Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya

    ๔. เสวิตพฺพาเสวิตพฺพสุตฺตํ

    4. Sevitabbāsevitabbasuttaṃ

    ๑๐๙. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติฯ ‘‘ภทเนฺต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ – ‘‘เสวิตพฺพาเสวิตพฺพํ โว, ภิกฺขเว, ธมฺมปริยายํ เทเสสฺสามิฯ ตํ สุณาถ, สาธุกํ มนสิ กโรถ; ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ –

    109. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tatra kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘bhikkhavo’’ti. ‘‘Bhadante’’ti te bhikkhū bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca – ‘‘sevitabbāsevitabbaṃ vo, bhikkhave, dhammapariyāyaṃ desessāmi. Taṃ suṇātha, sādhukaṃ manasi karotha; bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho te bhikkhū bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca –

    ‘‘กายสมาจารํปาหํ 1, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปิ; ตญฺจ อญฺญมญฺญํ กายสมาจารํฯ วจีสมาจารํปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปิ; ตญฺจ อญฺญมญฺญํ วจีสมาจารํฯ มโนสมาจารํปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปิ; ตญฺจ อญฺญมญฺญํ มโนสมาจารํฯ จิตฺตุปฺปาทํปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปิ; ตญฺจ อญฺญมญฺญํ จิตฺตุปฺปาทํฯ สญฺญาปฎิลาภํปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ , อเสวิตพฺพมฺปิ; ตญฺจ อญฺญมญฺญํ สญฺญาปฎิลาภํฯ ทิฎฺฐิปฎิลาภํปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปิ; ตญฺจ อญฺญมญฺญํ ทิฎฺฐิปฎิลาภํฯ อตฺตภาวปฎิลาภํปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปิ; ตญฺจ อญฺญมญฺญํ อตฺตภาวปฎิลาภ’’นฺติฯ

    ‘‘Kāyasamācāraṃpāhaṃ 2, bhikkhave, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampi; tañca aññamaññaṃ kāyasamācāraṃ. Vacīsamācāraṃpāhaṃ, bhikkhave, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampi; tañca aññamaññaṃ vacīsamācāraṃ. Manosamācāraṃpāhaṃ, bhikkhave, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampi; tañca aññamaññaṃ manosamācāraṃ. Cittuppādaṃpāhaṃ, bhikkhave, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampi; tañca aññamaññaṃ cittuppādaṃ. Saññāpaṭilābhaṃpāhaṃ, bhikkhave, duvidhena vadāmi – sevitabbampi , asevitabbampi; tañca aññamaññaṃ saññāpaṭilābhaṃ. Diṭṭhipaṭilābhaṃpāhaṃ, bhikkhave, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampi; tañca aññamaññaṃ diṭṭhipaṭilābhaṃ. Attabhāvapaṭilābhaṃpāhaṃ, bhikkhave, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampi; tañca aññamaññaṃ attabhāvapaṭilābha’’nti.

    เอวํ วุเตฺต อายสฺมา สาริปุโตฺต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิมสฺส โข อหํ, ภเนฺต, ภควตา สํขิเตฺตน ภาสิตสฺส, วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส, เอวํ วิตฺถาเรน อตฺถํ อาชานามิฯ

    Evaṃ vutte āyasmā sāriputto bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘imassa kho ahaṃ, bhante, bhagavatā saṃkhittena bhāsitassa, vitthārena atthaṃ avibhattassa, evaṃ vitthārena atthaṃ ājānāmi.

    ๑๑๐. ‘‘‘กายสมาจารํปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปิ; ตญฺจ อญฺญมญฺญํ กายสมาจาร’นฺติ – อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ ภควตาฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? ยถารูปํ, ภเนฺต, กายสมาจารํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, เอวรูโป กายสมาจาโร น เสวิตโพฺพ; ยถารูปญฺจ โข, ภเนฺต, กายสมาจารํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, เอวรูโป กายสมาจาโร เสวิตโพฺพฯ

    110. ‘‘‘Kāyasamācāraṃpāhaṃ, bhikkhave, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampi; tañca aññamaññaṃ kāyasamācāra’nti – iti kho panetaṃ vuttaṃ bhagavatā. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Yathārūpaṃ, bhante, kāyasamācāraṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyanti, evarūpo kāyasamācāro na sevitabbo; yathārūpañca kho, bhante, kāyasamācāraṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhanti, evarūpo kāyasamācāro sevitabbo.

    ๑๑๑. ‘‘กถํรูปํ, ภเนฺต, กายสมาจารํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ? อิธ, ภเนฺต, เอกโจฺจ ปาณาติปาตี โหติ ลุโทฺท โลหิตปาณิ หตปฺปหเต นิวิโฎฺฐ อทยาปโนฺน ปาณภูเตสุ; อทินฺนาทายี โข ปน โหติ, ยํ ตํ ปรสฺส ปรวิตฺตูปกรณํ คามคตํ วา อรญฺญคตํ วา ตํ อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทาตา โหติ; กาเมสุมิจฺฉาจารี โข ปน โหติ, ยา ตา มาตุรกฺขิตา ปิตุรกฺขิตา มาตาปิตุรกฺขิตา ภาตุรกฺขิตา ภคินิรกฺขิตา ญาติรกฺขิตา โคตฺตรกฺขิตา ธมฺมรกฺขิตา สสฺสามิกา สปริทณฺฑา อนฺตมโส มาลาคุฬปริกฺขิตฺตาปิ ตถารูปาสุ จาริตฺตํ อาปชฺชิตา โหติ – เอวรูปํ, ภเนฺต, กายสมาจารํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติฯ

    111. ‘‘Kathaṃrūpaṃ, bhante, kāyasamācāraṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyanti? Idha, bhante, ekacco pāṇātipātī hoti luddo lohitapāṇi hatappahate niviṭṭho adayāpanno pāṇabhūtesu; adinnādāyī kho pana hoti, yaṃ taṃ parassa paravittūpakaraṇaṃ gāmagataṃ vā araññagataṃ vā taṃ adinnaṃ theyyasaṅkhātaṃ ādātā hoti; kāmesumicchācārī kho pana hoti, yā tā māturakkhitā piturakkhitā mātāpiturakkhitā bhāturakkhitā bhaginirakkhitā ñātirakkhitā gottarakkhitā dhammarakkhitā sassāmikā saparidaṇḍā antamaso mālāguḷaparikkhittāpi tathārūpāsu cārittaṃ āpajjitā hoti – evarūpaṃ, bhante, kāyasamācāraṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyanti.

    ‘‘กถํรูปํ , ภเนฺต, กายสมาจารํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ? อิธ, ภเนฺต, เอกโจฺจ ปาณาติปาตํ ปหาย ปาณาติปาตา ปฎิวิรโต โหติ นิหิตทโณฺฑ นิหิตสโตฺถ, ลชฺชี ทยาปโนฺน สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปี วิหรติ; อทินฺนาทานํ ปหาย อทินฺนาทานา ปฎิวิรโต โหติ, ยํ ตํ ปรสฺส ปรวิตฺตูปกรณํ คามคตํ วา อรญฺญคตํ วา ตํ นาทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทาตา โหติ; กาเมสุมิจฺฉาจารํ ปหาย กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฎิวิรโต โหติ, ยา ตา มาตุรกฺขิตา ปิตุรกฺขิตา มาตาปิตุรกฺขิตา ภาตุรกฺขิตา ภคินิรกฺขิตา ญาติรกฺขิตา โคตฺตรกฺขิตา ธมฺมรกฺขิตา สสฺสามิกา สปริทณฺฑา อนฺตมโส มาลาคุฬปริกฺขิตฺตาปิ ตถารูปาสุ น จาริตฺตํ อาปชฺชิตา โหติ – เอวรูปํ, ภเนฺต, กายสมาจารํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติฯ ‘กายสมาจารํปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปิ; ตญฺจ อญฺญมญฺญํ กายสมาจาร’นฺติ – อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ ภควตา อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ

    ‘‘Kathaṃrūpaṃ , bhante, kāyasamācāraṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhanti? Idha, bhante, ekacco pāṇātipātaṃ pahāya pāṇātipātā paṭivirato hoti nihitadaṇḍo nihitasattho, lajjī dayāpanno sabbapāṇabhūtahitānukampī viharati; adinnādānaṃ pahāya adinnādānā paṭivirato hoti, yaṃ taṃ parassa paravittūpakaraṇaṃ gāmagataṃ vā araññagataṃ vā taṃ nādinnaṃ theyyasaṅkhātaṃ ādātā hoti; kāmesumicchācāraṃ pahāya kāmesumicchācārā paṭivirato hoti, yā tā māturakkhitā piturakkhitā mātāpiturakkhitā bhāturakkhitā bhaginirakkhitā ñātirakkhitā gottarakkhitā dhammarakkhitā sassāmikā saparidaṇḍā antamaso mālāguḷaparikkhittāpi tathārūpāsu na cārittaṃ āpajjitā hoti – evarūpaṃ, bhante, kāyasamācāraṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhanti. ‘Kāyasamācāraṃpāhaṃ, bhikkhave, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampi; tañca aññamaññaṃ kāyasamācāra’nti – iti yaṃ taṃ vuttaṃ bhagavatā idametaṃ paṭicca vuttaṃ.

    ‘‘‘วจีสมาจารํปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปิ; ตญฺจ อญฺญมญฺญํ วจีสมาจาร’นฺติ – อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ ภควตาฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ ? ยถารูปํ, ภเนฺต, วจีสมาจารํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, เอวรูโป วจีสมาจาโร น เสวิตโพฺพ; ยถารูปญฺจ โข, ภเนฺต, วจีสมาจารํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ เอวรูโป วจีสมาจาโร เสวิตโพฺพฯ

    ‘‘‘Vacīsamācāraṃpāhaṃ, bhikkhave, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampi; tañca aññamaññaṃ vacīsamācāra’nti – iti kho panetaṃ vuttaṃ bhagavatā. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ ? Yathārūpaṃ, bhante, vacīsamācāraṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyanti, evarūpo vacīsamācāro na sevitabbo; yathārūpañca kho, bhante, vacīsamācāraṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhanti evarūpo vacīsamācāro sevitabbo.

    ๑๑๒. ‘‘กถํรูปํ, ภเนฺต, วจีสมาจารํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ? อิธ, ภเนฺต, เอกโจฺจ มุสาวาที โหติ, สภาคโต 3 วา ปริสาคโต 4 วา ญาติมชฺฌคโต วา ปูคมชฺฌคโต วา ราชกุลมชฺฌคโต วา อภินีโต สกฺขิปุโฎฺฐ – ‘เอหโมฺภ ปุริส, ยํ ชานาสิ ตํ วเทหี’ติ โส อชานํ วา อาห – ‘ชานามี’ติ, ชานํ วา อาห – ‘น ชานามี’ติ; อปสฺสํ วา อาห – ‘ปสฺสามี’ติ, ปสฺสํ วา อาห – ‘น ปสฺสามี’ติ – อิติ 5 อตฺตเหตุ วา ปรเหตุ วา อามิสกิญฺจิกฺขเหตุ 6 วา สมฺปชานมุสา ภาสิตา โหติ; ปิสุณวาโจ โข ปน โหติ, อิโต สุตฺวา อมุตฺร อกฺขาตา อิเมสํ เภทาย, อมุตฺร วา สุตฺวา อิเมสํ อกฺขาตา อมูสํ เภทาย – อิติ สมคฺคานํ วา เภตฺตา, ภินฺนานํ วา อนุปฺปทาตา, วคฺคาราโม, วคฺครโต, วคฺคนนฺที, วคฺคกรณิํ วาจํ ภาสิตา โหติ; ผรุสวาโจ โข ปน โหติ, ยา สา วาจา กณฺฑกา กกฺกสา ผรุสา ปรกฎุกา ปราภิสชฺชนี โกธสามนฺตา อสมาธิสํวตฺตนิกา, ตถารูปิํ วาจํ ภาสิตา โหติ; สมฺผปฺปลาปี โข ปน โหติ อกาลวาที อภูตวาที อนตฺถวาที อธมฺมวาที อวินยวาที, อนิธานวติํ วาจํ ภาสิตา โหติ อกาเลน อนปเทสํ อปริยนฺตวติํ อนตฺถสํหิตํ – เอวรูปํ, ภเนฺต, วจีสมาจารํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติฯ

    112. ‘‘Kathaṃrūpaṃ, bhante, vacīsamācāraṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyanti? Idha, bhante, ekacco musāvādī hoti, sabhāgato 7 vā parisāgato 8 vā ñātimajjhagato vā pūgamajjhagato vā rājakulamajjhagato vā abhinīto sakkhipuṭṭho – ‘ehambho purisa, yaṃ jānāsi taṃ vadehī’ti so ajānaṃ vā āha – ‘jānāmī’ti, jānaṃ vā āha – ‘na jānāmī’ti; apassaṃ vā āha – ‘passāmī’ti, passaṃ vā āha – ‘na passāmī’ti – iti 9 attahetu vā parahetu vā āmisakiñcikkhahetu 10 vā sampajānamusā bhāsitā hoti; pisuṇavāco kho pana hoti, ito sutvā amutra akkhātā imesaṃ bhedāya, amutra vā sutvā imesaṃ akkhātā amūsaṃ bhedāya – iti samaggānaṃ vā bhettā, bhinnānaṃ vā anuppadātā, vaggārāmo, vaggarato, vagganandī, vaggakaraṇiṃ vācaṃ bhāsitā hoti; pharusavāco kho pana hoti, yā sā vācā kaṇḍakā kakkasā pharusā parakaṭukā parābhisajjanī kodhasāmantā asamādhisaṃvattanikā, tathārūpiṃ vācaṃ bhāsitā hoti; samphappalāpī kho pana hoti akālavādī abhūtavādī anatthavādī adhammavādī avinayavādī, anidhānavatiṃ vācaṃ bhāsitā hoti akālena anapadesaṃ apariyantavatiṃ anatthasaṃhitaṃ – evarūpaṃ, bhante, vacīsamācāraṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyanti.

    ‘‘กถํรูปํ, ภเนฺต, วจีสมาจารํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ , กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ? อิธ, ภเนฺต, เอกโจฺจ มุสาวาทํ ปหาย มุสาวาทา ปฎิวิรโต โหติ สภาคโต วา ปริสาคโต วา ญาติมชฺฌคโต วา ปูคมชฺฌคโต วา ราชกุลมชฺฌคโต วา อภินีโต สกฺขิปุโฎฺฐ – ‘เอหโมฺภ ปุริส, ยํ ชานาสิ ตํ วเทหี’ติ โส อชานํ วา อาห – ‘น ชานามี’ติ, ชานํ วา อาห – ‘ชานามี’ติ, อปสฺสํ วา อาห – ‘น ปสฺสามี’ติ, ปสฺสํ วา อาห – ‘ปสฺสามี’ติ – อิติ อตฺตเหตุ วา ปรเหตุ วา อามิสกิญฺจิกฺขเหตุ วา น สมฺปชานมุสา ภาสิตา โหติ; ปิสุณํ วาจํ ปหาย ปิสุณาย วาจาย ปฎิวิรโต โหติ, อิโต สุตฺวา น อมุตฺร อกฺขาตา อิเมสํ เภทาย, อมุตฺร วา สุตฺวา น อิเมสํ อกฺขาตา อมูสํ เภทาย – อิติ ภินฺนานํ วา สนฺธาตา สหิตานํ วา อนุปฺปทาตา สมคฺคาราโม สมคฺครโต สมคฺคนนฺที สมคฺคกรณิํ วาจํ ภาสิตา โหติ; ผรุสํ วาจํ ปหาย ผรุสาย วาจาย ปฎิวิรโต โหติ, ยา สา วาจา เนลา กณฺณสุขา เปมนียา หทยงฺคมา โปรี พหุชนกนฺตา พหุชนมนาปา ตถารูปิํ วาจํ ภาสิตา โหติ; สมฺผปฺปลาปํ ปหาย สมฺผปฺปลาปา ปฎิวิรโต โหติ กาลวาที ภูตวาที อตฺถวาที ธมฺมวาที วินยวาที, นิธานวติํ วาจํ ภาสิตา โหติ กาเลน สาปเทสํ ปริยนฺตวติํ อตฺถสํหิตํ – เอวรูปํ, ภเนฺต, วจีสมาจารํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติฯ ‘วจีสมาจารํปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปิ; ตญฺจ อญฺญมญฺญํ วจีสมาจาร’นฺติ – อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ ภควตา อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ

    ‘‘Kathaṃrūpaṃ, bhante, vacīsamācāraṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti , kusalā dhammā abhivaḍḍhanti? Idha, bhante, ekacco musāvādaṃ pahāya musāvādā paṭivirato hoti sabhāgato vā parisāgato vā ñātimajjhagato vā pūgamajjhagato vā rājakulamajjhagato vā abhinīto sakkhipuṭṭho – ‘ehambho purisa, yaṃ jānāsi taṃ vadehī’ti so ajānaṃ vā āha – ‘na jānāmī’ti, jānaṃ vā āha – ‘jānāmī’ti, apassaṃ vā āha – ‘na passāmī’ti, passaṃ vā āha – ‘passāmī’ti – iti attahetu vā parahetu vā āmisakiñcikkhahetu vā na sampajānamusā bhāsitā hoti; pisuṇaṃ vācaṃ pahāya pisuṇāya vācāya paṭivirato hoti, ito sutvā na amutra akkhātā imesaṃ bhedāya, amutra vā sutvā na imesaṃ akkhātā amūsaṃ bhedāya – iti bhinnānaṃ vā sandhātā sahitānaṃ vā anuppadātā samaggārāmo samaggarato samagganandī samaggakaraṇiṃ vācaṃ bhāsitā hoti; pharusaṃ vācaṃ pahāya pharusāya vācāya paṭivirato hoti, yā sā vācā nelā kaṇṇasukhā pemanīyā hadayaṅgamā porī bahujanakantā bahujanamanāpā tathārūpiṃ vācaṃ bhāsitā hoti; samphappalāpaṃ pahāya samphappalāpā paṭivirato hoti kālavādī bhūtavādī atthavādī dhammavādī vinayavādī, nidhānavatiṃ vācaṃ bhāsitā hoti kālena sāpadesaṃ pariyantavatiṃ atthasaṃhitaṃ – evarūpaṃ, bhante, vacīsamācāraṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhanti. ‘Vacīsamācāraṃpāhaṃ, bhikkhave, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampi; tañca aññamaññaṃ vacīsamācāra’nti – iti yaṃ taṃ vuttaṃ bhagavatā idametaṃ paṭicca vuttaṃ.

    ‘‘‘มโนสมาจารํปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปิ; ตญฺจ อญฺญมญฺญํ มโนสมาจาร’นฺติ – อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ ภควตาฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? ยถารูปํ, ภเนฺต, มโนสมาจารํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ เอวรูโป มโนสมาจาโร น เสวิตโพฺพ; ยถารูปญฺจ โข, ภเนฺต, มโนสมาจารํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ เอวรูโป มโนสมาจาโร เสวิตโพฺพฯ

    ‘‘‘Manosamācāraṃpāhaṃ, bhikkhave, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampi; tañca aññamaññaṃ manosamācāra’nti – iti kho panetaṃ vuttaṃ bhagavatā. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Yathārūpaṃ, bhante, manosamācāraṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyanti evarūpo manosamācāro na sevitabbo; yathārūpañca kho, bhante, manosamācāraṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhanti evarūpo manosamācāro sevitabbo.

    ๑๑๓. ‘‘กถํรูปํ, ภเนฺต, มโนสมาจารํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ? อิธ, ภเนฺต, เอกโจฺจ อภิชฺฌาลุ โหติ, ยํ ตํ ปรสฺส ปรวิตฺตูปกรณํ ตํ อภิชฺฌาตา โหติ – ‘อโห วต ยํ ปรสฺส ตํ มมสฺสา’ติ; พฺยาปนฺนจิโตฺต โข ปน โหติ ปทุฎฺฐมนสงฺกโปฺป – ‘อิเม สตฺตา หญฺญนฺตุ วา วชฺฌนฺตุ วา อุจฺฉิชฺชนฺตุ วา วินสฺสนฺตุ วา มา วา อเหสุ’นฺติ – เอวรูปํ, ภเนฺต, มโนสมาจารํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติฯ

    113. ‘‘Kathaṃrūpaṃ, bhante, manosamācāraṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyanti? Idha, bhante, ekacco abhijjhālu hoti, yaṃ taṃ parassa paravittūpakaraṇaṃ taṃ abhijjhātā hoti – ‘aho vata yaṃ parassa taṃ mamassā’ti; byāpannacitto kho pana hoti paduṭṭhamanasaṅkappo – ‘ime sattā haññantu vā vajjhantu vā ucchijjantu vā vinassantu vā mā vā ahesu’nti – evarūpaṃ, bhante, manosamācāraṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyanti.

    ‘‘กถํรูปํ, ภเนฺต, มโนสมาจารํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ? อิธ, ภเนฺต, เอกโจฺจ อนภิชฺฌาลุ โหติ, ยํ ตํ ปรสฺส ปรวิตฺตูปกรณํ ตํ นาภิชฺฌาตา โหติ – ‘อโห วต ยํ ปรสฺส ตํ มมสฺสา’ติ; อพฺยาปนฺนจิโตฺต โข ปน โหติ อปฺปทุฎฺฐมนสงฺกโปฺป – ‘อิเม สตฺตา อเวรา อพฺยาพชฺฌา 11 อนีฆา สุขี อตฺตานํ ปริหรนฺตู’ติ – เอวรูปํ, ภเนฺต, มโนสมาจารํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติฯ ‘มโนสมาจารํปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปิ; ตญฺจ อญฺญมญฺญํ มโนสมาจาร’นฺติ – อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ ภควตา อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ

    ‘‘Kathaṃrūpaṃ, bhante, manosamācāraṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhanti? Idha, bhante, ekacco anabhijjhālu hoti, yaṃ taṃ parassa paravittūpakaraṇaṃ taṃ nābhijjhātā hoti – ‘aho vata yaṃ parassa taṃ mamassā’ti; abyāpannacitto kho pana hoti appaduṭṭhamanasaṅkappo – ‘ime sattā averā abyābajjhā 12 anīghā sukhī attānaṃ pariharantū’ti – evarūpaṃ, bhante, manosamācāraṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhanti. ‘Manosamācāraṃpāhaṃ, bhikkhave, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampi; tañca aññamaññaṃ manosamācāra’nti – iti yaṃ taṃ vuttaṃ bhagavatā idametaṃ paṭicca vuttaṃ.

    ๑๑๔. ‘‘‘จิตฺตุปฺปาทํปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปิ; ตญฺจ อญฺญมญฺญํ จิตฺตุปฺปาท’นฺติ – อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ ภควตาฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? ยถารูปํ, ภเนฺต, จิตฺตุปฺปาทํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ เอวรูโป จิตฺตุปฺปาโท น เสวิตโพฺพ; ยถารูปญฺจ โข, ภเนฺต, จิตฺตุปฺปาทํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ เอวรูโป จิตฺตุปฺปาโท เสวิตโพฺพฯ

    114. ‘‘‘Cittuppādaṃpāhaṃ, bhikkhave, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampi; tañca aññamaññaṃ cittuppāda’nti – iti kho panetaṃ vuttaṃ bhagavatā. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Yathārūpaṃ, bhante, cittuppādaṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyanti evarūpo cittuppādo na sevitabbo; yathārūpañca kho, bhante, cittuppādaṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhanti evarūpo cittuppādo sevitabbo.

    ‘‘กถํรูปํ, ภเนฺต, จิตฺตุปฺปาทํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ? อิธ, ภเนฺต, เอกโจฺจ อภิชฺฌาลุ โหติ, อภิชฺฌาสหคเตน เจตสา วิหรติ; พฺยาปาทวา โหติ, พฺยาปาทสหคเตน เจตสา วิหรติ; วิเหสวา โหติ, วิเหสาสหคเตน เจตสา วิหรติ – เอวรูปํ, ภเนฺต, จิตฺตุปฺปาทํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติฯ

    ‘‘Kathaṃrūpaṃ, bhante, cittuppādaṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyanti? Idha, bhante, ekacco abhijjhālu hoti, abhijjhāsahagatena cetasā viharati; byāpādavā hoti, byāpādasahagatena cetasā viharati; vihesavā hoti, vihesāsahagatena cetasā viharati – evarūpaṃ, bhante, cittuppādaṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyanti.

    ‘‘กถํรูปํ, ภเนฺต, จิตฺตุปฺปาทํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ , กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ? อิธ, ภเนฺต, เอกโจฺจ อนภิชฺฌาลุ โหติ, อนภิชฺฌาสหคเตน เจตสา วิหรติ; อพฺยาปาทวา โหติ, อพฺยาปาทสหคเตน เจตสา วิหรติ; อวิเหสวา โหติ, อวิเหสาสหคเตน เจตสา วิหรติ – เอวรูปํ, ภเนฺต, จิตฺตุปฺปาทํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติฯ ‘จิตฺตุปฺปาทํปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปิ; ตญฺจ อญฺญมญฺญํ จิตฺตุปฺปาท’นฺติ – อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ ภควตา อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ

    ‘‘Kathaṃrūpaṃ, bhante, cittuppādaṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti , kusalā dhammā abhivaḍḍhanti? Idha, bhante, ekacco anabhijjhālu hoti, anabhijjhāsahagatena cetasā viharati; abyāpādavā hoti, abyāpādasahagatena cetasā viharati; avihesavā hoti, avihesāsahagatena cetasā viharati – evarūpaṃ, bhante, cittuppādaṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhanti. ‘Cittuppādaṃpāhaṃ, bhikkhave, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampi; tañca aññamaññaṃ cittuppāda’nti – iti yaṃ taṃ vuttaṃ bhagavatā idametaṃ paṭicca vuttaṃ.

    ๑๑๕. ‘‘‘สญฺญาปฎิลาภํปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปิ; ตญฺจ อญฺญมญฺญํ สญฺญาปฎิลาภ’นฺติ – อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ ภควตาฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? ยถารูปํ, ภเนฺต, สญฺญาปฎิลาภํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ เอวรูโป สญฺญาปฎิลาโภ น เสวิตโพฺพ; ยถารูปญฺจ โข, ภเนฺต, สญฺญาปฎิลาภํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ เอวรูโป สญฺญาปฎิลาโภ เสวิตโพฺพฯ

    115. ‘‘‘Saññāpaṭilābhaṃpāhaṃ, bhikkhave, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampi; tañca aññamaññaṃ saññāpaṭilābha’nti – iti kho panetaṃ vuttaṃ bhagavatā. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Yathārūpaṃ, bhante, saññāpaṭilābhaṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyanti evarūpo saññāpaṭilābho na sevitabbo; yathārūpañca kho, bhante, saññāpaṭilābhaṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhanti evarūpo saññāpaṭilābho sevitabbo.

    ‘‘กถํรูปํ, ภเนฺต, สญฺญาปฎิลาภํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ? อิธ, ภเนฺต, เอกโจฺจ อภิชฺฌาลุ โหติ, อภิชฺฌาสหคตาย สญฺญาย วิหรติ; พฺยาปาทวา โหติ, พฺยาปาทสหคตาย สญฺญาย วิหรติ; วิเหสวา โหติ, วิเหสาสหคตาย สญฺญาย วิหรติ – เอวรูปํ, ภเนฺต, สญฺญาปฎิลาภํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติฯ

    ‘‘Kathaṃrūpaṃ, bhante, saññāpaṭilābhaṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyanti? Idha, bhante, ekacco abhijjhālu hoti, abhijjhāsahagatāya saññāya viharati; byāpādavā hoti, byāpādasahagatāya saññāya viharati; vihesavā hoti, vihesāsahagatāya saññāya viharati – evarūpaṃ, bhante, saññāpaṭilābhaṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyanti.

    ‘‘กถํรูปํ, ภเนฺต, สญฺญาปฎิลาภํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ? อิธ, ภเนฺต, เอกโจฺจ อนภิชฺฌาลุ โหติ, อนภิชฺฌาสหคตาย สญฺญาย วิหรติ; อพฺยาปาทวา โหติ, อพฺยาปาทสหคตาย สญฺญาย วิหรติ; อวิเหสวา โหติ, อวิเหสาสหคตาย สญฺญาย วิหรติ – เอวรูปํ, ภเนฺต, สญฺญาปฎิลาภํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติฯ ‘สญฺญาปฎิลาภํปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปิ; ตญฺจ อญฺญมญฺญํ สญฺญาปฎิลาภ’นฺติ – อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ ภควตา อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ

    ‘‘Kathaṃrūpaṃ, bhante, saññāpaṭilābhaṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhanti? Idha, bhante, ekacco anabhijjhālu hoti, anabhijjhāsahagatāya saññāya viharati; abyāpādavā hoti, abyāpādasahagatāya saññāya viharati; avihesavā hoti, avihesāsahagatāya saññāya viharati – evarūpaṃ, bhante, saññāpaṭilābhaṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhanti. ‘Saññāpaṭilābhaṃpāhaṃ, bhikkhave, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampi; tañca aññamaññaṃ saññāpaṭilābha’nti – iti yaṃ taṃ vuttaṃ bhagavatā idametaṃ paṭicca vuttaṃ.

    ๑๑๖. ‘‘‘ทิฎฺฐิปฎิลาภํปาหํ , ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปิ; ตญฺจ อญฺญมญฺญํ ทิฎฺฐิปฎิลาภ’นฺติ – อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ ภควตาฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? ยถารูปํ, ภเนฺต, ทิฎฺฐิปฎิลาภํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ เอวรูโป ทิฎฺฐิปฎิลาโภ น เสวิตโพฺพ; ยถารูปญฺจ โข, ภเนฺต, ทิฎฺฐิปฎิลาภํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ – เอวรูโป ทิฎฺฐิปฎิลาโภ เสวิตโพฺพฯ

    116. ‘‘‘Diṭṭhipaṭilābhaṃpāhaṃ , bhikkhave, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampi; tañca aññamaññaṃ diṭṭhipaṭilābha’nti – iti kho panetaṃ vuttaṃ bhagavatā. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Yathārūpaṃ, bhante, diṭṭhipaṭilābhaṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyanti evarūpo diṭṭhipaṭilābho na sevitabbo; yathārūpañca kho, bhante, diṭṭhipaṭilābhaṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhanti – evarūpo diṭṭhipaṭilābho sevitabbo.

    ‘‘กถํรูปํ, ภเนฺต, ทิฎฺฐิปฎิลาภํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ? อิธ, ภเนฺต, เอกโจฺจ เอวํทิฎฺฐิโก โหติ – ‘นตฺถิ ทินฺนํ, นตฺถิ ยิฎฺฐํ, นตฺถิ หุตํ , นตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก, นตฺถิ อยํ โลโก, นตฺถิ ปโร โลโก, นตฺถิ มาตา, นตฺถิ ปิตา, นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, นตฺถิ โลเก สมณพฺราหฺมณา สมฺมคฺคตา สมฺมาปฎิปนฺนา เย อิมญฺจ โลกํ ปรญฺจ โลกํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตี’ติ – เอวรูปํ, ภเนฺต, ทิฎฺฐิปฎิลาภํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติฯ

    ‘‘Kathaṃrūpaṃ, bhante, diṭṭhipaṭilābhaṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyanti? Idha, bhante, ekacco evaṃdiṭṭhiko hoti – ‘natthi dinnaṃ, natthi yiṭṭhaṃ, natthi hutaṃ , natthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko, natthi ayaṃ loko, natthi paro loko, natthi mātā, natthi pitā, natthi sattā opapātikā, natthi loke samaṇabrāhmaṇā sammaggatā sammāpaṭipannā ye imañca lokaṃ parañca lokaṃ sayaṃ abhiññā sacchikatvā pavedentī’ti – evarūpaṃ, bhante, diṭṭhipaṭilābhaṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyanti.

    ‘‘กถํรูปํ, ภเนฺต, ทิฎฺฐิปฎิลาภํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ? อิธ, ภเนฺต, เอกโจฺจ เอวํทิฎฺฐิโก โหติ – ‘อตฺถิ ทินฺนํ, อตฺถิ ยิฎฺฐํ, อตฺถิ หุตํ, อตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก, อตฺถิ อยํ โลโก, อตฺถิ ปโร โลโก, อตฺถิ มาตา, อตฺถิ ปิตา, อตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, อตฺถิ โลเก สมณพฺราหฺมณา สมฺมคฺคตา สมฺมาปฎิปนฺนา เย อิมญฺจ โลกํ ปรญฺจ โลกํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตี’ติ – เอวรูปํ, ภเนฺต, ทิฎฺฐิปฎิลาภํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติฯ ‘ทิฎฺฐิปฎิลาภํปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปิ; ตญฺจ อญฺญมญฺญํ ทิฎฺฐิปฎิลาภ’นฺติ – อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ ภควตา อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ

    ‘‘Kathaṃrūpaṃ, bhante, diṭṭhipaṭilābhaṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhanti? Idha, bhante, ekacco evaṃdiṭṭhiko hoti – ‘atthi dinnaṃ, atthi yiṭṭhaṃ, atthi hutaṃ, atthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko, atthi ayaṃ loko, atthi paro loko, atthi mātā, atthi pitā, atthi sattā opapātikā, atthi loke samaṇabrāhmaṇā sammaggatā sammāpaṭipannā ye imañca lokaṃ parañca lokaṃ sayaṃ abhiññā sacchikatvā pavedentī’ti – evarūpaṃ, bhante, diṭṭhipaṭilābhaṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhanti. ‘Diṭṭhipaṭilābhaṃpāhaṃ, bhikkhave, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampi; tañca aññamaññaṃ diṭṭhipaṭilābha’nti – iti yaṃ taṃ vuttaṃ bhagavatā idametaṃ paṭicca vuttaṃ.

    ๑๑๗. ‘‘‘อตฺตภาวปฎิลาภํปาหํ , ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปิ; ตญฺจ อญฺญมญฺญํ อตฺตภาวปฎิลาภ’นฺติ – อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ ภควตาฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? ยถารูปํ, ภเนฺต, อตฺตภาวปฎิลาภํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ – เอวรูโป อตฺตภาวปฎิลาโภ น เสวิตโพฺพ; ยถารูปญฺจ โข, ภเนฺต, อตฺตภาวปฎิลาภํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ – เอวรูโป อตฺตภาวปฎิลาโภ เสวิตโพฺพฯ

    117. ‘‘‘Attabhāvapaṭilābhaṃpāhaṃ , bhikkhave, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampi; tañca aññamaññaṃ attabhāvapaṭilābha’nti – iti kho panetaṃ vuttaṃ bhagavatā. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Yathārūpaṃ, bhante, attabhāvapaṭilābhaṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyanti – evarūpo attabhāvapaṭilābho na sevitabbo; yathārūpañca kho, bhante, attabhāvapaṭilābhaṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhanti – evarūpo attabhāvapaṭilābho sevitabbo.

    ‘‘กถํรูปํ, ภเนฺต, อตฺตภาวปฎิลาภํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ? สพฺยาพชฺฌํ 13, ภเนฺต, อตฺตภาวปฎิลาภํ อภินิพฺพตฺตยโต อปรินิฎฺฐิตภาวาย อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ; อพฺยาพชฺฌํ, ภเนฺต, อตฺตภาวปฎิลาภํ อภินิพฺพตฺตยโต ปรินิฎฺฐิตภาวาย อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติฯ ‘อตฺตภาวปฎิลาภํปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ , อเสวิตพฺพมฺปิ; ตญฺจ อญฺญมญฺญํ อตฺตภาวปฎิลาภ’นฺติ – อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ ภควตา อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ

    ‘‘Kathaṃrūpaṃ, bhante, attabhāvapaṭilābhaṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyanti? Sabyābajjhaṃ 14, bhante, attabhāvapaṭilābhaṃ abhinibbattayato apariniṭṭhitabhāvāya akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyanti; abyābajjhaṃ, bhante, attabhāvapaṭilābhaṃ abhinibbattayato pariniṭṭhitabhāvāya akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhanti. ‘Attabhāvapaṭilābhaṃpāhaṃ, bhikkhave, duvidhena vadāmi – sevitabbampi , asevitabbampi; tañca aññamaññaṃ attabhāvapaṭilābha’nti – iti yaṃ taṃ vuttaṃ bhagavatā idametaṃ paṭicca vuttaṃ.

    ‘‘อิมสฺส โข อหํ, ภเนฺต, ภควตา สํขิเตฺตน ภาสิตสฺส, วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส, เอวํ วิตฺถาเรน อตฺถํ อาชานามี’’ติฯ

    ‘‘Imassa kho ahaṃ, bhante, bhagavatā saṃkhittena bhāsitassa, vitthārena atthaṃ avibhattassa, evaṃ vitthārena atthaṃ ājānāmī’’ti.

    ๑๑๘. ‘‘สาธุ สาธุ, สาริปุตฺต! สาธุ โข ตฺวํ, สาริปุตฺต, อิมสฺส มยา สํขิเตฺตน ภาสิตสฺส, วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส, เอวํ วิตฺถาเรน อตฺถํ อาชานาสิฯ

    118. ‘‘Sādhu sādhu, sāriputta! Sādhu kho tvaṃ, sāriputta, imassa mayā saṃkhittena bhāsitassa, vitthārena atthaṃ avibhattassa, evaṃ vitthārena atthaṃ ājānāsi.

    ‘‘‘กายสมาจารํปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปิ; ตญฺจ อญฺญมญฺญํ กายสมาจาร’นฺติ – อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ มยาฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? ยถารูปํ, สาริปุตฺต, กายสมาจารํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ เอวรูโป กายสมาจาโร น เสวิตโพฺพ; ยถารูปญฺจ โข, สาริปุตฺต, กายสมาจารํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ – เอวรูโป กายสมาจาโร เสวิตโพฺพฯ

    ‘‘‘Kāyasamācāraṃpāhaṃ, bhikkhave, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampi; tañca aññamaññaṃ kāyasamācāra’nti – iti kho panetaṃ vuttaṃ mayā. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Yathārūpaṃ, sāriputta, kāyasamācāraṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyanti evarūpo kāyasamācāro na sevitabbo; yathārūpañca kho, sāriputta, kāyasamācāraṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhanti – evarūpo kāyasamācāro sevitabbo.

    ‘‘กถํรูปํ , สาริปุตฺต, กายสมาจารํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ? อิธ, สาริปุตฺต, เอกโจฺจ ปาณาติปาตี โหติ ลุโทฺท โลหิตปาณิ หตปฺปหเต นิวิโฎฺฐ อทยาปโนฺน ปาณภูเตสุ; อทินฺนาทายี โข ปน โหติ, ยํ ตํ ปรสฺส ปรวิตฺตูปกรณํ คามคตํ วา อรญฺญคตํ วา ตํ อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทาตา โหติ; กาเมสุมิจฺฉาจารี โข ปน โหติ, ยา ตา มาตุรกฺขิตา ปิตุรกฺขิตา มาตาปิตุรกฺขิตา ภาตุรกฺขิตา ภคินิรกฺขิตา ญาติรกฺขิตา โคตฺตรกฺขิตา ธมฺมรกฺขิตา สสฺสามิกา สปริทณฺฑา อนฺตมโส มาลาคุฬปริกฺขิตฺตาปิ ตถารูปาสุ จาริตฺตํ อาปชฺชิตา โหติ – เอวรูปํ, สาริปุตฺต, กายสมาจารํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติฯ

    ‘‘Kathaṃrūpaṃ , sāriputta, kāyasamācāraṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyanti? Idha, sāriputta, ekacco pāṇātipātī hoti luddo lohitapāṇi hatappahate niviṭṭho adayāpanno pāṇabhūtesu; adinnādāyī kho pana hoti, yaṃ taṃ parassa paravittūpakaraṇaṃ gāmagataṃ vā araññagataṃ vā taṃ adinnaṃ theyyasaṅkhātaṃ ādātā hoti; kāmesumicchācārī kho pana hoti, yā tā māturakkhitā piturakkhitā mātāpiturakkhitā bhāturakkhitā bhaginirakkhitā ñātirakkhitā gottarakkhitā dhammarakkhitā sassāmikā saparidaṇḍā antamaso mālāguḷaparikkhittāpi tathārūpāsu cārittaṃ āpajjitā hoti – evarūpaṃ, sāriputta, kāyasamācāraṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyanti.

    ‘‘กถํรูปํ, สาริปุตฺต, กายสมาจารํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ? อิธ, สาริปุตฺต, เอกโจฺจ ปาณาติปาตํ ปหาย ปาณาติปาตา ปฎิวิรโต โหติ นิหิตทโณฺฑ นิหิตสโตฺถ, ลชฺชี ทยาปโนฺน สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปี วิหรติ; อทินฺนาทานํ ปหาย อทินฺนาทานา ปฎิวิรโต โหติ, ยํ ตํ ปรสฺส ปรวิตฺตูปกรณํ คามคตํ วา อรญฺญคตํ วา ตํ นาทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทาตา โหติ; กาเมสุมิจฺฉาจารํ ปหาย กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฎิวิรโต โหติ, ยา ตา มาตุรกฺขิตา ปิตุรกฺขิตา มาตาปิตุรกฺขิตา ภาตุรกฺขิตา ภคินิรกฺขิตา ญาติรกฺขิตา โคตฺตรกฺขิตา ธมฺมรกฺขิตา สสฺสามิกา สปริทณฺฑา อนฺตมโส มาลาคุฬปริกฺขิตฺตาปิ ตถารูปาสุ น จาริตฺตํ อาปชฺชิตา โหติ – เอวรูปํ, สาริปุตฺต, กายสมาจารํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติฯ ‘กายสมาจารํปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปิ; ตญฺจ อญฺญมญฺญํ กายสมาจาร’นฺติ – อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ มยา อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ

    ‘‘Kathaṃrūpaṃ, sāriputta, kāyasamācāraṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhanti? Idha, sāriputta, ekacco pāṇātipātaṃ pahāya pāṇātipātā paṭivirato hoti nihitadaṇḍo nihitasattho, lajjī dayāpanno sabbapāṇabhūtahitānukampī viharati; adinnādānaṃ pahāya adinnādānā paṭivirato hoti, yaṃ taṃ parassa paravittūpakaraṇaṃ gāmagataṃ vā araññagataṃ vā taṃ nādinnaṃ theyyasaṅkhātaṃ ādātā hoti; kāmesumicchācāraṃ pahāya kāmesumicchācārā paṭivirato hoti, yā tā māturakkhitā piturakkhitā mātāpiturakkhitā bhāturakkhitā bhaginirakkhitā ñātirakkhitā gottarakkhitā dhammarakkhitā sassāmikā saparidaṇḍā antamaso mālāguḷaparikkhittāpi tathārūpāsu na cārittaṃ āpajjitā hoti – evarūpaṃ, sāriputta, kāyasamācāraṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhanti. ‘Kāyasamācāraṃpāhaṃ, bhikkhave, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampi; tañca aññamaññaṃ kāyasamācāra’nti – iti yaṃ taṃ vuttaṃ mayā idametaṃ paṭicca vuttaṃ.

    ‘‘วจีสมาจารํปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ …เป.… มโนสมาจารํปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ…เป.… จิตฺตุปฺปาทํปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ…เป.… สญฺญาปฎิลาภํปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ…เป.… ทิฎฺฐิปฎิลาภํปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ…เป.…ฯ

    ‘‘Vacīsamācāraṃpāhaṃ, bhikkhave, duvidhena vadāmi …pe… manosamācāraṃpāhaṃ, bhikkhave, duvidhena vadāmi…pe… cittuppādaṃpāhaṃ, bhikkhave, duvidhena vadāmi…pe… saññāpaṭilābhaṃpāhaṃ, bhikkhave, duvidhena vadāmi…pe… diṭṭhipaṭilābhaṃpāhaṃ, bhikkhave, duvidhena vadāmi…pe….

    ‘‘‘อตฺตภาวปฎิลาภํปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปิ; ตญฺจ อญฺญมญฺญํ อตฺตภาวปฎิลาภ’นฺติ – อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ มยาฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? ยถารูปํ, สาริปุตฺต, อตฺตภาวปฎิลาภํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ เอวรูโป อตฺตภาวปฎิลาโภ น เสวิตโพฺพ; ยถารูปญฺจ โข, สาริปุตฺต, อตฺตภาวปฎิลาภํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ – เอวรูโป อตฺตภาวปฎิลาโภ เสวิตโพฺพฯ

    ‘‘‘Attabhāvapaṭilābhaṃpāhaṃ, bhikkhave, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampi; tañca aññamaññaṃ attabhāvapaṭilābha’nti – iti kho panetaṃ vuttaṃ mayā. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Yathārūpaṃ, sāriputta, attabhāvapaṭilābhaṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyanti evarūpo attabhāvapaṭilābho na sevitabbo; yathārūpañca kho, sāriputta, attabhāvapaṭilābhaṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhanti – evarūpo attabhāvapaṭilābho sevitabbo.

    ‘‘กถํรูปํ, สาริปุตฺต, อตฺตภาวปฎิลาภํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ? สพฺยาพชฺฌํ, สาริปุตฺต, อตฺตภาวปฎิลาภํ อภินิพฺพตฺตยโต อปรินิฎฺฐิตภาวาย อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ; อพฺยาพชฺฌํ, สาริปุตฺต, อตฺตภาวปฎิลาภํ อภินิพฺพตฺตยโต ปรินิฎฺฐิตภาวาย อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติฯ ‘อตฺตภาวปฎิลาภํปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ , อเสวิตพฺพมฺปิ; ตญฺจ อญฺญมญฺญํ อตฺตภาวปฎิลาภ’นฺติ – อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ มยา อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ อิมสฺส โข, สาริปุตฺต, มยา สํขิเตฺตน ภาสิตสฺส เอวํ วิตฺถาเรน อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ

    ‘‘Kathaṃrūpaṃ, sāriputta, attabhāvapaṭilābhaṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyanti? Sabyābajjhaṃ, sāriputta, attabhāvapaṭilābhaṃ abhinibbattayato apariniṭṭhitabhāvāya akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyanti; abyābajjhaṃ, sāriputta, attabhāvapaṭilābhaṃ abhinibbattayato pariniṭṭhitabhāvāya akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhanti. ‘Attabhāvapaṭilābhaṃpāhaṃ, bhikkhave, duvidhena vadāmi – sevitabbampi , asevitabbampi; tañca aññamaññaṃ attabhāvapaṭilābha’nti – iti yaṃ taṃ vuttaṃ mayā idametaṃ paṭicca vuttaṃ. Imassa kho, sāriputta, mayā saṃkhittena bhāsitassa evaṃ vitthārena attho daṭṭhabbo.

    ๑๑๙. ‘‘จกฺขุวิเญฺญยฺยํ รูปํปาหํ, สาริปุตฺต, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปิ; โสตวิเญฺญยฺยํ สทฺทํปาหํ, สาริปุตฺต, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปิ; ฆานวิเญฺญยฺยํ คนฺธํปาหํ, สาริปุตฺต, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปิ; ชิวฺหาวิเญฺญยฺยํ รสํปาหํ, สาริปุตฺต, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปิ; กายวิเญฺญยฺยํ โผฎฺฐพฺพํปาหํ, สาริปุตฺต, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปิ; มโนวิเญฺญยฺยํ ธมฺมํปาหํ, สาริปุตฺต, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปี’’ติฯ

    119. ‘‘Cakkhuviññeyyaṃ rūpaṃpāhaṃ, sāriputta, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampi; sotaviññeyyaṃ saddaṃpāhaṃ, sāriputta, duvidhena vadāmi – sevitabbampi asevitabbampi; ghānaviññeyyaṃ gandhaṃpāhaṃ, sāriputta, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampi; jivhāviññeyyaṃ rasaṃpāhaṃ, sāriputta, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampi; kāyaviññeyyaṃ phoṭṭhabbaṃpāhaṃ, sāriputta, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampi; manoviññeyyaṃ dhammaṃpāhaṃ, sāriputta, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampī’’ti.

    เอวํ วุเตฺต, อายสฺมา สาริปุโตฺต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิมสฺส โข อหํ, ภเนฺต, ภควตา สํขิเตฺตน ภาสิตสฺส, วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส, เอวํ วิตฺถาเรน อตฺถํ อาชานามิฯ ‘จกฺขุวิเญฺญยฺยํ รูปํปาหํ, สาริปุตฺต, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปี’ติ – อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ ภควตาฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? ยถารูปํ, ภเนฺต, จกฺขุวิเญฺญยฺยํ รูปํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ เอวรูปํ จกฺขุวิเญฺญยฺยํ รูปํ น เสวิตพฺพํ; ยถารูปญฺจ โข, ภเนฺต, จกฺขุวิเญฺญยฺยํ รูปํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ เอวรูปํ จกฺขุวิเญฺญยฺยํ รูปํ เสวิตพฺพํฯ ‘จกฺขุวิเญฺญยฺยํ รูปํปาหํ, สาริปุตฺต, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปี’ติ – อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ ภควตา อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ

    Evaṃ vutte, āyasmā sāriputto bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘imassa kho ahaṃ, bhante, bhagavatā saṃkhittena bhāsitassa, vitthārena atthaṃ avibhattassa, evaṃ vitthārena atthaṃ ājānāmi. ‘Cakkhuviññeyyaṃ rūpaṃpāhaṃ, sāriputta, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampī’ti – iti kho panetaṃ vuttaṃ bhagavatā. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Yathārūpaṃ, bhante, cakkhuviññeyyaṃ rūpaṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyanti evarūpaṃ cakkhuviññeyyaṃ rūpaṃ na sevitabbaṃ; yathārūpañca kho, bhante, cakkhuviññeyyaṃ rūpaṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhanti evarūpaṃ cakkhuviññeyyaṃ rūpaṃ sevitabbaṃ. ‘Cakkhuviññeyyaṃ rūpaṃpāhaṃ, sāriputta, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampī’ti – iti yaṃ taṃ vuttaṃ bhagavatā idametaṃ paṭicca vuttaṃ.

    ‘‘โสตวิเญฺญยฺยํ สทฺทํปาหํ, สาริปุตฺต…เป.… เอวรูโป โสตวิเญฺญโยฺย สโทฺท น เสวิตโพฺพ… เอวรูโป โสตวิเญฺญโยฺย สโทฺท เสวิตโพฺพ… เอวรูโป ฆานวิเญฺญโยฺย คโนฺธ น เสวิตโพฺพ… เอวรูโป ฆานวิเญฺญโยฺย คโนฺธ เสวิตโพฺพ… เอวรูโป ชิวฺหาวิเญฺญโยฺย รโส น เสวิตโพฺพ… เอวรูโป ชิวฺหาวิเญฺญโยฺย รโส เสวิตโพฺพ… กายวิเญฺญยฺยํ โผฎฺฐพฺพํปาหํ, สาริปุตฺต … เอวรูโป กายวิเญฺญโยฺย โผฎฺฐโพฺพ น เสวิตโพฺพ… เอวรูโป กายวิเญฺญโยฺย โผฎฺฐโพฺพ เสวิตโพฺพฯ

    ‘‘Sotaviññeyyaṃ saddaṃpāhaṃ, sāriputta…pe… evarūpo sotaviññeyyo saddo na sevitabbo… evarūpo sotaviññeyyo saddo sevitabbo… evarūpo ghānaviññeyyo gandho na sevitabbo… evarūpo ghānaviññeyyo gandho sevitabbo… evarūpo jivhāviññeyyo raso na sevitabbo… evarūpo jivhāviññeyyo raso sevitabbo… kāyaviññeyyaṃ phoṭṭhabbaṃpāhaṃ, sāriputta … evarūpo kāyaviññeyyo phoṭṭhabbo na sevitabbo… evarūpo kāyaviññeyyo phoṭṭhabbo sevitabbo.

    ‘‘‘มโนวิเญฺญยฺยํ ธมฺมํปาหํ, สาริปุตฺต, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปี’ติ – อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ ภควตาฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? ยถารูปํ, ภเนฺต, มโนวิเญฺญยฺยํ ธมฺมํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ เอวรูโป มโนวิเญฺญโยฺย ธโมฺม น เสวิตโพฺพ; ยถารูปญฺจ โข, ภเนฺต, มโนวิเญฺญยฺยํ ธมฺมํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ เอวรูโป มโนวิเญฺญโยฺย ธโมฺม เสวิตโพฺพฯ ‘มโนวิเญฺญยฺยํ ธมฺมํปาหํ, สาริปุตฺต, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปี’ติ – อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ ภควตา อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ อิมสฺส โข อหํ, ภเนฺต, ภควตา สํขิเตฺตน ภาสิตสฺส, วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส, เอวํ วิตฺถาเรน อตฺถํ อาชานามี’’ติฯ

    ‘‘‘Manoviññeyyaṃ dhammaṃpāhaṃ, sāriputta, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampī’ti – iti kho panetaṃ vuttaṃ bhagavatā. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Yathārūpaṃ, bhante, manoviññeyyaṃ dhammaṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyanti evarūpo manoviññeyyo dhammo na sevitabbo; yathārūpañca kho, bhante, manoviññeyyaṃ dhammaṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhanti evarūpo manoviññeyyo dhammo sevitabbo. ‘Manoviññeyyaṃ dhammaṃpāhaṃ, sāriputta, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampī’ti – iti yaṃ taṃ vuttaṃ bhagavatā idametaṃ paṭicca vuttaṃ. Imassa kho ahaṃ, bhante, bhagavatā saṃkhittena bhāsitassa, vitthārena atthaṃ avibhattassa, evaṃ vitthārena atthaṃ ājānāmī’’ti.

    ๑๒๐. ‘‘สาธุ สาธุ, สาริปุตฺต! สาธุ โข ตฺวํ, สาริปุตฺต, อิมสฺส มยา สํขิเตฺตน ภาสิตสฺส, วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส, เอวํ วิตฺถาเรน อตฺถํ อาชานาสิฯ ‘จกฺขุวิเญฺญยฺยํ รูปํปาหํ, สาริปุตฺต, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปี’ติ – อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ มยาฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? ยถารูปํ, สาริปุตฺต, จกฺขุวิเญฺญยฺยํ รูปํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ เอวรูปํ จกฺขุวิเญฺญยฺยํ รูปํ น เสวิตพฺพํ; ยถารูปญฺจ โข, สาริปุตฺต, จกฺขุวิเญฺญยฺยํ รูปํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ เอวรูปํ จกฺขุวิเญฺญยฺยํ รูปํ เสวิตพฺพํฯ ‘จกฺขุวิเญฺญยฺยํ รูปํปาหํ, สาริปุตฺต, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปี’ติ – อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ มยา อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ

    120. ‘‘Sādhu sādhu, sāriputta! Sādhu kho tvaṃ, sāriputta, imassa mayā saṃkhittena bhāsitassa, vitthārena atthaṃ avibhattassa, evaṃ vitthārena atthaṃ ājānāsi. ‘Cakkhuviññeyyaṃ rūpaṃpāhaṃ, sāriputta, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampī’ti – iti kho panetaṃ vuttaṃ mayā. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Yathārūpaṃ, sāriputta, cakkhuviññeyyaṃ rūpaṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyanti evarūpaṃ cakkhuviññeyyaṃ rūpaṃ na sevitabbaṃ; yathārūpañca kho, sāriputta, cakkhuviññeyyaṃ rūpaṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhanti evarūpaṃ cakkhuviññeyyaṃ rūpaṃ sevitabbaṃ. ‘Cakkhuviññeyyaṃ rūpaṃpāhaṃ, sāriputta, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampī’ti – iti yaṃ taṃ vuttaṃ mayā idametaṃ paṭicca vuttaṃ.

    ‘‘โสตวิเญฺญยฺยํ สทฺทํปาหํ, สาริปุตฺต…เป.… เอวรูโป โสตวิเญฺญโยฺย สโทฺท น เสวิตโพฺพ… เอวรูโป โสตวิเญฺญโยฺย สโทฺท เสวิตโพฺพ… เอวรูโป ฆานวิเญฺญโยฺย คโนฺธ น เสวิตโพฺพ… เอวรูโป ฆานวิเญฺญโยฺย คโนฺธ เสวิตโพฺพ… เอวรูโป ชิวฺหาวิเญฺญโยฺย รโส น เสวิตโพฺพ… เอวรูโป ชิวฺหาวิเญฺญโยฺย รโส เสวิตโพฺพ… เอวรูโป กายวิเญฺญโยฺย โผฎฺฐโพฺพ น เสวิตโพฺพ… เอวรูโป กายวิเญฺญโยฺย โผฎฺฐโพฺพ เสวิตโพฺพฯ

    ‘‘Sotaviññeyyaṃ saddaṃpāhaṃ, sāriputta…pe… evarūpo sotaviññeyyo saddo na sevitabbo… evarūpo sotaviññeyyo saddo sevitabbo… evarūpo ghānaviññeyyo gandho na sevitabbo… evarūpo ghānaviññeyyo gandho sevitabbo… evarūpo jivhāviññeyyo raso na sevitabbo… evarūpo jivhāviññeyyo raso sevitabbo… evarūpo kāyaviññeyyo phoṭṭhabbo na sevitabbo… evarūpo kāyaviññeyyo phoṭṭhabbo sevitabbo.

    ‘‘มโนวิเญฺญยฺยํ ธมฺมํปาหํ, สาริปุตฺต…เป.… เอวรูโป มโนวิเญฺญโยฺย ธโมฺม น เสวิตโพฺพ… เอวรูโป มโนวิเญฺญโยฺย ธโมฺม เสวิตโพฺพฯ ‘มโนวิเญฺญยฺยํ ธมฺมํปาหํ, สาริปุตฺต, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปี’ติ – อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ มยา อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ อิมสฺส โข, สาริปุตฺต, มยา สํขิเตฺตน ภาสิตสฺส เอวํ วิตฺถาเรน อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ

    ‘‘Manoviññeyyaṃ dhammaṃpāhaṃ, sāriputta…pe… evarūpo manoviññeyyo dhammo na sevitabbo… evarūpo manoviññeyyo dhammo sevitabbo. ‘Manoviññeyyaṃ dhammaṃpāhaṃ, sāriputta, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampī’ti – iti yaṃ taṃ vuttaṃ mayā idametaṃ paṭicca vuttaṃ. Imassa kho, sāriputta, mayā saṃkhittena bhāsitassa evaṃ vitthārena attho daṭṭhabbo.

    ๑๒๑. ‘‘จีวรํปาหํ , สาริปุตฺต, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปิ…เป.… ปิณฺฑปาตํปาหํ, สาริปุตฺต… เสนาสนํปาหํ, สาริปุตฺต… คามํปาหํ, สาริปุตฺต… นิคมํปาหํ, สาริปุตฺต… นครํปาหํ, สาริปุตฺต… ชนปทํปาหํ, สาริปุตฺต… ปุคฺคลํปาหํ, สาริปุตฺต, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปี’’ติฯ

    121. ‘‘Cīvaraṃpāhaṃ , sāriputta, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampi…pe… piṇḍapātaṃpāhaṃ, sāriputta… senāsanaṃpāhaṃ, sāriputta… gāmaṃpāhaṃ, sāriputta… nigamaṃpāhaṃ, sāriputta… nagaraṃpāhaṃ, sāriputta… janapadaṃpāhaṃ, sāriputta… puggalaṃpāhaṃ, sāriputta, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampī’’ti.

    เอวํ วุเตฺต, อายสฺมา สาริปุโตฺต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิมสฺส โข อหํ, ภเนฺต, ภควตา สํขิเตฺตน ภาสิตสฺส, วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส, เอวํ วิตฺถาเรน อตฺถํ อาชานามิฯ ‘จีวรํปาหํ, สาริปุตฺต, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปี’ติ – อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ ภควตาฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? ยถารูปํ, ภเนฺต, จีวรํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ เอวรูปํ จีวรํ น เสวิตพฺพํ; ยถารูปญฺจ โข, ภเนฺต, จีวรํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ เอวรูปํ จีวรํ เสวิตพฺพํฯ ‘จีวรํปาหํ, สาริปุตฺต, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปี’ติ – อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ ภควตา อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ

    Evaṃ vutte, āyasmā sāriputto bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘imassa kho ahaṃ, bhante, bhagavatā saṃkhittena bhāsitassa, vitthārena atthaṃ avibhattassa, evaṃ vitthārena atthaṃ ājānāmi. ‘Cīvaraṃpāhaṃ, sāriputta, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampī’ti – iti kho panetaṃ vuttaṃ bhagavatā. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Yathārūpaṃ, bhante, cīvaraṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyanti evarūpaṃ cīvaraṃ na sevitabbaṃ; yathārūpañca kho, bhante, cīvaraṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhanti evarūpaṃ cīvaraṃ sevitabbaṃ. ‘Cīvaraṃpāhaṃ, sāriputta, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampī’ti – iti yaṃ taṃ vuttaṃ bhagavatā idametaṃ paṭicca vuttaṃ.

    ‘‘ปิณฺฑปาตํปาหํ, สาริปุตฺต…เป.… เอวรูโป ปิณฺฑปาโต น เสวิตโพฺพ… เอวรูโป ปิณฺฑปาโต เสวิตโพฺพ… เสนาสนํปาหํ, สาริปุตฺต…เป.… เอวรูปํ เสนาสนํ น เสวิตพฺพํ… เอวรูปํ เสนาสนํ เสวิตพฺพํ… คามํปาหํ, สาริปุตฺต …เป.… เอวรูโป คาโม น เสวิตโพฺพ… เอวรูโป คาโม เสวิตโพฺพ… เอวรูโป นิคโม น เสวิตโพฺพ… เอวรูโป นิคโม เสวิตโพฺพ… เอวรูปํ นครํ น เสวิตพฺพํ… เอวรูปํ นครํ เสวิตพฺพํ… เอวรูโป ชนปโท น เสวิตโพฺพ… เอวรูโป ชนปโท เสวิตโพฺพฯ

    ‘‘Piṇḍapātaṃpāhaṃ, sāriputta…pe… evarūpo piṇḍapāto na sevitabbo… evarūpo piṇḍapāto sevitabbo… senāsanaṃpāhaṃ, sāriputta…pe… evarūpaṃ senāsanaṃ na sevitabbaṃ… evarūpaṃ senāsanaṃ sevitabbaṃ… gāmaṃpāhaṃ, sāriputta …pe… evarūpo gāmo na sevitabbo… evarūpo gāmo sevitabbo… evarūpo nigamo na sevitabbo… evarūpo nigamo sevitabbo… evarūpaṃ nagaraṃ na sevitabbaṃ… evarūpaṃ nagaraṃ sevitabbaṃ… evarūpo janapado na sevitabbo… evarūpo janapado sevitabbo.

    ‘‘‘ปุคฺคลํปาหํ, สาริปุตฺต, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปี’ติ – อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ ภควตาฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? ยถารูปํ, ภเนฺต, ปุคฺคลํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ เอวรูโป ปุคฺคโล น เสวิตโพฺพ; ยถารูปญฺจ โข, ภเนฺต, ปุคฺคลํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ เอวรูโป ปุคฺคโล เสวิตโพฺพฯ ‘ปุคฺคลํปาหํ, สาริปุตฺต, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปี’ติ – อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ ภควตา อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตนฺติฯ อิมสฺส โข อหํ, ภเนฺต, ภควตา สํขิเตฺตน ภาสิตสฺส, วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส เอวํ วิตฺถาเรน อตฺถํ อาชานามี’’ติฯ

    ‘‘‘Puggalaṃpāhaṃ, sāriputta, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampī’ti – iti kho panetaṃ vuttaṃ bhagavatā. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Yathārūpaṃ, bhante, puggalaṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyanti evarūpo puggalo na sevitabbo; yathārūpañca kho, bhante, puggalaṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhanti evarūpo puggalo sevitabbo. ‘Puggalaṃpāhaṃ, sāriputta, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampī’ti – iti yaṃ taṃ vuttaṃ bhagavatā idametaṃ paṭicca vuttanti. Imassa kho ahaṃ, bhante, bhagavatā saṃkhittena bhāsitassa, vitthārena atthaṃ avibhattassa evaṃ vitthārena atthaṃ ājānāmī’’ti.

    ๑๒๒. ‘‘สาธุ สาธุ, สาริปุตฺต! สาธุ โข ตฺวํ, สาริปุตฺต, อิมสฺส มยา สํขิเตฺตน ภาสิตสฺส, วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส เอวํ วิตฺถาเรน อตฺถํ อาชานาสิฯ ‘จีวรํปาหํ, สาริปุตฺต, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ , อเสวิตพฺพมฺปี’ติ – อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ มยาฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? ยถารูปํ, สาริปุตฺต, จีวรํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ เอวรูปํ จีวรํ น เสวิตพฺพํ; ยถารูปญฺจ โข, สาริปุตฺต, จีวรํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ เอวรูปํ จีวรํ เสวิตพฺพํฯ ‘จีวรํปาหํ, สาริปุตฺต, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปี’ติ – อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ มยา อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ (ยถา ปฐมํ ตถา วิตฺถาเรตพฺพํ) เอวรูโป ปิณฺฑปาโต… เอวรูปํ เสนาสนํ… เอวรูโป คาโม… เอวรูโป นิคโม… เอวรูปํ นครํ… เอวรูโป ชนปโทฯ

    122. ‘‘Sādhu sādhu, sāriputta! Sādhu kho tvaṃ, sāriputta, imassa mayā saṃkhittena bhāsitassa, vitthārena atthaṃ avibhattassa evaṃ vitthārena atthaṃ ājānāsi. ‘Cīvaraṃpāhaṃ, sāriputta, duvidhena vadāmi – sevitabbampi , asevitabbampī’ti – iti kho panetaṃ vuttaṃ mayā. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Yathārūpaṃ, sāriputta, cīvaraṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyanti evarūpaṃ cīvaraṃ na sevitabbaṃ; yathārūpañca kho, sāriputta, cīvaraṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhanti evarūpaṃ cīvaraṃ sevitabbaṃ. ‘Cīvaraṃpāhaṃ, sāriputta, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampī’ti – iti yaṃ taṃ vuttaṃ mayā idametaṃ paṭicca vuttaṃ. (Yathā paṭhamaṃ tathā vitthāretabbaṃ) evarūpo piṇḍapāto… evarūpaṃ senāsanaṃ… evarūpo gāmo… evarūpo nigamo… evarūpaṃ nagaraṃ… evarūpo janapado.

    ‘‘‘ปุคฺคลํปาหํ, สาริปุตฺต, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปี’ติ – อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ มยาฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? ยถารูปํ, สาริปุตฺต, ปุคฺคลํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ เอวรูโป ปุคฺคโล น เสวิตโพฺพ; ยถารูปญฺจ โข, สาริปุตฺต, ปุคฺคลํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ เอวรูโป ปุคฺคโล เสวิตโพฺพฯ ‘ปุคฺคลํปาหํ, สาริปุตฺต, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ, อเสวิตพฺพมฺปี’ติ – อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ มยา อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ อิมสฺส โข, สาริปุตฺต, มยา สํขิเตฺตน ภาสิตสฺส เอวํ วิตฺถาเรน อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ

    ‘‘‘Puggalaṃpāhaṃ, sāriputta, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampī’ti – iti kho panetaṃ vuttaṃ mayā. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Yathārūpaṃ, sāriputta, puggalaṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyanti evarūpo puggalo na sevitabbo; yathārūpañca kho, sāriputta, puggalaṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhanti evarūpo puggalo sevitabbo. ‘Puggalaṃpāhaṃ, sāriputta, duvidhena vadāmi – sevitabbampi, asevitabbampī’ti – iti yaṃ taṃ vuttaṃ mayā idametaṃ paṭicca vuttaṃ. Imassa kho, sāriputta, mayā saṃkhittena bhāsitassa evaṃ vitthārena attho daṭṭhabbo.

    ๑๒๓. ‘‘สเพฺพปิ เจ, สาริปุตฺต, ขตฺติยา อิมสฺส มยา สํขิเตฺตน ภาสิตสฺส เอวํ วิตฺถาเรน อตฺถํ อาชาเนยฺยุํ, สเพฺพสานมฺปิสฺส ขตฺติยานํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายฯ สเพฺพปิ เจ , สาริปุตฺต, พฺราหฺมณา…เป.… สเพฺพปิ เจ, สาริปุตฺต, เวสฺสา… สเพฺพปิ เจ, สาริปุตฺต, สุทฺทา อิมสฺส มยา สํขิเตฺตน ภาสิตสฺส เอวํ วิตฺถาเรน อตฺถํ อาชาเนยฺยุํ, สเพฺพสานมฺปิสฺส สุทฺทานํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายฯ สเทวโกปิ เจ, สาริปุตฺต, โลโก สมารโก สพฺรหฺมโก สสฺสมณพฺราหฺมณี ปชา สเทวมนุสฺสา อิมสฺส มยา สํขิเตฺตน ภาสิตสฺส เอวํ วิตฺถาเรน อตฺถํ อาชาเนยฺย, สเทวกสฺสปิสฺส โลกสฺส สมารกสฺส สพฺรหฺมกสฺส สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติฯ

    123. ‘‘Sabbepi ce, sāriputta, khattiyā imassa mayā saṃkhittena bhāsitassa evaṃ vitthārena atthaṃ ājāneyyuṃ, sabbesānampissa khattiyānaṃ dīgharattaṃ hitāya sukhāya. Sabbepi ce , sāriputta, brāhmaṇā…pe… sabbepi ce, sāriputta, vessā… sabbepi ce, sāriputta, suddā imassa mayā saṃkhittena bhāsitassa evaṃ vitthārena atthaṃ ājāneyyuṃ, sabbesānampissa suddānaṃ dīgharattaṃ hitāya sukhāya. Sadevakopi ce, sāriputta, loko samārako sabrahmako sassamaṇabrāhmaṇī pajā sadevamanussā imassa mayā saṃkhittena bhāsitassa evaṃ vitthārena atthaṃ ājāneyya, sadevakassapissa lokassa samārakassa sabrahmakassa sassamaṇabrāhmaṇiyā pajāya sadevamanussāya dīgharattaṃ hitāya sukhāyā’’ti.

    อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมโน อายสฺมา สาริปุโตฺต ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติฯ

    Idamavoca bhagavā. Attamano āyasmā sāriputto bhagavato bhāsitaṃ abhinandīti.

    เสวิตพฺพาเสวิตพฺพสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ จตุตฺถํฯ

    Sevitabbāsevitabbasuttaṃ niṭṭhitaṃ catutthaṃ.







    Footnotes:
    1. ปหํ (สพฺพตฺถ)
    2. pahaṃ (sabbattha)
    3. สภคฺคโต (พหูสุ)
    4. ปริสคฺคโต (พหูสุ)
    5. ปสฺส ม. นิ. ๑.๔๔๐ สาเลยฺยกสุเตฺต
    6. กิญฺจกฺขเหตุ (สี.)
    7. sabhaggato (bahūsu)
    8. parisaggato (bahūsu)
    9. passa ma. ni. 1.440 sāleyyakasutte
    10. kiñcakkhahetu (sī.)
    11. อพฺยาปชฺฌา (สี. สฺยา. กํ. ปี. ก.)
    12. abyāpajjhā (sī. syā. kaṃ. pī. ka.)
    13. สพฺยาปชฺฌํ (สี. สฺยา. กํ. ปี. ก.)
    14. sabyāpajjhaṃ (sī. syā. kaṃ. pī. ka.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๔. เสวิตพฺพาเสวิตพฺพสุตฺตวณฺณนา • 4. Sevitabbāsevitabbasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๔. เสวิตพฺพาเสวิตพฺพสุตฺตวณฺณนา • 4. Sevitabbāsevitabbasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact