Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
๓. เสริววาณิชชาตกวณฺณนา
3. Serivavāṇijajātakavaṇṇanā
อิธ เจ นํ วิราเธสีติ อิมมฺปิ ธมฺมเทสนํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรโนฺต เอกํ โอสฺสฎฺฐวีริยเมว ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิฯ ตญฺหิ ปุริมนเยเนว ภิกฺขูหิ อานีตํ ทิสฺวา สตฺถา อาห – ‘‘ตฺวํ ภิกฺขุ, เอวรูเป มคฺคผลทายเก สาสเน ปพฺพชิตฺวา วีริยํ โอสฺสชโนฺต สตสหสฺสคฺฆนิกาย กญฺจนปาติยา ปริหีโน เสริววาณิโช วิย จิรํ โสจิสฺสสี’’ติฯ ภิกฺขู ตสฺสตฺถสฺส อาวิภาวตฺถํ ภควนฺตํ ยาจิํสุ, ภควา ภวนฺตเรน ปฎิจฺฉนฺนการณํ ปากฎมกาสิฯ
Idha ce naṃ virādhesīti imampi dhammadesanaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharanto ekaṃ ossaṭṭhavīriyameva bhikkhuṃ ārabbha kathesi. Tañhi purimanayeneva bhikkhūhi ānītaṃ disvā satthā āha – ‘‘tvaṃ bhikkhu, evarūpe maggaphaladāyake sāsane pabbajitvā vīriyaṃ ossajanto satasahassagghanikāya kañcanapātiyā parihīno serivavāṇijo viya ciraṃ socissasī’’ti. Bhikkhū tassatthassa āvibhāvatthaṃ bhagavantaṃ yāciṃsu, bhagavā bhavantarena paṭicchannakāraṇaṃ pākaṭamakāsi.
อตีเต อิโต ปญฺจเม กเปฺป โพธิสโตฺต เสริวรเฎฺฐ กจฺฉปุฎวาณิโช อโหสิฯ โส เสริวนามเกน เอเกน โลลกจฺฉปุฎวาณิเชน สทฺธิํ โวหารตฺถาย คจฺฉโนฺต นีลวาหํ นาม นทิํ อุตฺตริตฺวา อริฎฺฐปุรํ นาม นครํ ปวิสโนฺต นครวีถิโย ภาเชตฺวา อตฺตโน ปตฺตวีถิยา ภณฺฑํ วิกฺกิณโนฺต วิจริฯ อิตโรปิ อตฺตโน ปตฺตวีถิํ คณฺหิฯ ตสฺมิญฺจ นคเร เอกํ เสฎฺฐิกุลํ ปริชิณฺณํ อโหสิ, สเพฺพ ปุตฺตภาติกา จ ธนญฺจ ปริกฺขยํ อคมํสุ, เอกา ทาริกา อยฺยิกาย สทฺธิํ อวเสสา อโหสิ, ตา เทฺวปิ ปเรสํ ภติํ กตฺวา ชีวนฺติฯ เคเห ปน ตาสํ มหาเสฎฺฐินา ปริภุตฺตปุพฺพา สุวณฺณปาติ ภาชนนฺตเร นิกฺขิตฺตา ทีฆรตฺตํ อวลญฺชิยมานา มลคฺคหิตา อโหสิ, ตา ตสฺสา สุวณฺณปาติภาวมฺปิ น ชานนฺติฯ โส โลลวาณิโช ตสฺมิํ สมเย ‘‘มณิเก คณฺหถ, มณิเก คณฺหถา’’ติ วิจรโนฺต ตํ ฆรทฺวารํ ปาปุณิฯ สา กุมาริกา ตํ ทิสฺวา อยฺยิกํ อาห ‘‘อมฺม มยฺหํ เอกํ ปิฬนฺธนํ คณฺหา’’ติฯ อมฺม มยํ ทุคฺคตา, กิํ ทตฺวา คณฺหิสฺสามาติฯ อยํ โน ปาติ อตฺถิ, โน จ อมฺหากํ อุปการา, อิมํ ทตฺวา คณฺหาติฯ สา วาณิชํ ปโกฺกสาเปตฺวา อาสเน นิสีทาเปตฺวา ตํ ปาติํ ทตฺวา ‘‘อยฺย, อิมํ คเหตฺวา ตว ภคินิยา กิญฺจิเทว เทหี’’ติ อาหฯ วาณิโช ปาติํ หเตฺถน คเหตฺวาว ‘‘สุวณฺณปาติ ภวิสฺสตี’’ติ ปริวเตฺตตฺวา ปาติปิฎฺฐิยํ สูจิยา เลขํ กฑฺฒิตฺวา สุวณฺณภาวํ ญตฺวา ‘‘อิมาสํ กิญฺจิ อทตฺวาว อิมํ ปาติํ หริสฺสามี’’ติ ‘‘อยํ กิํ อคฺฆติ, อฑฺฒมาสโกปิสฺสา มูลํ น โหตี’’ติ ภูมิยํ ขิปิตฺวา อุฎฺฐายาสนา ปกฺกามิฯ เอเกน ปวิสิตฺวา นิกฺขนฺตวีถิํ อิตโร ปวิสิตุํ ลภตีติ โพธิสโตฺต ตํ วีถิํ ปวิสิตฺวา ‘‘มณิเก คณฺหถ, มณิเก คณฺหถา’’ติ วิจรโนฺต ตเมว ฆรทฺวารํ ปาปุณิฯ
Atīte ito pañcame kappe bodhisatto serivaraṭṭhe kacchapuṭavāṇijo ahosi. So serivanāmakena ekena lolakacchapuṭavāṇijena saddhiṃ vohāratthāya gacchanto nīlavāhaṃ nāma nadiṃ uttaritvā ariṭṭhapuraṃ nāma nagaraṃ pavisanto nagaravīthiyo bhājetvā attano pattavīthiyā bhaṇḍaṃ vikkiṇanto vicari. Itaropi attano pattavīthiṃ gaṇhi. Tasmiñca nagare ekaṃ seṭṭhikulaṃ parijiṇṇaṃ ahosi, sabbe puttabhātikā ca dhanañca parikkhayaṃ agamaṃsu, ekā dārikā ayyikāya saddhiṃ avasesā ahosi, tā dvepi paresaṃ bhatiṃ katvā jīvanti. Gehe pana tāsaṃ mahāseṭṭhinā paribhuttapubbā suvaṇṇapāti bhājanantare nikkhittā dīgharattaṃ avalañjiyamānā malaggahitā ahosi, tā tassā suvaṇṇapātibhāvampi na jānanti. So lolavāṇijo tasmiṃ samaye ‘‘maṇike gaṇhatha, maṇike gaṇhathā’’ti vicaranto taṃ gharadvāraṃ pāpuṇi. Sā kumārikā taṃ disvā ayyikaṃ āha ‘‘amma mayhaṃ ekaṃ piḷandhanaṃ gaṇhā’’ti. Amma mayaṃ duggatā, kiṃ datvā gaṇhissāmāti. Ayaṃ no pāti atthi, no ca amhākaṃ upakārā, imaṃ datvā gaṇhāti. Sā vāṇijaṃ pakkosāpetvā āsane nisīdāpetvā taṃ pātiṃ datvā ‘‘ayya, imaṃ gahetvā tava bhaginiyā kiñcideva dehī’’ti āha. Vāṇijo pātiṃ hatthena gahetvāva ‘‘suvaṇṇapāti bhavissatī’’ti parivattetvā pātipiṭṭhiyaṃ sūciyā lekhaṃ kaḍḍhitvā suvaṇṇabhāvaṃ ñatvā ‘‘imāsaṃ kiñci adatvāva imaṃ pātiṃ harissāmī’’ti ‘‘ayaṃ kiṃ agghati, aḍḍhamāsakopissā mūlaṃ na hotī’’ti bhūmiyaṃ khipitvā uṭṭhāyāsanā pakkāmi. Ekena pavisitvā nikkhantavīthiṃ itaro pavisituṃ labhatīti bodhisatto taṃ vīthiṃ pavisitvā ‘‘maṇike gaṇhatha, maṇike gaṇhathā’’ti vicaranto tameva gharadvāraṃ pāpuṇi.
ปุน สา กุมาริกา ตเถว อยฺยิกํ อาหฯ อถ นํ อยฺยิกา ‘‘อมฺม, ปฐมํ อาคตวาณิโช ปาติํ ภูมิยํ ขิปิตฺวา คโต, อิทานิ กิํ ทตฺวา คณฺหิสฺสามา’’ติ อาหฯ อมฺม, โส วาณิโช ผรุสวาโจ, อยํ ปน ปิยทสฺสโน มุทุสลฺลาโป, อเปฺปว นาม นํ คเณฺหยฺยาติฯ อมฺม, เตน หิ ปโกฺกสาหีติฯ สา ตํ ปโกฺกสิฯ อถสฺส เคหํ ปวิสิตฺวา นิสินฺนสฺส ตํ ปาติํ อทํสุฯ โส ตสฺสา สุวณฺณปาติภาวํ ญตฺวา ‘‘อมฺม, อยํ ปาติ สตสหสฺสํ อคฺฆติ, สตสหสฺสคฺฆนกภณฺฑํ มยฺหํ หเตฺถ นตฺถี’’ติ อาหฯ อยฺย, ปฐมํ อาคตวาณิโช ‘‘อยํ อฑฺฒมาสกมฺปิ น อคฺฆตี’’ติ วตฺวา ภูมิยํ ขิปิตฺวา คโต, อยํ ปน ตว ปุเญฺญน สุวณฺณปาติ ชาตา ภวิสฺสติ, มยํ อิมํ ตุยฺหํ เทม, กิญฺจิเทว โน ทตฺวา อิมํ คเหตฺวา ยาหีติฯ โพธิสโตฺต ตสฺมิํ ขเณ หตฺถคตานิ ปญฺจ กหาปณสตานิ ปญฺจสตคฺฆนกญฺจ ภณฺฑํ สพฺพํ ทตฺวา ‘‘มยฺหํ อิมํ ตุลญฺจ ปสิพฺพกญฺจ อฎฺฐ จ กหาปเณ เทถา’’ติ เอตฺตกํ ยาจิตฺวา อาทาย ปกฺกามิฯ โส สีฆเมว นทีตีรํ คนฺตฺวา นาวิกสฺส อฎฺฐ กหาปเณ ทตฺวา นาวํ อภิรุหิฯ
Puna sā kumārikā tatheva ayyikaṃ āha. Atha naṃ ayyikā ‘‘amma, paṭhamaṃ āgatavāṇijo pātiṃ bhūmiyaṃ khipitvā gato, idāni kiṃ datvā gaṇhissāmā’’ti āha. Amma, so vāṇijo pharusavāco, ayaṃ pana piyadassano mudusallāpo, appeva nāma naṃ gaṇheyyāti. Amma, tena hi pakkosāhīti. Sā taṃ pakkosi. Athassa gehaṃ pavisitvā nisinnassa taṃ pātiṃ adaṃsu. So tassā suvaṇṇapātibhāvaṃ ñatvā ‘‘amma, ayaṃ pāti satasahassaṃ agghati, satasahassagghanakabhaṇḍaṃ mayhaṃ hatthe natthī’’ti āha. Ayya, paṭhamaṃ āgatavāṇijo ‘‘ayaṃ aḍḍhamāsakampi na agghatī’’ti vatvā bhūmiyaṃ khipitvā gato, ayaṃ pana tava puññena suvaṇṇapāti jātā bhavissati, mayaṃ imaṃ tuyhaṃ dema, kiñcideva no datvā imaṃ gahetvā yāhīti. Bodhisatto tasmiṃ khaṇe hatthagatāni pañca kahāpaṇasatāni pañcasatagghanakañca bhaṇḍaṃ sabbaṃ datvā ‘‘mayhaṃ imaṃ tulañca pasibbakañca aṭṭha ca kahāpaṇe dethā’’ti ettakaṃ yācitvā ādāya pakkāmi. So sīghameva nadītīraṃ gantvā nāvikassa aṭṭha kahāpaṇe datvā nāvaṃ abhiruhi.
ตโต โลลวาณิโชปิ ปุน ตํ เคหํ คนฺตฺวา ‘‘อาหรถ ตํ ปาติํ, ตุมฺหากํ กิญฺจิเทว ทสฺสามี’’ติ อาหฯ สา ตํ ปริภาสิตฺวา ‘‘ตฺวํ อมฺหากํ สตสหสฺสคฺฆนิกํ สุวณฺณปาติํ อฑฺฒมาสคฺฆนิกมฺปิ น อกาสิ, ตุยฺหํ ปน สามิกสทิโส เอโก ธมฺมิโก วาณิโช อมฺหากํ สหสฺสํ ทตฺวา ตํ อาทาย คโต’’ติ อาหฯ ตํ สุตฺวาว ‘‘สตสหสฺสคฺฆนิกาย สุวณฺณปาติยา ปริหีโนมฺหิ, มหาชานิกโร วต เม อย’’นฺติ สญฺชาตพลวโสโก สติํ ปจฺจุปฎฺฐาเปตุํ อสโกฺกโนฺต วิสญฺญี หุตฺวา อตฺตโน หตฺถคเต กหาปเณ เจว ภณฺฑิกญฺจ ฆรทฺวาเรเยว วิกิริตฺวา นิวาสนปารุปนํ ปหาย ตุลาทณฺฑํ มุคฺครํ กตฺวา อาทาย โพธิสตฺตสฺส อนุปทํ ปกฺกโนฺต นทีตีรํ คนฺตฺวา โพธิสตฺตํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อโมฺภ, นาวิก, นาวํ นิวเตฺตหี’’ติ อาหฯ โพธิสโตฺต ปน ‘‘ตาต, มา นิวตฺตยี’’ติ ปฎิเสเธสิฯ อิตรสฺสปิ โพธิสตฺตํ คจฺฉนฺตํ ปสฺสนฺตเสฺสว พลวโสโก อุทปาทิ, หทยํ อุณฺหํ อโหสิ, มุขโต โลหิตํ อุคฺคญฺฉิ, วาปิกทฺทโม วิย หทยํ ผลิฯ โส โพธิสเตฺต อาฆาตํ พนฺธิตฺวา ตเตฺถว ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิ ฯ อิทํ ปฐมํ เทวทตฺตสฺส โพธิสเตฺต อาฆาตพนฺธนํฯ โพธิสโตฺต ทานาทีนิ ปุญฺญานิ กตฺวา ยถากมฺมํ คโตฯ
Tato lolavāṇijopi puna taṃ gehaṃ gantvā ‘‘āharatha taṃ pātiṃ, tumhākaṃ kiñcideva dassāmī’’ti āha. Sā taṃ paribhāsitvā ‘‘tvaṃ amhākaṃ satasahassagghanikaṃ suvaṇṇapātiṃ aḍḍhamāsagghanikampi na akāsi, tuyhaṃ pana sāmikasadiso eko dhammiko vāṇijo amhākaṃ sahassaṃ datvā taṃ ādāya gato’’ti āha. Taṃ sutvāva ‘‘satasahassagghanikāya suvaṇṇapātiyā parihīnomhi, mahājānikaro vata me aya’’nti sañjātabalavasoko satiṃ paccupaṭṭhāpetuṃ asakkonto visaññī hutvā attano hatthagate kahāpaṇe ceva bhaṇḍikañca gharadvāreyeva vikiritvā nivāsanapārupanaṃ pahāya tulādaṇḍaṃ muggaraṃ katvā ādāya bodhisattassa anupadaṃ pakkanto nadītīraṃ gantvā bodhisattaṃ gacchantaṃ disvā ‘‘ambho, nāvika, nāvaṃ nivattehī’’ti āha. Bodhisatto pana ‘‘tāta, mā nivattayī’’ti paṭisedhesi. Itarassapi bodhisattaṃ gacchantaṃ passantasseva balavasoko udapādi, hadayaṃ uṇhaṃ ahosi, mukhato lohitaṃ uggañchi, vāpikaddamo viya hadayaṃ phali. So bodhisatte āghātaṃ bandhitvā tattheva jīvitakkhayaṃ pāpuṇi . Idaṃ paṭhamaṃ devadattassa bodhisatte āghātabandhanaṃ. Bodhisatto dānādīni puññāni katvā yathākammaṃ gato.
สมฺมาสมฺพุโทฺธ อิมํ ธมฺมเทสนํ กเถตฺวา อภิสมฺพุโทฺธว อิมํ คาถํ กเถสิ –
Sammāsambuddho imaṃ dhammadesanaṃ kathetvā abhisambuddhova imaṃ gāthaṃ kathesi –
๓.
3.
‘‘อิธ เจ นํ วิราเธสิ, สทฺธมฺมสฺส นิยามตํ;
‘‘Idha ce naṃ virādhesi, saddhammassa niyāmataṃ;
จิรํ ตฺวํ อนุตเปฺปสิ, เสริวายํว วาณิโช’’ติฯ
Ciraṃ tvaṃ anutappesi, serivāyaṃva vāṇijo’’ti.
ตตฺถ อิธ เจ นํ วิราเธสิ, สทฺธมฺมสฺส นิยามตนฺติ อิมสฺมิํ สาสเน เอตํ สทฺธมฺมสฺส นิยามตาสงฺขาตํ โสตาปตฺติมคฺคํ วิราเธสิฯ ยทิ วิราเธสิ, วีริยํ โอสฺสชโนฺต นาธิคจฺฉสิ น ปฎิลภสีติ อโตฺถฯ จิรํ ตฺวํ อนุตเปฺปสีติ เอวํ สเนฺต ตฺวํ ทีฆมทฺธานํ โสจโนฺต ปริเทวโนฺต อนุตเปสฺสสิ, อถ วา โอสฺสฎฺฐวีริยตาย อริยมคฺคสฺส วิราธิตตฺตา ทีฆรตฺตํ นิรยาทีสุ อุปฺปโนฺน นานปฺปการานิ ทุกฺขานิ อนุภวโนฺต อนุตปฺปิสฺสสิ กิลมิสฺสสีติ อยเมตฺถ อโตฺถฯ กถํ? เสริวายํว วาณิโชติ ‘‘เสริวา’’ติ เอวํนามโก อยํ วาณิโช ยถาฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา ปุเพฺพ เสริวนามโก วาณิโช สตสหสฺสคฺฆนิกํ สุวณฺณปาติํ ลภิตฺวา ตสฺสา คหณตฺถาย วีริยํ อกตฺวา ตโต ปริหีโน อนุตปฺปิ, เอวเมว ตฺวมฺปิ อิมสฺมิํ สาสเน ปฎิยตฺตสุวณฺณปาติสทิสํ อริยมคฺคํ โอสฺสฎฺฐวีริยตาย อนธิคจฺฉโนฺต ตโต ปริหีโน ทีฆรตฺตํ อนุตปฺปิสฺสสิฯ สเจ ปน วีริยํ น โอสฺสชิสฺสสิ, ปณฺฑิตวาณิโช สุวณฺณปาติํ วิย มม สาสเน นววิธมฺปิ โลกุตฺตรธมฺมํ ปฎิลภิสฺสสีติฯ
Tattha idha ce naṃ virādhesi, saddhammassa niyāmatanti imasmiṃ sāsane etaṃ saddhammassa niyāmatāsaṅkhātaṃ sotāpattimaggaṃ virādhesi. Yadi virādhesi, vīriyaṃ ossajanto nādhigacchasi na paṭilabhasīti attho. Ciraṃ tvaṃ anutappesīti evaṃ sante tvaṃ dīghamaddhānaṃ socanto paridevanto anutapessasi, atha vā ossaṭṭhavīriyatāya ariyamaggassa virādhitattā dīgharattaṃ nirayādīsu uppanno nānappakārāni dukkhāni anubhavanto anutappissasi kilamissasīti ayamettha attho. Kathaṃ? Serivāyaṃva vāṇijoti ‘‘serivā’’ti evaṃnāmako ayaṃ vāṇijo yathā. Idaṃ vuttaṃ hoti – yathā pubbe serivanāmako vāṇijo satasahassagghanikaṃ suvaṇṇapātiṃ labhitvā tassā gahaṇatthāya vīriyaṃ akatvā tato parihīno anutappi, evameva tvampi imasmiṃ sāsane paṭiyattasuvaṇṇapātisadisaṃ ariyamaggaṃ ossaṭṭhavīriyatāya anadhigacchanto tato parihīno dīgharattaṃ anutappissasi. Sace pana vīriyaṃ na ossajissasi, paṇḍitavāṇijo suvaṇṇapātiṃ viya mama sāsane navavidhampi lokuttaradhammaṃ paṭilabhissasīti.
เอวมสฺส สตฺถา อรหเตฺตน กูฎํ คณฺหโนฺต อิมํ ธมฺมเทสนํ ทเสฺสตฺวา จตฺตาริ สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน โอสฺสฎฺฐวีริโย ภิกฺขุ อคฺคผเล อรหเตฺต ปติฎฺฐาสิฯ
Evamassa satthā arahattena kūṭaṃ gaṇhanto imaṃ dhammadesanaṃ dassetvā cattāri saccāni pakāsesi, saccapariyosāne ossaṭṭhavīriyo bhikkhu aggaphale arahatte patiṭṭhāsi.
สตฺถาปิ เทฺว วตฺถูนิ กเถตฺวา อนุสนฺธิํ ฆเฎตฺวา ชาตกํ สโมธาเนตฺวา ทเสฺสสิ – ‘‘ตทา พาลวาณิโช เทวทโตฺต อโหสิ, ปณฺฑิตวาณิโช ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ เทสนํ นิฎฺฐาเปสิฯ
Satthāpi dve vatthūni kathetvā anusandhiṃ ghaṭetvā jātakaṃ samodhānetvā dassesi – ‘‘tadā bālavāṇijo devadatto ahosi, paṇḍitavāṇijo pana ahameva ahosi’’nti desanaṃ niṭṭhāpesi.
เสริววาณิชชาตกวณฺณนา ตติยาฯ
Serivavāṇijajātakavaṇṇanā tatiyā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๓. เสริววาณิชชาตกํ • 3. Serivavāṇijajātakaṃ