Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เปตวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Petavatthu-aṭṭhakathā |
๑๕. เสฎฺฐิปุตฺตเปตวตฺถุวณฺณนา
15. Seṭṭhiputtapetavatthuvaṇṇanā
สฎฺฐิวสฺสสหสฺสานีติ อิทํ เสฎฺฐิปุตฺตเปตวตฺถุฯ ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเนฯ เตน โข ปน สมเยน ราชา ปเสนทิ โกสโล อลงฺกตปฺปฎิยโตฺต หตฺถิกฺขนฺธวรคโต มหติยา ราชิทฺธิยา มหเนฺตน ราชานุภาเวน นครํ อนุสญฺจรโนฺต อญฺญตรสฺมิํ เคเห อุปริปาสาเท วาตปานํ วิวริตฺวา ตํ ราชวิภูติํ โอโลเกนฺติํ รูปสมฺปตฺติยา เทวจฺฉราปฎิภาคํ เอกํ อิตฺถิํ ทิสฺวา อทิฎฺฐปุเพฺพ อารมฺมเณ สหสา สมุปฺปเนฺนน กิเลสสมุทาจาเรน ปริยุฎฺฐิตจิโตฺต สติปิ กุลรูปาจาราทิคุณวิเสสสมฺปเนฺน อเนฺตปุรชเน สภาวลหุกสฺส ปน ทุทฺทมสฺส จิตฺตสฺส วเสน ตสฺสํ อิตฺถิยํ ปฎิพทฺธมานโส หุตฺวา ปจฺฉาสเน นิสินฺนสฺส ปุริสสฺส ‘‘อิมํ ปาสาทํ อิมญฺจ อิตฺถิํ อุปธาเรหี’’ติ สญฺญํ ทตฺวา ราชเคหํ ปวิโฎฺฐฯ อญฺญํ สพฺพํ อมฺพสกฺกรเปตวตฺถุมฺหิ อาคตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ
Saṭṭhivassasahassānīti idaṃ seṭṭhiputtapetavatthu. Tassa kā uppatti? Bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane. Tena kho pana samayena rājā pasenadi kosalo alaṅkatappaṭiyatto hatthikkhandhavaragato mahatiyā rājiddhiyā mahantena rājānubhāvena nagaraṃ anusañcaranto aññatarasmiṃ gehe uparipāsāde vātapānaṃ vivaritvā taṃ rājavibhūtiṃ olokentiṃ rūpasampattiyā devaccharāpaṭibhāgaṃ ekaṃ itthiṃ disvā adiṭṭhapubbe ārammaṇe sahasā samuppannena kilesasamudācārena pariyuṭṭhitacitto satipi kularūpācārādiguṇavisesasampanne antepurajane sabhāvalahukassa pana duddamassa cittassa vasena tassaṃ itthiyaṃ paṭibaddhamānaso hutvā pacchāsane nisinnassa purisassa ‘‘imaṃ pāsādaṃ imañca itthiṃ upadhārehī’’ti saññaṃ datvā rājagehaṃ paviṭṭho. Aññaṃ sabbaṃ ambasakkarapetavatthumhi āgatanayeneva veditabbaṃ.
อยํ ปน วิเสโส – อิธ ปุริโส สูริเย อนตฺถงฺคเตเยว อาคนฺตฺวา นครทฺวาเร ถกิเต อตฺตนา อานีตํ อรุณวณฺณมตฺติกํ อุปฺปลานิ จ นครทฺวารกวาเฎ ลเคฺคตฺวา นิปชฺชิตุํ เชตวนํ อคมาสิฯ ราชา ปน สิริสยเน วาสูปคโต มชฺฌิมยาเม ส-อิติ น-อิติ ทุ-อิติ โส-อิติ จ อิมานิ จตฺตาริ อกฺขรานิ มหตา กเณฺฐน อุจฺจาริตานิ วิย วิสฺสรวเสน อโสฺสสิฯ ตานิ กิร อตีเต กาเล สาวตฺถิวาสีหิ จตูหิ เสฎฺฐิปุเตฺตหิ โภคมทมเตฺตหิ โยพฺพนกาเล ปารทาริกกมฺมวเสน พหุํ อปุญฺญํ ปสเวตฺวา อปรภาเค กาลํ กตฺวา ตเสฺสว นครสฺส สมีเป โลหกุมฺภิยํ นิพฺพตฺติตฺวา ปจฺจมาเนหิ โลหกุมฺภิยา มุขวฎฺฎิํ ปตฺวา เอเกกํ คาถํ วตฺถุกาเมหิ อุจฺจาริตานํ ตาสํ คาถานํ อาทิอกฺขรานิ , เต ปฐมกฺขรเมว วตฺวา เวทนาปฺปตฺตา หุตฺวา โลหกุมฺภิํ โอตริํสุฯ
Ayaṃ pana viseso – idha puriso sūriye anatthaṅgateyeva āgantvā nagaradvāre thakite attanā ānītaṃ aruṇavaṇṇamattikaṃ uppalāni ca nagaradvārakavāṭe laggetvā nipajjituṃ jetavanaṃ agamāsi. Rājā pana sirisayane vāsūpagato majjhimayāme sa-iti na-iti du-iti so-iti ca imāni cattāri akkharāni mahatā kaṇṭhena uccāritāni viya vissaravasena assosi. Tāni kira atīte kāle sāvatthivāsīhi catūhi seṭṭhiputtehi bhogamadamattehi yobbanakāle pāradārikakammavasena bahuṃ apuññaṃ pasavetvā aparabhāge kālaṃ katvā tasseva nagarassa samīpe lohakumbhiyaṃ nibbattitvā paccamānehi lohakumbhiyā mukhavaṭṭiṃ patvā ekekaṃ gāthaṃ vatthukāmehi uccāritānaṃ tāsaṃ gāthānaṃ ādiakkharāni , te paṭhamakkharameva vatvā vedanāppattā hutvā lohakumbhiṃ otariṃsu.
ราชา ปน ตํ สทฺทํ สุตฺวา ภีตตสิโต สํวิโคฺค โลมหฎฺฐชาโต ตํ รตฺตาวเสสํ ทุเกฺขน วีตินาเมตฺวา วิภาตาย รตฺติยา ปุโรหิตํ ปโกฺกสาเปตฺวา ตํ ปวตฺติํ กเถสิฯ ปุโรหิโต ราชานํ ภีตตสิตํ ญตฺวา ลาภคิโทฺธ ‘‘อุปฺปโนฺน โข อยํ มยฺหํ พฺราหฺมณานญฺจ ลาภุปฺปาทนุปาโย’’ติ จิเนฺตตฺวา ‘‘มหาราช, มหา วตายํ อุปทฺทโว อุปฺปโนฺน, สพฺพจตุกฺกํ ยญฺญํ ยชาหี’’ติ อาหฯ ราชา ตสฺส วจนํ สุตฺวา อมเจฺจ อาณาเปสิ ‘‘สพฺพจตุกฺกยญฺญสฺส อุปกรณานิ สเชฺชถา’’ติฯ ตํ สุตฺวา มลฺลิกา เทวี ราชานํ เอวมาห – ‘‘กสฺมา, มหาราช, พฺราหฺมณสฺส วจนํ สุตฺวา อเนกปาณวธหิํสนกกิจฺจํ กาตุกาโมสิ, นนุ สพฺพตฺถ อปฺปฎิหตญาณจาโร ภควา ปุจฺฉิตโพฺพ? ยถา จ เต ภควา พฺยากริสฺสติ, ตถา ปฎิปชฺชิตพฺพ’’นฺติฯ ราชา ตสฺสา วจนํ สุตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตํ ปวตฺติํ ภควโต อาโรเจสิฯ ภควา ‘‘น, มหาราช, ตโตนิทานํ ตุยฺหํ โกจิ อนฺตราโย’’ติ วตฺวา อาทิโต ปฎฺฐาย เตสํ โลหกุมฺภินิรเย นิพฺพตฺตสตฺตานํ ปวตฺติํ กเถตฺวา เตหิ ปเจฺจกํ อุจฺจาเรตุํ อารทฺธคาถาโย –
Rājā pana taṃ saddaṃ sutvā bhītatasito saṃviggo lomahaṭṭhajāto taṃ rattāvasesaṃ dukkhena vītināmetvā vibhātāya rattiyā purohitaṃ pakkosāpetvā taṃ pavattiṃ kathesi. Purohito rājānaṃ bhītatasitaṃ ñatvā lābhagiddho ‘‘uppanno kho ayaṃ mayhaṃ brāhmaṇānañca lābhuppādanupāyo’’ti cintetvā ‘‘mahārāja, mahā vatāyaṃ upaddavo uppanno, sabbacatukkaṃ yaññaṃ yajāhī’’ti āha. Rājā tassa vacanaṃ sutvā amacce āṇāpesi ‘‘sabbacatukkayaññassa upakaraṇāni sajjethā’’ti. Taṃ sutvā mallikā devī rājānaṃ evamāha – ‘‘kasmā, mahārāja, brāhmaṇassa vacanaṃ sutvā anekapāṇavadhahiṃsanakakiccaṃ kātukāmosi, nanu sabbattha appaṭihatañāṇacāro bhagavā pucchitabbo? Yathā ca te bhagavā byākarissati, tathā paṭipajjitabba’’nti. Rājā tassā vacanaṃ sutvā satthu santikaṃ gantvā taṃ pavattiṃ bhagavato ārocesi. Bhagavā ‘‘na, mahārāja, tatonidānaṃ tuyhaṃ koci antarāyo’’ti vatvā ādito paṭṭhāya tesaṃ lohakumbhiniraye nibbattasattānaṃ pavattiṃ kathetvā tehi paccekaṃ uccāretuṃ āraddhagāthāyo –
๘๐๒.
802.
‘‘สฎฺฐิวสฺสสหสฺสานิ, ปริปุณฺณานิ สพฺพโส;
‘‘Saṭṭhivassasahassāni, paripuṇṇāni sabbaso;
นิรเย ปจฺจมานานํ, กทา อโนฺต ภวิสฺสติฯ
Niraye paccamānānaṃ, kadā anto bhavissati.
๘๐๓.
803.
‘‘นตฺถิ อโนฺต กุโต อโนฺต, น อโนฺต ปฎิทิสฺสติ;
‘‘Natthi anto kuto anto, na anto paṭidissati;
ตถา หิ ปกตํ ปาปํ, ตุยฺหํ มยฺหญฺจ มาริสาฯ
Tathā hi pakataṃ pāpaṃ, tuyhaṃ mayhañca mārisā.
๘๐๔.
804.
‘‘ทุชฺชีวิตมชีวิมฺห, เย สเนฺต น ททมฺหเส;
‘‘Dujjīvitamajīvimha, ye sante na dadamhase;
สเนฺตสุ เทยฺยธเมฺมสุ, ทีปํ นากมฺห อตฺตโนฯ
Santesu deyyadhammesu, dīpaṃ nākamha attano.
๘๐๕.
805.
‘‘โสหํ นูน อิโต คนฺตฺวา, โยนิํ ลทฺธาน มานุสิํ;
‘‘Sohaṃ nūna ito gantvā, yoniṃ laddhāna mānusiṃ;
วทญฺญู สีลสมฺปโนฺน, กาหามิ กุสลํ พหุ’’นฺติฯ –
Vadaññū sīlasampanno, kāhāmi kusalaṃ bahu’’nti. –
ปริปุณฺณํ กตฺวา กเถสิฯ
Paripuṇṇaṃ katvā kathesi.
๘๐๒. ตตฺถ สฎฺฐิวสฺสสหสฺสานีติ วสฺสานํ สฎฺฐิสหสฺสานิฯ ตสฺมิํ กิร โลหกุมฺภินิรเย นิพฺพตฺตสโตฺต อโธ โอคจฺฉโนฺต ติํสาย วสฺสสหเสฺสหิ เหฎฺฐิมตลํ ปาปุณาติ, ตโต อุทฺธํ อุคฺคจฺฉโนฺตปิ ติํสาย เอว วสฺสสหเสฺสหิ มุขวฎฺฎิปเทสํ ปาปุณาติ, ตาย สญฺญาย โส ‘‘สฎฺฐิวสฺสสหสฺสานิ, ปริปุณฺณานิ สพฺพโส’’ติ คาถํ วตฺตุกาโม ส-อิติ วตฺวา อธิมตฺตเวทนาปฺปโตฺต หุตฺวา อโธมุโข ปติฯ ภควา ปน ตํ รโญฺญ ปริปุณฺณํ กตฺวา กเถสิฯ เอส นโย เสสคาถาสุปิฯ ตตฺถ กทา อโนฺต ภวิสฺสตีติ โลหกุมฺภินิรเย ปจฺจมานานํ อมฺหากํ กทา นุ โข อิมสฺส ทุกฺขสฺส อโนฺต ปริโยสานํ ภวิสฺสติฯ
802. Tattha saṭṭhivassasahassānīti vassānaṃ saṭṭhisahassāni. Tasmiṃ kira lohakumbhiniraye nibbattasatto adho ogacchanto tiṃsāya vassasahassehi heṭṭhimatalaṃ pāpuṇāti, tato uddhaṃ uggacchantopi tiṃsāya eva vassasahassehi mukhavaṭṭipadesaṃ pāpuṇāti, tāya saññāya so ‘‘saṭṭhivassasahassāni, paripuṇṇāni sabbaso’’ti gāthaṃ vattukāmo sa-iti vatvā adhimattavedanāppatto hutvā adhomukho pati. Bhagavā pana taṃ rañño paripuṇṇaṃ katvā kathesi. Esa nayo sesagāthāsupi. Tattha kadā anto bhavissatīti lohakumbhiniraye paccamānānaṃ amhākaṃ kadā nu kho imassa dukkhassa anto pariyosānaṃ bhavissati.
๘๐๓. ตถา หีติ ยถา ตุยฺหํ มยฺหญฺจ อิมสฺส ทุกฺขสฺส นตฺถิ อโนฺต, น อโนฺต ปฎิทิสฺสติ, ตถา เตน ปกาเรน ปาปกํ กมฺมํ ปกตํ ตยา มยา จาติ วิภตฺติํ วิปริณาเมตฺวา วตฺตพฺพํฯ
803.Tathā hīti yathā tuyhaṃ mayhañca imassa dukkhassa natthi anto, na anto paṭidissati, tathā tena pakārena pāpakaṃ kammaṃ pakataṃ tayā mayā cāti vibhattiṃ vipariṇāmetvā vattabbaṃ.
๘๐๔. ทุชฺชีวิตนฺติ วิญฺญูหิ ครหิตพฺพํ ชีวิตํฯ เย สเนฺตติ เย มยํ สเนฺต วิชฺชมาเน เทยฺยธเมฺมฯ น ททมฺหเสติ น อทมฺหฯ วุตฺตเมวตฺถํ ปากฎตรํ กาตุํ ‘‘สเนฺตสุ เทยฺยธเมฺมสุ, ทีปํ นากมฺห อตฺตโน’’ติ วุตฺตํฯ
804.Dujjīvitanti viññūhi garahitabbaṃ jīvitaṃ. Ye santeti ye mayaṃ sante vijjamāne deyyadhamme. Na dadamhaseti na adamha. Vuttamevatthaṃ pākaṭataraṃ kātuṃ ‘‘santesu deyyadhammesu, dīpaṃ nākamha attano’’ti vuttaṃ.
๘๐๕. โสหนฺติ โส อหํฯ นูนาติ ปริวิตเกฺก นิปาโตฯ อิโตติ อิมสฺมา โลหกุมฺภินิรยาฯ คนฺตฺวาติ อปคนฺตฺวาฯ โยนิํ ลทฺธาน มานุสินฺติ มนุสฺสโยนิํ มนุสฺสตฺตภาวํ ลภิตฺวาฯ วทญฺญูติ ปริจฺจาคสีโล, ยาจกานํ วา วจนญฺญูฯ สีลสมฺปโนฺนติ สีลาจารสมฺปโนฺนฯ กาหามิ กุสลํ พหุนฺติ ปุเพฺพ วิย ปมาทํ อนาปชฺชิตฺวา พหุํ ปหูตํ กุสลํ ปุญฺญกมฺมํ กริสฺสามิ, อุปจินิสฺสามีติ อโตฺถฯ
805.Sohanti so ahaṃ. Nūnāti parivitakke nipāto. Itoti imasmā lohakumbhinirayā. Gantvāti apagantvā. Yoniṃ laddhāna mānusinti manussayoniṃ manussattabhāvaṃ labhitvā. Vadaññūti pariccāgasīlo, yācakānaṃ vā vacanaññū. Sīlasampannoti sīlācārasampanno. Kāhāmi kusalaṃ bahunti pubbe viya pamādaṃ anāpajjitvā bahuṃ pahūtaṃ kusalaṃ puññakammaṃ karissāmi, upacinissāmīti attho.
สตฺถา อิมา คาถาโย วตฺวา วิตฺถาเรน ธมฺมํ เทเสสิ, เทสนาปริโยสาเน มตฺติการตฺตุปฺปลหารโก ปุริโส โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิฯ ราชา สญฺชาตสํเวโค ปรปริคฺคเห อภิชฺฌํ ปหาย สทารสนฺตุโฎฺฐ อโหสีติฯ
Satthā imā gāthāyo vatvā vitthārena dhammaṃ desesi, desanāpariyosāne mattikārattuppalahārako puriso sotāpattiphale patiṭṭhahi. Rājā sañjātasaṃvego parapariggahe abhijjhaṃ pahāya sadārasantuṭṭho ahosīti.
เสฎฺฐิปุตฺตเปตวตฺถุวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Seṭṭhiputtapetavatthuvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เปตวตฺถุปาฬิ • Petavatthupāḷi / ๑๕. เสฎฺฐิปุตฺตเปตวตฺถุ • 15. Seṭṭhiputtapetavatthu