถถาติ วุตฺตํ โหติฯ อาคเมนฺตูติ ปฎิมาเนนฺตุ, ยาว กถา ปริโยสานํ คจฺฉติ, ตาว ตุณฺหี ภวนฺตูติ อโตฺถฯ

    Idāni bhagavato santikaṃ gantukāmo āha – ‘‘kahaṃ pana bho…pe… sammāsambuddho’’ti. Evaṃ vuttetiādīsu yenesāti yena disābhāgena esā. Nīlavanarājīti nīlavaṇṇarukkhapanti. Vanaṃ kira meghapantisadisaṃ. Yattha bhagavā tadā vihāsi, taṃ niddisanto āha – ‘‘yenesā bho, sela, nīlavanarājī’’ti. Tattha ‘‘so viharatī’’ti ayaṃ panettha pāṭhaseso, bhummatthe vā karaṇavacanaṃ. Pade padanti padasamīpe padaṃ. Tena turitagamanaṃ paṭisedheti. Durāsadā hīti kāraṇaṃ āha, yasmā te durāsadā, tasmā evaṃ bhonto āgacchantūti. Kiṃ pana kāraṇā durāsadāti ce? Sīhāva ekacarā. Yathā hi sīhā sahāyakiccābhāvato ekacarā, evaṃ tepi vivekakāmatāya. ‘‘Yadā cāha’’ntiādinā pana te māṇavake upacāraṃ sikkhāpeti. Tattha mā opātethāti mā pavesetha, mā kathethāti vuttaṃ hoti. Āgamentūti paṭimānentu, yāva kathā pariyosānaṃ gacchati, tāva tuṇhī bhavantūti attho.

    สมเนฺนสีติ คเวสิฯ เยภุเยฺยนาติ พหุกานิ อทฺทส, อปฺปกานิ นาทฺทสฯ ตโต ยานิ น อทฺทส , ตานิ ทีเปโนฺต อาห ‘‘ฐเปตฺวา เทฺว’’ติฯ กงฺขตีติ กงฺขํ อุปฺปาเทติ ปตฺถนํ ‘‘อโห วต ปเสฺสยฺย’’นฺติฯ วิจิกิจฺฉตีติ ตโต ตโต ตานิ วิจินโนฺต กิจฺฉติ น สโกฺกติ ทฎฺฐุํฯ นาธิมุจฺจตีติ ตาย วิจิกิจฺฉาย สนฺนิฎฺฐานํ น คจฺฉติฯ น สมฺปสีทตีติ ตโต ‘‘ปริปุณฺณลกฺขโณ อย’’นฺติ ภควติ ปสาทํ นาปชฺชติฯ กงฺขาย วา สุทุพฺพลวิมติ วุตฺตา, วิจิกิจฺฉาย มชฺฌิมา, อนธิมุจฺจนตาย พลวตี, อสมฺปสาเทน เตหิ ตีหิ ธเมฺมหิ จิตฺตสฺส กาลุสฺสิยภาโวฯ

    Samannesīti gavesi. Yebhuyyenāti bahukāni addasa, appakāni nāddasa. Tato yāni na addasa , tāni dīpento āha ‘‘ṭhapetvā dve’’ti. Kaṅkhatīti kaṅkhaṃ uppādeti patthanaṃ ‘‘aho vata passeyya’’nti. Vicikicchatīti tato tato tāni vicinanto kicchati na sakkoti daṭṭhuṃ. Nādhimuccatīti tāya vicikicchāya sanniṭṭhānaṃ na gacchati. Na sampasīdatīti tato ‘‘paripuṇṇalakkhaṇo aya’’nti bhagavati pasādaṃ nāpajjati. Kaṅkhāya vā sudubbalavimati vuttā, vicikicchāya majjhimā, anadhimuccanatāya balavatī, asampasādena tehi tīhi dhammehi cittassa kālussiyabhāvo.

    โกโสหิเตติ วตฺถิโกเสน ปฎิจฺฉเนฺนฯ วตฺถคุเยฺหติ องฺคชาเตฯ ภควโต หิ วรวารณเสฺสว โกโสหิตํ วตฺถคุยฺหํ สุวณฺณวณฺณํ ปทุมคพฺภสมานํฯ ตํ โส วตฺถปฎิจฺฉนฺนตฺตา อปสฺสโนฺต อโนฺตมุขคตาย จ ชิวฺหาย ปหูตภาวํ อสลฺลเกฺขโนฺต เตสุ ทฺวีสุ ลกฺขเณสุ กงฺขี อโหสิ วิจิกิจฺฉีฯ ตถารูปนฺติ กถํ รูปํ? กิเมตฺถ อเมฺหหิ วตฺตพฺพํ, วุตฺตเมตํ นาคเสนเตฺถเรเนว มิลินฺทรญฺญา ปุเฎฺฐน (มิ. ป. ๔.๓.๓) –

    Kosohiteti vatthikosena paṭicchanne. Vatthaguyheti aṅgajāte. Bhagavato hi varavāraṇasseva kosohitaṃ vatthaguyhaṃ suvaṇṇavaṇṇaṃ padumagabbhasamānaṃ. Taṃ so vatthapaṭicchannattā apassanto antomukhagatāya ca jivhāya pahūtabhāvaṃ asallakkhento tesu dvīsu lakkhaṇesu kaṅkhī ahosi vicikicchī. Tathārūpanti kathaṃ rūpaṃ? Kimettha amhehi vattabbaṃ, vuttametaṃ nāgasenatthereneva milindaraññā puṭṭhena (mi. pa. 4.3.3) –

    ‘‘ทุกฺกรํ, ภเนฺต นาคเสน, ภควตา กตนฺติฯ กิํ, มหาราชาติ? มหาชเนน หิริกรโณกาสํ พฺรหฺมายุพฺราหฺมณสฺส จ อเนฺตวาสิอุตฺตรสฺส จ พาวริสฺส อเนฺตวาสีนํ โสฬสนฺนํ พฺราหฺมณานญฺจ เสลสฺส พฺราหฺมณสฺส อเนฺตวาสีนํ ติสตมาณวานญฺจ ทเสฺสสิ, ภเนฺตติฯ น, มหาราช, ภควา คุยฺหํ ทเสฺสติ, ฉายํ ภควา ทเสฺสติ, อิทฺธิยา อภิสงฺขริตฺวา นิวาสนนิวตฺถํ กายพนฺธนพทฺธํ จีวรปารุตํ ฉายารูปกมตฺตํ ทเสฺสติ, มหาราชาติฯ ฉายารูเป ทิเฎฺฐ สติ ทิโฎฺฐ เอว นนุ, ภเนฺตติฯ ติฎฺฐเตตํ, มหาราช, หทยรูปํ ทิสฺวา พุชฺฌนกสโตฺต ภเวยฺย, หทยมํสํ นีหริตฺวา ทเสฺสยฺย สมฺมาสมฺพุโทฺธติฯ กโลฺลสิ, ภเนฺต, นาคเสนา’’ติ (มิ. ป. ๔.๓.๓)ฯ

    ‘‘Dukkaraṃ, bhante nāgasena, bhagavatā katanti. Kiṃ, mahārājāti? Mahājanena hirikaraṇokāsaṃ brahmāyubrāhmaṇassa ca antevāsiuttarassa ca bāvarissa antevāsīnaṃ soḷasannaṃ brāhmaṇānañca selassa brāhmaṇassa antevāsīnaṃ tisatamāṇavānañca dassesi, bhanteti. Na, mahārāja, bhagavā guyhaṃ dasseti, chāyaṃ bhagavā dasseti, iddhiyā abhisaṅkharitvā nivāsananivatthaṃ kāyabandhanabaddhaṃ cīvarapārutaṃ chāyārūpakamattaṃ dasseti, mahārājāti. Chāyārūpe diṭṭhe sati diṭṭho eva nanu, bhanteti. Tiṭṭhatetaṃ, mahārāja, hadayarūpaṃ disvā bujjhanakasatto bhaveyya, hadayamaṃsaṃ nīharitvā dasseyya sammāsambuddhoti. Kallosi, bhante, nāgasenā’’ti (mi. pa. 4.3.3).

    นินฺนาเมตฺวาติ นีหริตฺวาฯ กณฺณโสตานุมสเนน เจตฺถ ทีฆภาโว, นาสิกาโสตานุมสเนน ตนุภาโว, นลาฎจฺฉาทเนน ปุถุลภาโว ปกาสิโตติ เวทิตโพฺพฯ อาจริยปาจริยานนฺติ อาจริยานเญฺจว อาจริยาจริยานญฺจฯ สเก วเณฺณติ อตฺตโน คุเณฯ

    Ninnāmetvāti nīharitvā. Kaṇṇasotānumasanena cettha dīghabhāvo, nāsikāsotānumasanena tanubhāvo, nalāṭacchādanena puthulabhāvo pakāsitoti veditabbo. Ācariyapācariyānanti ācariyānañceva ācariyācariyānañca. Sake vaṇṇeti attano guṇe.

    ๕๕๔. ปริปุณฺณกาโยติ ลกฺขเณหิ ปริปุณฺณตาย อหีนงฺคปจฺจงฺคตาย จ ปริปุณฺณสรีโร ฯ สุรุจีติ สุนฺทรสรีรปฺปโภฯ สุชาโตติ อาโรหปริณาหสมฺปตฺติยา สณฺฐานสมฺปตฺติยา จ สุนิพฺพโตฺตฯ จารุทสฺสโนติ สุจิรมฺปิ ปสฺสนฺตานํ อติตฺติชนกํ อปฺปฎิกูลํ รมณียํ จารุ เอว ทสฺสนํ อสฺสาติ จารุทสฺสโนฯ เกจิ ปน ภณนฺติ ‘‘จารุทสฺสโนติ สุนฺทรเนโตฺต’’ติฯ สุวณฺณวโณฺณติ สุวณฺณสทิสวโณฺณฯ อสีติ ภวสิฯ เอตํ สพฺพปเทหิ โยเชตพฺพํฯ สุสุกฺกทาโฐติ สุฎฺฐุ สุกฺกทาโฐฯ ภควโต หิ ทาฐาหิ จนฺทกิรณา วิย อติวิย ปณฺฑรรํสิโย นิจฺฉรนฺติฯ เตนาห – ‘‘สุสุกฺกทาโฐสี’’ติฯ

    554.Paripuṇṇakāyoti lakkhaṇehi paripuṇṇatāya ahīnaṅgapaccaṅgatāya ca paripuṇṇasarīro . Surucīti sundarasarīrappabho. Sujātoti ārohapariṇāhasampattiyā saṇṭhānasampattiyā ca sunibbatto. Cārudassanoti sucirampi passantānaṃ atittijanakaṃ appaṭikūlaṃ ramaṇīyaṃ cāru eva dassanaṃ assāti cārudassano. Keci pana bhaṇanti ‘‘cārudassanoti sundaranetto’’ti. Suvaṇṇavaṇṇoti suvaṇṇasadisavaṇṇo. Asīti bhavasi. Etaṃ sabbapadehi yojetabbaṃ. Susukkadāṭhoti suṭṭhu sukkadāṭho. Bhagavato hi dāṭhāhi candakiraṇā viya ativiya paṇḍararaṃsiyo niccharanti. Tenāha – ‘‘susukkadāṭhosī’’ti.

    ๕๕๕. มหาปุริสลกฺขณาติ ปุเพฺพ วุตฺตพฺยญฺชนาเนว วจนนฺตเรน นิคเมโนฺต อาหฯ

    555.Mahāpurisalakkhaṇāti pubbe vuttabyañjanāneva vacanantarena nigamento āha.

    ๕๕๖. อิทานิ เตสุ ลกฺขเณสุ อตฺตโน อภิรุจิเตหิ ลกฺขเณหิ ภควนฺตํ ถุนโนฺต อาห – ‘‘ปสนฺนเนโตฺต’’ติอาทิฯ ภควา หิ ปญฺจวณฺณปสาทสมฺปตฺติยา ปสนฺนเนโตฺต, ปริปุณฺณจนฺทมณฺฑลสทิสมุขตฺตา สุมุโข, อาโรหปริณาหสมฺปตฺติยา พฺรหา, พหฺมุชุคตฺตตาย อุชุ, ชุติมนฺตตาย ปตาปวาฯ ยมฺปิ เจตฺถ ปุเพฺพ วุตฺตํ, ตํ ‘‘มเชฺฌ สมณสงฺฆสฺสา’’ติ อิมินา ปริยาเยน ถุนตา ปุน วุตฺตํฯ อีทิโส หิ เอวํ วิโรจติฯ เอส นโย อุตฺตรคาถายปิฯ

    556. Idāni tesu lakkhaṇesu attano abhirucitehi lakkhaṇehi bhagavantaṃ thunanto āha – ‘‘pasannanetto’’tiādi. Bhagavā hi pañcavaṇṇapasādasampattiyā pasannanetto, paripuṇṇacandamaṇḍalasadisamukhattā sumukho, ārohapariṇāhasampattiyā brahā, bahmujugattatāya uju, jutimantatāya patāpavā. Yampi cettha pubbe vuttaṃ, taṃ ‘‘majjhe samaṇasaṅghassā’’ti iminā pariyāyena thunatā puna vuttaṃ. Īdiso hi evaṃ virocati. Esa nayo uttaragāthāyapi.

    ๕๕๗-๘. อุตฺตมวณฺณิโนติ อุตฺตมวณฺณสมฺปนฺนสฺสฯ ชมฺพุสณฺฑสฺสาติ ชมฺพุทีปสฺสฯ ปากเฎน อิสฺสริยํ วณฺณยโนฺต อาห, อปิจ จกฺกวตฺติ จตุนฺนมฺปิ ทีปานํ อิสฺสโร โหติฯ

    557-8.Uttamavaṇṇinoti uttamavaṇṇasampannassa. Jambusaṇḍassāti jambudīpassa. Pākaṭena issariyaṃ vaṇṇayanto āha, apica cakkavatti catunnampi dīpānaṃ issaro hoti.

    ๕๕๙. ขตฺติยาติ ชาติขตฺติยาฯ โภชาติ โภคิยาฯ ราชาโนติ เย เกจิ รชฺชํ กาเรนฺตาฯ อนุยนฺตาติ อนุคามิโน เสวกาฯ ราชาภิราชาติ ราชูนํ ปูชนิโย ราชา หุตฺวา, จกฺกวตฺตีติ อธิปฺปาโยฯ มนุชิโนฺทติ มนุสฺสาธิปติ ปรมิสฺสโร หุตฺวาฯ

    559.Khattiyāti jātikhattiyā. Bhojāti bhogiyā. Rājānoti ye keci rajjaṃ kārentā. Anuyantāti anugāmino sevakā. Rājābhirājāti rājūnaṃ pūjaniyo rājā hutvā, cakkavattīti adhippāyo. Manujindoti manussādhipati paramissaro hutvā.

    ๕๖๐. เอวํ วุเตฺต ภควา ‘‘เย เต ภวนฺติ อรหโนฺต สมฺมาสมฺพุทฺธา, เต สเก วเณฺณ ภญฺญมาเน อตฺตานํ ปาตุกโรนฺตี’’ติ อิมํ เสลสฺส มโนรถํ ปูเรโนฺต อาห ‘‘ราชาหมสฺมี’’ติฯ ตตฺรายมธิปฺปาโย – ยํ โข มํ ตฺวํ เสล ยาจสิ ‘‘ราชา อรหสิ ภวิตุํ จกฺกวตฺตี’’ติ, เอตฺถ อโปฺปสฺสุโกฺก โหติ, ราชาหมสฺมิ, สติ จ ราชเตฺต ยถา อโญฺญ ราชา สมาโนปิ โยชนสตํ วา อนุสาสติ, เทฺว ตีณิ วา จตฺตาริ วา ปญฺจ วา โยชนสตานิ โยชนสหสฺสํ วา จกฺกวตฺติ หุตฺวาปิ จตุทีปปริยนฺตมตฺตํ วา, นาหเมวํ ปริจฺฉินฺนวิสโยฯ อหญฺหิ ธมฺมราชา อนุตฺตโร ภวคฺคโต อวีจิปริยนฺตํ กตฺวา ติริยํ อปฺปเมยฺยา โลกธาตุโย อนุสาสามิฯ ยาวตา หิ อปททฺวิปทาทิเภทา สตฺตา, อหํ เตสํ อโคฺคฯ น หิ เม โกจิ สีเลน วา…เป.… วิมุตฺติญาณทสฺสเนน วา ปฎิภาโค อตฺถิฯ สฺวาหํ เอวํ ธมฺมราชา อนุตฺตโร อนุตฺตเรเนว จตุสติปฎฺฐานาทิเภทโพธิปกฺขิยสงฺขาเตน ธเมฺมน จกฺกํ วเตฺตมิ ‘‘อิทํ ปชหถ, อิทํ อุปสมฺปชฺช วิหรถา’’ติอาทินา อาณาจกฺกํ, ‘‘อิทํ โข ปน, ภิกฺขเว, ทุกฺขํ อริยสจฺจ’’นฺติอาทินา (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๔) ปริยตฺติธเมฺมน ธมฺมจกฺกเมว วาฯ จกฺกํ อปฺปฎิวตฺติยนฺติ ยํ จกฺกํ อปฺปฎิวตฺติยํ โหติ สมเณน วา…เป.… เกนจิ โลกสฺมินฺติฯ

    560. Evaṃ vutte bhagavā ‘‘ye te bhavanti arahanto sammāsambuddhā, te sake vaṇṇe bhaññamāne attānaṃ pātukarontī’’ti imaṃ selassa manorathaṃ pūrento āha ‘‘rājāhamasmī’’ti. Tatrāyamadhippāyo – yaṃ kho maṃ tvaṃ sela yācasi ‘‘rājā arahasi bhavituṃ cakkavattī’’ti, ettha appossukko hoti, rājāhamasmi, sati ca rājatte yathā añño rājā samānopi yojanasataṃ vā anusāsati, dve tīṇi vā cattāri vā pañca vā yojanasatāni yojanasahassaṃ vā cakkavatti hutvāpi catudīpapariyantamattaṃ vā, nāhamevaṃ paricchinnavisayo. Ahañhi dhammarājā anuttaro bhavaggato avīcipariyantaṃ katvā tiriyaṃ appameyyā lokadhātuyo anusāsāmi. Yāvatā hi apadadvipadādibhedā sattā, ahaṃ tesaṃ aggo. Na hi me koci sīlena vā…pe… vimuttiñāṇadassanena vā paṭibhāgo atthi. Svāhaṃ evaṃ dhammarājā anuttaro anuttareneva catusatipaṭṭhānādibhedabodhipakkhiyasaṅkhātena dhammena cakkaṃ vattemi ‘‘idaṃ pajahatha, idaṃ upasampajja viharathā’’tiādinā āṇācakkaṃ, ‘‘idaṃ kho pana, bhikkhave, dukkhaṃ ariyasacca’’ntiādinā (saṃ. ni. 5.1081; mahāva. 14) pariyattidhammena dhammacakkameva vā. Cakkaṃ appaṭivattiyanti yaṃ cakkaṃ appaṭivattiyaṃ hoti samaṇena vā…pe… kenaci lokasminti.

    ๕๖๑-๒. เอวํ อตฺตานํ อาวิกโรนฺตํ ภควนฺตํ ทิสฺวา ปีติโสมนสฺสชาโต เสโล ทฬฺหิกรณตฺถํ ‘‘สมฺพุโทฺธ ปฎิชานาสี’’ติ คาถาทฺวยมาหฯ ตตฺถ โก นุ เสนาปตีติ ธมฺมรโญฺญ โภโต, ธเมฺมน ปวตฺติตสฺส ธมฺมจกฺกสฺส อนุปฺปวตฺตโก เสนาปติ โกติ ปุจฺฉิฯ

    561-2. Evaṃ attānaṃ āvikarontaṃ bhagavantaṃ disvā pītisomanassajāto selo daḷhikaraṇatthaṃ ‘‘sambuddho paṭijānāsī’’ti gāthādvayamāha. Tattha ko nu senāpatīti dhammarañño bhoto, dhammena pavattitassa dhammacakkassa anuppavattako senāpati koti pucchi.

    ๕๖๓. เตน จ สมเยน ภควโต ทกฺขิณปเสฺส อายสฺมา สาริปุโตฺต นิสิโนฺน โหติ สุวณฺณปุโญฺช วิย สิริยา โสภมาโน, ตํ ทเสฺสโนฺต ภควา ‘‘มยา ปวตฺติต’’นฺติ คาถมาหฯ ตตฺถ อนุชาโต ตถาคตนฺติ ตถาคตเหตุ อนุชาโต, ตถาคเตน เหตุนา ชาโตติ อโตฺถฯ

    563. Tena ca samayena bhagavato dakkhiṇapasse āyasmā sāriputto nisinno hoti suvaṇṇapuñjo viya siriyā sobhamāno, taṃ dassento bhagavā ‘‘mayā pavattita’’nti gāthamāha. Tattha anujāto tathāgatanti tathāgatahetu anujāto, tathāgatena hetunā jātoti attho.

    ๕๖๔. เอวํ ‘‘โก นุ เสนาปตี’’ติ ปญฺหํ พฺยากริตฺวา ยํ เสโล อาห – ‘‘สมฺพุโทฺธ ปฎิชานาสี’’ติ, ตตฺร นํ นิกฺกงฺขํ กาตุกาโม ‘‘นาหํ ปฎิญฺญามเตฺตเนว ปฎิชานามิ, อปิจาหํ อิมินา การเณน พุโทฺธ’’ติ ญาเปตุํ ‘‘อภิเญฺญยฺย’’นฺติ คาถมาหฯ ตตฺถ อภิเญฺญยฺยนฺติ วิชฺชา จ วิมุตฺติ จฯ มคฺคสจฺจสมุทยสจฺจานิ ปน ภาเวตพฺพปหาตพฺพานิ, เหตุวจเนน ปน ผลสิทฺธิโต เตสํ ผลานิ นิโรธสจฺจทุกฺขสจฺจานิปิ วุตฺตาเนว ภวนฺติฯ ยโต สจฺฉิกาตพฺพํ สจฺฉิกตํ, ปริเญฺญยฺยํ ปริญฺญาตนฺติ เอวเมฺปตฺถ วุตฺตเมว โหติฯ เอวํ จตุสจฺจภาวนาผลญฺจ วิชฺชาวิมุตฺติํ ทเสฺสโนฺต ‘‘พุชฺฌิตพฺพํ พุชฺฌิตฺวา พุโทฺธ ชาโตสฺมี’’ติ ยุเตฺตน เหตุนา พุทฺธตฺตํ สาเธติฯ

    564. Evaṃ ‘‘ko nu senāpatī’’ti pañhaṃ byākaritvā yaṃ selo āha – ‘‘sambuddho paṭijānāsī’’ti, tatra naṃ nikkaṅkhaṃ kātukāmo ‘‘nāhaṃ paṭiññāmatteneva paṭijānāmi, apicāhaṃ iminā kāraṇena buddho’’ti ñāpetuṃ ‘‘abhiññeyya’’nti gāthamāha. Tattha abhiññeyyanti vijjā ca vimutti ca. Maggasaccasamudayasaccāni pana bhāvetabbapahātabbāni, hetuvacanena pana phalasiddhito tesaṃ phalāni nirodhasaccadukkhasaccānipi vuttāneva bhavanti. Yato sacchikātabbaṃ sacchikataṃ, pariññeyyaṃ pariññātanti evampettha vuttameva hoti. Evaṃ catusaccabhāvanāphalañca vijjāvimuttiṃ dassento ‘‘bujjhitabbaṃ bujjhitvā buddho jātosmī’’ti yuttena hetunā buddhattaṃ sādheti.

    ๕๖๕-๗. เอวํ นิปฺปริยาเยน อตฺตานํ ปาตุกตฺวา อตฺตนิ กงฺขาวิตรณตฺถํ พฺราหฺมณํ อภิตฺถรยมาโน ‘‘วินยสฺสู’’ติ คาถาตฺตยมาหฯ ตตฺถ สลฺลกโตฺตติ ราคสลฺลาทิสตฺตสลฺลกตฺตโนฯ พฺรหฺมภูโตติ เสฎฺฐภูโตฯ อติตุโลติ ตุลํ อตีโต อุปมํ อตีโต, นิรูปโมติ อโตฺถฯ มารเสนปฺปมทฺทโนติ ‘‘กามา เต ปฐมา เสนา’’ติอาทิกาย ‘‘ปเร จ อวชานาตี’’ติ (สุ. นิ. ๔๔๐; มหานิ. ๒๘; จูฬนิ. นนฺทมาณวปุจฺฉานิเทฺทส ๔๗) เอวํ วุตฺตาย มารปริสสงฺขาตาย มารเสนาย ปมทฺทโนฯ สพฺพามิเตฺตติ ขนฺธกิเลสาภิสงฺขารมจฺจุเทวปุตฺตมาราทิเก สพฺพปจฺจตฺถิเกฯ วสีกตฺวาติ อตฺตโน วเส วเตฺตตฺวาฯ อกุโตภโยติ กุโตจิ อภโยฯ

    565-7. Evaṃ nippariyāyena attānaṃ pātukatvā attani kaṅkhāvitaraṇatthaṃ brāhmaṇaṃ abhittharayamāno ‘‘vinayassū’’ti gāthāttayamāha. Tattha sallakattoti rāgasallādisattasallakattano. Brahmabhūtoti seṭṭhabhūto. Atituloti tulaṃ atīto upamaṃ atīto, nirūpamoti attho. Mārasenappamaddanoti ‘‘kāmā te paṭhamā senā’’tiādikāya ‘‘pare ca avajānātī’’ti (su. ni. 440; mahāni. 28; cūḷani. nandamāṇavapucchāniddesa 47) evaṃ vuttāya māraparisasaṅkhātāya mārasenāya pamaddano. Sabbāmitteti khandhakilesābhisaṅkhāramaccudevaputtamārādike sabbapaccatthike. Vasīkatvāti attano vase vattetvā. Akutobhayoti kutoci abhayo.

    ๕๖๘-๗๐. เอวํ วุเตฺต เสโล พฺราหฺมโณ ตาวเทว ภควติ สญฺชาตปฺปสาโท ปพฺพชฺชาเปโกฺข หุตฺวา ‘‘อิมํ ภวโนฺต’’ติ คาถาตฺตยมาห ยถา ตํ ปริปากคตาย อุปนิสฺสยสมฺปตฺติยา สมฺมา โจทิยมาโนฯ ตตฺถ กณฺหาภิชาติโกติ จณฺฑาลาทินีจกุเล ชาโตฯ

    568-70. Evaṃ vutte selo brāhmaṇo tāvadeva bhagavati sañjātappasādo pabbajjāpekkho hutvā ‘‘imaṃ bhavanto’’ti gāthāttayamāha yathā taṃ paripākagatāya upanissayasampattiyā sammā codiyamāno. Tattha kaṇhābhijātikoti caṇḍālādinīcakule jāto.

    ๕๗๑. ตโต เตปิ มาณวกา ตเถว ปพฺพชฺชาเปกฺขา หุตฺวา ‘‘เอตเญฺจ รุจฺจติ โภโต’’ติ คาถมาหํสุ ยถา ตํ เตน สทฺธิํ กตาธิการา กุลปุตฺตาฯ

    571. Tato tepi māṇavakā tatheva pabbajjāpekkhā hutvā ‘‘etañce ruccati bhoto’’ti gāthamāhaṃsu yathā taṃ tena saddhiṃ katādhikārā kulaputtā.

    ๕๗๒. อถ เสโล เตสุ มาณวเกสุ ตุฎฺฐจิโตฺต เต ทเสฺสโนฺต ปพฺพชฺชํ ยาจมาโน ‘‘พฺราหฺมณา’’ติ คาถมาหฯ

    572. Atha selo tesu māṇavakesu tuṭṭhacitto te dassento pabbajjaṃ yācamāno ‘‘brāhmaṇā’’ti gāthamāha.

    ๕๗๓. ตโต ภควา ยสฺมา เสโล อตีเต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต สาสเน เตสํเยว ติณฺณํ ปุริสสตานํ คณเสโฎฺฐ หุตฺวา เตหิ สทฺธิํ ปริเวณํ การาเปตฺวา ทานาทีนิ ปุญฺญานิ จ กตฺวา กเมน เทวมนุสฺสสมฺปตฺติํ อนุภวมาโน ปจฺฉิเม ภเว เตสํเยว อาจริโย หุตฺวา นิพฺพโตฺต, ตญฺจ เนสํ กมฺมํ วิมุตฺติปริปากาย ปริปกฺกํ เอหิภิกฺขุภาวสฺส จ อุปนิสฺสยภูตํ, ตสฺมา เต สเพฺพว เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพาเชโนฺต ‘‘สฺวากฺขาต’’นฺติ คาถมาหฯ ตตฺถ สนฺทิฎฺฐิกนฺติ ปจฺจกฺขํฯ อกาลิกนฺติ มคฺคานนฺตรผลุปฺปตฺติโต น กาลนฺตเร ปตฺตพฺพผลํฯ ยตฺถาติ ยนฺนิมิตฺตาฯ มคฺคพฺรหฺมจริยนิมิตฺตา หิ ปพฺพชฺชา อปฺปมตฺตสฺส สติวิปฺปวาสวิรหิตสฺส ตีสุ สิกฺขาสุ สิกฺขโต อโมฆา โหติฯ เตนาห – ‘‘สฺวากฺขาตํ…เป.… สิกฺขโต’’ติฯ

    573. Tato bhagavā yasmā selo atīte padumuttarassa bhagavato sāsane tesaṃyeva tiṇṇaṃ purisasatānaṃ gaṇaseṭṭho hutvā tehi saddhiṃ pariveṇaṃ kārāpetvā dānādīni puññāni ca katvā kamena devamanussasampattiṃ anubhavamāno pacchime bhave tesaṃyeva ācariyo hutvā nibbatto, tañca nesaṃ kammaṃ vimuttiparipākāya paripakkaṃ ehibhikkhubhāvassa ca upanissayabhūtaṃ, tasmā te sabbeva ehibhikkhupabbajjāya pabbājento ‘‘svākkhāta’’nti gāthamāha. Tattha sandiṭṭhikanti paccakkhaṃ. Akālikanti maggānantaraphaluppattito na kālantare pattabbaphalaṃ. Yatthāti yannimittā. Maggabrahmacariyanimittā hi pabbajjā appamattassa sativippavāsavirahitassa tīsu sikkhāsu sikkhato amoghā hoti. Tenāha – ‘‘svākkhātaṃ…pe… sikkhato’’ti.

    เอวญฺจ วตฺวา ‘‘เอถ ภิกฺขโว’’ติ ภควา อโวจฯ เต สเพฺพ ปตฺตจีวรธรา หุตฺวา อากาเสนาคมฺม ภควนฺตํ อภิวาเทสุํฯ เอวมิมํ เตสํ เอหิภิกฺขุภาวํ สนฺธาย สงฺคีติการา ‘‘อลตฺถ โข เสโล…เป.… อุปสมฺปท’’นฺติ อาหํสุฯ

    Evañca vatvā ‘‘etha bhikkhavo’’ti bhagavā avoca. Te sabbe pattacīvaradharā hutvā ākāsenāgamma bhagavantaṃ abhivādesuṃ. Evamimaṃ tesaṃ ehibhikkhubhāvaṃ sandhāya saṅgītikārā ‘‘alattha kho selo…pe… upasampada’’nti āhaṃsu.

    ภุตฺตาวินฺติ ภุตฺตวนฺตํฯ โอนีตปตฺตปาณินฺติ ปตฺตโต โอนีตปาณิํ, อปนีตหตฺถนฺติ วุตฺตํ โหติฯ ตตฺถ ‘‘อุปคนฺตฺวา’’ติ ปาฐเสโส ทฎฺฐโพฺพฯ อิตรถา หิ ภควนฺตํ เอกมนฺตํ นิสีทีติ น ยุชฺชติฯ

    Bhuttāvinti bhuttavantaṃ. Onītapattapāṇinti pattato onītapāṇiṃ, apanītahatthanti vuttaṃ hoti. Tattha ‘‘upagantvā’’ti pāṭhaseso daṭṭhabbo. Itarathā hi bhagavantaṃ ekamantaṃ nisīdīti na yujjati.

    ๕๗๔. อคฺคิหุตฺตมุขาติ ภควา เกณิยสฺส จิตฺตานุกูลวเสน อนุโมทโนฺต เอวมาหฯ ตตฺถ อคฺคิปริจริยํ วินา พฺราหฺมณานํ ยญฺญาภาวโต ‘‘อคฺคิหุตฺตมุขา ยญฺญา’’ติ วุตฺตํฯ อคฺคิหุตฺตเสฎฺฐา อคฺคิหุตฺตปธานาติ อโตฺถฯ เวเท สชฺฌายเนฺตหิ ปฐมํ สชฺฌายิตพฺพโต สาวิตฺตี ‘‘ฉนฺทโส มุข’’นฺติ วุตฺตาฯ มนุสฺสานํ เสฎฺฐโต ราชา ‘‘มุข’’นฺติ วุโตฺตฯ นทีนํ อาธารโต ปฎิสรณโต จ สาคโร ‘‘มุข’’นฺติ วุโตฺตฯ จนฺทโยควเสน ‘‘อชฺช กตฺติกา อชฺช โรหินี’’ติ สญฺชานนโต อาโลกกรณโต โสมฺมภาวโต จ ‘‘นกฺขตฺตานํ มุขํ จโนฺท’’ติ วุโตฺตฯ ตปนฺตานํ อคฺคตฺตา อาทิโจฺจ ‘‘ตปตํ มุข’’นฺติ วุโตฺตฯ ทกฺขิเณยฺยานํ ปน อคฺคตฺตา วิเสเสน ตสฺมิํ สมเย พุทฺธปฺปมุขํ สงฺฆํ สนฺธาย ‘‘ปุญฺญํ อากงฺขมานานํ, สโงฺฆ เว ยชตํ มุข’’นฺติ วุโตฺตฯ เตน สโงฺฆ ปุญฺญสฺส อายมุขนฺติ ทเสฺสติฯ

    574.Aggihuttamukhāti bhagavā keṇiyassa cittānukūlavasena anumodanto evamāha. Tattha aggiparicariyaṃ vinā brāhmaṇānaṃ yaññābhāvato ‘‘aggihuttamukhā yaññā’’ti vuttaṃ. Aggihuttaseṭṭhā aggihuttapadhānāti attho. Vede sajjhāyantehi paṭhamaṃ sajjhāyitabbato sāvittī ‘‘chandaso mukha’’nti vuttā. Manussānaṃ seṭṭhato rājā ‘‘mukha’’nti vutto. Nadīnaṃ ādhārato paṭisaraṇato ca sāgaro ‘‘mukha’’nti vutto. Candayogavasena ‘‘ajja kattikā ajja rohinī’’ti sañjānanato ālokakaraṇato sommabhāvato ca ‘‘nakkhattānaṃ mukhaṃ cando’’ti vutto. Tapantānaṃ aggattā ādicco ‘‘tapataṃ mukha’’nti vutto. Dakkhiṇeyyānaṃ pana aggattā visesena tasmiṃ samaye buddhappamukhaṃ saṅghaṃ sandhāya ‘‘puññaṃ ākaṅkhamānānaṃ, saṅgho ve yajataṃ mukha’’nti vutto. Tena saṅgho puññassa āyamukhanti dasseti.

    ๕๗๖. ยํ ตํ สรณนฺติ อญฺญพฺยากรณคาถมาหฯ ตสฺสโตฺถ – ปญฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมา ภควา, ยสฺมา มยํ อิโต อฎฺฐเม ทิวเส ตํ สรณํ อคมมฺห, ตสฺมา สตฺตรเตฺตน ตว สาสเน อนุตฺตเรน ทมเถน ทนฺตมฺหฯ อโห เต สรณสฺส อานุภาโวติฯ

    576.Yaṃ taṃ saraṇanti aññabyākaraṇagāthamāha. Tassattho – pañcahi cakkhūhi cakkhumā bhagavā, yasmā mayaṃ ito aṭṭhame divase taṃ saraṇaṃ agamamha, tasmā sattarattena tava sāsane anuttarena damathena dantamha. Aho te saraṇassa ānubhāvoti.

    ๕๗๗-๘. ตโต ปรํ ภควนฺตํ ทฺวีหิ คาถาหิ ถุนิตฺวา ตติยาย วนฺทนํ ยาจติ –

    577-8. Tato paraṃ bhagavantaṃ dvīhi gāthāhi thunitvā tatiyāya vandanaṃ yācati –

    ๕๗๙.

    579.

    ‘‘ภิกฺขโว ติสตา อิเม, ติฎฺฐนฺติ ปญฺชลีกตา;

    ‘‘Bhikkhavo tisatā ime, tiṭṭhanti pañjalīkatā;

    ปาเท วีร ปสาเรหิ, นาคา วนฺทนฺตุ สตฺถุโน’’ติฯ

    Pāde vīra pasārehi, nāgā vandantu satthuno’’ti.

    ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฎฺฐกถาย

    Paramatthajotikāya khuddaka-aṭṭhakathāya

    สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถาย เสลสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Suttanipāta-aṭṭhakathāya selasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / สุตฺตนิปาตปาฬิ • Suttanipātapāḷi / ๗. เสลสุตฺตํ • 7. Selasuttaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact