Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วินยวินิจฺฉย-ฎีกา • Vinayavinicchaya-ṭīkā

    เสนาสนกฺขนฺธกกถาวณฺณนา

    Senāsanakkhandhakakathāvaṇṇanā

    ๒๘๒๗. อาสนฺทิโกติ จตุรสฺสปีฐํฯ อติกฺกนฺตปมาโณติ เหฎฺฐา อฎนิยา วฑฺฒกิหตฺถโต อุจฺจตรปฺปมาณปาทโกฯ เอกปสฺสโต ทีโฆ ปน อุจฺจปาทโก น วฎฺฎติฯ ยถาห – ‘‘อุจฺจกมฺปิ อาสนฺทิกนฺติ วจนโต เอกโตภาเคน ทีฆปีฐเมว หิ อฎฺฐงฺคุลาธิกปาทกํ น วฎฺฎติ, จตุรสฺสอาสนฺทิโก ปน ปมาณาติกฺกโนฺตปิ วฎฺฎตี’’ติ (จูฬว. อฎฺฐ. ๒๙๗)ฯ

    2827.Āsandikoti caturassapīṭhaṃ. Atikkantapamāṇoti heṭṭhā aṭaniyā vaḍḍhakihatthato uccatarappamāṇapādako. Ekapassato dīgho pana uccapādako na vaṭṭati. Yathāha – ‘‘uccakampi āsandikanti vacanato ekatobhāgena dīghapīṭhameva hi aṭṭhaṅgulādhikapādakaṃ na vaṭṭati, caturassaāsandiko pana pamāṇātikkantopi vaṭṭatī’’ti (cūḷava. aṭṭha. 297).

    ตถาติ อิมินา ‘‘อติกฺกนฺตปมาโณ’’ติ อิทํ ปจฺจามสติฯ ปญฺจงฺคปีฐนฺติ จตฺตาโร ปาทา, อปเสฺสนนฺติ อิเมหิ ปญฺจเงฺคหิ ยุตฺตปีฐํฯ สตฺตงฺคนฺติ ตีสุ ทิสาสุ อปสฺสเย โยเชตฺวา กตํฯ ตญฺหิ จตูหิ ปาเทหิ, ตีหิ อปเสฺสหิ จ ยุตฺตตฺตา ‘‘สตฺตงฺคปีฐ’’นฺติ วุตฺตํฯ เอส นโย มเญฺจปิฯ ยถาห – ‘‘สตฺตโงฺค นาม ตีสุ ทิสาสุ อปสฺสยํ กตฺวา กตมโญฺจ, อยมฺปิ ปมาณาติกฺกโนฺต วฎฺฎตี’’ติ (จูฬว. อฎฺฐ. ๒๙๗)ฯ

    Tathāti iminā ‘‘atikkantapamāṇo’’ti idaṃ paccāmasati. Pañcaṅgapīṭhanti cattāro pādā, apassenanti imehi pañcaṅgehi yuttapīṭhaṃ. Sattaṅganti tīsu disāsu apassaye yojetvā kataṃ. Tañhi catūhi pādehi, tīhi apassehi ca yuttattā ‘‘sattaṅgapīṭha’’nti vuttaṃ. Esa nayo mañcepi. Yathāha – ‘‘sattaṅgo nāma tīsu disāsu apassayaṃ katvā katamañco, ayampi pamāṇātikkanto vaṭṭatī’’ti (cūḷava. aṭṭha. 297).

    ๒๘๒๘. ตูโลนทฺธาติ อุปริ ตูลํ ปกฺขิปิตฺวา พทฺธาฯ ฆเรเยวาติ คิหีนํ เคเหเยว นิสีทิตุํ วฎฺฎตีติ สมฺพโนฺธฯ ‘‘นิสีทิตุ’’นฺติ อิมินาว สยนํ ปฎิกฺขิตฺตํฯ สีสปาทูปธานนฺติ สีสูปธานเญฺจว ปาทูปธานญฺจฯ -สโทฺท ปิ-สทฺทเตฺถ โส ‘‘อคิลานสฺสา’’ติ เอตฺถ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตโพฺพ, เตน อคิลานสฺสาปิ ตาว วฎฺฎติ, ปเคว คิลานสฺสาติ ทีเปติฯ

    2828.Tūlonaddhāti upari tūlaṃ pakkhipitvā baddhā. Ghareyevāti gihīnaṃ geheyeva nisīdituṃ vaṭṭatīti sambandho. ‘‘Nisīditu’’nti imināva sayanaṃ paṭikkhittaṃ. Sīsapādūpadhānanti sīsūpadhānañceva pādūpadhānañca. Ca-saddo pi-saddatthe so ‘‘agilānassā’’ti ettha ānetvā sambandhitabbo, tena agilānassāpi tāva vaṭṭati, pageva gilānassāti dīpeti.

    ๒๘๒๙. น เกวลํ คิลานสฺส สีสปาทูปธานเมว วฎฺฎติ, อถ โข อิทมฺปีติ ทเสฺสตุมาห ‘‘สนฺถริตฺวา’’ติอาทิฯ อุปธานานิ สนฺถริตฺวาติ พหู อุปธานานิ อตฺถริตฺวาฯ ตตฺถ จาติ ตสฺมิํ อุปธานสนฺถเรฯ ปจฺจตฺถรณกํ ทตฺวาติ อุปริ ปจฺจตฺถรณกํ อตฺถริตฺวาฯ

    2829. Na kevalaṃ gilānassa sīsapādūpadhānameva vaṭṭati, atha kho idampīti dassetumāha ‘‘santharitvā’’tiādi. Upadhānāni santharitvāti bahū upadhānāni attharitvā. Tattha cāti tasmiṃ upadhānasanthare. Paccattharaṇakaṃ datvāti upari paccattharaṇakaṃ attharitvā.

    ๒๘๓๐. ติริยนฺติ วิตฺถารโตฯ มุฎฺฐิรตนนฺติ ปากติกมุฎฺฐิกรตนํฯ ตํ ปน วฑฺฒกีนํ วิทตฺถิมตฺตํฯ มิตนฺติ ปากฎิตํ ปมาณยุตฺตํ โหตีติ โยชนาฯ กตฺถจิ โปตฺถเกสุ ‘‘มต’’นฺติ ปาโฐ ทิสฺสติ, โส น คเหตโพฺพฯ ทีฆโตติ พิโมฺพหนสฺส ทีฆโตฯ ทิยฑฺฒนฺติ ทิยฑฺฒหตฺถํ วา ทฺวิหตฺถํ วา โหตีติ กุรุนฺทิยํ วุตฺตนฺติ สมฺพโนฺธฯ อิทเมว หิ ‘‘สีสปฺปมาณพิโมฺพหน’’นฺติ อธิเปฺปตํฯ ยถาห –

    2830.Tiriyanti vitthārato. Muṭṭhiratananti pākatikamuṭṭhikaratanaṃ. Taṃ pana vaḍḍhakīnaṃ vidatthimattaṃ. Mitanti pākaṭitaṃ pamāṇayuttaṃ hotīti yojanā. Katthaci potthakesu ‘‘mata’’nti pāṭho dissati, so na gahetabbo. Dīghatoti bimbohanassa dīghato. Diyaḍḍhanti diyaḍḍhahatthaṃ vā dvihatthaṃ vā hotīti kurundiyaṃ vuttanti sambandho. Idameva hi ‘‘sīsappamāṇabimbohana’’nti adhippetaṃ. Yathāha –

    ‘‘สีสปฺปมาณํ นาม ยสฺส วิตฺถารโต ตีสุ กเณฺณสุ ทฺวินฺนํ กณฺณานํ อนฺตรํ มินิยมานํ วิทตฺถิ เจว จตุรงฺคุลญฺจ โหติ, มชฺฌฎฺฐานํ มุฎฺฐิรตนํ โหติฯ ทีฆโต ปน ทิยฑฺฒรตนํ วา ทฺวิรตนํ วาติ กุรุนฺทิยํ วุตฺตํฯ อยํ สีสปฺปมาณสฺส อุกฺกฎฺฐปริเจฺฉโท, อิโต อุทฺธํ น วฎฺฎติ, เหฎฺฐา ปน วฎฺฎตี’’ติ (จูฬว. อฎฺฐ. ๒๙๗)ฯ

    ‘‘Sīsappamāṇaṃ nāma yassa vitthārato tīsu kaṇṇesu dvinnaṃ kaṇṇānaṃ antaraṃ miniyamānaṃ vidatthi ceva caturaṅgulañca hoti, majjhaṭṭhānaṃ muṭṭhiratanaṃ hoti. Dīghato pana diyaḍḍharatanaṃ vā dviratanaṃ vāti kurundiyaṃ vuttaṃ. Ayaṃ sīsappamāṇassa ukkaṭṭhaparicchedo, ito uddhaṃ na vaṭṭati, heṭṭhā pana vaṭṭatī’’ti (cūḷava. aṭṭha. 297).

    ๒๘๓๑. โจฬนฺติ ปิโลติกาฯ ปณฺณนฺติ รุกฺขลตานํ ปณฺณํฯ อุณฺณาติ เอฬกาทีนํ โลมํฯ ติณนฺติ ทพฺพติณาทิ ยํ กิญฺจิ ติณํฯ วากนฺติ กทลิอกฺกมกจิวากาทิกํฯ เอเตหิ ปญฺจหิ ปูริตา ภิสิโย ตูลานํ คณนาวสา เหตุคพฺภานํ เอเตสํ ปญฺจนฺนํ คพฺภานํ คณนาวเสน ปญฺจ ภาสิตาติ โยชนาฯ

    2831.Coḷanti pilotikā. Paṇṇanti rukkhalatānaṃ paṇṇaṃ. Uṇṇāti eḷakādīnaṃ lomaṃ. Tiṇanti dabbatiṇādi yaṃ kiñci tiṇaṃ. Vākanti kadaliakkamakacivākādikaṃ. Etehi pañcahi pūritā bhisiyo tūlānaṃ gaṇanāvasā hetugabbhānaṃ etesaṃ pañcannaṃ gabbhānaṃ gaṇanāvasena pañca bhāsitāti yojanā.

    ๒๘๓๒. พิโมฺพหนคพฺภํ ทเสฺสตุมาห ‘‘ภิสี’’ติอาทิฯ ปเญฺจวาติ ยถาวุตฺตโจฬาทิปเญฺจวฯ ตถา ตูลานิ ตีณิปีติ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตีณิ ตูลานิ รุกฺขตูลํ ลตาตูลํ โปฎกิตูล’’นฺติ (จูฬว. ๒๙๗) อนุญฺญาตานิ ตีณิปิ ตูลานิฯ เอตฺถ จ รุกฺขตูลํ นาม สิมฺพลิรุกฺขาทีนํ เยสํ เกสญฺจิ รุกฺขานํ ตูลํฯ ลตาตูลํ นาม ขีรวลฺลิอาทีนํ ยาสํ กาสญฺจิ วลฺลีนํ ตูลํฯ โปฎกิตูลํ นาม โปฎกิติณาทีนํ เยสํ เกสญฺจิ ติณชาติกานํ อนฺตมโส อุจฺฉุนฬาทีนมฺปิ ตูลํฯ โลมานิ มิคปกฺขีนนฺติ สีหาทิจตุปฺปทานํ, โมราทิปกฺขีนํ โลมานิฯ อิเมติ ภิสิคพฺภาทโย อิเม ทส พิโมฺพหนสฺส คพฺภาติ สมฺพโนฺธฯ

    2832. Bimbohanagabbhaṃ dassetumāha ‘‘bhisī’’tiādi. Pañcevāti yathāvuttacoḷādipañceva. Tathā tūlāni tīṇipīti ‘‘anujānāmi, bhikkhave, tīṇi tūlāni rukkhatūlaṃ latātūlaṃ poṭakitūla’’nti (cūḷava. 297) anuññātāni tīṇipi tūlāni. Ettha ca rukkhatūlaṃ nāma simbalirukkhādīnaṃ yesaṃ kesañci rukkhānaṃ tūlaṃ. Latātūlaṃ nāma khīravalliādīnaṃ yāsaṃ kāsañci vallīnaṃ tūlaṃ. Poṭakitūlaṃ nāma poṭakitiṇādīnaṃ yesaṃ kesañci tiṇajātikānaṃ antamaso ucchunaḷādīnampi tūlaṃ. Lomāni migapakkhīnanti sīhādicatuppadānaṃ, morādipakkhīnaṃ lomāni. Imeti bhisigabbhādayo ime dasa bimbohanassa gabbhāti sambandho.

    ๒๘๓๓. เอวํ กปฺปิยํ ภิสิพิโมฺพหนคพฺภํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ อกปฺปิยํ ทเสฺสตุมาห ‘‘มนุสฺสโลม’’นฺติอาทิฯ โลเมสุ มนุสฺสโลมญฺจ ปุเปฺผสุ พกุลปิยงฺคุปุปฺผาทิกํ สพฺพํ ปุปฺผญฺจ ปเณฺณสุ จ สุทฺธํ เกวลํ ตมาลปตฺตญฺจ น วฎฺฎตีติ โยชนาฯ ‘‘สุทฺธ’’นฺติ อิมินา ตมาลปตฺตํ เสสคเพฺภหิ มิสฺสํ วฎฺฎตีติ พฺยติเรกโต ทีเปติฯ

    2833. Evaṃ kappiyaṃ bhisibimbohanagabbhaṃ dassetvā idāni akappiyaṃ dassetumāha ‘‘manussaloma’’ntiādi. Lomesu manussalomañca pupphesu bakulapiyaṅgupupphādikaṃ sabbaṃ pupphañca paṇṇesu ca suddhaṃ kevalaṃ tamālapattañca na vaṭṭatīti yojanā. ‘‘Suddha’’nti iminā tamālapattaṃ sesagabbhehi missaṃ vaṭṭatīti byatirekato dīpeti.

    ๒๘๓๔. มสูรเกติ จมฺมฉวิภิสิพิโมฺพหเนฯ

    2834.Masūraketi cammachavibhisibimbohane.

    ๒๘๓๕. ‘‘สุทฺธ’’นฺติ อิมินา พฺยติเรกโต ทสฺสิตเมวตฺถํ สรูปโต วิภาเวตุมาห ‘‘มิสฺส’’นฺติอาทิฯ

    2835. ‘‘Suddha’’nti iminā byatirekato dassitamevatthaṃ sarūpato vibhāvetumāha ‘‘missa’’ntiādi.

    ๒๘๓๖. ติรจฺฉานคตสฺส วาติ อนฺตมโส คณฺฑุปฺปาทสฺสาปิฯ กาเรนฺตสฺสาติ จิตฺตกมฺมกฎฺฐกมฺมาทิวเสน การาเปนฺตสฺส วา กโรนฺตสฺส วาฯ

    2836.Tiracchānagatassa vāti antamaso gaṇḍuppādassāpi. Kārentassāti cittakammakaṭṭhakammādivasena kārāpentassa vā karontassa vā.

    ๒๘๓๗. ชาตกนฺติ อปณฺณกชาตกาทิชาตกญฺจฯ วตฺถุนฺติ วิมานวตฺถุอาทิกํ ปสาทชนกํ วา เปตวตฺถุอาทิกํ สํเวคชนกํ วา วตฺถุํฯ วา-สเทฺทน อฎฺฐกถาคตํ อิธ ทสฺสิตปกรณํ สงฺคณฺหาติฯ ปเรหิ วาติ เอตฺถ วา-สโทฺท อวธารเณ, เตน ปเรหิ การาเปตุเมว วฎฺฎติ, น สยํ กาตุนฺติ ทีเปติฯ สยํ กาตุมฺปีติ เอตฺถ อปิ-สโทฺท ปเคว การาเปตุนฺติ ทีเปติฯ

    2837.Jātakanti apaṇṇakajātakādijātakañca. Vatthunti vimānavatthuādikaṃ pasādajanakaṃ vā petavatthuādikaṃ saṃvegajanakaṃ vā vatthuṃ. -saddena aṭṭhakathāgataṃ idha dassitapakaraṇaṃ saṅgaṇhāti. Parehi vāti ettha -saddo avadhāraṇe, tena parehi kārāpetumeva vaṭṭati, na sayaṃ kātunti dīpeti. Sayaṃ kātumpīti ettha api-saddo pageva kārāpetunti dīpeti.

    ๒๘๓๘. โย ปน ภิกฺขุ ทฺวีหิ วเสฺสหิ วา เอเกน วา วเสฺสน ยสฺส ภิกฺขุโน วุฑฺฒตโร วา โหติ ทหรตโร วา, โส เตน ภิกฺขุนา สมานาสนิโก นาม โหตีติ โยชนาฯ

    2838.Yo pana bhikkhu dvīhi vassehi vā ekena vā vassena yassa bhikkhuno vuḍḍhataro vā hoti daharataro vā, so tena bhikkhunā samānāsaniko nāma hotīti yojanā.

    ๒๘๓๙. ‘‘สตฺตวเสฺสน ปญฺจวโสฺส’’ติ อิทํ ทฺวีหิ วเสฺสหิ วุฑฺฒนวกานํ สมานาสนิกเตฺต อุทาหรณํฯ ‘‘ฉ วเสฺสน ปญฺจวโสฺส’’ติ อิทํ เอกวเสฺสน วุฑฺฒนวกานํ สมานาสนิกเตฺต อุทาหรณํฯ

    2839.‘‘Sattavassena pañcavasso’’ti idaṃ dvīhi vassehi vuḍḍhanavakānaṃ samānāsanikatte udāharaṇaṃ. ‘‘Chavassena pañcavasso’’ti idaṃ ekavassena vuḍḍhanavakānaṃ samānāsanikatte udāharaṇaṃ.

    ๒๘๔๐. ยํ ติณฺณํ นิสีทิตุํ ปโหติ, ตํ เหฎฺฐา ทีฆาสนํ นามาติ โยชนาฯ ‘‘สมานาสนิกา มเญฺจ นิสีทิตฺวา มญฺจํ ภินฺทิํสุ, ปีเฐ นิสีทิตฺวา ปีฐํ ภินฺทิํสู’’ติ (จูฬว. ๓๒๐) อาโรปิเต วตฺถุมฺหิ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ทุวคฺคสฺส มญฺจํ ทุวคฺคสฺส ปีฐ’’นฺติ (จูฬว. ๓๒๐) อนุญฺญาตตฺตา ‘‘เทฺว’’ติ สมานาสนิเก เทฺว สนฺธาย วุตฺตํฯ

    2840. Yaṃ tiṇṇaṃ nisīdituṃ pahoti, taṃ heṭṭhā dīghāsanaṃ nāmāti yojanā. ‘‘Samānāsanikā mañce nisīditvā mañcaṃ bhindiṃsu, pīṭhe nisīditvā pīṭhaṃ bhindiṃsū’’ti (cūḷava. 320) āropite vatthumhi ‘‘anujānāmi, bhikkhave, duvaggassa mañcaṃ duvaggassa pīṭha’’nti (cūḷava. 320) anuññātattā ‘‘dve’’ti samānāsanike dve sandhāya vuttaṃ.

    ๒๘๔๑. อุภโตพฺยญฺชนํ , อิตฺถิํ, ปณฺฑกํ ฐเปตฺวา สเพฺพหิปิ คหเฎฺฐหิ, ปพฺพชิเตหิ วา ปุริเสหิ สห ทีฆาสเน นิสีทิตุํ อนุญฺญาตนฺติ โยชนาฯ โปตฺถเกสุ ปน กตฺถจิ ‘‘สเพฺพส’’นฺติ สามิวจนโนฺต ปาโฐ ทิสฺสติ, ตโต ‘‘สเพฺพหิปี’’ติ กรณวจนโนฺตว ปาโฐ ยุตฺตตโรฯ กรณวจนปฺปสเงฺค วา สามิวจนนิเทฺทโสติ เวทิตพฺพํฯ ยถาห ‘‘ยํ ติณฺณํ ปโหติ, ตํ สํหาริมํ วา โหตุ อสํหาริมํ วา, ตถารูเป อปิ ผลกขเณฺฑ อนุปสมฺปเนฺนนาปิ สทฺธิํ นิสีทิตุํ วฎฺฎตี’’ติ (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๒๐)ฯ

    2841. Ubhatobyañjanaṃ , itthiṃ, paṇḍakaṃ ṭhapetvā sabbehipi gahaṭṭhehi, pabbajitehi vā purisehi saha dīghāsane nisīdituṃ anuññātanti yojanā. Potthakesu pana katthaci ‘‘sabbesa’’nti sāmivacananto pāṭho dissati, tato ‘‘sabbehipī’’ti karaṇavacanantova pāṭho yuttataro. Karaṇavacanappasaṅge vā sāmivacananiddesoti veditabbaṃ. Yathāha ‘‘yaṃ tiṇṇaṃ pahoti, taṃ saṃhārimaṃ vā hotu asaṃhārimaṃ vā, tathārūpe api phalakakhaṇḍe anupasampannenāpi saddhiṃ nisīdituṃ vaṭṭatī’’ti (cūḷava. aṭṭha. 320).

    ๒๘๔๒. ปุริมิโกติ ญตฺติทุติยาย กมฺมวาจาย สมฺมเตน ‘‘น ฉนฺทาคติํ คเจฺฉยฺย…เป.… คหิตาคหิตญฺจ ชาเนยฺยา’’ติ (จูฬว. ๓๑๗) วุเตฺตหิ ปญฺจหิ อเงฺคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา ปุริมวสฺสูปนายิกทิวเส ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปฐมํ ภิกฺขู คเณตุํ, ปฐมํ ภิกฺขู คเณตฺวา เสยฺยา คเณตุํ, เสยฺยา คเณตฺวา เสยฺยเคฺคน คาเหตุ’’นฺติอาทินา (จูฬว. ๓๑๘) นเยน อนุญฺญาตนิยาเมเนว เสนาสนคฺคาหาปนํ ปุริมิโก นาม เสนาสนคฺคาโหฯ เอวเมว ปจฺฉิมิกาย วสฺสูปนายิกทิวเส เสนาสนคฺคาหาปนํ ปจฺฉิมิโก นามฯ เอวเมว มหาปวารณาทิวสสฺส อนนฺตรทิวเส ‘‘ภเนฺต, อนฺตรามุตฺตกํ เสนาสนํ คณฺหถา’’ติ วตฺวา วุฑฺฒปฎิปาฎิยา เสนาสนคฺคาหาปนํ อนฺตรามุตฺตโก นามฯ ปกาสิโต ‘‘อปรชฺชุคตาย อาสาฬฺหิยาปุริมิโก คาหาเปตโพฺพ, มาสคตาย อาสาฬฺหิยา ปจฺฉิมิโก คาเหตโพฺพ, อปรชฺชุคตาย ปวารณาย อายติํ วสฺสาวาสตฺถาย อนฺตรามุตฺตโก คาเหตโพฺพ’’ติ (จูฬว. ๓๑๘) วุโตฺตฯ

    2842.Purimikoti ñattidutiyāya kammavācāya sammatena ‘‘na chandāgatiṃ gaccheyya…pe… gahitāgahitañca jāneyyā’’ti (cūḷava. 317) vuttehi pañcahi aṅgehi samannāgatena bhikkhunā purimavassūpanāyikadivase ‘‘anujānāmi, bhikkhave, paṭhamaṃ bhikkhū gaṇetuṃ, paṭhamaṃ bhikkhū gaṇetvā seyyā gaṇetuṃ, seyyā gaṇetvā seyyaggena gāhetu’’ntiādinā (cūḷava. 318) nayena anuññātaniyāmeneva senāsanaggāhāpanaṃ purimiko nāma senāsanaggāho. Evameva pacchimikāya vassūpanāyikadivase senāsanaggāhāpanaṃ pacchimiko nāma. Evameva mahāpavāraṇādivasassa anantaradivase ‘‘bhante, antarāmuttakaṃ senāsanaṃ gaṇhathā’’ti vatvā vuḍḍhapaṭipāṭiyā senāsanaggāhāpanaṃ antarāmuttako nāma. Pakāsito ‘‘aparajjugatāya āsāḷhiyāpurimiko gāhāpetabbo, māsagatāya āsāḷhiyā pacchimiko gāhetabbo, aparajjugatāya pavāraṇāya āyatiṃ vassāvāsatthāya antarāmuttako gāhetabbo’’ti (cūḷava. 318) vutto.

    ๒๘๔๓. วุตฺตเมวตฺถํ นิยเมตฺวา ทเสฺสตุมาห ‘‘ปุพฺพารุณา’’ติอาทิฯ อิธ ปาฎิปทา นาม เทฺว วสฺสูปนายิกทิวสา เจว มหาปวารณาย อนนฺตรทิวโส จฯ อิเมสํ ติณฺณํ ปาฎิปททิวสานํ อรุโณ ปุพฺพารุโณ นามฯ เต ทิวเส อติกฺกมฺม ทุติยติถิปฎิพโทฺธ อรุโณ ปุนารุโณ นามฯ อิทนฺติ อุภยารุณานนฺตรํฯ เสนาสนคาหกสฺสาติ เอตฺถ สกเตฺถ ก-ปจฺจโย, เสนาสนคฺคาหสฺสาติ อโตฺถฯ ยถาห – ‘‘อิทญฺหิ เสนาสนคฺคาหสฺส เขตฺต’’นฺติฯ วสฺสูปคเต วสฺสูปคเม กาตเพฺพ สติ, สาเธตพฺพปโยชเน ภุมฺมํฯ วสฺสูปคเตติ วา นิมิตฺตเตฺถ ภุมฺมํฯ ปุริมิกาย, หิ ปจฺฉิมิกาย จ วสฺสูปคมนสฺส ตํ ตทหุ เสนาสนคฺคาโห นิมิตฺตํ, อนฺตรามุตฺตโก ปน อาคมิโน วสฺสูปคมนสฺสาติ เอวํ ติวิโธปิ เสนาสนคฺคาโห วสฺสูปคมนสฺส นิมิตฺตํ โหติฯ

    2843. Vuttamevatthaṃ niyametvā dassetumāha ‘‘pubbāruṇā’’tiādi. Idha pāṭipadā nāma dve vassūpanāyikadivasā ceva mahāpavāraṇāya anantaradivaso ca. Imesaṃ tiṇṇaṃ pāṭipadadivasānaṃ aruṇo pubbāruṇo nāma. Te divase atikkamma dutiyatithipaṭibaddho aruṇo punāruṇo nāma. Idanti ubhayāruṇānantaraṃ. Senāsanagāhakassāti ettha sakatthe ka-paccayo, senāsanaggāhassāti attho. Yathāha – ‘‘idañhi senāsanaggāhassa khetta’’nti. Vassūpagate vassūpagame kātabbe sati, sādhetabbapayojane bhummaṃ. Vassūpagateti vā nimittatthe bhummaṃ. Purimikāya, hi pacchimikāya ca vassūpagamanassa taṃ tadahu senāsanaggāho nimittaṃ, antarāmuttako pana āgamino vassūpagamanassāti evaṃ tividhopi senāsanaggāho vassūpagamanassa nimittaṃ hoti.

    ๒๘๔๔. ปาฎิปททิวสสฺส อรุเณ อุคฺคเตเยว เสนาสเน ปน คาหิเต อโญฺญ ภิกฺขุ อาคนฺตฺวา สเจ เสนาสนปญฺญาปกํ เสนาสนํ ยาจติ, โส ภิกฺขุ เสนาสนปญฺญาปเกน ‘‘เสนาสนํ คาหิต’’นฺติ วตฺตโพฺพติ โยชนาฯ

    2844. Pāṭipadadivasassa aruṇe uggateyeva senāsane pana gāhite añño bhikkhu āgantvā sace senāsanapaññāpakaṃ senāsanaṃ yācati, so bhikkhu senāsanapaññāpakena ‘‘senāsanaṃ gāhita’’nti vattabboti yojanā.

    ๒๘๔๕. วสฺสาวาสสฺส อิทํ วสฺสาวาสิกํ, วสฺสํวุตฺถานํ ทาตพฺพจีวรํ, คาถาพนฺธวเสน ‘‘วสฺสวาสิก’’นฺติ รสฺสตฺตํฯ สงฺฆิกํ อปโลเกตฺวา คหิตํ วสฺสาวาสิกํ จีวรํ สเจ ตตฺรชํ ตตฺรุปฺปาทํ โหติ, อโนฺตวเสฺส วิพฺภโนฺตปิ ลภเตติ โยชนาฯ ‘‘ตตฺรชํ สเจ’’ติ อิมินา จสฺส ทายกานํ วสฺสาวาสิกปจฺจยวเสน คาหิตํ ปน น ลภตีติ ทีเปติฯ ยถาห – ‘‘ปจฺจยวเสน คาหิตํ ปน น ลภตีติ วทนฺตี’’ติ (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๑๘)ฯ

    2845. Vassāvāsassa idaṃ vassāvāsikaṃ, vassaṃvutthānaṃ dātabbacīvaraṃ, gāthābandhavasena ‘‘vassavāsika’’nti rassattaṃ. Saṅghikaṃ apaloketvā gahitaṃ vassāvāsikaṃ cīvaraṃ sace tatrajaṃ tatruppādaṃ hoti, antovasse vibbhantopi labhateti yojanā. ‘‘Tatrajaṃ sace’’ti iminā cassa dāyakānaṃ vassāvāsikapaccayavasena gāhitaṃ pana na labhatīti dīpeti. Yathāha – ‘‘paccayavasena gāhitaṃ pana na labhatīti vadantī’’ti (cūḷava. aṭṭha. 318).

    ๒๘๔๖-๘. สเจ วุตฺถวโสฺส โย ภิกฺขุ อาวาสิกหตฺถโต กิญฺจิ ติจีวราทิกํ กปฺปิยภณฺฑํ อตฺตโน คเหตฺวา ‘‘อสุกสฺมิํ กุเล มยฺหํ คหิตํ วสฺสาวาสิกจีวรํ คณฺห’’ อิติ เอวํ วตฺวา ตสฺส อาวาสิกสฺส ทตฺวา ทิสํ คจฺฉติ ปกฺกมติ, โส ตตฺถ คตฎฺฐาเน สเจ อุปฺปพฺพชติ คิหี โหติ, ตสฺส ทิสํคตสฺส สมฺปตฺตํ ตํ วสฺสาวาสิกํ เตน ตถา ทินฺนมฺปิ อาวาสิโก ภิกฺขุ คเหตุํ น ลภติ, ตสฺส ปาปิตํ วสฺสาวาสิกจีวรํ สงฺฆิกํเยว สิยาติ โยชนาฯ ยถาห – ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, วสฺสํวุโตฺถ ภิกฺขุ วิพฺภมติ, สงฺฆเสฺสเวต’’นฺติฯ

    2846-8. Sace vutthavasso yo bhikkhu āvāsikahatthato kiñci ticīvarādikaṃ kappiyabhaṇḍaṃ attano gahetvā ‘‘asukasmiṃ kule mayhaṃ gahitaṃ vassāvāsikacīvaraṃ gaṇha’’ iti evaṃ vatvā tassa āvāsikassa datvā disaṃ gacchati pakkamati, so tattha gataṭṭhāne sace uppabbajati gihī hoti, tassa disaṃgatassa sampattaṃ taṃ vassāvāsikaṃ tena tathā dinnampi āvāsiko bhikkhu gahetuṃ na labhati, tassa pāpitaṃ vassāvāsikacīvaraṃ saṅghikaṃyeva siyāti yojanā. Yathāha – ‘‘idha, bhikkhave, vassaṃvuttho bhikkhu vibbhamati, saṅghasseveta’’nti.

    ๒๘๔๙. ตสฺมิํ กุเล ทายเก มนุเสฺส สมฺมุขา เจ ปฎิจฺฉาเปติ, ตสฺส ทิสํคมิสฺส สมฺปตฺตํ วสฺสาวาสิกจีวรํ อาวาสิโก ลภตีติ โยชนาฯ

    2849. Tasmiṃ kule dāyake manusse sammukhā ce paṭicchāpeti, tassa disaṃgamissa sampattaṃ vassāvāsikacīvaraṃ āvāsiko labhatīti yojanā.

    ๒๘๕๐. ตตฺถ อาราโม นาม ปุปฺผาราโม วา ผลาราโม วาฯ วิหาโร นาม ยํ กิญฺจิ ปาสาทาทิเสนาสนํฯ วตฺถูนิ ทุวิธสฺสปีติ อารามวตฺถุ, วิหารวตฺถูติ ทุวิธสฺส วตฺถูนิ จฯ อารามวตฺถุ นาม เตสํเยว อารามานํ อตฺถาย ปริจฺฉินฺทิตฺวา ฐปิโตกาโส, เตสุ วา อาราเมสุ วินเฎฺฐสุ เตสํ โปราณกภูมิภาโคฯ วิหารวตฺถุ นาม ตสฺส ปติฎฺฐาโนกาโสฯ ภิสิ นาม อุณฺณภิสิอาทีนํ ปญฺจนฺนํ อญฺญตราฯ พิโมฺพหนํ นาม วุตฺตปฺปการานํ พิโมฺพหนานํ อญฺญตรํฯ มญฺจํ นาม มสารโก พุนฺทิกาพโทฺธ, กุฬีรปาทโก, อาหจฺจปาทโกติ อิเมสํ ปุเพฺพ วุตฺตานํ จตุนฺนํ มญฺจานํ อญฺญตรํฯ ปีฐํ นาม มสารกาทีนํเยว จตุนฺนํ ปีฐานํ อญฺญตรํฯ

    2850. Tattha ārāmo nāma pupphārāmo vā phalārāmo vā. Vihāro nāma yaṃ kiñci pāsādādisenāsanaṃ. Vatthūni duvidhassapīti ārāmavatthu, vihāravatthūti duvidhassa vatthūni ca. Ārāmavatthu nāma tesaṃyeva ārāmānaṃ atthāya paricchinditvā ṭhapitokāso, tesu vā ārāmesu vinaṭṭhesu tesaṃ porāṇakabhūmibhāgo. Vihāravatthu nāma tassa patiṭṭhānokāso. Bhisi nāma uṇṇabhisiādīnaṃ pañcannaṃ aññatarā. Bimbohanaṃ nāma vuttappakārānaṃ bimbohanānaṃ aññataraṃ. Mañcaṃ nāma masārako bundikābaddho, kuḷīrapādako, āhaccapādakoti imesaṃ pubbe vuttānaṃ catunnaṃ mañcānaṃ aññataraṃ. Pīṭhaṃ nāma masārakādīnaṃyeva catunnaṃ pīṭhānaṃ aññataraṃ.

    ๒๘๕๑. โลหกุมฺภี นาม กาฬโลเหน วา ตมฺพโลเหน วา เยน เกนจิ โลเหน กตา กุมฺภีฯ กฎาโห ปากโฎวฯ ‘‘ภาณก’’นฺติ อลญฺชโร วุจฺจติฯ อลญฺชโรติ จ พหุอุทกคณฺหนิกา มหาจาฎิ, ชลํ คณฺหิตุํ อลนฺติ อลญฺชโรฯ ‘‘วฎฺฎจาฎิ วิย หุตฺวา โถกํ ทีฆมุโข มเชฺฌ ปริเจฺฉทํ ทเสฺสตฺวา กโต’’ติ คณฺฐิปเท วุตฺตํฯ วารโกติ ฆโฎฯ กุ วุจฺจติ ปถวี, ตสฺสา ทาลนโต วิทารณโต ‘‘กุทาโล’’ติ อโยมยอุปกรณวิเสโส วุจฺจติฯ

    2851.Lohakumbhī nāma kāḷalohena vā tambalohena vā yena kenaci lohena katā kumbhī. Kaṭāho pākaṭova. ‘‘Bhāṇaka’’nti alañjaro vuccati. Alañjaroti ca bahuudakagaṇhanikā mahācāṭi, jalaṃ gaṇhituṃ alanti alañjaro. ‘‘Vaṭṭacāṭi viya hutvā thokaṃ dīghamukho majjhe paricchedaṃ dassetvā kato’’ti gaṇṭhipade vuttaṃ. Vārakoti ghaṭo. Ku vuccati pathavī, tassā dālanato vidāraṇato ‘‘kudālo’’ti ayomayaupakaraṇaviseso vuccati.

    ๒๘๕๒. วลฺลิเวฬุอาทีสุ เวฬูติ มหาเวณุฯ ติณนฺติ เคหจฺฉาทนํ ติณํฯ ปณฺณํ ตาลปณฺณาทิกํฯ มุญฺชนฺติ มุญฺชติณํฯ ปพฺพชนฺติ ปพฺพชติณํ, มตฺติกา ปกติมตฺติกา วา เครุกาทิปญฺจวณฺณา วา มตฺติกาฯ อาห จ อฎฺฐกถาจริโยฯ

    2852.Valliveḷuādīsu veḷūti mahāveṇu. Tiṇanti gehacchādanaṃ tiṇaṃ. Paṇṇaṃ tālapaṇṇādikaṃ. Muñjanti muñjatiṇaṃ. Pabbajanti pabbajatiṇaṃ, mattikā pakatimattikā vā gerukādipañcavaṇṇā vā mattikā. Āha ca aṭṭhakathācariyo.

    ๒๘๕๓. เทฺวติ ปฐมทุติยครุภณฺฑานิฯ ทฺวีหิ สงฺคหิตานิ ‘‘อาโรโม, อารามวตฺถุ, อิทํ ปฐมํฯ วิหาโร, วิหารวตฺถุ, อิทํ ทุติย’’นฺติ (จูฬว. ๓๒๑-๓๒๒) วุตฺตตฺตาฯ จตุสงฺคหนฺติ จตูหิ ภิสิอาทีหิ สงฺคโห ยสฺสาติ วิคฺคโหฯ นวโกฎฺฐาสนฺติ โลหกุมฺภิอาทโย นว โกฎฺฐาสา อสฺสาติ วิคฺคโหฯ อฎฺฐธา วลฺลิอาทีหิ อฎฺฐหิ ปกาเรหิฯ

    2853.Dveti paṭhamadutiyagarubhaṇḍāni. Dvīhi saṅgahitāni ‘‘āromo, ārāmavatthu, idaṃ paṭhamaṃ. Vihāro, vihāravatthu, idaṃ dutiya’’nti (cūḷava. 321-322) vuttattā. Catusaṅgahanti catūhi bhisiādīhi saṅgaho yassāti viggaho. Navakoṭṭhāsanti lohakumbhiādayo nava koṭṭhāsā assāti viggaho. Aṭṭhadhā valliādīhi aṭṭhahi pakārehi.

    ๒๘๕๔. อิตีติ นิทสฺสนเตฺถฯ เอวํ วุตฺตนเยน ปญฺจหิ ราสีหิ นิทฺทิฎฺฐานํ ครุภณฺฑคณนานํ ปิณฺฑวเสน ปญฺจวีสติวิธํ ครุภณฺฑํ ปญฺจนิมฺมลโลจโน นาโถ ปกาสยีติ โยชนาฯ ปญฺจ นิมฺมลานิ โลจนานิ ยสฺสาติ วิคฺคโห, มํสทิพฺพธมฺมพุทฺธสมนฺตจกฺขุวเสน ปญฺจวิธวิปฺปสนฺนโลจโนติ อโตฺถฯ

    2854.Itīti nidassanatthe. Evaṃ vuttanayena pañcahi rāsīhi niddiṭṭhānaṃ garubhaṇḍagaṇanānaṃ piṇḍavasena pañcavīsatividhaṃ garubhaṇḍaṃ pañcanimmalalocano nātho pakāsayīti yojanā. Pañca nimmalāni locanāni yassāti viggaho, maṃsadibbadhammabuddhasamantacakkhuvasena pañcavidhavippasannalocanoti attho.

    ๒๘๕๕. วิสฺสเชฺชโนฺตติ อิสฺสรวตาย ปรสฺส วิสฺสเชฺชโนฺตฯ วิภาเชโนฺตติ วสฺสเคฺคน ปาเปตฺวา วิภาเชโนฺตฯ อิทญฺหิ สพฺพมฺปิ ครุภณฺฑํ เสนาสนกฺขนฺธเก (จูฬว. ๓๒๑) ‘‘อวิสฺสชฺชิยํฯ กิฎาคิริวตฺถุมฺหิ (จูฬว. ๓๒๒) อเวภงฺคิย’’นฺติ จ วุตฺตํฯ อุภยตฺถ อาคตโวหารเภททสฺสนมุเขน ตตฺถ วิปฺปฎิปชฺชนฺตสฺส อาปตฺติํ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘ภิกฺขุ ถุลฺลจฺจยํ ผุเส’’ติฯ ปริวาเร ปน –

    2855.Vissajjentoti issaravatāya parassa vissajjento. Vibhājentoti vassaggena pāpetvā vibhājento. Idañhi sabbampi garubhaṇḍaṃ senāsanakkhandhake (cūḷava. 321) ‘‘avissajjiyaṃ. Kiṭāgirivatthumhi (cūḷava. 322) avebhaṅgiya’’nti ca vuttaṃ. Ubhayattha āgatavohārabhedadassanamukhena tattha vippaṭipajjantassa āpattiṃ dassento āha ‘‘bhikkhu thullaccayaṃ phuse’’ti. Parivāre pana –

    อวิสฺสชฺชิยํ อเวภงฺคิยํ, ปญฺจ วุตฺตา มเหสินา;

    Avissajjiyaṃ avebhaṅgiyaṃ, pañca vuttā mahesinā;

    วิสฺสเชฺชนฺตสฺส ปริภุญฺชนฺตสฺส อนาปตฺติ;

    Vissajjentassa paribhuñjantassa anāpatti;

    ปญฺหา เมสา กุสเลหิ จินฺติตาติฯ (ปริ. ๔๗๙) –

    Pañhā mesā kusalehi cintitāti. (pari. 479) –

    อาคตํฯ ตสฺมา มูลเจฺฉชฺชวเสน อวิสฺสชฺชิยํ, อเวภงฺคิยญฺจ, ปริวตฺตนวเสน ปน วิสฺสเชฺชนฺตสฺส, ปริภุญฺชนฺตสฺส จ อนาปตฺตีติ เอวเมตฺถ อธิปฺปาโยฯ

    Āgataṃ. Tasmā mūlacchejjavasena avissajjiyaṃ, avebhaṅgiyañca, parivattanavasena pana vissajjentassa, paribhuñjantassa ca anāpattīti evamettha adhippāyo.

    ๒๘๕๖. ภิกฺขุนา ปุคฺคเลน วา สเงฺฆน วา คเณน วา ครุภณฺฑํ ตุ วิสฺสชฺชิตํ อวิสฺสฎฺฐเมว โหติ, วิภตฺตญฺจ อวิภาชิตเมว โหตีติ โยชนาฯ

    2856.Bhikkhunā puggalena vā saṅghena vā gaṇena vā garubhaṇḍaṃ tu vissajjitaṃ avissaṭṭhameva hoti, vibhattañca avibhājitameva hotīti yojanā.

    ๒๘๕๗. เอตฺถ เอเตสุ ปญฺจสุ ครุภเณฺฑสุ ปุริเมสุ ตีสุ อครุภณฺฑกํ กิญฺจิ น จ อตฺถีติ โยชนาฯ จตุเตฺถ ปน ครุภเณฺฑ อฎฺฐกถาย ‘‘โลหกุมฺภี, โลหภาณกํ, โลหกฎาหนฺติ อิมานิ ตีณิ มหนฺตานิ วา โหนฺตุ ขุทฺทกานิ วา, อนฺตมโส ปสตมตฺตอุทกคณฺหนกานิปิ ครุภณฺฑานิเยวา’’ติ วุตฺตนยํ ทเสฺสตุมาห ‘‘โลหกุมฺภี’’ติอาทิฯ

    2857.Ettha etesu pañcasu garubhaṇḍesu purimesu tīsu agarubhaṇḍakaṃ kiñci na ca atthīti yojanā. Catutthe pana garubhaṇḍe aṭṭhakathāya ‘‘lohakumbhī, lohabhāṇakaṃ, lohakaṭāhanti imāni tīṇi mahantāni vā hontu khuddakāni vā, antamaso pasatamattaudakagaṇhanakānipi garubhaṇḍāniyevā’’ti vuttanayaṃ dassetumāha ‘‘lohakumbhī’’tiādi.

    ๒๘๕๘. อิทํ ติวิธนฺติ สมฺพโนฺธฯ ปาทคณฺหนโกติ เอตฺถ ปาโท นาม มคธนาฬิยา ปญฺจนาฬิมตฺตคณฺหนโก ภาชนวิเสโสฯ ภาชนานํ ปมาณํ กโรนฺตา สีหฬทีเป เยภุเยฺยน เตเนว ปาเทน มินนฺติฯ ตสฺมา อฎฺฐกถายํ ‘‘สีหฬทีเป ปาทคณฺหนโก ภาเชตโพฺพ’’ติ (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๒๑) วุตฺตํฯ โลหวารโกติ กาฬโลหตมฺพโลหวฎฺฎโลหกํสโลหานํ เยน เกนจิ กโตฯ ภาชิโยติ ภาเชตโพฺพฯ

    2858. Idaṃ tividhanti sambandho. Pādagaṇhanakoti ettha pādo nāma magadhanāḷiyā pañcanāḷimattagaṇhanako bhājanaviseso. Bhājanānaṃ pamāṇaṃ karontā sīhaḷadīpe yebhuyyena teneva pādena minanti. Tasmā aṭṭhakathāyaṃ ‘‘sīhaḷadīpe pādagaṇhanako bhājetabbo’’ti (cūḷava. aṭṭha. 321) vuttaṃ. Lohavārakoti kāḷalohatambalohavaṭṭalohakaṃsalohānaṃ yena kenaci kato. Bhājiyoti bhājetabbo.

    ๒๘๕๙. ตโต อุทฺธนฺติ ตโต ปาทคณฺหนกวารกโต อุทฺธํ อธิกํ คณฺหนโกฯ เอวํ ปาฬิอาคตานํ วินิจฺฉยํ ทเสฺสตฺวา อฎฺฐกถาคตานํ (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๒๑) ทเสฺสตุมาห ‘‘ภิงฺคาราทีนี’’ติอาทิฯ ภิงฺคาโร นาม อุกฺขิตฺตหตฺถิโสณฺฑากาเรน กตชลนิคฺคมกณฺณิโก อุจฺจคีโว มหามุขอุทกภาชนวิเสโสฯ อาทิ-สเทฺทน อฎฺฐกถาคตานิ ‘‘ปฎิคฺคหอุฬุงฺกทพฺพิกฎจฺฉุปาติตฎฺฎกสรกสมุคฺคองฺคารกปลฺลธูมกฎจฺฉุอาทีนิ ขุทฺทกานิ วา มหนฺตานิ วา’’ติ (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๒๑) วุตฺตานิ สงฺคณฺหาติฯ สพฺพานีติ ขุทฺทกานิ วา มหนฺตานิ วาฯ

    2859.Tato uddhanti tato pādagaṇhanakavārakato uddhaṃ adhikaṃ gaṇhanako. Evaṃ pāḷiāgatānaṃ vinicchayaṃ dassetvā aṭṭhakathāgatānaṃ (cūḷava. aṭṭha. 321) dassetumāha ‘‘bhiṅgārādīnī’’tiādi. Bhiṅgāro nāma ukkhittahatthisoṇḍākārena katajalaniggamakaṇṇiko uccagīvo mahāmukhaudakabhājanaviseso. Ādi-saddena aṭṭhakathāgatāni ‘‘paṭiggahauḷuṅkadabbikaṭacchupātitaṭṭakasarakasamuggaaṅgārakapalladhūmakaṭacchuādīni khuddakāni vā mahantāni vā’’ti (cūḷava. aṭṭha. 321) vuttāni saṅgaṇhāti. Sabbānīti khuddakāni vā mahantāni vā.

    ๒๘๖๐. ตมฺพถาลกา อยถาลกา ภาเชตพฺพาติ โยชนาฯ -สเทฺทน อฎฺฐกถายํ วุตฺตํ ‘‘ฐเปตฺวา ปน ภาชนวิกติํ อญฺญสฺมิมฺปิ กปฺปิยโลหภเณฺฑ อญฺชนี อญฺชนิสลากา กณฺณมลหรณี สูจิ ปณฺณสูจิ ขุทฺทโก ปิปฺผลโก ขุทฺทกํ อารกณฺฎกํ กุญฺจิกา ตาฬํ กตฺตรยฎฺฐิเวธโก นตฺถุทานํ ภินฺทิวาโล โลหกูโฎ โลหกุฎฺฎิ โลหคุโฬ โลหปิณฺฑิ โลหอรณี จกฺกลิกํ อญฺญมฺปิ วิปฺปกตํ โลหภณฺฑํ ภาชิย’’นฺติ (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๒๑) วจนํ สงฺคณฺหาติฯ ธูมเนตฺตนฺติ ธูมนาฬิกาฯ อาทิ-สเทฺทน ‘‘ผาลทีปรุกฺขทีปกปลฺลกโอลมฺพกทีปกอิตฺถิปุริสติรจฺฉานคตรูปกานิ ปน อญฺญานิ วา ภิตฺติจฺฉทนกวาฎาทีสุ อุปเนตพฺพานิ อนฺตมโส โลหขิลกํ อุปาทาย สพฺพานิ โลหภณฺฑานิ ครุภณฺฑานิเยว โหนฺตี’’ติ (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๒๑) วุตฺตํ สงฺคณฺหาติฯ

    2860. Tambathālakā ayathālakā bhājetabbāti yojanā. Ca-saddena aṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ ‘‘ṭhapetvā pana bhājanavikatiṃ aññasmimpi kappiyalohabhaṇḍe añjanī añjanisalākā kaṇṇamalaharaṇī sūci paṇṇasūci khuddako pipphalako khuddakaṃ ārakaṇṭakaṃ kuñcikā tāḷaṃ kattarayaṭṭhivedhako natthudānaṃ bhindivālo lohakūṭo lohakuṭṭi lohaguḷo lohapiṇḍi lohaaraṇī cakkalikaṃ aññampi vippakataṃ lohabhaṇḍaṃ bhājiya’’nti (cūḷava. aṭṭha. 321) vacanaṃ saṅgaṇhāti. Dhūmanettanti dhūmanāḷikā. Ādi-saddena ‘‘phāladīparukkhadīpakapallakaolambakadīpakaitthipurisatiracchānagatarūpakāni pana aññāni vā bhitticchadanakavāṭādīsu upanetabbāni antamaso lohakhilakaṃ upādāya sabbāni lohabhaṇḍāni garubhaṇḍāniyeva hontī’’ti (cūḷava. aṭṭha. 321) vuttaṃ saṅgaṇhāti.

    ๒๘๖๑. อตฺตนา ปฎิลทฺธนฺติ เอตฺถ ปิ-สโทฺท ลุตฺตนิทฺทิโฎฺฐ, อตฺตนา ปฎิลทฺธมฺปีติ อโตฺถฯ ภิกฺขุนา อตฺตนา ปฎิลทฺธมฺปิ ตํ โลหภณฺฑํ กิญฺจิปิ ปุคฺคลิกปริโภเคน น ภุญฺชิตพฺพนฺติ โยชนาฯ

    2861.Attanā paṭiladdhanti ettha pi-saddo luttaniddiṭṭho, attanā paṭiladdhampīti attho. Bhikkhunā attanā paṭiladdhampi taṃ lohabhaṇḍaṃ kiñcipi puggalikaparibhogena na bhuñjitabbanti yojanā.

    ๒๘๖๒. กํสวฎฺฎโลหานํ วิการภูตานิ ตมฺพมยภาชนานิปิ ปุคฺคลิกปริโภเคน สพฺพโส ปริภุญฺชิตุํ น วฎฺฎนฺตีติ โยชนาฯ

    2862. Kaṃsavaṭṭalohānaṃ vikārabhūtāni tambamayabhājanānipi puggalikaparibhogena sabbaso paribhuñjituṃ na vaṭṭantīti yojanā.

    ๒๘๖๓. เอเสว นโยติ ‘‘น ปุคฺคลิกโภเคนา’’ติอาทินา ทสฺสิตนโยฯ สงฺฆิเกสุ วา คิหีนํ สนฺตเกสุ วา ยถาวุตฺตภเณฺฑสุ ปริโภคปจฺจยา โทโส น อตฺถีติ โยชนาฯ ‘‘กํสโลหาทิภาชนํ สงฺฆสฺส ทินฺนมฺปิ ปาริหาริยํ น วฎฺฎติ, คิหิวิกตนีหาเรเนว ปริภุญฺชิตพฺพ’’นฺติ (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๒๑) มหาปจฺจริยํ วุตฺตํฯ เอตฺถ จ ปาริหาริยํ น วฎฺฎติ อตฺตโน สนฺตกํ วิย คเหตฺวา ปริภุญฺชิตุํ น วฎฺฎตีติฯ ‘‘คิหิวิกตนีหาเรเนว ปริภุญฺชิตพฺพ’’นฺติ อิมินา สเจ อารามิกาทโย ปฎิสาเมตฺวา ปฎิเทนฺติ, ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎตีติ ทเสฺสติฯ

    2863.Eseva nayoti ‘‘na puggalikabhogenā’’tiādinā dassitanayo. Saṅghikesu vā gihīnaṃ santakesu vā yathāvuttabhaṇḍesu paribhogapaccayā doso na atthīti yojanā. ‘‘Kaṃsalohādibhājanaṃ saṅghassa dinnampi pārihāriyaṃ na vaṭṭati, gihivikatanīhāreneva paribhuñjitabba’’nti (cūḷava. aṭṭha. 321) mahāpaccariyaṃ vuttaṃ. Ettha ca pārihāriyaṃ na vaṭṭati attano santakaṃ viya gahetvā paribhuñjituṃ na vaṭṭatīti. ‘‘Gihivikatanīhārenevaparibhuñjitabba’’nti iminā sace ārāmikādayo paṭisāmetvā paṭidenti, paribhuñjituṃ vaṭṭatīti dasseti.

    ๒๘๖๔. ขีรปาสาณนฺติ มุทุกา ปาณชาติฯ วุตฺตญฺหิ มาติกาฎฺฐกถาคณฺฐิปเท ‘‘ขีรปาสาโณ นาม มุทุโก ปาสาโณ’’ติฯ ครุกนฺติ ครุภณฺฑํฯ ตฎฺฎกาทิกนฺติ อาทิ-สเทฺทน สรกาทีนํ สงฺคโหฯ ฆฎโกติ ขีรปาสาณมโยเยว วารโกฯ ‘‘ปาทคณฺหนโต อุทฺธ’’นฺติ อิมินา ปาทคณฺหนโก อครุภณฺฑนฺติ ทีเปติฯ

    2864.Khīrapāsāṇanti mudukā pāṇajāti. Vuttañhi mātikāṭṭhakathāgaṇṭhipade ‘‘khīrapāsāṇo nāma muduko pāsāṇo’’ti. Garukanti garubhaṇḍaṃ. Taṭṭakādikanti ādi-saddena sarakādīnaṃ saṅgaho. Ghaṭakoti khīrapāsāṇamayoyeva vārako. ‘‘Pādagaṇhanato uddha’’nti iminā pādagaṇhanako agarubhaṇḍanti dīpeti.

    ๒๘๖๕. ‘‘สุวณฺณรชตหารกูฎชาติผลิกภาชนานิ คิหิวิกตานิปิ น วฎฺฎนฺติ, ปเคว สงฺฆิกปริโภเคน วา ปุคฺคลิกปริโภเคน วา’’ติ (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๒๑) อฎฺฐกถายํ วุตฺตนยํ ทเสฺสตุมาห ‘‘สิงฺคี’’ติอาทิฯ สิงฺคีติ สุวณฺณํฯ สชฺฌุ รชตํฯ หารกูฎํ นาม สุวณฺณวณฺณํ โลหชาตํฯ ผลิเกน อุพฺภวํ ชาตํ, ผลิกมยํ ภาชนนฺติ อโตฺถฯ คิหีนํ สนฺตกานิปีติ อปิ-สเทฺทน คิหิวิกตปริโภเคนาปิ ตาว น วฎฺฎนฺติ, ปเคว สงฺฆิกปริโภเคน วา ปุคฺคลิกปริโภเคน วาติ ทีเปติฯ เสนาสนปริโภเค ปน อามาสมฺปิ อนามาสมฺปิ สพฺพํ วฎฺฎติฯ

    2865. ‘‘Suvaṇṇarajatahārakūṭajātiphalikabhājanāni gihivikatānipi na vaṭṭanti, pageva saṅghikaparibhogena vā puggalikaparibhogena vā’’ti (cūḷava. aṭṭha. 321) aṭṭhakathāyaṃ vuttanayaṃ dassetumāha ‘‘siṅgī’’tiādi. Siṅgīti suvaṇṇaṃ. Sajjhu rajataṃ. Hārakūṭaṃ nāma suvaṇṇavaṇṇaṃ lohajātaṃ. Phalikena ubbhavaṃ jātaṃ, phalikamayaṃ bhājananti attho. Gihīnaṃ santakānipīti api-saddena gihivikataparibhogenāpi tāva na vaṭṭanti, pageva saṅghikaparibhogena vā puggalikaparibhogena vāti dīpeti. Senāsanaparibhoge pana āmāsampi anāmāsampi sabbaṃ vaṭṭati.

    ๒๘๖๖. ขุทฺทาติ ยาย วาสิยา ฐเปตฺวา ทนฺตกฎฺฐเจฺฉทนํ วา อุจฺฉุตจฺฉนํ วา อญฺญํ มหากมฺมํ กาตุํ น สกฺกา, เอวรูปา ขุทฺทกา วาสิ ภาชนียาฯ มหตฺตรีติ ยถาวุตฺตปฺปมาณาย วาสิยา มหนฺตตรา เยน เกนจิ อากาเรน กตวาสิ ครุภณฺฑํฯ เวชฺชานํ สิราเวธนกมฺปิ จ ผรสุ ตถา ครุภณฺฑนฺติ โยชนาฯ

    2866.Khuddāti yāya vāsiyā ṭhapetvā dantakaṭṭhacchedanaṃ vā ucchutacchanaṃ vā aññaṃ mahākammaṃ kātuṃ na sakkā, evarūpā khuddakā vāsi bhājanīyā. Mahattarīti yathāvuttappamāṇāya vāsiyā mahantatarā yena kenaci ākārena katavāsi garubhaṇḍaṃ. Vejjānaṃ sirāvedhanakampi ca pharasu tathā garubhaṇḍanti yojanā.

    ๒๘๖๗. กุฐารีติ เอตฺถ ผรสุสทิโสว วินิจฺฉโยฯ ยา ปน อาวุธสเงฺขเปน กตา, อยํ อนามาสาฯ กุทาโล อนฺตมโส จตุรงฺคุลมโตฺตปิฯ สิขรนฺติ ธนุรชฺชุโต นาเมตฺวา ทารุอาทีนํ วิชฺฌนกกณฺฎโกฯ เตเนวาติ นิขาทเนเนวฯ

    2867.Kuṭhārīti ettha pharasusadisova vinicchayo. Yā pana āvudhasaṅkhepena katā, ayaṃ anāmāsā. Kudālo antamaso caturaṅgulamattopi. Sikharanti dhanurajjuto nāmetvā dāruādīnaṃ vijjhanakakaṇṭako. Tenevāti nikhādaneneva.

    ๒๘๖๘. นิขาทนสฺส เภทวนฺตตาย ตํ วิภชิตฺวา ทเสฺสตุมาห ‘‘จตุรสฺสมุขํ โทณิมุข’’นฺติฯ โทณิมุขนฺติ โทณิ วิย อุภยปเสฺสน นามิตมุขํฯ วงฺกนฺติ อคฺคโต นาเมตฺวา กตนิขาทนํฯ ปิ-สเทฺทน อุชุกํ สงฺคณฺหาติฯ ตตฺถ จาติ ตสฺมิํ นิขาทเนฯ สทณฺฑํ ขุทฺทกญฺจ นิขาทนํ สพฺพํ ครุภณฺฑนฺติ โยชนาฯ ‘‘สทณฺฑํ ขุทฺทก’’นฺติ อิมินา วิเสสนทฺวเยน อทณฺฑํ ผลมตฺตํ สิปาฎิกาย ฐเปตฺวา ปริหรณโยคฺคํ สมฺมชฺชนิทณฺฑเวธนกํ นิขาทนํ อครุภณฺฑํ, ตโต มหนฺตํ นิขาทนํ อทณฺฑมฺปิ ครุภณฺฑนฺติ ทีเปติฯ เยหิ มนุเสฺสหิ วิหาเร วาสิอาทีนิ ทินฺนานิ จ โหนฺติ, เต เจ ฆเร ทเฑฺฒ วา โจเรหิ วา วิลุเตฺต ‘‘เทถ โน, ภเนฺต, อุปกรเณ ปุน ปากติเก กริสฺสามา’’ติ วทนฺติ, ทาตพฺพาฯ สเจ อาหรนฺติ, น วาเรตพฺพา, อนาหรนฺตาปิ น โจเทตพฺพาฯ

    2868. Nikhādanassa bhedavantatāya taṃ vibhajitvā dassetumāha ‘‘caturassamukhaṃ doṇimukha’’nti. Doṇimukhanti doṇi viya ubhayapassena nāmitamukhaṃ. Vaṅkanti aggato nāmetvā katanikhādanaṃ. Pi-saddena ujukaṃ saṅgaṇhāti. Tattha cāti tasmiṃ nikhādane. Sadaṇḍaṃ khuddakañca nikhādanaṃ sabbaṃ garubhaṇḍanti yojanā. ‘‘Sadaṇḍaṃ khuddaka’’nti iminā visesanadvayena adaṇḍaṃ phalamattaṃ sipāṭikāya ṭhapetvā pariharaṇayoggaṃ sammajjanidaṇḍavedhanakaṃ nikhādanaṃ agarubhaṇḍaṃ, tato mahantaṃ nikhādanaṃ adaṇḍampi garubhaṇḍanti dīpeti. Yehi manussehi vihāre vāsiādīni dinnāni ca honti, te ce ghare daḍḍhe vā corehi vā vilutte ‘‘detha no, bhante, upakaraṇe puna pākatike karissāmā’’ti vadanti, dātabbā. Sace āharanti, na vāretabbā, anāharantāpi na codetabbā.

    ๒๘๖๙. ‘‘กมฺมารตฎฺฎการจุนฺทการนฬการมณิการปตฺตพนฺธกานํ อธิกรณิมุฎฺฐิกสณฺฑาสตุลาทีนิ สพฺพานิ โลหมยอุปกรณานิ สเงฺฆ ทินฺนกาลโต ปฎฺฐาย ครุภณฺฑานิฯ ติปุโกฎฺฎกสุวณฺณการจมฺมการอุปกรเณสุปิ เอเสว นโยฯ อยํ ปน วิเสโส – ติปุโกฎฺฎกอุปกรเณสุปิ ติปุเจฺฉทนสตฺถกํ, สุวณฺณการอุปกรเณสุ สุวณฺณเจฺฉทนสตฺถกํ, จมฺมการอุปกรเณสุ กตปริกมฺมจมฺมฉินฺทนกํ ขุทฺทกสตฺถนฺติ อิมานิ ภาชนียภณฺฑานี’’ติ (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๒๑) อฎฺฐกถาคตํ วินิจฺฉเยกเทสํ ทเสฺสตุมาห ‘‘มุฎฺฐิก’’นฺติอาทิ ฯ ตุลาทิกนฺติ เอตฺถ อาทิ-สเทฺทน กตฺตริอาทิอุปกรณํ สงฺคณฺหาติฯ

    2869. ‘‘Kammārataṭṭakāracundakāranaḷakāramaṇikārapattabandhakānaṃ adhikaraṇimuṭṭhikasaṇḍāsatulādīni sabbāni lohamayaupakaraṇāni saṅghe dinnakālato paṭṭhāya garubhaṇḍāni. Tipukoṭṭakasuvaṇṇakāracammakāraupakaraṇesupi eseva nayo. Ayaṃ pana viseso – tipukoṭṭakaupakaraṇesupi tipucchedanasatthakaṃ, suvaṇṇakāraupakaraṇesu suvaṇṇacchedanasatthakaṃ, cammakāraupakaraṇesu kataparikammacammachindanakaṃ khuddakasatthanti imāni bhājanīyabhaṇḍānī’’ti (cūḷava. aṭṭha. 321) aṭṭhakathāgataṃ vinicchayekadesaṃ dassetumāha ‘‘muṭṭhika’’ntiādi . Tulādikanti ettha ādi-saddena kattariādiupakaraṇaṃ saṅgaṇhāti.

    ๒๘๗๐. ‘‘นหาปิตตุนฺนการานํ อุปกรเณสุปิ ฐเปตฺวา มหากตฺตริํ, มหาสณฺฑาสํ, มหาปิปฺผลกญฺจ สพฺพํ ภาชนียํฯ มหากตฺตริอาทีนิ ครุภณฺฑานี’’ติ (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๒๑) อฎฺฐกถาคตํ วินิจฺฉยํ ทเสฺสตุมาห ‘‘นฺหาปิตกสฺสา’’ติอาทิฯ นฺหาปิตกสฺส อุปกรเณสุ สณฺฑาโส, มหตฺตรี กตฺตรี จ ตุนฺนการานญฺจ อุปกรเณสุ มหตฺตรี กตฺตรี จ มหาปิปฺผลกญฺจ ครุภณฺฑกนฺติ โยชนาฯ

    2870. ‘‘Nahāpitatunnakārānaṃ upakaraṇesupi ṭhapetvā mahākattariṃ, mahāsaṇḍāsaṃ, mahāpipphalakañca sabbaṃ bhājanīyaṃ. Mahākattariādīni garubhaṇḍānī’’ti (cūḷava. aṭṭha. 321) aṭṭhakathāgataṃ vinicchayaṃ dassetumāha ‘‘nhāpitakassā’’tiādi. Nhāpitakassa upakaraṇesu saṇḍāso, mahattarī kattarī ca tunnakārānañca upakaraṇesu mahattarī kattarī ca mahāpipphalakañca garubhaṇḍakanti yojanā.

    ๒๘๗๑. เอตฺตาวตา จตุตฺถครุภเณฺฑ วินิจฺฉยํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ปญฺจมครุภเณฺฑ วินิจฺฉยํ ทเสฺสตุมาห ‘‘วลฺลี’’ติอาทิฯ เวตฺตลตาทิกา วลฺลิ ทุลฺลภฎฺฐาเน สงฺฆสฺส ทินฺนา วา ตตฺถ สงฺฆสฺส ภูมิยํ ชาตา, รกฺขิตา โคปิตา วา อฑฺฒพาหุปฺปมาณา ครุภณฺฑํ โหตีติ โยชนาฯ ‘‘อฑฺฒพาหูติ กปฺปรโต ปฎฺฐาย ยาว อํสกูฎ’’นฺติ คณฺฐิปเท วุตฺตํฯ ‘‘อฑฺฒพาหุ นาม วิทตฺถิจตุรงฺคุล’’นฺติปิ วทนฺติฯ สเจ สา วลฺลิ สงฺฆกเมฺม, เจติยกเมฺม จ กเต อติเรกา โหติ, ปุคฺคลิกกเมฺมปิ อุปเนตุํ วฎฺฎติฯ อรกฺขิตา ปน ครุภณฺฑเมว น โหติฯ

    2871. Ettāvatā catutthagarubhaṇḍe vinicchayaṃ dassetvā idāni pañcamagarubhaṇḍe vinicchayaṃ dassetumāha ‘‘vallī’’tiādi. Vettalatādikā valli dullabhaṭṭhāne saṅghassa dinnā vā tattha saṅghassa bhūmiyaṃ jātā, rakkhitā gopitā vā aḍḍhabāhuppamāṇā garubhaṇḍaṃ hotīti yojanā. ‘‘Aḍḍhabāhūti kapparato paṭṭhāya yāva aṃsakūṭa’’nti gaṇṭhipade vuttaṃ. ‘‘Aḍḍhabāhu nāma vidatthicaturaṅgula’’ntipi vadanti. Sace sā valli saṅghakamme, cetiyakamme ca kate atirekā hoti, puggalikakammepi upanetuṃ vaṭṭati. Arakkhitā pana garubhaṇḍameva na hoti.

    ๒๘๗๒. อฎฺฐกถายํ ‘‘สุตฺตมกจิวากนาฬิเกรหีรจมฺมมยา รชฺชุกา วา โยตฺตานิ วา วาเก จ นาฬิเกรหีเร จ วเฎฺฎตฺวา กตา เอกวฎฺฎา วา ทฺวิวฎฺฎา วา สงฺฆสฺส ทินฺนกาลโต ปฎฺฐาย ครุภณฺฑํฯ สุตฺตํ ปน อวเฎฺฎตฺวา ทินฺนํ, มกจิวากนาฬิเกรหีรา จ ภาชนียา’’ติ (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๒๑) อาคตวินิจฺฉยํ ทเสฺสตุมาห ‘‘สุตฺตวากาทินิพฺพตฺตา’’ติอาทิฯ วากาทีติ อาทิ-สเทฺทน มกจิวากนาฬิเกรหีรจมฺมานํ คหณํฯ นาติทีฆา รชฺชุกาฯ อติทีฆํ โยตฺตกํ

    2872.Aṭṭhakathāyaṃ ‘‘suttamakacivākanāḷikerahīracammamayā rajjukā vā yottāni vā vāke ca nāḷikerahīre ca vaṭṭetvā katā ekavaṭṭā vā dvivaṭṭā vā saṅghassa dinnakālato paṭṭhāya garubhaṇḍaṃ. Suttaṃ pana avaṭṭetvā dinnaṃ, makacivākanāḷikerahīrā ca bhājanīyā’’ti (cūḷava. aṭṭha. 321) āgatavinicchayaṃ dassetumāha ‘‘suttavākādinibbattā’’tiādi. Vākādīti ādi-saddena makacivākanāḷikerahīracammānaṃ gahaṇaṃ. Nātidīghā rajjukā. Atidīghaṃ yottakaṃ.

    ๒๘๗๓. นาฬิเกรสฺส หีเร วา มกจิวาเก วา วเฎฺฎตฺวา กตา เอกวฎฺฎาปิ ครุภณฺฑกนฺติ โยชนาฯ เยหิ ปเนตานิ รชฺชุกโยตฺตาทีนิ ทินฺนานิ โหนฺติ, เต อตฺตโน กรณีเยน หรนฺตา น วาเรตพฺพาฯ

    2873. Nāḷikerassa hīre vā makacivāke vā vaṭṭetvā katā ekavaṭṭāpi garubhaṇḍakanti yojanā. Yehi panetāni rajjukayottādīni dinnāni honti, te attano karaṇīyena harantā na vāretabbā.

    ๒๘๗๔. วฑฺฒกิองฺคุเลน อฎฺฐงฺคุลายโต สูจิทณฺฑมโตฺต ปริณาหโต สีหฬทีเป เลขกานํ เลขนิสูจิทณฺฑมโตฺต สงฺฆสฺส ทิโนฺน วา ตตฺถชาตโก วา รกฺขิโต โคปิโต เวฬุ ครุภณฺฑํ สิยาติ โยชนาฯ ‘‘ยํ มชฺฌิมปุริสสฺส กนิฎฺฐงฺคุลิยา อคฺคปฺปมาณํ, อิทํ สีหฬทีเป เลขกานํ เลขนิสูจิยา ปมาณ’’นฺติ วทนฺติฯ โส จ สงฺฆกเมฺม จ เจติยกเมฺม จ กเต อติเรโก ปุคฺคลิกกเมฺม ทาตุํ วฎฺฎติฯ

    2874. Vaḍḍhakiaṅgulena aṭṭhaṅgulāyato sūcidaṇḍamatto pariṇāhato sīhaḷadīpe lekhakānaṃ lekhanisūcidaṇḍamatto saṅghassa dinno vā tatthajātako vā rakkhito gopito veḷu garubhaṇḍaṃ siyāti yojanā. ‘‘Yaṃ majjhimapurisassa kaniṭṭhaṅguliyā aggappamāṇaṃ, idaṃ sīhaḷadīpe lekhakānaṃ lekhanisūciyā pamāṇa’’nti vadanti. So ca saṅghakamme ca cetiyakamme ca kate atireko puggalikakamme dātuṃ vaṭṭati.

    ๒๘๗๕. ทโณฺฑ จ สลากา จ ทณฺฑสลากา, ฉตฺตสฺส ทณฺฑสลากาติ วิคฺคโหฯ ฉตฺตทโณฺฑ นาม ฉตฺตปิณฺฑิฯ ฉตฺตสลากาติ ฉตฺตปญฺชรสลากาฯ ทโณฺฑติ อุปาหนทณฺฑโกฯ ‘‘ทโณฺฑ’’ติ สามเญฺญน วุเตฺตปิ อฎฺฐกถาคเตสุ สรูเปน อิธาวุโตฺต อุปาหนทโณฺฑเยว สามญฺญวจเนน ปาริเสสโต คเหตโพฺพติฯ ทฑฺฒเคหมนุสฺสา คณฺหิตฺวา คจฺฉนฺตา น วาเรตพฺพาฯ

    2875. Daṇḍo ca salākā ca daṇḍasalākā, chattassa daṇḍasalākāti viggaho. Chattadaṇḍo nāma chattapiṇḍi. Chattasalākāti chattapañjarasalākā. Daṇḍoti upāhanadaṇḍako. ‘‘Daṇḍo’’ti sāmaññena vuttepi aṭṭhakathāgatesu sarūpena idhāvutto upāhanadaṇḍoyeva sāmaññavacanena pārisesato gahetabboti. Daḍḍhagehamanussā gaṇhitvā gacchantā na vāretabbā.

    ๒๘๗๖. มุญฺชาทีสุ เคหจฺฉทนารเหสุ ติเณสุ ยํ กิญฺจิ มุฎฺฐิมตฺตํ ติณํ วา เคหจฺฉทนารหํ ตาลปณฺณาทิ เอกมฺปิ สงฺฆสฺส ทินฺนํ วา ตตฺถ สงฺฆิกภูมิยํ ชาตํ วา ครุภณฺฑํ สิยาติ โยเชตพฺพาฯ ตตฺถ มุฎฺฐิมตฺตํ นาม กรฬมตฺตํฯ อิทญฺจ กรฬํ กตฺวา ฉาเทนฺตานํ ฉทนกรฬวเสน คเหตพฺพํฯ ตาลปณฺณาทีติ อาทิ-สเทฺทน นาฬิเกรปณฺณาทิเคหจฺฉทนปณฺณานํ คหณํฯ ตมฺปิ มุญฺชาทิ สงฺฆกเมฺม จ เจติยกเมฺม จ กเต อติเรกํ ปุคฺคลิกกเมฺม ทาตุํ วฎฺฎติฯ ทฑฺฒเคหมนุสฺสา คเหตฺวา คจฺฉนฺติ, น วาเรตพฺพาติฯ

    2876.Muñjādīsu gehacchadanārahesu tiṇesu yaṃ kiñci muṭṭhimattaṃ tiṇaṃ vā gehacchadanārahaṃ tālapaṇṇādi ekampi saṅghassa dinnaṃ vā tattha saṅghikabhūmiyaṃ jātaṃ vā garubhaṇḍaṃ siyāti yojetabbā. Tattha muṭṭhimattaṃ nāma karaḷamattaṃ. Idañca karaḷaṃ katvā chādentānaṃ chadanakaraḷavasena gahetabbaṃ. Tālapaṇṇādīti ādi-saddena nāḷikerapaṇṇādigehacchadanapaṇṇānaṃ gahaṇaṃ. Tampi muñjādi saṅghakamme ca cetiyakamme ca kate atirekaṃ puggalikakamme dātuṃ vaṭṭati. Daḍḍhagehamanussā gahetvā gacchanti, na vāretabbāti.

    ๒๘๗๗-๘. อฎฺฐงฺคุลปฺปมาโณติ ทีฆโต อฎฺฐงฺคุลมโตฺตฯ เกจิ ‘‘ปุถุลโต’’ติ วทนฺติฯ ริตฺตโปตฺถโกติ เลขาหิ สุญฺญโปตฺถโก, น ลิขิตโปตฺถโกติ วุตฺตํ โหติฯ ‘‘อฎฺฐงฺคุลปฺปมาโณ’’ติ อิมินา อฎฺฐงฺคุลโต อูนปฺปมาโณ ภาชิโย, ‘‘ริตฺตโปตฺถโก’’ติ อิมินา อฎฺฐงฺคุลโต อติเรกปฺปมาโณปิ ลิขิตโปตฺถโก ภาชิโยติ ทเสฺสติฯ

    2877-8.Aṭṭhaṅgulappamāṇoti dīghato aṭṭhaṅgulamatto. Keci ‘‘puthulato’’ti vadanti. Rittapotthakoti lekhāhi suññapotthako, na likhitapotthakoti vuttaṃ hoti. ‘‘Aṭṭhaṅgulappamāṇo’’ti iminā aṭṭhaṅgulato ūnappamāṇo bhājiyo, ‘‘rittapotthako’’ti iminā aṭṭhaṅgulato atirekappamāṇopi likhitapotthako bhājiyoti dasseti.

    ‘‘มตฺติกา ปกติมตฺติกา วา โหตุ ปญฺจวณฺณา วา สุธา วา สชฺชุรสกงฺคุฎฺฐสิเลสาทีสุ วา ยํ กิญฺจิ ทุลฺลภฎฺฐาเน อาเนตฺวา วา ทินฺนํ ตตฺถชาตกํ วา รกฺขิตโคปิตํ ตาลผลปกฺกมตฺตํ ครุภณฺฑํ โหตี’’ติ (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๒๑) อฎฺฐกถาคตวินิจฺฉยํ ทเสฺสตุมาห ‘‘มตฺติกา’’ติอาทิฯ ปากติกา วา เสตเครุกาทิปญฺจวณฺณา วาปิ มตฺติกาติ โยชนาฯ สิเลโส นาม กพิฎฺฐาทิสิเลโสฯ อาทิ-สเทฺทน สชฺชุรสกงฺคุฎฺฐาทีนํ คหณํฯ ตาลปกฺกปมาณนฺติ เอกฎฺฐิตาลผลปมาณาปิฯ ตมฺปิ มตฺติกาทิ สงฺฆกเมฺม, เจติยกเมฺม จ นิฎฺฐิเต อติเรกํ ปุคฺคลิกกเมฺม ทาตุํ วฎฺฎติฯ

    ‘‘Mattikā pakatimattikā vā hotu pañcavaṇṇā vā sudhā vā sajjurasakaṅguṭṭhasilesādīsu vā yaṃ kiñci dullabhaṭṭhāne ānetvā vā dinnaṃ tatthajātakaṃ vā rakkhitagopitaṃ tālaphalapakkamattaṃ garubhaṇḍaṃ hotī’’ti (cūḷava. aṭṭha. 321) aṭṭhakathāgatavinicchayaṃ dassetumāha ‘‘mattikā’’tiādi. Pākatikā vā setagerukādipañcavaṇṇā vāpi mattikāti yojanā. Sileso nāma kabiṭṭhādisileso. Ādi-saddena sajjurasakaṅguṭṭhādīnaṃ gahaṇaṃ. Tālapakkapamāṇanti ekaṭṭhitālaphalapamāṇāpi. Tampi mattikādi saṅghakamme, cetiyakamme ca niṭṭhite atirekaṃ puggalikakamme dātuṃ vaṭṭati.

    ๒๘๗๙-๘๐. ‘‘เวฬุอาทิก’’นฺติ ปทเจฺฉโทฯ รกฺขิตํ โคปิตํ วาปิ คณฺหตา สมกํ วา อติเรกํ วา ถาวรํ อนฺตมโส ตํอคฺฆนกํ วาลิกเมว วา ทตฺวา คเหตพฺพนฺติ โยชนาฯ

    2879-80. ‘‘Veḷuādika’’nti padacchedo. Rakkhitaṃ gopitaṃ vāpi gaṇhatā samakaṃ vā atirekaṃ vā thāvaraṃ antamaso taṃagghanakaṃ vālikameva vā datvā gahetabbanti yojanā.

    อฎฺฐกถายํ ปน ‘‘รกฺขิตโคปิตํ เวฬุํ คณฺหเนฺตน สมกํ วา อติเรกํ วา ถาวรํ อนฺตมโส ตํอคฺฆนกวาลิกายปิ ผาติกมฺมํ กตฺวา คเหตโพฺพฯ ผาติกมฺมํ อกตฺวา คณฺหเนฺตน ตเตฺถว วฬเญฺชตโพฺพ, คมนกาเล สงฺฆิเก อาวาเส ฐเปตฺวา คนฺตพฺพํฯ อสติยา คเหตฺวา คเตน ปน ปหิณิตฺวา ทาตโพฺพฯ เทสนฺตรคเตน สมฺปตฺตวิหาเร สงฺฆิกาวาเส ฐเปตโพฺพ’’ติ (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๒๑) เวฬุมฺหิเยว อยํ วินิจฺฉโย วุโตฺต, อิธ ปน ‘‘วลฺลิเวฬาทิกํ กิญฺจี’’ติ วลฺลิอาทีนมฺปิ สามเญฺญน วุตฺตตฺตา ตํ อุปลกฺขณมตฺตํ วลฺลิอาทีสุปิ ยถารหํ ลพฺภตีติ เวทิตพฺพํฯ

    Aṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘rakkhitagopitaṃ veḷuṃ gaṇhantena samakaṃ vā atirekaṃ vā thāvaraṃ antamaso taṃagghanakavālikāyapi phātikammaṃ katvā gahetabbo. Phātikammaṃ akatvā gaṇhantena tattheva vaḷañjetabbo, gamanakāle saṅghike āvāse ṭhapetvā gantabbaṃ. Asatiyā gahetvā gatena pana pahiṇitvā dātabbo. Desantaragatena sampattavihāre saṅghikāvāse ṭhapetabbo’’ti (cūḷava. aṭṭha. 321) veḷumhiyeva ayaṃ vinicchayo vutto, idha pana ‘‘valliveḷādikaṃ kiñcī’’ti valliādīnampi sāmaññena vuttattā taṃ upalakkhaṇamattaṃ valliādīsupi yathārahaṃ labbhatīti veditabbaṃ.

    ๒๘๘๑. อญฺชนนฺติ สิลามโยฯ เอวํ หริตาลมโนสิลาปิฯ

    2881.Añjananti silāmayo. Evaṃ haritālamanosilāpi.

    ๒๘๘๒. ทารุภเณฺฑ อยํ วินิจฺฉโย – ปริณาหโต ยถาวุตฺต สูจิทณฺฑปฺปมาณโก อฎฺฐงฺคุลทีโฆ โย โกจิ ทารุภณฺฑโก ทารุทุลฺลภฎฺฐาเน สงฺฆสฺส ทิโนฺน วา ตตฺถชาตโก วา รกฺขิตโคปิโต ครุภณฺฑํ โหตีติ โยชนาฯ

    2882. Dārubhaṇḍe ayaṃ vinicchayo – pariṇāhato yathāvutta sūcidaṇḍappamāṇako aṭṭhaṅguladīgho yo koci dārubhaṇḍako dārudullabhaṭṭhāne saṅghassa dinno vā tatthajātako vā rakkhitagopito garubhaṇḍaṃ hotīti yojanā.

    ๒๘๘๓. เอวํ กุรุนฺทฎฺฐกถาย อาคตวินิจฺฉยํ ทเสฺสตฺวา มหาอฎฺฐกถาย (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๒๑) อาคตํ ทเสฺสตุมาห ‘‘มหาอฎฺฐกถาย’’นฺติอาทิฯ ตตฺถ อาสนฺทิกสตฺตงฺคา วุตฺตลกฺขณาวฯ ‘‘ภทฺทปีฐ’’นฺติ เวตฺตมยํ ปีฐํ วุจฺจติฯ ปีฐิกาติ ปิโลติกาพทฺธปีฐเมวฯ

    2883. Evaṃ kurundaṭṭhakathāya āgatavinicchayaṃ dassetvā mahāaṭṭhakathāya (cūḷava. aṭṭha. 321) āgataṃ dassetumāha ‘‘mahāaṭṭhakathāya’’ntiādi. Tattha āsandikasattaṅgā vuttalakkhaṇāva. ‘‘Bhaddapīṭha’’nti vettamayaṃ pīṭhaṃ vuccati. Pīṭhikāti pilotikābaddhapīṭhameva.

    ๒๘๘๔. เอฬกปาทปีฐํ นาม ทารุปฎฺฎิกาย อุปริ ปาเท ฐเปตฺวา โภชนปลฺลงฺกํ วิย กตปีฐํ วุจฺจติฯ ‘‘อามลกวฎฺฎกปีฐ’’นฺติ เอตสฺส ‘‘อามณฺฑกวฎฺฎก’’นฺติ ปริยาโย, ตสฺมา อุภเยนาปิ อามลกากาเรน โยชิตํ พหุปาทกปีฐํ วุจฺจติฯ เกสุจิ โปตฺถเกสุ ‘‘ตถามณฺฑกปีฐก’’นฺติ ปาโฐฯ คาถาพนฺธวเสน มณฺฑก-สทฺทปโยโคฯ โกจฺฉํ ภูตคามวเคฺค จตุตฺถสิกฺขาปเท วุตฺตสรูปํฯ ปลาลปีฐนฺติ นิปชฺชนตฺถาย กตา ปลาลภิสิ, อิมินา กทลิปตฺตาทิมยปีฐมฺปิ อุปลกฺขณโต ทสฺสิตํฯ ยถาห – ‘‘ปลาลปีเฐน เจตฺถ กทลิปตฺตาทิปีฐานิปิ สงฺคหิตานี’’ติ (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๒๑)ฯ โธวเน ผลกนฺติ จีวรโธวนผลกํ, โธวนาทิสทฺทานํ วิเยตฺถ วิภตฺติอโลโปฯ อิเมสุ ตาว ยํ กิญฺจิ ขุทฺทกํ วา โหตุ มหนฺตํ วา, สงฺฆสฺส ทินฺนํ ครุภณฺฑํ โหติฯ พฺยคฺฆจมฺมโอนทฺธมฺปิ วาฬรูปปริกฺขิตฺตํ รตนปริสิพฺพิตํ โกจฺฉํ ครุภณฺฑเมวฯ

    2884.Eḷakapādapīṭhaṃ nāma dārupaṭṭikāya upari pāde ṭhapetvā bhojanapallaṅkaṃ viya katapīṭhaṃ vuccati. ‘‘Āmalakavaṭṭakapīṭha’’nti etassa ‘‘āmaṇḍakavaṭṭaka’’nti pariyāyo, tasmā ubhayenāpi āmalakākārena yojitaṃ bahupādakapīṭhaṃ vuccati. Kesuci potthakesu ‘‘tathāmaṇḍakapīṭhaka’’nti pāṭho. Gāthābandhavasena maṇḍaka-saddapayogo. Kocchaṃ bhūtagāmavagge catutthasikkhāpade vuttasarūpaṃ. Palālapīṭhanti nipajjanatthāya katā palālabhisi, iminā kadalipattādimayapīṭhampi upalakkhaṇato dassitaṃ. Yathāha – ‘‘palālapīṭhena cettha kadalipattādipīṭhānipi saṅgahitānī’’ti (cūḷava. aṭṭha. 321). Dhovanephalakanti cīvaradhovanaphalakaṃ, dhovanādisaddānaṃ viyettha vibhattialopo. Imesu tāva yaṃ kiñci khuddakaṃ vā hotu mahantaṃ vā, saṅghassa dinnaṃ garubhaṇḍaṃ hoti. Byagghacammaonaddhampi vāḷarūpaparikkhittaṃ ratanaparisibbitaṃ kocchaṃ garubhaṇḍameva.

    ๒๘๘๕. ภณฺฑิกาติ ทณฺฑกฎฺฐเจฺฉทนภณฺฑิกาฯ มุคฺคโรติ ทณฺฑมุคฺคโรฯ ทณฺฑมุคฺคโร นาม เยน รชิตจีวรํ โปเถนฺติฯ วตฺถฆฎฺฎนมุคฺคโรติ จีวรฆฎฺฎนมุคฺคโร, เยน อนุวาตาทิํ ฆเฎฺฎนฺติฯ อมฺพณนฺติ ผลเกหิ โปกฺขรณิสทิสํ กตปานียภาชนํฯ มญฺชูสา นาม โทณิเปฬาฯ นาวา โปโตฯ รชนโทณิกา นาม ยตฺถ จีวรํ รชนฺติ, ปกฺกรชนํ วา อากิรนฺติฯ

    2885.Bhaṇḍikāti daṇḍakaṭṭhacchedanabhaṇḍikā. Muggaroti daṇḍamuggaro. Daṇḍamuggaro nāma yena rajitacīvaraṃ pothenti. Vatthaghaṭṭanamuggaroti cīvaraghaṭṭanamuggaro, yena anuvātādiṃ ghaṭṭenti. Ambaṇanti phalakehi pokkharaṇisadisaṃ katapānīyabhājanaṃ. Mañjūsā nāma doṇipeḷā. Nāvā poto. Rajanadoṇikā nāma yattha cīvaraṃ rajanti, pakkarajanaṃ vā ākiranti.

    ๒๘๘๖. อุฬุโงฺกติ นาฬิเกรผลกฎาหาทิมโย อุฬุโงฺกฯ อุภยํ ปิธานสมโก สมุโคฺคฯ ‘‘ขุทฺทโก ปริวิธโน กรณฺฑ’’นฺติ วทนฺติฯ กรโณฺฑ จ ปาทคณฺหนกโต อติเรกปฺปมาโณ อิธ อธิเปฺปโตฯ กฎจฺฉูติ ทพฺพิฯ อาทิ-สเทฺทน ปานียสราวปานียสงฺขาทีนํ คหณํฯ

    2886.Uḷuṅkoti nāḷikeraphalakaṭāhādimayo uḷuṅko. Ubhayaṃ pidhānasamako samuggo. ‘‘Khuddako parividhano karaṇḍa’’nti vadanti. Karaṇḍo ca pādagaṇhanakato atirekappamāṇo idha adhippeto. Kaṭacchūti dabbi. Ādi-saddena pānīyasarāvapānīyasaṅkhādīnaṃ gahaṇaṃ.

    ๒๘๘๗. เคหสมฺภารนฺติ เคโหปกรณํฯ ถมฺภตุลาโสปานผลกาทิ ทารุมยํ, ปาสาณมยมฺปิ อิมินาว คหิตํฯ กปฺปิยจมฺมนฺติ ‘‘เอฬกาชมิคาน’’นฺติอาทินา (วิ. วิ. ๒๖๕๐) เหฎฺฐา ทสฺสิตํ กปฺปิยจมฺมํฯ ตพฺพิปริยายํ อกปฺปิยํฯ อภาชิยํ ครุภณฺฑตฺตาฯ ภูมตฺถรณํ กตฺวา ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎติฯ

    2887.Gehasambhāranti gehopakaraṇaṃ. Thambhatulāsopānaphalakādi dārumayaṃ, pāsāṇamayampi imināva gahitaṃ. Kappiyacammanti ‘‘eḷakājamigāna’’ntiādinā (vi. vi. 2650) heṭṭhā dassitaṃ kappiyacammaṃ. Tabbipariyāyaṃ akappiyaṃ. Abhājiyaṃ garubhaṇḍattā. Bhūmattharaṇaṃ katvā paribhuñjituṃ vaṭṭati.

    ๒๘๘๘. อฎฺฐกถายํ ‘‘เอฬกจมฺมํ ปน ปจฺจตฺถรณคติกเมว โหติ, ตมฺปิ ครุภณฺฑเมวา’’ติ (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๒๑) วุตฺตตฺตา อาห ‘‘เอฬจมฺมํ ครุํ วุตฺต’’นฺติฯ กุรุนฺทิยํ ปน ‘‘สพฺพํ มญฺจปฺปมาณํ จมฺมํ ครุภณฺฑ’’นฺติ (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๒๑) วุตฺตํฯ เอตฺถ จ ‘‘ปจฺจตฺถรณคติกเมวา’’ติ อิมินา มญฺจปีเฐปิ อตฺถริตุํ วฎฺฎตีติ ทีเปติฯ ‘‘ปาวาราทิปจฺจตฺถรณมฺปิ ครุภณฺฑ’’นฺติ เอเก, ‘‘โน’’ติ อปเร, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํฯ มญฺจปฺปมาณนฺติ จ ปมาณยุตฺตํ มญฺจํฯ ปมาณยุตฺตมโญฺจ นาม ยสฺส ทีฆโส นว วิทตฺถิโย ติริยญฺจ ตทุปฑฺฒํฯ อุทฺธํ มุขมสฺสาติ อุทุกฺขลํอาทิ-สเทฺทน มุสลํ, สุปฺปํ, นิสทํ, นิสทโปโต, ปาสาณโทณิ, ปาสาณกฎาหญฺจ สงฺคหิตํฯ เปสการาทีติ อาทิ-สเทฺทน จมฺมการาทีนํ คหณํฯ ตุริเวมาทิ เปสการภณฺฑญฺจ ภสฺตาทิ จมฺมการภณฺฑญฺจ กสิภณฺฑญฺจ ยุคนงฺคลาทิ สงฺฆิกํ สงฺฆสนฺตกํ ครุภณฺฑนฺติ โยชนาฯ

    2888.Aṭṭhakathāyaṃ ‘‘eḷakacammaṃ pana paccattharaṇagatikameva hoti, tampi garubhaṇḍamevā’’ti (cūḷava. aṭṭha. 321) vuttattā āha ‘‘eḷacammaṃ garuṃ vutta’’nti. Kurundiyaṃ pana ‘‘sabbaṃ mañcappamāṇaṃ cammaṃ garubhaṇḍa’’nti (cūḷava. aṭṭha. 321) vuttaṃ. Ettha ca ‘‘paccattharaṇagatikamevā’’ti iminā mañcapīṭhepi attharituṃ vaṭṭatīti dīpeti. ‘‘Pāvārādipaccattharaṇampi garubhaṇḍa’’nti eke, ‘‘no’’ti apare, vīmaṃsitvā gahetabbaṃ. Mañcappamāṇanti ca pamāṇayuttaṃ mañcaṃ. Pamāṇayuttamañco nāma yassa dīghaso nava vidatthiyo tiriyañca tadupaḍḍhaṃ. Uddhaṃ mukhamassāti udukkhalaṃ. Ādi-saddena musalaṃ, suppaṃ, nisadaṃ, nisadapoto, pāsāṇadoṇi, pāsāṇakaṭāhañca saṅgahitaṃ. Pesakārādīti ādi-saddena cammakārādīnaṃ gahaṇaṃ. Turivemādi pesakārabhaṇḍañca bhastādi cammakārabhaṇḍañca kasibhaṇḍañca yuganaṅgalādi saṅghikaṃ saṅghasantakaṃ garubhaṇḍanti yojanā.

    ๒๘๘๙. ‘‘ตเถวา’’ติ อิมินา ‘‘สงฺฆิก’’นฺติ อิทํ ปจฺจามสติฯ อาธารโกติ ปตฺตาธาโรฯ ตาลวณฺฎนฺติ ตาลวเณฺฎหิ กตํฯ เวฬุทนฺตวิลีเวหิ วา โมรปิเญฺฉหิ วา จมฺมวิกตีหิ วา กตมฺปิ ตํสทิสํ ‘‘ตาลวณฺฎ’’เนฺตว วุจฺจติฯ วฎฺฎวิธูปนานํ ตาลวเณฺฎเยว อโนฺตคธตฺตา ‘‘พีชนี’’ติ จตุรสฺสวิธูปนญฺจ เกตกปาโรหกุนฺตาลปณฺณาทิมยทนฺตมยวิสาณมยทณฺฑกมกสพีชนี จ วุจฺจติฯ ปจฺฉิ ปากฎาเยวฯ ปจฺฉิโต ขุทฺทโก ตาลปณฺณาทิมโย ภาชนวิเสโส จโงฺกฎกํฯ สพฺพา สมฺมชฺชนีติ นาฬิเกรหีราทีหิ พทฺธา ยฎฺฐิสมฺมชฺชนี, มุฎฺฐิสมฺมชฺชนีติ ทุวิธา ปริเวณงฺคณาทิสมฺมชฺชนี จ ตเถว ทุวิธา ขชฺชูรินาฬิเกรปณฺณาทีหิ พทฺธา เคหสมฺมชฺชนี จาติ สพฺพาปิ สมฺมชฺชนี ครุภณฺฑํ โหติฯ

    2889.‘‘Tathevā’’ti iminā ‘‘saṅghika’’nti idaṃ paccāmasati. Ādhārakoti pattādhāro. Tālavaṇṭanti tālavaṇṭehi kataṃ. Veḷudantavilīvehi vā morapiñchehi vā cammavikatīhi vā katampi taṃsadisaṃ ‘‘tālavaṇṭa’’nteva vuccati. Vaṭṭavidhūpanānaṃ tālavaṇṭeyeva antogadhattā ‘‘bījanī’’ti caturassavidhūpanañca ketakapārohakuntālapaṇṇādimayadantamayavisāṇamayadaṇḍakamakasabījanī ca vuccati. Pacchi pākaṭāyeva. Pacchito khuddako tālapaṇṇādimayo bhājanaviseso caṅkoṭakaṃ. Sabbā sammajjanīti nāḷikerahīrādīhi baddhā yaṭṭhisammajjanī, muṭṭhisammajjanīti duvidhā pariveṇaṅgaṇādisammajjanī ca tatheva duvidhā khajjūrināḷikerapaṇṇādīhi baddhā gehasammajjanī cāti sabbāpi sammajjanī garubhaṇḍaṃ hoti.

    ๒๘๙๐. จกฺกยุตฺตกยานนฺติ หตฺถวฎฺฎกสกฎาทิยุตฺตยานญฺจฯ

    2890.Cakkayuttakayānanti hatthavaṭṭakasakaṭādiyuttayānañca.

    ๒๘๙๑. ฉตฺตนฺติ ปณฺณกิลญฺชเสตจฺฉตฺตวเสน ติวิธํ ฉตฺตํฯ มุฎฺฐิปณฺณนฺติ ตาลปณฺณํ สนฺธาย วุตฺตํฯ วิสาณภาชนญฺจ ตุมฺพภาชนญฺจาติ วิคฺคโห, เอกเทสสรูเปกเสโส, คาถาพนฺธวเสน นิคฺคหิตาคโม จฯ วิสาณมยํ, ภาชนํ ตุมฺพมยํ ภาชนญฺจาติ อโตฺถฯ อิธ ‘‘ปาทคณฺหนกโต อติริตฺตปฺปมาณ’’นฺติ เสโสฯ อรณี อรณิสหิตํฯ อาทิ-สเทฺทน อามลกตุมฺพํ อนุญฺญาตวาสิยา ทณฺฑญฺจ สงฺคณฺหาติฯ ลหุ อครุภณฺฑํ, ภาชนียนฺติ อโตฺถฯ ปาทคณฺหนกโต อติริตฺตปฺปมาณํ ครุภณฺฑํฯ

    2891.Chattanti paṇṇakilañjasetacchattavasena tividhaṃ chattaṃ. Muṭṭhipaṇṇanti tālapaṇṇaṃ sandhāya vuttaṃ. Visāṇabhājanañca tumbabhājanañcāti viggaho, ekadesasarūpekaseso, gāthābandhavasena niggahitāgamo ca. Visāṇamayaṃ, bhājanaṃ tumbamayaṃ bhājanañcāti attho. Idha ‘‘pādagaṇhanakato atirittappamāṇa’’nti seso. Araṇī araṇisahitaṃ. Ādi-saddena āmalakatumbaṃ anuññātavāsiyā daṇḍañca saṅgaṇhāti. Lahu agarubhaṇḍaṃ, bhājanīyanti attho. Pādagaṇhanakato atirittappamāṇaṃ garubhaṇḍaṃ.

    ๒๘๙๒. วิสาณนฺติ โควิสาณาทิ ยํ กิญฺจิ วิสาณํฯ อตจฺฉิตํ ยถาคตเมว ภาชนียํฯ อนิฎฺฐิตํ มญฺจปาทาทิ ยํ กิญฺจิ ภาชนียนฺติ โยชนาฯ ยถาห – ‘‘มญฺจปาโท มญฺจอฎนี ปีฐปาโท ปีฐอฎนี วาสิผรสุอาทีนํ ทโณฺฑติ เอเตสุ ยํ กิญฺจิ วิปฺปกตตจฺฉนกมฺมํ อนิฎฺฐิตเมว ภาชนียํ, ตจฺฉิตมฎฺฐํ ปน ครุภณฺฑํ โหตี’’ติ (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๒๑)ฯ

    2892.Visāṇanti govisāṇādi yaṃ kiñci visāṇaṃ. Atacchitaṃ yathāgatameva bhājanīyaṃ. Aniṭṭhitaṃ mañcapādādi yaṃ kiñci bhājanīyanti yojanā. Yathāha – ‘‘mañcapādo mañcaaṭanī pīṭhapādo pīṭhaaṭanī vāsipharasuādīnaṃ daṇḍoti etesu yaṃ kiñci vippakatatacchanakammaṃ aniṭṭhitameva bhājanīyaṃ, tacchitamaṭṭhaṃ pana garubhaṇḍaṃ hotī’’ti (cūḷava. aṭṭha. 321).

    ๒๘๙๓. นิฎฺฐิโต ตจฺฉิโต วาปีติ ตจฺฉิตนิฎฺฐิโตปิฯ วิโธติ กายพนฺธเน อนุญฺญาตวิโธฯ หิงฺคุกรณฺฑโกติ หิงฺคุมโย วา ตทาธาโร วา กรณฺฑโกฯ อญฺชนีติ อญฺชนนาฬิกา จ อญฺชนกรณฺฑโก จฯ สลากาโยติ อญฺชนิสลากาฯ อุทปุญฺฉนีติ หตฺถิทนฺตวิสาณาทิมยา อุทกปุญฺฉนีฯ อิทํ สพฺพํ ภาชนียเมวฯ

    2893.Niṭṭhito tacchito vāpīti tacchitaniṭṭhitopi. Vidhoti kāyabandhane anuññātavidho. Hiṅgukaraṇḍakoti hiṅgumayo vā tadādhāro vā karaṇḍako. Añjanīti añjananāḷikā ca añjanakaraṇḍako ca. Salākāyoti añjanisalākā. Udapuñchanīti hatthidantavisāṇādimayā udakapuñchanī. Idaṃ sabbaṃ bhājanīyameva.

    ๒๘๙๔. ปริโภคารหนฺติ มนุสฺสานํ อุปโภคปริโภคโยคฺคํฯ กุลาลภณฺฑนฺติ ฆฎปิฐราทิกุมฺภการภณฺฑมฺปิฯ ปตฺตงฺคารกฎาหนฺติ ปตฺตกฎาหํ, องฺคารกฎาหญฺจฯ ธูมทานํ นาฬิกาฯ กปลฺลิกาติ ทีปกปลฺลิกาฯ

    2894.Paribhogārahanti manussānaṃ upabhogaparibhogayoggaṃ. Kulālabhaṇḍanti ghaṭapiṭharādikumbhakārabhaṇḍampi. Pattaṅgārakaṭāhanti pattakaṭāhaṃ, aṅgārakaṭāhañca. Dhūmadānaṃ nāḷikā. Kapallikāti dīpakapallikā.

    ๒๘๙๕. ถุปิกาติ ปาสาทาทิถุปิกาฯ ทีปรุโกฺขติ ปทีปาธาโรฯ จยนจฺฉทนิฎฺฐกาติ ปาการเจติยาทีนํ จยนิฎฺฐกา จ เคหาทีนํ ฉทนิฎฺฐกา จฯ สพฺพมฺปีติ ยถาวุตฺตํ สพฺพมฺปิ อนวเสสํ ปริกฺขารํฯ

    2895.Thupikāti pāsādādithupikā. Dīparukkhoti padīpādhāro. Cayanacchadaniṭṭhakāti pākāracetiyādīnaṃ cayaniṭṭhakā ca gehādīnaṃ chadaniṭṭhakā ca. Sabbampīti yathāvuttaṃ sabbampi anavasesaṃ parikkhāraṃ.

    ๒๘๙๖. กญฺจนโกติ สรโกฯ ฆฎโกติ ปาทคณฺหนกโต อนติริตฺตปฺปมาโณ ฆฎโกฯ ‘‘ยถา จ มตฺติกาภเณฺฑ, เอวํ โลหภเณฺฑปิ กุณฺฑิกา ภาชนียโกฎฺฐาสเมว ภชตี’’ติ (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๒๑) อฎฺฐกถานยํ สงฺคเหตุมาห ‘‘โลหภเณฺฑปิ กุณฺฑิกาปิ จ ภาชิยา’’ติฯ

    2896.Kañcanakoti sarako. Ghaṭakoti pādagaṇhanakato anatirittappamāṇo ghaṭako. ‘‘Yathā ca mattikābhaṇḍe, evaṃ lohabhaṇḍepi kuṇḍikā bhājanīyakoṭṭhāsameva bhajatī’’ti (cūḷava. aṭṭha. 321) aṭṭhakathānayaṃ saṅgahetumāha ‘‘lohabhaṇḍepi kuṇḍikāpi ca bhājiyā’’ti.

    ๒๘๙๗. ครุ นาม ปจฺฉิมํ ครุภณฺฑตฺตยํฯ ถาวรํ นาม ปุริมทฺวยํฯ สงฺฆสฺสาติ สเงฺฆนฯ ปริวเตฺตตฺวาติ ปุคฺคลิกาทีหิ ตาทิเสหิ เตหิ ปริวเตฺตตฺวาฯ ตตฺรายํ ปริวตฺตนนโย (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๒๑) – สงฺฆสฺส นาฬิเกราราโม ทูเร โหติ, กปฺปิยการกา ตํ พหุตรํ ขาทนฺติ, ตโต สกฎเวตนํ ทตฺวา อปฺปเมว อาหรนฺติ, อเญฺญสํ ปน ตสฺส อารามสฺส อวิทูรคามวาสีนํ มนุสฺสานํ วิหารสฺส สมีเป อาราโม โหติ, เต สงฺฆํ อุปสงฺกมิตฺวา สเกน อาราเมน ตํ อารามํ ยาจนฺติ, สเงฺฆน ‘‘รุจฺจติ สงฺฆสฺสา’’ติ อปโลเกตฺวา สมฺปฎิจฺฉิตโพฺพฯ สเจปิ ภิกฺขูนํ รุกฺขสหสฺสํ โหติ, มนุสฺสานํ ปญฺจสตานิ, ‘‘นนุ ตุมฺหากํ อาราโม ขุทฺทโก’’ติ น วตฺตพฺพํฯ กิญฺจาปิ หิ อยํ ขุทฺทโก, อถ โข อิตรโต พหุตรํ อายํ เทติฯ สเจปิ สมกเมว เทติ, เอวมฺปิ อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ ปริภุญฺชิตุํ สกฺกาติ คเหตพฺพเมวฯ

    2897.Garu nāma pacchimaṃ garubhaṇḍattayaṃ. Thāvaraṃ nāma purimadvayaṃ. Saṅghassāti saṅghena. Parivattetvāti puggalikādīhi tādisehi tehi parivattetvā. Tatrāyaṃ parivattananayo (cūḷava. aṭṭha. 321) – saṅghassa nāḷikerārāmo dūre hoti, kappiyakārakā taṃ bahutaraṃ khādanti, tato sakaṭavetanaṃ datvā appameva āharanti, aññesaṃ pana tassa ārāmassa avidūragāmavāsīnaṃ manussānaṃ vihārassa samīpe ārāmo hoti, te saṅghaṃ upasaṅkamitvā sakena ārāmena taṃ ārāmaṃ yācanti, saṅghena ‘‘ruccati saṅghassā’’ti apaloketvā sampaṭicchitabbo. Sacepi bhikkhūnaṃ rukkhasahassaṃ hoti, manussānaṃ pañcasatāni, ‘‘nanu tumhākaṃ ārāmo khuddako’’ti na vattabbaṃ. Kiñcāpi hi ayaṃ khuddako, atha kho itarato bahutaraṃ āyaṃ deti. Sacepi samakameva deti, evampi icchiticchitakkhaṇe paribhuñjituṃ sakkāti gahetabbameva.

    สเจ ปน มนุสฺสานํ พหุตรา รุกฺขา โหนฺติ, ‘‘นนุ ตุมฺหากํ พหุตรา รุกฺขา’’ติ วตฺตพฺพํฯ สเจ ‘‘อติเรกํ อมฺหากํ ปุญฺญํ โหตุ, สงฺฆสฺส เทมา’’ติ วทนฺติ, ชานาเปตฺวา สมฺปฎิจฺฉิตุํ วฎฺฎติฯ ภิกฺขูนํ รุกฺขา ผลธาริโน, มนุสฺสานํ รุกฺขา น ตาว ผลํ คณฺหนฺติฯ กิญฺจาปิ น คณฺหนฺติ, น จิรเสฺสว คณฺหิสฺสนฺตีติ สมฺปฎิจฺฉิตพฺพเมวฯ มนุสฺสานํ รุกฺขา ผลธาริโน, ภิกฺขูนํ น ตาว ผลํ คณฺหนฺติฯ ‘‘นนุ ตุมฺหากํ รุกฺขา ผลธาริโน’’ติ วตฺตพฺพํฯ สเจ ‘‘คณฺหถ, ภเนฺต, อมฺหากํ ปุญฺญํ ภวิสฺสตี’’ติ วทนฺติ, ชานาเปตฺวา สมฺปฎิจฺฉิตุํ วฎฺฎติฯ เอวํ อาราเมน อาราโม ปริวเตฺตตโพฺพฯ เอเตเนว นเยน อารามวตฺถุปิ วิหาโรปิ วิหารวตฺถุปิ อาราเมน ปริวเตฺตตพฺพํฯ อารามวตฺถุนา จ มหเนฺตน วา ขุทฺทเกน วา อารามอารามวตฺถุวิหารวิหารวตฺถูนิฯ

    Sace pana manussānaṃ bahutarā rukkhā honti, ‘‘nanu tumhākaṃ bahutarā rukkhā’’ti vattabbaṃ. Sace ‘‘atirekaṃ amhākaṃ puññaṃ hotu, saṅghassa demā’’ti vadanti, jānāpetvā sampaṭicchituṃ vaṭṭati. Bhikkhūnaṃ rukkhā phaladhārino, manussānaṃ rukkhā na tāva phalaṃ gaṇhanti. Kiñcāpi na gaṇhanti, na cirasseva gaṇhissantīti sampaṭicchitabbameva. Manussānaṃ rukkhā phaladhārino, bhikkhūnaṃ na tāva phalaṃ gaṇhanti. ‘‘Nanu tumhākaṃ rukkhā phaladhārino’’ti vattabbaṃ. Sace ‘‘gaṇhatha, bhante, amhākaṃ puññaṃ bhavissatī’’ti vadanti, jānāpetvā sampaṭicchituṃ vaṭṭati. Evaṃ ārāmena ārāmo parivattetabbo. Eteneva nayena ārāmavatthupi vihāropi vihāravatthupi ārāmena parivattetabbaṃ. Ārāmavatthunā ca mahantena vā khuddakena vā ārāmaārāmavatthuvihāravihāravatthūni.

    กถํ วิหาเรน วิหาโร ปริวเตฺตตโพฺพ? สงฺฆสฺส อโนฺตคาเม เคหํ โหติ, มนุสฺสานํ วิหารมเชฺฌ ปาสาโท, อุโภปิ อเคฺฆน สมกา, สเจ มนุสฺสา เตน ปาสาเทน ตํ เคหํ ยาจนฺติ, สมฺปฎิจฺฉิตุํ วฎฺฎติฯ ภิกฺขูนํ เจ มหคฺฆตรํ เคหํ โหติ, ‘‘มหคฺฆตรํ อมฺหากํ เคห’’นฺติ วุเตฺต จ ‘‘กิญฺจาปิ มหคฺฆตรํ, ปพฺพชิตานํ ปน อสารุปฺปํ, น สกฺกา ตตฺถ ปพฺพชิเตหิ วสิตุํ, อิทํ ปน สารุปฺปํ, คณฺหถา’’ติ วทนฺติ, เอวมฺปิ สมฺปฎิจฺฉิตุํ วฎฺฎติฯ สเจ ปน มนุสฺสานํ มหคฺฆํ โหติ, ‘‘นนุ ตุมฺหากํ เคหํ มหคฺฆ’’นฺติ วตฺตพฺพํฯ ‘‘โหตุ, ภเนฺต, อมฺหากํ ปุญฺญํ ภวิสฺสติ, คณฺหถา’’ติ วุเตฺต ปน สมฺปฎิจฺฉิตุํ วฎฺฎติฯ เอวํ วิหาเรน วิหาโร ปริวเตฺตตโพฺพฯ เอเตเนว นเยน วิหารวตฺถุปิ อาราโมปิ อารามวตฺถุปิ วิหาเรน ปริวเตฺตตพฺพํฯ วิหารวตฺถุนา จ มหเคฺฆน วา อปฺปเคฺฆน วา วิหารวิหารวตฺถุอารามอารามวตฺถูนิฯ เอวํ ตาว ถาวเรน ถาวรปริวตฺตนํ เวทิตพฺพํฯ

    Kathaṃ vihārena vihāro parivattetabbo? Saṅghassa antogāme gehaṃ hoti, manussānaṃ vihāramajjhe pāsādo, ubhopi agghena samakā, sace manussā tena pāsādena taṃ gehaṃ yācanti, sampaṭicchituṃ vaṭṭati. Bhikkhūnaṃ ce mahagghataraṃ gehaṃ hoti, ‘‘mahagghataraṃ amhākaṃ geha’’nti vutte ca ‘‘kiñcāpi mahagghataraṃ, pabbajitānaṃ pana asāruppaṃ, na sakkā tattha pabbajitehi vasituṃ, idaṃ pana sāruppaṃ, gaṇhathā’’ti vadanti, evampi sampaṭicchituṃ vaṭṭati. Sace pana manussānaṃ mahagghaṃ hoti, ‘‘nanu tumhākaṃ gehaṃ mahaggha’’nti vattabbaṃ. ‘‘Hotu, bhante, amhākaṃ puññaṃ bhavissati, gaṇhathā’’ti vutte pana sampaṭicchituṃ vaṭṭati. Evaṃ vihārena vihāro parivattetabbo. Eteneva nayena vihāravatthupi ārāmopi ārāmavatthupi vihārena parivattetabbaṃ. Vihāravatthunā ca mahagghena vā appagghena vā vihāravihāravatthuārāmaārāmavatthūni. Evaṃ tāva thāvarena thāvaraparivattanaṃ veditabbaṃ.

    ครุภเณฺฑน ครุภณฺฑปริวตฺตเน ปน มญฺจปีฐํ มหนฺตํ วา โหตุ ขุทฺทกํ วา, อนฺตมโส จตุรงฺคุลปาทกํ คามทารเกหิ ปํสฺวาคารเกสุ กีฬเนฺตหิ กตมฺปิ สงฺฆสฺส ทินฺนกาลโต ปฎฺฐาย ครุภณฺฑํ โหติฯ สเจปิ ราชราชมหามตฺตาทโย เอกปฺปหาเรเนว มญฺจสตํ วา มญฺจสหสฺสํ วา เทนฺติ, สเพฺพ กปฺปิยมญฺจา สมฺปฎิจฺฉิตพฺพา, สมฺปฎิจฺฉิตฺวา วุฑฺฒปฎิปาฎิยา ‘‘สงฺฆิกปริโภเคน ปริภุญฺชถา’’ติ ทาตพฺพา, ปุคฺคลิกวเสน น ทาตพฺพาฯ อติเรกมเญฺจ ภณฺฑาคาราทีสุ ปญฺญเปตฺวา ปตฺตจีวรํ นิกฺขิปิตุมฺปิ วฎฺฎติฯ

    Garubhaṇḍena garubhaṇḍaparivattane pana mañcapīṭhaṃ mahantaṃ vā hotu khuddakaṃ vā, antamaso caturaṅgulapādakaṃ gāmadārakehi paṃsvāgārakesu kīḷantehi katampi saṅghassa dinnakālato paṭṭhāya garubhaṇḍaṃ hoti. Sacepi rājarājamahāmattādayo ekappahāreneva mañcasataṃ vā mañcasahassaṃ vā denti, sabbe kappiyamañcā sampaṭicchitabbā, sampaṭicchitvā vuḍḍhapaṭipāṭiyā ‘‘saṅghikaparibhogena paribhuñjathā’’ti dātabbā, puggalikavasena na dātabbā. Atirekamañce bhaṇḍāgārādīsu paññapetvā pattacīvaraṃ nikkhipitumpi vaṭṭati.

    พหิสีมาย ‘‘สงฺฆสฺส เทมา’’ติ ทินฺนมโญฺจ สงฺฆเตฺถรสฺส วสนฎฺฐาเน ทาตโพฺพฯ ตตฺถ เจ พหู มญฺจา โหนฺติ, มเญฺจน กมฺมํ นตฺถิ, ยสฺส วสนฎฺฐาเน กมฺมํ อตฺถิ, ตตฺถ ‘‘สงฺฆิกปริโภเคน ปริภุญฺชถา’’ติ ทาตโพฺพฯ มหเคฺฆน สตคฺฆนเกน, สหสฺสคฺฆนเกน วา มเญฺจน อญฺญํ มญฺจสตํ ลภติ, ปริวเตฺตตฺวา คเหตพฺพํฯ น เกวลํ มเญฺจน มโญฺจเยว, อารามอารามวตฺถุวิหารวิหารวตฺถุปีฐภิสิพิโมฺพหนานิปิ ปริวเตฺตตุํ วฎฺฎนฺติฯ เอส นโย ปีฐภิสิพิโมฺพหเนสุปิ เอเตสุ หิ กปฺปิยากปฺปิยํ วุตฺตนยเมวฯ ตตฺถ อกปฺปิยํ น ปริภุญฺชิตพฺพํ, กปฺปิยํ สงฺฆิกปริโภเคน ปริภุญฺชิตพฺพํฯ อกปฺปิยํ วา มหคฺฆํ กปฺปิยํ วา ปริวเตฺตตฺวา วุตฺตวตฺถูนิ คเหตพฺพานิ, อครุภณฺฑุปคํ ปน ภิสิพิโมฺพหนํ นาม นตฺถีติฯ

    Bahisīmāya ‘‘saṅghassa demā’’ti dinnamañco saṅghattherassa vasanaṭṭhāne dātabbo. Tattha ce bahū mañcā honti, mañcena kammaṃ natthi, yassa vasanaṭṭhāne kammaṃ atthi, tattha ‘‘saṅghikaparibhogena paribhuñjathā’’ti dātabbo. Mahagghena satagghanakena, sahassagghanakena vā mañcena aññaṃ mañcasataṃ labhati, parivattetvā gahetabbaṃ. Na kevalaṃ mañcena mañcoyeva, ārāmaārāmavatthuvihāravihāravatthupīṭhabhisibimbohanānipi parivattetuṃ vaṭṭanti. Esa nayo pīṭhabhisibimbohanesupi etesu hi kappiyākappiyaṃ vuttanayameva. Tattha akappiyaṃ na paribhuñjitabbaṃ, kappiyaṃ saṅghikaparibhogena paribhuñjitabbaṃ. Akappiyaṃ vā mahagghaṃ kappiyaṃ vā parivattetvā vuttavatthūni gahetabbāni, agarubhaṇḍupagaṃ pana bhisibimbohanaṃ nāma natthīti.

    ๒๘๙๘. ภิกฺขุ อโธเตน ปาเทน, อลฺลปาเทน วา เสนาสนํ นกฺกเมติ สมฺพโนฺธฯ สยนฺติ เอตฺถ, อาสนฺติ จาติ สยนาสนํ, ปริกมฺมกตภูมตฺถรณาทิฯ อลฺลปาเทน วาติ เยน อกฺกนฺตฎฺฐาเน อุทกํ ปญฺญายติ, เอวรูเปน ตินฺตปาเทนฯ ยถาห – ‘‘อเลฺลหิ ปาเทหีติ เยหิ อกฺกนฺตฎฺฐาเน อุทกํ ปญฺญายติ, เอวรูเปหิ ปาเทหิ ปริภณฺฑกตภูมิ วา เสนาสนํ วา น อกฺกมิตพฺพํฯ สเจ ปน อุทกสิเนหมตฺตเมว ปญฺญายติ, น อุทกํ, วฎฺฎตี’’ติ (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๒๔)ฯ สอุปาหโนติ เอตฺถ ‘‘โธตปาทก’’นฺติ วตฺตพฺพํฯ ปาเท ปฎิมุกฺกาหิ อุปาหนาหิ สอุปาหโน ภิกฺขุ โธตปาทกํ โธตปาเทหิ อกฺกมิตพฺพฎฺฐานํ ตเถว น อกฺกเมติ โยชนาฯ

    2898. Bhikkhu adhotena pādena, allapādena vā senāsanaṃ nakkameti sambandho. Sayanti ettha, āsanti cāti sayanāsanaṃ, parikammakatabhūmattharaṇādi. Allapādena vāti yena akkantaṭṭhāne udakaṃ paññāyati, evarūpena tintapādena. Yathāha – ‘‘allehi pādehīti yehi akkantaṭṭhāne udakaṃ paññāyati, evarūpehi pādehi paribhaṇḍakatabhūmi vā senāsanaṃ vā na akkamitabbaṃ. Sace pana udakasinehamattameva paññāyati, na udakaṃ, vaṭṭatī’’ti (cūḷava. aṭṭha. 324). Saupāhanoti ettha ‘‘dhotapādaka’’nti vattabbaṃ. Pāde paṭimukkāhi upāhanāhi saupāhano bhikkhu dhotapādakaṃ dhotapādehi akkamitabbaṭṭhānaṃ tatheva na akkameti yojanā.

    ๒๘๙๙. ปริกมฺมกตายาติ สุธาทิปริกมฺมกตายฯ นิฎฺฐุภนฺตสฺสาติ เขฬํ ปาเตนฺตสฺสฯ ปริกมฺมกตํ ภิตฺตินฺติ เสตภิตฺติํ วา จิตฺตกมฺมกตํ วา ภิตฺติํฯ น เกวลญฺจ ภิตฺติเมว, ทฺวารมฺปิ วาตปานมฺปิ อปเสฺสนผลกมฺปิ ปาสาณตฺถมฺภมฺปิ รุกฺขตฺถมฺภมฺปิ จีวเรน วา เกนจิ วา อปฺปฎิจฺฉาเทตฺวา อปสฺสยิตุํ น ลภติเยวฯ ‘‘ทฺวารวาตปานาทโย ปน อปริกมฺมกตาปิ อปฎิจฺฉาเทตฺวา น อปสฺสยิตพฺพา’’ติ คณฺฐิปเท วุตฺตํฯ

    2899.Parikammakatāyāti sudhādiparikammakatāya. Niṭṭhubhantassāti kheḷaṃ pātentassa. Parikammakataṃ bhittinti setabhittiṃ vā cittakammakataṃ vā bhittiṃ. Na kevalañca bhittimeva, dvārampi vātapānampi apassenaphalakampi pāsāṇatthambhampi rukkhatthambhampi cīvarena vā kenaci vā appaṭicchādetvā apassayituṃ na labhatiyeva. ‘‘Dvāravātapānādayo pana aparikammakatāpi apaṭicchādetvā na apassayitabbā’’ti gaṇṭhipade vuttaṃ.

    ๒๙๐๑. นิทฺทายโต ตสฺส โกจิ สรีราวยโว ปจฺจตฺถรเณ สงฺกุฎิเต สหสา ยทิ มญฺจํ ผุสติ, ทุกฺกฎนฺติ โยชนาฯ

    2901. Niddāyato tassa koci sarīrāvayavo paccattharaṇe saṅkuṭite sahasā yadi mañcaṃ phusati, dukkaṭanti yojanā.

    ๒๙๐๒. โลเมสุ มญฺจํ ผุสเนฺตสุฯ หตฺถปาทานํ ตเลน อกฺกมิตุํ วฎฺฎตีติ โยชนาฯ มญฺจปีฐํ นีหรนฺตสฺส กาเย ปฎิหญฺญติ, อนาปตฺติฯ

    2902.Lomesu mañcaṃ phusantesu. Hatthapādānaṃ talena akkamituṃ vaṭṭatīti yojanā. Mañcapīṭhaṃ nīharantassa kāye paṭihaññati, anāpatti.

    ‘‘ทายเกหิ ‘กาเยน ผุสิตฺวา ยถาสุขํ ปริภุญฺชถา’ติ ทินฺนเสนาสนํ, มญฺจปีฐาทิญฺจ ทายเกน วุตฺตนิยาเมน ปริภุญฺชนฺตสฺส โทโส นตฺถี’’ติ มาติกฎฺฐกถาย สีหฬคณฺฐิปเท วุตฺตตฺตา ตถา ปริภุญฺชนฺตสฺส อนาปตฺติฯ ‘‘อิมํ มญฺจปีฐาทิํ สงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ วุเตฺต ครุภณฺฑํ โหติ, น ภาเชตพฺพํ สงฺฆสฺส ปรามฎฺฐตฺตาฯ ‘‘อิมํ มญฺจปีฐาทิํ ภทนฺตานํ วสฺสเคฺคน คณฺหิตุํ ทมฺมี’’ติ วุเตฺต สติปิ ครุภณฺฑภาเว กปฺปิยวตฺถุํ ภาเชตฺวา คณฺหิตุํ วฎฺฎติ, อกปฺปิยภณฺฑเมว ภาเชตฺวา คเหตุํ น ลพฺภติฯ ‘‘อิมํ มญฺจปีฐํ วสฺสเคฺคน คเหตุํ สงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ วุเตฺต วสฺสเคฺคน ภาเชตฺวา คเหตพฺพํ วสฺสเคฺคน ภาชนํ ปฐมํ วตฺวา ปจฺฉา สงฺฆสฺส ปรามฎฺฐตฺตาฯ ‘‘สงฺฆสฺส อิมํ มญฺจปีฐํ วสฺสเคฺคน คณฺหิตุํ ทมฺมี’’ติ วุเตฺต ปน ครุภณฺฑํ โหติ ปฐมํ สงฺฆสฺส ปรามฎฺฐตฺตาติ อยมฺปิ วิเสโส มาติกฎฺฐกถา คณฺฐิปเทเยว วุโตฺตฯ

    ‘‘Dāyakehi ‘kāyena phusitvā yathāsukhaṃ paribhuñjathā’ti dinnasenāsanaṃ, mañcapīṭhādiñca dāyakena vuttaniyāmena paribhuñjantassa doso natthī’’ti mātikaṭṭhakathāya sīhaḷagaṇṭhipade vuttattā tathā paribhuñjantassa anāpatti. ‘‘Imaṃ mañcapīṭhādiṃ saṅghassa dammī’’ti vutte garubhaṇḍaṃ hoti, na bhājetabbaṃ saṅghassa parāmaṭṭhattā. ‘‘Imaṃ mañcapīṭhādiṃ bhadantānaṃ vassaggena gaṇhituṃ dammī’’ti vutte satipi garubhaṇḍabhāve kappiyavatthuṃ bhājetvā gaṇhituṃ vaṭṭati, akappiyabhaṇḍameva bhājetvā gahetuṃ na labbhati. ‘‘Imaṃ mañcapīṭhaṃ vassaggena gahetuṃ saṅghassa dammī’’ti vutte vassaggena bhājetvā gahetabbaṃ vassaggena bhājanaṃ paṭhamaṃ vatvā pacchā saṅghassa parāmaṭṭhattā. ‘‘Saṅghassa imaṃ mañcapīṭhaṃ vassaggena gaṇhituṃ dammī’’ti vutte pana garubhaṇḍaṃ hoti paṭhamaṃ saṅghassa parāmaṭṭhattāti ayampi viseso mātikaṭṭhakathā gaṇṭhipadeyeva vutto.

    ๒๙๐๓-๔. อุเทฺทสภตฺตวินิจฺฉเยกเทสํ ทเสฺสตุมาห ‘‘สหสฺสคฺฆนโก’’ติอาทิฯ สหสฺสคฺฆนโก สจีวโร ปิณฺฑปาโต อวสฺสิกํ ภิกฺขุํ ปโตฺต, ตสฺมิํ วิหาเร จ ‘‘เอวรูโป ปิณฺฑปาโต อวสฺสิกํ ภิกฺขุํ ปโตฺต’’ติ ลิขิตฺวา ฐปิโตปิ จ โหติ, ตโต สฎฺฐิวสฺสานมจฺจเย ตาทิโส สหสฺสคฺฆนโก สจีวโร โกจิ ปิณฺฑปาโต สเจ อุปฺปโนฺน โหติ, ตํ ปิณฺฑปาตํ พุโธ วินิจฺฉยกุสโล ภิกฺขุ อวสฺสิกฎฺฐิติกาย อทตฺวา สฎฺฐิวสฺสิกฎฺฐิติกาย ทเทยฺยาติ โยชนาฯ

    2903-4. Uddesabhattavinicchayekadesaṃ dassetumāha ‘‘sahassagghanako’’tiādi. Sahassagghanako sacīvaro piṇḍapāto avassikaṃ bhikkhuṃ patto, tasmiṃ vihāre ca ‘‘evarūpo piṇḍapāto avassikaṃ bhikkhuṃ patto’’ti likhitvā ṭhapitopi ca hoti, tato saṭṭhivassānamaccaye tādiso sahassagghanako sacīvaro koci piṇḍapāto sace uppanno hoti, taṃ piṇḍapātaṃ budho vinicchayakusalo bhikkhu avassikaṭṭhitikāya adatvā saṭṭhivassikaṭṭhitikāya dadeyyāti yojanā.

    ๒๙๐๕. อุเทฺทสภตฺตํ ภุญฺชิตฺวาติ อุปสมฺปนฺนกาเล อตฺตโน วสฺสเคฺคน ปตฺตํ อุเทฺทสภตฺตํ ปริภุญฺชิตฺวาฯ ชาโต เจ สามเณรโกติ สิกฺขาปจฺจกฺขานาทิวเสน สเจ สามเณโร ชาโตฯ นฺติ อุปสมฺปนฺนกาเล คหิตํ ตเทว อุเทฺทสภตฺตํฯ สามเณรสฺส ปาฬิยาติ สามเณรปฎิปาฎิยา อตฺตโน ปตฺตํ ปจฺฉา คเหตุํ ลภติฯ

    2905.Uddesabhattaṃ bhuñjitvāti upasampannakāle attano vassaggena pattaṃ uddesabhattaṃ paribhuñjitvā. Jāto ce sāmaṇerakoti sikkhāpaccakkhānādivasena sace sāmaṇero jāto. Tanti upasampannakāle gahitaṃ tadeva uddesabhattaṃ. Sāmaṇerassa pāḷiyāti sāmaṇerapaṭipāṭiyā attano pattaṃ pacchā gahetuṃ labhati.

    ๒๙๐๖. โย สามเณโร สมฺปุณฺณวีสติวโสฺส ‘‘เสฺว อุเทฺทสํ ลภิสฺสตี’’ติ วตฺตโพฺพ, อชฺช โส อุปสมฺปโนฺน โหติ, ฐิติกา อตีตา สิยาติ โยชนา, เสฺว ปาเปตพฺพา สามเณรฎฺฐิติกา อชฺช อุปสมฺปนฺนตฺตา อติกฺกนฺตา โหตีติ อโตฺถ, ตํ ภตฺตํ น ลภตีติ วุตฺตํ โหติฯ

    2906.Yo sāmaṇero sampuṇṇavīsativasso ‘‘sve uddesaṃ labhissatī’’ti vattabbo, ajja so upasampanno hoti, ṭhitikā atītā siyāti yojanā, sve pāpetabbā sāmaṇeraṭṭhitikā ajja upasampannattā atikkantā hotīti attho, taṃ bhattaṃ na labhatīti vuttaṃ hoti.

    ๒๙๐๗. อุเทฺทสภตฺตานนฺตรํ สลากภตฺตํ ทเสฺสตุมาห ‘‘สเจ ปนา’’ติอาทิฯ สเจ สลากา ลทฺธา, ตํทิเน ภตฺตํ น ลทฺธํ, ปุนทิเน ตสฺส ภตฺตํ คเหตพฺพํ, น สํสโย ‘‘คเหตพฺพํ นุ โข, น คเหตพฺพ’’นฺติ เอวํ สํสโย น กาตโพฺพติ โยชนาฯ

    2907. Uddesabhattānantaraṃ salākabhattaṃ dassetumāha ‘‘sace panā’’tiādi. Sace salākā laddhā, taṃdine bhattaṃ na laddhaṃ, punadine tassa bhattaṃ gahetabbaṃ, na saṃsayo ‘‘gahetabbaṃ nu kho, na gahetabba’’nti evaṃ saṃsayo na kātabboti yojanā.

    ๒๙๐๘. อุตฺตริ อุตฺตรํ อติเรกํ ภงฺคํ พฺยญฺชนํ เอตสฺสาติ อุตฺตริภงฺคํ, ตสฺส, อติเรกพฺยญฺชนสฺสาติ อโตฺถฯ เอกจรสฺสาติ เอกจาริกสฺสฯ สลากาเยว สลากิกา

    2908. Uttari uttaraṃ atirekaṃ bhaṅgaṃ byañjanaṃ etassāti uttaribhaṅgaṃ, tassa, atirekabyañjanassāti attho. Ekacarassāti ekacārikassa. Salākāyeva salākikā.

    ๒๙๐๙. อุตฺตริภงฺคเมว อุตฺตริภงฺคกํ

    2909. Uttaribhaṅgameva uttaribhaṅgakaṃ.

    ๒๙๑๐. เยน เยน หีติ คาหิตสลาเกน เยน เยน ภิกฺขุนาฯ ยํ ยนฺติ ภตฺตพฺยญฺชเนสุ ยํ ยํ ภตฺตํ วา ยํ ยํ พฺยญฺชนํ วาฯ

    2910.Yena yena hīti gāhitasalākena yena yena bhikkhunā. Yaṃ yanti bhattabyañjanesu yaṃ yaṃ bhattaṃ vā yaṃ yaṃ byañjanaṃ vā.

    ๒๙๑๑. สงฺฆุเทฺทสาทิกนฺติ สงฺฆภตฺตอุเทฺทสภตฺตาทิกํฯ อาทิ-สเทฺทน นิมนฺตนํ, สลากํ, ปกฺขิกํ, อุโปสถิกํ, ปาฎิปทิกนฺติ ปญฺจ ภตฺตานิ คหิตานิฯ

    2911.Saṅghuddesādikanti saṅghabhattauddesabhattādikaṃ. Ādi-saddena nimantanaṃ, salākaṃ, pakkhikaṃ, uposathikaṃ, pāṭipadikanti pañca bhattāni gahitāni.

    ตตฺถ สพฺพสงฺฆสฺส ทินฺนํ สงฺฆภตฺตํ นามฯ ‘‘สงฺฆโต เอตฺตเก ภิกฺขู อุทฺทิสิตฺวา เทถา’’ติอาทินา วตฺวา ทินฺนํ อุเทฺทสภตฺตํฯ ‘‘สงฺฆโต เอตฺตกานํ ภิกฺขูนํ ภตฺตํ คณฺหถา’’ติอาทินา วตฺวา ทินฺนํ นิมนฺตนํ นามฯ อตฺตโน อตฺตโน นาเมน สลากคาหกานํ ภิกฺขูนํ ทินฺนํ สลากภตฺตํ นามฯ จาตุทฺทสิยํ ทินฺนํ ปกฺขิกํฯ อุโปสเถ ทินฺนํ อุโปสถิกํฯ ปาฎิปเท ทินฺนํ ปาฎิปทิกํฯ ตํตํนาเมน ทินฺนเมว ตถา ตถา โวหรียติฯ เอเตสํ ปน วิตฺถารกถา ‘‘อภิลกฺขิเตสู’’ติอาทินา (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๒๕ ปกฺขิกภตฺตาทิกถา) อฎฺฐกถายํ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพาฯ อาคนฺตุกาทีติ เอตฺถ อาทิ-สเทฺทน คมิกภตฺตํ, คิลานภตฺตํ, คิลานุปฎฺฐากภตฺตนฺติ ตีณิ คหิตานิฯ อาคนฺตุกานํ ทินฺนํ ภตฺตํ อาคนฺตุกภตฺตํฯ เอเสว นโย เสเสสุฯ

    Tattha sabbasaṅghassa dinnaṃ saṅghabhattaṃ nāma. ‘‘Saṅghato ettake bhikkhū uddisitvā dethā’’tiādinā vatvā dinnaṃ uddesabhattaṃ. ‘‘Saṅghato ettakānaṃ bhikkhūnaṃ bhattaṃ gaṇhathā’’tiādinā vatvā dinnaṃ nimantanaṃ nāma. Attano attano nāmena salākagāhakānaṃ bhikkhūnaṃ dinnaṃ salākabhattaṃ nāma. Cātuddasiyaṃ dinnaṃ pakkhikaṃ. Uposathe dinnaṃ uposathikaṃ. Pāṭipade dinnaṃ pāṭipadikaṃ. Taṃtaṃnāmena dinnameva tathā tathā voharīyati. Etesaṃ pana vitthārakathā ‘‘abhilakkhitesū’’tiādinā (cūḷava. aṭṭha. 325 pakkhikabhattādikathā) aṭṭhakathāyaṃ vuttanayena veditabbā. Āgantukādīti ettha ādi-saddena gamikabhattaṃ, gilānabhattaṃ, gilānupaṭṭhākabhattanti tīṇi gahitāni. Āgantukānaṃ dinnaṃ bhattaṃ āgantukabhattaṃ. Eseva nayo sesesu.

    ๒๙๑๒. วิหารนฺติ วิหารภตฺตํ อุตฺตรปทโลเปน, วิหาเร ตตฺรุปฺปาทภตฺตเสฺสตํ อธิวจนํฯ วารภตฺตนฺติ ทุพฺภิกฺขสมเย ‘‘วาเรน ภิกฺขู ชคฺคิสฺสามา’’ติ ธุรเคหโต ปฎฺฐาย ทินฺนํฯ นิจฺจนฺติ นิจฺจภตฺตํ อุตฺตรปทโลเปน, ตญฺจ ตถา วตฺวาว ทินฺนํฯ กุฎิภตฺตํ นาม สงฺฆสฺส อาวาสํ กตฺวา ‘‘อมฺหากํ เสนาสนวาสิโน อมฺหากํ ภตฺตํ คณฺหนฺตู’’ติ ทินฺนํฯ ปนฺนรสวิธํ สพฺพเมว ภตฺตํ อิธ อิมสฺมิํ เสนาสนกฺขนฺธเก อุทฺทิฎฺฐํ กถิตํฯ เอเตสํ วิตฺถารวินิจฺฉโย อตฺถิเกหิ สมนฺตปาสาทิกาย คเหตโพฺพฯ

    2912.Vihāranti vihārabhattaṃ uttarapadalopena, vihāre tatruppādabhattassetaṃ adhivacanaṃ. Vārabhattanti dubbhikkhasamaye ‘‘vārena bhikkhū jaggissāmā’’ti dhuragehato paṭṭhāya dinnaṃ. Niccanti niccabhattaṃ uttarapadalopena, tañca tathā vatvāva dinnaṃ. Kuṭibhattaṃ nāma saṅghassa āvāsaṃ katvā ‘‘amhākaṃ senāsanavāsino amhākaṃ bhattaṃ gaṇhantū’’ti dinnaṃ. Pannarasavidhaṃ sabbameva bhattaṃ idha imasmiṃ senāsanakkhandhake uddiṭṭhaṃ kathitaṃ. Etesaṃ vitthāravinicchayo atthikehi samantapāsādikāya gahetabbo.

    ๒๙๑๓. ปจฺจยภาชเน มิจฺฉาปฎิปตฺติยา มหาทีนวตฺตา อปฺปมเตฺตเนว ปฎิปชฺชิตพฺพนฺติ ปจฺจยภาชนกํ อนุสาสโนฺต อาห ‘‘ปาฬิ’’นฺติอาทิฯ

    2913. Paccayabhājane micchāpaṭipattiyā mahādīnavattā appamatteneva paṭipajjitabbanti paccayabhājanakaṃ anusāsanto āha ‘‘pāḷi’’ntiādi.

    เสนาสนกฺขนฺธกกถาวณฺณนาฯ

    Senāsanakkhandhakakathāvaṇṇanā.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact