Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā

    ๖. เสลเตฺถรคาถาวณฺณนา

    6. Selattheragāthāvaṇṇanā

    ปริปุณฺณกาโยติอาทิกา อายสฺมโต เสลเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปโตฺต คณปาโมโกฺข หุตฺวา ตีณิ ปุริสสตานิ สมาทเปตฺวา เตหิ สทฺธิํ สตฺถุ คนฺธกุฎิํ กาเรตฺวา กตปริโยสิตาย คนฺธกุฎิยา สภิกฺขุสงฺฆสฺส ภควโต มหาทานํ ปวเตฺตตฺวา สตฺถารํ ภิกฺขู จ ติจีวเรน อจฺฉาเทสิฯ โส เตน ปุญฺญกเมฺมน เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวโลเก เอว วสิตฺวา ตโต จุโต เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท องฺคุตฺตราเปสุ อาปเณ นาม พฺราหฺมณคาเม พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา เสโลติ ลทฺธนาโม อโหสิฯ โส วยปฺปโตฺต ตีสุ เวเทสุ, พฺราหฺมณสิเปฺปสุ จ นิปฺผตฺติํ คนฺตฺวา ตีณิ มาณวกสตานิ มเนฺต วาเจโนฺต อาปเณ ปฎิวสติฯ เตน จ สมเยน สตฺถา สาวตฺถิโต นิกฺขมิตฺวา อฑฺฒเตฬสหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธิํ องฺคุตฺตราเปสุ จาริกํ จรโนฺต เสลสฺส, อเนฺตวาสิกานญฺจ ญาณปริปากํ ทิสฺวา อญฺญตรสฺมิํ วนสเณฺฑ วิหรติฯ อถ เกณิโย นาม ชฎิโล สตฺถุ อาคมนํ สุตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา สทฺธิํ ภิกฺขุสเงฺฆน สตฺถารํ สฺวาตนาย นิมเนฺตตฺวา สเก อสฺสเม ปหูตํ ขาทนียํ โภชนียํ ปฎิยาเทติฯ ตสฺมิญฺจ สมเย เสโล พฺราหฺมโณ สทฺธิํ ตีหิ มาณวกสเตหิ ชงฺฆาวิหารํ อนุวิจรโนฺต เกณิยสฺส อสฺสมํ ปวิสิตฺวา ชฎิเล กฎฺฐผาลนุทฺธนสมฺปาทนาทินา ทานูปกรณํ สเชฺชเนฺต ทิสฺวา, ‘‘กิํ นุ โข เต, เกณิย, มหายโญฺญ ปจฺจุปฎฺฐิโต’’ติอาทิํ ปุจฺฉิตฺวา เตน ‘‘พุโทฺธ ภควา มยา สฺวาตนาย นิมนฺติโต’’ติ วุเตฺต ‘‘พุโทฺธ’’ติ วจนํ สุตฺวาว หโฎฺฐ อุทโคฺค ปีติโสมนสฺสชาโต ตาวเทว มาณวเกหิ สทฺธิํ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา กตปฎิสนฺถาโร เอกมนฺตํ นิสิโนฺน ภควโต กาเย พาตฺติํสมหาปุริสลกฺขณานิ ทิสฺวา ‘‘อิเมหิ ลกฺขเณหิ สมนฺนาคโต ราชา วา โหติ จกฺกวตฺตี, พุโทฺธ วา โลเก วิวฎฺฎจฺฉโท, อยํ ปน ปพฺพชิโต, โน จ โข นํ ชานามิ ‘พุโทฺธ วา, โน วา’, สุตํ โข ปน เมตํ พฺราหฺมณานํ วุทฺธานํ มหลฺลกานํ อาจริยปาจริยานํ ภาสมานานํ ‘เย เต ภวนฺติ อรหโนฺต สมฺมาสมฺพุทฺธา , เต สเก วเณฺณ ภญฺญมาเน อตฺตานํ ปาตุกโรนฺตี’ติ อสมฺมาสมฺพุโทฺธ หิ สมฺมุเข ฐตฺวา พุทฺธคุเณหิ อภิตฺถวียมาโน สารชฺชติ มงฺกุภาวํ อาปชฺชติ อเวสารชฺชปฺปตฺตตาย อนนุโยคกฺขมตฺตา, ยํนูนาหํ สมณํ โคตมํ สมฺมุขา สารุปฺปาหิ คาถาหิ อภิตฺถเวยฺย’’นฺติ เอวํ ปน จิเนฺตตฺวา –

    Paripuṇṇakāyotiādikā āyasmato selattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayaṃ kira padumuttarabhagavato kāle kulagehe nibbattitvā viññutaṃ patto gaṇapāmokkho hutvā tīṇi purisasatāni samādapetvā tehi saddhiṃ satthu gandhakuṭiṃ kāretvā katapariyositāya gandhakuṭiyā sabhikkhusaṅghassa bhagavato mahādānaṃ pavattetvā satthāraṃ bhikkhū ca ticīvarena acchādesi. So tena puññakammena ekaṃ buddhantaraṃ devaloke eva vasitvā tato cuto devamanussesu saṃsaranto imasmiṃ buddhuppāde aṅguttarāpesu āpaṇe nāma brāhmaṇagāme brāhmaṇakule nibbattitvā seloti laddhanāmo ahosi. So vayappatto tīsu vedesu, brāhmaṇasippesu ca nipphattiṃ gantvā tīṇi māṇavakasatāni mante vācento āpaṇe paṭivasati. Tena ca samayena satthā sāvatthito nikkhamitvā aḍḍhateḷasahi bhikkhusatehi saddhiṃ aṅguttarāpesu cārikaṃ caranto selassa, antevāsikānañca ñāṇaparipākaṃ disvā aññatarasmiṃ vanasaṇḍe viharati. Atha keṇiyo nāma jaṭilo satthu āgamanaṃ sutvā tattha gantvā saddhiṃ bhikkhusaṅghena satthāraṃ svātanāya nimantetvā sake assame pahūtaṃ khādanīyaṃ bhojanīyaṃ paṭiyādeti. Tasmiñca samaye selo brāhmaṇo saddhiṃ tīhi māṇavakasatehi jaṅghāvihāraṃ anuvicaranto keṇiyassa assamaṃ pavisitvā jaṭile kaṭṭhaphālanuddhanasampādanādinā dānūpakaraṇaṃ sajjente disvā, ‘‘kiṃ nu kho te, keṇiya, mahāyañño paccupaṭṭhito’’tiādiṃ pucchitvā tena ‘‘buddho bhagavā mayā svātanāya nimantito’’ti vutte ‘‘buddho’’ti vacanaṃ sutvāva haṭṭho udaggo pītisomanassajāto tāvadeva māṇavakehi saddhiṃ satthāraṃ upasaṅkamitvā katapaṭisanthāro ekamantaṃ nisinno bhagavato kāye bāttiṃsamahāpurisalakkhaṇāni disvā ‘‘imehi lakkhaṇehi samannāgato rājā vā hoti cakkavattī, buddho vā loke vivaṭṭacchado, ayaṃ pana pabbajito, no ca kho naṃ jānāmi ‘buddho vā, no vā’, sutaṃ kho pana metaṃ brāhmaṇānaṃ vuddhānaṃ mahallakānaṃ ācariyapācariyānaṃ bhāsamānānaṃ ‘ye te bhavanti arahanto sammāsambuddhā , te sake vaṇṇe bhaññamāne attānaṃ pātukarontī’ti asammāsambuddho hi sammukhe ṭhatvā buddhaguṇehi abhitthavīyamāno sārajjati maṅkubhāvaṃ āpajjati avesārajjappattatāya ananuyogakkhamattā, yaṃnūnāhaṃ samaṇaṃ gotamaṃ sammukhā sāruppāhi gāthāhi abhitthaveyya’’nti evaṃ pana cintetvā –

    ๘๑๘.

    818.

    ‘‘ปริปุณฺณกาโย สุรุจิ, สุชาโต จารุทสฺสโน;

    ‘‘Paripuṇṇakāyo suruci, sujāto cārudassano;

    สุวณฺณวโณฺณสิ ภควา, สุสุกฺกทาโฐสิ วีริยวาฯ

    Suvaṇṇavaṇṇosi bhagavā, susukkadāṭhosi vīriyavā.

    ๘๑๙.

    819.

    ‘‘นรสฺส หิ สุชาตสฺส, เย ภวนฺติ วิยญฺชนา;

    ‘‘Narassa hi sujātassa, ye bhavanti viyañjanā;

    สเพฺพ เต ตว กายสฺมิํ, มหาปุริสลกฺขณาฯ

    Sabbe te tava kāyasmiṃ, mahāpurisalakkhaṇā.

    ๘๒๐.

    820.

    ‘‘ปสนฺนเนโตฺต สุมุโข, พฺรหา อุชุ ปตาปวา;

    ‘‘Pasannanetto sumukho, brahā uju patāpavā;

    มเชฺฌ สมณสงฺฆสฺส, อาทิโจฺจว วิโรจสิฯ

    Majjhe samaṇasaṅghassa, ādiccova virocasi.

    ๘๒๑.

    821.

    ‘‘กลฺยาณทสฺสโน ภิกฺขุ, กญฺจนสนฺนิภตฺตโจ;

    ‘‘Kalyāṇadassano bhikkhu, kañcanasannibhattaco;

    กิํ เต สมณภาเวน, เอวํ อุตฺตมวณฺณิโนฯ

    Kiṃ te samaṇabhāvena, evaṃ uttamavaṇṇino.

    ๘๒๒.

    822.

    ‘‘ราชา อรหสิ ภวิตุํ, จกฺกวตฺตี รเถสโภ;

    ‘‘Rājā arahasi bhavituṃ, cakkavattī rathesabho;

    จาตุรโนฺต วิชิตาวี, ชมฺพุสณฺฑสฺส อิสฺสโรฯ

    Cāturanto vijitāvī, jambusaṇḍassa issaro.

    ๘๒๓.

    823.

    ‘‘ขตฺติยา โภคี ราชาโน, อนุยนฺตา ภวนฺติ เต;

    ‘‘Khattiyā bhogī rājāno, anuyantā bhavanti te;

    ราชาภิราชา มนุชิโนฺท, รชฺชํ กาเรหิ โคตมา’’ติฯ –

    Rājābhirājā manujindo, rajjaṃ kārehi gotamā’’ti. –

    ฉหิ คาถาหิ ภควนฺตํ อภิตฺถวิฯ

    Chahi gāthāhi bhagavantaṃ abhitthavi.

    ตตฺถ ปริปุณฺณกาโยติ อภิพฺยตฺตรูปานํ ทฺวตฺติํสาย มหาปุริสลกฺขณานํ ปริปุณฺณตาย อหีนงฺคปจฺจงฺคตาย จ ปริปุณฺณสรีโรฯ สุรุจีติ สุนฺทรสรีรปฺปโภฯ สุชาโตติ อาโรหปริณาหสมฺปตฺติยา, สณฺฐานสมฺปตฺติยา จ สุนิพฺพโตฺตฯ จารุทสฺสโนติ สุจิรมฺปิ ปสฺสนฺตานํ อติตฺติชนกํ อปฺปฎิกฺกูลํ รมณียํ จารุ เอว ทสฺสนํ อสฺสาติ จารุทสฺสโนฯ เกจิ ปนาหุ ‘‘จารุทสฺสโนติ สุนฺทรเนโตฺต’’ติฯ สุวณฺณวโณฺณติ สุวณฺณสทิสวโณฺณฯ อสีติ ภวสิ, อิทํ ปทํ ‘‘ปริปุณฺณกาโย อสี’’ติอาทินา สพฺพปเทหิ โยเชตพฺพํฯ สุสุกฺกทาโฐติ สุฎฺฐุ สุกฺกทาโฐฯ ภควโต หิ ทาฐาหิ จนฺทกิรณา วิย ธวลรสฺมิโย นิจฺฉรนฺติฯ วีริยวาติ วีริยปารมีปาริปูริยา จตุรงฺคสมนฺนาคตวีริยาธิฎฺฐานโต จตุพฺพิธสฺส สมฺมปฺปธานสฺส สมฺปตฺติยา จ อติสยยุโตฺตฯ

    Tattha paripuṇṇakāyoti abhibyattarūpānaṃ dvattiṃsāya mahāpurisalakkhaṇānaṃ paripuṇṇatāya ahīnaṅgapaccaṅgatāya ca paripuṇṇasarīro. Surucīti sundarasarīrappabho. Sujātoti ārohapariṇāhasampattiyā, saṇṭhānasampattiyā ca sunibbatto. Cārudassanoti sucirampi passantānaṃ atittijanakaṃ appaṭikkūlaṃ ramaṇīyaṃ cāru eva dassanaṃ assāti cārudassano. Keci panāhu ‘‘cārudassanoti sundaranetto’’ti. Suvaṇṇavaṇṇoti suvaṇṇasadisavaṇṇo. Asīti bhavasi, idaṃ padaṃ ‘‘paripuṇṇakāyo asī’’tiādinā sabbapadehi yojetabbaṃ. Susukkadāṭhoti suṭṭhu sukkadāṭho. Bhagavato hi dāṭhāhi candakiraṇā viya dhavalarasmiyo niccharanti. Vīriyavāti vīriyapāramīpāripūriyā caturaṅgasamannāgatavīriyādhiṭṭhānato catubbidhassa sammappadhānassa sampattiyā ca atisayayutto.

    นรสฺส หิ สุชาตสฺสาติ สมติํสาย ปารมีนํ, อริยสฺส วา จกฺกวตฺตีวตฺตสฺส ปริปูริตตฺตา สุฎฺฐุ สมฺมเทว ชาตสฺส นรสฺส, มหาปุริสสฺสาติ อโตฺถฯ สเพฺพ เตติ เย มหาปุริสภาวํ โลเก อคฺคปุคฺคลภาวํ พฺยญฺชยนฺตีติ พฺยญฺชนาติ ลทฺธโวหารสุปฺปติฎฺฐิตปาทตาทิพาตฺติํสมหาปุริสลกฺขณสงฺขาตา ตมฺพนขตุงฺคนขตาทิอสีติอนุพฺยญฺชนสงฺขาตา จ รูปคุณา, เต อนวเสสา, ตว กายสฺมิํ สนฺตีติ วจนเสโสฯ

    Narassa hi sujātassāti samatiṃsāya pāramīnaṃ, ariyassa vā cakkavattīvattassa paripūritattā suṭṭhu sammadeva jātassa narassa, mahāpurisassāti attho. Sabbe teti ye mahāpurisabhāvaṃ loke aggapuggalabhāvaṃ byañjayantīti byañjanāti laddhavohārasuppatiṭṭhitapādatādibāttiṃsamahāpurisalakkhaṇasaṅkhātā tambanakhatuṅganakhatādiasītianubyañjanasaṅkhātā ca rūpaguṇā, te anavasesā, tava kāyasmiṃ santīti vacanaseso.

    มหาปุริสลกฺขณาติ ปุเพฺพ วุตฺตพฺยญฺชนาเนว วจนนฺตเรน นิคเมโนฺต อาหฯ

    Mahāpurisalakkhaṇāti pubbe vuttabyañjanāneva vacanantarena nigamento āha.

    อิทานิ เตสุ ลกฺขเณสุ อตฺตนา อภิรุจิเตหิ ลกฺขเณหิ ภควนฺตํ โถเมโนฺต ‘‘ปสนฺนเนโตฺต’’ติอาทิมาหฯ ภควา หิ ปญฺจ วณฺณปสาทสมฺปตฺติยา ปสนฺนเนโตฺตฯ ปริปุณฺณจนฺทมณฺฑลสทิสมุขตาย สุมุโขฯ อาโรหปริณาหสมฺปตฺติยา พฺรหาฯ พฺรหฺมุชุคตฺตตาย อุชุฯ ชุติมนฺตตาย ปตาปวา

    Idāni tesu lakkhaṇesu attanā abhirucitehi lakkhaṇehi bhagavantaṃ thomento ‘‘pasannanetto’’tiādimāha. Bhagavā hi pañca vaṇṇapasādasampattiyā pasannanetto. Paripuṇṇacandamaṇḍalasadisamukhatāya sumukho. Ārohapariṇāhasampattiyā brahā. Brahmujugattatāya uju. Jutimantatāya patāpavā.

    อิทานิ ตเมว ปตาปวนฺตตํ อาทิจฺจูปมาย วิภาเวโนฺต ‘‘มเชฺฌ สมณสงฺฆสฺสา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อาทิโจฺจว วิโรจสีติ ยถา อาทิโจฺจ อุคฺคจฺฉโนฺต สพฺพํ ตมคตํ วิธเมตฺวา อาโลกํ กโรโนฺต วิโรจติ, เอวํ ตฺวมฺปิ อโนฺต เจว พหิ จ สพฺพํ อวิชฺชาตมํ วิทฺธํเสตฺวา ญาณาโลกํ กโรโนฺต วิโรจสิฯ

    Idāni tameva patāpavantataṃ ādiccūpamāya vibhāvento ‘‘majjhe samaṇasaṅghassā’’tiādimāha. Tattha ādiccova virocasīti yathā ādicco uggacchanto sabbaṃ tamagataṃ vidhametvā ālokaṃ karonto virocati, evaṃ tvampi anto ceva bahi ca sabbaṃ avijjātamaṃ viddhaṃsetvā ñāṇālokaṃ karonto virocasi.

    ทสฺสนียรูปตาย องฺคีคตานํ ทสฺสนสมฺปตฺตีนํ อาวหนโต, กลฺยาเณหิ ปญฺจหิ ทสฺสเนหิ สมนฺนาคตตฺตา จ กลฺยาณทสฺสโนฯ อุตฺตมวณฺณิโนติ อุตฺตมวณฺณสมฺปนฺนสฺสฯ

    Dassanīyarūpatāya aṅgīgatānaṃ dassanasampattīnaṃ āvahanato, kalyāṇehi pañcahi dassanehi samannāgatattā ca kalyāṇadassano. Uttamavaṇṇinoti uttamavaṇṇasampannassa.

    จกฺกวตฺตีติ จกฺกรตนํ วเตฺตติ, จตูหิ สมฺปตฺติจเกฺกหิ วเตฺตติ, เตหิ จ ปเร วเตฺตติฯ ปรหิตาย อิริยาปถจกฺกานํ วโตฺต เอตสฺมิํ อตฺถีติ จกฺกวตฺตีฯ อถ วา จตูหิ อจฺฉริยธเมฺมหิ จ สงฺคหวตฺถูหิ จ สมนฺนาคเมน ปเรหิ อนภิภวนียสฺส อาณาจกฺกสฺส วโตฺต เอตสฺมิํ อตฺถีติปิ จกฺกวตฺตีฯ รเถสโภติ รถิเกสุ อาชานียอุสภปุริโส, มหารถิโกติ อโตฺถฯ จาตุรโนฺตติ จตุสมุทฺทนฺตาย ปถวิยา อิสฺสโรฯ วิชิตาวีติ วิชิตวิชโยฯ ชมฺพุสณฺฑสฺสาติ ชมฺพุทีปสฺส, ปากเฎน หิ อิสฺสริยานิ ทเสฺสโนฺต เอวมาหฯ จกฺกวตฺตี ปน สปริตฺตทีปานํ จตุนฺนมฺปิ มหาทีปานํ อิสฺสโรวฯ

    Cakkavattīti cakkaratanaṃ vatteti, catūhi sampatticakkehi vatteti, tehi ca pare vatteti. Parahitāya iriyāpathacakkānaṃ vatto etasmiṃ atthīti cakkavattī. Atha vā catūhi acchariyadhammehi ca saṅgahavatthūhi ca samannāgamena parehi anabhibhavanīyassa āṇācakkassa vatto etasmiṃ atthītipi cakkavattī. Rathesabhoti rathikesu ājānīyausabhapuriso, mahārathikoti attho. Cāturantoti catusamuddantāya pathaviyā issaro. Vijitāvīti vijitavijayo. Jambusaṇḍassāti jambudīpassa, pākaṭena hi issariyāni dassento evamāha. Cakkavattī pana saparittadīpānaṃ catunnampi mahādīpānaṃ issarova.

    ขตฺติยาติ ชาติขตฺติยาฯ โภคีติ โภคิยาฯ ราชาโนติ เย เกจิ รชฺชํ กาเรนฺตาฯ อนุยนฺตาติ อนุคามิโน เสวกาฯ ราชาภิราชาติ ราชูนํ ปูชนีโย ราชา หุตฺวา, จกฺกวตฺตีติ อธิปฺปาโยฯ มนุชิโนฺทติ มนุสฺสาธิปติ, มนุสฺสานํ ปรมิสฺสโรติ อโตฺถฯ

    Khattiyāti jātikhattiyā. Bhogīti bhogiyā. Rājānoti ye keci rajjaṃ kārentā. Anuyantāti anugāmino sevakā. Rājābhirājāti rājūnaṃ pūjanīyo rājā hutvā, cakkavattīti adhippāyo. Manujindoti manussādhipati, manussānaṃ paramissaroti attho.

    เอวํ เสเลน วุเตฺต ภควา ‘‘เย เต ภวนฺติ อรหโนฺต สมฺมาสมฺพุทฺธา, เต สเก วเณฺณ ภญฺญมาเน อตฺตานํ ปาตุกโรนฺตี’’ติ อิมํ เสลสฺส มโนรถํ ปูเรโนฺต –

    Evaṃ selena vutte bhagavā ‘‘ye te bhavanti arahanto sammāsambuddhā, te sake vaṇṇe bhaññamāne attānaṃ pātukarontī’’ti imaṃ selassa manorathaṃ pūrento –

    ๘๒๔.

    824.

    ‘‘ราชาหมสฺมิ เสล, (เสลาติ ภควา) ธมฺมราชา อนุตฺตโร;

    ‘‘Rājāhamasmi sela, (selāti bhagavā) dhammarājā anuttaro;

    ธเมฺมน จกฺกํ วเตฺตมิ, จกฺกํ อปฺปฎิวตฺติย’’นฺติฯ – อิมํ คาถมาห;

    Dhammena cakkaṃ vattemi, cakkaṃ appaṭivattiya’’nti. – imaṃ gāthamāha;

    ตตฺรายํ อธิปฺปาโย – ยํ มํ ตฺวํ, เสล, ยาจสิ, ‘‘ราชา อรหสิ ภวิตุํ จกฺกวตฺตี’’ติ, เอตฺถ อโปฺปสฺสุโกฺก โหหิ, ราชาหมสฺมิ, สติ จ ราชเตฺต ยถา อโญฺญ ราชา สมาโนปิ โยชนสตํ วา อนุสาสติ, เทฺว ตีณิ จตฺตาริ ปญฺจ โยชนสตานิ วา โยชนสหสฺสํ วา จกฺกวตฺตี หุตฺวาปิ จตุทีปปริยนฺตมตฺตํ วา, นาหเมวํ ปริจฺฉินฺนวิสโยฯ อหญฺหิ ธมฺมราชา อนุตฺตโร ภวคฺคโต อวีจิปริยนฺตํ กตฺวา ติริยํ อปริเมยฺยโลกธาตุโย อนุสาสามิฯ ยาวตา หิ อปทาทิเภทา สตฺตา, อหํ เตสํ อโคฺคฯ น หิ เม โกจิ สีเลน วา…เป.… วิมุตฺติญาณทสฺสเนน วา สทิโส นตฺถิ, กุโต ภิโยฺยฯ สฺวาหํ เอวํ ธมฺมราชา อนุตฺตโร, อนุตฺตเรเนว จตุสติปฎฺฐานาทิเภทโพธิปกฺขิยสงฺขาเตน ธเมฺมน จกฺกํ วเตฺตมิ, ‘‘อิทํ ปชหถ, อิทํ อุปสมฺปชฺช วิหรถา’’ติอาทินา อาณาจกฺกํฯ ‘‘อิทํ โข ปน, ภิกฺขเว, ทุกฺขํ อริยสจฺจ’’นฺติอาทินา (มหาว. ๑๔; สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑) ปริยตฺติธเมฺมน ธมฺมจกฺกเมว วาฯ จกฺกํ อปฺปฎิวตฺติยนฺติ ยํ จกฺกํ อปฺปฎิวตฺติยํ โหติ สมเณน วา…เป.… เกนจิ วา โลกสฺมินฺติฯ

    Tatrāyaṃ adhippāyo – yaṃ maṃ tvaṃ, sela, yācasi, ‘‘rājā arahasi bhavituṃ cakkavattī’’ti, ettha appossukko hohi, rājāhamasmi, sati ca rājatte yathā añño rājā samānopi yojanasataṃ vā anusāsati, dve tīṇi cattāri pañca yojanasatāni vā yojanasahassaṃ vā cakkavattī hutvāpi catudīpapariyantamattaṃ vā, nāhamevaṃ paricchinnavisayo. Ahañhi dhammarājā anuttaro bhavaggato avīcipariyantaṃ katvā tiriyaṃ aparimeyyalokadhātuyo anusāsāmi. Yāvatā hi apadādibhedā sattā, ahaṃ tesaṃ aggo. Na hi me koci sīlena vā…pe… vimuttiñāṇadassanena vā sadiso natthi, kuto bhiyyo. Svāhaṃ evaṃ dhammarājā anuttaro, anuttareneva catusatipaṭṭhānādibhedabodhipakkhiyasaṅkhātena dhammena cakkaṃ vattemi, ‘‘idaṃ pajahatha, idaṃ upasampajja viharathā’’tiādinā āṇācakkaṃ. ‘‘Idaṃ kho pana, bhikkhave, dukkhaṃ ariyasacca’’ntiādinā (mahāva. 14; saṃ. ni. 5.1081) pariyattidhammena dhammacakkameva vā. Cakkaṃ appaṭivattiyanti yaṃ cakkaṃ appaṭivattiyaṃ hoti samaṇena vā…pe… kenaci vā lokasminti.

    เอวํ อตฺตานมาวิกโรนฺตํ ภควนฺตํ ทิสฺวา ปีติโสมนสฺสชาโต เสโล ปุน ทฬฺหีกรณตฺถํ –

    Evaṃ attānamāvikarontaṃ bhagavantaṃ disvā pītisomanassajāto selo puna daḷhīkaraṇatthaṃ –

    ๘๒๕.

    825.

    ‘‘สมฺพุโทฺธ ปฎิชานาสิ, (อิติ เสโล พฺราหฺมโณ) ธมฺมราชา อนุตฺตโร;

    ‘‘Sambuddho paṭijānāsi, (iti selo brāhmaṇo) dhammarājā anuttaro;

    ธเมฺมน จกฺกํ วเตฺตมิ, อิติ ภาสถ โคตมฯ

    Dhammena cakkaṃ vattemi, iti bhāsatha gotama.

    ๘๒๖.

    826.

    ‘‘โก นุ เสนาปติ โภโต, สาวโก สตฺถุรนฺวโย;

    ‘‘Ko nu senāpati bhoto, sāvako satthuranvayo;

    โก เตตมนุวเตฺตติ, ธมฺมจกฺกํ ปวตฺติต’’นฺติฯ – คาถาทฺวยมาห;

    Ko tetamanuvatteti, dhammacakkaṃ pavattita’’nti. – gāthādvayamāha;

    ตตฺถ โก นุ เสนาปตีติ ธมฺมรโญฺญ โภโต ธเมฺมน ปวตฺติตสฺส จกฺกสฺส อนุปวตฺตนโก เสนาปติ โก นูติ ปุจฺฉิฯ

    Tattha ko nu senāpatīti dhammarañño bhoto dhammena pavattitassa cakkassa anupavattanako senāpati ko nūti pucchi.

    เตน จ สมเยน ภควโต ทกฺขิณปเสฺส อายสฺมา สาริปุโตฺต นิสิโนฺน โหติ, สุวณฺณปุโญฺช วิย สิริยา โสภมาโนฯ ตํ ทเสฺสโนฺต ภควา –

    Tena ca samayena bhagavato dakkhiṇapasse āyasmā sāriputto nisinno hoti, suvaṇṇapuñjo viya siriyā sobhamāno. Taṃ dassento bhagavā –

    ๘๒๗.

    827.

    ‘‘มยา ปวตฺติตํ จกฺกํ, (เสลาติ ภควา) ธมฺมจกฺกํ อนุตฺตรํ;

    ‘‘Mayā pavattitaṃ cakkaṃ, (selāti bhagavā) dhammacakkaṃ anuttaraṃ;

    สาริปุโตฺต อนุวเตฺตติ, อนุชาโต ตถาคต’’นฺติฯ – คาถมาห;

    Sāriputto anuvatteti, anujāto tathāgata’’nti. – gāthamāha;

    ตตฺถ อนุชาโต ตถาคตนฺติ, ตถาคตํ อนุชาโต, ตถา คเตน เหตุนา อริยาย ชาติยา ชาโตติ อโตฺถฯ

    Tattha anujāto tathāgatanti, tathāgataṃ anujāto, tathā gatena hetunā ariyāya jātiyā jātoti attho.

    เอวํ ‘‘โก นุ เสนาปติ โภโต’’ติ เสเลน วุตฺตปญฺหํ พฺยากริตฺวา ยํ เสโล อาห ‘‘สมฺพุโทฺธ ปฎิชานาสี’’ติ ตตฺถ นํ นิกฺกงฺขํ กาตุกาโม ‘‘นาหํ ปฎิญฺญามเตฺตเนว ปฎิชานามิ, อปิ จาหํ อิมินา การเณน พุโทฺธ’’ติ ญาเปตุํ –

    Evaṃ ‘‘ko nu senāpati bhoto’’ti selena vuttapañhaṃ byākaritvā yaṃ selo āha ‘‘sambuddho paṭijānāsī’’ti tattha naṃ nikkaṅkhaṃ kātukāmo ‘‘nāhaṃ paṭiññāmatteneva paṭijānāmi, api cāhaṃ iminā kāraṇena buddho’’ti ñāpetuṃ –

    ๘๒๘.

    828.

    ‘‘อภิเญฺญยฺยํ อภิญฺญาตํ, ภาเวตพฺพญฺจ ภาวิตํ;

    ‘‘Abhiññeyyaṃ abhiññātaṃ, bhāvetabbañca bhāvitaṃ;

    ปหาตพฺพํ ปหีนํ เม, ตสฺมา พุโทฺธสฺมิ พฺราหฺมณา’’ติฯ – คาถมาห;

    Pahātabbaṃ pahīnaṃ me, tasmā buddhosmi brāhmaṇā’’ti. – gāthamāha;

    ตตฺถ อภิเญฺญยฺยนฺติ จตฺตาริ สจฺจานิ จตฺตาริ อริยสจฺจานิฯ จตุนฺนญฺหิ สจฺจานํ อริยสจฺจานญฺจ สามญฺญคฺคหณเมตํ ยทิทํ อภิเญฺญยฺยนฺติฯ ตตฺถ อริยสเจฺจสุ ยํ ภาเวตพฺพํ มคฺคสจฺจํ, ยญฺจ ปหาตพฺพํ สมุทยสจฺจํ, ตทุภยคฺคหเณน เตสํ ผลภูตานิ นิโรธสจฺจทุกฺขสจฺจานิปิ คหิตาเนว โหนฺติ เหตุคฺคหเณเนว ผลสิทฺธิโตฯ เตน ตตฺถ ‘‘สจฺฉิกาตพฺพํ สจฺฉิกตํ, ปริเญฺญยฺยํ ปริญฺญาต’’นฺติ อิทมฺปิ วุตฺตเมว โหติฯ ‘‘อภิเญฺญยฺยํ อภิญฺญาต’’นฺติ วา อิมินา จ สพฺพสฺสปิ เญยฺยสฺส อภิญฺญาตสมฺพุทฺธภาวํ อุเทฺทสวเสน ปกาเสตฺวา ตเทกเทสํ นิเทฺทสวเสน ทเสฺสโนฺต ‘‘ภาเวตพฺพญฺจ ภาวิต’’นฺติอาทิมาหฯ อถ วา ‘‘ภาเวตพฺพํ ภาวิตํ, ปหาตพฺพํ ปหีน’’นฺติ อิมินา อตฺตโน ญาณปหานสมฺปทากิตฺตนมุเขน ตํมูลกตฺตา สเพฺพปิ พุทฺธคุณา กิตฺติตา โหนฺตีติ อาห ‘‘ตสฺมา พุโทฺธสฺมิ, พฺราหฺมณา’’ติฯ อภิเญฺญยฺยอภิญฺญาตคฺคหเณน หิ สพฺพโส วิชฺชาวิมุตฺตีนํ คหิตตฺตา สผลํ จตุสจฺจภาวํ สทฺธิํ เหตุสมฺปตฺติยา ทเสฺสโนฺต พุชฺฌิตพฺพํ สพฺพํ พุชฺฌิตฺวา พุโทฺธ ชาโตสฺมีติ ญาเยน เหตุนา อตฺตโน พุทฺธภาวํ วิภาเวติฯ

    Tattha abhiññeyyanti cattāri saccāni cattāri ariyasaccāni. Catunnañhi saccānaṃ ariyasaccānañca sāmaññaggahaṇametaṃ yadidaṃ abhiññeyyanti. Tattha ariyasaccesu yaṃ bhāvetabbaṃ maggasaccaṃ, yañca pahātabbaṃ samudayasaccaṃ, tadubhayaggahaṇena tesaṃ phalabhūtāni nirodhasaccadukkhasaccānipi gahitāneva honti hetuggahaṇeneva phalasiddhito. Tena tattha ‘‘sacchikātabbaṃ sacchikataṃ, pariññeyyaṃ pariññāta’’nti idampi vuttameva hoti. ‘‘Abhiññeyyaṃ abhiññāta’’nti vā iminā ca sabbassapi ñeyyassa abhiññātasambuddhabhāvaṃ uddesavasena pakāsetvā tadekadesaṃ niddesavasena dassento ‘‘bhāvetabbañca bhāvita’’ntiādimāha. Atha vā ‘‘bhāvetabbaṃ bhāvitaṃ, pahātabbaṃ pahīna’’nti iminā attano ñāṇapahānasampadākittanamukhena taṃmūlakattā sabbepi buddhaguṇā kittitā hontīti āha ‘‘tasmā buddhosmi, brāhmaṇā’’ti. Abhiññeyyaabhiññātaggahaṇena hi sabbaso vijjāvimuttīnaṃ gahitattā saphalaṃ catusaccabhāvaṃ saddhiṃ hetusampattiyā dassento bujjhitabbaṃ sabbaṃ bujjhitvā buddho jātosmīti ñāyena hetunā attano buddhabhāvaṃ vibhāveti.

    เอวํ นิปฺปริยาเยน อตฺตานํ ปาตุกริตฺวา อตฺตนิ กงฺขาวิตรณตฺถํ พฺราหฺมณํ อุสฺสาเหโนฺต –

    Evaṃ nippariyāyena attānaṃ pātukaritvā attani kaṅkhāvitaraṇatthaṃ brāhmaṇaṃ ussāhento –

    ๘๒๙.

    829.

    ‘‘วินยสฺสุ มยิ กงฺขํ, อธิมุจฺจสฺสุ พฺราหฺมณ;

    ‘‘Vinayassu mayi kaṅkhaṃ, adhimuccassu brāhmaṇa;

    ทุลฺลภํ ทสฺสนํ โหติ, สมฺพุทฺธานํ อภิณฺหโสฯ

    Dullabhaṃ dassanaṃ hoti, sambuddhānaṃ abhiṇhaso.

    ๘๓๐.

    830.

    ‘‘เยสํ เว ทุลฺลโภ โลเก, ปาตุภาโว อภิณฺหโส;

    ‘‘Yesaṃ ve dullabho loke, pātubhāvo abhiṇhaso;

    โสหํ พฺราหฺมณ พุโทฺธสฺมิ, สลฺลกโตฺต อนุตฺตโรฯ

    Sohaṃ brāhmaṇa buddhosmi, sallakatto anuttaro.

    ๘๓๑.

    831.

    ‘‘พฺรหฺมภูโต อติตุโล, มารเสนปฺปมทฺทโน;

    ‘‘Brahmabhūto atitulo, mārasenappamaddano;

    สพฺพามิเตฺต วเส กตฺวา, โมทามิ อกุโตภโย’’ติฯ – คาถตฺตยมาห;

    Sabbāmitte vase katvā, modāmi akutobhayo’’ti. – gāthattayamāha;

    ตตฺถ วินยสฺสูติ วิเนหิ ฉินฺทฯ กงฺขนฺติ วิจิกิจฺฉํฯ อธิมุจฺจสฺสูติ อธิโมกฺขํ กร ‘‘สมฺมาสมฺพุโทฺธ’’ติ สทฺทหฯ ทุลฺลภํ ทสฺสนํ โหติ, สมฺพุทฺธานนฺติ ยโต กปฺปานํ อสเงฺขฺยยฺยมฺปิ พุทฺธสุโญฺญ โลโก โหติฯ สลฺลกโตฺตติ, ราคาทิสลฺลกตฺตโนฯ พฺรหฺมภูโตติ เสฎฺฐภูโตฯ อติตุโลติ ตุลํ อตีโต, นิรุปโมติ อโตฺถฯ มารเสนปฺปมทฺทโนติ ‘‘กามา เต ปฐมา เสนา’’ติ (สุ. นิ. ๔๓๘; มหานิ. ๒๘; จูฬนิ. นนฺทมาณวปุจฺฉานิเทฺทส ๔๗) เอวํ อาคตาย มารเสนาย ปมทฺทโนฯ สพฺพามิเตฺตติ ขนฺธกิเลสาภิสงฺขารมจฺจุเทวปุตฺตมารสงฺขาเต สพฺพปจฺจตฺถิเก ฯ วเส กตฺวาติ อตฺตโน วเส กตฺวาฯ โมทามิ อกุโตภโยติ กุโตจิ นิพฺภโย สมาธิสุเขน, ผลนิพฺพานสุเขน จ โมทามิฯ

    Tattha vinayassūti vinehi chinda. Kaṅkhanti vicikicchaṃ. Adhimuccassūti adhimokkhaṃ kara ‘‘sammāsambuddho’’ti saddaha. Dullabhaṃ dassanaṃ hoti, sambuddhānanti yato kappānaṃ asaṅkhyeyyampi buddhasuñño loko hoti. Sallakattoti, rāgādisallakattano. Brahmabhūtoti seṭṭhabhūto. Atituloti tulaṃ atīto, nirupamoti attho. Mārasenappamaddanoti ‘‘kāmā te paṭhamā senā’’ti (su. ni. 438; mahāni. 28; cūḷani. nandamāṇavapucchāniddesa 47) evaṃ āgatāya mārasenāya pamaddano. Sabbāmitteti khandhakilesābhisaṅkhāramaccudevaputtamārasaṅkhāte sabbapaccatthike . Vase katvāti attano vase katvā. Modāmi akutobhayoti kutoci nibbhayo samādhisukhena, phalanibbānasukhena ca modāmi.

    เอวํ วุเตฺต เสโล พฺราหฺมโณ ตาวเทว ภควติ สญฺชาตปสาโท ปพฺพชฺชาเปโกฺข หุตฺวา –

    Evaṃ vutte selo brāhmaṇo tāvadeva bhagavati sañjātapasādo pabbajjāpekkho hutvā –

    ๘๓๒.

    832.

    ‘‘อิทํ โภโนฺต นิสาเมถ, ยถา ภาสติ จกฺขุมา;

    ‘‘Idaṃ bhonto nisāmetha, yathā bhāsati cakkhumā;

    สลฺลกโตฺต มหาวีโร, สีโหว นทตี วเนฯ

    Sallakatto mahāvīro, sīhova nadatī vane.

    ๘๓๓.

    833.

    ‘‘พฺรหฺมภูตํ อติตุลํ, มารเสนปฺปมทฺทนํ;

    ‘‘Brahmabhūtaṃ atitulaṃ, mārasenappamaddanaṃ;

    โก ทิสฺวา นปฺปสีเทยฺย, อปิ กณฺหาภิชาติโกฯ

    Ko disvā nappasīdeyya, api kaṇhābhijātiko.

    ๘๓๔.

    834.

    ‘‘โย มํ อิจฺฉติ อเนฺวตุ, โย วา นิจฺฉติ คจฺฉตุ;

    ‘‘Yo maṃ icchati anvetu, yo vā nicchati gacchatu;

    อิธาหํ ปพฺพชิสฺสามิ, วรปญฺญสฺส สนฺติเก’’ติฯ –

    Idhāhaṃ pabbajissāmi, varapaññassa santike’’ti. –

    คาถตฺตยมาหฯ ยถา ตํ ปริปากคตาย อุปนิสฺสยสมฺปตฺติยา โจทิยมาโนฯ

    Gāthattayamāha. Yathā taṃ paripākagatāya upanissayasampattiyā codiyamāno.

    ตตฺถ กณฺหาภิชาติโกติ, นีจชาติโก, ตโมตมปรายณภาเว ฐิโตฯ

    Tattha kaṇhābhijātikoti, nīcajātiko, tamotamaparāyaṇabhāve ṭhito.

    ตโต เตปิ มาณวกา เหตุสมฺปนฺนตาย ตเตฺถว ปพฺพชฺชาเปกฺขา หุตฺวา –

    Tato tepi māṇavakā hetusampannatāya tattheva pabbajjāpekkhā hutvā –

    ๘๓๕.

    835.

    ‘‘เอตํ เจ รุจฺจติ โภโต, สมฺมาสมฺพุทฺธสาสนํ;

    ‘‘Etaṃ ce ruccati bhoto, sammāsambuddhasāsanaṃ;

    มยมฺปิ ปพฺพชิสฺสาม, วรปญฺญสฺส สนฺติเก’’ติฯ –

    Mayampi pabbajissāma, varapaññassa santike’’ti. –

    คาถมาหํสุ, ยถา ตํ เตน สทฺธิํ กตาธิการา กุลปุตฺตาฯ

    Gāthamāhaṃsu, yathā taṃ tena saddhiṃ katādhikārā kulaputtā.

    อถ เสโล เตสุ มาณวเกสุ ตุฎฺฐจิโตฺต เต ทเสฺสโนฺต ปพฺพชฺชญฺจ ยาจมาโน –

    Atha selo tesu māṇavakesu tuṭṭhacitto te dassento pabbajjañca yācamāno –

    ๘๓๖.

    836.

    ‘‘พฺราหฺมณา ติสตา อิเม, ยาจนฺติ ปญฺชลีกตา;

    ‘‘Brāhmaṇā tisatā ime, yācanti pañjalīkatā;

    พฺรหฺมจริยํ จริสฺสาม, ภควา ตว สนฺติเก’’ติฯ – คาถมาห;

    Brahmacariyaṃ carissāma, bhagavā tava santike’’ti. – gāthamāha;

    ตโต ภควา ยสฺมา เสโล เหฎฺฐา วุตฺตนเยน ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล เตสํเยว ติณฺณํ ปุริสสตานํ คณเชโฎฺฐ หุตฺวา โรปิตกุสลมูโล, อิทานิ ปจฺฉิมภเวปิ เตสํเยว อาจริโย หุตฺวา นิพฺพโตฺต, ญาณญฺจสฺส เตสญฺจ ปริปกฺกํ, เอหิภิกฺขุภาวสฺส จ อุปนิสฺสโย อตฺถิ, ตสฺมา เต สเพฺพว เอหิภิกฺขุภาเวน ปพฺพชฺชาย ปพฺพาเชโนฺต –

    Tato bhagavā yasmā selo heṭṭhā vuttanayena padumuttarassa bhagavato kāle tesaṃyeva tiṇṇaṃ purisasatānaṃ gaṇajeṭṭho hutvā ropitakusalamūlo, idāni pacchimabhavepi tesaṃyeva ācariyo hutvā nibbatto, ñāṇañcassa tesañca paripakkaṃ, ehibhikkhubhāvassa ca upanissayo atthi, tasmā te sabbeva ehibhikkhubhāvena pabbajjāya pabbājento –

    ๘๓๗.

    837.

    ‘‘สฺวาขาตํ พฺรหฺมจริยํ, (เสลาติ ภควา) สนฺทิฎฺฐิกมกาลิกํ;

    ‘‘Svākhātaṃ brahmacariyaṃ, (selāti bhagavā) sandiṭṭhikamakālikaṃ;

    ยตฺถ อโมฆา ปพฺพชฺชา, อปฺปมตฺตสฺส สิกฺขโต’’ติฯ – คาถมาห;

    Yattha amoghā pabbajjā, appamattassa sikkhato’’ti. – gāthamāha;

    ตตฺถ สนฺทิฎฺฐิกนฺติ ปจฺจกฺขํฯ อกาลิกนฺติ มคฺคานนฺตรผลุปฺปตฺติโต น กาลนฺตเร ปตฺตพฺพผลํฯ ยตฺถาติ ยํนิมิตฺตา ฯ มคฺคพฺรหฺมจริยนิมิตฺตา หิ ปพฺพชฺชา อโมฆา อนิปฺผลา, ยตฺถาติ วา ยสฺมิํ สาสเน อปฺปมตฺตสฺส สติวิปฺปวาสรหิตสฺส ตีสุ สิกฺขาสุ สิกฺขโต

    Tattha sandiṭṭhikanti paccakkhaṃ. Akālikanti maggānantaraphaluppattito na kālantare pattabbaphalaṃ. Yatthāti yaṃnimittā . Maggabrahmacariyanimittā hi pabbajjā amoghā anipphalā, yatthāti vā yasmiṃ sāsane appamattassa sativippavāsarahitassa tīsu sikkhāsu sikkhato.

    เอวญฺจ วตฺวา ‘‘เอถ, ภิกฺขโว’’ติ ภควา อโวจฯ ตาวเทว เต สเพฺพ อิทฺธิมยปตฺตจีวรธรา หุตฺวา สฎฺฐิวสฺสิกเตฺถรา วิย ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปริวาเรสุํฯ โส เอวํ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรโนฺต สตฺตเม ทิวเส สปริโส อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๔๐.๒๐๘-๓๐๓) –

    Evañca vatvā ‘‘etha, bhikkhavo’’ti bhagavā avoca. Tāvadeva te sabbe iddhimayapattacīvaradharā hutvā saṭṭhivassikattherā viya bhagavantaṃ abhivādetvā parivāresuṃ. So evaṃ pabbajitvā vipassanāya kammaṃ karonto sattame divase sapariso arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 1.40.208-303) –

    ‘‘นคเร หํสวติยา, วีถิสามี อโหสหํ;

    ‘‘Nagare haṃsavatiyā, vīthisāmī ahosahaṃ;

    มม ญาตี สมาเนตฺวา, อิทํ วจนมพฺรวิํฯ

    Mama ñātī samānetvā, idaṃ vacanamabraviṃ.

    ‘‘พุโทฺธ โลเก สมุปฺปโนฺน, ปุญฺญเกฺขโตฺต อนุตฺตโร;

    ‘‘Buddho loke samuppanno, puññakkhetto anuttaro;

    อาสิ โส สพฺพโลกสฺส, อาหุตีนํ ปฎิคฺคโหฯ

    Āsi so sabbalokassa, āhutīnaṃ paṭiggaho.

    ‘‘ขตฺติยา เนคมา เจว, มหาสาลา จ พฺราหฺมณา;

    ‘‘Khattiyā negamā ceva, mahāsālā ca brāhmaṇā;

    ปสนฺนจิตฺตา สุมนา, ปูคธมฺมํ อกํสุ เตฯ

    Pasannacittā sumanā, pūgadhammaṃ akaṃsu te.

    ‘‘หตฺถาโรหา อนีกฎฺฐา, รถิกา ปตฺติการกา;

    ‘‘Hatthārohā anīkaṭṭhā, rathikā pattikārakā;

    ปสนฺนจิตฺตา สุมนา, ปูคธมฺมํ อกํสุ เตฯ

    Pasannacittā sumanā, pūgadhammaṃ akaṃsu te.

    ‘‘อุคฺคา จ ราชปุตฺตา จ, เวสิยานา จ พฺราหฺมณา;

    ‘‘Uggā ca rājaputtā ca, vesiyānā ca brāhmaṇā;

    ปสนฺนจิตฺตา สุมนา, ปูคธมฺมํ อกํสุ เตฯ

    Pasannacittā sumanā, pūgadhammaṃ akaṃsu te.

    ‘‘อาฬาริกา กปฺปกา จ, นฺหาปกา มาลการกา;

    ‘‘Āḷārikā kappakā ca, nhāpakā mālakārakā;

    ปสนฺนจิตฺตา สุมนา, ปูคธมฺมํ อกํสุ เตฯ

    Pasannacittā sumanā, pūgadhammaṃ akaṃsu te.

    ‘‘รชกา เปสการา จ, จมฺมการา จ นฺหาปิตา;

    ‘‘Rajakā pesakārā ca, cammakārā ca nhāpitā;

    ปสนฺนจิตฺตา สุมนา, ปูคธมฺมํ อกํสุ เตฯ

    Pasannacittā sumanā, pūgadhammaṃ akaṃsu te.

    ‘‘อุสุการา ภมการา, จมฺมการา จ ตจฺฉกา;

    ‘‘Usukārā bhamakārā, cammakārā ca tacchakā;

    ปสนฺนจิตฺตา สุมนา, ปูคธมฺมํ อกํสุ เตฯ

    Pasannacittā sumanā, pūgadhammaṃ akaṃsu te.

    ‘‘กมฺมารา โสณฺณการา จ, ติปุโลหกรา ตถา;

    ‘‘Kammārā soṇṇakārā ca, tipulohakarā tathā;

    ปสนฺนจิตฺตา สุมนา, ปูคธมฺมํ อกํสุ เตฯ

    Pasannacittā sumanā, pūgadhammaṃ akaṃsu te.

    ‘‘ภตกา เจฎกา เจว, ทาสกมฺมกรา พหู;

    ‘‘Bhatakā ceṭakā ceva, dāsakammakarā bahū;

    ยถาสเกน ถาเมน, ปูคธมฺมํ อกํสุ เตฯ

    Yathāsakena thāmena, pūgadhammaṃ akaṃsu te.

    ‘‘อุทหารา กฎฺฐหารา, กสฺสกา ติณหารกา;

    ‘‘Udahārā kaṭṭhahārā, kassakā tiṇahārakā;

    ยถาสเกน ถาเมน, ปูคธมฺมํ อกํสุ เตฯ

    Yathāsakena thāmena, pūgadhammaṃ akaṃsu te.

    ‘‘ปุปฺผิกา มาลิกา เจว, ปณฺณิกา ผลหารกา;

    ‘‘Pupphikā mālikā ceva, paṇṇikā phalahārakā;

    ยถาสเกน ถาเมน, ปูคธมฺมํ อกํสุ เตฯ

    Yathāsakena thāmena, pūgadhammaṃ akaṃsu te.

    ‘‘คณิกา กุมฺภทาสี จ, ปูวิกา มจฺฉิกาปิ จ;

    ‘‘Gaṇikā kumbhadāsī ca, pūvikā macchikāpi ca;

    ยถาสเกน ถาเมน, ปูคธมฺมํ อกํสุ เตฯ

    Yathāsakena thāmena, pūgadhammaṃ akaṃsu te.

    ‘‘เอถ สเพฺพ สมาคนฺตฺวา, คณํ พนฺธาม เอกโต;

    ‘‘Etha sabbe samāgantvā, gaṇaṃ bandhāma ekato;

    อธิการํ กริสฺสาม, ปุญฺญเกฺขเตฺต อนุตฺตเรฯ

    Adhikāraṃ karissāma, puññakkhette anuttare.

    ‘‘เต เม สุตฺวาน วจนํ, คณํ พนฺธิํสุ ตาวเท;

    ‘‘Te me sutvāna vacanaṃ, gaṇaṃ bandhiṃsu tāvade;

    อุปฎฺฐานสาลํ สุกตํ, ภิกฺขุสงฺฆสฺส การยุํฯ

    Upaṭṭhānasālaṃ sukataṃ, bhikkhusaṅghassa kārayuṃ.

    ‘‘นิฎฺฐาเปตฺวาน ตํ สาลํ, อุทโคฺค ตุฎฺฐมานโส;

    ‘‘Niṭṭhāpetvāna taṃ sālaṃ, udaggo tuṭṭhamānaso;

    ปเรโต เตหิ สเพฺพหิ, สมฺพุทฺธมุปสงฺกมิํฯ

    Pareto tehi sabbehi, sambuddhamupasaṅkamiṃ.

    ‘‘อุปสงฺกมฺม สมฺพุทฺธํ, โลกนาถํ นราสภํ;

    ‘‘Upasaṅkamma sambuddhaṃ, lokanāthaṃ narāsabhaṃ;

    วนฺทิตฺวา สตฺถุโน ปาเท, อิทํ วจนมพฺรวิํฯ

    Vanditvā satthuno pāde, idaṃ vacanamabraviṃ.

    ‘‘อิเม ตีณิ สตา วีร, ปุริสา เอกโต คณา;

    ‘‘Ime tīṇi satā vīra, purisā ekato gaṇā;

    อุปฎฺฐานสาลํ สุกตํ, นิยฺยาเทนฺติ ตุวํ มุนิฯ

    Upaṭṭhānasālaṃ sukataṃ, niyyādenti tuvaṃ muni.

    ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปุรโต, สมฺปฎิจฺฉตฺว จกฺขุมา;

    ‘‘Bhikkhusaṅghassa purato, sampaṭicchatva cakkhumā;

    ติณฺณํ สตานํ ปุรโต, อิมา คาถา อภาสถฯ

    Tiṇṇaṃ satānaṃ purato, imā gāthā abhāsatha.

    ‘‘ติสตาปิ จ เชโฎฺฐ จ, อนุวตฺติํสุ เอกโต;

    ‘‘Tisatāpi ca jeṭṭho ca, anuvattiṃsu ekato;

    สมฺปตฺติญฺหิ กริตฺวาน, สเพฺพ อนุภวิสฺสถฯ

    Sampattiñhi karitvāna, sabbe anubhavissatha.

    ‘‘ปจฺฉิเม ภเว สมฺปเตฺต, สีติภาวมนุตฺตรํ;

    ‘‘Pacchime bhave sampatte, sītibhāvamanuttaraṃ;

    อชรํ อมตํ สนฺตํ, นิพฺพานํ ผสฺสยิสฺสถฯ

    Ajaraṃ amataṃ santaṃ, nibbānaṃ phassayissatha.

    ‘‘เอวํ พุโทฺธ วิยากาสิ, สพฺพญฺญู สมณุตฺตโร;

    ‘‘Evaṃ buddho viyākāsi, sabbaññū samaṇuttaro;

    พุทฺธสฺส วจนํ สุตฺวา, โสมนสฺสํ ปเวทยิํฯ

    Buddhassa vacanaṃ sutvā, somanassaṃ pavedayiṃ.

    ‘‘ติํสกปฺปสหสฺสานิ, เทวโลเก รมิํ อหํ;

    ‘‘Tiṃsakappasahassāni, devaloke ramiṃ ahaṃ;

    เทวาธิโป ปญฺจสตํ, เทวรชฺชมการยิํฯ

    Devādhipo pañcasataṃ, devarajjamakārayiṃ.

    ‘‘สหสฺสกฺขตฺตุํ ราชา จ, จกฺกวตฺตี อโหสหํ;

    ‘‘Sahassakkhattuṃ rājā ca, cakkavattī ahosahaṃ;

    เทวรชฺชํ กโรนฺตสฺส, มหาเทวา อวนฺทิสุํฯ

    Devarajjaṃ karontassa, mahādevā avandisuṃ.

    ‘‘อิธ มานุสเก รชฺชํ, ปริสา โหนฺติ พนฺธวา;

    ‘‘Idha mānusake rajjaṃ, parisā honti bandhavā;

    ปจฺฉิเม ภเว สมฺปเตฺต, วาเสโฎฺฐ นาม พฺราหฺมโณฯ

    Pacchime bhave sampatte, vāseṭṭho nāma brāhmaṇo.

    ‘‘อสีติโกฎิ นิจโย, ตสฺส ปุโตฺต อโหสหํ;

    ‘‘Asītikoṭi nicayo, tassa putto ahosahaṃ;

    เสโล อิติ มมํ นามํ, ฉฬเงฺค ปารมิํ คโตฯ

    Selo iti mamaṃ nāmaṃ, chaḷaṅge pāramiṃ gato.

    ‘‘ชงฺฆาวิหารํ วิจรํ, สสิเสฺสหิ ปุรกฺขโต;

    ‘‘Jaṅghāvihāraṃ vicaraṃ, sasissehi purakkhato;

    ชฎาภาริกภริตํ, เกณิยํ นาม ตาปสํฯ

    Jaṭābhārikabharitaṃ, keṇiyaṃ nāma tāpasaṃ.

    ‘‘ปฎิยตฺตาหุติํ ทิสฺวา, อิทํ วจนมพฺรวิํ;

    ‘‘Paṭiyattāhutiṃ disvā, idaṃ vacanamabraviṃ;

    อาวาโห วา วิวาโห วา, ราชา วา เต นิมนฺติโตฯ

    Āvāho vā vivāho vā, rājā vā te nimantito.

    ‘‘อาหุติํ ยิฎฺฐุกาโมหํ, พฺราหฺมเณ เทวสมฺมเต;

    ‘‘Āhutiṃ yiṭṭhukāmohaṃ, brāhmaṇe devasammate;

    น นิมเนฺตมิ ราชานํ, อาหุตี เม น วิชฺชติฯ

    Na nimantemi rājānaṃ, āhutī me na vijjati.

    ‘‘น จตฺถิ มยฺหมาวาโห, วิวาโห เม น วิชฺชติ;

    ‘‘Na catthi mayhamāvāho, vivāho me na vijjati;

    สกฺยานํ นนฺทิชนโน, เสโฎฺฐ โลเก สเทวเกฯ

    Sakyānaṃ nandijanano, seṭṭho loke sadevake.

    ‘‘สพฺพโลกหิตตฺถาย , สพฺพสตฺตสุขาวโห;

    ‘‘Sabbalokahitatthāya , sabbasattasukhāvaho;

    โส เม นิมนฺติโต อชฺช, ตเสฺสตํ ปฎิยาทนํฯ

    So me nimantito ajja, tassetaṃ paṭiyādanaṃ.

    ‘‘ติมฺพรูสกวณฺณาโภ, อปฺปเมโยฺย อนูปโม;

    ‘‘Timbarūsakavaṇṇābho, appameyyo anūpamo;

    รูเปนาสทิโส พุโทฺธ, สฺวาตนาย นิมนฺติโตฯ

    Rūpenāsadiso buddho, svātanāya nimantito.

    ‘‘อุกฺกามุขปหโฎฺฐว, ขทิรงฺคารสนฺนิโภ;

    ‘‘Ukkāmukhapahaṭṭhova, khadiraṅgārasannibho;

    วิชฺชูปโม มหาวีโร, โส เม พุโทฺธ นิมนฺติโตฯ

    Vijjūpamo mahāvīro, so me buddho nimantito.

    ‘‘ปพฺพตเคฺค ยถา อจฺจิ, ปุณฺณมาเยว จนฺทิมา;

    ‘‘Pabbatagge yathā acci, puṇṇamāyeva candimā;

    นฬคฺคิวณฺณสงฺกาโส, โส เม พุโทฺธ นิมนฺติโตฯ

    Naḷaggivaṇṇasaṅkāso, so me buddho nimantito.

    ‘‘อสมฺภีโต ภยาตีโต, ภวนฺตกรโณ มุนิ;

    ‘‘Asambhīto bhayātīto, bhavantakaraṇo muni;

    สีหูปโม มหาวีโร, โส เม พุโทฺธ นิมนฺติโตฯ

    Sīhūpamo mahāvīro, so me buddho nimantito.

    ‘‘กุสโล พุทฺธธเมฺมหิ, อปสโยฺห ปเรหิ โส;

    ‘‘Kusalo buddhadhammehi, apasayho parehi so;

    นาคูปโม มหาวีโร, โส เม พุโทฺธ นิมนฺติโตฯ

    Nāgūpamo mahāvīro, so me buddho nimantito.

    ‘‘สทฺธมฺมาจารกุสโล, พุทฺธนาโค อสาทิโส;

    ‘‘Saddhammācārakusalo, buddhanāgo asādiso;

    อุสภูปโม มหาวีโร, โส เม พุโทฺธ นิมนฺติโตฯ

    Usabhūpamo mahāvīro, so me buddho nimantito.

    ‘‘อนนฺตวโณฺณ อมิตยโส, วิจิตฺตสพฺพลกฺขโณ;

    ‘‘Anantavaṇṇo amitayaso, vicittasabbalakkhaṇo;

    สกฺกูปโม มหาวีโร, โส เม พุโทฺธ นิมนฺติโตฯ

    Sakkūpamo mahāvīro, so me buddho nimantito.

    ‘‘วสี คณี ปตาปี จ, เตชสฺสี จ ทุราสโท;

    ‘‘Vasī gaṇī patāpī ca, tejassī ca durāsado;

    พฺรหฺมูปโม มหาวีโร, โส เม พุโทฺธ นิมนฺติโตฯ

    Brahmūpamo mahāvīro, so me buddho nimantito.

    ‘‘ปตฺตธโมฺม ทสพโล, พลาติพลปารโค;

    ‘‘Pattadhammo dasabalo, balātibalapārago;

    ธรณูปโม มหาวีโร, โส เม พุโทฺธ นิมนฺติโตฯ

    Dharaṇūpamo mahāvīro, so me buddho nimantito.

    ‘‘สีลวีจิสมากิโณฺณ, ธมฺมวิญฺญาณโขภิโต;

    ‘‘Sīlavīcisamākiṇṇo, dhammaviññāṇakhobhito;

    อุทธูปโม มหาวีโร, โส เม พุโทฺธ นิมนฺติโตฯ

    Udadhūpamo mahāvīro, so me buddho nimantito.

    ‘‘ทุราสโท ทุปฺปสโห, อจโล อุคฺคโต พฺรหา;

    ‘‘Durāsado duppasaho, acalo uggato brahā;

    เนรูปโม มหาวีโร, โส เม พุโทฺธ นิมนฺติโตฯ

    Nerūpamo mahāvīro, so me buddho nimantito.

    ‘‘อนนฺตญาโณ อสมสโม, อตุโล อคฺคตํ คโต;

    ‘‘Anantañāṇo asamasamo, atulo aggataṃ gato;

    คคนูปโม มหาวีโร, โส เม พุโทฺธ นิมนฺติโตฯ

    Gaganūpamo mahāvīro, so me buddho nimantito.

    ‘‘ปติฎฺฐา ภยภีตานํ, ตาโณ สรณคามินํ;

    ‘‘Patiṭṭhā bhayabhītānaṃ, tāṇo saraṇagāminaṃ;

    อสฺสาสโก มหาวีโร, โส เม พุโทฺธ นิมนฺติโตฯ

    Assāsako mahāvīro, so me buddho nimantito.

    ‘‘อาสโย พุทฺธิมนฺตานํ, ปุญฺญเกฺขตฺตํ สุเขสินํ;

    ‘‘Āsayo buddhimantānaṃ, puññakkhettaṃ sukhesinaṃ;

    รตนากโร มหาวีโร, โส เม พุโทฺธ นิมนฺติโตฯ

    Ratanākaro mahāvīro, so me buddho nimantito.

    ‘‘อสฺสาสโก เวทกโร, สามญฺญผลทายโก;

    ‘‘Assāsako vedakaro, sāmaññaphaladāyako;

    เมฆูปโม มหาวีโร, โส เม พุโทฺธ นิมนฺติโตฯ

    Meghūpamo mahāvīro, so me buddho nimantito.

    ‘‘โลกจกฺขุ มหาเตโช, สพฺพตมวิโนทโน;

    ‘‘Lokacakkhu mahātejo, sabbatamavinodano;

    สูริยูปโม มหาวีโร, โส เม พุโทฺธ นิมนฺติโตฯ

    Sūriyūpamo mahāvīro, so me buddho nimantito.

    ‘‘อารมฺมณวิมุตฺตีสุ, สภาวทสฺสโน มุนิ;

    ‘‘Ārammaṇavimuttīsu, sabhāvadassano muni;

    จนฺทูปโม มหาวีโร, โส เม พุโทฺธ นิมนฺติโตฯ

    Candūpamo mahāvīro, so me buddho nimantito.

    ‘‘พุโทฺธ สมุสฺสิโต โลเก, ลกฺขเณหิ อลงฺกโต;

    ‘‘Buddho samussito loke, lakkhaṇehi alaṅkato;

    อปฺปเมโยฺย มหาวีโร, โส เม พุโทฺธ นิมนฺติโตฯ

    Appameyyo mahāvīro, so me buddho nimantito.

    ‘‘ยสฺส ญาณํ อปฺปเมยฺยํ, สีลํ ยสฺส อนูปมํ;

    ‘‘Yassa ñāṇaṃ appameyyaṃ, sīlaṃ yassa anūpamaṃ;

    วิมุตฺติ อสทิสา ยสฺส, โส เม พุโทฺธ นิมนฺติโตฯ

    Vimutti asadisā yassa, so me buddho nimantito.

    ‘‘ยสฺส ธีติ อสทิสา, ถาโม ยสฺส อจินฺติโย;

    ‘‘Yassa dhīti asadisā, thāmo yassa acintiyo;

    ยสฺส ปรกฺกโม เชโฎฺฐ, โส เม พุโทฺธ นิมนฺติโตฯ

    Yassa parakkamo jeṭṭho, so me buddho nimantito.

    ‘‘ราโค โทโส จ โมโห จ, วิสา สเพฺพ สมูหตา;

    ‘‘Rāgo doso ca moho ca, visā sabbe samūhatā;

    อคทูปโม มหาวีโร, โส เม พุโทฺธ นิมนฺติโตฯ

    Agadūpamo mahāvīro, so me buddho nimantito.

    ‘‘เกฺลสพฺยาธิพหุทุกฺข-สพฺพตมวิโนทโน;

    ‘‘Klesabyādhibahudukkha-sabbatamavinodano;

    เวชฺชูปโม มหาวีโร, โส เม พุโทฺธ นิมนฺติโตฯ

    Vejjūpamo mahāvīro, so me buddho nimantito.

    ‘‘พุโทฺธติ โภ ยํ วเทสิ, โฆโสเปโส สุทุลฺลโภ;

    ‘‘Buddhoti bho yaṃ vadesi, ghosopeso sudullabho;

    พุโทฺธ พุโทฺธติ สุตฺวาน, ปีติ เม อุทปชฺชถฯ

    Buddho buddhoti sutvāna, pīti me udapajjatha.

    ‘‘อพฺภนฺตรํ อคณฺหนฺตํ, ปีติ เม พหิ นิจฺฉเร;

    ‘‘Abbhantaraṃ agaṇhantaṃ, pīti me bahi nicchare;

    โสหํ ปีติมโน สโนฺต, อิทํ วจนมพฺรวิํฯ

    Sohaṃ pītimano santo, idaṃ vacanamabraviṃ.

    ‘‘กหํ นุ โข โส ภควา, โลกเชโฎฺฐ นราสโภ;

    ‘‘Kahaṃ nu kho so bhagavā, lokajeṭṭho narāsabho;

    ตตฺถ คนฺตฺวา นมสฺสิสฺสํ, สามญฺญผลทายกํฯ

    Tattha gantvā namassissaṃ, sāmaññaphaladāyakaṃ.

    ‘‘ปคฺคยฺห ทกฺขิณํ พาหุํ, เวทชาโต กตญฺชลี;

    ‘‘Paggayha dakkhiṇaṃ bāhuṃ, vedajāto katañjalī;

    อาจิกฺขิ เม ธมฺมราชํ, โสกสลฺลวิโนทนํฯ

    Ācikkhi me dhammarājaṃ, sokasallavinodanaṃ.

    ‘‘อุเทนฺตํว มหาเมฆํ, นีลํ อญฺชนสนฺนิภํ;

    ‘‘Udentaṃva mahāmeghaṃ, nīlaṃ añjanasannibhaṃ;

    สาครํ วิย ทิสฺสนฺตํ, ปสฺสเสตํ มหาวนํฯ

    Sāgaraṃ viya dissantaṃ, passasetaṃ mahāvanaṃ.

    ‘‘เอตฺถ โส วสเต พุโทฺธ, อทนฺตทมโก มุนิ;

    ‘‘Ettha so vasate buddho, adantadamako muni;

    วินยโนฺต จ เวเนเยฺย, โพเธโนฺต โพธิปกฺขิเยฯ

    Vinayanto ca veneyye, bodhento bodhipakkhiye.

    ‘‘ปิปาสิโตว อุทกํ, โภชนํว ชิฆจฺฉิโต;

    ‘‘Pipāsitova udakaṃ, bhojanaṃva jighacchito;

    คาวี ยถา วจฺฉคิทฺธา, เอวาหํ วิจินิํ ชินํฯ

    Gāvī yathā vacchagiddhā, evāhaṃ viciniṃ jinaṃ.

    ‘‘อาจารอุปจารญฺญู, ธมฺมานุจฺฉวิสํวรํ;

    ‘‘Ācāraupacāraññū, dhammānucchavisaṃvaraṃ;

    สิกฺขาเปมิ สเก สิเสฺส, คจฺฉเนฺต ชินสนฺติกํฯ

    Sikkhāpemi sake sisse, gacchante jinasantikaṃ.

    ‘‘ทุราสทา ภควโนฺต, สีหาว เอกจาริโน;

    ‘‘Durāsadā bhagavanto, sīhāva ekacārino;

    ปเท ปทํ นิกฺขิปนฺตา, อาคเจฺฉยฺยาถ มาณวาฯ

    Pade padaṃ nikkhipantā, āgaccheyyātha māṇavā.

    ‘‘อาสีวิโส ยถา โฆโร, มิคราชาว เกสรี;

    ‘‘Āsīviso yathā ghoro, migarājāva kesarī;

    มโตฺตว กุญฺชโร ทนฺตี, เอวํ พุทฺธา ทุราสทาฯ

    Mattova kuñjaro dantī, evaṃ buddhā durāsadā.

    ‘‘อุกฺกาสิตญฺจ ขิปิตํ, อชฺฌุเปกฺขิย มาณวา;

    ‘‘Ukkāsitañca khipitaṃ, ajjhupekkhiya māṇavā;

    ปเท ปทํ นิกฺขิปนฺตา, อุเปถ พุทฺธสนฺติกํฯ

    Pade padaṃ nikkhipantā, upetha buddhasantikaṃ.

    ‘‘ปฎิสลฺลานครุกา, อปฺปสทฺทา ทุราสทา;

    ‘‘Paṭisallānagarukā, appasaddā durāsadā;

    ทุรูปสงฺกมา พุทฺธา, ครู โหนฺติ สเทวเกฯ

    Durūpasaṅkamā buddhā, garū honti sadevake.

    ‘‘ยทาหํ ปญฺหํ ปุจฺฉามิ, ปฎิสโมฺมทยามิ วา;

    ‘‘Yadāhaṃ pañhaṃ pucchāmi, paṭisammodayāmi vā;

    อปฺปสทฺทา ตทา โหถ, มุนิภูตาว ติฎฺฐถฯ

    Appasaddā tadā hotha, munibhūtāva tiṭṭhatha.

    ‘‘ยํ โส เทเสติ สมฺพุโทฺธ, เขมํ นิพฺพานปตฺติยา;

    ‘‘Yaṃ so deseti sambuddho, khemaṃ nibbānapattiyā;

    ตเมวตฺถํ นิสาเมถ, สทฺธมฺมสวนํ สุขํฯ

    Tamevatthaṃ nisāmetha, saddhammasavanaṃ sukhaṃ.

    ‘‘อุปสงฺกมฺม สมฺพุทฺธํ, สโมฺมทิํ มุนินา อหํ;

    ‘‘Upasaṅkamma sambuddhaṃ, sammodiṃ muninā ahaṃ;

    ตํ กถํ วีติสาเรตฺวา, ลกฺขเณ อุปธารยิํฯ

    Taṃ kathaṃ vītisāretvā, lakkhaṇe upadhārayiṃ.

    ‘‘ลกฺขเณ เทฺว จ กงฺขามิ, ปสฺสามิ ติํสลกฺขเณ;

    ‘‘Lakkhaṇe dve ca kaṅkhāmi, passāmi tiṃsalakkhaṇe;

    โกโสหิตวตฺถคุยฺหํ, อิทฺธิยา ทสฺสยี มุนิฯ

    Kosohitavatthaguyhaṃ, iddhiyā dassayī muni.

    ‘‘ชิวฺหํ นินฺนามยิตฺวาน, กณฺณโสเต จ นาสิเก;

    ‘‘Jivhaṃ ninnāmayitvāna, kaṇṇasote ca nāsike;

    ปฎิมสิ นลาฎนฺตํ, เกวลํ ฉาทยี ชิโนฯ

    Paṭimasi nalāṭantaṃ, kevalaṃ chādayī jino.

    ‘‘ตสฺสาหํ ลกฺขเณ ทิสฺวา, ปริปุเณฺณ สพฺยญฺชเน;

    ‘‘Tassāhaṃ lakkhaṇe disvā, paripuṇṇe sabyañjane;

    พุโทฺธติ นิฎฺฐํ คนฺตฺวาน, สห สิเสฺสหิ ปพฺพชิํฯ

    Buddhoti niṭṭhaṃ gantvāna, saha sissehi pabbajiṃ.

    ‘‘สเตหิ ตีหิ สหิโต, ปพฺพชิํ อนคาริยํ;

    ‘‘Satehi tīhi sahito, pabbajiṃ anagāriyaṃ;

    อฑฺฒมาเส อสมฺปเตฺต, สเพฺพ ปตฺตามฺห นิพฺพุติํฯ

    Aḍḍhamāse asampatte, sabbe pattāmha nibbutiṃ.

    ‘‘เอกโต กมฺมํ กตฺวาน, ปุญฺญเกฺขเตฺต อนุตฺตเร;

    ‘‘Ekato kammaṃ katvāna, puññakkhette anuttare;

    เอกโต สํสริตฺวาน, เอกโต วินิวตฺตยุํฯ

    Ekato saṃsaritvāna, ekato vinivattayuṃ.

    ‘‘โคปานสิโย ทตฺวาน, ปูคธเมฺม วสิํ อหํ

    ‘‘Gopānasiyo datvāna, pūgadhamme vasiṃ ahaṃ

    เตน กเมฺมน สุกเตน, อฎฺฐ เหตู ลภามหํฯ

    Tena kammena sukatena, aṭṭha hetū labhāmahaṃ.

    ‘‘ทิสาสุ ปูชิโต โหมิ, โภคา จ อมิตา มม;

    ‘‘Disāsu pūjito homi, bhogā ca amitā mama;

    ปติฎฺฐา โหมิ สเพฺพสํ, ตาโส มม น วิชฺชติฯ

    Patiṭṭhā homi sabbesaṃ, tāso mama na vijjati.

    ‘‘พฺยาธโย เม น วิชฺชนฺติ, ทีฆายุํ ปาลยามิ จ;

    ‘‘Byādhayo me na vijjanti, dīghāyuṃ pālayāmi ca;

    สุขุมจฺฉวิโก โหมิ, อาวาเส ปตฺถิเต วเสฯ

    Sukhumacchaviko homi, āvāse patthite vase.

    ‘‘อฎฺฐ โคปานสี ทตฺวา, ปูคธเมฺม วสิํ อหํ;

    ‘‘Aṭṭha gopānasī datvā, pūgadhamme vasiṃ ahaṃ;

    ปฎิสมฺภิทารหตฺตญฺจ, เอตํ เม อปรฎฺฐมํฯ

    Paṭisambhidārahattañca, etaṃ me aparaṭṭhamaṃ.

    ‘‘สพฺพโวสิตโวสาโน, กตกิโจฺจ อนาสโว;

    ‘‘Sabbavositavosāno, katakicco anāsavo;

    อฎฺฐ โคปานสี นาม, ตว ปุโตฺต มหามุนิฯ

    Aṭṭha gopānasī nāma, tava putto mahāmuni.

    ‘‘ปญฺจ ถมฺภานิ ทตฺวาน, ปูคธเมฺม วสิํ อหํ;

    ‘‘Pañca thambhāni datvāna, pūgadhamme vasiṃ ahaṃ;

    เตน กเมฺมน สุกเตน, ปญฺจ เหตู ลภามหํฯ

    Tena kammena sukatena, pañca hetū labhāmahaṃ.

    ‘‘อจโล โหมิ เมตฺตาย, อนูนโงฺค ภวามหํ;

    ‘‘Acalo homi mettāya, anūnaṅgo bhavāmahaṃ;

    อาเทยฺยวจโน โหมิ, น ธํเสมิ ยถา อหํฯ

    Ādeyyavacano homi, na dhaṃsemi yathā ahaṃ.

    ‘‘อภนฺตํ โหติ เม จิตฺตํ, อขิโล โหมิ กสฺสจิ;

    ‘‘Abhantaṃ hoti me cittaṃ, akhilo homi kassaci;

    เตน กเมฺมน สุกเตน, วิมโล โหมิ สาสเนฯ

    Tena kammena sukatena, vimalo homi sāsane.

    ‘‘สคารโว สปฺปติโสฺส, กตกิโจฺจ อนาสโว;

    ‘‘Sagāravo sappatisso, katakicco anāsavo;

    สาวโก เต มหาวีร, ภิกฺขุ ตํ วนฺทเต มุนิฯ

    Sāvako te mahāvīra, bhikkhu taṃ vandate muni.

    ‘‘กตฺวา สุกตปลฺลงฺกํ, สาลายํ ปญฺญเปสหํ;

    ‘‘Katvā sukatapallaṅkaṃ, sālāyaṃ paññapesahaṃ;

    เตน กเมฺมน สุกเตน, ปญฺจ เหตู ลภามหํฯ

    Tena kammena sukatena, pañca hetū labhāmahaṃ.

    ‘‘อุเจฺจ กุเล ปชายิตฺวา, มหาโภโค ภวามหํ;

    ‘‘Ucce kule pajāyitvā, mahābhogo bhavāmahaṃ;

    สพฺพสมฺปตฺติโก โหมิ, มเจฺฉรํ เม น วิชฺชติฯ

    Sabbasampattiko homi, maccheraṃ me na vijjati.

    ‘‘คมเน ปตฺถิเต มยฺหํ, ปลฺลโงฺก อุปติฎฺฐติ;

    ‘‘Gamane patthite mayhaṃ, pallaṅko upatiṭṭhati;

    สห ปลฺลงฺกเสเฎฺฐน, คจฺฉามิ มม ปตฺถิตํฯ

    Saha pallaṅkaseṭṭhena, gacchāmi mama patthitaṃ.

    ‘‘เตน ปลฺลงฺกทาเนน, ตมํ สพฺพํ วิโนทยิํ;

    ‘‘Tena pallaṅkadānena, tamaṃ sabbaṃ vinodayiṃ;

    สพฺพาภิญฺญาพลปฺปโตฺต, เถโร วนฺทติ ตํ มุนิฯ

    Sabbābhiññābalappatto, thero vandati taṃ muni.

    ‘‘ปริกิจฺจตฺตกิจฺจานิ, สพฺพกิจฺจานิ สาธยิํ;

    ‘‘Parikiccattakiccāni, sabbakiccāni sādhayiṃ;

    เตน กเมฺมน สุกเตน, ปาวิสิํ อภยํ ปุรํฯ

    Tena kammena sukatena, pāvisiṃ abhayaṃ puraṃ.

    ‘‘ปรินิฎฺฐิตสาลมฺหิ , ปริโภคมทาสหํ;

    ‘‘Pariniṭṭhitasālamhi , paribhogamadāsahaṃ;

    เตน กเมฺมน สุกเตน, เสฎฺฐตฺตํ อชฺฌุปาคโตฯ

    Tena kammena sukatena, seṭṭhattaṃ ajjhupāgato.

    ‘‘เย เกจิ ทมกา โลเก, หตฺถิอเสฺส ทเมนฺติ เย;

    ‘‘Ye keci damakā loke, hatthiasse damenti ye;

    กริตฺวา การณา นานา, ทารุเณน ทเมนฺติ เตฯ

    Karitvā kāraṇā nānā, dāruṇena damenti te.

    ‘‘น เหวํ ตฺวํ มหาวีร, ทเมสิ นรนาริโย;

    ‘‘Na hevaṃ tvaṃ mahāvīra, damesi naranāriyo;

    อทเณฺฑน อสเตฺถน, ทเมสิ อุตฺตเม ทเมฯ

    Adaṇḍena asatthena, damesi uttame dame.

    ‘‘ทานสฺส วเณฺณ กิเตฺตโนฺต, เทสนากุสโล มุนิ;

    ‘‘Dānassa vaṇṇe kittento, desanākusalo muni;

    เอกปญฺหํ กเถโนฺตว, โพเธสิ ติสเต มุนิฯ

    Ekapañhaṃ kathentova, bodhesi tisate muni.

    ‘‘ทนฺตา มยํ สารถินา, สุวิมุตฺตา อนาสวา;

    ‘‘Dantā mayaṃ sārathinā, suvimuttā anāsavā;

    สพฺพาภิญฺญาพลปตฺตา, นิพฺพุตา อุปธิกฺขเยฯ

    Sabbābhiññābalapattā, nibbutā upadhikkhaye.

    ‘‘สตสหสฺสิโต กเปฺป, ยํ ทานมททิํ ตทา;

    ‘‘Satasahassito kappe, yaṃ dānamadadiṃ tadā;

    อติกฺกนฺตา ภยา สเพฺพ, สาลาทานสฺสิทํ ผลํฯ

    Atikkantā bhayā sabbe, sālādānassidaṃ phalaṃ.

    ‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ

    ‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.

    อรหตฺตํ ปน ปตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา อญฺญํ พฺยากโรโนฺต –

    Arahattaṃ pana patvā satthāraṃ upasaṅkamitvā aññaṃ byākaronto –

    ๘๓๘.

    838.

    ‘‘ยํ ตํ สรณมาคมฺห, อิโต อฎฺฐเม จกฺขุม;

    ‘‘Yaṃ taṃ saraṇamāgamha, ito aṭṭhame cakkhuma;

    สตฺตรเตฺตน ภควา, ทนฺตามฺห ตว สาสเน’’ติฯ –

    Sattarattena bhagavā, dantāmha tava sāsane’’ti. –

    คาถมาห ฯ ตสฺสโตฺถ – ปญฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุม ภควา ยสฺมา มยํ อิโต อตีเต อฎฺฐเม ทิวเส ตํ สรณํ อคมิมฺหฯ ตสฺมา สตฺตรเตฺตน ตว สาสเน ทมเกน ทนฺตา อมฺห, อโห เต สรณคมนสฺส อานุภาโวติฯ ตโต ปรํ –

    Gāthamāha . Tassattho – pañcahi cakkhūhi cakkhuma bhagavā yasmā mayaṃ ito atīte aṭṭhame divase taṃ saraṇaṃ agamimha. Tasmā sattarattena tava sāsane damakena dantā amha, aho te saraṇagamanassa ānubhāvoti. Tato paraṃ –

    ๘๓๙.

    839.

    ‘‘ตุวํ พุโทฺธ ตุวํ สตฺถา, ตุวํ มาราภิภู มุนิ;

    ‘‘Tuvaṃ buddho tuvaṃ satthā, tuvaṃ mārābhibhū muni;

    ตุวํ อนุสเย เฉตฺวา, ติโณฺณ ตาเรสิมํ ปชํฯ

    Tuvaṃ anusaye chetvā, tiṇṇo tāresimaṃ pajaṃ.

    ๘๔๐.

    840.

    ‘‘อุปธี เต สมติกฺกนฺตา, อาสวา เต ปทาลิตา;

    ‘‘Upadhī te samatikkantā, āsavā te padālitā;

    สีโหว อนุปาทาโน, ปหีนภยเภรโว’’ติฯ –

    Sīhova anupādāno, pahīnabhayabheravo’’ti. –

    อิมาหิ ทฺวีหิ คาถาหิ อภิตฺถวิตฺวา โอสานคาถาย สตฺถารํ วนฺทนํ ยาจติ –

    Imāhi dvīhi gāthāhi abhitthavitvā osānagāthāya satthāraṃ vandanaṃ yācati –

    ๘๔๑.

    841.

    ‘‘ภิกฺขโว ติสตา อิเม, ติฎฺฐนฺติ ปญฺชลีกตา;

    ‘‘Bhikkhavo tisatā ime, tiṭṭhanti pañjalīkatā;

    ปาเท วีร ปสาเรหิ, นาคา วนฺทนฺตุ สตฺถุโน’’ติฯ

    Pāde vīra pasārehi, nāgā vandantu satthuno’’ti.

    ตตฺถ ตุวํ พุโทฺธติ ตฺวเมว อิมสฺมิํ โลเก สพฺพญฺญุพุโทฺธฯ ทิฎฺฐธมฺมิกาทิอเตฺถน สตฺตานํ อนุสาสนโต ตฺวเมว สตฺถาฯ สเพฺพสํ มารานํ อภิภวนโต มาราภิภูฯ มุนิภาวโต มุนิฯ อนุสเย เฉตฺวาติ กามราคาทิเก อนุสเย อริยมคฺคสเตฺถน ฉินฺทิตฺวาฯ ติโณฺณติ สยํ สํสารมโหฆํ ติโณฺณ, เทสนาหเตฺถน อิมํ ปชํ สตฺตกายํ ตาเรสิฯ อุปธีติ ขนฺธูปธิอาทโย สเพฺพ อุปธีฯ อทุปาทาโนติ สพฺพโส ปหีนกามุปาทานาทิโกฯ เอวํ วตฺวา เถโร สปริโส สตฺถารํ อภิวนฺทตีติฯ

    Tattha tuvaṃ buddhoti tvameva imasmiṃ loke sabbaññubuddho. Diṭṭhadhammikādiatthena sattānaṃ anusāsanato tvameva satthā. Sabbesaṃ mārānaṃ abhibhavanato mārābhibhū. Munibhāvato muni. Anusayechetvāti kāmarāgādike anusaye ariyamaggasatthena chinditvā. Tiṇṇoti sayaṃ saṃsāramahoghaṃ tiṇṇo, desanāhatthena imaṃ pajaṃ sattakāyaṃ tāresi. Upadhīti khandhūpadhiādayo sabbe upadhī. Adupādānoti sabbaso pahīnakāmupādānādiko. Evaṃ vatvā thero sapariso satthāraṃ abhivandatīti.

    เสลเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Selattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๖. เสลเตฺถรคาถา • 6. Selattheragāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact