Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / จูฬวคฺค-อฎฺฐกถา • Cūḷavagga-aṭṭhakathā

    เสนาสนคฺคาหกถา

    Senāsanaggāhakathā

    ๓๑๘. เสยฺยาติ มญฺจฎฺฐานานิ วุจฺจนฺติฯ เสยฺยเคฺคนาติ เสยฺยาปริเจฺฉเทน, วสฺสูปนายิกทิวเส กาลํ โฆเสตฺวา เอกมญฺจฎฺฐานํ เอกสฺส ภิกฺขุโน คาเหตุํ อนุชานามีติ อโตฺถฯ เสยฺยเคฺคน คาเหนฺตาติ เสยฺยาปริเจฺฉเทน คาหิยมานาฯ เสยฺยา อุสฺสารยิํสูติ มญฺจฎฺฐานานิ อติเรกานิ อเหสุํฯ วิหารคฺคาทีสุปิ เอเสว นโยฯ อนุภาคนฺติ ปุน อปรมฺปิ ภาคํ ทาตุํฯ อติมเนฺทสุ หิ ภิกฺขูสุ เอเกกสฺส ภิกฺขุโน เทฺว ตีณิ ปริเวณานิ ทาตพฺพานิฯ น อกามา ทาตโพฺพติ อนิจฺฉาย น ทาตโพฺพฯ ตตฺถ วสฺสูปนายิกทิวเส คหิเต อนุภาเค ปจฺฉา อาคตานํ น อตฺตโน อรุจิยา โส อนุภาโค ทาตโพฺพฯ สเจ ปน เยน คหิโต, โส จ อตฺตโน รุจิยา ตํ อนุภาคํ วา ปฐมภาคํ วา เทติ, วฎฺฎติฯ

    318.Seyyāti mañcaṭṭhānāni vuccanti. Seyyaggenāti seyyāparicchedena, vassūpanāyikadivase kālaṃ ghosetvā ekamañcaṭṭhānaṃ ekassa bhikkhuno gāhetuṃ anujānāmīti attho. Seyyaggena gāhentāti seyyāparicchedena gāhiyamānā. Seyyā ussārayiṃsūti mañcaṭṭhānāni atirekāni ahesuṃ. Vihāraggādīsupi eseva nayo. Anubhāganti puna aparampi bhāgaṃ dātuṃ. Atimandesu hi bhikkhūsu ekekassa bhikkhuno dve tīṇi pariveṇāni dātabbāni. Na akāmā dātabboti anicchāya na dātabbo. Tattha vassūpanāyikadivase gahite anubhāge pacchā āgatānaṃ na attano aruciyā so anubhāgo dātabbo. Sace pana yena gahito, so ca attano ruciyā taṃ anubhāgaṃ vā paṭhamabhāgaṃ vā deti, vaṭṭati.

    นิสฺสีเม ฐิตสฺสาติ อุปจารสีมโต พหิ ฐิตสฺสฯ อโนฺต อุปจารสีมาย ปน ทูเร ฐิตสฺสาปิ ลพฺภติเยวฯ เสนาสนํ คเหตฺวาติ วสฺสูปนายิกทิวเส คเหตฺวาฯ สพฺพกาลํ ปฎิพาหนฺตีติ จตุมาสจฺจเยน อุตุกาเลปิ ปฎิพาหนฺติฯ ตีสุ เสนาสนคฺคาเหสุ ปุริมโก จ ปจฺฉิมโก จาติ อิเม เทฺว คาหา ถาวราฯ

    Nissīme ṭhitassāti upacārasīmato bahi ṭhitassa. Anto upacārasīmāya pana dūre ṭhitassāpi labbhatiyeva. Senāsanaṃ gahetvāti vassūpanāyikadivase gahetvā. Sabbakālaṃ paṭibāhantīti catumāsaccayena utukālepi paṭibāhanti. Tīsu senāsanaggāhesu purimako ca pacchimako cāti ime dve gāhā thāvarā.

    อนฺตรามุตฺตเก อยํ วินิจฺฉโย – เอกสฺมิํ วิหาเร มหาลาภเสนาสนํ โหติฯ เสนาสนสามิกา วสฺสูปคตํ ภิกฺขุํ สพฺพปจฺจเยหิ สกฺกจฺจํ อุปฎฺฐหิตฺวา ปวาเรตฺวา คมนกาเล พหุํ สมณปริกฺขารํ เทนฺติฯ มหาเถรา ทูรโตปิ อาคนฺตฺวา วสฺสูปนายิกทิวเส ตํ คเหตฺวา ผาสุํ วสิตฺวา วุตฺถวสฺสา ลาภํ คณฺหิตฺวา ปกฺกมนฺติฯ อาวาสิกา ‘‘มยํ เอตฺถุปฺปนฺนํ ลาภํ น ลภาม, นิจฺจํ อาคนฺตุกมหาเถราว ลภนฺติ, เตเยว นํ อาคนฺตฺวา ปฎิชคฺคิสฺสนฺตี’’ติ ปลุชฺชนฺตมฺปิ น โอโลเกนฺติฯ ภควา ตสฺส ปฎิชคฺคนตฺถํ ‘‘อปรชฺชุคตาย ปวารณาย อายติํ วสฺสาวาสตฺถาย อนฺตรามุตฺตโก คาเหตโพฺพ’’ติ อาหฯ

    Antarāmuttake ayaṃ vinicchayo – ekasmiṃ vihāre mahālābhasenāsanaṃ hoti. Senāsanasāmikā vassūpagataṃ bhikkhuṃ sabbapaccayehi sakkaccaṃ upaṭṭhahitvā pavāretvā gamanakāle bahuṃ samaṇaparikkhāraṃ denti. Mahātherā dūratopi āgantvā vassūpanāyikadivase taṃ gahetvā phāsuṃ vasitvā vutthavassā lābhaṃ gaṇhitvā pakkamanti. Āvāsikā ‘‘mayaṃ etthuppannaṃ lābhaṃ na labhāma, niccaṃ āgantukamahātherāva labhanti, teyeva naṃ āgantvā paṭijaggissantī’’ti palujjantampi na olokenti. Bhagavā tassa paṭijagganatthaṃ ‘‘aparajjugatāya pavāraṇāya āyatiṃ vassāvāsatthāya antarāmuttako gāhetabbo’’ti āha.

    ตํ คาเหเนฺตน สงฺฆเตฺถโร วตฺตโพฺพ – ‘‘ภเนฺต อนฺตรามุตฺตกเสนาสนํ คณฺหถา’’ติฯ สเจ คณฺหาติ, ทาตพฺพํ; โน เจ เอเตเนว อุปาเยน อนุเถรํ อาทิํ กตฺวา โย คณฺหาติ, ตสฺส อนฺตมโส สามเณรสฺสาปิ ทาตพฺพํฯ เตน ตํ เสนาสนํ อฎฺฐมาเส ปฎิชคฺคิตพฺพํฯ ฉทนภิตฺติภูมีสุ ยํ กิญฺจิ ขณฺฑํ วา ผุลฺลํ วา โหติ, ตํ สพฺพํ ปฎิสงฺขริตพฺพํฯ อุเทฺทสปริปุจฺฉาทีหิ ทิวสํ เขเปตฺวา รตฺติํ ตตฺถ วสิตุมฺปิ วฎฺฎติฯ รตฺติํ ปริเวเณ วสิตฺวา ตตฺถ ทิวสํ เขเปตุมฺปิ วฎฺฎติฯ รตฺตินฺทิวํ ตเตฺถว วสิตุมฺปิ วฎฺฎติฯ อุตุกาเล อาคตานํ วุฑฺฒานํ น ปฎิพาหิตพฺพํฯ วสฺสูปนายิกทิวเส ปน สมฺปเตฺต สเจ สงฺฆเตฺถโร ‘‘มยฺหํ อิทํ เสนาสนํ เทถา’’ติ วทติ, น ลภติฯ ‘‘ภเนฺต, อิทํ อนฺตรามุตฺตกํ คเหตฺวา อฎฺฐมาเส เอเกน ภิกฺขุนา ปฎิชคฺคิต’’นฺติ วตฺวา น ทาตพฺพํฯ อฎฺฐมาเส ปฎิชคฺคกภิกฺขุเสฺสว คหิตํ โหติฯ

    Taṃ gāhentena saṅghatthero vattabbo – ‘‘bhante antarāmuttakasenāsanaṃ gaṇhathā’’ti. Sace gaṇhāti, dātabbaṃ; no ce eteneva upāyena anutheraṃ ādiṃ katvā yo gaṇhāti, tassa antamaso sāmaṇerassāpi dātabbaṃ. Tena taṃ senāsanaṃ aṭṭhamāse paṭijaggitabbaṃ. Chadanabhittibhūmīsu yaṃ kiñci khaṇḍaṃ vā phullaṃ vā hoti, taṃ sabbaṃ paṭisaṅkharitabbaṃ. Uddesaparipucchādīhi divasaṃ khepetvā rattiṃ tattha vasitumpi vaṭṭati. Rattiṃ pariveṇe vasitvā tattha divasaṃ khepetumpi vaṭṭati. Rattindivaṃ tattheva vasitumpi vaṭṭati. Utukāle āgatānaṃ vuḍḍhānaṃ na paṭibāhitabbaṃ. Vassūpanāyikadivase pana sampatte sace saṅghatthero ‘‘mayhaṃ idaṃ senāsanaṃ dethā’’ti vadati, na labhati. ‘‘Bhante, idaṃ antarāmuttakaṃ gahetvā aṭṭhamāse ekena bhikkhunā paṭijaggita’’nti vatvā na dātabbaṃ. Aṭṭhamāse paṭijaggakabhikkhusseva gahitaṃ hoti.

    ยสฺมิํ ปน เสนาสเน เอกสํวจฺฉเร ทฺวิกฺขตฺตุํ ปจฺจเย เทนฺติ ฉมาสจฺจเยน ฉมาสจฺจเยน, ตํ อนฺตรามุตฺตกํ น คาเหตพฺพํฯ ยสฺมิํ วา ติกฺขตฺตุํ เทนฺติ จตุมาสจฺจเยน จตุมาสจฺจเยน, ยสฺมิํ วา จตุกฺขตฺตุํ เทนฺติ เตมาสจฺจเยน เตมาสจฺจเยน, ตํ อนฺตรามุตฺตกํ น คาเหตพฺพํฯ ปจฺจเยเนว หิ ตํ ปฎิชคฺคนํ ลภิสฺสติฯ ยสฺมิํ ปน เอกสํวจฺฉเร สกิเทว พหุปจฺจเย เทนฺติ, เอตํ อนฺตรามุตฺตกํ คาเหตพฺพนฺติฯ อยํ ตาว อโนฺตวเสฺส วสฺสูปนายิกทิวเสน ปาฬิยํ อาคตเสนาสนคฺคาหกถาฯ

    Yasmiṃ pana senāsane ekasaṃvacchare dvikkhattuṃ paccaye denti chamāsaccayena chamāsaccayena, taṃ antarāmuttakaṃ na gāhetabbaṃ. Yasmiṃ vā tikkhattuṃ denti catumāsaccayena catumāsaccayena, yasmiṃ vā catukkhattuṃ denti temāsaccayena temāsaccayena, taṃ antarāmuttakaṃ na gāhetabbaṃ. Paccayeneva hi taṃ paṭijagganaṃ labhissati. Yasmiṃ pana ekasaṃvacchare sakideva bahupaccaye denti, etaṃ antarāmuttakaṃ gāhetabbanti. Ayaṃ tāva antovasse vassūpanāyikadivasena pāḷiyaṃ āgatasenāsanaggāhakathā.

    อยํ ปน เสนาสนคฺคาโห นาม ทุวิโธ โหติ – อุตุกาเล จ วสฺสาวาเส จฯ ตตฺถ อุตุกาเล ตาว เกจิ อาคนฺตุกา ภิกฺขู ปุเรภตฺตํ อาคจฺฉนฺติ, เกจิ ปจฺฉาภตฺตํ ปฐมยามํ วา มชฺฌิมยามํ วา ปจฺฉิมยามํ วา เย ยทา อาคจฺฉนฺติ, เตสํ ตทาว ภิกฺขู อุฎฺฐาเปตฺวา เสนาสนํ ทาตพฺพํฯ อกาโล นาม นตฺถิฯ เสนาสนปญฺญาปเกน ปน ปณฺฑิเตน ภวิตพฺพํ, เอกํ วา เทฺว วา มญฺจฎฺฐานานิ ฐเปตพฺพานิฯ สเจ วิกาเล เอโก วา เทฺว วา เถรา อาคจฺฉนฺติ, เต วตฺตพฺพา – ‘‘ภเนฺต, อาทิโต ปฎฺฐาย วุฎฺฐาปิยมาเน สเพฺพปิ ภิกฺขู อุพฺภณฺฑิกา ภวิสฺสนฺติ, ตุเมฺห อมฺหากํ วสนฎฺฐาเนเยว วสถา’’ติฯ

    Ayaṃ pana senāsanaggāho nāma duvidho hoti – utukāle ca vassāvāse ca. Tattha utukāle tāva keci āgantukā bhikkhū purebhattaṃ āgacchanti, keci pacchābhattaṃ paṭhamayāmaṃ vā majjhimayāmaṃ vā pacchimayāmaṃ vā ye yadā āgacchanti, tesaṃ tadāva bhikkhū uṭṭhāpetvā senāsanaṃ dātabbaṃ. Akālo nāma natthi. Senāsanapaññāpakena pana paṇḍitena bhavitabbaṃ, ekaṃ vā dve vā mañcaṭṭhānāni ṭhapetabbāni. Sace vikāle eko vā dve vā therā āgacchanti, te vattabbā – ‘‘bhante, ādito paṭṭhāya vuṭṭhāpiyamāne sabbepi bhikkhū ubbhaṇḍikā bhavissanti, tumhe amhākaṃ vasanaṭṭhāneyeva vasathā’’ti.

    พหูสุ ปน อาคเตสุ วุฎฺฐาเปตฺวา ปฎิปาฎิยา ทาตพฺพํฯ สเจ เอเกกํ ปริเวณํ ปโหติ, เอเกกํ ปริเวณํ ทาตพฺพํฯ ตตฺถ อคฺคิสาลทีฆสาลมณฺฑลมาลาทโย สเพฺพปิ ตเสฺสว ปาปุณนฺติ ฯ เอวํ อปฺปโหเนฺต ปาสาทเคฺคน ทาตพฺพํฯ ปาสาเทสุ อปฺปโหเนฺตสุ โอวรกเคฺคน ทาตพฺพํฯ โอวรเกสุ อปฺปโหเนฺตสุ เสยฺยเคฺคน ทาตพฺพํฯ เสยฺยเคฺคสุ อปฺปโหเนฺตสุ มญฺจฎฺฐาเนน ทาตพฺพํฯ มญฺจฎฺฐาเน อปฺปโหเนฺต เอกปีฐกฎฺฐานวเสน ทาตพฺพํฯ ภิกฺขุโน ปน ฐิโตกาสมตฺตํ น คาเหตพฺพํฯ เอตญฺหิ เสนาสนํ นาม น โหติฯ ปีฐกฎฺฐาเน ปน อปฺปโหเนฺต เอกํ มญฺจฎฺฐานํ วา ปีฐกฎฺฐานํ วา วาเรน วาเรน คเหตฺวา ‘‘ภเนฺต, วิสฺสมถา’’ติ ติณฺณํ ชนานํ ทาตพฺพํ, น หิ สกฺกา สีตสมเย สพฺพรตฺติํ อโชฺฌกาเส วสิตุํฯ มหาเถเรน ปฐมยามํ วิสฺสมิตฺวา นิกฺขมิตฺวา ทุติยเตฺถรสฺส วตฺตพฺพํ – ‘‘อาวุโส, อิธ ปวิสาหี’’ติฯ สเจ มหาเถโร นิทฺทาครุโก โหติ, กาลํ น ชานาติ, อุกฺกาสิตฺวา ทฺวารํ อาโกเฎตฺวา ‘‘ภเนฺต, กาโล ชาโต, สีตํ อนุทหตี’’ติ วตฺตพฺพํฯ เตน นิกฺขมิตฺวา โอกาโส ทาตโพฺพ, อทาตุํ น ลภติฯ ทุติยเตฺถเรนปิ มชฺฌิมยามํ วิสฺสมิตฺวา ปุริมนเยเนว อิตรสฺส ทาตพฺพํฯ นิทฺทาครุโก วุตฺตนเยเนว วุฎฺฐาเปตโพฺพฯ เอวํ เอกรตฺติํ เอกมญฺจฎฺฐานํ ติณฺณํ ทาตพฺพํฯ ชมฺพุทีเป ปน เอกเจฺจ ภิกฺขู ‘‘เสนาสนํ นาม มญฺจฎฺฐานํ วา ปีฐฎฺฐานํ วา กิญฺจิเทว กสฺสจิ สปฺปายํ โหติ, กสฺสจิ อสปฺปาย’’นฺติ อาคนฺตุกา โหนฺตุ วา มา วา, เทวสิกํ เสนาสนํ คาเหนฺติฯ อยํ อุตุกาเล เสนาสนคฺคาโห นามฯ

    Bahūsu pana āgatesu vuṭṭhāpetvā paṭipāṭiyā dātabbaṃ. Sace ekekaṃ pariveṇaṃ pahoti, ekekaṃ pariveṇaṃ dātabbaṃ. Tattha aggisāladīghasālamaṇḍalamālādayo sabbepi tasseva pāpuṇanti . Evaṃ appahonte pāsādaggena dātabbaṃ. Pāsādesu appahontesu ovarakaggena dātabbaṃ. Ovarakesu appahontesu seyyaggena dātabbaṃ. Seyyaggesu appahontesu mañcaṭṭhānena dātabbaṃ. Mañcaṭṭhāne appahonte ekapīṭhakaṭṭhānavasena dātabbaṃ. Bhikkhuno pana ṭhitokāsamattaṃ na gāhetabbaṃ. Etañhi senāsanaṃ nāma na hoti. Pīṭhakaṭṭhāne pana appahonte ekaṃ mañcaṭṭhānaṃ vā pīṭhakaṭṭhānaṃ vā vārena vārena gahetvā ‘‘bhante, vissamathā’’ti tiṇṇaṃ janānaṃ dātabbaṃ, na hi sakkā sītasamaye sabbarattiṃ ajjhokāse vasituṃ. Mahātherena paṭhamayāmaṃ vissamitvā nikkhamitvā dutiyattherassa vattabbaṃ – ‘‘āvuso, idha pavisāhī’’ti. Sace mahāthero niddāgaruko hoti, kālaṃ na jānāti, ukkāsitvā dvāraṃ ākoṭetvā ‘‘bhante, kālo jāto, sītaṃ anudahatī’’ti vattabbaṃ. Tena nikkhamitvā okāso dātabbo, adātuṃ na labhati. Dutiyattherenapi majjhimayāmaṃ vissamitvā purimanayeneva itarassa dātabbaṃ. Niddāgaruko vuttanayeneva vuṭṭhāpetabbo. Evaṃ ekarattiṃ ekamañcaṭṭhānaṃ tiṇṇaṃ dātabbaṃ. Jambudīpe pana ekacce bhikkhū ‘‘senāsanaṃ nāma mañcaṭṭhānaṃ vā pīṭhaṭṭhānaṃ vā kiñcideva kassaci sappāyaṃ hoti, kassaci asappāya’’nti āgantukā hontu vā mā vā, devasikaṃ senāsanaṃ gāhenti. Ayaṃ utukāle senāsanaggāho nāma.

    วสฺสาวาเส ปน อตฺถิ อาคนฺตุกวตฺตํ, อตฺถิ อาวาสิกวตฺตํ, อาคนฺตุเกน ตาว สกฎฺฐานํ มุญฺจิตฺวา อญฺญตฺถ คนฺตฺวา วสิตุกาเมน วสฺสูปนายิกทิวสเมว ตตฺถ น คนฺตพฺพํฯ วสนฎฺฐานํ วา หิ ตตฺร สมฺพาธํ ภเวยฺย, ภิกฺขาจาโร วา น สมฺปเชฺชยฺย, เตน น ผาสุํ วิหเรยฺยฯ ตสฺมา ‘‘อิทานิ มาสมเตฺตน วสฺสูปนายิกา ภวิสฺสตี’’ติ ตํ วิหารํ ปวิสิตพฺพํฯ ตตฺถ มาสมตฺตํ วสโนฺต สเจ อุเทฺทสตฺถิโก อุเทฺทสสมฺปตฺติํ สลฺลเกฺขตฺวา, สเจ กมฺมฎฺฐานิโก กมฺมฎฺฐานสปฺปายตํ สลฺลเกฺขตฺวา, สเจ ปจฺจยตฺถิโก ปจฺจยลาภํ สลฺลเกฺขตฺวา อโนฺตวเสฺส สุขํ วสิสฺสติฯ

    Vassāvāse pana atthi āgantukavattaṃ, atthi āvāsikavattaṃ, āgantukena tāva sakaṭṭhānaṃ muñcitvā aññattha gantvā vasitukāmena vassūpanāyikadivasameva tattha na gantabbaṃ. Vasanaṭṭhānaṃ vā hi tatra sambādhaṃ bhaveyya, bhikkhācāro vā na sampajjeyya, tena na phāsuṃ vihareyya. Tasmā ‘‘idāni māsamattena vassūpanāyikā bhavissatī’’ti taṃ vihāraṃ pavisitabbaṃ. Tattha māsamattaṃ vasanto sace uddesatthiko uddesasampattiṃ sallakkhetvā, sace kammaṭṭhāniko kammaṭṭhānasappāyataṃ sallakkhetvā, sace paccayatthiko paccayalābhaṃ sallakkhetvā antovasse sukhaṃ vasissati.

    สกฎฺฐานโต จ ตตฺถ คจฺฉเนฺตน น โคจรคาโม ฆเฎฺฎตโพฺพ, น ตตฺถ มนุสฺสา วตฺตพฺพา – ‘‘ตุเมฺห นิสฺสาย สลากภตฺตาทีนิ วา ยาคุขชฺชกาทีนิ วา วสฺสาวาสิกํ วา นตฺถิ, อยํ เจติยสฺส ปริกฺขาโร, อยํ อุโปสถาคารสฺส, อิทํ ตาฬเญฺจว สูจิ จ สมฺปฎิจฺฉถ ตุมฺหากํ วิหาร’’นฺติฯ เสนาสนํ ปน ชคฺคิตฺวา ทารุภณฺฑมตฺติกาภณฺฑานิ ปฎิสาเมตฺวา คมิยวตฺตํ ปูเรตฺวา คนฺตพฺพํฯ เอวํ คจฺฉเนฺตนาปิ ทหเรหิ ปตฺตจีวรภณฺฑิกาโย อุกฺขิปาเปตฺวา เตลนาฬิกตฺตรทณฺฑาทีนิ คาหาเปตฺวา ฉตฺตํ ปคฺคยฺห อตฺตานํ ทเสฺสเนฺตน คามทฺวาเรเนว น คนฺตพฺพํ, ปฎิจฺฉเนฺนน อฎวิมเคฺคน คนฺตพฺพํฯ อฎวิมเคฺค อสติ คุมฺพาทีนิ มทฺทเนฺตน น คนฺตพฺพํ, คมิยวตฺตํ ปน ปูเรตฺวา วิตกฺกํ ฉินฺทิตฺวา สุทฺธจิเตฺตน คมนวเตฺตเนว คนฺตพฺพํฯ สเจ ปน คามทฺวาเรน มโคฺค โหติ, คจฺฉนฺตญฺจ นํ สปริวารํ ทิสฺวา มนุสฺสา ‘‘อมฺหากํ เถโร วิยา’’ติ อุปธาวิตฺวา ‘‘กุหิํ, ภเนฺต, สพฺพปริกฺขาเร คเหตฺวา คจฺฉถา’’ติ วทนฺติ, เตสุ เจ เอโก เอวํ วทติ – ‘‘วสฺสูปนายิกกาโล นามายํ, ยตฺถ อโนฺตวเสฺส นิพทฺธภิกฺขาจาโร ภณฺฑปฎิจฺฉาทนญฺจ ลพฺภติ, ตตฺถ ภิกฺขู คจฺฉนฺตี’’ติฯ ตสฺส เจ สุตฺวา เต มนุสฺสา ‘‘ภเนฺต, อิมสฺมิมฺปิ คาเม ชโน ภุญฺชติ เจว นิวาเสติ จ, มา อญฺญตฺถ คจฺฉถา’’ติ วตฺวา มิตฺตามเจฺจ ปโกฺกสาเปตฺวา สเพฺพ สมฺมนฺตยิตฺวา วิหาเร นิพทฺธวตฺตญฺจ สลากภตฺตาทีนิ จ วสฺสาวาสิกญฺจ ปฎฺฐเปตฺวา ‘‘อิเธว ภเนฺต วสถา’’ติ ยาจนฺติ, สพฺพํ สาทิตุํ วฎฺฎติฯ สพฺพเญฺหตํ กปฺปิยเญฺจว อนวชฺชญฺจฯ กุรุนฺทิยํ ปน ‘‘‘กุหิํ คจฺฉถา’ติ วุเตฺต ‘อสุกฎฺฐาน’นฺติ วตฺวา, ‘กสฺมา ตตฺถ คจฺฉถา’ติ วุเตฺต ‘การณํ อาจิกฺขิตพฺพ’’’นฺติ วุตฺตํฯ อุภยมฺปิ ปเนตฺถ สุทฺธจิตฺตตฺตาว อนวชฺชํฯ อิทํ อาคนฺตุกวตฺตํ นามฯ

    Sakaṭṭhānato ca tattha gacchantena na gocaragāmo ghaṭṭetabbo, na tattha manussā vattabbā – ‘‘tumhe nissāya salākabhattādīni vā yāgukhajjakādīni vā vassāvāsikaṃ vā natthi, ayaṃ cetiyassa parikkhāro, ayaṃ uposathāgārassa, idaṃ tāḷañceva sūci ca sampaṭicchatha tumhākaṃ vihāra’’nti. Senāsanaṃ pana jaggitvā dārubhaṇḍamattikābhaṇḍāni paṭisāmetvā gamiyavattaṃ pūretvā gantabbaṃ. Evaṃ gacchantenāpi daharehi pattacīvarabhaṇḍikāyo ukkhipāpetvā telanāḷikattaradaṇḍādīni gāhāpetvā chattaṃ paggayha attānaṃ dassentena gāmadvāreneva na gantabbaṃ, paṭicchannena aṭavimaggena gantabbaṃ. Aṭavimagge asati gumbādīni maddantena na gantabbaṃ, gamiyavattaṃ pana pūretvā vitakkaṃ chinditvā suddhacittena gamanavatteneva gantabbaṃ. Sace pana gāmadvārena maggo hoti, gacchantañca naṃ saparivāraṃ disvā manussā ‘‘amhākaṃ thero viyā’’ti upadhāvitvā ‘‘kuhiṃ, bhante, sabbaparikkhāre gahetvā gacchathā’’ti vadanti, tesu ce eko evaṃ vadati – ‘‘vassūpanāyikakālo nāmāyaṃ, yattha antovasse nibaddhabhikkhācāro bhaṇḍapaṭicchādanañca labbhati, tattha bhikkhū gacchantī’’ti. Tassa ce sutvā te manussā ‘‘bhante, imasmimpi gāme jano bhuñjati ceva nivāseti ca, mā aññattha gacchathā’’ti vatvā mittāmacce pakkosāpetvā sabbe sammantayitvā vihāre nibaddhavattañca salākabhattādīni ca vassāvāsikañca paṭṭhapetvā ‘‘idheva bhante vasathā’’ti yācanti, sabbaṃ sādituṃ vaṭṭati. Sabbañhetaṃ kappiyañceva anavajjañca. Kurundiyaṃ pana ‘‘‘kuhiṃ gacchathā’ti vutte ‘asukaṭṭhāna’nti vatvā, ‘kasmā tattha gacchathā’ti vutte ‘kāraṇaṃ ācikkhitabba’’’nti vuttaṃ. Ubhayampi panettha suddhacittattāva anavajjaṃ. Idaṃ āgantukavattaṃ nāma.

    อิทํ ปน อาวาสิกวตฺตํ – ปฎิกเจฺจว หิ อาวาสิเกหิ วิหาโร ชคฺคิตโพฺพฯ ขณฺฑผุลฺลปฎิสงฺขรณปริภณฺฑานิ กาตพฺพานิฯ รตฺติฎฺฐานทิวาฎฺฐานวจฺจกุฎิปสฺสาวฎฺฐานานิ ปธานฆรวิหารมโคฺคติ อิมานิ สพฺพานิ ปฎิชคฺคิตพฺพานิ, เจติเย สุธากมฺมํ มุทฺทเวทิกาย เตลมกฺขนํ มญฺจปีฐปฎิชคฺคนนฺติ อิทมฺปิ สพฺพํ กาตพฺพํ – ‘‘วสฺสํ วสิตุกามา อาคนฺตฺวา อุเทฺทสปริปุจฺฉากมฺมฎฺฐานานุโยคาทีนิ กโรนฺตา สุขํ วสิสฺสนฺตี’’ติฯ กตปริกเมฺมหิ อาสาฬฺหีชุณฺหปญฺจมิโต ปฎฺฐาย วสฺสาวาสิกํ ปุจฺฉิตพฺพํฯ กตฺถ ปุจฺฉิตพฺพํ? ยโต ปกติยา ลพฺภติฯ เยหิ ปน น ทินฺนปุพฺพํ, เต ปุจฺฉิตุํ น วฎฺฎติฯ กสฺมา ปุจฺฉิตพฺพํ? กทาจิ หิ มนุสฺสา เทนฺติ, กทาจิ ทุพฺภิกฺขาทีหิ อุปทฺทุตา น เทนฺติฯ ตตฺถ เย น ทสฺสนฺติ, เต อปุจฺฉิตฺวา วสฺสาวาสิเก คาหิเต คาหิตภิกฺขูนํ ลาภนฺตราโย โหติ, ตสฺมา ปุจฺฉิตฺวาว คาเหตพฺพํ, ปุจฺฉเนฺตน ‘‘ตุมฺหากํ วสฺสาวาสิกคฺคาหกกาโล อุปกโฎฺฐ’’ติ วตฺตพฺพํฯ สเจ วทนฺติ ‘‘ภเนฺต, อิมํ สํวจฺฉรํ ฉาตกาทีหิ อุปทฺทุตมฺห, น สโกฺกม ทาตุ’’นฺติ วา ‘‘ยํ มยํ ปุเพฺพ เทม, ตโต อูนตรํ ทสฺสามา’’ติ วา ‘‘อิทานิ กปฺปาโส สุลโภ, ยํ ปุเพฺพ เทม, ตโต พหุตรํ ทสฺสามา’’ติ วา วทนฺติ, ตํ สลฺลเกฺขตฺวา ตทนุรูเปน นเยน เตสํ เตสํ เสนาสเน ภิกฺขูนํ วสฺสาวาสิกํ คาเหตพฺพํฯ

    Idaṃ pana āvāsikavattaṃ – paṭikacceva hi āvāsikehi vihāro jaggitabbo. Khaṇḍaphullapaṭisaṅkharaṇaparibhaṇḍāni kātabbāni. Rattiṭṭhānadivāṭṭhānavaccakuṭipassāvaṭṭhānāni padhānagharavihāramaggoti imāni sabbāni paṭijaggitabbāni, cetiye sudhākammaṃ muddavedikāya telamakkhanaṃ mañcapīṭhapaṭijaggananti idampi sabbaṃ kātabbaṃ – ‘‘vassaṃ vasitukāmā āgantvā uddesaparipucchākammaṭṭhānānuyogādīni karontā sukhaṃ vasissantī’’ti. Kataparikammehi āsāḷhījuṇhapañcamito paṭṭhāya vassāvāsikaṃ pucchitabbaṃ. Kattha pucchitabbaṃ? Yato pakatiyā labbhati. Yehi pana na dinnapubbaṃ, te pucchituṃ na vaṭṭati. Kasmā pucchitabbaṃ? Kadāci hi manussā denti, kadāci dubbhikkhādīhi upaddutā na denti. Tattha ye na dassanti, te apucchitvā vassāvāsike gāhite gāhitabhikkhūnaṃ lābhantarāyo hoti, tasmā pucchitvāva gāhetabbaṃ, pucchantena ‘‘tumhākaṃ vassāvāsikaggāhakakālo upakaṭṭho’’ti vattabbaṃ. Sace vadanti ‘‘bhante, imaṃ saṃvaccharaṃ chātakādīhi upaddutamha, na sakkoma dātu’’nti vā ‘‘yaṃ mayaṃ pubbe dema, tato ūnataraṃ dassāmā’’ti vā ‘‘idāni kappāso sulabho, yaṃ pubbe dema, tato bahutaraṃ dassāmā’’ti vā vadanti, taṃ sallakkhetvā tadanurūpena nayena tesaṃ tesaṃ senāsane bhikkhūnaṃ vassāvāsikaṃ gāhetabbaṃ.

    สเจ มนุสฺสา วทนฺติ – ‘‘ยสฺส อมฺหากํ วสฺสาวาสิกํ ปาปุณาติ, โส เตมาสํ ปานียํ อุปฎฺฐาเปตุ, วิหารมคฺคํ ชคฺคตุ, เจติยงฺคณโพธิยงฺคณานิ ชคฺคตุ, โพธิรุเกฺข อุทกํ อาสิญฺจตู’’ติ, ยสฺส ตํ ปาปุณาติ, ตสฺส อาจิกฺขิตพฺพํฯ โย ปน คาโม ปฎิกฺกมฺม โยชนทฺวิโยชนนฺตเร โหติ, ตตฺร เจ กุลานิ อุปนิเกฺขปํ ฐเปตฺวา วิหาเร วสฺสาวาสิกํ เทนฺติเยว, ตานิ กุลานิ อปุจฺฉิตฺวาปิ เตสํ เสนาสเน วตฺตํ กตฺวา วสนฺตสฺส วสฺสาวาสิกํ คาเหตพฺพํฯ สเจ ปน เตสํ เสนาสเน ปํสุกูลิโก วสติ, อาคตญฺจ ตํ ทิสฺวา ‘‘ตุมฺหากํ วสฺสาวาสิกํ เทมา’’ติ วทนฺติ, เตน สงฺฆสฺส อาจิกฺขิตพฺพํฯ สเจ ตานิ กุลานิ สงฺฆสฺส ทาตุํ น อิจฺฉนฺติ, ‘‘ตุมฺหากํเยว เทมา’’ติ วทนฺติ, สภาโค ภิกฺขุ ‘‘วตฺตํ กตฺวา คณฺหาหี’’ติ วตฺตโพฺพฯ ปํสุกูลิกสฺส ปเนตํ น วฎฺฎติ, อิติ สทฺธาเทเยฺย ทายกมนุสฺสา ปุจฺฉิตพฺพาฯ

    Sace manussā vadanti – ‘‘yassa amhākaṃ vassāvāsikaṃ pāpuṇāti, so temāsaṃ pānīyaṃ upaṭṭhāpetu, vihāramaggaṃ jaggatu, cetiyaṅgaṇabodhiyaṅgaṇāni jaggatu, bodhirukkhe udakaṃ āsiñcatū’’ti, yassa taṃ pāpuṇāti, tassa ācikkhitabbaṃ. Yo pana gāmo paṭikkamma yojanadviyojanantare hoti, tatra ce kulāni upanikkhepaṃ ṭhapetvā vihāre vassāvāsikaṃ dentiyeva, tāni kulāni apucchitvāpi tesaṃ senāsane vattaṃ katvā vasantassa vassāvāsikaṃ gāhetabbaṃ. Sace pana tesaṃ senāsane paṃsukūliko vasati, āgatañca taṃ disvā ‘‘tumhākaṃ vassāvāsikaṃ demā’’ti vadanti, tena saṅghassa ācikkhitabbaṃ. Sace tāni kulāni saṅghassa dātuṃ na icchanti, ‘‘tumhākaṃyeva demā’’ti vadanti, sabhāgo bhikkhu ‘‘vattaṃ katvā gaṇhāhī’’ti vattabbo. Paṃsukūlikassa panetaṃ na vaṭṭati, iti saddhādeyye dāyakamanussā pucchitabbā.

    ตตฺรุปฺปาเท ปน กปฺปิยการกา ปุจฺฉิตพฺพาฯ กถํ ปุจฺฉิตพฺพา? ‘‘กิํ, อาวุโส, สงฺฆสฺส ภณฺฑปฎิจฺฉาทนํ ภวิสฺสตี’’ติฯ สเจ วทนฺติ – ‘‘ภวิสฺสติ, ภเนฺต, เอเกกสฺส นวหตฺถํ สาฎกํ ทสฺสาม, วสฺสาวาสิกํ คาเหถา’’ติ, คาเหตพฺพํฯ สเจปิ วทนฺติ – ‘‘สาฎกํ นตฺถิ; วตฺถุ ปน อตฺถิ, คาเหถ, ภเนฺต’’ติ, วตฺถุมฺหิ สเนฺตปิ คาเหตุํ วฎฺฎติเยวฯ กปฺปิยการกานญฺหิ หเตฺถ ‘‘กปฺปิยภณฺฑํ ปริภุญฺชถา’’ติ ทินฺนวตฺถุโต ยํ ยํ กปฺปํ, ตํ ตํ สพฺพํ ปริภุญฺชิตุํ อนุญฺญาตํฯ

    Tatruppāde pana kappiyakārakā pucchitabbā. Kathaṃ pucchitabbā? ‘‘Kiṃ, āvuso, saṅghassa bhaṇḍapaṭicchādanaṃ bhavissatī’’ti. Sace vadanti – ‘‘bhavissati, bhante, ekekassa navahatthaṃ sāṭakaṃ dassāma, vassāvāsikaṃ gāhethā’’ti, gāhetabbaṃ. Sacepi vadanti – ‘‘sāṭakaṃ natthi; vatthu pana atthi, gāhetha, bhante’’ti, vatthumhi santepi gāhetuṃ vaṭṭatiyeva. Kappiyakārakānañhi hatthe ‘‘kappiyabhaṇḍaṃ paribhuñjathā’’ti dinnavatthuto yaṃ yaṃ kappaṃ, taṃ taṃ sabbaṃ paribhuñjituṃ anuññātaṃ.

    ยํ ปเนตฺถ ปิณฺฑปาตตฺถาย คิลานปจฺจยตฺถาย วา อุทฺทิสฺส ทินฺนํ, ตํ จีวเร อุปนาเมเนฺตหิ สงฺฆสุฎฺฐุตาย อปโลเกตฺวา อุปนาเมตพฺพํฯ เสนาสนตฺถาย อุทฺทิสฺส ทินฺนํ ครุภณฺฑํ โหติ, จีวรวเสเนว จตุปจฺจยวเสน วา ทินฺนํ จีวเร อุปนาเมนฺตานํ อปโลกนกมฺมกิจฺจํ นตฺถิ, อปโลกนกมฺมํ กโรเนฺตหิ จ ปุคฺคลวเสเนว กาตพฺพํ, สงฺฆวเสน น กาตพฺพํฯ ชาตรูปรชตวเสนาปิ อามกธญฺญวเสน วา อปโลกนกมฺมํ น วฎฺฎติฯ กปฺปิยภณฺฑวเสน จีวรตณฺฑุลาทิวเสเนว จ วฎฺฎติฯ ตํ ปน เอวํ กตฺตพฺพํ – ‘‘อิทานิ สุภิกฺขํ สุลภปิณฺฑํ, ภิกฺขู จีวเรน กิลมนฺติ, เอตฺตกํ นาม ตณฺฑุลภาคํ ภิกฺขูนํ จีวรํ กาตุํ รุจฺจตี’’ติฯ ‘‘คิลานปจฺจโย สุลโภ คิลาโน วา นตฺถิ, เอตฺตกํ นาม ตณฺฑุลภาคํ ภิกฺขูนํ จีวรํ กาตุํ รุจฺจตี’’ติฯ

    Yaṃ panettha piṇḍapātatthāya gilānapaccayatthāya vā uddissa dinnaṃ, taṃ cīvare upanāmentehi saṅghasuṭṭhutāya apaloketvā upanāmetabbaṃ. Senāsanatthāya uddissa dinnaṃ garubhaṇḍaṃ hoti, cīvaravaseneva catupaccayavasena vā dinnaṃ cīvare upanāmentānaṃ apalokanakammakiccaṃ natthi, apalokanakammaṃ karontehi ca puggalavaseneva kātabbaṃ, saṅghavasena na kātabbaṃ. Jātarūparajatavasenāpi āmakadhaññavasena vā apalokanakammaṃ na vaṭṭati. Kappiyabhaṇḍavasena cīvarataṇḍulādivaseneva ca vaṭṭati. Taṃ pana evaṃ kattabbaṃ – ‘‘idāni subhikkhaṃ sulabhapiṇḍaṃ, bhikkhū cīvarena kilamanti, ettakaṃ nāma taṇḍulabhāgaṃ bhikkhūnaṃ cīvaraṃ kātuṃ ruccatī’’ti. ‘‘Gilānapaccayo sulabho gilāno vā natthi, ettakaṃ nāma taṇḍulabhāgaṃ bhikkhūnaṃ cīvaraṃ kātuṃ ruccatī’’ti.

    เอวํ จีวรปจฺจยํ สลฺลเกฺขตฺวา เสนาสนสฺส กาเล โฆสิเต สนฺนิปติเต สเงฺฆ เสนาสนคฺคาหโก สมฺมนฺนิตโพฺพฯ สมฺมนฺนเนฺตน จ เทฺว สมฺมนฺนิตพฺพาติ วุตฺตํฯ เอวญฺหิ นวโก วุฑฺฒตรสฺส, วุโฑฺฒ จ นวกสฺส คาเหสฺสติฯ มหเนฺต ปน มหาวิหารสทิเส วิหาเร ตโย จตฺตาโร ชนา สมฺมนฺนิตพฺพาฯ กุรุนฺทิยํ ปน ‘‘อฎฺฐปิ โสฬสปิ ชเน สมฺมนฺนิตุํ วฎฺฎตี’’ติ วุตฺตํฯ เตสํ สมฺมุติ กมฺมวาจายปิ อปโลกเนนปิ วฎฺฎติเยวฯ

    Evaṃ cīvarapaccayaṃ sallakkhetvā senāsanassa kāle ghosite sannipatite saṅghe senāsanaggāhako sammannitabbo. Sammannantena ca dve sammannitabbāti vuttaṃ. Evañhi navako vuḍḍhatarassa, vuḍḍho ca navakassa gāhessati. Mahante pana mahāvihārasadise vihāre tayo cattāro janā sammannitabbā. Kurundiyaṃ pana ‘‘aṭṭhapi soḷasapi jane sammannituṃ vaṭṭatī’’ti vuttaṃ. Tesaṃ sammuti kammavācāyapi apalokanenapi vaṭṭatiyeva.

    เตหิ สมฺมเตหิ ภิกฺขูหิ เสนาสนํ สลฺลเกฺขตพฺพํ, เจติยฆรํ โพธิฆรํ อาสนฆรํ สมฺมุญฺชนิอโฎฺฎ ทารุอโฎฺฎ วจฺจกุฎิ อิฎฺฐกสาลา วฑฺฒกิสาลา ทฺวารโกฎฺฐโก ปานียมาโฬ มโคฺค โปกฺขรณีติ เอตานิ หิ อเสนาสนานิ, วิหาโร อฑฺฒโยโค ปาสาโท หมฺมิยํ คุหา มณฺฑโป รุกฺขมูลํ เวฬุคุโมฺพติ อิมานิ เสนาสนานิ, ตานิ คาเหตพฺพานิฯ คาเหเนฺตน จ ‘‘ปฐมํ ภิกฺขู คเณตุํ, ภิกฺขู คเณตฺวา เสยฺยา คเณตุ’’นฺติ เอตฺถ วุตฺตนเยน คาเหตพฺพานิฯ สเจ สงฺฆิโก จ สทฺธาเทโยฺย จาติ เทฺว จีวรปจฺจยา โหนฺติ, เตสุ ยํ ภิกฺขู ปฐมํ คณฺหิตุํ อิจฺฉนฺติ, ตํ คาเหตฺวา ตสฺส ฐิติกโต ปฎฺฐาย อิตโร คาเหตโพฺพฯ

    Tehi sammatehi bhikkhūhi senāsanaṃ sallakkhetabbaṃ, cetiyagharaṃ bodhigharaṃ āsanagharaṃ sammuñjaniaṭṭo dāruaṭṭo vaccakuṭi iṭṭhakasālā vaḍḍhakisālā dvārakoṭṭhako pānīyamāḷo maggo pokkharaṇīti etāni hi asenāsanāni, vihāro aḍḍhayogo pāsādo hammiyaṃ guhā maṇḍapo rukkhamūlaṃ veḷugumboti imāni senāsanāni, tāni gāhetabbāni. Gāhentena ca ‘‘paṭhamaṃ bhikkhū gaṇetuṃ, bhikkhū gaṇetvā seyyā gaṇetu’’nti ettha vuttanayena gāhetabbāni. Sace saṅghiko ca saddhādeyyo cāti dve cīvarapaccayā honti, tesu yaṃ bhikkhū paṭhamaṃ gaṇhituṃ icchanti, taṃ gāhetvā tassa ṭhitikato paṭṭhāya itaro gāhetabbo.

    สเจ ปน ภิกฺขูนํ อปฺปตาย ปริเวณเคฺคน เสนาสเน คาหิยมาเน เอกํ ปริเวณํ มหาลาภํ โหติ, ทส วา ทฺวาทส วา จีวรานิ ลภนฺติ, ตํ วิชเฎตฺวา อเญฺญสุ อลาภเกสุ อาวาเสสุ ปกฺขิปิตฺวา อเญฺญสมฺปิ ภิกฺขูนํ คาเหตพฺพนฺติ มหาสุมเตฺถโร อาหฯ มหาปทุมเตฺถโร ปนาห – ‘‘น เอวํ กาตพฺพํ, มนุสฺสา หิ อตฺตโน อาวาสชคฺคนตฺถาย ปจฺจยํ เทนฺติ, ตสฺมา อเญฺญหิ ภิกฺขูหิ ตตฺถ ปวิสิตพฺพ’’นฺติฯ สเจ ปเนตฺถ มหาเถโร ปฎิโกฺกสติ – ‘‘มาวุโส, เอวํ คาเหถ, ภควโต อนุสิฎฺฐิํ กโรถ, วุตฺตเญฺหตํ ภควตา – ‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปริเวณเคฺคน คาเหตุ’’’นฺติ ตสฺส ปฎิโกฺกสนาย อฎฺฐตฺวา ‘‘ภเนฺต ภิกฺขู พหู, ปจฺจโย มโนฺท, สงฺคหํ กาตุํ วฎฺฎตี’’ติ ตํ สญฺญาเปตฺวา คาเหตพฺพเมวฯ

    Sace pana bhikkhūnaṃ appatāya pariveṇaggena senāsane gāhiyamāne ekaṃ pariveṇaṃ mahālābhaṃ hoti, dasa vā dvādasa vā cīvarāni labhanti, taṃ vijaṭetvā aññesu alābhakesu āvāsesu pakkhipitvā aññesampi bhikkhūnaṃ gāhetabbanti mahāsumatthero āha. Mahāpadumatthero panāha – ‘‘na evaṃ kātabbaṃ, manussā hi attano āvāsajagganatthāya paccayaṃ denti, tasmā aññehi bhikkhūhi tattha pavisitabba’’nti. Sace panettha mahāthero paṭikkosati – ‘‘māvuso, evaṃ gāhetha, bhagavato anusiṭṭhiṃ karotha, vuttañhetaṃ bhagavatā – ‘anujānāmi, bhikkhave, pariveṇaggena gāhetu’’’nti tassa paṭikkosanāya aṭṭhatvā ‘‘bhante bhikkhū bahū, paccayo mando, saṅgahaṃ kātuṃ vaṭṭatī’’ti taṃ saññāpetvā gāhetabbameva.

    คาเหเนฺตน จ สมฺมเตน ภิกฺขุนา มหาเถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา เอวํ วตฺตพฺพํ – ‘‘ภเนฺต, ตุมฺหากํ เสนาสนํ ปาปุณาติ, คณฺหถ ปจฺจยํ ธาเรถา’’ติฯ ‘‘อสุกกุลสฺส ปจฺจโย อสุกเสนาสนญฺจ มยฺหํ ปาปุณาติ, อาวุโส’’ติ, ‘‘ปาปุณาติ, ภเนฺต, คณฺหถ น’’นฺติ, ‘‘คณฺหามิ, อาวุโส’’ติ, คหิตํ โหติฯ สเจ ปน ‘‘คหิตํ โว, ภเนฺต’’ติ วุเตฺต ‘‘คหิตํ เม’’ติ วา ‘‘คณฺหิสฺสถ, ภเนฺต’’ติ วุเตฺต ‘‘คณฺหิสฺสามี’’ติ วา วทติ, ‘‘อคหิตํ โหตี’’ติ มหาสุมเตฺถโร อาหฯ มหาปทุมเตฺถโร ปนาห – ‘‘อตีตานาคตวจนํ วา โหตุ, วตฺตมานวจนํ วา, สตุปฺปาทมตฺตอาลยกรณมตฺตเมว เจตฺถ ปมาณํ, ตสฺมา คหิตเมว โหตี’’ติฯ

    Gāhentena ca sammatena bhikkhunā mahātherassa santikaṃ gantvā evaṃ vattabbaṃ – ‘‘bhante, tumhākaṃ senāsanaṃ pāpuṇāti, gaṇhatha paccayaṃ dhārethā’’ti. ‘‘Asukakulassa paccayo asukasenāsanañca mayhaṃ pāpuṇāti, āvuso’’ti, ‘‘pāpuṇāti, bhante, gaṇhatha na’’nti, ‘‘gaṇhāmi, āvuso’’ti, gahitaṃ hoti. Sace pana ‘‘gahitaṃ vo, bhante’’ti vutte ‘‘gahitaṃ me’’ti vā ‘‘gaṇhissatha, bhante’’ti vutte ‘‘gaṇhissāmī’’ti vā vadati, ‘‘agahitaṃ hotī’’ti mahāsumatthero āha. Mahāpadumatthero panāha – ‘‘atītānāgatavacanaṃ vā hotu, vattamānavacanaṃ vā, satuppādamattaālayakaraṇamattameva cettha pamāṇaṃ, tasmā gahitameva hotī’’ti.

    โยปิ ปํสุกูลิโก ภิกฺขุ เสนาสนํ คเหตฺวา ปจฺจยํ วิสฺสเชฺชติ, อยมฺปิ น อญฺญสฺมิํ อาวาเส ปกฺขิปิตโพฺพฯ ตสฺมิํเยว ปริเวเณ อคฺคิสาลาย วา ทีฆสาลาย วา รุกฺขมูเล วา อญฺญสฺส คาเหตุํ วฎฺฎติฯ ปํสุกูลิโก ‘‘วสามี’’ติ เสนาสนํ ชคฺคิสฺสติ, อิตโร ‘‘ปจฺจยํ คณฺหามี’’ติ, เอวํ ทฺวีหิ การเณหิ เสนาสนํ สุชคฺคิตตรํ ภวิสฺสติฯ มหาปจฺจริยํ ปน วุตฺตํ – ‘‘ปํสุกูลิเก วาสตฺถาย เสนาสนํ คณฺหเนฺต เสนาสนคฺคาหาปเกน วตฺตพฺพํ – ‘ภเนฺต, อิธ ปจฺจโย อตฺถิ, โส กิํ กาตโพฺพ’ติฯ เตน ‘เหฎฺฐา อญฺญํ คาหาเปหี’ติ วตฺตโพฺพฯ สเจ ปน กิญฺจิ อวตฺวาว วสติ, วุตฺถวสฺสสฺส จ ปาทมูเล ฐเปตฺวา สาฎกํ เทนฺติ, วฎฺฎติฯ อถ วสฺสาวาสิกํ เทมาติ วทนฺติ, ตสฺมิํ เสนาสเน วสฺสํวุตฺถภิกฺขูนํ ปาปุณาตี’’ติฯ เยสํ ปน เสนาสนํ นตฺถิ; เกวลํ ปจฺจยเมว เทนฺติ, เตสํ ปจฺจยํ อวสฺสาวาสิเก เสนาสเน คาเหตุํ วฎฺฎติฯ

    Yopi paṃsukūliko bhikkhu senāsanaṃ gahetvā paccayaṃ vissajjeti, ayampi na aññasmiṃ āvāse pakkhipitabbo. Tasmiṃyeva pariveṇe aggisālāya vā dīghasālāya vā rukkhamūle vā aññassa gāhetuṃ vaṭṭati. Paṃsukūliko ‘‘vasāmī’’ti senāsanaṃ jaggissati, itaro ‘‘paccayaṃ gaṇhāmī’’ti, evaṃ dvīhi kāraṇehi senāsanaṃ sujaggitataraṃ bhavissati. Mahāpaccariyaṃ pana vuttaṃ – ‘‘paṃsukūlike vāsatthāya senāsanaṃ gaṇhante senāsanaggāhāpakena vattabbaṃ – ‘bhante, idha paccayo atthi, so kiṃ kātabbo’ti. Tena ‘heṭṭhā aññaṃ gāhāpehī’ti vattabbo. Sace pana kiñci avatvāva vasati, vutthavassassa ca pādamūle ṭhapetvā sāṭakaṃ denti, vaṭṭati. Atha vassāvāsikaṃ demāti vadanti, tasmiṃ senāsane vassaṃvutthabhikkhūnaṃ pāpuṇātī’’ti. Yesaṃ pana senāsanaṃ natthi; kevalaṃ paccayameva denti, tesaṃ paccayaṃ avassāvāsike senāsane gāhetuṃ vaṭṭati.

    มนุสฺสา ถูปํ กตฺวา วสฺสาวาสิกํ คาหาเปนฺติ, ถูโป นาม อเสนาสนํ, ตสฺส สมีเป รุเกฺข วา มณฺฑเป วา อุปนิพนฺธิตฺวา คาหาเปตพฺพํฯ เตน ภิกฺขุนา เจติยํ ปฎิชคฺคิตพฺพํฯ โพธิรุกฺขโพธิฆรอาสนฆรสมฺมุญฺชนิอฎฺฎทารุอฎฺฎวจฺจกุฎิทฺวารโกฎฺฐกปานียมาฬกทนฺตกฎฺฐมาฬเกสุปิ เอเสว นโยฯ โภชนสาลา ปน เสนาสนเมว, ตสฺมา ตํ เอกสฺส วา พหูนํ วา ปริจฺฉินฺทิตฺวา คาเหตุํ วฎฺฎตีติ สพฺพมิทํ วิตฺถาเรน มหาปจฺจริยํ วุตฺตํฯ

    Manussā thūpaṃ katvā vassāvāsikaṃ gāhāpenti, thūpo nāma asenāsanaṃ, tassa samīpe rukkhe vā maṇḍape vā upanibandhitvā gāhāpetabbaṃ. Tena bhikkhunā cetiyaṃ paṭijaggitabbaṃ. Bodhirukkhabodhigharaāsanagharasammuñjaniaṭṭadāruaṭṭavaccakuṭidvārakoṭṭhakapānīyamāḷakadantakaṭṭhamāḷakesupi eseva nayo. Bhojanasālā pana senāsanameva, tasmā taṃ ekassa vā bahūnaṃ vā paricchinditvā gāhetuṃ vaṭṭatīti sabbamidaṃ vitthārena mahāpaccariyaṃ vuttaṃ.

    เสนาสนคฺคาหาปเกน ปน ปาฎิปทอรุณโต ปฎฺฐาย ยาว ปุน อรุณํ น ภิชฺชติ ตาว คาเหตพฺพํ, อิทญฺหิ เสนาสนคฺคาหสฺส เขตฺตํฯ สเจ ปาโตว คาหิเต เสนาสเน อโญฺญ วิตกฺกจาริโก ภิกฺขุ อาคนฺตฺวา เสนาสนํ ยาจติ, ‘‘คหิตํ, ภเนฺต, เสนาสนํ, วสฺสูปคโต สโงฺฆ, รมณีโย วิหาโร, รุกฺขมูลาทีสุ ยตฺถ อิจฺฉถ ตตฺถ วสถา’’ติ วตฺตโพฺพฯ วสฺสูปคเตหิ อโนฺตวเสฺส นิพทฺธวตฺตํ ฐเปตฺวา วสฺสูปคตา ภิกฺขู ‘‘สมฺมุญฺชนิโย พนฺธถา’’ติ วตฺตพฺพาฯ สุลภา เจ ทณฺฑกา เจว สลากาโย จ โหนฺติ, เอเกเกน ฉ ปญฺจ มุฎฺฐิสมฺมุญฺชนิโย, เทฺว ติโสฺส ยฎฺฐิสมฺมุญฺชนิโย วา พนฺธิตพฺพาฯ ทุลฺลภา เจ โหนฺติ, เทฺว ติโสฺส มุฎฺฐิสมฺมุญฺชนิโย เอกา ยฎฺฐิสมฺมุญฺชนี พนฺธิตพฺพาฯ สามเณเรหิ ปญฺจ ปญฺจ อุกฺกา โกเฎฺฎตพฺพาฯ วสนฎฺฐาเน กสาวปริภณฺฑํ กาตพฺพํฯ

    Senāsanaggāhāpakena pana pāṭipadaaruṇato paṭṭhāya yāva puna aruṇaṃ na bhijjati tāva gāhetabbaṃ, idañhi senāsanaggāhassa khettaṃ. Sace pātova gāhite senāsane añño vitakkacāriko bhikkhu āgantvā senāsanaṃ yācati, ‘‘gahitaṃ, bhante, senāsanaṃ, vassūpagato saṅgho, ramaṇīyo vihāro, rukkhamūlādīsu yattha icchatha tattha vasathā’’ti vattabbo. Vassūpagatehi antovasse nibaddhavattaṃ ṭhapetvā vassūpagatā bhikkhū ‘‘sammuñjaniyo bandhathā’’ti vattabbā. Sulabhā ce daṇḍakā ceva salākāyo ca honti, ekekena cha pañca muṭṭhisammuñjaniyo, dve tisso yaṭṭhisammuñjaniyo vā bandhitabbā. Dullabhā ce honti, dve tisso muṭṭhisammuñjaniyo ekā yaṭṭhisammuñjanī bandhitabbā. Sāmaṇerehi pañca pañca ukkā koṭṭetabbā. Vasanaṭṭhāne kasāvaparibhaṇḍaṃ kātabbaṃ.

    วตฺตํ กโรเนฺตหิ ปน ‘‘น อุทฺทิสิตพฺพํ, น อุทฺทิสาเปตพฺพํ, น สชฺฌาโย กาตโพฺพ, น ปพฺพาเชตพฺพํ, น อุปสมฺปาเทตพฺพํ, น นิสฺสโย ทาตโพฺพ, น ธมฺมสวนํ กาตพฺพํ, สเพฺพว หิ เอเต ปปญฺจาฯ นิปฺปปญฺจา หุตฺวา สมณธมฺมเมว กริสฺสามา’’ติ วา ‘‘สเพฺพ เตรส ธุตงฺคานิ สมาทิยนฺตุ, เสยฺยํ อกเปฺปตฺวา ฐานจงฺกเมหิ วีตินาเมนฺตุ, มูคพฺพตํ คณฺหนฺตุ, สตฺตาหกรณีเยน คตาปิ ภาชนียภณฺฑํ ลภนฺตู’’ติ วา เอวรูปํ อธมฺมิกวตฺตํ น กาตพฺพํฯ เอวํ ปน กาตพฺพํ – ปริยตฺติธโมฺม นาม ติวิธมฺปิ สทฺธมฺมํ ปติฎฺฐาเปติ; ตสฺมา สกฺกจฺจํ อุทฺทิสถ, อุทฺทิสาเปถ, สชฺฌายํ กโรถ, ปธานฆเร วสนฺตานํ สงฺฆฎฺฎนํ อกตฺวา อโนฺตวิหาเร นิสีทิตฺวา อุทฺทิสถ, อุทฺทิสาเปถ, สชฺฌายํ กโรถ, ธมฺมสวนํ สมิทฺธํ กโรถ, ปพฺพาเชนฺตา โสเธตฺวา ปพฺพาเชถ, โสเธตฺวา อุปสมฺปาเทถ, โสเธตฺวา นิสฺสยํ เทถ, เอโกปิ หิ กุลปุโตฺต ปพฺพชฺชํ อุปสมฺปทญฺจ ลภิตฺวา สกลสาสนํ ปติฎฺฐาเปติ, อตฺตโน ถาเมน ยตฺตกานิ สโกฺกถ ตตฺตกานิ ธุตงฺคานิ สมาทิยถฯ อโนฺตวสฺสํ นาเมตํ สกลทิวสํ รตฺติยา จ ปฐมปจฺฉิมยาเมสุ อปฺปมเตฺตหิ ภวิตพฺพํ, วีริยํ อารภิตพฺพํฯ โปราณกมหาเถราปิ สพฺพปลิโพเธ ฉินฺทิตฺวา อโนฺตวเสฺส เอกจาริกวตฺตํ ปูรยิํสุ, ภเสฺส มตฺตํ ชานิตฺวา ทสวตฺถุกกถํ ทสอสุภทสานุสฺสติอฎฺฐติํสารมฺมณกถญฺจ กาตุํ วฎฺฎติ, อาคนฺตุกานํ วตฺตํ กาตุํ สตฺตาหกรณีเยน คตานํ อปโลเกตฺวา ทาตุํ วฎฺฎตีติ เอวรูปํ วตฺตํ กาตพฺพํฯ

    Vattaṃ karontehi pana ‘‘na uddisitabbaṃ, na uddisāpetabbaṃ, na sajjhāyo kātabbo, na pabbājetabbaṃ, na upasampādetabbaṃ, na nissayo dātabbo, na dhammasavanaṃ kātabbaṃ, sabbeva hi ete papañcā. Nippapañcā hutvā samaṇadhammameva karissāmā’’ti vā ‘‘sabbe terasa dhutaṅgāni samādiyantu, seyyaṃ akappetvā ṭhānacaṅkamehi vītināmentu, mūgabbataṃ gaṇhantu, sattāhakaraṇīyena gatāpi bhājanīyabhaṇḍaṃ labhantū’’ti vā evarūpaṃ adhammikavattaṃ na kātabbaṃ. Evaṃ pana kātabbaṃ – pariyattidhammo nāma tividhampi saddhammaṃ patiṭṭhāpeti; tasmā sakkaccaṃ uddisatha, uddisāpetha, sajjhāyaṃ karotha, padhānaghare vasantānaṃ saṅghaṭṭanaṃ akatvā antovihāre nisīditvā uddisatha, uddisāpetha, sajjhāyaṃ karotha, dhammasavanaṃ samiddhaṃ karotha, pabbājentā sodhetvā pabbājetha, sodhetvā upasampādetha, sodhetvā nissayaṃ detha, ekopi hi kulaputto pabbajjaṃ upasampadañca labhitvā sakalasāsanaṃ patiṭṭhāpeti, attano thāmena yattakāni sakkotha tattakāni dhutaṅgāni samādiyatha. Antovassaṃ nāmetaṃ sakaladivasaṃ rattiyā ca paṭhamapacchimayāmesu appamattehi bhavitabbaṃ, vīriyaṃ ārabhitabbaṃ. Porāṇakamahātherāpi sabbapalibodhe chinditvā antovasse ekacārikavattaṃ pūrayiṃsu, bhasse mattaṃ jānitvā dasavatthukakathaṃ dasaasubhadasānussatiaṭṭhatiṃsārammaṇakathañca kātuṃ vaṭṭati, āgantukānaṃ vattaṃ kātuṃ sattāhakaraṇīyena gatānaṃ apaloketvā dātuṃ vaṭṭatīti evarūpaṃ vattaṃ kātabbaṃ.

    อปิจ ภิกฺขู โอวทิตพฺพา – ‘‘วิคฺคาหิกปิสุณผรุสวจนานิ มา วทถ, ทิวเส ทิวเส สีลานิ อาวเชฺชนฺตา จตุรารกฺขํ อหาเปนฺตา มนสิการพหุลา วิหรถา’’ติฯ ทนฺตกฎฺฐขาทนวตฺตํ อาจิกฺขิตพฺพํ, เจติยํ วา โพธิํ วา วนฺทเนฺตน คนฺธมาลํ วา ปูเชเนฺตน ปตฺตํ วา ถวิกาย ปกฺขิปเนฺตน น กเถตพฺพํ, ภิกฺขาจารวตฺตํ อาจิกฺขิตพฺพํ – ‘‘อโนฺตคาเม มนุเสฺสหิ สทฺธิํ ปจฺจยสญฺญุตฺตกถา วา วิสภาคกถา วา น กเถตพฺพา, รกฺขิตินฺทฺริเยหิ ภวิตพฺพํ, ขนฺธกวตฺตญฺจ เสขิยวตฺตญฺจ ปูเรตพฺพ’’นฺติ เอวรูปา พหุกาปิ นิยฺยานิกกถา อาจิกฺขิตพฺพาติฯ

    Apica bhikkhū ovaditabbā – ‘‘viggāhikapisuṇapharusavacanāni mā vadatha, divase divase sīlāni āvajjentā caturārakkhaṃ ahāpentā manasikārabahulā viharathā’’ti. Dantakaṭṭhakhādanavattaṃ ācikkhitabbaṃ, cetiyaṃ vā bodhiṃ vā vandantena gandhamālaṃ vā pūjentena pattaṃ vā thavikāya pakkhipantena na kathetabbaṃ, bhikkhācāravattaṃ ācikkhitabbaṃ – ‘‘antogāme manussehi saddhiṃ paccayasaññuttakathā vā visabhāgakathā vā na kathetabbā, rakkhitindriyehi bhavitabbaṃ, khandhakavattañca sekhiyavattañca pūretabba’’nti evarūpā bahukāpi niyyānikakathā ācikkhitabbāti.

    ปจฺฉิมวสฺสูปนายิกทิวเส ปน สเจ กาลํ โฆเสตฺวา สนฺนิปติเต สเงฺฆ โกจิ ทสหตฺถํ วตฺถํ อาหริตฺวา วสฺสาวาสิกํ เทติ, อาคนฺตุโก สเจ ภิกฺขุ สงฺฆเตฺถโร โหติ, ตสฺส ทาตพฺพํฯ นวโก เจ โหติ, สมฺมเตน ภิกฺขุนา สงฺฆเตฺถโร วตฺตโพฺพ – ‘‘สเจ ภเนฺต อิจฺฉถ, ปฐมภาคํ มุญฺจิตฺวา อิทํ วตฺถํ คณฺหถา’’ติ, อมุญฺจนฺตสฺส น ทาตพฺพํฯ สเจ ปน ปุเพฺพ คาหิตํ มุญฺจิตฺวา คณฺหาติ, ทาตพฺพํฯ เอเตเนวุปาเยน ทุติยเตฺถรโต ปฎฺฐาย ปริวเตฺตตฺวา ปตฺตฎฺฐาเน อาคนฺตุกสฺส ทาตพฺพํฯ สเจ ปฐมวสฺสูปคตา เทฺว ตีณิ จตฺตาริ ปญฺจ วา วตฺถานิ อลตฺถุํ, ลทฺธํ ลทฺธํ เอเตเนวุปาเยน วิสฺสชฺชาเปตฺวา ยาว อาคนฺตุกสฺส สมกํ โหติ, ตาว ทาตพฺพํฯ เตน ปน สมเก ลเทฺธ อวสิโฎฺฐ อนุภาโค เถราสเน ทาตโพฺพฯ ปจฺจุปฺปเนฺน ลาเภ สติ ฐิติกาย คาเหตุํ กติกํ กาตุํ วฎฺฎติฯ

    Pacchimavassūpanāyikadivase pana sace kālaṃ ghosetvā sannipatite saṅghe koci dasahatthaṃ vatthaṃ āharitvā vassāvāsikaṃ deti, āgantuko sace bhikkhu saṅghatthero hoti, tassa dātabbaṃ. Navako ce hoti, sammatena bhikkhunā saṅghatthero vattabbo – ‘‘sace bhante icchatha, paṭhamabhāgaṃ muñcitvā idaṃ vatthaṃ gaṇhathā’’ti, amuñcantassa na dātabbaṃ. Sace pana pubbe gāhitaṃ muñcitvā gaṇhāti, dātabbaṃ. Etenevupāyena dutiyattherato paṭṭhāya parivattetvā pattaṭṭhāne āgantukassa dātabbaṃ. Sace paṭhamavassūpagatā dve tīṇi cattāri pañca vā vatthāni alatthuṃ, laddhaṃ laddhaṃ etenevupāyena vissajjāpetvā yāva āgantukassa samakaṃ hoti, tāva dātabbaṃ. Tena pana samake laddhe avasiṭṭho anubhāgo therāsane dātabbo. Paccuppanne lābhe sati ṭhitikāya gāhetuṃ katikaṃ kātuṃ vaṭṭati.

    สเจ ทุพฺภิกฺขํ โหติ, ทฺวีสุปิ วสฺสูปนายิกาสุ วสฺสูปคตา ภิกฺขู ภิกฺขาย กิลมนฺตา ‘‘อาวุโส, อิธ วสนฺตา สเพฺพว กิลมาม, สาธุ วต เทฺวภาคา โหม, เยสํ ญาติปวาริตฎฺฐานานิ อตฺถิ, เต ตตฺถ วสิตฺวา ปวารณาย อาคนฺตฺวา อตฺตโน ปตฺตํ วสฺสาวาสิกํ คณฺหนฺตู’’ติ วทนฺติ, เตสุ เย ตตฺถ วสิตฺวา ปวารณาย อาคจฺฉนฺติ, เตสํ อปโลเกตฺวา วสฺสาวาสิกํ ทาตพฺพํฯ สาทิยนฺตาปิ หิ เต เนว วสฺสาวาสิกสฺส สามิโน, ขียนฺตาปิ จ อาวาสิกา เนว อทาตุํ ลภนฺติฯ กุรุนฺทิยํ ปน วุตฺตํ – ‘‘กติกวตฺตํ กาตพฺพํ – ‘สเพฺพสํ โน อิธ ยาคุภตฺตํ นปฺปโหติ, สภาคฎฺฐาเน วสิตฺวา อาคจฺฉถ, ตุมฺหากํ ปตฺตํ วสฺสาวาสิกํ ลภิสฺสถา’ติฯ ตเญฺจ เอโก ปฎิพาหติ, สุปฎิพาหิตํ; โน เจ ปฎิพาหติ, กติกา สุกตาฯ ปจฺฉา เตสํ ตตฺถ วสิตฺวา อาคตานํ อปโลเกตฺวา ทาตพฺพํ, อปโลกนกาเล ปฎิพาหิตุํ น ลพฺภตี’’ติฯ ปุนปิ วุตฺตํ – ‘‘สเจ วสฺสูปคเตสุ เอกจฺจานํ วสฺสาวาสิเก อปาปุณเนฺต ภิกฺขู กติกํ กโรนฺติ – ‘ฉินฺนวสฺสานํ วสฺสาวาสิกญฺจ อิทานิ อุปฺปชฺชนกวสฺสาวาสิกญฺจ อิเมสํ ทาตุํ รุจฺจตี’ติ เอวํ กติกาย กตาย คาหิตสทิสเมว โหติ, อุปฺปนฺนุปฺปนฺนํ เตสเมว ทาตพฺพ’’นฺติฯ

    Sace dubbhikkhaṃ hoti, dvīsupi vassūpanāyikāsu vassūpagatā bhikkhū bhikkhāya kilamantā ‘‘āvuso, idha vasantā sabbeva kilamāma, sādhu vata dvebhāgā homa, yesaṃ ñātipavāritaṭṭhānāni atthi, te tattha vasitvā pavāraṇāya āgantvā attano pattaṃ vassāvāsikaṃ gaṇhantū’’ti vadanti, tesu ye tattha vasitvā pavāraṇāya āgacchanti, tesaṃ apaloketvā vassāvāsikaṃ dātabbaṃ. Sādiyantāpi hi te neva vassāvāsikassa sāmino, khīyantāpi ca āvāsikā neva adātuṃ labhanti. Kurundiyaṃ pana vuttaṃ – ‘‘katikavattaṃ kātabbaṃ – ‘sabbesaṃ no idha yāgubhattaṃ nappahoti, sabhāgaṭṭhāne vasitvā āgacchatha, tumhākaṃ pattaṃ vassāvāsikaṃ labhissathā’ti. Tañce eko paṭibāhati, supaṭibāhitaṃ; no ce paṭibāhati, katikā sukatā. Pacchā tesaṃ tattha vasitvā āgatānaṃ apaloketvā dātabbaṃ, apalokanakāle paṭibāhituṃ na labbhatī’’ti. Punapi vuttaṃ – ‘‘sace vassūpagatesu ekaccānaṃ vassāvāsike apāpuṇante bhikkhū katikaṃ karonti – ‘chinnavassānaṃ vassāvāsikañca idāni uppajjanakavassāvāsikañca imesaṃ dātuṃ ruccatī’ti evaṃ katikāya katāya gāhitasadisameva hoti, uppannuppannaṃ tesameva dātabba’’nti.

    เตมาสํ ปานียํ อุปฎฺฐาเปตฺวา วิหารมคฺคเจติยงฺคณโพธิยงฺคณานิ ชคฺคิตฺวา โพธิรุเกฺข อุทกํ สิญฺจิตฺวา ปกฺกโนฺตปิ วิพฺภโนฺตปิ วสฺสาวาสิกํ ลภติเยวฯ ภตินิวิฎฺฐญฺหิ เตน กตํฯ สงฺฆิกํ ปน อปโลกนกมฺมํ กตฺวา คาหิตํ อโนฺตวเสฺส วิพฺภโนฺตปิ ลภเตวฯ ปจฺจยวเสน คาหิตํ ปน น ลภตีติ วทนฺติฯ

    Temāsaṃ pānīyaṃ upaṭṭhāpetvā vihāramaggacetiyaṅgaṇabodhiyaṅgaṇāni jaggitvā bodhirukkhe udakaṃ siñcitvā pakkantopi vibbhantopi vassāvāsikaṃ labhatiyeva. Bhatiniviṭṭhañhi tena kataṃ. Saṅghikaṃ pana apalokanakammaṃ katvā gāhitaṃ antovasse vibbhantopi labhateva. Paccayavasena gāhitaṃ pana na labhatīti vadanti.

    สเจ วุตฺถวโสฺส ทิสํคมิโก ภิกฺขุ อาวาสิกสฺส หตฺถโต กิญฺจิเทว กปฺปิยภณฺฑํ คเหตฺวา ‘‘อสุกกุเล มยฺหํ วสฺสาวาสิกํ ปตฺตํ, ตํ คณฺหถา’’ติ วตฺวา คตฎฺฐาเน วิพฺภมติ, วสฺสาวาสิกํ สงฺฆิกํ โหติฯ สเจ ปน มนุเสฺส สมฺมุขา สมฺปฎิจฺฉาเปตฺวา คจฺฉติ, ลภติฯ ‘‘อิทํ วสฺสาวาสิกํ อมฺหากํ เสนาสเน วุตฺถภิกฺขุโน เทมา’’ติ วุเตฺต, ยสฺส คาหิตํ ตเสฺสว โหติฯ สเจ ปน เสนาสนสามิกสฺส ปิยกมฺยตาย ปุตฺตธีตาทโย พหูนิ วตฺถานิ อาหริตฺวา ‘‘อมฺหากํ เสนาสเน เทมา’’ติ เทนฺติ, ตตฺถ วสฺสูปคตสฺส เอกเมว วตฺถํ ทาตพฺพํ, เสสานิ สงฺฆิกานิ โหนฺติ, วสฺสาวาสิกฎฺฐิติกาย คาเหตพฺพานิฯ ฐิติกาย อสติ เถราสนโต ปฎฺฐาย คาเหตพฺพานิฯ เสนาสเน วสฺสูปคตํ ภิกฺขุํ นิสฺสาย อุปฺปเนฺนน จิตฺตปฺปสาเทน พหูนิ วตฺถานิ อาหริตฺวา ‘‘เสนาสนสฺส เทมา’’ติ ทิเนฺนสุปิ เอเสว นโยฯ สเจ ปน ปาทมูเล ฐเปตฺวา ‘‘เอตสฺส ภิกฺขุโน เทมา’’ติ วทนฺติ, ตเสฺสว โหนฺติฯ

    Sace vutthavasso disaṃgamiko bhikkhu āvāsikassa hatthato kiñcideva kappiyabhaṇḍaṃ gahetvā ‘‘asukakule mayhaṃ vassāvāsikaṃ pattaṃ, taṃ gaṇhathā’’ti vatvā gataṭṭhāne vibbhamati, vassāvāsikaṃ saṅghikaṃ hoti. Sace pana manusse sammukhā sampaṭicchāpetvā gacchati, labhati. ‘‘Idaṃ vassāvāsikaṃ amhākaṃ senāsane vutthabhikkhuno demā’’ti vutte, yassa gāhitaṃ tasseva hoti. Sace pana senāsanasāmikassa piyakamyatāya puttadhītādayo bahūni vatthāni āharitvā ‘‘amhākaṃ senāsane demā’’ti denti, tattha vassūpagatassa ekameva vatthaṃ dātabbaṃ, sesāni saṅghikāni honti, vassāvāsikaṭṭhitikāya gāhetabbāni. Ṭhitikāya asati therāsanato paṭṭhāya gāhetabbāni. Senāsane vassūpagataṃ bhikkhuṃ nissāya uppannena cittappasādena bahūni vatthāni āharitvā ‘‘senāsanassa demā’’ti dinnesupi eseva nayo. Sace pana pādamūle ṭhapetvā ‘‘etassa bhikkhuno demā’’ti vadanti, tasseva honti.

    เอกสฺส เคเห เทฺว วสฺสาวาสิกานิ – ปฐมภาโค สามเณรสฺส คาหิโต โหติ, ทุติโย เถราสเนฯ โส เอกํ ทสหตฺถํ, เอกํ อฎฺฐหตฺถํ สาฎกํ เปเสติ ‘‘วสฺสาวาสิกํ ปตฺตภิกฺขูนํ เทถา’’ติ วิจินิตฺวา วรภาคํ สามเณรสฺส ทตฺวา อนุภาโค เถราสเน ทาตโพฺพฯ สเจ ปน อุโภปิ ฆรํ เนตฺวา โภเชตฺวา สยเมว ปาทมูเล ฐเปติ, ยํ ยสฺส ทินฺนํ, ตเทว ตสฺส โหติฯ

    Ekassa gehe dve vassāvāsikāni – paṭhamabhāgo sāmaṇerassa gāhito hoti, dutiyo therāsane. So ekaṃ dasahatthaṃ, ekaṃ aṭṭhahatthaṃ sāṭakaṃ peseti ‘‘vassāvāsikaṃ pattabhikkhūnaṃ dethā’’ti vicinitvā varabhāgaṃ sāmaṇerassa datvā anubhāgo therāsane dātabbo. Sace pana ubhopi gharaṃ netvā bhojetvā sayameva pādamūle ṭhapeti, yaṃ yassa dinnaṃ, tadeva tassa hoti.

    อิโต ปรํ มหาปจฺจริยํ อาคตนโย โหติ – ‘‘เอกสฺส ฆเร ทหรสามเณรสฺส วสฺสาวาสิกํ ปาปุณาติ, โส เจ ปุจฺฉติ – ‘อมฺหากํ วสฺสาวาสิกํ กสฺส ปตฺต’นฺติ, ‘สามเณรสฺสา’ติ อวตฺวา ‘ทานกาเล ชานิสฺสสี’ติ วตฺวา ทานทิวเส เอกํ มหาเถรํ เปเสตฺวา นีหราเปตพฺพํฯ สเจ ยสฺส วสฺสาวาสิกํ ปตฺตํ, โส วิพฺภมติ วา กาลํ วา กโรติ, มนุสฺสา เจ ปุจฺฉนฺติ – ‘กสฺส อมฺหากํ วสฺสาวาสิกํ ปตฺต’นฺติ, เตสํ ยถาภูตํ อาจิกฺขิตพฺพํฯ สเจ เต วทนฺติ – ‘ตุมฺหากํ เทมา’ติ, ตสฺส ภิกฺขุโน ปาปุณาติฯ อถ สงฺฆสฺส วา คณสฺส วา เทนฺติ, สงฺฆสฺส วา คณสฺส วา ปาปุณาติฯ สเจ วสฺสูปคตา สุทฺธปํสุกูลิกาเยว โหนฺติ, อาเนตฺวา ทินฺนํ วสฺสาวาสิกํ เสนาสนปริกฺขารํ วา กตฺวา ฐเปตพฺพํ, พิโมฺพหนาทีนิ วา กาตพฺพานี’’ติฯ อิทํ เนวาสิกวตฺตํฯ

    Ito paraṃ mahāpaccariyaṃ āgatanayo hoti – ‘‘ekassa ghare daharasāmaṇerassa vassāvāsikaṃ pāpuṇāti, so ce pucchati – ‘amhākaṃ vassāvāsikaṃ kassa patta’nti, ‘sāmaṇerassā’ti avatvā ‘dānakāle jānissasī’ti vatvā dānadivase ekaṃ mahātheraṃ pesetvā nīharāpetabbaṃ. Sace yassa vassāvāsikaṃ pattaṃ, so vibbhamati vā kālaṃ vā karoti, manussā ce pucchanti – ‘kassa amhākaṃ vassāvāsikaṃ patta’nti, tesaṃ yathābhūtaṃ ācikkhitabbaṃ. Sace te vadanti – ‘tumhākaṃ demā’ti, tassa bhikkhuno pāpuṇāti. Atha saṅghassa vā gaṇassa vā denti, saṅghassa vā gaṇassa vā pāpuṇāti. Sace vassūpagatā suddhapaṃsukūlikāyeva honti, ānetvā dinnaṃ vassāvāsikaṃ senāsanaparikkhāraṃ vā katvā ṭhapetabbaṃ, bimbohanādīni vā kātabbānī’’ti. Idaṃ nevāsikavattaṃ.

    เสนาสนคฺคาหกถา นิฎฺฐิตาฯ

    Senāsanaggāhakathā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / จูฬวคฺคปาฬิ • Cūḷavaggapāḷi / เสนาสนคฺคาหาปกสมฺมุติ • Senāsanaggāhāpakasammuti

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / เสนาสนคฺคาหาปกสมฺมุติกถาวณฺณนา • Senāsanaggāhāpakasammutikathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / เสนาสนคฺคาหกถาวณฺณนา • Senāsanaggāhakathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / เสนาสนคฺคาหกถาวณฺณนา • Senāsanaggāhakathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / เสนาสนคฺคาหกถา • Senāsanaggāhakathā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact