Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) |
๓. มหาวโคฺค
3. Mahāvaggo
๑. สีหนาทสุตฺตวณฺณนา
1. Sīhanādasuttavaṇṇanā
๒๑. ตติยสฺส ปฐเม วิสมฎฺฐาเนสูติ ปปาตาทีสุ วิสมฎฺฐาเนสุฯ ‘‘อเญฺญหิ อสาธารณานี’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ เจตานิ สาวกานมฺปิ เอกจฺจานํ อุปฺปชฺชนฺตีติ? กามํ อุปฺปชฺชนฺติ, ยาทิสานิ ปน พุทฺธานํ ฐานาฎฺฐานญาณาทีนิ, น ตาทิสานิ ตทเญฺญสํ กทาจิปิ อุปฺปชฺชนฺตีติ อเญฺญหิ อสาธารณานีติ ฯ เตนาห ‘‘ตถาคตเสฺสว พลานี’’ติฯ อิมเมว หิ ยถาวุตฺตเลสํ อเปกฺขิตฺวา ตทภาวโต อาสยานุสยญาณาทีสุ เอว อสาธารณสมญฺญา นิรุฬฺหาฯ กามํ ญาณพลานํ ญาณสมฺภาโร วิเสสปจฺจโย, ปุญฺญสมฺภาโรปิ ปน เนสํ ปจฺจโย เอวฯ ญาณสมฺภารสฺสปิ วา ปุญฺญสมฺภารภาวโต ‘‘ปุญฺญุสฺสยสมฺปตฺติยา อาคตานี’’ติ วุตฺตํฯ
21. Tatiyassa paṭhame visamaṭṭhānesūti papātādīsu visamaṭṭhānesu. ‘‘Aññehi asādhāraṇānī’’ti kasmā vuttaṃ, nanu cetāni sāvakānampi ekaccānaṃ uppajjantīti? Kāmaṃ uppajjanti, yādisāni pana buddhānaṃ ṭhānāṭṭhānañāṇādīni, na tādisāni tadaññesaṃ kadācipi uppajjantīti aññehi asādhāraṇānīti . Tenāha ‘‘tathāgatasseva balānī’’ti. Imameva hi yathāvuttalesaṃ apekkhitvā tadabhāvato āsayānusayañāṇādīsu eva asādhāraṇasamaññā niruḷhā. Kāmaṃ ñāṇabalānaṃ ñāṇasambhāro visesapaccayo, puññasambhāropi pana nesaṃ paccayo eva. Ñāṇasambhārassapi vā puññasambhārabhāvato ‘‘puññussayasampattiyā āgatānī’’ti vuttaṃ.
ปกติหตฺถิกุลนฺติ (สํ. นิ. ฎี. ๒.๒.๒๒) คิริจรนทิจรวนจราทิปฺปเภทา โคจริยกาลาวกนามา สพฺพาปิ พเลน ปากติกา หตฺถิชาติฯ ทสนฺนํ ปุริสานนฺติ ถามมชฺฌิมานํ ทสนฺนํ ปุริสานํฯ เอกสฺส ตถาคตสฺส กายพลนฺติ อาเนตฺวา สมฺพโนฺธฯ เอกสฺสาติ จ ตถา เหฎฺฐา กถายํ อาคตตฺตา เทสนาโสเตน วุตฺตํฯ นารายนสงฺฆาตพลนฺติ เอตฺถ นารา วุจฺจนฺติ รสฺมิโยฯ ตา พหู นานาวิธา อิโต อุปฺปชฺชนฺตีติ นารายนํ, วชิรํ, ตสฺมา นารายนสงฺฆาตพลนฺติ วชิรสงฺฆาตพลนฺติ อโตฺถฯ ญาณพลํ ปน ปาฬิยํ อาคตเมว, น กายพลํ วิย อฎฺฐกถารุฬฺหเมวาติ อธิปฺปาโยฯ
Pakatihatthikulanti (saṃ. ni. ṭī. 2.2.22) giricaranadicaravanacarādippabhedā gocariyakālāvakanāmā sabbāpi balena pākatikā hatthijāti. Dasannaṃ purisānanti thāmamajjhimānaṃ dasannaṃ purisānaṃ. Ekassa tathāgatassa kāyabalanti ānetvā sambandho. Ekassāti ca tathā heṭṭhā kathāyaṃ āgatattā desanāsotena vuttaṃ. Nārāyanasaṅghātabalanti ettha nārā vuccanti rasmiyo. Tā bahū nānāvidhā ito uppajjantīti nārāyanaṃ, vajiraṃ, tasmā nārāyanasaṅghātabalanti vajirasaṅghātabalanti attho. Ñāṇabalaṃ pana pāḷiyaṃ āgatameva, na kāyabalaṃ viya aṭṭhakathāruḷhamevāti adhippāyo.
สํยุตฺตเก (สํ. นิ. ๒.๓๓) อาคตานิ เตสตฺตติ ญาณานิ, สตฺตสตฺตติ ญาณานีติ วุตฺตํ, ตตฺถ (วิภ. มูลฎี. ๗๖๐) ปน นิทานวเคฺค สตฺตสตฺตติ อาคตานิ จตุจตฺตารีสญฺจฯ เตสตฺตติ ปน ปฎิสมฺภิทามเคฺค (ปฎิ. ม. ๑.๑) สุตมยาทีนิ อาคตานิ ทิสฺสนฺติ, น สํยุตฺตเกฯ อญฺญานิปีติ เอเตน ญาณวตฺถุวิภเงฺค (วิภ. ๗๕๑ อาทโย) เอกกาทิวเสน วุตฺตานิ, อญฺญตฺถ จ ‘‘ปุพฺพเนฺต ญาณ’’นฺติอาทินา (ธ. ส. ๑๐๖๓) พฺรหฺมชาลาทีสุ จ ‘‘ตยิทํ ตถาคโต ปชานาติ ‘อิมานิ ทิฎฺฐิฎฺฐานานิ เอวํ คหิตานี’ติ’’อาทินา (ที. นิ. ๑.๓๖) วุตฺตานิ อเนกานิ ญาณปฺปเภทานิ สงฺคณฺหาติฯ ยาถาวปฺปฎิเวธโต สยญฺจ อกมฺปิยํ ปุคฺคลญฺจ ตํสมงฺคินํ เนเยฺยสุ อธิพลํ กโรตีติ อาห ‘‘อกมฺปิยเฎฺฐน อุปตฺถมฺภนเฎฺฐน จา’’ติฯ
Saṃyuttake (saṃ. ni. 2.33) āgatāni tesattati ñāṇāni, sattasattati ñāṇānīti vuttaṃ, tattha (vibha. mūlaṭī. 760) pana nidānavagge sattasattati āgatāni catucattārīsañca. Tesattati pana paṭisambhidāmagge (paṭi. ma. 1.1) sutamayādīni āgatāni dissanti, na saṃyuttake. Aññānipīti etena ñāṇavatthuvibhaṅge (vibha. 751 ādayo) ekakādivasena vuttāni, aññattha ca ‘‘pubbante ñāṇa’’ntiādinā (dha. sa. 1063) brahmajālādīsu ca ‘‘tayidaṃ tathāgato pajānāti ‘imāni diṭṭhiṭṭhānāni evaṃ gahitānī’ti’’ādinā (dī. ni. 1.36) vuttāni anekāni ñāṇappabhedāni saṅgaṇhāti. Yāthāvappaṭivedhato sayañca akampiyaṃ puggalañca taṃsamaṅginaṃ neyyesu adhibalaṃ karotīti āha ‘‘akampiyaṭṭhena upatthambhanaṭṭhena cā’’ti.
อุสภสฺส อิทนฺติ อาสภํ, เสฎฺฐฎฺฐานํฯ สพฺพญฺญุตาปฎิชานนวเสน อภิมุขํ คจฺฉนฺติ, อฎฺฐ วา ปริสา อุปสงฺกมนฺตีติ อาสภา, ปุพฺพพุทฺธาฯ อิทํ ปนาติ พุทฺธานํ ฐานํ สพฺพญฺญุตเมว วทติฯ ติฎฺฐมาโนวาติ อวทโนฺตปิ ติฎฺฐมาโนว ปฎิชานาติ นามาติ อโตฺถฯ อุปคจฺฉตีติ อนุชานาติฯ
Usabhassa idanti āsabhaṃ, seṭṭhaṭṭhānaṃ. Sabbaññutāpaṭijānanavasena abhimukhaṃ gacchanti, aṭṭha vā parisā upasaṅkamantīti āsabhā, pubbabuddhā. Idaṃ panāti buddhānaṃ ṭhānaṃ sabbaññutameva vadati. Tiṭṭhamānovāti avadantopi tiṭṭhamānova paṭijānāti nāmāti attho. Upagacchatīti anujānāti.
อฎฺฐสุ ปริสาสูติ ‘‘อภิชานามิ โข ปนาหํ, สาริปุตฺต, อเนกสตํ ขตฺติยปริสํ…เป.… ตตฺร วต มํ ภยํ วา สารชฺชํ วา โอกฺกมิสฺสตีติ นิมิตฺตเมตํ, สาริปุตฺต, น สมนุปสฺสามี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๕๑) วุตฺตาสุ อฎฺฐสุ ปริสาสุฯ อภีตนาทํ นทตีติ ปรโต ทสฺสิตญาณโยเคน ทสพโลหนฺติ อภีตนาทํ นทติฯ
Aṭṭhasuparisāsūti ‘‘abhijānāmi kho panāhaṃ, sāriputta, anekasataṃ khattiyaparisaṃ…pe… tatra vata maṃ bhayaṃ vā sārajjaṃ vā okkamissatīti nimittametaṃ, sāriputta, na samanupassāmī’’ti (ma. ni. 1.151) vuttāsu aṭṭhasu parisāsu. Abhītanādaṃ nadatīti parato dassitañāṇayogena dasabalohanti abhītanādaṃ nadati.
ปฎิเวธนิฎฺฐตฺตา อรหตฺตมคฺคญาณํ ปฎิเวโธติ ‘‘ผลกฺขเณ อุปฺปนฺนํ นามา’’ติ วุตฺตํฯ เตน ปฎิลทฺธสฺสปิ เทสนาญาณสฺส กิจฺจนิปฺผตฺติ ปรสฺส อวพุชฺฌนมเตฺตน โหตีติ ‘‘อญฺญาสิโกณฺฑญฺญสฺส โสตาปตฺติผลกฺขเณ ปวตฺตํ นามา’’ติ วุตฺตํฯ ตโต ปรํ ปน ยาว ปรินิพฺพานา เทสนาญาณปวตฺติ ตเสฺสว ปวตฺติตสฺส ธมฺมจกฺกสฺส ฐานนฺติ เวทิตพฺพํ ปวตฺติตจกฺกสฺส จกฺกวตฺติโน จกฺกรตนสฺส ฐานํ วิยฯ
Paṭivedhaniṭṭhattā arahattamaggañāṇaṃ paṭivedhoti ‘‘phalakkhaṇe uppannaṃ nāmā’’ti vuttaṃ. Tena paṭiladdhassapi desanāñāṇassa kiccanipphatti parassa avabujjhanamattena hotīti ‘‘aññāsikoṇḍaññassa sotāpattiphalakkhaṇe pavattaṃ nāmā’’ti vuttaṃ. Tato paraṃ pana yāva parinibbānā desanāñāṇapavatti tasseva pavattitassa dhammacakkassa ṭhānanti veditabbaṃ pavattitacakkassa cakkavattino cakkaratanassa ṭhānaṃ viya.
ติฎฺฐตีติ วุตฺตํ, กิํ ภูมิยํ ปุริโส วิย, โนติ อาห ‘‘ตทายตฺตวุตฺติตายา’’ติฯ ฐานนฺติ เจตฺถ อตฺตลาโภ ธรมานตา จ, น คตินิวตฺตีติ อาห ‘‘อุปฺปชฺชติ เจว ปวตฺตติ จา’’ติฯ ยตฺถ ปเนตํ ทสพลญาณํ วิตฺถาริตํ, ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อภิธเมฺม ปนา’’ติอาทิมาหฯ เสเสสุปิ เอเสว นโยฯ
Tiṭṭhatīti vuttaṃ, kiṃ bhūmiyaṃ puriso viya, noti āha ‘‘tadāyattavuttitāyā’’ti. Ṭhānanti cettha attalābho dharamānatā ca, na gatinivattīti āha ‘‘uppajjati ceva pavattati cā’’ti. Yattha panetaṃ dasabalañāṇaṃ vitthāritaṃ, taṃ dassento ‘‘abhidhamme panā’’tiādimāha. Sesesupi eseva nayo.
สมาทิยนฺตีติ สมาทานานิ, ตานิ ปน สมาทิยิตฺวา กตานิ โหนฺตีติ อาห ‘‘สมาทิยิตฺวา กตาน’’นฺติฯ กมฺมเมว วา กมฺมสมาทานนฺติ เอเตน สมาทานสทฺทสฺส อปุพฺพตฺถาภาวํ ทเสฺสติ มุตฺตคตสเทฺท คตสทฺทสฺส วิยฯ คตีติ นิรยาทิคติโยฯ อุปธีติ อตฺตภาโวฯ กาโลติ กมฺมสฺส วิปจฺจนารหกาโลฯ ปโยโคติ วิปากุปฺปตฺติยา ปจฺจยภูตา กิริยาฯ
Samādiyantīti samādānāni, tāni pana samādiyitvā katāni hontīti āha ‘‘samādiyitvā katāna’’nti. Kammameva vā kammasamādānanti etena samādānasaddassa apubbatthābhāvaṃ dasseti muttagatasadde gatasaddassa viya. Gatīti nirayādigatiyo. Upadhīti attabhāvo. Kāloti kammassa vipaccanārahakālo. Payogoti vipākuppattiyā paccayabhūtā kiriyā.
อคติคามินินฺติ นิพฺพานคามินิํฯ วุตฺตญฺหิ ‘‘นิพฺพานญฺจาหํ, สาริปุตฺต, ปชานามิ นิพฺพานคามินิญฺจ ปฎิปท’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๑๕๓)ฯ พหูสุปิ มนุเสฺสสุ เอกเมว ปาณํ ฆาเตเนฺตสุ กามํ สเพฺพสมฺปิ เจตนา ตเสฺสเวกสฺส ชีวิตินฺทฺริยารมฺมณา, ตํ ปน กมฺมํ เตสํ นานาการํฯ เตสุ (วิภ. อฎฺฐ. ๘๑๑) หิ เอโก อาทเรน ฉนฺทชาโต กโรติ, เอโก ‘‘เอหิ ตฺวมฺปิ กโรหี’’ติ ปเรหิ นิปฺปีฬิโต กโรติ, เอโก สมานจฺฉโนฺท วิย หุตฺวา อปฺปฎิพาหมาโน วิจรติฯ เตสุ เอโก เตเนว กเมฺมน นิรเย นิพฺพตฺตติ, เอโก ติรจฺฉานโยนิยํ, เอโก เปตฺติวิสเยฯ ตํ ตถาคโต อายูหนกฺขเณเยว ‘‘อิมินา นีหาเรน อายูหิตตฺตา เอส นิรเย นิพฺพตฺติสฺสติ, เอส ติรจฺฉานโยนิยํ, เอส เปตฺติวิสเย’’ติ ชานาติฯ นิรเย นิพฺพตฺตมานมฺปิ ‘‘เอส มหานิรเย นิพฺพตฺติสฺสติ, เอส อุสฺสทนิรเย’’ติ ชานาติฯ ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺตมานมฺปิ ‘‘เอส อปาทโก ภวิสฺสติ, เอส ทฺวิปาทโก, เอส จตุปฺปโท, เอส พหุปฺปโท’’ติ ชานาติฯ เปตฺติวิสเย นิพฺพตฺตมานมฺปิ ‘‘เอส นิชฺฌามตณฺหิโก ภวิสฺสติ, เอส ขุปฺปิปาสิโก, เอส ปรทตฺตูปชีวี’’ติ ชานาติฯ เตสุ จ กเมฺมสุ ‘‘อิทํ กมฺมํ ปฎิสนฺธิํ อากฑฺฒิสฺสติ, อิทํ อเญฺญน ทินฺนาย ปฎิสนฺธิยา อุปธิเวปกฺกํ ภวิสฺสตี’’ติ ชานาติฯ
Agatigāmininti nibbānagāminiṃ. Vuttañhi ‘‘nibbānañcāhaṃ, sāriputta, pajānāmi nibbānagāminiñca paṭipada’’nti (ma. ni. 1.153). Bahūsupi manussesu ekameva pāṇaṃ ghātentesu kāmaṃ sabbesampi cetanā tassevekassa jīvitindriyārammaṇā, taṃ pana kammaṃ tesaṃ nānākāraṃ. Tesu (vibha. aṭṭha. 811) hi eko ādarena chandajāto karoti, eko ‘‘ehi tvampi karohī’’ti parehi nippīḷito karoti, eko samānacchando viya hutvā appaṭibāhamāno vicarati. Tesu eko teneva kammena niraye nibbattati, eko tiracchānayoniyaṃ, eko pettivisaye. Taṃ tathāgato āyūhanakkhaṇeyeva ‘‘iminā nīhārena āyūhitattā esa niraye nibbattissati, esa tiracchānayoniyaṃ, esa pettivisaye’’ti jānāti. Niraye nibbattamānampi ‘‘esa mahāniraye nibbattissati, esa ussadaniraye’’ti jānāti. Tiracchānayoniyaṃ nibbattamānampi ‘‘esa apādako bhavissati, esa dvipādako, esa catuppado, esa bahuppado’’ti jānāti. Pettivisaye nibbattamānampi ‘‘esa nijjhāmataṇhiko bhavissati, esa khuppipāsiko, esa paradattūpajīvī’’ti jānāti. Tesu ca kammesu ‘‘idaṃ kammaṃ paṭisandhiṃ ākaḍḍhissati, idaṃ aññena dinnāya paṭisandhiyā upadhivepakkaṃ bhavissatī’’ti jānāti.
ตถา สกลคามวาสิเกสุ เอกโต ปิณฺฑปาตํ ททมาเนสุ กามํ สเพฺพสมฺปิ เจตนา ปิณฺฑปาตารมฺมณาว, ตํ ปน กมฺมํ เตสํ นานาการํฯ เตสุ หิ เอโก อาทเรน กโรตีติ สพฺพํ ปุริมสทิสํ, ตสฺมา เตสุ เกจิ เทวโลเก นิพฺพตฺตนฺติ, เกจิ มนุสฺสโลเกฯ ตํ ตถาคโต อายูหนกฺขเณเยว ชานาติฯ ‘‘อิมินา นีหาเรน อายูหิตตฺตา เอส มนุสฺสโลเก นิพฺพตฺติสฺสติ, เอส เทวโลเกฯ ตตฺถาปิ เอส ขตฺติยกุเล, เอส พฺราหฺมณกุเล, เอส เวสฺสกุเล, เอส สุทฺทกุเล, เอส ปรนิมฺมิตวสวตฺตีสุ, เอส นิมฺมานรตีสุ, เอส ตุสิเตสุ, เอส ยาเมสุ, เอส ตาวติํเสสุ, เอส จาตุมหาราชิเกสุ, เอส ภุมฺมเทเวสู’’ติอาทินา ตตฺถ ตตฺถ หีนปณีตสุวณฺณทุพฺพณฺณอปฺปปริวารมหาปริวารตาทิเภทํ ตํ ตํ วิเสสํ อายูหนกฺขเณเยว ชานาติฯ
Tathā sakalagāmavāsikesu ekato piṇḍapātaṃ dadamānesu kāmaṃ sabbesampi cetanā piṇḍapātārammaṇāva, taṃ pana kammaṃ tesaṃ nānākāraṃ. Tesu hi eko ādarena karotīti sabbaṃ purimasadisaṃ, tasmā tesu keci devaloke nibbattanti, keci manussaloke. Taṃ tathāgato āyūhanakkhaṇeyeva jānāti. ‘‘Iminā nīhārena āyūhitattā esa manussaloke nibbattissati, esa devaloke. Tatthāpi esa khattiyakule, esa brāhmaṇakule, esa vessakule, esa suddakule, esa paranimmitavasavattīsu, esa nimmānaratīsu, esa tusitesu, esa yāmesu, esa tāvatiṃsesu, esa cātumahārājikesu, esa bhummadevesū’’tiādinā tattha tattha hīnapaṇītasuvaṇṇadubbaṇṇaappaparivāramahāparivāratādibhedaṃ taṃ taṃ visesaṃ āyūhanakkhaṇeyeva jānāti.
ตถา วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปเนฺตสุเยว ‘‘อิมินา นีหาเรน เอส กิญฺจิ สลฺลเกฺขตุํ น สกฺขิสฺสติ, เอส มหาภูตมตฺตเมว ววตฺถเปสฺสติ, เอส รูปปริคฺคเหเยว ฐสฺสติ, เอส อรูปปริคฺคเหเยว, เอส นามรูปปริคฺคเหเยว, เอส ปจฺจยปริคฺคเหเยว, เอส ลกฺขณารมฺมณิกวิปสฺสนายเมว, เอส ปฐมผเลเยว, เอส ทุติยผเลเยว, เอส ตติยผเลเยว, เอส อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสตี’’ติ ชานาติฯ กสิณปริกมฺมํ กโรเนฺตสุปิ ‘‘อิมสฺส ปริกมฺมมตฺตเมว ภวิสฺสติ, เอส นิมิตฺตํ อุปฺปาเทสฺสติ, เอส อปฺปนํ เอว ปาปุณิสฺสติ, เอส ฌานํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา อรหตฺตํ คณฺหิสฺสตี’’ติ ชานาติฯ เตนาห ‘‘อิมสฺส เจตนา’’ติอาทิฯ
Tathā vipassanaṃ paṭṭhapentesuyeva ‘‘iminā nīhārena esa kiñci sallakkhetuṃ na sakkhissati, esa mahābhūtamattameva vavatthapessati, esa rūpapariggaheyeva ṭhassati, esa arūpapariggaheyeva, esa nāmarūpapariggaheyeva, esa paccayapariggaheyeva, esa lakkhaṇārammaṇikavipassanāyameva, esa paṭhamaphaleyeva, esa dutiyaphaleyeva, esa tatiyaphaleyeva, esa arahattaṃ pāpuṇissatī’’ti jānāti. Kasiṇaparikammaṃ karontesupi ‘‘imassa parikammamattameva bhavissati, esa nimittaṃ uppādessati, esa appanaṃ eva pāpuṇissati, esa jhānaṃ pādakaṃ katvā vipassanaṃ paṭṭhapetvā arahattaṃ gaṇhissatī’’ti jānāti. Tenāha ‘‘imassa cetanā’’tiādi.
กามนโต กาเมตพฺพโต กามปฺปฎิสํยุตฺตโต จ ธาตุ กามธาตุฯ อาทิ-สเทฺทน พฺยาปาทธาตุรูปธาตุอาทีนํ สงฺคโหฯ วิลกฺขณตายาติ วิสทิสสภาวตายฯ ขนฺธายตนธาตุโลกนฺติ อเนกธาตุํ นานาธาตุํ ขนฺธโลกํ อายตนโลกํ ธาตุโลกํ ยถาภูตํ ปชานาตีติ โยชนาฯ ‘‘อยํ รูปกฺขโนฺธ นาม…เป.… อยํ วิญฺญาณกฺขโนฺธ นามฯ เตสุปิ เอกวิเธน รูปกฺขโนฺธ, เอกาทสวิเธน รูปกฺขโนฺธฯ เอกวิเธน เวทนากฺขโนฺธ, พหุวิเธน เวทนากฺขโนฺธฯ เอกวิเธน สญฺญากฺขโนฺธ…เป.… สงฺขารกฺขโนฺธ…เป.… วิญฺญาณกฺขโนฺธ, พหุวิเธน วิญฺญาณกฺขโนฺธ’’ติ เอวํ ตาว ขนฺธโลกสฺส, ‘‘อิทํ จกฺขายตนํ นาม…เป.… อิทํ ธมฺมายตนํ นามฯ ตตฺถ ทสายตนา กามาวจรา, เทฺว จาตุภูมกา’’ติอาทินา อายตนโลกสฺส, ‘‘อยํ จกฺขุธาตุ นาม…เป.… อยํ มโนวิญฺญาณธาตุ นามฯ ตตฺถ โสฬส ธาตุโย กามาวจรา, เทฺว จาตุภูมกา’’ติอาทินา ธาตุโลกสฺส อเนกสภาวํ นานาสภาวญฺจ ปชานาติฯ น เกวลํ อุปาทินฺนสงฺขารโลกเสฺสว, อถ โข อนุปาทินฺนกสงฺขารโลกสฺสปิ ‘‘อิมาย นาม ธาตุยา อุสฺสนฺนตฺตา อิมสฺส รุกฺขสฺส ขโนฺธ เสโต, อิมสฺส กาโฬ, อิมสฺส มโฎฺฐ, อิมสฺส สกณฺฎโก, อิมสฺส พหลตฺตโจ, อิมสฺส ตนุตฺตโจ, อิมสฺส ปตฺตํ วณฺณสณฺฐานาทิวเสน เอวรูปํ, อิมสฺส ปุปฺผํ นีลํ ปีตํ โลหิตํ โอทาตํ สุคนฺธํ ทุคฺคนฺธํ, อิมสฺส ผลํ ขุทฺทกํ มหนฺตํ ทีฆํ วฎฺฎํ สุสณฺฐานํ ทุสฺสณฺฐานํ มฎฺฐํ ผรุสํ สุคนฺธํ ทุคฺคนฺธํ มธุรํ ติตฺตกํ กฎุกํ อมฺพิลํ กสาวํ, อิมสฺส กณฺฎโก ติขิโณ กุโณฺฐ อุชุโก กุฎิโล ตโมฺพ กาโฬ โอทาโต โหตี’’ติอาทินา ปชานาติฯ สพฺพญฺญุพุทฺธานํ เอว หิ เอตํ พลํ, น อเญฺญสํฯ
Kāmanato kāmetabbato kāmappaṭisaṃyuttato ca dhātu kāmadhātu. Ādi-saddena byāpādadhāturūpadhātuādīnaṃ saṅgaho. Vilakkhaṇatāyāti visadisasabhāvatāya. Khandhāyatanadhātulokanti anekadhātuṃ nānādhātuṃ khandhalokaṃ āyatanalokaṃ dhātulokaṃ yathābhūtaṃ pajānātīti yojanā. ‘‘Ayaṃ rūpakkhandho nāma…pe… ayaṃ viññāṇakkhandho nāma. Tesupi ekavidhena rūpakkhandho, ekādasavidhena rūpakkhandho. Ekavidhena vedanākkhandho, bahuvidhena vedanākkhandho. Ekavidhena saññākkhandho…pe… saṅkhārakkhandho…pe… viññāṇakkhandho, bahuvidhena viññāṇakkhandho’’ti evaṃ tāva khandhalokassa, ‘‘idaṃ cakkhāyatanaṃ nāma…pe… idaṃ dhammāyatanaṃ nāma. Tattha dasāyatanā kāmāvacarā, dve cātubhūmakā’’tiādinā āyatanalokassa, ‘‘ayaṃ cakkhudhātu nāma…pe… ayaṃ manoviññāṇadhātu nāma. Tattha soḷasa dhātuyo kāmāvacarā, dve cātubhūmakā’’tiādinā dhātulokassa anekasabhāvaṃ nānāsabhāvañca pajānāti. Na kevalaṃ upādinnasaṅkhāralokasseva, atha kho anupādinnakasaṅkhāralokassapi ‘‘imāya nāma dhātuyā ussannattā imassa rukkhassa khandho seto, imassa kāḷo, imassa maṭṭho, imassa sakaṇṭako, imassa bahalattaco, imassa tanuttaco, imassa pattaṃ vaṇṇasaṇṭhānādivasena evarūpaṃ, imassa pupphaṃ nīlaṃ pītaṃ lohitaṃ odātaṃ sugandhaṃ duggandhaṃ, imassa phalaṃ khuddakaṃ mahantaṃ dīghaṃ vaṭṭaṃ susaṇṭhānaṃ dussaṇṭhānaṃ maṭṭhaṃ pharusaṃ sugandhaṃ duggandhaṃ madhuraṃ tittakaṃ kaṭukaṃ ambilaṃ kasāvaṃ, imassa kaṇṭako tikhiṇo kuṇṭho ujuko kuṭilo tambo kāḷo odāto hotī’’tiādinā pajānāti. Sabbaññubuddhānaṃ eva hi etaṃ balaṃ, na aññesaṃ.
นานาธิมุตฺติกตนฺติ นานชฺฌาสยตํฯ อธิมุตฺติ นาม อชฺฌาสยธาตุ อชฺฌาสยสภาโวฯ โส ปน หีนปณีตตาสามเญฺญน ปาฬิยํ ทฺวิธาว วุโตฺตปิ หีนปณีตาทิเภเทน อเนกวิโธติ อาห ‘‘หีนาทีหิ อธิมุตฺตีหิ นานาธิมุตฺติกภาว’’นฺติฯ ตตฺถ เย เย สตฺตา ยํยํอธิมุตฺติกา, เต เต ตํตทธิมุตฺติเก เอว เสวนฺติ ภชนฺติ ปยิรุปาสนฺติ ธาตุสภาคโตฯ ยถา คูถาทีนํ ธาตูนํ สภาโว เอโส, ยํ คูถาทีหิ เอว สํสนฺทนฺติ สเมนฺติ, เอวํ หีนชฺฌาสยา ทุสฺสีลาทีเหว สํสนฺทนฺติ สเมนฺติ, สมฺปนฺนสีลาทโย จ สมฺปนฺนสีลาทีเหวฯ ตํ เนสํ นานาธิมุตฺติกตํ ภควา ยถาภูตํ ปชานาตีติฯ
Nānādhimuttikatanti nānajjhāsayataṃ. Adhimutti nāma ajjhāsayadhātu ajjhāsayasabhāvo. So pana hīnapaṇītatāsāmaññena pāḷiyaṃ dvidhāva vuttopi hīnapaṇītādibhedena anekavidhoti āha ‘‘hīnādīhi adhimuttīhi nānādhimuttikabhāva’’nti. Tattha ye ye sattā yaṃyaṃadhimuttikā, te te taṃtadadhimuttike eva sevanti bhajanti payirupāsanti dhātusabhāgato. Yathā gūthādīnaṃ dhātūnaṃ sabhāvo eso, yaṃ gūthādīhi eva saṃsandanti samenti, evaṃ hīnajjhāsayā dussīlādīheva saṃsandanti samenti, sampannasīlādayo ca sampannasīlādīheva. Taṃ nesaṃ nānādhimuttikataṃ bhagavā yathābhūtaṃ pajānātīti.
วุทฺธิํ หานิญฺจาติ ปจฺจยวิเสเสน สามตฺถิยโต อธิกตํ อนธิกตญฺจฯ อินฺทฺริยปโรปริยตฺตญาณนิเทฺทเส (วิภ. ๘๑๔; ปฎิ. ม. ๑๑๓) ‘‘อาสยํ ชานาติ, อนุสยํ ชานาตี’’ติ อาสยาทิชานนํ กสฺมา นิทฺทิฎฺฐนฺติ? อาสยชานนาทินา เยหิ อินฺทฺริเยหิ ปโรปเรหิ สตฺตา กลฺยาณปาปาสยาทิกา โหนฺติ, เตสํ ชานนสฺส วิภาวนโตฯ เอวญฺจ กตฺวา อินฺทฺริยปโรปริยตฺตอาสยานุสยญาณานํ วิสุํ อสาธารณตา, อินฺทฺริยปโรปริยตฺตนานาธิมุตฺติกตาญาณานํ วิสุํ พลวตา จ สิทฺธา โหติฯ ตตฺถ อาสยนฺติ ยตฺถ สตฺตา นิวสนฺติ, ตํ เตสํ นิวาสฎฺฐานํ, ทิฎฺฐิคตํ วา ยถาภูตญาณํ วา อาสโย, อนุสโย อปฺปหีนภาเวน ถามคโต กิเลโสฯ ตํ ปน ภควา สตฺตานํ อาสยํ ชานโนฺต เตสํ เตสํ ทิฎฺฐิคตานํ วิปสฺสนามคฺคญาณานญฺจ อปฺปวตฺติกฺขเณปิ ชานาติฯ วุตฺตเญฺหตํ –
Vuddhiṃhāniñcāti paccayavisesena sāmatthiyato adhikataṃ anadhikatañca. Indriyaparopariyattañāṇaniddese (vibha. 814; paṭi. ma. 113) ‘‘āsayaṃ jānāti, anusayaṃ jānātī’’ti āsayādijānanaṃ kasmā niddiṭṭhanti? Āsayajānanādinā yehi indriyehi paroparehi sattā kalyāṇapāpāsayādikā honti, tesaṃ jānanassa vibhāvanato. Evañca katvā indriyaparopariyattaāsayānusayañāṇānaṃ visuṃ asādhāraṇatā, indriyaparopariyattanānādhimuttikatāñāṇānaṃ visuṃ balavatā ca siddhā hoti. Tattha āsayanti yattha sattā nivasanti, taṃ tesaṃ nivāsaṭṭhānaṃ, diṭṭhigataṃ vā yathābhūtañāṇaṃ vā āsayo, anusayo appahīnabhāvena thāmagato kileso. Taṃ pana bhagavā sattānaṃ āsayaṃ jānanto tesaṃ tesaṃ diṭṭhigatānaṃ vipassanāmaggañāṇānañca appavattikkhaṇepi jānāti. Vuttañhetaṃ –
‘‘กามํ เสวนฺตํเยว ภควา ชานาติ – ‘อยํ ปุคฺคโล กามครุโก กามาสโย กามาธิมุโตฺต’ติฯ กามํ เสวนฺตํเยว ชานาติ – ‘อยํ ปุคฺคโล เนกฺขมฺมครุโก เนกฺขมฺมาสโย เนกฺขมฺมาธิมุโตฺต’ติฯ เนกฺขมฺมํ เสวนฺตํเยว ชานาติฯ พฺยาปาทํ, อพฺยาปาทํ, ถินมิทฺธํ, อาโลกสญฺญํ เสวนฺตํเยว ชานาติ – ‘อยํ ปุคฺคโล ถินมิทฺธครุโก ถินมิทฺธาสโย ถินมิทฺธาธิมุโตฺต’’’ติ (ปฎิ. ม. ๑.๑๑๓)ฯ
‘‘Kāmaṃ sevantaṃyeva bhagavā jānāti – ‘ayaṃ puggalo kāmagaruko kāmāsayo kāmādhimutto’ti. Kāmaṃ sevantaṃyeva jānāti – ‘ayaṃ puggalo nekkhammagaruko nekkhammāsayo nekkhammādhimutto’ti. Nekkhammaṃ sevantaṃyeva jānāti. Byāpādaṃ, abyāpādaṃ, thinamiddhaṃ, ālokasaññaṃ sevantaṃyeva jānāti – ‘ayaṃ puggalo thinamiddhagaruko thinamiddhāsayo thinamiddhādhimutto’’’ti (paṭi. ma. 1.113).
ปฐมาทีนํ จตุนฺนํ ฌานานนฺติ รูปาวจรานํ ปฐมาทีนํ ปจฺจนีกชฺฌาปนเฎฺฐน อารมฺมณูปนิชฺฌาปนเฎฺฐน จ ฌานานํฯ จตุกฺกนเยน เหตํ วุตฺตํฯ อฎฺฐนฺนํ วิโมกฺขานนฺติ เอตฺถ ปฎิปาฎิยา สตฺต อปฺปิตปฺปิตกฺขเณ ปจฺจนีกธเมฺมหิ วิมุจฺจนโต อารมฺมเณ จ อธิมุจฺจนโต วิโมกฺขา นามฯ อฎฺฐโม ปน สพฺพโส สญฺญาเวทยิเตหิ วิมุตฺตตฺตา อปคมวิโมโกฺข นามฯ จตุกฺกนยปญฺจกนเยสุ ปฐมชฺฌานสมาธิ สวิตกฺกสวิจาโร นามฯ ปญฺจกนเย ทุติยชฺฌานสมาธิ อวิตกฺกวิจารมโตฺตฯ นยทฺวเยปิ อุปริ ตีสุ ฌาเนสุ สมาธิ อวิตกฺกอวิจาโรฯ สมาปตฺตีสุ ปฎิปาฎิยา อฎฺฐนฺนํ สมาธีติปิ นามํ, สมาปตฺตีติปิ จิเตฺตกคฺคตาสพฺภาวโต, นิโรธสมาปตฺติยา ตทภาวโต น สมาธีติ นามํฯ หานภาคิยธมฺมนฺติ อปฺปคุเณหิ ปฐมชฺฌานาทีหิ วุฎฺฐิตสฺส สญฺญามนสิการานํ กามาทิอนุปกฺขนฺทนํ ฯ วิเสสภาคิยธมฺมนฺติ ปคุเณหิ ปฐมชฺฌานาทีหิ วุฎฺฐิตสฺส สญฺญามนสิการานํ ทุติยชฺฌานาทิปกฺขนฺทนํฯ อิติ สญฺญามนสิการานํ กามาทิทุติยชฺฌานาทิปกฺขนฺทนานิ หานภาคิยวิเสสภาคิยา ธมฺมาติ ทสฺสิตานิฯ เตหิ ปน ฌานานํ ตํสภาวตา จ ธมฺมสเทฺทน วุตฺตาฯ ตสฺมาติ วุตฺตเมวตฺถํ เหตุภาเวน ปจฺจามสติฯ โวทานนฺติ ปคุณตาสงฺขาตํ โวทานํฯ ตญฺหิ ปฐมชฺฌานาทีหิ วุฎฺฐหิตฺวา ทุติยชฺฌานาทิอธิคมสฺส ปจฺจยตฺตา ‘‘วุฎฺฐาน’’นฺติ วุตฺตํฯ เกจิ ปน ‘‘นิโรธโต ผลสมาปตฺติยา วุฎฺฐานนฺติ ปาฬิ นตฺถี’’ติ วทนฺติฯ เต ‘‘นิโรธา วุฎฺฐหนฺตสฺส เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ ผลสมาปตฺติยา อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ อิมาย ปาฬิยา (ปฎฺฐา. ๑.๑.๔๑๗) ปฎิเสเธตพฺพาฯ โย สมาปตฺติลาภี สมาโน เอว ‘‘น ลาภีมฺหี’’ติ, กมฺมฎฺฐานํ สมานํ เอว ‘‘น กมฺมฎฺฐาน’’นฺติ สญฺญี โหติ, โส สมฺปตฺติํเยว สมานํ ‘‘วิปตฺตี’’ติ ปเจฺจตีติ เวทิตโพฺพฯ
Paṭhamādīnaṃ catunnaṃ jhānānanti rūpāvacarānaṃ paṭhamādīnaṃ paccanīkajjhāpanaṭṭhena ārammaṇūpanijjhāpanaṭṭhena ca jhānānaṃ. Catukkanayena hetaṃ vuttaṃ. Aṭṭhannaṃ vimokkhānanti ettha paṭipāṭiyā satta appitappitakkhaṇe paccanīkadhammehi vimuccanato ārammaṇe ca adhimuccanato vimokkhā nāma. Aṭṭhamo pana sabbaso saññāvedayitehi vimuttattā apagamavimokkho nāma. Catukkanayapañcakanayesu paṭhamajjhānasamādhi savitakkasavicāro nāma. Pañcakanaye dutiyajjhānasamādhi avitakkavicāramatto. Nayadvayepi upari tīsu jhānesu samādhi avitakkaavicāro. Samāpattīsu paṭipāṭiyā aṭṭhannaṃ samādhītipi nāmaṃ, samāpattītipi cittekaggatāsabbhāvato, nirodhasamāpattiyā tadabhāvato na samādhīti nāmaṃ. Hānabhāgiyadhammanti appaguṇehi paṭhamajjhānādīhi vuṭṭhitassa saññāmanasikārānaṃ kāmādianupakkhandanaṃ . Visesabhāgiyadhammanti paguṇehi paṭhamajjhānādīhi vuṭṭhitassa saññāmanasikārānaṃ dutiyajjhānādipakkhandanaṃ. Iti saññāmanasikārānaṃ kāmādidutiyajjhānādipakkhandanāni hānabhāgiyavisesabhāgiyā dhammāti dassitāni. Tehi pana jhānānaṃ taṃsabhāvatā ca dhammasaddena vuttā. Tasmāti vuttamevatthaṃ hetubhāvena paccāmasati. Vodānanti paguṇatāsaṅkhātaṃ vodānaṃ. Tañhi paṭhamajjhānādīhi vuṭṭhahitvā dutiyajjhānādiadhigamassa paccayattā ‘‘vuṭṭhāna’’nti vuttaṃ. Keci pana ‘‘nirodhato phalasamāpattiyā vuṭṭhānanti pāḷi natthī’’ti vadanti. Te ‘‘nirodhā vuṭṭhahantassa nevasaññānāsaññāyatanaṃ phalasamāpattiyā anantarapaccayena paccayo’’ti imāya pāḷiyā (paṭṭhā. 1.1.417) paṭisedhetabbā. Yo samāpattilābhī samāno eva ‘‘na lābhīmhī’’ti, kammaṭṭhānaṃ samānaṃ eva ‘‘na kammaṭṭhāna’’nti saññī hoti, so sampattiṃyeva samānaṃ ‘‘vipattī’’ti paccetīti veditabbo.
น ตถา ทฎฺฐพฺพนฺติ ยถา ปรวาทินา วุตฺตํ, ตถา น ทฎฺฐพฺพํฯ สกสกกิจฺจเมว ชานาตีติ ฐานาฎฺฐานชานนาทิสกสกเมว กิจฺจํ กาตุํ ชานาติ, ยถาสกเมว วิสยํ ปฎิวิชฺฌตีติ อโตฺถฯ ตมฺปีติ เตหิ ทสพลญาเณหิ ชานิตพฺพมฺปิฯ กมฺมวิปากนฺตรเมวาติ กมฺมนฺตรสฺส วิปากนฺตรเมว ชานาติฯ เจตนาเจตนาสมฺปยุตฺตธเมฺม นิรยาทินิพฺพานคามินิปฺปฎิปทาภูเต กมฺมนฺติ คเหตฺวา อาห ‘‘กมฺมปริเจฺฉทเมวา’’ติฯ ธาตุนานตฺตญฺจ ธาตุนานตฺตการณญฺจ ธาตุนานตฺตการณนฺติ เอกเทสสรูเปกเสโส ทฎฺฐโพฺพฯ ตญฺหิ ญาณํ ตทุภยมฺปิ ชานาติฯ ‘‘อิมาย นาม ธาตุยา อุสฺสนฺนตฺตา’’ติอาทินา (วิภ. อฎฺฐ. ๘๑๒) ตถา เจว สํวณฺณิตํฯ สจฺจปริเจฺฉทเมวาติ ปริญฺญาภิสมยาทิวเสน สจฺจานํ ปริจฺฉินฺนเมวฯ อเปฺปตุํ น สโกฺกติ อฎฺฐมนวมพลานิ วิย ตํสทิสํ, อิทฺธิวิธญาณมิว วิกุพฺพิตุํฯ เอเตนสฺส พลสทิสตญฺจ นิวาเรติฯ ฌานาทิญาณํ วิย วา อเปฺปตุํ วิกุพฺพิตุญฺจฯ ยทิปิ หิ ฌานาทิปจฺจเวกฺขณญาณํ สตฺตมพลนฺติ ตสฺส สวิตกฺกสวิจารตา วุตฺตา, ตถาปิ ฌานาทีหิ วินา ปจฺจเวกฺขณา นตฺถีติ ฌานาทิสหคตํ ญาณํ ตทโนฺตคธํ กตฺวา เอวํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ อถ วา สพฺพญฺญุตญฺญาณํ ฌานาทิกิจฺจํ วิย น สพฺพํ พลกิจฺจํ กาตุํ สโกฺกตีติ ทเสฺสตุํ ‘‘ฌานํ หุตฺวา อเปฺปตุํ, อิทฺธิ หุตฺวา วิกุพฺพิตุญฺจ น สโกฺกตี’’ติ วุตฺตํ, น ปน กสฺสจิ พลสฺส ฌานอิทฺธิภาวโตติ ทฎฺฐพฺพํฯ
Na tathā daṭṭhabbanti yathā paravādinā vuttaṃ, tathā na daṭṭhabbaṃ. Sakasakakiccameva jānātīti ṭhānāṭṭhānajānanādisakasakameva kiccaṃ kātuṃ jānāti, yathāsakameva visayaṃ paṭivijjhatīti attho. Tampīti tehi dasabalañāṇehi jānitabbampi. Kammavipākantaramevāti kammantarassa vipākantarameva jānāti. Cetanācetanāsampayuttadhamme nirayādinibbānagāminippaṭipadābhūte kammanti gahetvā āha ‘‘kammaparicchedamevā’’ti. Dhātunānattañca dhātunānattakāraṇañca dhātunānattakāraṇanti ekadesasarūpekaseso daṭṭhabbo. Tañhi ñāṇaṃ tadubhayampi jānāti. ‘‘Imāya nāma dhātuyā ussannattā’’tiādinā (vibha. aṭṭha. 812) tathā ceva saṃvaṇṇitaṃ. Saccaparicchedamevāti pariññābhisamayādivasena saccānaṃ paricchinnameva. Appetuṃ na sakkoti aṭṭhamanavamabalāni viya taṃsadisaṃ, iddhividhañāṇamiva vikubbituṃ. Etenassa balasadisatañca nivāreti. Jhānādiñāṇaṃ viya vā appetuṃ vikubbituñca. Yadipi hi jhānādipaccavekkhaṇañāṇaṃ sattamabalanti tassa savitakkasavicāratā vuttā, tathāpi jhānādīhi vinā paccavekkhaṇā natthīti jhānādisahagataṃ ñāṇaṃ tadantogadhaṃ katvā evaṃ vuttanti veditabbaṃ. Atha vā sabbaññutaññāṇaṃ jhānādikiccaṃ viya na sabbaṃ balakiccaṃ kātuṃ sakkotīti dassetuṃ ‘‘jhānaṃ hutvā appetuṃ, iddhi hutvā vikubbituñca na sakkotī’’ti vuttaṃ, na pana kassaci balassa jhānaiddhibhāvatoti daṭṭhabbaṃ.
เอวํ กิจฺจวิเสสวเสนปิ ทสพลญาณสพฺพญฺญุตญฺญาณวิเสสํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ วิตกฺกตฺติกภูมนฺตรวเสนปิ ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ปฎิปาฎิยาติอาทิโต ปฎฺฐาย ปฎิปาฎิยาฯ
Evaṃ kiccavisesavasenapi dasabalañāṇasabbaññutaññāṇavisesaṃ dassetvā idāni vitakkattikabhūmantaravasenapi taṃ dassetuṃ ‘‘apicā’’tiādi vuttaṃ. Paṭipāṭiyātiādito paṭṭhāya paṭipāṭiyā.
อนุปทวณฺณนํ ญตฺวา เวทิตพฺพานีติ สมฺพโนฺธฯ กิเลสาวรณํ นิยตมิจฺฉาทิฎฺฐิฯ กิเลสาวรณสฺส อภาโว อาสวกฺขยญาณาธิคมสฺส ฐานํ, ตพฺภาโว อฎฺฐานํฯ อนธิคมสฺส ปน ตทุภยมฺปิ ยถากฺกมํ อฎฺฐานํ ฐานญฺจาติ ตตฺถ การณํ ทเสฺสโนฺต ‘‘โลกิย…เป.… ทสฺสนโต จา’’ติ อาหฯ ตตฺถ โลกิยสมฺมาทิฎฺฐิยา ฐิติ อาสวกฺขยาธิคมสฺส ฐานํ กิเลสาวรณาภาวสฺส การณตฺตาฯ สา หิ ตสฺมิํ สติ น โหติ, อสติ จ โหติฯ เอเตน ตสฺสา อฎฺฐิติยา ตสฺส อฎฺฐานตา วุตฺตา เอวฯ เนสํ เวเนยฺยสตฺตานํฯ ธาตุเวมตฺตทสฺสนโตติ กามธาตุอาทีนํ ปวตฺติเภททสฺสนโต, ยทเคฺคน ธาตุเวมตฺตํ ชานาติ, ตทเคฺคน จริยาทิวิเสสมฺปิ ชานาติฯ ธาตุเวมตฺตทสฺสนโตติ วา ธมฺมธาตุเวมตฺตทสฺสนโตฯ สพฺพาปิ หิ จริยา ธมฺมธาตุปริยาปนฺนา เอวาติฯ ปโยคํ อนาทิยิตฺวาปิ สนฺตติมหามตฺตาทีนํ วิยฯ ทิพฺพจกฺขานุภาวโต ปตฺตเพฺพนาติ เอตฺถ ทิพฺพจกฺขุนา ปรสฺส หทยวตฺถุสนฺนิสฺสยโลหิตวณฺณทสฺสนมุเขน ตทา ปวตฺตมานจิตฺตชานนตฺถํ ปริกมฺมกรณํ นาม สาวกานํ, ตญฺจ โข อาทิกมฺมิกานํ, ยโต ทิพฺพจกฺขุอานุภาวโต เจโตปริยญาณสฺส ปตฺตพฺพตา สิยาฯ พุทฺธานํ ปน ยทิปิ อาสวกฺขยญาณาธิคมโต ปเคว ทิพฺพจกฺขุญาณาธิคโม, ตถาปิ ตถาปริกมฺมกรณํ นตฺถิ วิชฺชาตฺตยสิทฺธิยา สิชฺฌนโตฯ เสสาภิญฺญาตฺตเย เจโตปริยญาณํ ทิพฺพจกฺขุญาณาธิคเมน ปตฺตนฺติ จ วตฺตพฺพตํ ลภตีติ ตถา วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ
Anupadavaṇṇanaṃ ñatvā veditabbānīti sambandho. Kilesāvaraṇaṃ niyatamicchādiṭṭhi. Kilesāvaraṇassa abhāvo āsavakkhayañāṇādhigamassa ṭhānaṃ, tabbhāvo aṭṭhānaṃ. Anadhigamassa pana tadubhayampi yathākkamaṃ aṭṭhānaṃ ṭhānañcāti tattha kāraṇaṃ dassento ‘‘lokiya…pe… dassanato cā’’ti āha. Tattha lokiyasammādiṭṭhiyā ṭhiti āsavakkhayādhigamassa ṭhānaṃ kilesāvaraṇābhāvassa kāraṇattā. Sā hi tasmiṃ sati na hoti, asati ca hoti. Etena tassā aṭṭhitiyā tassa aṭṭhānatā vuttā eva. Nesaṃ veneyyasattānaṃ. Dhātuvemattadassanatoti kāmadhātuādīnaṃ pavattibhedadassanato, yadaggena dhātuvemattaṃ jānāti, tadaggena cariyādivisesampi jānāti. Dhātuvemattadassanatoti vā dhammadhātuvemattadassanato. Sabbāpi hi cariyā dhammadhātupariyāpannā evāti. Payogaṃ anādiyitvāpi santatimahāmattādīnaṃ viya. Dibbacakkhānubhāvato pattabbenāti ettha dibbacakkhunā parassa hadayavatthusannissayalohitavaṇṇadassanamukhena tadā pavattamānacittajānanatthaṃ parikammakaraṇaṃ nāma sāvakānaṃ, tañca kho ādikammikānaṃ, yato dibbacakkhuānubhāvato cetopariyañāṇassa pattabbatā siyā. Buddhānaṃ pana yadipi āsavakkhayañāṇādhigamato pageva dibbacakkhuñāṇādhigamo, tathāpi tathāparikammakaraṇaṃ natthi vijjāttayasiddhiyā sijjhanato. Sesābhiññāttaye cetopariyañāṇaṃ dibbacakkhuñāṇādhigamena pattanti ca vattabbataṃ labhatīti tathā vuttanti daṭṭhabbaṃ.
สีหนาทสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sīhanādasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๑. สีหนาทสุตฺตํ • 1. Sīhanādasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๑. สีหนาทสุตฺตวณฺณนา • 1. Sīhanādasuttavaṇṇanā