Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) |
๒. เสลสุตฺตวณฺณนา
2. Selasuttavaṇṇanā
๓๙๖. เกณิโยติ ตสฺส นามํ, ปุเพฺพ เกณิยา ชีวิกากปฺปนโตติ วทนฺติฯ ชฎิโลติ ชฎาธโรฯ พฺราหฺมณชาติกตฺตา โกฎิสารตาย จ พฺราหฺมณมหาสาโลฯ ปโยเชตฺวา นิสฺสโย หุตฺวา วสติ, รตฺติํ กามสมฺปตฺติํ อนุภวตีติ วา โยชนาฯ สุสงฺขตนฺติ สปฺปิมธุสกฺกราทีหิ เจว มริจสิงฺคีเวราทีหิ จ สุฎฺฐุ อภิสงฺขตํฯ
396.Keṇiyotitassa nāmaṃ, pubbe keṇiyā jīvikākappanatoti vadanti. Jaṭiloti jaṭādharo. Brāhmaṇajātikattā koṭisāratāya ca brāhmaṇamahāsālo. Payojetvā nissayo hutvā vasati, rattiṃ kāmasampattiṃ anubhavatīti vā yojanā. Susaṅkhatanti sappimadhusakkarādīhi ceva maricasiṅgīverādīhi ca suṭṭhu abhisaṅkhataṃ.
ปฎิเกฺขปปสนฺนตายาติ อโหวตายํ อปฺปิโจฺฉ, โย นิมนฺติยมาโนปิ น สาทิยตีติ อุปนิมนฺติยมานสฺส ปฎิเกฺขเป ติตฺถิยานํ ปสนฺนภาวโตติฯ ตํ กถํ? วิรุทฺธเมตนฺติ ‘‘อการณเมต’’นฺติ ปฎิกฺขิปติฯ
Paṭikkhepapasannatāyāti ahovatāyaṃ appiccho, yo nimantiyamānopi na sādiyatīti upanimantiyamānassa paṭikkhepe titthiyānaṃ pasannabhāvatoti. Taṃ kathaṃ? Viruddhametanti ‘‘akāraṇameta’’nti paṭikkhipati.
๓๙๘. กปฺปสหเสฺสหิปิ…เป.… อโหสีติ อิทํ นานุสฺสวสิทฺธํ อนุมานคฺคหณํ สนฺธายาหฯ ปเทติ อุตฺตรปทโลเปน นิเทฺทโสติ อาห ‘‘ปทปฺปมาเณ’’ติฯ ปชฺชติ นิกฺขิปติ เอตฺถาติ วา ปทํ ปกติยา ปาทนิกฺขิปฎฺฐานํ, ตสฺมิํ ปเทฯ กีฬาปสุตตาทินา ปมาทํ อาปชฺชติฯ โพธิสตฺตจาริกนฺติ ทุกฺกรจริยํ สนฺธาย วทติฯ
398.Kappasahassehipi…pe… ahosīti idaṃ nānussavasiddhaṃ anumānaggahaṇaṃ sandhāyāha. Padeti uttarapadalopena niddesoti āha ‘‘padappamāṇe’’ti. Pajjati nikkhipati etthāti vā padaṃ pakatiyā pādanikkhipaṭṭhānaṃ, tasmiṃ pade. Kīḷāpasutatādinā pamādaṃ āpajjati. Bodhisattacārikanti dukkaracariyaṃ sandhāya vadati.
๓๙๙. ปริปุณฺณตายาติ อนูนตายฯ อหีนงฺคตายาติ อเวกลฺลภาวโตฯ โรจตีติ รุจิ, เทหปฺปภา, โสภณา รุจิ เอตสฺสาติ สุรุจิฯ อาโรหสมฺปตฺติ กายสฺส ปมาณยุตฺตอุจฺจตาฯ ปริณาหสมฺปตฺติ กิสถูลภาววชฺชิตปริณาหตาฯ สณฺฐานสมฺปตฺติ อวยวานํ สุสณฺฐิตตาฯ จารุทสฺสโนติ ปิยทสฺสโน เตนาห ‘‘สุจิรมฺปี’’ติอาทิฯ สุวณฺณสทิสวโณฺณติ ชาติหิงฺคุลเกน มทฺทิตฺวา สิลานิฆํเสเนว ปริกมฺมํ กตฺวา ฐปิตฆนสุวณฺณรูปวโณฺณฯ มหาปุริสภาวํ พฺยเญฺชนฺติ ปกาเสนฺตีติ พฺยญฺชนานิ, มหาปุริสลกฺขณานีติ อาห ‘‘ปฐมํ วุตฺตพฺยญฺชนาเนวา’’ติฯ
399.Paripuṇṇatāyāti anūnatāya. Ahīnaṅgatāyāti avekallabhāvato. Rocatīti ruci, dehappabhā, sobhaṇā ruci etassāti suruci. Ārohasampatti kāyassa pamāṇayuttauccatā. Pariṇāhasampatti kisathūlabhāvavajjitapariṇāhatā. Saṇṭhānasampatti avayavānaṃ susaṇṭhitatā. Cārudassanoti piyadassano tenāha ‘‘sucirampī’’tiādi. Suvaṇṇasadisavaṇṇoti jātihiṅgulakena madditvā silānighaṃseneva parikammaṃ katvā ṭhapitaghanasuvaṇṇarūpavaṇṇo. Mahāpurisabhāvaṃ byañjenti pakāsentīti byañjanāni, mahāpurisalakkhaṇānīti āha ‘‘paṭhamaṃ vuttabyañjanānevā’’ti.
ปุเพฺพ วุตฺตนฺติ ‘‘สุรุจี’’ติ ปุเพฺพ วุตฺตํ, ‘‘อาทิโจฺจว วิโรจสี’’ติ ปุน วุตฺตํฯ ‘‘จารุทสฺสโน สุวณฺณวโณฺณสี’’ติ ปุเพฺพ วุตฺตํ, ‘‘กลฺยาณทสฺสโน ภิกฺขุ กญฺจนาภตฺตโจ’’ติ ปุน วุตฺตนฺติ อิมมตฺถํ สนฺธายาห ‘‘อุตฺตรคาถายปิ เอเสว นโย’’ติฯ สาติสยํ อุตฺตมวเณฺณ วเณฺณตฺวา อุตฺตมวณฺณิโนติ ปเทน สนฺตํ ปกาเสตีติ อาห ‘‘อุตฺตมวณฺณสมฺปนฺนสฺสา’’ติฯ อุตฺตมสารถีติ เสฎฺฐปุริสสารถิฯ ตตฺถ ตตฺถ ชมฺพุวนสณฺฑมณฺฑิตตาย ชมฺพุทีโป ‘‘ชมฺพุสโณฺฑ’’ติ วุจฺจติฯ อิสฺสริยนฺติ จกฺกวตฺติสฺสริยํฯ
Pubbe vuttanti ‘‘surucī’’ti pubbe vuttaṃ, ‘‘ādiccova virocasī’’ti puna vuttaṃ. ‘‘Cārudassano suvaṇṇavaṇṇosī’’ti pubbe vuttaṃ, ‘‘kalyāṇadassano bhikkhu kañcanābhattaco’’ti puna vuttanti imamatthaṃ sandhāyāha ‘‘uttaragāthāyapi eseva nayo’’ti. Sātisayaṃ uttamavaṇṇe vaṇṇetvā uttamavaṇṇinoti padena santaṃ pakāsetīti āha ‘‘uttamavaṇṇasampannassā’’ti. Uttamasārathīti seṭṭhapurisasārathi. Tattha tattha jambuvanasaṇḍamaṇḍitatāya jambudīpo ‘‘jambusaṇḍo’’ti vuccati. Issariyanti cakkavattissariyaṃ.
ชาติขตฺติยาติ ชาติมโนฺต ขตฺติยาฯ ราชาภิราชาติ เอตฺถ อภิ-สโทฺท ปูชโตฺถติ อาห ‘‘ราชูนํ ปูชนีโย’’ติฯ
Jātikhattiyāti jātimanto khattiyā. Rājābhirājāti ettha abhi-saddo pūjatthoti āha ‘‘rājūnaṃ pūjanīyo’’ti.
อปฺปมาณาติ อปริมาณา โลกธาตุโยฯ ‘‘ยาวตา ปน อากเงฺขยฺยา’’ติ (อ. นิ. ๓.๘๑) หิ วุตฺตํฯ ธมฺมราชา อนุตฺตโรติ เอตฺถ วุตฺตอนุตฺตรภาวํ ‘‘ยาวตา หี’’ติอาทินา ปากฎตรํ กตฺวา ธมฺมราชภาวํ วิภาเวตุํ ‘‘สฺวาห’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ธเมฺมนาติ ปฎิเวธธเมฺมนฯ เตนาห ‘‘อนุตฺตเรเนวา’’ติฯ อนุตฺตเรนาติ วิสิเฎฺฐน อุตฺตเมนฯ อิมสฺมิํ ปเกฺข ธเมฺมนาติ ปฎิปตฺติธเมฺมนาติปิ สงฺคยฺหติฯ ปริยตฺติธเมฺมนาติ เทสนาธเมฺมน อาณาจกฺกํ ปวเตฺตมีติ โยชนาฯ เทสนาญาณปฎิเวธญาณวิภาคํ ธมฺมจกฺกเมว วาฯ อปฺปฎิวตฺติยนฺติ ปฎิวตฺติตุํ อสกฺกุเณยฺยํฯ
Appamāṇāti aparimāṇā lokadhātuyo. ‘‘Yāvatā pana ākaṅkheyyā’’ti (a. ni. 3.81) hi vuttaṃ. Dhammarājā anuttaroti ettha vuttaanuttarabhāvaṃ ‘‘yāvatā hī’’tiādinā pākaṭataraṃ katvā dhammarājabhāvaṃ vibhāvetuṃ ‘‘svāha’’ntiādi vuttaṃ. Dhammenāti paṭivedhadhammena. Tenāha ‘‘anuttarenevā’’ti. Anuttarenāti visiṭṭhena uttamena. Imasmiṃ pakkhe dhammenāti paṭipattidhammenātipi saṅgayhati. Pariyattidhammenāti desanādhammena āṇācakkaṃ pavattemīti yojanā. Desanāñāṇapaṭivedhañāṇavibhāgaṃ dhammacakkameva vā. Appaṭivattiyanti paṭivattituṃ asakkuṇeyyaṃ.
ตถาคเตน ชาโตติ ตถาคเตน เหตุนา อริยาย ชาติยา ชาโตฯ เหตุอเตฺถ กรณวจนํฯ อนุชาโตติ จ วุเตฺต อนุ-สทฺทสฺส วเสน ตถาคตนฺติ จ อุปโยควจนเมว โหติ, โส จ อนุ-สโทฺท เหตุอตฺถโชตโกติ อาห ‘‘ตถาคตํ เหตุํ อนุชาโต’’ติฯ อวญฺญาตพฺพภาเวน ชาโตติ อวชาโต ทุปฺปฎิปนฺนตฺตาฯ เตนาห ‘‘ทุสฺสีโล’’ติฯ ตถา หิ วุตฺตํ โกกาลิกํ อารพฺภ ‘‘ปุริสนฺตกลิ อวชาโต’’ติฯ ปุโตฺต นาม น โหติ ตสฺส โอวาทานุสาสนิยํ อฎฺฐิตตฺตาฯ เอวมาหาติ ‘‘อนุชาโต ตถาคต’’นฺติ เอวมาหฯ
Tathāgatena jātoti tathāgatena hetunā ariyāya jātiyā jāto. Hetuatthe karaṇavacanaṃ. Anujātoti ca vutte anu-saddassa vasena tathāgatanti ca upayogavacanameva hoti, so ca anu-saddo hetuatthajotakoti āha ‘‘tathāgataṃ hetuṃ anujāto’’ti. Avaññātabbabhāvena jātoti avajāto duppaṭipannattā. Tenāha ‘‘dussīlo’’ti. Tathā hi vuttaṃ kokālikaṃ ārabbha ‘‘purisantakali avajāto’’ti. Putto nāma na hoti tassa ovādānusāsaniyaṃ aṭṭhitattā. Evamāhāti ‘‘anujāto tathāgata’’nti evamāha.
วิชฺชาติ มคฺควิชฺชาฯ อุกฺกฎฺฐนิเทฺทเสน วิมุตฺตีติ ผลวิมุตฺติฯ นนุ จ มโคฺค ภาเวตเพฺพน คหิโตติ? สจฺจํ คหิโต, สเพฺพ จ ปน สตฺต ธมฺมา อภิเญฺญยฺยาติ วิชฺชาย อภิเญฺญยฺยภาโว วุโตฺตฯ อิมินา วา นเยน สเพฺพสมฺปิ อภิเญฺญยฺยภาโว วุโตฺต เอวาติ เวทิตโพฺพฯ ผเลน วินา เหตุภาวเสฺสว อภาวโต เหตุวจเนน ผลสิทฺธิ, นิโรธสฺส จ สมฺปาปเนน มคฺคสฺส เหตุภาโวฯ ทุกฺขสฺส นิพฺพตฺตเนน ตณฺหาย สมุทยภาโวติ อิมมตฺถํ สงฺคหิตเมว อตฺถโต อาปนฺนตฺตาฯ ยุตฺตเหตุนาติ ยุตฺติยุเตฺตน เหตุนา พุทฺธภาวํ สาเธติ สจฺจวินิมุตฺตสฺส พุชฺฌิตพฺพสฺส อภาวโต สจฺจสโมฺพธเนเนว จ ตสฺส อนวเสสโต พุทฺธตฺตาฯ อตฺถวจนเญฺจตํ, ปโยควจนานิ ปน – พฺราหฺมณ, อหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ สพฺพถา อวิปรีตธมฺมเทสโน, สมฺมาสมฺพุทฺธตฺตา สพฺพตฺถ อวิปรีตมาจิกฺขติ ยถาหํ สพฺพมคฺคเทสโกติ ฯ กิํ ปน ภควา สยเมว อตฺตโน สมฺมาสมฺพุทฺธภาวํ อาโรเจตีติ? มหากรุณาย อเญฺญสํ มหาวิสยโตฯ ตตฺถ ‘‘เอโกมฺหิ สมฺมาสมฺพุโทฺธ, สพฺพาภิภู สพฺพวิทูหมสฺมี’’ติอาทีนิ (มหาว. ๑๑; ม. นิ. ๑.๒๘๕; ๒.๓๔๑; กถา. ๔๐๕) สุตฺตปทานิ อิทเมว จ สุตฺตปทํ เอตสฺส อตฺถสฺส สาธกํฯ
Vijjāti maggavijjā. Ukkaṭṭhaniddesena vimuttīti phalavimutti. Nanu ca maggo bhāvetabbena gahitoti? Saccaṃ gahito, sabbe ca pana satta dhammā abhiññeyyāti vijjāya abhiññeyyabhāvo vutto. Iminā vā nayena sabbesampi abhiññeyyabhāvo vutto evāti veditabbo. Phalena vinā hetubhāvasseva abhāvato hetuvacanena phalasiddhi, nirodhassa ca sampāpanena maggassa hetubhāvo. Dukkhassa nibbattanena taṇhāya samudayabhāvoti imamatthaṃ saṅgahitameva atthato āpannattā. Yuttahetunāti yuttiyuttena hetunā buddhabhāvaṃ sādheti saccavinimuttassa bujjhitabbassa abhāvato saccasambodhaneneva ca tassa anavasesato buddhattā. Atthavacanañcetaṃ, payogavacanāni pana – brāhmaṇa, ahaṃ sammāsambuddho sabbathā aviparītadhammadesano, sammāsambuddhattā sabbattha aviparītamācikkhati yathāhaṃ sabbamaggadesakoti . Kiṃ pana bhagavā sayameva attano sammāsambuddhabhāvaṃ ārocetīti? Mahākaruṇāya aññesaṃ mahāvisayato. Tattha ‘‘ekomhi sammāsambuddho, sabbābhibhū sabbavidūhamasmī’’tiādīni (mahāva. 11; ma. ni. 1.285; 2.341; kathā. 405) suttapadāni idameva ca suttapadaṃ etassa atthassa sādhakaṃ.
สลฺลกนฺตโนติ สลฺลานํ สมุจฺฉินฺนตฺตาฯ โรคสฺสาติ กิเลสโรคสฺสฯ ตสฺมาติ อปุนปวตฺติปาทเนน ติกิจฺฉนโตฯ พฺรหฺมํ วา เสฎฺฐํ สมฺมาสโมฺพธิํ ปโตฺตติ พฺรหฺมภูโตฯ เอวํ อาคตายาติ อิมินา –
Sallakantanoti sallānaṃ samucchinnattā. Rogassāti kilesarogassa. Tasmāti apunapavattipādanena tikicchanato. Brahmaṃ vā seṭṭhaṃ sammāsambodhiṃ pattoti brahmabhūto. Evaṃ āgatāyāti iminā –
‘‘กามา เต ปฐมา เสนา, ทุติยา อรติ วุจฺจติ;
‘‘Kāmā te paṭhamā senā, dutiyā arati vuccati;
ตติยา ขุปฺปิปาสา เต, จตุตฺถี ตณฺหา ปวุจฺจติฯ
Tatiyā khuppipāsā te, catutthī taṇhā pavuccati.
ถินมิทฺธํ เตปญฺจมํ ถินมิทฺธํ เต, ฉฎฺฐา ภีรู ปวุจฺจติ;
Thinamiddhaṃ tepañcamaṃ thinamiddhaṃ te, chaṭṭhā bhīrū pavuccati;
สตฺตมี วิจิกิจฺฉา เต, มโกฺข ถโมฺภ เต อฎฺฐโมฯ
Sattamī vicikicchā te, makkho thambho te aṭṭhamo.
ลาโภ สิโลโก สกฺกาโร, มิจฺฉาลโทฺธ จ โย ยโส;
Lābho siloko sakkāro, micchāladdho ca yo yaso;
โย จตฺตานํ สมุกฺกํเส, ปเร จ อวชานติ;
Yo cattānaṃ samukkaṃse, pare ca avajānati;
เอสา นมุจิ เต เสนา, กณฺหสฺสาภิปฺปหารินี’’ติฯ (สุ. นิ. ๔๓๘-๔๔๑);
Esā namuci te senā, kaṇhassābhippahārinī’’ti. (su. ni. 438-441);
เอวํ วุตฺตํ นววิธํ เสนํ สงฺคยฺหติฯ วเส วเตฺตตฺวาติ สมุจฺฉินฺทเนน อนุปฺปาทตาปาทเนน วเส วเตฺตตฺวาฯ กุโตจิ อภโย นิพฺภโยฯ
Evaṃ vuttaṃ navavidhaṃ senaṃ saṅgayhati. Vase vattetvāti samucchindanena anuppādatāpādanena vase vattetvā. Kutoci abhayo nibbhayo.
สยเมว ทฎฺฐพฺพนฺติ เยน เยน อธิคโต, เตน เตน ปรสทฺธาย คนฺตพฺพํ หิตฺวา อสโมฺมหโต ปจฺจเวกฺขณาญาเณเนว สามํ ทฎฺฐพฺพํฯ เตนาห ‘‘ปจฺจกฺข’’นฺติฯ ปสฎฺฐา ทิฎฺฐิ สนฺทิฎฺฐิฯ ยถา รเถน ชยตีติ รถิโก, เอวํ อิทํ มคฺคพฺรหฺมจริยํ สนฺทิฎฺฐิยา ชยตีติ สนฺทิฎฺฐิกํฯ อถ วา ทิฎฺฐนฺติ ทสฺสนํ วุจฺจติ, ทิฎฺฐเมว สนฺทิฎฺฐํ, สนฺทสฺสนนฺติ อโตฺถฯ สนฺทิฎฺฐํ อรหตีติ สนฺทิฎฺฐิโก ยถา วตฺถยุคํ อรหตีติ วตฺถยุคิโกฯ สนฺทิฎฺฐิกํ ผลทานํ สนฺธาย นาสฺส กาโลติ อกาลํ, อกาลเมว อกาลิกํ, น กาลนฺตรํ เขเปตฺวา ผลํ เทติ, อตฺตโน ปน ปวตฺติสมนนฺตรเมว ผลํ เทตีติ อโตฺถฯ อถ วา อตฺตโน ผลปฺปทาเน ปกโฎฺฐ กาโล ปโตฺต อสฺสาติ กาลิโก, โลกิโย กุสลธโมฺม, อิทํ ปน สมนนฺตรผลตฺตา น กาลิกํฯ
Sayameva daṭṭhabbanti yena yena adhigato, tena tena parasaddhāya gantabbaṃ hitvā asammohato paccavekkhaṇāñāṇeneva sāmaṃ daṭṭhabbaṃ. Tenāha ‘‘paccakkha’’nti. Pasaṭṭhā diṭṭhi sandiṭṭhi. Yathā rathena jayatīti rathiko, evaṃ idaṃ maggabrahmacariyaṃ sandiṭṭhiyā jayatīti sandiṭṭhikaṃ. Atha vā diṭṭhanti dassanaṃ vuccati, diṭṭhameva sandiṭṭhaṃ, sandassananti attho. Sandiṭṭhaṃ arahatīti sandiṭṭhiko yathā vatthayugaṃ arahatīti vatthayugiko. Sandiṭṭhikaṃ phaladānaṃ sandhāya nāssa kāloti akālaṃ, akālameva akālikaṃ, na kālantaraṃ khepetvā phalaṃ deti, attano pana pavattisamanantarameva phalaṃ detīti attho. Atha vā attano phalappadāne pakaṭṭho kālo patto assāti kāliko, lokiyo kusaladhammo, idaṃ pana samanantaraphalattā na kālikaṃ.
๔๐๐. ‘‘มหายญฺญํ ปวตฺตยี’’ติอาทีสุ เกวลํ ทานธมฺมาทีสุ ยญฺญปริยายสมฺภวโต ‘‘พฺราหฺมณานํ ยญฺญาภาวโต’’ติ วุตฺตํฯ พฺราหฺมณา หิ ‘‘อคฺคิมุขา เทวา’’ติ อคฺคิชุหนปุพฺพกํ ยญฺญํ วิทหนฺติฯ เตนาห ‘‘อคฺคิชุหนปฺปธานาติ อโตฺถ’’ติ ‘‘ภูรฺภุว? สฺว?’’ อิติ สาวิตฺตี ปุพฺพกตฺตา มุขํ ปุพฺพงฺคมํ ฯ ‘‘มุขมิว มุข’’นฺติอาทีสุ วิย อิธาปิ ปธานปริยาโย มุขสโทฺทติ ทเสฺสโนฺต ‘‘มนุสฺสานํ เสฎฺฐโต ราชา ‘มุข’นฺติ วุโตฺต’’ติ อาหฯ อาธารโตติ โอคาหนฺตีนํ นทีนํ อาธารภาวโต ปฎิสรณโต คนฺตพฺพฎฺฐานภาวโตฯ สญฺญาณโตติ จนฺทโยควเสน อชฺช อสุกนกฺขตฺตนฺติ ปญฺญายนโตฯ อาโลกกรณโตติ นกฺขตฺตานิ อภิภวิตฺวา อาโลกกรณโตฯ โสมฺมภาวโตติ สีตหิมวาสีตวาตูปกฺขรภาวโตฯ ตปนฺตานนฺติ ทีปสิขา อคฺคิชาลา อสนิวิจกฺกนฺติ เอวมาทีนํ วิชฺชลนฺตานํฯ อายมุขํ อคฺคทกฺขิเณยฺยภาเวนฯ
400. ‘‘Mahāyaññaṃ pavattayī’’tiādīsu kevalaṃ dānadhammādīsu yaññapariyāyasambhavato ‘‘brāhmaṇānaṃ yaññābhāvato’’ti vuttaṃ. Brāhmaṇā hi ‘‘aggimukhā devā’’ti aggijuhanapubbakaṃ yaññaṃ vidahanti. Tenāha ‘‘aggijuhanappadhānāti attho’’ti ‘‘bhūrbhuva? Sva?’’ Iti sāvittī pubbakattā mukhaṃ pubbaṅgamaṃ . ‘‘Mukhamiva mukha’’ntiādīsu viya idhāpi padhānapariyāyo mukhasaddoti dassento ‘‘manussānaṃ seṭṭhato rājā ‘mukha’nti vutto’’ti āha. Ādhāratoti ogāhantīnaṃ nadīnaṃ ādhārabhāvato paṭisaraṇato gantabbaṭṭhānabhāvato. Saññāṇatoti candayogavasena ajja asukanakkhattanti paññāyanato. Ālokakaraṇatoti nakkhattāni abhibhavitvā ālokakaraṇato. Sommabhāvatoti sītahimavāsītavātūpakkharabhāvato. Tapantānanti dīpasikhā aggijālā asanivicakkanti evamādīnaṃ vijjalantānaṃ. Āyamukhaṃ aggadakkhiṇeyyabhāvena.
ทิพฺพจกฺขุ ธมฺมจกฺขุ ปญฺญาจกฺขุ พุทฺธจกฺขุ สมนฺตจกฺขูติ อิเมหิ ปญฺจหิ จกฺขูหิฯ เต สรณสฺสาติ เต สรณสฺส จ, เต สรณภาวมูลกตฺตา อิตรทฺวยสฺส จ, ยถาวุตฺต เต-ปเทน วุตฺตตฺถโต ปรสฺส จาติ อโตฺถฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘เต ตุยฺหํ, อิตรสฺส จ สรณสฺส อโห อานุภาโว’’ติฯ อาวุตฺติวเสน วา เต สรณสฺสาติ เอตฺถ อโตฺถ วิภาเวตโพฺพ – ตุยฺหํ สรณภูตสฺส จ อิตรสรณสฺส จ อานุภาโวติฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
Dibbacakkhu dhammacakkhu paññācakkhu buddhacakkhu samantacakkhūti imehi pañcahi cakkhūhi. Te saraṇassāti te saraṇassa ca, te saraṇabhāvamūlakattā itaradvayassa ca, yathāvutta te-padena vuttatthato parassa cāti attho. Idaṃ vuttaṃ hoti – ‘‘te tuyhaṃ, itarassa ca saraṇassa aho ānubhāvo’’ti. Āvuttivasena vā te saraṇassāti ettha attho vibhāvetabbo – tuyhaṃ saraṇabhūtassa ca itarasaraṇassa ca ānubhāvoti. Sesaṃ suviññeyyameva.
เสลสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ
Selasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๒. เสลสุตฺตํ • 2. Selasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๒. เสลสุตฺตวณฺณนา • 2. Selasuttavaṇṇanā