Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya

    ๖. เสวนาสุตฺตํ

    6. Sevanāsuttaṃ

    . ตตฺร โข อายสฺมา สาริปุโตฺต ภิกฺขู อามเนฺตสิ…เป.… อายสฺมา สาริปุโตฺต เอตทโวจ –

    6. Tatra kho āyasmā sāriputto bhikkhū āmantesi…pe… āyasmā sāriputto etadavoca –

    ‘‘ปุคฺคโลปิ , อาวุโส, ทุวิเธน เวทิตโพฺพ – เสวิตโพฺพปิ อเสวิตโพฺพปิฯ จีวรมฺปิ, อาวุโส, ทุวิเธน เวทิตพฺพํ – เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปิฯ ปิณฺฑปาโตปิ, อาวุโส, ทุวิเธน เวทิตโพฺพ – เสวิตโพฺพปิ อเสวิตโพฺพปิฯ เสนาสนมฺปิ, อาวุโส, ทุวิเธน เวทิตพฺพํ – เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปิฯ คามนิคโมปิ, อาวุโส, ทุวิเธน เวทิตโพฺพ – เสวิตโพฺพปิ อเสวิตโพฺพปิฯ ชนปทปเทโสปิ อาวุโส, ทุวิเธน เวทิตโพฺพ – เสวิตโพฺพปิ อเสวิตโพฺพปิฯ

    ‘‘Puggalopi , āvuso, duvidhena veditabbo – sevitabbopi asevitabbopi. Cīvarampi, āvuso, duvidhena veditabbaṃ – sevitabbampi asevitabbampi. Piṇḍapātopi, āvuso, duvidhena veditabbo – sevitabbopi asevitabbopi. Senāsanampi, āvuso, duvidhena veditabbaṃ – sevitabbampi asevitabbampi. Gāmanigamopi, āvuso, duvidhena veditabbo – sevitabbopi asevitabbopi. Janapadapadesopi āvuso, duvidhena veditabbo – sevitabbopi asevitabbopi.

    ‘‘‘ปุคฺคโลปิ, อาวุโส, ทุวิเธน เวทิตโพฺพ – เสวิตโพฺพปิ อเสวิตโพฺพปี’ติ, อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? ตตฺถ ยํ ชญฺญา ปุคฺคลํ – ‘อิมํ โข เม ปุคฺคลํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ; เย จ โข เม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา เต จ กสิเรน สมุทาคจฺฉนฺติ; ยสฺส จมฺหิ อตฺถาย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โส จ เม สามญฺญโตฺถ น ภาวนาปาริปูริํ คจฺฉตี’ติ, เตนาวุโส, ปุคฺคเลน โส ปุคฺคโล รตฺติภาคํ วา ทิวสภาคํ วา สงฺขาปิ อนาปุจฺฉา ปกฺกมิตพฺพํ นานุพนฺธิตโพฺพฯ

    ‘‘‘Puggalopi, āvuso, duvidhena veditabbo – sevitabbopi asevitabbopī’ti, iti kho panetaṃ vuttaṃ. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Tattha yaṃ jaññā puggalaṃ – ‘imaṃ kho me puggalaṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyanti; ye ca kho me pabbajitena jīvitaparikkhārā samudānetabbā cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānapaccayabhesajjaparikkhārā te ca kasirena samudāgacchanti; yassa camhi atthāya agārasmā anagāriyaṃ pabbajito so ca me sāmaññattho na bhāvanāpāripūriṃ gacchatī’ti, tenāvuso, puggalena so puggalo rattibhāgaṃ vā divasabhāgaṃ vā saṅkhāpi anāpucchā pakkamitabbaṃ nānubandhitabbo.

    ‘‘ตตฺถ ยํ ชญฺญา ปุคฺคลํ – ‘อิมํ โข เม ปุคฺคลํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ; เย จ โข เม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา เต จ อปฺปกสิเรน สมุทาคจฺฉนฺติ; ยสฺส จมฺหิ อตฺถาย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โส จ เม สามญฺญโตฺถ น ภาวนาปาริปูริํ คจฺฉตี’ติ, เตนาวุโส, ปุคฺคเลน โส ปุคฺคโล สงฺขาปิ อนาปุจฺฉา ปกฺกมิตพฺพํ นานุพนฺธิตโพฺพฯ

    ‘‘Tattha yaṃ jaññā puggalaṃ – ‘imaṃ kho me puggalaṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyanti; ye ca kho me pabbajitena jīvitaparikkhārā samudānetabbā cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānapaccayabhesajjaparikkhārā te ca appakasirena samudāgacchanti; yassa camhi atthāya agārasmā anagāriyaṃ pabbajito so ca me sāmaññattho na bhāvanāpāripūriṃ gacchatī’ti, tenāvuso, puggalena so puggalo saṅkhāpi anāpucchā pakkamitabbaṃ nānubandhitabbo.

    ‘‘ตตฺถ ยํ ชญฺญา ปุคฺคลํ – ‘อิมํ โข เม ปุคฺคลํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ; เย จ โข เม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา เต จ กสิเรน สมุทาคจฺฉนฺติ; ยสฺส จมฺหิ อตฺถาย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โส จ เม สามญฺญโตฺถ ภาวนาปาริปูริํ คจฺฉตี’ติ, เตนาวุโส, ปุคฺคเลน โส ปุคฺคโล สงฺขาปิ อนุพนฺธิตโพฺพ น ปกฺกมิตพฺพํฯ

    ‘‘Tattha yaṃ jaññā puggalaṃ – ‘imaṃ kho me puggalaṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhanti; ye ca kho me pabbajitena jīvitaparikkhārā samudānetabbā cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānapaccayabhesajjaparikkhārā te ca kasirena samudāgacchanti; yassa camhi atthāya agārasmā anagāriyaṃ pabbajito so ca me sāmaññattho bhāvanāpāripūriṃ gacchatī’ti, tenāvuso, puggalena so puggalo saṅkhāpi anubandhitabbo na pakkamitabbaṃ.

    ‘‘ตตฺถ ยํ ชญฺญา ปุคฺคลํ – ‘อิมํ โข เม ปุคฺคลํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ; เย จ โข เม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา เต จ อปฺปกสิเรน สมุทาคจฺฉนฺติ; ยสฺส จมฺหิ อตฺถาย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โส จ เม สามญฺญโตฺถ ภาวนาปาริปูริํ คจฺฉตี’ติ, เตนาวุโส, ปุคฺคเลน โส ปุคฺคโล ยาวชีวํ อนุพนฺธิตโพฺพ น ปกฺกมิตพฺพํ อปิ ปนุชฺชมาเนน 1ฯ ‘ปุคฺคโลปิ, อาวุโส, ทุวิเธน เวทิตโพฺพ – เสวิตโพฺพปิ อเสวิตโพฺพปี’ติ, อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ

    ‘‘Tattha yaṃ jaññā puggalaṃ – ‘imaṃ kho me puggalaṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhanti; ye ca kho me pabbajitena jīvitaparikkhārā samudānetabbā cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānapaccayabhesajjaparikkhārā te ca appakasirena samudāgacchanti; yassa camhi atthāya agārasmā anagāriyaṃ pabbajito so ca me sāmaññattho bhāvanāpāripūriṃ gacchatī’ti, tenāvuso, puggalena so puggalo yāvajīvaṃ anubandhitabbo na pakkamitabbaṃ api panujjamānena 2. ‘Puggalopi, āvuso, duvidhena veditabbo – sevitabbopi asevitabbopī’ti, iti yaṃ taṃ vuttaṃ, idametaṃ paṭicca vuttaṃ.

    ‘‘‘จีวรมฺปิ, อาวุโส, ทุวิเธน เวทิตพฺพํ – เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปี’ติ, อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? ตตฺถ ยํ ชญฺญา จีวรํ – ‘อิทํ โข เม จีวรํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺตี’ติ, เอวรูปํ จีวรํ น เสวิตพฺพํ ฯ ตตฺถ ยํ ชญฺญา จีวรํ – ‘อิทํ โข เม จีวรํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’ติ, เอวรูปํ จีวรํ เสวิตพฺพํฯ ‘จีวรมฺปิ , อาวุโส, ทุวิเธน เวทิตพฺพํ – เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปี’ติ, อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ

    ‘‘‘Cīvarampi, āvuso, duvidhena veditabbaṃ – sevitabbampi asevitabbampī’ti, iti kho panetaṃ vuttaṃ. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Tattha yaṃ jaññā cīvaraṃ – ‘idaṃ kho me cīvaraṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyantī’ti, evarūpaṃ cīvaraṃ na sevitabbaṃ . Tattha yaṃ jaññā cīvaraṃ – ‘idaṃ kho me cīvaraṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhantī’ti, evarūpaṃ cīvaraṃ sevitabbaṃ. ‘Cīvarampi , āvuso, duvidhena veditabbaṃ – sevitabbampi asevitabbampī’ti, iti yaṃ taṃ vuttaṃ, idametaṃ paṭicca vuttaṃ.

    ‘‘‘ปิณฺฑปาโตปิ, อาวุโส, ทุวิเธน เวทิตโพฺพ – เสวิตโพฺพปิ อเสวิตโพฺพปี’ติ, อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? ตตฺถ ยํ ชญฺญา ปิณฺฑปาตํ – ‘อิมํ โข เม ปิณฺฑปาตํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺตี’ติ, เอวรูโป ปิณฺฑปาโต น เสวิตโพฺพฯ ตตฺถ ยํ ชญฺญา ปิณฺฑปาตํ – ‘อิมํ โข เม ปิณฺฑปาตํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’ติ, เอวรูโป ปิณฺฑปาโต เสวิตโพฺพฯ ‘ปิณฺฑปาโตปิ, อาวุโส, ทุวิเธน เวทิตโพฺพ – เสวิตโพฺพปิ อเสวิตโพฺพปี’ติ, อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ

    ‘‘‘Piṇḍapātopi, āvuso, duvidhena veditabbo – sevitabbopi asevitabbopī’ti, iti kho panetaṃ vuttaṃ. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Tattha yaṃ jaññā piṇḍapātaṃ – ‘imaṃ kho me piṇḍapātaṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyantī’ti, evarūpo piṇḍapāto na sevitabbo. Tattha yaṃ jaññā piṇḍapātaṃ – ‘imaṃ kho me piṇḍapātaṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhantī’ti, evarūpo piṇḍapāto sevitabbo. ‘Piṇḍapātopi, āvuso, duvidhena veditabbo – sevitabbopi asevitabbopī’ti, iti yaṃ taṃ vuttaṃ, idametaṃ paṭicca vuttaṃ.

    ‘‘‘เสนาสนมฺปิ, อาวุโส, ทุวิเธน เวทิตพฺพํ – เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปี’ติ, อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? ตตฺถ ยํ ชญฺญา เสนาสนํ – ‘‘อิทํ โข เม เสนาสนํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺตี’ติ, เอวรูปํ เสนาสนํ น เสวิตพฺพํฯ ตตฺถ ยํ ชญฺญา เสนาสนํ – ‘อิทํ โข เม เสนาสนํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ , กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’ติ, เอวรูปํ เสนาสนํ เสวิตพฺพํฯ ‘เสนาสนมฺปิ, อาวุโส, ทุวิเธน เวทิตพฺพํ – เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปี’ติ, อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ

    ‘‘‘Senāsanampi, āvuso, duvidhena veditabbaṃ – sevitabbampi asevitabbampī’ti, iti kho panetaṃ vuttaṃ. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Tattha yaṃ jaññā senāsanaṃ – ‘‘idaṃ kho me senāsanaṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyantī’ti, evarūpaṃ senāsanaṃ na sevitabbaṃ. Tattha yaṃ jaññā senāsanaṃ – ‘idaṃ kho me senāsanaṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti , kusalā dhammā abhivaḍḍhantī’ti, evarūpaṃ senāsanaṃ sevitabbaṃ. ‘Senāsanampi, āvuso, duvidhena veditabbaṃ – sevitabbampi asevitabbampī’ti, iti yaṃ taṃ vuttaṃ, idametaṃ paṭicca vuttaṃ.

    ‘‘‘คามนิคโมปิ, อาวุโส, ทุวิเธน เวทิตโพฺพ – เสวิตโพฺพปิ อเสวิตโพฺพปี’ติ, อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? ตตฺถ ยํ ชญฺญา คามนิคมํ – ‘อิมํ โข เม คามนิคมํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺตี’ติ, เอวรูโป คามนิคโม น เสวิตโพฺพฯ ตตฺถ ยํ ชญฺญา คามนิคมํ – ‘อิมํ โข, เม คามนิคมํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’ติ, เอวรูโป คามนิคโม เสวิตโพฺพฯ ‘คามนิคโมปิ, อาวุโส, ทุวิเธน เวทิตโพฺพ – เสวิตโพฺพปิ อเสวิตโพฺพปี’ติ, อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ

    ‘‘‘Gāmanigamopi, āvuso, duvidhena veditabbo – sevitabbopi asevitabbopī’ti, iti kho panetaṃ vuttaṃ. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Tattha yaṃ jaññā gāmanigamaṃ – ‘imaṃ kho me gāmanigamaṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyantī’ti, evarūpo gāmanigamo na sevitabbo. Tattha yaṃ jaññā gāmanigamaṃ – ‘imaṃ kho, me gāmanigamaṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhantī’ti, evarūpo gāmanigamo sevitabbo. ‘Gāmanigamopi, āvuso, duvidhena veditabbo – sevitabbopi asevitabbopī’ti, iti yaṃ taṃ vuttaṃ, idametaṃ paṭicca vuttaṃ.

    ‘‘‘ชนปทปเทโสปิ , อาวุโส, ทุวิเธน เวทิตโพฺพ – เสวิตโพฺพปิ อเสวิตโพฺพปี’ติ, อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? ตตฺถ ยํ ชญฺญา ชนปทปเทสํ – ‘อิมํ โข เม ชนปทปเทสํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺตี’ติ, เอวรูโป ชนปทปเทโส น เสวิตโพฺพฯ ตตฺถ ยํ ชญฺญา ชนปทปเทสํ – ‘อิมํ โข เม ชนปทปเทสํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’ติ, เอวรูโป ชนปทปเทโส เสวิตโพฺพฯ ‘ชนปทปเทโสปิ, อาวุโส, ทุวิเธน เวทิตโพฺพ – เสวิตโพฺพปิ อเสวิตโพฺพปี’ติ, อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺต’’นฺติฯ ฉฎฺฐํฯ

    ‘‘‘Janapadapadesopi , āvuso, duvidhena veditabbo – sevitabbopi asevitabbopī’ti, iti kho panetaṃ vuttaṃ. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Tattha yaṃ jaññā janapadapadesaṃ – ‘imaṃ kho me janapadapadesaṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyantī’ti, evarūpo janapadapadeso na sevitabbo. Tattha yaṃ jaññā janapadapadesaṃ – ‘imaṃ kho me janapadapadesaṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhantī’ti, evarūpo janapadapadeso sevitabbo. ‘Janapadapadesopi, āvuso, duvidhena veditabbo – sevitabbopi asevitabbopī’ti, iti yaṃ taṃ vuttaṃ, idametaṃ paṭicca vutta’’nti. Chaṭṭhaṃ.







    Footnotes:
    1. ปณุชฺชมาเนน (?)
    2. paṇujjamānena (?)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๖. เสวนาสุตฺตวณฺณนา • 6. Sevanāsuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๖. เสวนาสุตฺตวณฺณนา • 6. Sevanāsuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact