Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā)

    ๓. มหาวโคฺค

    3. Mahāvaggo

    ๑. สีหนาทสุตฺตวณฺณนา

    1. Sīhanādasuttavaṇṇanā

    ๒๑. ตติยสฺส ปฐเม วิสมคเตติ วิสมฎฺฐาเนสุ โคจเรสุ คเตฯ สงฺฆาตํ อาปาเทสินฺติ ฆาตํ วธํ ปาเปสิํฯ ตสฺส หิ อุสฺสนฺนเตชตาย ขุทฺทเกสุ ปาเณสุ อนุกมฺปา โหติฯ ตสฺมา เย ปฎิสตฺตุภาเวน สณฺฐาตุํ สกฺขิสฺสนฺติ, เย ทุพฺพลา ปลายิตุกามา ภวิสฺสนฺติ, เต ปลายิสฺสนฺตีติ สีหนาทํ นทิตฺวาว โคจราย ปกฺกมติฯ ตถาคตเสฺสตํ อธิวจนนฺติ ยทิ หิ สหนตาย หนนตาย จ สีโห, ตถาคโต หิ สพฺพานิ จ อิฎฺฐานิฎฺฐานิ สหติ, สพฺพปรปฺปวาทิโน จ วาทานํ นิมฺมถเนน หนติฯ อิทมสฺส โหติ สีหนาทสฺมินฺติ อยมสฺส สีหนาโทฯ

    21. Tatiyassa paṭhame visamagateti visamaṭṭhānesu gocaresu gate. Saṅghātaṃ āpādesinti ghātaṃ vadhaṃ pāpesiṃ. Tassa hi ussannatejatāya khuddakesu pāṇesu anukampā hoti. Tasmā ye paṭisattubhāvena saṇṭhātuṃ sakkhissanti, ye dubbalā palāyitukāmā bhavissanti, te palāyissantīti sīhanādaṃ naditvāva gocarāya pakkamati. Tathāgatassetaṃ adhivacananti yadi hi sahanatāya hananatāya ca sīho, tathāgato hi sabbāni ca iṭṭhāniṭṭhāni sahati, sabbaparappavādino ca vādānaṃ nimmathanena hanati. Idamassa hoti sīhanādasminti ayamassa sīhanādo.

    ตถาคตพลานีติ อเญฺญหิ อสาธารณานิ ตถาคตเสฺสว พลานิฯ ยถา วา ปุพฺพพุทฺธานํ พลานิ ปุญฺญสมฺปตฺติยา อาคตานิ, ตถา อาคตพลานีติปิ อโตฺถฯ ตตฺถ ทุวิธํ ตถาคตสฺส พลํ กายพลํ ญาณพลํฯ เตสุ กายพลํ หตฺถิกุลานุสาเรน เวทิตพฺพํฯ วุตฺตเญฺหตํ โปราเณหิ –

    Tathāgatabalānīti aññehi asādhāraṇāni tathāgatasseva balāni. Yathā vā pubbabuddhānaṃ balāni puññasampattiyā āgatāni, tathā āgatabalānītipi attho. Tattha duvidhaṃ tathāgatassa balaṃ kāyabalaṃ ñāṇabalaṃ. Tesu kāyabalaṃ hatthikulānusārena veditabbaṃ. Vuttañhetaṃ porāṇehi –

    ‘‘กาลาวกญฺจ คเงฺคยฺยํ, ปณฺฑรํ ตมฺพปิงฺคลํ;

    ‘‘Kālāvakañca gaṅgeyyaṃ, paṇḍaraṃ tambapiṅgalaṃ;

    คนฺธมงฺคลเหมญฺจ, อุโปสถฉทฺทนฺติเม ทสา’’ติฯ

    Gandhamaṅgalahemañca, uposathachaddantime dasā’’ti.

    อิมานิ ทส หตฺถิกุลานิฯ ตตฺถ กาลาวกนฺติ ปกติหตฺถิกุลํ ทฎฺฐพฺพํฯ ยํ ทสนฺนํ ปุริสานํ กายพลํ, ตํ เอกสฺส กาลาวกสฺส หตฺถิโนฯ ยํ ทสนฺนํ กาลาวกานํ พลํ, ตํ เอกสฺส คเงฺคยฺยสฺสฯ ยํ ทสนฺนํ คเงฺคยฺยานํ, ตํ เอกสฺส ปณฺฑรสฺสฯ ยํ ทสนฺนํ ปณฺฑรานํ, ตํ เอกสฺส ตมฺพสฺสฯ ยํ ทสนฺนํ ตมฺพานํ, ตํ เอกสฺส ปิงฺคลสฺสฯ ยํ ทสนฺนํ ปิงฺคลานํ, ตํ เอกสฺส คนฺธหตฺถิโนฯ ยํ ทสนฺนํ คนฺธหตฺถีนํ, ตํ เอกสฺส มงฺคลสฺสฯ ยํ ทสนฺนํ มงฺคลานํ, ตํ เอกสฺส เหมสฺสฯ ยํ ทสนฺนํ เหมานํ, ตํ เอกสฺส อุโปสถสฺสฯ ยํ ทสนฺนํ อุโปสถานํ, ตํ เอกสฺส ฉทฺทนฺตสฺสฯ ยํ ทสนฺนํ ฉทฺทนฺตานํ, ตํ เอกสฺส ตถาคตสฺสฯ นารายนสงฺฆาตพลนฺติปิ อิทเมว วุจฺจติ ฯ ตเทตํ ปกติหตฺถิคณนาย หตฺถีนํ โกฎิสหสฺสานํ, ปุริสคณนาย ทสนฺนํ ปุริสโกฎิสหสฺสานํ พลํ โหติฯ อิทํ ตาว ตถาคตสฺส กายพลํ

    Imāni dasa hatthikulāni. Tattha kālāvakanti pakatihatthikulaṃ daṭṭhabbaṃ. Yaṃ dasannaṃ purisānaṃ kāyabalaṃ, taṃ ekassa kālāvakassa hatthino. Yaṃ dasannaṃ kālāvakānaṃ balaṃ, taṃ ekassa gaṅgeyyassa. Yaṃ dasannaṃ gaṅgeyyānaṃ, taṃ ekassa paṇḍarassa. Yaṃ dasannaṃ paṇḍarānaṃ, taṃ ekassa tambassa. Yaṃ dasannaṃ tambānaṃ, taṃ ekassa piṅgalassa. Yaṃ dasannaṃ piṅgalānaṃ, taṃ ekassa gandhahatthino. Yaṃ dasannaṃ gandhahatthīnaṃ, taṃ ekassa maṅgalassa. Yaṃ dasannaṃ maṅgalānaṃ, taṃ ekassa hemassa. Yaṃ dasannaṃ hemānaṃ, taṃ ekassa uposathassa. Yaṃ dasannaṃ uposathānaṃ, taṃ ekassa chaddantassa. Yaṃ dasannaṃ chaddantānaṃ, taṃ ekassa tathāgatassa. Nārāyanasaṅghātabalantipi idameva vuccati . Tadetaṃ pakatihatthigaṇanāya hatthīnaṃ koṭisahassānaṃ, purisagaṇanāya dasannaṃ purisakoṭisahassānaṃ balaṃ hoti. Idaṃ tāva tathāgatassa kāyabalaṃ.

    ญาณพลํ ปน ปาฬิยํ ตาว อาคตเมวฯ ทสพลญาณํ, มชฺฌิเม อาคตํ จตุเวสารชฺชญาณํ, อฎฺฐสุ ปริสาสุ อกมฺปนญาณํ, จตุโยนิปริเจฺฉทญาณํ, ปญฺจคติปริเจฺฉทญาณํ, สํยุตฺตเก (สํ. นิ. ๒.๓๓) อาคตานิ เตสตฺตติ ญาณานิ สตฺตสตฺตติ ญาณานีติ, เอวํ อญฺญานิปิ อเนกานิ ญาณพลํ นามฯ อิธาปิ ญาณพลเมว อธิเปฺปตํฯ ญาณญฺหิ อกมฺปิยเฎฺฐน อุปตฺถมฺภนเฎฺฐน จ พลนฺติ วุตฺตํฯ

    Ñāṇabalaṃ pana pāḷiyaṃ tāva āgatameva. Dasabalañāṇaṃ, majjhime āgataṃ catuvesārajjañāṇaṃ, aṭṭhasu parisāsu akampanañāṇaṃ, catuyoniparicchedañāṇaṃ, pañcagatiparicchedañāṇaṃ, saṃyuttake (saṃ. ni. 2.33) āgatāni tesattati ñāṇāni sattasattati ñāṇānīti, evaṃ aññānipi anekāni ñāṇabalaṃ nāma. Idhāpi ñāṇabalameva adhippetaṃ. Ñāṇañhi akampiyaṭṭhena upatthambhanaṭṭhena ca balanti vuttaṃ.

    อาสภํ ฐานนฺติ เสฎฺฐฎฺฐานํ อุตฺตมฎฺฐานํฯ อาสภา วา ปุพฺพพุทฺธา, เตสํ ฐานนฺติ อโตฺถฯ อปิจ ควสตเชฎฺฐโก อุสโภ, ควสหสฺสเชฎฺฐโก วสโภฯ วชสตเชฎฺฐโก วา อุสโภ, วชสหสฺสเชฎฺฐโก วสโภฯ สพฺพควเสโฎฺฐ สพฺพปริสฺสยสโห เสโต ปาสาทิโก มหาภารวโห อสนิสตสเทฺทหิปิ อสมฺปกมฺปิโย นิสโภ, โส อิธ อุสโภติ อธิเปฺปโตฯ อิทมฺปิ หิ ตสฺส ปริยายวจนํฯ อุสภสฺส อิทนฺติ อาสภํฯ ฐานนฺติ จตูหิ ปาเทหิ ปถวิํ อุปฺปีเฬตฺวา อจลฎฺฐานํฯ อิทํ ปน อาสภํ วิยาติ อาสภํฯ ยเถว หิ นิสภสงฺขาโต อุสโภ อุสภพเลน สมนฺนาคโต จตูหิ ปาเทหิ ปถวิํ อุปฺปีเฬตฺวา อจลฎฺฐาเนน ติฎฺฐติ, เอวํ ตถาคโตปิ ทสหิ ตถาคตพเลหิ สมนฺนาคโต จตูหิ เวสารชฺชปาเทหิ อฎฺฐปริสปถวิํ อุปฺปีเฬตฺวา สเทวเก โลเก เกนจิ ปจฺจตฺถิเกน ปจฺจามิเตฺตน อกมฺปิโย อจลฎฺฐาเนน ติฎฺฐติฯ เอวํ ติฎฺฐมาโน จ ตํ อาสภํ ฐานํ ปฎิชานาติ อุปคจฺฉติ น ปจฺจกฺขาติ อตฺตนิ อาโรเปติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อาสภํ ฐานํ ปฎิชานาตี’’ติฯ

    Āsabhaṃṭhānanti seṭṭhaṭṭhānaṃ uttamaṭṭhānaṃ. Āsabhā vā pubbabuddhā, tesaṃ ṭhānanti attho. Apica gavasatajeṭṭhako usabho, gavasahassajeṭṭhako vasabho. Vajasatajeṭṭhako vā usabho, vajasahassajeṭṭhako vasabho. Sabbagavaseṭṭho sabbaparissayasaho seto pāsādiko mahābhāravaho asanisatasaddehipi asampakampiyo nisabho, so idha usabhoti adhippeto. Idampi hi tassa pariyāyavacanaṃ. Usabhassa idanti āsabhaṃ. Ṭhānanti catūhi pādehi pathaviṃ uppīḷetvā acalaṭṭhānaṃ. Idaṃ pana āsabhaṃ viyāti āsabhaṃ. Yatheva hi nisabhasaṅkhāto usabho usabhabalena samannāgato catūhi pādehi pathaviṃ uppīḷetvā acalaṭṭhānena tiṭṭhati, evaṃ tathāgatopi dasahi tathāgatabalehi samannāgato catūhi vesārajjapādehi aṭṭhaparisapathaviṃ uppīḷetvā sadevake loke kenaci paccatthikena paccāmittena akampiyo acalaṭṭhānena tiṭṭhati. Evaṃ tiṭṭhamāno ca taṃ āsabhaṃ ṭhānaṃ paṭijānāti upagacchati na paccakkhāti attani āropeti. Tena vuttaṃ – ‘‘āsabhaṃ ṭhānaṃ paṭijānātī’’ti.

    ปริสาสูติ อฎฺฐสุ ปริสาสุฯ สีหนาทํ นทตีติ เสฎฺฐนาทํ นทติ, อภีตนาทํ นทติ, สีหนาทสทิสํ วา นาทํ นทติฯ ตตฺรายํ อุปมา – ยถา สีโห สีหพเลน สมนฺนาคโต สพฺพตฺถ วิสารโท วิคตโลมหํโส สีหนาทํ นทติ, เอวํ ตถาคตสีโหปิ ตถาคตพเลหิ สมนฺนาคโต อฎฺฐสุ ปริสาสุ วิสารโท วิคตโลมหํโส ‘‘อิติ สกฺกาโย’’ติอาทินา นเยน นานาวิธเทสนาวิลาสสมฺปนฺนํ สีหนาทํ นทติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘ปริสาสุ สีหนาทํ นทตี’’ติฯ

    Parisāsūti aṭṭhasu parisāsu. Sīhanādaṃ nadatīti seṭṭhanādaṃ nadati, abhītanādaṃ nadati, sīhanādasadisaṃ vā nādaṃ nadati. Tatrāyaṃ upamā – yathā sīho sīhabalena samannāgato sabbattha visārado vigatalomahaṃso sīhanādaṃ nadati, evaṃ tathāgatasīhopi tathāgatabalehi samannāgato aṭṭhasu parisāsu visārado vigatalomahaṃso ‘‘iti sakkāyo’’tiādinā nayena nānāvidhadesanāvilāsasampannaṃ sīhanādaṃ nadati. Tena vuttaṃ – ‘‘parisāsu sīhanādaṃ nadatī’’ti.

    พฺรหฺมจกฺกํ ปวเตฺตตีติ เอตฺถ พฺรหฺมนฺติ เสฎฺฐํ อุตฺตมํ วิสิฎฺฐํฯ จกฺกนฺติ ธมฺมจกฺกํฯ ตํ ปเนตํ ทุวิธํ โหติ ปฎิเวธญาณเญฺจว เทสนาญาณญฺจฯ ตตฺถ ปญฺญาปภาวิตํ อตฺตโน อริยผลาวหํ ปฎิเวธญาณํ, กรุณาปภาวิตํ สาวกานํ อริยผลาวหํ เทสนาญาณํฯ ตตฺถ ปฎิเวธญาณํ อุปฺปชฺชมานํ อุปฺปนฺนนฺติ ทุวิธํฯ ตญฺหิ อภินิกฺขมนโต ยาว อรหตฺตมคฺคา อุปฺปชฺชมานํ, ผลกฺขเณ อุปฺปนฺนํ นามฯ ตุสิตภวนโต วา ยาว มหาโพธิปลฺลเงฺก อรหตฺตมคฺคา อุปฺปชฺชมานํ, ผลกฺขเณ อุปฺปนฺนํ นามฯ ทีปงฺกรโต วา ปฎฺฐาย ยาว อรหตฺตมคฺคา อุปฺปชฺชมานํ, ผลกฺขเณ อุปฺปนฺนํ นามฯ เทสนาญาณมฺปิ ปวตฺตมานํ ปวตฺตนฺติ ทุวิธํฯ ตญฺหิ ยาว อญฺญาสิโกณฺฑญฺญสฺส โสตาปตฺติมคฺคา ปวตฺตมานํ, ผลกฺขเณ ปวตฺตํ นามฯ เตสุ ปฎิเวธญาณํ โลกุตฺตรํ, เทสนาญาณํ โลกิยํฯ อุภยมฺปิ ปเนตํ อเญฺญหิ อสาธารณํ, พุทฺธานํเยว โอรสญาณํฯ

    Brahmacakkaṃ pavattetīti ettha brahmanti seṭṭhaṃ uttamaṃ visiṭṭhaṃ. Cakkanti dhammacakkaṃ. Taṃ panetaṃ duvidhaṃ hoti paṭivedhañāṇañceva desanāñāṇañca. Tattha paññāpabhāvitaṃ attano ariyaphalāvahaṃ paṭivedhañāṇaṃ, karuṇāpabhāvitaṃ sāvakānaṃ ariyaphalāvahaṃ desanāñāṇaṃ. Tattha paṭivedhañāṇaṃ uppajjamānaṃ uppannanti duvidhaṃ. Tañhi abhinikkhamanato yāva arahattamaggā uppajjamānaṃ, phalakkhaṇe uppannaṃ nāma. Tusitabhavanato vā yāva mahābodhipallaṅke arahattamaggā uppajjamānaṃ, phalakkhaṇe uppannaṃ nāma. Dīpaṅkarato vā paṭṭhāya yāva arahattamaggā uppajjamānaṃ, phalakkhaṇe uppannaṃ nāma. Desanāñāṇampi pavattamānaṃ pavattanti duvidhaṃ. Tañhi yāva aññāsikoṇḍaññassa sotāpattimaggā pavattamānaṃ, phalakkhaṇe pavattaṃ nāma. Tesu paṭivedhañāṇaṃ lokuttaraṃ, desanāñāṇaṃ lokiyaṃ. Ubhayampi panetaṃ aññehi asādhāraṇaṃ, buddhānaṃyeva orasañāṇaṃ.

    อิทานิ เยหิ ทสหิ พเลหิ สมนฺนาคโต ตถาคโต อาสภํ ฐานํ ปฎิชานาติ, ตานิ วิตฺถารโต ทเสฺสตุํ กตมานิ ทส? อิธ, ภิกฺขเว, ตถาคโต ฐานญฺจ ฐานโตติอาทิมาหฯ ตตฺถ ฐานญฺจ ฐานโตติ การณญฺจ การณโตฯ การณญฺหิ ยสฺมา ตตฺถ ผลํ ติฎฺฐติ, ตทายตฺตวุตฺติตาย อุปฺปชฺชติ เจว ปวตฺตติ จ, ตสฺมา ฐานนฺติ วุจฺจติฯ ตํ ภควา ‘‘เย เย ธมฺมา เยสํ เยสํ ธมฺมานํ เหตู ปจฺจยา อุปฺปาทาย, ตํ ตํ ฐานํฯ เย เย ธมฺมา เยสํ เยสํ ธมฺมานํ น เหตู น ปจฺจยา อุปฺปาทาย, ตํ ตํ อฎฺฐาน’’นฺติ ปชานโนฺต ฐานญฺจ ฐานโต อฎฺฐานญฺจ อฎฺฐานโต ยถาภูตํ ปชานาติฯ อภิธเมฺม ปเนตํ ‘‘ตตฺถ กตมํ ตถาคตสฺส ฐานญฺจ ฐานโต อฎฺฐานญฺจ อฎฺฐานโต ยถาภูตํ ญาณ’’นฺติอาทินา (วิภ. ๘๐๙) นเยน วิตฺถาริตเมวฯ ยมฺปีติ เยน ญาเณนฯ อิทมฺปิ, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺสาติ อิทมฺปิ ฐานาฎฺฐานญาณํ ตถาคตสฺส ตถาคตพลํ นาม โหตีติ อโตฺถฯ เอวํ สพฺพปเทสุ โยชนา เวทิตพฺพาฯ

    Idāni yehi dasahi balehi samannāgato tathāgato āsabhaṃ ṭhānaṃ paṭijānāti, tāni vitthārato dassetuṃ katamāni dasa? Idha, bhikkhave, tathāgato ṭhānañca ṭhānatotiādimāha. Tattha ṭhānañca ṭhānatoti kāraṇañca kāraṇato. Kāraṇañhi yasmā tattha phalaṃ tiṭṭhati, tadāyattavuttitāya uppajjati ceva pavattati ca, tasmā ṭhānanti vuccati. Taṃ bhagavā ‘‘ye ye dhammā yesaṃ yesaṃ dhammānaṃ hetū paccayā uppādāya, taṃ taṃ ṭhānaṃ. Ye ye dhammā yesaṃ yesaṃ dhammānaṃ na hetū na paccayā uppādāya, taṃ taṃ aṭṭhāna’’nti pajānanto ṭhānañca ṭhānato aṭṭhānañca aṭṭhānato yathābhūtaṃ pajānāti. Abhidhamme panetaṃ ‘‘tattha katamaṃ tathāgatassa ṭhānañca ṭhānato aṭṭhānañca aṭṭhānato yathābhūtaṃ ñāṇa’’ntiādinā (vibha. 809) nayena vitthāritameva. Yampīti yena ñāṇena. Idampi, bhikkhave, tathāgatassāti idampi ṭhānāṭṭhānañāṇaṃ tathāgatassa tathāgatabalaṃ nāma hotīti attho. Evaṃ sabbapadesu yojanā veditabbā.

    กมฺมสมาทานานนฺติ สมาทิยิตฺวา กตานํ กุสลากุสลกมฺมานํ, กมฺมเมว วา กมฺมสมาทานํฯ ฐานโส เหตุโสติ ปจฺจยโต เจว เหตุโต จฯ ตตฺถ คติอุปธิกาลปโยคา วิปากสฺส ฐานํ, กมฺมํ เหตุฯ อิมสฺส ปน ญาณสฺส วิตฺถารกถา ‘‘อเตฺถกจฺจานิ ปาปกานิ กมฺมสมาทานานิ คติสมฺปตฺติปฎิพาฬฺหานิ น วิปจฺจนฺตี’’ติอาทินา (วิภ. ๘๑๐) นเยน อภิธเมฺม อาคตาเยวฯ

    Kammasamādānānanti samādiyitvā katānaṃ kusalākusalakammānaṃ, kammameva vā kammasamādānaṃ. Ṭhānaso hetusoti paccayato ceva hetuto ca. Tattha gatiupadhikālapayogā vipākassa ṭhānaṃ, kammaṃ hetu. Imassa pana ñāṇassa vitthārakathā ‘‘atthekaccāni pāpakāni kammasamādānāni gatisampattipaṭibāḷhāni na vipaccantī’’tiādinā (vibha. 810) nayena abhidhamme āgatāyeva.

    สพฺพตฺถคามินินฺติ สพฺพคติคามินิญฺจ อคติคามินิญฺจฯ ปฎิปทนฺติ มคฺคํฯ ยถาภูตํ ปชานาตีติ พหูสุปิ มนุเสฺสสุ เอกเมว ปาณํ ฆาเตเนฺตสุ ‘‘อิมสฺส เจตนา นิรยคามินี ภวิสฺสติ, อิมสฺส ติรจฺฉานโยนิคามินี’’ติ อิมินา นเยน เอกวตฺถุสฺมิมฺปิ กุสลากุสลเจตนาสงฺขาตานํ ปฎิปตฺตีนํ อวิปรีตโต สภาวํ ชานาติฯ อิมสฺสปิ จ ญาณสฺส วิตฺถารกถา ‘‘ตตฺถ กตมํ ตถาคตสฺส สพฺพตฺถคามินิํ ปฎิปทํ ยถาภูตํ ญาณํ? อิธ ตถาคโต อยํ มโคฺค อยํ ปฎิปทา นิรยคามินีติ ปชานาตี’’ติอาทินา (วิภ. ๘๑๑) นเยน อภิธเมฺม อาคตาเยวฯ

    Sabbatthagāmininti sabbagatigāminiñca agatigāminiñca. Paṭipadanti maggaṃ. Yathābhūtaṃ pajānātīti bahūsupi manussesu ekameva pāṇaṃ ghātentesu ‘‘imassa cetanā nirayagāminī bhavissati, imassa tiracchānayonigāminī’’ti iminā nayena ekavatthusmimpi kusalākusalacetanāsaṅkhātānaṃ paṭipattīnaṃ aviparītato sabhāvaṃ jānāti. Imassapi ca ñāṇassa vitthārakathā ‘‘tattha katamaṃ tathāgatassa sabbatthagāminiṃ paṭipadaṃ yathābhūtaṃ ñāṇaṃ? Idha tathāgato ayaṃ maggo ayaṃ paṭipadā nirayagāminīti pajānātī’’tiādinā (vibha. 811) nayena abhidhamme āgatāyeva.

    อเนกธาตุนฺติ จกฺขุธาตุอาทีหิ กามธาตุอาทีหิ วา ธาตูหิ พหุธาตุํฯ นานาธาตุนฺติ ตาสํเยว ธาตูนํ วิลกฺขณตาย นานปฺปการธาตุํฯ โลกนฺติ ขนฺธายตนธาตุโลกํฯ ยถาภูตํ ปชานาตีติ ตาสํ ธาตูนํ อวิปรีตโต สภาวํ ปฎิวิชฺฌติฯ อิทมฺปิ ญาณํ ‘‘ตตฺถ กตมํ ตถาคตสฺส อเนกธาตุนานาธาตุโลกํ ยถาภูตํ ญาณํ? อิธ ตถาคโต ขนฺธนานตฺตํ ปชานาตี’’ติอาทินา นเยน อภิธเมฺม วิตฺถาริตเมวฯ

    Anekadhātunti cakkhudhātuādīhi kāmadhātuādīhi vā dhātūhi bahudhātuṃ. Nānādhātunti tāsaṃyeva dhātūnaṃ vilakkhaṇatāya nānappakāradhātuṃ. Lokanti khandhāyatanadhātulokaṃ. Yathābhūtaṃ pajānātīti tāsaṃ dhātūnaṃ aviparītato sabhāvaṃ paṭivijjhati. Idampi ñāṇaṃ ‘‘tattha katamaṃ tathāgatassa anekadhātunānādhātulokaṃ yathābhūtaṃ ñāṇaṃ? Idha tathāgato khandhanānattaṃ pajānātī’’tiādinā nayena abhidhamme vitthāritameva.

    นานาธิมุตฺติกตนฺติ หีนาทีหิ อธิมุตฺตีหิ นานาธิมุตฺติกภาวํฯ อิทมฺปิ ญาณํ ‘‘ตตฺถ กตมํ ตถาคตสฺส สตฺตานํ นานาธิมุตฺติกตํ ยถาภูตํ ญาณํ? อิธ ตถาคโต ปชานาติ สนฺติ สตฺตา หีนาธิมุตฺติกา’’ติอาทินา นเยน อภิธเมฺม วิตฺถาริตเมวฯ

    Nānādhimuttikatanti hīnādīhi adhimuttīhi nānādhimuttikabhāvaṃ. Idampi ñāṇaṃ ‘‘tattha katamaṃ tathāgatassa sattānaṃ nānādhimuttikataṃ yathābhūtaṃ ñāṇaṃ? Idha tathāgato pajānāti santi sattā hīnādhimuttikā’’tiādinā nayena abhidhamme vitthāritameva.

    ปรสตฺตานนฺติ ปธานสตฺตานํฯ ปรปุคฺคลานนฺติ ตโต อเญฺญสํ หีนสตฺตานํฯ เอกตฺถเมว วา เอตํ ปททฺวยํ, เวเนยฺยวเสน ทฺวิธา วุตฺตํฯ อินฺทฺริยปโรปริยตฺตนฺติ สทฺธาทีนํ อินฺทฺริยานํ ปรภาวญฺจ อปรภาวญฺจ, วุทฺธิญฺจ หานิญฺจาติ อโตฺถฯ อิมสฺสาปิ ญาณสฺส วิตฺถารกถา ‘‘ตตฺถ กตมํ ตถาคตสฺส ปรสตฺตานํ ปรปุคฺคลานํ อินฺทฺริยปโรปริยตฺตํ ยถาภูตํ ญาณํ ? อิธ ตถาคโต สตฺตานํ อาสยํ ปชานาตี’’ติ (วิภ. ๘๑๔) อาทินา นเยน อภิธเมฺม อาคตาเยวฯ

    Parasattānanti padhānasattānaṃ. Parapuggalānanti tato aññesaṃ hīnasattānaṃ. Ekatthameva vā etaṃ padadvayaṃ, veneyyavasena dvidhā vuttaṃ. Indriyaparopariyattanti saddhādīnaṃ indriyānaṃ parabhāvañca aparabhāvañca, vuddhiñca hāniñcāti attho. Imassāpi ñāṇassa vitthārakathā ‘‘tattha katamaṃ tathāgatassa parasattānaṃ parapuggalānaṃ indriyaparopariyattaṃ yathābhūtaṃ ñāṇaṃ ? Idha tathāgato sattānaṃ āsayaṃ pajānātī’’ti (vibha. 814) ādinā nayena abhidhamme āgatāyeva.

    ฌานวิโมกฺขสมาธิสมาปตฺตีนนฺติ ปฐมาทีนํ จตุนฺนํ ฌานานํ, ‘‘รูปี รูปานิ ปสฺสตี’’ติอาทีนํ อฎฺฐนฺนํ วิโมกฺขานํ, สวิตกฺกสวิจาราทีนํ ติณฺณํ สมาธีนํ, ปฐมชฺฌานสมาปตฺติอาทีนญฺจ นวนฺนํ อนุปุพฺพสมาปตฺตีนํฯ สํกิเลสนฺติ หานภาคิยธมฺมํฯ โวทานนฺติ วิเสสภาคิยธมฺมํฯ วุฎฺฐานนฺติ ‘‘โวทานมฺปิ วุฎฺฐานํ, ตมฺหา ตมฺหา สมาธิมฺหา วุฎฺฐานมฺปิ วุฎฺฐาน’’นฺติ (วิภ. ๘๒๘) เอวํ วุตฺตํ ปคุณชฺฌานเญฺจว ภวงฺคผลสมาปตฺติโย จฯ เหฎฺฐิมํ เหฎฺฐิมญฺหิ ปคุณชฺฌานํ อุปริมสฺส อุปริมสฺส ปทฎฺฐานํ โหติ, ตสฺมา ‘‘โวทานมฺปิ วุฎฺฐาน’’นฺติ วุตฺตํฯ ภวเงฺคน ปน สพฺพชฺฌาเนหิ วุฎฺฐานํ โหติ, ผลสมาปตฺติยา นิโรธสมาปตฺติโต วุฎฺฐานํ โหติฯ ตํ สนฺธาย จ ‘‘ตมฺหา ตมฺหา สมาธิมฺหา วุฎฺฐานมฺปิ วุฎฺฐาน’’นฺติ วุตฺตํฯ อิทมฺปิ ญาณํ ‘‘ตตฺถ กตมํ ตถาคตสฺส ฌานวิโมกฺขสมาธิสมาปตฺตีนํ สํกิเลสํ โวทานํ วุฎฺฐานํ ยถาภูตํ ญาณํ? ฌายีติ จตฺตาโร ฌายี, อเตฺถกโจฺจ ฌายี สมฺปตฺติํเยว สมานํ วิปตฺตีติ ปเจฺจตี’’ติอาทินา (วิภ. ๘๒๘) นเยน อภิธเมฺม วิตฺถาริตเมวฯ สพฺพญาณานํ วิตฺถารกถาย วินิจฺฉโย สโมฺมหวิโนทนิยา วิภงฺคฎฺฐกถาย วุโตฺต, ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติทิพฺพจกฺขุญาณกถา วิสุทฺธิมเคฺค วิตฺถาริตา, อาสวกฺขยกถา เหฎฺฐา วุตฺตาเยวาติฯ

    Jhānavimokkhasamādhisamāpattīnanti paṭhamādīnaṃ catunnaṃ jhānānaṃ, ‘‘rūpī rūpāni passatī’’tiādīnaṃ aṭṭhannaṃ vimokkhānaṃ, savitakkasavicārādīnaṃ tiṇṇaṃ samādhīnaṃ, paṭhamajjhānasamāpattiādīnañca navannaṃ anupubbasamāpattīnaṃ. Saṃkilesanti hānabhāgiyadhammaṃ. Vodānanti visesabhāgiyadhammaṃ. Vuṭṭhānanti ‘‘vodānampi vuṭṭhānaṃ, tamhā tamhā samādhimhā vuṭṭhānampi vuṭṭhāna’’nti (vibha. 828) evaṃ vuttaṃ paguṇajjhānañceva bhavaṅgaphalasamāpattiyo ca. Heṭṭhimaṃ heṭṭhimañhi paguṇajjhānaṃ uparimassa uparimassa padaṭṭhānaṃ hoti, tasmā ‘‘vodānampi vuṭṭhāna’’nti vuttaṃ. Bhavaṅgena pana sabbajjhānehi vuṭṭhānaṃ hoti, phalasamāpattiyā nirodhasamāpattito vuṭṭhānaṃ hoti. Taṃ sandhāya ca ‘‘tamhā tamhā samādhimhā vuṭṭhānampi vuṭṭhāna’’nti vuttaṃ. Idampi ñāṇaṃ ‘‘tattha katamaṃ tathāgatassa jhānavimokkhasamādhisamāpattīnaṃ saṃkilesaṃ vodānaṃ vuṭṭhānaṃ yathābhūtaṃ ñāṇaṃ? Jhāyīti cattāro jhāyī, atthekacco jhāyī sampattiṃyeva samānaṃ vipattīti paccetī’’tiādinā (vibha. 828) nayena abhidhamme vitthāritameva. Sabbañāṇānaṃ vitthārakathāya vinicchayo sammohavinodaniyā vibhaṅgaṭṭhakathāya vutto, pubbenivāsānussatidibbacakkhuñāṇakathā visuddhimagge vitthāritā, āsavakkhayakathā heṭṭhā vuttāyevāti.

    ตตฺถ ปรวาทีกถา โหติ ‘‘ทสพลญาณํ นาม ปาฎิเยกฺกํ ญาณํ นตฺถิ, สพฺพญฺญุตญฺญาณเสฺสวายํ ปเภโท’’ติฯ ตํ น ตถา ทฎฺฐพฺพํฯ อญฺญเมว หิ ทสพลญาณํ, อญฺญํ สพฺพญฺญุตญฺญาณํฯ ทสพลญาณญฺหิ สกสกกิจฺจเมว ชานาติ, สพฺพญฺญุตญฺญาณํ ตมฺปิ ตโต อวเสสมฺปิ ชานาติฯ ทสพลญาเณสุ หิ ปฐมํ การณาการณเมว ชานาติ, ทุติยํ กมฺมวิปากนฺตรเมว, ตติยํ กมฺมปริเจฺฉทเมว, จตุตฺถํ ธาตุนานตฺตการณเมว, ปญฺจมํ สตฺตานํ อชฺฌาสยาธิมุตฺติเมว, ฉฎฺฐํ อินฺทฺริยานํ ติกฺขมุทุภาวเมว, สตฺตมํ ฌานาทีหิ สทฺธิํ เตสํ สํกิเลสาทิเมว, อฎฺฐมํ ปุเพฺพนิวุตฺถกฺขนฺธสนฺตติเมว, นวมํ สตฺตานํ จุติปฎิสนฺธิเมว, ทสมํ สจฺจปริเจฺฉทเมวฯ สพฺพญฺญุตญฺญาณํ ปน เอเตหิ ชานิตพฺพญฺจ ตโต อุตฺตริญฺจ ปชานาติ, เอเตสํ ปน กิจฺจํ น สพฺพํ กโรติฯ ตญฺหิ ฌานํ หุตฺวา อเปฺปตุํ น สโกฺกติ, อิทฺธิ หุตฺวา วิกุพฺพิตุํ น สโกฺกติ, มโคฺค หุตฺวา กิเลเส เขเปตุํ น สโกฺกติฯ

    Tattha paravādīkathā hoti ‘‘dasabalañāṇaṃ nāma pāṭiyekkaṃ ñāṇaṃ natthi, sabbaññutaññāṇassevāyaṃ pabhedo’’ti. Taṃ na tathā daṭṭhabbaṃ. Aññameva hi dasabalañāṇaṃ, aññaṃ sabbaññutaññāṇaṃ. Dasabalañāṇañhi sakasakakiccameva jānāti, sabbaññutaññāṇaṃ tampi tato avasesampi jānāti. Dasabalañāṇesu hi paṭhamaṃ kāraṇākāraṇameva jānāti, dutiyaṃ kammavipākantarameva, tatiyaṃ kammaparicchedameva, catutthaṃ dhātunānattakāraṇameva, pañcamaṃ sattānaṃ ajjhāsayādhimuttimeva, chaṭṭhaṃ indriyānaṃ tikkhamudubhāvameva, sattamaṃ jhānādīhi saddhiṃ tesaṃ saṃkilesādimeva, aṭṭhamaṃ pubbenivutthakkhandhasantatimeva, navamaṃ sattānaṃ cutipaṭisandhimeva, dasamaṃ saccaparicchedameva. Sabbaññutaññāṇaṃ pana etehi jānitabbañca tato uttariñca pajānāti, etesaṃ pana kiccaṃ na sabbaṃ karoti. Tañhi jhānaṃ hutvā appetuṃ na sakkoti, iddhi hutvā vikubbituṃ na sakkoti, maggo hutvā kilese khepetuṃ na sakkoti.

    อปิจ ปรวาที เอวํ ปุจฺฉิตโพฺพ ‘‘ทสพลญาณํ นาเมตํ สวิตกฺกสวิจารํ อวิตกฺกวิจารมตฺตํ อวิตกฺกอวิจารํ, กามาวจรํ รูปาวจรํ อรูปาวจรํ, โลกิยํ โลกุตฺตร’’นฺติฯ ชานโนฺต ‘‘ปฎิปาฎิยา สตฺต ญาณานิ สวิตกฺกสวิจารานี’’ติ วกฺขติ, ‘‘ตโต ปรานิ เทฺว อวิตกฺกอวิจารานี’’ติ วกฺขติฯ ‘‘อาสวกฺขยญาณํ สิยา สวิตกฺกสวิจารํ สิยา อวิตกฺกวิจารมตฺตํ, สิยา อวิตกฺกอวิจาร’’นฺติ วกฺขติ ฯ ตถา ‘‘ปฎิปาฎิยา สตฺต กามาวจรานิ, ตโต เทฺว รูปาวจรานิ, อวสาเน เอกํ โลกุตฺตร’’นฺติ วกฺขติฯ ‘‘สพฺพญฺญุตญฺญาณํ ปน สวิตกฺกสวิจารเมว โลกิยเมวา’’ติ วกฺขติฯ

    Apica paravādī evaṃ pucchitabbo ‘‘dasabalañāṇaṃ nāmetaṃ savitakkasavicāraṃ avitakkavicāramattaṃ avitakkaavicāraṃ, kāmāvacaraṃ rūpāvacaraṃ arūpāvacaraṃ, lokiyaṃ lokuttara’’nti. Jānanto ‘‘paṭipāṭiyā satta ñāṇāni savitakkasavicārānī’’ti vakkhati, ‘‘tato parāni dve avitakkaavicārānī’’ti vakkhati. ‘‘Āsavakkhayañāṇaṃ siyā savitakkasavicāraṃ siyā avitakkavicāramattaṃ, siyā avitakkaavicāra’’nti vakkhati . Tathā ‘‘paṭipāṭiyā satta kāmāvacarāni, tato dve rūpāvacarāni, avasāne ekaṃ lokuttara’’nti vakkhati. ‘‘Sabbaññutaññāṇaṃ pana savitakkasavicārameva lokiyamevā’’ti vakkhati.

    เอวเมตฺถ อนุปทวณฺณนํ ญตฺวา อิทานิ ยสฺมา ตถาคโต ปฐมํเยว ฐานาฎฺฐานญาเณน เวเนยฺยสตฺตานํ อาสวกฺขยาธิคมสฺส เจว อนธิคมสฺส จ ฐานาฎฺฐานภูตํ กิเลสาวรณาภาวํ ปสฺสติ โลกิยสมฺมาทิฎฺฐิฎฺฐานาทิทสฺสนโต นิยตมิจฺฉาทิฎฺฐิฎฺฐานาภาวทสฺสนโต จฯ อถ เนสํ กมฺมวิปากญาเณน วิปากาวรณาภาวํ ปสฺสติ ติเหตุกปฺปฎิสนฺธิทสฺสนโต, สพฺพตฺถคามินิปฎิปทาญาเณน กมฺมาวรณาภาวํ ปสฺสติ อานนฺตริยกมฺมาภาวทสฺสนโตฯ เอวมนาวรณานํ อเนกธาตุนานาธาตุญาเณน อนุกูลธมฺมเทสนตฺถํ จริยาวิเสสํ ปสฺสติ ธาตุเวมตฺตทสฺสนโตฯ อถ เนสํ นานาธิมุตฺติกตญาเณน อธิมุตฺติํ ปสฺสติ ปโยคํ อนาทิยิตฺวาปิ อธิมุตฺติวเสน ธมฺมเทสนตฺถํฯ อเถวํ ทิฎฺฐาธิมุตฺตีนํ ยถาสตฺติ ยถาพลํ ธมฺมํ เทเสตุํ อินฺทฺริยปโรปริยตฺติญาเณน อินฺทฺริยปโรปริยตฺตํ ปสฺสติ สทฺธาทีนํ ติกฺขมุทุภาวทสฺสนโตฯ เอวํ ปริญฺญาตินฺทฺริยปโรปริยตฺตา ปน เต สเจ ทูเร โหนฺติ, อถ ฌานาทิญาเณน ฌานาทีสุ วสีภูตตฺตา อิทฺธิวิเสเสน เต ขิปฺปํ อุปคจฺฉติฯ อุปคนฺตฺวา จ เนสํ ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาเณน ปุพฺพชาติภวํ, ทิพฺพจกฺขานุภาวโต ปตฺตเพฺพน เจโตปริยญาเณน สมฺปติ จิตฺตวิเสสํ ปสฺสโนฺต อาสวกฺขยญาณานุภาเวน อาสวกฺขยคามินิยา ปฎิปทาย วิคตสโมฺมหตฺตา อาสวกฺขยาย ธมฺมํ เทเสติฯ ตสฺมา อิมินานุกฺกเมน อิมานิ พลานิ วุตฺตานีติ เวทิตพฺพานิฯ

    Evamettha anupadavaṇṇanaṃ ñatvā idāni yasmā tathāgato paṭhamaṃyeva ṭhānāṭṭhānañāṇena veneyyasattānaṃ āsavakkhayādhigamassa ceva anadhigamassa ca ṭhānāṭṭhānabhūtaṃ kilesāvaraṇābhāvaṃ passati lokiyasammādiṭṭhiṭṭhānādidassanato niyatamicchādiṭṭhiṭṭhānābhāvadassanato ca. Atha nesaṃ kammavipākañāṇena vipākāvaraṇābhāvaṃ passati tihetukappaṭisandhidassanato, sabbatthagāminipaṭipadāñāṇena kammāvaraṇābhāvaṃ passati ānantariyakammābhāvadassanato. Evamanāvaraṇānaṃ anekadhātunānādhātuñāṇena anukūladhammadesanatthaṃ cariyāvisesaṃ passati dhātuvemattadassanato. Atha nesaṃ nānādhimuttikatañāṇena adhimuttiṃ passati payogaṃ anādiyitvāpi adhimuttivasena dhammadesanatthaṃ. Athevaṃ diṭṭhādhimuttīnaṃ yathāsatti yathābalaṃ dhammaṃ desetuṃ indriyaparopariyattiñāṇena indriyaparopariyattaṃ passati saddhādīnaṃ tikkhamudubhāvadassanato. Evaṃ pariññātindriyaparopariyattā pana te sace dūre honti, atha jhānādiñāṇena jhānādīsu vasībhūtattā iddhivisesena te khippaṃ upagacchati. Upagantvā ca nesaṃ pubbenivāsānussatiñāṇena pubbajātibhavaṃ, dibbacakkhānubhāvato pattabbena cetopariyañāṇena sampati cittavisesaṃ passanto āsavakkhayañāṇānubhāvena āsavakkhayagāminiyā paṭipadāya vigatasammohattā āsavakkhayāya dhammaṃ deseti. Tasmā iminānukkamena imāni balāni vuttānīti veditabbāni.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๑. สีหนาทสุตฺตํ • 1. Sīhanādasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑. สีหนาทสุตฺตวณฺณนา • 1. Sīhanādasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact