Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มิลินฺทปญฺหปาฬิ • Milindapañhapāḷi |
๓. ปณามิตวโคฺค
3. Paṇāmitavaggo
๑. เสฎฺฐธมฺมปโญฺห
1. Seṭṭhadhammapañho
๑. ‘‘ภเนฺต นาคเสน, ภาสิตเมฺปตํ ภควตา ‘ธโมฺม หิ, วาเสฎฺฐ, เสโฎฺฐ ชเนตสฺมิํ ทิเฎฺฐ เจว ธเมฺม อภิสมฺปราเย จา’ติฯ ปุน จ ‘อุปาสโก คิหี โสตาปโนฺน ปิหิตาปาโย ทิฎฺฐิปฺปโตฺต วิญฺญาตสาสโน ภิกฺขุํ วา สามเณรํ วา ปุถุชฺชนํ อภิวาเทติ ปจฺจุเฎฺฐตี’ติฯ ยทิ, ภเนฺต นาคเสน, ภควตา ภณิตํ ‘ธโมฺม หิ, วาเสฎฺฐ, เสโฎฺฐ ชเนตสฺมิํ ทิเฎฺฐ เจว ธเมฺม อภิสมฺปราเย จา’ติ, เตน หิ ‘อุปาสโก คิหี โสตาปโนฺน ปิหิตาปาโย ทิฎฺฐิปฺปโตฺต วิญฺญาตสาสโน ภิกฺขุํ วา สามเณรํ วา ปุถุชฺชนํ อภิวาเทติ ปจฺจุเฎฺฐตี’ติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉาฯ ยทิ ‘อุปาสโก คิหี โสตาปโนฺน ปิหิตาปาโย ทิฎฺฐิปฺปโตฺต วิญฺญาตสาสโน ภิกฺขุํ วา สามเณรํ วา ปุถุชฺชนํ อภิวาเทติ ปจฺจุเฎฺฐติ’, เตน หิ ‘ธโมฺม หิ, วาเสฎฺฐ, เสโฎฺฐ ชเนตสฺมิํ ทิเฎฺฐ เจว ธเมฺม อภิสมฺปราเย จาติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉาฯ อยมฺปิ อุภโต โกฎิโก ปโญฺห ตวานุปฺปโตฺต, โส ตยา นิพฺพาหิตโพฺพ’’ติฯ
1. ‘‘Bhante nāgasena, bhāsitampetaṃ bhagavatā ‘dhammo hi, vāseṭṭha, seṭṭho janetasmiṃ diṭṭhe ceva dhamme abhisamparāye cā’ti. Puna ca ‘upāsako gihī sotāpanno pihitāpāyo diṭṭhippatto viññātasāsano bhikkhuṃ vā sāmaṇeraṃ vā puthujjanaṃ abhivādeti paccuṭṭhetī’ti. Yadi, bhante nāgasena, bhagavatā bhaṇitaṃ ‘dhammo hi, vāseṭṭha, seṭṭho janetasmiṃ diṭṭhe ceva dhamme abhisamparāye cā’ti, tena hi ‘upāsako gihī sotāpanno pihitāpāyo diṭṭhippatto viññātasāsano bhikkhuṃ vā sāmaṇeraṃ vā puthujjanaṃ abhivādeti paccuṭṭhetī’ti yaṃ vacanaṃ, taṃ micchā. Yadi ‘upāsako gihī sotāpanno pihitāpāyo diṭṭhippatto viññātasāsano bhikkhuṃ vā sāmaṇeraṃ vā puthujjanaṃ abhivādeti paccuṭṭheti’, tena hi ‘dhammo hi, vāseṭṭha, seṭṭho janetasmiṃ diṭṭhe ceva dhamme abhisamparāye cāti tampi vacanaṃ micchā. Ayampi ubhato koṭiko pañho tavānuppatto, so tayā nibbāhitabbo’’ti.
‘‘ภาสิตเมฺปตํ, มหาราช, ภควตา ‘ธโมฺม หิ, วาเสฎฺฐ, เสโฎฺฐ ชเนตสฺมิํ ทิเฎฺฐ เจว ธเมฺม อภิสมฺปราเย จา’ติ, ‘อุปาสโก จ คิหี โสตาปโนฺน ปิหิตาปาโย ทิฎฺฐิปฺปโตฺต วิญฺญาตสาสโน ภิกฺขุํ วา สามเณรํ วา ปุถุชฺชนํ อภิวาเทติ ปจฺจุเฎฺฐติ’ฯ ตตฺถ ปน การณํ อตฺถิฯ กตมํ ตํ การณํ?
‘‘Bhāsitampetaṃ, mahārāja, bhagavatā ‘dhammo hi, vāseṭṭha, seṭṭho janetasmiṃ diṭṭhe ceva dhamme abhisamparāye cā’ti, ‘upāsako ca gihī sotāpanno pihitāpāyo diṭṭhippatto viññātasāsano bhikkhuṃ vā sāmaṇeraṃ vā puthujjanaṃ abhivādeti paccuṭṭheti’. Tattha pana kāraṇaṃ atthi. Katamaṃ taṃ kāraṇaṃ?
‘‘วีสติ โข ปนิเม, มหาราช, สมณสฺส สมณกรณา ธมฺมา เทฺว จ ลิงฺคานิ, เยหิ สมโณ อภิวาทนปจฺจุฎฺฐานสมานนปูชนารโห โหติฯ กตเม วีสติ สมณสฺส สมณกรณา ธมฺมา เทฺว จ ลิงฺคานิ? เสโฎฺฐ 1 ธมฺมาราโม, อโคฺค นิยโม, จาโร วิหาโร สํยโม สํวโร ขนฺติ โสรจฺจํ เอกตฺตจริยา เอกตฺตาภิรติ ปฎิสลฺลานํ หิริโอตฺตปฺปํ วีริยํ อปฺปมาโท สิกฺขาสมาทานํ 2 อุเทฺทโส ปริปุจฺฉา สีลาทิอภิรติ นิราลยตา สิกฺขาปทปาริปูริตา, กาสาวธารณํ , ภณฺฑุภาโว ฯ อิเม โข , มหาราช, วีสติ สมณสฺส สมณกรณา ธมฺมา เทฺว จ ลิงฺคานิฯ เอเต คุเณ ภิกฺขุ สมาทาย วตฺตติ, โส เตสํ ธมฺมานํ อนูนตฺตา ปริปุณฺณตฺตา สมฺปนฺนตฺตา สมนฺนาคตตฺตา อเสกฺขภูมิํ อรหนฺตภูมิํ โอกฺกมติ, เสฎฺฐํ ภูมนฺตรํ โอกฺกมติ, อรหตฺตาสนฺนคโตติ อรหติ อุปาสโก โสตาปโนฺน ภิกฺขุํ ปุถุชฺชนํ อภิวาเทตุํ ปจฺจุฎฺฐาตุํฯ
‘‘Vīsati kho panime, mahārāja, samaṇassa samaṇakaraṇā dhammā dve ca liṅgāni, yehi samaṇo abhivādanapaccuṭṭhānasamānanapūjanāraho hoti. Katame vīsati samaṇassa samaṇakaraṇā dhammā dve ca liṅgāni? Seṭṭho 3 dhammārāmo, aggo niyamo, cāro vihāro saṃyamo saṃvaro khanti soraccaṃ ekattacariyā ekattābhirati paṭisallānaṃ hiriottappaṃ vīriyaṃ appamādo sikkhāsamādānaṃ 4 uddeso paripucchā sīlādiabhirati nirālayatā sikkhāpadapāripūritā, kāsāvadhāraṇaṃ , bhaṇḍubhāvo . Ime kho , mahārāja, vīsati samaṇassa samaṇakaraṇā dhammā dve ca liṅgāni. Ete guṇe bhikkhu samādāya vattati, so tesaṃ dhammānaṃ anūnattā paripuṇṇattā sampannattā samannāgatattā asekkhabhūmiṃ arahantabhūmiṃ okkamati, seṭṭhaṃ bhūmantaraṃ okkamati, arahattāsannagatoti arahati upāsako sotāpanno bhikkhuṃ puthujjanaṃ abhivādetuṃ paccuṭṭhātuṃ.
‘‘‘ขีณาสเวหิ โส สามญฺญํ อุปคโต, นตฺถิ เม โส สมโย’ติ 5 อรหติ อุปาสโก โสตาปโนฺน ภิกฺขุํ ปุถุชฺชนํ อภิวาเทตุํ ปจฺจุฎฺฐาตุํฯ
‘‘‘Khīṇāsavehi so sāmaññaṃ upagato, natthi me so samayo’ti 6 arahati upāsako sotāpanno bhikkhuṃ puthujjanaṃ abhivādetuṃ paccuṭṭhātuṃ.
‘‘‘อคฺคปริสํ โส อุปคโต, นาหํ ตํ ฐานํ อุปคโต’ติ อรหติ อุปาสโก โสตาปโนฺน ภิกฺขุํ ปุถุชฺชนํ อภิวาเทตุํ ปจฺจุฎฺฐาตุํฯ
‘‘‘Aggaparisaṃ so upagato, nāhaṃ taṃ ṭhānaṃ upagato’ti arahati upāsako sotāpanno bhikkhuṃ puthujjanaṃ abhivādetuṃ paccuṭṭhātuṃ.
‘‘‘ลภติ โส ปาติโมกฺขุเทฺทสํ โสตุํ, นาหํ ตํ ลภามิ โสตุ’นฺติ อรหติ อุปาสโก โสตาปโนฺน ภิกฺขุํ ปุถุชฺชนํ อภิวาเทตุํ ปจฺจุฎฺฐาตุํฯ
‘‘‘Labhati so pātimokkhuddesaṃ sotuṃ, nāhaṃ taṃ labhāmi sotu’nti arahati upāsako sotāpanno bhikkhuṃ puthujjanaṃ abhivādetuṃ paccuṭṭhātuṃ.
‘‘‘โส อเญฺญ ปพฺพาเชติ อุปสมฺปาเทติ ชินสาสนํ วเฑฺฒติ, อหเมตํ น ลภามิ กาตุ’นฺติ อรหติ อุปาสโก โสตาปโนฺน ภิกฺขุํ ปุถุชฺชนํ อภิวาเทตุํ ปจฺจุฎฺฐาตุํฯ
‘‘‘So aññe pabbājeti upasampādeti jinasāsanaṃ vaḍḍheti, ahametaṃ na labhāmi kātu’nti arahati upāsako sotāpanno bhikkhuṃ puthujjanaṃ abhivādetuṃ paccuṭṭhātuṃ.
‘‘‘อปฺปมาเณสุ โส สิกฺขาปเทสุ สมตฺตการี, นาหํ เตสุ วตฺตามี’ติ อรหติ อุปาสโก โสตาปโนฺน ภิกฺขุํ ปุถุชฺชนํ อภิวาเทตุํ ปจฺจุฎฺฐาตุํฯ
‘‘‘Appamāṇesu so sikkhāpadesu samattakārī, nāhaṃ tesu vattāmī’ti arahati upāsako sotāpanno bhikkhuṃ puthujjanaṃ abhivādetuṃ paccuṭṭhātuṃ.
‘‘‘อุปคโต โส สมณลิงฺคํ, พุทฺธาธิปฺปาเย ฐิโต, เตนาหํ ลิเงฺคน ทูรมปคโต’ติ อรหติ อุปาสโก โสตาปโนฺน ภิกฺขุํ ปุถุชฺชนํ อภิวาเทตุํ ปจฺจุฎฺฐาตุํฯ
‘‘‘Upagato so samaṇaliṅgaṃ, buddhādhippāye ṭhito, tenāhaṃ liṅgena dūramapagato’ti arahati upāsako sotāpanno bhikkhuṃ puthujjanaṃ abhivādetuṃ paccuṭṭhātuṃ.
‘‘‘ปรูฬฺหกจฺฉโลโม โส อนญฺชิตอมณฺฑิโต อนุลิตฺตสีลคโนฺธ, อหํ ปน มณฺฑนวิภูสนาภิรโต’ติ อรหติ อุปาสโก โสตาปโนฺน ภิกฺขุํ ปุถุชฺชนํ อภิวาเทตุํ ปจฺจุฎฺฐาตุํฯ
‘‘‘Parūḷhakacchalomo so anañjitaamaṇḍito anulittasīlagandho, ahaṃ pana maṇḍanavibhūsanābhirato’ti arahati upāsako sotāpanno bhikkhuṃ puthujjanaṃ abhivādetuṃ paccuṭṭhātuṃ.
‘‘อปิ จ, มหาราช, ‘เย เต วีสติ สมณกรณา ธมฺมา เทฺว จ ลิงฺคานิ, สเพฺพเปเต ธมฺมา ภิกฺขุสฺส สํวิชฺชนฺติ, โส เยว เต ธเมฺม ธาเรติ, อเญฺญปิ ตตฺถ สิกฺขาเปติ, โส เม อาคโม สิกฺขาปนญฺจ นตฺถี’ติ อรหติ อุปาสโก โสตาปโนฺน ภิกฺขุํ ปุถุชฺชนํ อภิวาเทตุํ ปจฺจุฎฺฐาตุํ ฯ
‘‘Api ca, mahārāja, ‘ye te vīsati samaṇakaraṇā dhammā dve ca liṅgāni, sabbepete dhammā bhikkhussa saṃvijjanti, so yeva te dhamme dhāreti, aññepi tattha sikkhāpeti, so me āgamo sikkhāpanañca natthī’ti arahati upāsako sotāpanno bhikkhuṃ puthujjanaṃ abhivādetuṃ paccuṭṭhātuṃ .
‘‘ยถา, มหาราช, ราชกุมาโร ปุโรหิตสฺส สนฺติเก วิชฺชํ อธียติ, ขตฺติยธมฺมํ สิกฺขติ, โส อปเรน สมเยน อภิสิโตฺต อาจริยํ อภิวาเทติ ปจฺจุเฎฺฐติ ‘สิกฺขาปโก เม อย’นฺติ, เอวเมว โข, มหาราช, ‘ภิกฺขุ สิกฺขาปโก วํสธโร’ติ อรหติ อุปาสโก โสตาปโนฺน ภิกฺขุํ ปุถุชฺชนํ อภิวาเทตุํ ปจฺจุฎฺฐาตุํฯ
‘‘Yathā, mahārāja, rājakumāro purohitassa santike vijjaṃ adhīyati, khattiyadhammaṃ sikkhati, so aparena samayena abhisitto ācariyaṃ abhivādeti paccuṭṭheti ‘sikkhāpako me aya’nti, evameva kho, mahārāja, ‘bhikkhu sikkhāpako vaṃsadharo’ti arahati upāsako sotāpanno bhikkhuṃ puthujjanaṃ abhivādetuṃ paccuṭṭhātuṃ.
‘‘อปิ จ, มหาราช, อิมินาเปตํ ปริยาเยน ชานาหิ ภิกฺขุภูมิยา มหนฺตตํ อสมวิปุลภาวํฯ ยทิ, มหาราช, อุปาสโก โสตาปโนฺน อรหตฺตํ สจฺฉิกโรติ, เทฺวว ตสฺส คติโย ภวนฺติ อนญฺญา ตสฺมิํ เยว ทิวเส ปรินิพฺพาเยยฺย วา, ภิกฺขุภาวํ วา อุปคเจฺฉยฺยฯ อจลา หิ สา, มหาราช, ปพฺพชฺชา, มหตี อจฺจุคฺคตา, ยทิทํ ภิกฺขุภูมี’’ติฯ ‘‘ญาณคโต, ภเนฺต นาคเสน, ปโญฺห สุนิเพฺพฐิโต พลวตา อติพุทฺธินา ตยา, น ยิมํ ปญฺหํ สมโตฺถ อโญฺญ เอวํ วินิเวเฐตุํ อญฺญตฺร ตวาทิเสน พุทฺธิมตา’’ติฯ
‘‘Api ca, mahārāja, imināpetaṃ pariyāyena jānāhi bhikkhubhūmiyā mahantataṃ asamavipulabhāvaṃ. Yadi, mahārāja, upāsako sotāpanno arahattaṃ sacchikaroti, dveva tassa gatiyo bhavanti anaññā tasmiṃ yeva divase parinibbāyeyya vā, bhikkhubhāvaṃ vā upagaccheyya. Acalā hi sā, mahārāja, pabbajjā, mahatī accuggatā, yadidaṃ bhikkhubhūmī’’ti. ‘‘Ñāṇagato, bhante nāgasena, pañho sunibbeṭhito balavatā atibuddhinā tayā, na yimaṃ pañhaṃ samattho añño evaṃ viniveṭhetuṃ aññatra tavādisena buddhimatā’’ti.
เสฎฺฐธมฺมปโญฺห ปฐโมฯ
Seṭṭhadhammapañho paṭhamo.
Footnotes: