Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya

    ๒. สีหนาทวโคฺค

    2. Sīhanādavaggo

    ๑. สีหนาทสุตฺตํ

    1. Sīhanādasuttaṃ

    ๑๑. เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ อถ โข อายสฺมา สาริปุโตฺต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อายสฺมา สาริปุโตฺต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘วุโตฺถ เม, ภเนฺต, สาวตฺถิยํ วสฺสาวาโสฯ อิจฺฉามหํ, ภเนฺต, ชนปทจาริกํ ปกฺกมิตุ’’นฺติฯ ‘‘ยสฺสทานิ ตฺวํ, สาริปุตฺต, กาลํ มญฺญสี’’ติฯ อถ โข อายสฺมา สาริปุโตฺต อุฎฺฐายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิฯ อถ โข อญฺญตโร ภิกฺขุ อจิรปกฺกเนฺต อายสฺมเนฺต สาริปุเตฺต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อายสฺมา มํ, ภเนฺต, สาริปุโตฺต อาสชฺช อปฺปฎินิสฺสชฺช จาริกํ ปกฺกโนฺต’’ติฯ อถ โข ภควา อญฺญตรํ ภิกฺขุํ อามเนฺตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, มม วจเนน สาริปุตฺตํ อามเนฺตหิ – ‘สตฺถา ตํ, อาวุโส สาริปุตฺต, อามเนฺตตี’’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข โส ภิกฺขุ ภควโต ปฎิสฺสุตฺวา เยนายสฺมา สาริปุโตฺต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สตฺถา ตํ, อาวุโส สาริปุตฺต, อามเนฺตตี’’ติฯ ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข อายสฺมา สาริปุโตฺต ตสฺส ภิกฺขุโน ปจฺจโสฺสสิฯ

    11. Ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Atha kho āyasmā sāriputto yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho āyasmā sāriputto bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘vuttho me, bhante, sāvatthiyaṃ vassāvāso. Icchāmahaṃ, bhante, janapadacārikaṃ pakkamitu’’nti. ‘‘Yassadāni tvaṃ, sāriputta, kālaṃ maññasī’’ti. Atha kho āyasmā sāriputto uṭṭhāyāsanā bhagavantaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā pakkāmi. Atha kho aññataro bhikkhu acirapakkante āyasmante sāriputte bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘āyasmā maṃ, bhante, sāriputto āsajja appaṭinissajja cārikaṃ pakkanto’’ti. Atha kho bhagavā aññataraṃ bhikkhuṃ āmantesi – ‘‘ehi tvaṃ, bhikkhu, mama vacanena sāriputtaṃ āmantehi – ‘satthā taṃ, āvuso sāriputta, āmantetī’’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho so bhikkhu bhagavato paṭissutvā yenāyasmā sāriputto tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ sāriputtaṃ etadavoca – ‘‘satthā taṃ, āvuso sāriputta, āmantetī’’ti. ‘‘Evamāvuso’’ti kho āyasmā sāriputto tassa bhikkhuno paccassosi.

    เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา จ มหาโมคฺคลฺลาโน 1 อายสฺมา จ อานโนฺท อวาปุรณํ 2 อาทาย วิหาเร อาหิณฺฑนฺติ 3 – ‘‘อภิกฺกมถายสฺมโนฺต, อภิกฺกมถายสฺมโนฺต! อิทานายสฺมา สาริปุโตฺต ภควโต สมฺมุขา สีหนาทํ นทิสฺสตี’’ติฯ อถ โข อายสฺมา สาริปุโตฺต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘อิธ เต, สาริปุตฺต, อญฺญตโร สพฺรหฺมจารี ขียนธมฺมํ อาปโนฺน – ‘อายสฺมา มํ, ภเนฺต, สาริปุโตฺต อาสชฺช อปฺปฎินิสฺสชฺชจาริกํ ปกฺกโนฺต’’’ติฯ

    Tena kho pana samayena āyasmā ca mahāmoggallāno 4 āyasmā ca ānando avāpuraṇaṃ 5 ādāya vihāre āhiṇḍanti 6 – ‘‘abhikkamathāyasmanto, abhikkamathāyasmanto! Idānāyasmā sāriputto bhagavato sammukhā sīhanādaṃ nadissatī’’ti. Atha kho āyasmā sāriputto yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinnaṃ kho āyasmantaṃ sāriputtaṃ bhagavā etadavoca – ‘‘idha te, sāriputta, aññataro sabrahmacārī khīyanadhammaṃ āpanno – ‘āyasmā maṃ, bhante, sāriputto āsajja appaṭinissajjacārikaṃ pakkanto’’’ti.

    ‘‘ยสฺส นูน, ภเนฺต, กาเย กายคตาสติ อนุปฎฺฐิตา อสฺส, โส อิธ อญฺญตรํ สพฺรหฺมจาริํ อาสชฺช อปฺปฎินิสฺสชฺช จาริกํ ปกฺกเมยฺยฯ

    ‘‘Yassa nūna, bhante, kāye kāyagatāsati anupaṭṭhitā assa, so idha aññataraṃ sabrahmacāriṃ āsajja appaṭinissajja cārikaṃ pakkameyya.

    ‘‘เสยฺยถาปิ, ภเนฺต, ปถวิยํ สุจิมฺปิ นิกฺขิปนฺติ อสุจิมฺปิ นิกฺขิปนฺติ คูถคตมฺปิ นิกฺขิปนฺติ มุตฺตคตมฺปิ นิกฺขิปนฺติ เขฬคตมฺปิ นิกฺขิปนฺติ ปุพฺพคตมฺปิ นิกฺขิปนฺติ โลหิตคตมฺปิ นิกฺขิปนฺติ, น จ เตน ปถวี อฎฺฎียติ วา หรายติ วา ชิคุจฺฉติ วา; เอวเมวํ โข อหํ, ภเนฺต, ปถวีสเมน เจตสา วิหรามิ วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปเชฺชนฯ ยสฺส นูน, ภเนฺต, กาเย กายคตาสติ อนุปฎฺฐิตา อสฺส, โส อิธ อญฺญตรํ สพฺรหฺมจาริํ อาสชฺช อปฺปฎินิสฺสชฺช จาริกํ ปกฺกเมยฺยฯ

    ‘‘Seyyathāpi, bhante, pathaviyaṃ sucimpi nikkhipanti asucimpi nikkhipanti gūthagatampi nikkhipanti muttagatampi nikkhipanti kheḷagatampi nikkhipanti pubbagatampi nikkhipanti lohitagatampi nikkhipanti, na ca tena pathavī aṭṭīyati vā harāyati vā jigucchati vā; evamevaṃ kho ahaṃ, bhante, pathavīsamena cetasā viharāmi vipulena mahaggatena appamāṇena averena abyāpajjena. Yassa nūna, bhante, kāye kāyagatāsati anupaṭṭhitā assa, so idha aññataraṃ sabrahmacāriṃ āsajja appaṭinissajja cārikaṃ pakkameyya.

    ‘‘เสยฺยถาปิ, ภเนฺต, อาปสฺมิํ สุจิมฺปิ โธวนฺติ อสุจิมฺปิ โธวนฺติ คูถคตมฺปิ… มุตฺตคตมฺปิ… เขฬคตมฺปิ… ปุพฺพคตมฺปิ… โลหิตคตมฺปิ โธวนฺติ, น จ เตน อาโป อฎฺฎียติ วา หรายติ วา ชิคุจฺฉติ วา; เอวเมวํ โข อหํ, ภเนฺต, อาโปสเมน เจตสา วิหรามิ วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปเชฺชนฯ ยสฺส นูน, ภเนฺต, กาเย กายคตาสติ อนุปฎฺฐิตา อสฺส, โส อิธ อญฺญตรํ สพฺรหฺมจาริํ อาสชฺช อปฺปฎินิสฺสชฺช จาริกํ ปกฺกเมยฺยฯ

    ‘‘Seyyathāpi, bhante, āpasmiṃ sucimpi dhovanti asucimpi dhovanti gūthagatampi… muttagatampi… kheḷagatampi… pubbagatampi… lohitagatampi dhovanti, na ca tena āpo aṭṭīyati vā harāyati vā jigucchati vā; evamevaṃ kho ahaṃ, bhante, āposamena cetasā viharāmi vipulena mahaggatena appamāṇena averena abyāpajjena. Yassa nūna, bhante, kāye kāyagatāsati anupaṭṭhitā assa, so idha aññataraṃ sabrahmacāriṃ āsajja appaṭinissajja cārikaṃ pakkameyya.

    ‘‘เสยฺยถาปิ, ภเนฺต, เตโช สุจิมฺปิ ฑหติ อสุจิมฺปิ ฑหติ คูถคตมฺปิ… มุตฺตคตมฺปิ… เขฬคตมฺปิ… ปุพฺพคตมฺปิ… โลหิตคตมฺปิ ฑหติ, น จ เตน เตโช อฎฺฎียติ วา หรายติ วา ชิคุจฺฉติ วา; เอวเมวํ โข อหํ , ภเนฺต, เตโชสเมน เจตสา วิหรามิ วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปเชฺชนฯ ยสฺส นูน, ภเนฺต, กาเย กายคตาสติ อนุปฎฺฐิตา อสฺส, โส อิธ อญฺญตรํ สพฺรหฺมจาริํ อาสชฺช อปฺปฎินิสฺสชฺช จาริกํ ปกฺกเมยฺยฯ

    ‘‘Seyyathāpi, bhante, tejo sucimpi ḍahati asucimpi ḍahati gūthagatampi… muttagatampi… kheḷagatampi… pubbagatampi… lohitagatampi ḍahati, na ca tena tejo aṭṭīyati vā harāyati vā jigucchati vā; evamevaṃ kho ahaṃ , bhante, tejosamena cetasā viharāmi vipulena mahaggatena appamāṇena averena abyāpajjena. Yassa nūna, bhante, kāye kāyagatāsati anupaṭṭhitā assa, so idha aññataraṃ sabrahmacāriṃ āsajja appaṭinissajja cārikaṃ pakkameyya.

    ‘‘เสยฺยถาปิ, ภเนฺต, วาโย สุจิมฺปิ อุปวายติ อสุจิมฺปิ อุปวายติ คูถคตมฺปิ… มุตฺตคตมฺปิ… เขฬคตมฺปิ… ปุพฺพคตมฺปิ… โลหิตคตมฺปิ อุปวายติ, น จ เตน วาโย อฎฺฎียติ วา หรายติ วา ชิคุจฺฉติ วา; เอวเมวํ โข อหํ, ภเนฺต, วาโยสเมน เจตสา วิหรามิ วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปเชฺชนฯ ยสฺส นูน, ภเนฺต, กาเย กายคตาสติ อนุปฎฺฐิตา อสฺส, โส อิธ อญฺญตรํ สพฺรหฺมจาริํ อาสชฺช อปฺปฎินิสฺสชฺช จาริกํ ปกฺกเมยฺยฯ

    ‘‘Seyyathāpi, bhante, vāyo sucimpi upavāyati asucimpi upavāyati gūthagatampi… muttagatampi… kheḷagatampi… pubbagatampi… lohitagatampi upavāyati, na ca tena vāyo aṭṭīyati vā harāyati vā jigucchati vā; evamevaṃ kho ahaṃ, bhante, vāyosamena cetasā viharāmi vipulena mahaggatena appamāṇena averena abyāpajjena. Yassa nūna, bhante, kāye kāyagatāsati anupaṭṭhitā assa, so idha aññataraṃ sabrahmacāriṃ āsajja appaṭinissajja cārikaṃ pakkameyya.

    ‘‘เสยฺยถาปิ , ภเนฺต, รโชหรณํ สุจิมฺปิ ปุญฺฉติ อสุจิมฺปิ ปุญฺฉติ คูถคตมฺปิ… มุตฺตคตมฺปิ… เขฬคตมฺปิ… ปุพฺพคตมฺปิ… โลหิตคตมฺปิ ปุญฺฉติ, น จ เตน รโชหรณํ อฎฺฎียติ วา หรายติ วา ชิคุจฺฉติ วา; เอวเมวํ โข อหํ, ภเนฺต, รโชหรณสเมน เจตสา วิหรามิ วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปเชฺชนฯ ยสฺส นูน, ภเนฺต, กาเย กายคตาสติ อนุปฎฺฐิตา อสฺส, โส อิธ อญฺญตรํ สพฺรหฺมจาริํ อาสชฺช อปฺปฎินิสฺสชฺช จาริกํ ปกฺกเมยฺยฯ

    ‘‘Seyyathāpi , bhante, rajoharaṇaṃ sucimpi puñchati asucimpi puñchati gūthagatampi… muttagatampi… kheḷagatampi… pubbagatampi… lohitagatampi puñchati, na ca tena rajoharaṇaṃ aṭṭīyati vā harāyati vā jigucchati vā; evamevaṃ kho ahaṃ, bhante, rajoharaṇasamena cetasā viharāmi vipulena mahaggatena appamāṇena averena abyāpajjena. Yassa nūna, bhante, kāye kāyagatāsati anupaṭṭhitā assa, so idha aññataraṃ sabrahmacāriṃ āsajja appaṭinissajja cārikaṃ pakkameyya.

    ‘‘เสยฺยถาปิ, ภเนฺต, จณฺฑาลกุมารโก วา จณฺฑาลกุมาริกา วา กโฬปิหโตฺถ นนฺตกวาสี คามํ วา นิคมํ วา ปวิสโนฺต นีจจิตฺตํเยว อุปฎฺฐเปตฺวา ปวิสติ; เอวเมวํ โข อหํ, ภเนฺต, จณฺฑาลกุมารกจณฺฑาลกุมาริกาสเมน เจตสา วิหรามิ วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปเชฺชนฯ ยสฺส นูน, ภเนฺต, กาเย กายคตาสติ อนุปฎฺฐิตา อสฺส, โส อิธ อญฺญตรํ สพฺรหฺมจาริํ อาสชฺช อปฺปฎินิสฺสชฺช จาริกํ ปกฺกเมยฺยฯ

    ‘‘Seyyathāpi, bhante, caṇḍālakumārako vā caṇḍālakumārikā vā kaḷopihattho nantakavāsī gāmaṃ vā nigamaṃ vā pavisanto nīcacittaṃyeva upaṭṭhapetvā pavisati; evamevaṃ kho ahaṃ, bhante, caṇḍālakumārakacaṇḍālakumārikāsamena cetasā viharāmi vipulena mahaggatena appamāṇena averena abyāpajjena. Yassa nūna, bhante, kāye kāyagatāsati anupaṭṭhitā assa, so idha aññataraṃ sabrahmacāriṃ āsajja appaṭinissajja cārikaṃ pakkameyya.

    ‘‘เสยฺยถาปิ, ภเนฺต, อุสโภ ฉินฺนวิสาโณ สูรโต สุทโนฺต สุวินีโต รถิยาย รถิยํ สิงฺฆาฎเกน สิงฺฆาฎกํ อนฺวาหิณฺฑโนฺต น กิญฺจิ หิํสติ ปาเทน วา วิสาเณน วา; เอวเมวํ โข อหํ, ภเนฺต, อุสภฉินฺนวิสาณสเมน เจตสา วิหรามิ วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปเชฺชนฯ ยสฺส นูน, ภเนฺต, กาเย กายคตาสติ อนุปฎฺฐิตา อสฺส, โส อิธ อญฺญตรํ สพฺรหฺมจาริํ อาสชฺช อปฺปฎินิสฺสชฺช จาริกํ ปกฺกเมยฺยฯ

    ‘‘Seyyathāpi, bhante, usabho chinnavisāṇo sūrato sudanto suvinīto rathiyāya rathiyaṃ siṅghāṭakena siṅghāṭakaṃ anvāhiṇḍanto na kiñci hiṃsati pādena vā visāṇena vā; evamevaṃ kho ahaṃ, bhante, usabhachinnavisāṇasamena cetasā viharāmi vipulena mahaggatena appamāṇena averena abyāpajjena. Yassa nūna, bhante, kāye kāyagatāsati anupaṭṭhitā assa, so idha aññataraṃ sabrahmacāriṃ āsajja appaṭinissajja cārikaṃ pakkameyya.

    ‘‘เสยฺยถาปิ, ภเนฺต, อิตฺถี วา ปุริโส วา ทหโร ยุวา มณฺฑนกชาติโก สีสํนฺหาโต อหิกุณเปน วา กุกฺกุรกุณเปน วา มนุสฺสกุณเปน วา กเณฺฐ อาสเตฺตน อฎฺฎีเยยฺย หราเยยฺย ชิคุเจฺฉยฺย; เอวเมวํ โข อหํ, ภเนฺต, อิมินา ปูติกาเยน อฎฺฎียามิ หรายามิ ชิคุจฺฉามิฯ ยสฺส นูน, ภเนฺต, กาเย กายคตาสติ อนุปฎฺฐิตา อสฺส, โส อิธ อญฺญตรํ สพฺรหฺมจาริํ อาสชฺช อปฺปฎินิสฺสชฺช จาริกํ ปกฺกเมยฺยฯ

    ‘‘Seyyathāpi, bhante, itthī vā puriso vā daharo yuvā maṇḍanakajātiko sīsaṃnhāto ahikuṇapena vā kukkurakuṇapena vā manussakuṇapena vā kaṇṭhe āsattena aṭṭīyeyya harāyeyya jiguccheyya; evamevaṃ kho ahaṃ, bhante, iminā pūtikāyena aṭṭīyāmi harāyāmi jigucchāmi. Yassa nūna, bhante, kāye kāyagatāsati anupaṭṭhitā assa, so idha aññataraṃ sabrahmacāriṃ āsajja appaṭinissajja cārikaṃ pakkameyya.

    ‘‘เสยฺยถาปิ , ภเนฺต, ปุริโส เมทกถาลิกํ ปริหเรยฺย ฉิทฺทาวฉิทฺทํ อุคฺฆรนฺตํ ปคฺฆรนฺตํ; เอวเมวํ โข อหํ, ภเนฺต, อิมํ กายํ ปริหรามิ ฉิทฺทาวฉิทฺทํ อุคฺฆรนฺตํ ปคฺฆรนฺตํฯ ยสฺส นูน, ภเนฺต, กาเย กายคตาสติ อนุปฎฺฐิตา อสฺส, โส อิธ อญฺญตรํ สพฺรหฺมจาริํ อาสชฺช อปฺปฎินิสฺสชฺช จาริกํ ปกฺกเมยฺยา’’ติฯ

    ‘‘Seyyathāpi , bhante, puriso medakathālikaṃ parihareyya chiddāvachiddaṃ uggharantaṃ paggharantaṃ; evamevaṃ kho ahaṃ, bhante, imaṃ kāyaṃ pariharāmi chiddāvachiddaṃ uggharantaṃ paggharantaṃ. Yassa nūna, bhante, kāye kāyagatāsati anupaṭṭhitā assa, so idha aññataraṃ sabrahmacāriṃ āsajja appaṭinissajja cārikaṃ pakkameyyā’’ti.

    อถ โข โส ภิกฺขุ อุฎฺฐายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา ภควโต ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อจฺจโย มํ, ภเนฺต, อจฺจคมา ยถาพาลํ ยถามูฬฺหํ ยถาอกุสลํ, โย อหํ อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อสตา ตุจฺฉา มุสา อภูเตน อพฺภาจิกฺขิํฯ ตสฺส เม, ภเนฺต, ภควา อจฺจยํ อจฺจยโต ปฎิคฺคณฺหตุ อายติํ สํวรายา’’ติฯ ‘‘ตคฺฆ ตํ 7, ภิกฺขุ, อจฺจโย อจฺจคมา ยถาพาลํ ยถามูฬฺหํ ยถาอกุสลํ, โย ตฺวํ สาริปุตฺตํ อสตา ตุจฺฉา มุสา อภูเตน อพฺภาจิกฺขิฯ ยโต จ โข ตฺวํ, ภิกฺขุ, อจฺจยํ อจฺจยโต ทิสฺวา ยถาธมฺมํ ปฎิกโรสิ, ตํ เต มยํ ปฎิคฺคณฺหามฯ วุฑฺฒิเหสา, ภิกฺขุ, อริยสฺส วินเย โย อจฺจยํ อจฺจยโต ทิสฺวา ยถาธมฺมํ ปฎิกโรติ อายติํ สํวรํ อาปชฺชตี’’ติฯ

    Atha kho so bhikkhu uṭṭhāyāsanā ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ karitvā bhagavato pādesu sirasā nipatitvā bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘accayo maṃ, bhante, accagamā yathābālaṃ yathāmūḷhaṃ yathāakusalaṃ, yo ahaṃ āyasmantaṃ sāriputtaṃ asatā tucchā musā abhūtena abbhācikkhiṃ. Tassa me, bhante, bhagavā accayaṃ accayato paṭiggaṇhatu āyatiṃ saṃvarāyā’’ti. ‘‘Taggha taṃ 8, bhikkhu, accayo accagamā yathābālaṃ yathāmūḷhaṃ yathāakusalaṃ, yo tvaṃ sāriputtaṃ asatā tucchā musā abhūtena abbhācikkhi. Yato ca kho tvaṃ, bhikkhu, accayaṃ accayato disvā yathādhammaṃ paṭikarosi, taṃ te mayaṃ paṭiggaṇhāma. Vuḍḍhihesā, bhikkhu, ariyassa vinaye yo accayaṃ accayato disvā yathādhammaṃ paṭikaroti āyatiṃ saṃvaraṃ āpajjatī’’ti.

    อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อามเนฺตสิ – ‘‘ขม, สาริปุตฺต, อิมสฺส โมฆปุริสสฺส, ปุรา ตสฺส ตเตฺถว สตฺตธา มุทฺธา ผลตี’’ติ 9ฯ ‘‘ขมามหํ, ภเนฺต, ตสฺส อายสฺมโต สเจ มํ โส อายสฺมา เอวมาห – ‘ขมตุ จ เม โส อายสฺมา’’’ติฯ ปฐมํฯ

    Atha kho bhagavā āyasmantaṃ sāriputtaṃ āmantesi – ‘‘khama, sāriputta, imassa moghapurisassa, purā tassa tattheva sattadhā muddhā phalatī’’ti 10. ‘‘Khamāmahaṃ, bhante, tassa āyasmato sace maṃ so āyasmā evamāha – ‘khamatu ca me so āyasmā’’’ti. Paṭhamaṃ.







    Footnotes:
    1. มหาโมคฺคลาโน (ก.)
    2. อปาปุรณํ (สฺยา. ก.)
    3. วิหาเรน วิหารํ อนฺวาหิณฺฑนฺติ (สี. ปี.), วิหารํ อาหิณฺฑนฺติ (สฺยา.)
    4. mahāmoggalāno (ka.)
    5. apāpuraṇaṃ (syā. ka.)
    6. vihārena vihāraṃ anvāhiṇḍanti (sī. pī.), vihāraṃ āhiṇḍanti (syā.)
    7. ตฺวํ (สี. ปี.)
    8. tvaṃ (sī. pī.)
    9. ผลิสฺสตีติ (ก. สี. สฺยา. ปี. ก.) อฎฺฐกถาสุ ปน ‘‘ผลตีติ’’ อิเตฺวว ทิสฺสติ
    10. phalissatīti (ka. sī. syā. pī. ka.) aṭṭhakathāsu pana ‘‘phalatīti’’ itveva dissati



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๑. สีหนาทสุตฺตวณฺณนา • 1. Sīhanādasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑. สีหนาทสุตฺตวณฺณนา • 1. Sīhanādasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact