Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā)

    ๔. เสวิตพฺพาเสวิตพฺพสุตฺตวณฺณนา

    4. Sevitabbāsevitabbasuttavaṇṇanā

    ๑๐๙. เอวํ เม สุตนฺติ เสวิตพฺพาเสวิตพฺพสุตฺตํฯ ตตฺถ ตญฺจ อญฺญมญฺญํ กายสมาจารนฺติ อญฺญํ เสวิตพฺพํ กายสมาจารํ, อญฺญํ อเสวิตพฺพํ วทามิ, เสวิตพฺพเมว เกนจิ ปริยาเยน อเสวิตพฺพนฺติ, อเสวิตพฺพํ วา เสวิตพฺพนฺติ จ น วทามีติ อโตฺถฯ วจีสมาจาราทีสุ เอเสว นโยฯ อิติ ภควา สตฺตหิ ปเทหิ มาติกํ ฐเปตฺวา วิตฺถารโต อวิภชิตฺวาว เทสนํ นิฎฺฐาเปสิฯ กสฺมา? สาริปุตฺตเตฺถรสฺส โอกาสกรณตฺถํฯ

    109.Evaṃme sutanti sevitabbāsevitabbasuttaṃ. Tattha tañca aññamaññaṃ kāyasamācāranti aññaṃ sevitabbaṃ kāyasamācāraṃ, aññaṃ asevitabbaṃ vadāmi, sevitabbameva kenaci pariyāyena asevitabbanti, asevitabbaṃ vā sevitabbanti ca na vadāmīti attho. Vacīsamācārādīsu eseva nayo. Iti bhagavā sattahi padehi mātikaṃ ṭhapetvā vitthārato avibhajitvāva desanaṃ niṭṭhāpesi. Kasmā? Sāriputtattherassa okāsakaraṇatthaṃ.

    ๑๑๓. มโนสมาจาเร มิจฺฉาทิฎฺฐิสมฺมาทิฎฺฐิโย ทิฎฺฐิปฎิลาภวเสน วิสุํ องฺคํ หุตฺวา ฐิตาติ น คหิตาฯ

    113.Manosamācāre micchādiṭṭhisammādiṭṭhiyo diṭṭhipaṭilābhavasena visuṃ aṅgaṃ hutvā ṭhitāti na gahitā.

    ๑๑๔. จิตฺตุปฺปาเท อกมฺมปถปฺปตฺตา อภิชฺฌาทโย เวทิตพฺพาฯ

    114.Cittuppāde akammapathappattā abhijjhādayo veditabbā.

    ๑๑๕. สญฺญาปฎิลาภวาเร อภิชฺฌาสหคตาย สญฺญายาติอาทีนิ กามสญฺญาทีนํ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตานิฯ

    115. Saññāpaṭilābhavāre abhijjhāsahagatāya saññāyātiādīni kāmasaññādīnaṃ dassanatthaṃ vuttāni.

    ๑๑๗. สพฺยาพชฺฌนฺติ สทุกฺขํฯ อปรินิฎฺฐิตภาวายาติ ภวานํ อปรินิฎฺฐิตภาวายฯ เอตฺถ จ สพฺยาพชฺฌตฺตภาวา นาม จตฺตาโร โหนฺติฯ ปุถุชฺชโนปิ หิ โย เตนตฺตภาเวน ภวํ ปรินิฎฺฐาเปตุํ น สโกฺกติ, ตสฺส ปฎิสนฺธิโต ปฎฺฐาย อกุสลา ธมฺมา วฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา จ ปริหายนฺติ, สทุกฺขเมว อตฺตภาวํ อภินิพฺพเตฺตติ นามฯ ตถา โสตาปนฺนสกทาคามิอนาคามิโนฯ ปุถุชฺชนาทโย ตาว โหนฺตุ, อนาคามี กถํ สพฺยาพชฺฌํ อตฺตภาวํ อภินิพฺพเตฺตติ, กถญฺจสฺส อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺตีติฯ อนาคามีปิ หิ สุทฺธาวาเส นิพฺพโตฺต อุยฺยานวิมานกปฺปรุเกฺข โอโลเกตฺวา ‘‘อโห สุขํ อโห สุข’’นฺติ อุทานํ อุทาเนติ, อนาคามิโน ภวโลโภ ภวตณฺหา อปฺปหีนาว โหนฺติ, ตสฺส อปฺปหีนตณฺหตาย อกุสลา วฑฺฒนฺติ นาม, กุสลา ปริหายนฺติ นาม, สทุกฺขเมว อตฺตภาวํ อภินิพฺพเตฺตติ, อปรินิฎฺฐิตภโวเยว โหตีติ เวทิตโพฺพฯ

    117.Sabyābajjhanti sadukkhaṃ. Apariniṭṭhitabhāvāyāti bhavānaṃ apariniṭṭhitabhāvāya. Ettha ca sabyābajjhattabhāvā nāma cattāro honti. Puthujjanopi hi yo tenattabhāvena bhavaṃ pariniṭṭhāpetuṃ na sakkoti, tassa paṭisandhito paṭṭhāya akusalā dhammā vaḍḍhanti, kusalā dhammā ca parihāyanti, sadukkhameva attabhāvaṃ abhinibbatteti nāma. Tathā sotāpannasakadāgāmianāgāmino. Puthujjanādayo tāva hontu, anāgāmī kathaṃ sabyābajjhaṃ attabhāvaṃ abhinibbatteti, kathañcassa akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyantīti. Anāgāmīpi hi suddhāvāse nibbatto uyyānavimānakapparukkhe oloketvā ‘‘aho sukhaṃ aho sukha’’nti udānaṃ udāneti, anāgāmino bhavalobho bhavataṇhā appahīnāva honti, tassa appahīnataṇhatāya akusalā vaḍḍhanti nāma, kusalā parihāyanti nāma, sadukkhameva attabhāvaṃ abhinibbatteti, apariniṭṭhitabhavoyeva hotīti veditabbo.

    อพฺยาพชฺฌนฺติ อทุกฺขํฯ อยมฺปิ จตุนฺนํ ชนานํ วเสน เวทิตโพฺพฯ โย หิ ปุถุชฺชโนปิ เตนตฺตภาเวน ภวํ ปรินิฎฺฐาเปตุํ สโกฺกติ, ปุน ปฎิสนฺธิํ น คณฺหาติ, ตสฺส ปฎิสนฺธิคฺคหณโต ปฎฺฐาย อกุสลา ปริหายนฺติ, กุสลาเยว วฑฺฒนฺติ, อทุกฺขเมว อตฺตภาวํ นิพฺพเตฺตติ, ปรินิฎฺฐิตภโวเยว นาม โหติฯ ตถา โสตาปนฺนสกทาคามิอนาคามิโนฯ โสตาปนฺนาทโย ตาว โหนฺตุ, ปุถุชฺชโน กถํ อพฺยาพชฺฌอตฺตภาวํ นิพฺพเตฺตติ, กถญฺจสฺส อกุสลปริหานิอาทีนิ โหนฺตีติฯ ปุถุชฺชโนปิ ปจฺฉิมภวิโก เตนตฺตภาเวน ภวํ ปรินิฎฺฐาเปตุํ สมโตฺถ โหติฯ ตสฺส องฺคุลิมาลสฺส วิย เอเกนูนปาณสหสฺสํ ฆาเตนฺตสฺสาปิ อตฺตภาโว อพฺยาพโชฺฌเยว นาม, ภวํ ปรินิฎฺฐาเปติเยว นามฯ อกุสลเมว หายติ, วิปสฺสนเมว คพฺภํ คณฺหาเปติ นามฯ

    Abyābajjhanti adukkhaṃ. Ayampi catunnaṃ janānaṃ vasena veditabbo. Yo hi puthujjanopi tenattabhāvena bhavaṃ pariniṭṭhāpetuṃ sakkoti, puna paṭisandhiṃ na gaṇhāti, tassa paṭisandhiggahaṇato paṭṭhāya akusalā parihāyanti, kusalāyeva vaḍḍhanti, adukkhameva attabhāvaṃ nibbatteti, pariniṭṭhitabhavoyeva nāma hoti. Tathā sotāpannasakadāgāmianāgāmino. Sotāpannādayo tāva hontu, puthujjano kathaṃ abyābajjhaattabhāvaṃ nibbatteti, kathañcassa akusalaparihāniādīni hontīti. Puthujjanopi pacchimabhaviko tenattabhāvena bhavaṃ pariniṭṭhāpetuṃ samattho hoti. Tassa aṅgulimālassa viya ekenūnapāṇasahassaṃ ghātentassāpi attabhāvo abyābajjhoyeva nāma, bhavaṃ pariniṭṭhāpetiyeva nāma. Akusalameva hāyati, vipassanameva gabbhaṃ gaṇhāpeti nāma.

    ๑๑๙. จกฺขุวิเญฺญยฺยนฺติอาทีสุ ยสฺมา เอกจฺจสฺส ตสฺมิํเยว รูเป ราคาทโย อุปฺปชฺชนฺติ, อภินนฺทติ อสฺสาเทติ, อภินนฺทโนฺต อสฺสาเทโนฺต อนยพฺยสนํ ปาปุณาติ, เอกจฺจสฺส นุปฺปชฺชนฺติ, นิพฺพินฺทติ วิรชฺชติ, นิพฺพินฺทโนฺต วิรชฺชโนฺต นิพฺพุติํ ปาปุณาติ, ตสฺมา ‘‘ตญฺจ อญฺญมญฺญ’’นฺติ น วุตฺตํฯ เอส นโย สพฺพตฺถฯ

    119.Cakkhuviññeyyantiādīsu yasmā ekaccassa tasmiṃyeva rūpe rāgādayo uppajjanti, abhinandati assādeti, abhinandanto assādento anayabyasanaṃ pāpuṇāti, ekaccassa nuppajjanti, nibbindati virajjati, nibbindanto virajjanto nibbutiṃ pāpuṇāti, tasmā ‘‘tañca aññamañña’’nti na vuttaṃ. Esa nayo sabbattha.

    เอวํ วิตฺถาเรน อตฺถํ อาชาเนยฺยุนฺติ เอตฺถ เก ภควโต อิมสฺส ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชานนฺติ, เก น อาชานนฺตีติ? เย ตาว อิมสฺส สุตฺตสฺส ปาฬิญฺจ อฎฺฐกถญฺจ อุคฺคณฺหิตฺวา ตกฺกรา น โหนฺติ, ยถาวุตฺตํ อนุโลมปฎิปทํ น ปฎิปชฺชนฺติ, เต น อาชานนฺติ นามฯ เย ปน ตกฺกรา โหนฺติ, ยถาวุตฺตํ อนุโลมปฎิปทํ ปฎิปชฺชนฺติ, เต อาชานนฺติ นามฯ เอวํ สเนฺตปิ สปฎิสนฺธิกานํ ตาว ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย โหตุ, อปฺปฎิสนฺธิกานํ กถํ โหตีติฯ อปฺปฎิสนฺธิกา อนุปาทานา วิย ชาตเวทา ปรินิพฺพายนฺติ, กปฺปสตสหสฺสานมฺปิ อจฺจเยน เตสํ ปุน ทุกฺขํ นาม นตฺถิฯ อิติ เอกํเสน เตสํเยว ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย โหติฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติฯ

    Evaṃ vitthārena atthaṃ ājāneyyunti ettha ke bhagavato imassa bhāsitassa atthaṃ ājānanti, ke na ājānantīti? Ye tāva imassa suttassa pāḷiñca aṭṭhakathañca uggaṇhitvā takkarā na honti, yathāvuttaṃ anulomapaṭipadaṃ na paṭipajjanti, te na ājānanti nāma. Ye pana takkarā honti, yathāvuttaṃ anulomapaṭipadaṃ paṭipajjanti, te ājānanti nāma. Evaṃ santepi sapaṭisandhikānaṃ tāva dīgharattaṃ hitāya sukhāya hotu, appaṭisandhikānaṃ kathaṃ hotīti. Appaṭisandhikā anupādānā viya jātavedā parinibbāyanti, kappasatasahassānampi accayena tesaṃ puna dukkhaṃ nāma natthi. Iti ekaṃsena tesaṃyeva dīgharattaṃ hitāya sukhāya hoti. Sesaṃ sabbattha uttānamevāti.

    ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย

    Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya

    เสวิตพฺพาเสวิตพฺพสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Sevitabbāsevitabbasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๔. เสวิตพฺพาเสวิตพฺพสุตฺตํ • 4. Sevitabbāsevitabbasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๔. เสวิตพฺพาเสวิตพฺพสุตฺตวณฺณนา • 4. Sevitabbāsevitabbasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact