Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā

    สีหเสนาปติวตฺถุกถาวณฺณนา

    Sīhasenāpativatthukathāvaṇṇanā

    ๒๙๐. อภิญฺญาตาติ (อ. นิ. อฎฺฐ. ๓.๘.๑๒) ญาตา ปญฺญาตา ปากฎาฯ สนฺถาคาเรติ มหาชนสฺส สนฺถมฺภนาคาเร วิสฺสมนตฺถาย กเต อคาเรฯ สา กิร สนฺถาคารสาลา นครมเชฺฌ อโหสิ, จตูสุ ทฺวาเรสุ ฐิตานํ ปญฺญายติ, จตูหิ ทิสาหิ อาคตมนุสฺสา ปฐมํ ตตฺถ วิสฺสมิตฺวา ปจฺฉา อตฺตโน อตฺตโน ผาสุกฎฺฐานํ คจฺฉนฺติฯ ราชกุลานํ รชฺชกิจฺจสนฺถรณตฺถํ กตํ อคารนฺติปิ วทนฺติเยวฯ ตตฺถ หิ นิสีทิตฺวา ลิจฺฉวีราชาโน รชฺชกิจฺจํ สนฺถรนฺติ กโรนฺติ วิจาเรนฺติฯ สนฺนิสินฺนาติ เตสํ นิสีทนตฺถํเยว ปญฺญเตฺตสุ มหารหปจฺจตฺถรเณสุ สมุสฺสิตเสตจฺฉเตฺตสุ อาสเนสุ สนฺนิสินฺนาฯ อเนกปริยาเยน พุทฺธสฺส วณฺณํ ภาสนฺตีติ ราชกุลกิจฺจเญฺจว โลกตฺถกิริยญฺจ วิจาเรตฺวา อเนเกหิ การเณหิ พุทฺธสฺส วณฺณํ ภาสนฺติฯ ปณฺฑิตา หิ เต ราชาโน สทฺธาสมฺปนฺนา โสตาปนฺนาปิ สกทาคามิโนปิ อนาคามิโนปิ อริยสาวกา, เต สเพฺพปิ โลกิยชฎํ ภินฺทิตฺวา พุทฺธาทีนํ ติณฺณํ รตนานํ วณฺณํ ภาสนฺติฯ

    290.Abhiññātāti (a. ni. aṭṭha. 3.8.12) ñātā paññātā pākaṭā. Santhāgāreti mahājanassa santhambhanāgāre vissamanatthāya kate agāre. Sā kira santhāgārasālā nagaramajjhe ahosi, catūsu dvāresu ṭhitānaṃ paññāyati, catūhi disāhi āgatamanussā paṭhamaṃ tattha vissamitvā pacchā attano attano phāsukaṭṭhānaṃ gacchanti. Rājakulānaṃ rajjakiccasantharaṇatthaṃ kataṃ agārantipi vadantiyeva. Tattha hi nisīditvā licchavīrājāno rajjakiccaṃ santharanti karonti vicārenti. Sannisinnāti tesaṃ nisīdanatthaṃyeva paññattesu mahārahapaccattharaṇesu samussitasetacchattesu āsanesu sannisinnā. Anekapariyāyena buddhassa vaṇṇaṃ bhāsantīti rājakulakiccañceva lokatthakiriyañca vicāretvā anekehi kāraṇehi buddhassa vaṇṇaṃ bhāsanti. Paṇḍitā hi te rājāno saddhāsampannā sotāpannāpi sakadāgāminopi anāgāminopi ariyasāvakā, te sabbepi lokiyajaṭaṃ bhinditvā buddhādīnaṃ tiṇṇaṃ ratanānaṃ vaṇṇaṃ bhāsanti.

    ตตฺถ ติวิโธ พุทฺธวโณฺณ นาม จริยวโณฺณ สรีรวโณฺณ คุณวโณฺณติฯ ตตฺริเม ราชาโน จริยาย วณฺณํ อารภิํสุ – ‘‘ทุกฺกรํ วต กตํ สมฺมาสมฺพุเทฺธน กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสเงฺขฺยยฺยานิ ทส ปารมิโย ทส อุปปารมิโย ทส ปรมตฺถปารมิโยติ สมติํส ปารมิโย ปูเรเนฺตน ญาตตฺถจริยํ โลกตฺถจริยํ พุทฺธตฺถจริยํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ปญฺจ มหาปริจฺจาเค ปริจฺจชเนฺตนา’’ติ อฑฺฒจฺฉเกฺกหิ ชาตกสเตหิ พุทฺธวณฺณํ กเถนฺตา ตุสิตภวนํ ปาเปตฺวา ฐปยิํสุฯ ธมฺมสฺส วณฺณํ ภาสนฺตา ปเนเต ‘‘ภควตา ธโมฺม เทสิโต, นิกายโต ปญฺจ นิกายา โหนฺติ, ปิฎกโต ตีณิ ปิฎกานิ, องฺคโต นว องฺคานิ, ขนฺธโต จตุราสีติธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานี’’ติ โกฎฺฐาสวเสน ธมฺมคุณํ กถยิํสุฯ สงฺฆสฺส วณฺณํ ภาสนฺตา ‘‘สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปฎิลทฺธสทฺธา กุลปุตฺตา โภคกฺขนฺธเญฺจว ญาติปริวฎฺฎญฺจ ปหาย เสตจฺฉตฺตอุปรชฺชเสนาปติเสฎฺฐิภณฺฑาคาริกฎฺฐานนฺตราทีนิ อคณยิตฺวา นิกฺขมฺม สตฺถุ วรสาสเน ปพฺพชนฺติ, เสตจฺฉตฺตํ ปหาย ปพฺพชิตานํ ภทฺทิยมหาราชมหากปฺปินปุกฺกุสาติอาทิราชปพฺพชิตานํเยว พุทฺธกาเล อสีติ สหสฺสานิ อเหสุํ, อเนกโกฎิธนํ ปหาย ปพฺพชิตานํ ปน ยสกุลปุตฺตโสณเสฎฺฐิปุตฺตรฎฺฐปาลปุตฺตาทีนํ ปริเจฺฉโท นตฺถิ, เอวรูปา จ เอวรูปา จ กุลปุตฺตา สตฺถุ สาสเน ปพฺพชนฺตี’’ติ ปพฺพชฺชาสเงฺขปวเสน สงฺฆคุณํ กถยิํสุฯ

    Tattha tividho buddhavaṇṇo nāma cariyavaṇṇo sarīravaṇṇo guṇavaṇṇoti. Tatrime rājāno cariyāya vaṇṇaṃ ārabhiṃsu – ‘‘dukkaraṃ vata kataṃ sammāsambuddhena kappasatasahassādhikāni cattāri asaṅkhyeyyāni dasa pāramiyo dasa upapāramiyo dasa paramatthapāramiyoti samatiṃsa pāramiyo pūrentena ñātatthacariyaṃ lokatthacariyaṃ buddhatthacariyaṃ matthakaṃ pāpetvā pañca mahāpariccāge pariccajantenā’’ti aḍḍhacchakkehi jātakasatehi buddhavaṇṇaṃ kathentā tusitabhavanaṃ pāpetvā ṭhapayiṃsu. Dhammassa vaṇṇaṃ bhāsantā panete ‘‘bhagavatā dhammo desito, nikāyato pañca nikāyā honti, piṭakato tīṇi piṭakāni, aṅgato nava aṅgāni, khandhato caturāsītidhammakkhandhasahassānī’’ti koṭṭhāsavasena dhammaguṇaṃ kathayiṃsu. Saṅghassa vaṇṇaṃ bhāsantā ‘‘satthu dhammadesanaṃ sutvā paṭiladdhasaddhā kulaputtā bhogakkhandhañceva ñātiparivaṭṭañca pahāya setacchattauparajjasenāpatiseṭṭhibhaṇḍāgārikaṭṭhānantarādīni agaṇayitvā nikkhamma satthu varasāsane pabbajanti, setacchattaṃ pahāya pabbajitānaṃ bhaddiyamahārājamahākappinapukkusātiādirājapabbajitānaṃyeva buddhakāle asīti sahassāni ahesuṃ, anekakoṭidhanaṃ pahāya pabbajitānaṃ pana yasakulaputtasoṇaseṭṭhiputtaraṭṭhapālaputtādīnaṃ paricchedo natthi, evarūpā ca evarūpā ca kulaputtā satthu sāsane pabbajantī’’ti pabbajjāsaṅkhepavasena saṅghaguṇaṃ kathayiṃsu.

    สีโห เสนาปตีติ เอวํนามโก เสนาย อธิปติฯ เวสาลิยญฺหิ สตฺต สหสฺสานิ สตฺต สตานิ สตฺต จ ราชาโน, เต สเพฺพปิ สนฺนิปติตฺวา สเพฺพสํ มนํ คเหตฺวา ‘‘รฎฺฐํ วิจาเรตุํ สมตฺถํ เอกํ วิจินถา’’ติ วิจินนฺตา สีหราชกุมารํ ทิสฺวา ‘‘อยํ สกฺขิสฺสตี’’ติ สนฺนิฎฺฐานํ กตฺวา ตสฺส รตฺตมณิวณฺณกมฺพลปริโยนทฺธํ เสนาปติจฺฉตฺตํ อทํสุฯ ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘สีโห เสนาปตี’’ติฯ นิคณฺฐสาวโกติ นิคณฺฐสฺส นาฎปุตฺตสฺส ปจฺจยทายโก อุปฎฺฐาโกฯ ชมฺพุทีปตลสฺมิญฺหิ ตโย ชนา นิคณฺฐานํ อคฺคุปฎฺฐากา – นาฬนฺทายํ อุปาลิ คหปติ, กปิลปุเร วโปฺป สโกฺก, เวสาลิยํ อยํ สีโห เสนาปตีติฯ นิสิโนฺน โหตีติ เสสราชูนมฺปิ ปริสาย อนฺตเร อาสนานิ ปญฺญาปยิํสุ, สีหสฺส ปน มเชฺฌ ฐาเนติ ตสฺมิํ ปญฺญเตฺต มหารเห ราชาสเน นิสิโนฺน โหติฯ นิสฺสํสยนฺติ นิพฺพิจิกิจฺฉํ อทฺธา เอกํเสนฯ น เหเต ยสฺส วา ตสฺส วา อเปฺปสกฺขสฺส เอวํ อเนกสเตหิ การเณหิ วณฺณํ ภาสนฺติฯ

    Sīho senāpatīti evaṃnāmako senāya adhipati. Vesāliyañhi satta sahassāni satta satāni satta ca rājāno, te sabbepi sannipatitvā sabbesaṃ manaṃ gahetvā ‘‘raṭṭhaṃ vicāretuṃ samatthaṃ ekaṃ vicinathā’’ti vicinantā sīharājakumāraṃ disvā ‘‘ayaṃ sakkhissatī’’ti sanniṭṭhānaṃ katvā tassa rattamaṇivaṇṇakambalapariyonaddhaṃ senāpaticchattaṃ adaṃsu. Taṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘sīho senāpatī’’ti. Nigaṇṭhasāvakoti nigaṇṭhassa nāṭaputtassa paccayadāyako upaṭṭhāko. Jambudīpatalasmiñhi tayo janā nigaṇṭhānaṃ aggupaṭṭhākā – nāḷandāyaṃ upāli gahapati, kapilapure vappo sakko, vesāliyaṃ ayaṃ sīho senāpatīti. Nisinno hotīti sesarājūnampi parisāya antare āsanāni paññāpayiṃsu, sīhassa pana majjhe ṭhāneti tasmiṃ paññatte mahārahe rājāsane nisinno hoti. Nissaṃsayanti nibbicikicchaṃ addhā ekaṃsena. Na hete yassa vā tassa vā appesakkhassa evaṃ anekasatehi kāraṇehi vaṇṇaṃ bhāsanti.

    เยน นิคโณฺฐ นาฎปุโตฺต เตนุปสงฺกมีติ นิคโณฺฐ กิร นาฎปุโตฺต ‘‘สจายํ สีโห กสฺสจิเทว สมณสฺส โคตมสฺส วณฺณํ กเถนฺตสฺส สุตฺวา สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสติ, มยฺหํ ปริหานิ ภวิสฺสตี’’ติ จิเนฺตตฺวา ปฐมตรํเยว สีหํ เสนาปติํ เอตทโวจ ‘‘เสนาปติ อิมสฺมิํ โลเก ‘อหํ พุโทฺธ อหํ พุโทฺธ’ติ พหู วทนฺติ, สเจ ตฺวํ กญฺจิ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุกาโม อโหสิ, มํ ปุเจฺฉยฺยาสิ, อหํ เต ยุตฺตฎฺฐานเญฺญว เปเสสฺสามิ, อยุตฺตฎฺฐานโต นิวาเรสฺสามี’’ติฯ โส ตํ กถํ อนุสฺสริตฺวา ‘‘สเจ มํ เปเสสฺสติ, คมิสฺสามิฯ โน เจ, น คมิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา เยน นิคโณฺฐ นาฎปุโตฺต เตนุปสงฺกมิฯ

    Yena nigaṇṭho nāṭaputto tenupasaṅkamīti nigaṇṭho kira nāṭaputto ‘‘sacāyaṃ sīho kassacideva samaṇassa gotamassa vaṇṇaṃ kathentassa sutvā samaṇaṃ gotamaṃ dassanāya upasaṅkamissati, mayhaṃ parihāni bhavissatī’’ti cintetvā paṭhamataraṃyeva sīhaṃ senāpatiṃ etadavoca ‘‘senāpati imasmiṃ loke ‘ahaṃ buddho ahaṃ buddho’ti bahū vadanti, sace tvaṃ kañci dassanāya upasaṅkamitukāmo ahosi, maṃ puccheyyāsi, ahaṃ te yuttaṭṭhānaññeva pesessāmi, ayuttaṭṭhānato nivāressāmī’’ti. So taṃ kathaṃ anussaritvā ‘‘sace maṃ pesessati, gamissāmi. No ce, na gamissāmī’’ti cintetvā yena nigaṇṭho nāṭaputto tenupasaṅkami.

    อถสฺส วจนํ สุตฺวา นิคโณฺฐ มหาปพฺพเตน วิย พลวโสเกน โอตฺถโฎ ‘‘ยตฺถ ทานิสฺสาหํ คมนํ น อิจฺฉามิ, ตเตฺถว คนฺตุกาโม ชาโต, หโตหมสฺมี’’ติ อนตฺตมโน หุตฺวา ‘‘ปฎิพาหนุปายมสฺส กริสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา ‘‘กิํ ปน ตฺว’’นฺติอาทิมาหฯ เอวํ วทโนฺต จรนฺตํ โคณํ ตุเณฺฑ ปหรโนฺต วิย ชลมานํ ปทีปํ นิพฺพาเปโนฺต วิย ภตฺตภริตํ ปตฺตํ นิกุชฺชโนฺต วิย จ สีหสฺส อุปฺปนฺนํ ปีติํ วินาเสสิฯ คมิกาภิสงฺขาโรติ หตฺถิยานาทีนํ โยชาปนคนฺธมาลาทิคฺคหณวเสน ปวโตฺต ปโยโคฯ โส ปฎิปฺปสฺสมฺภีติ โส วูปสโนฺตฯ

    Athassa vacanaṃ sutvā nigaṇṭho mahāpabbatena viya balavasokena otthaṭo ‘‘yattha dānissāhaṃ gamanaṃ na icchāmi, tattheva gantukāmo jāto, hatohamasmī’’ti anattamano hutvā ‘‘paṭibāhanupāyamassa karissāmī’’ti cintetvā ‘‘kiṃ pana tva’’ntiādimāha. Evaṃ vadanto carantaṃ goṇaṃ tuṇḍe paharanto viya jalamānaṃ padīpaṃ nibbāpento viya bhattabharitaṃ pattaṃ nikujjanto viya ca sīhassa uppannaṃ pītiṃ vināsesi. Gamikābhisaṅkhāroti hatthiyānādīnaṃ yojāpanagandhamālādiggahaṇavasena pavatto payogo. So paṭippassambhīti so vūpasanto.

    ทุติยมฺปิ โขติ ทุติยวารมฺปิฯ อิมสฺมิญฺจ วาเร พุทฺธสฺส วณฺณํ ภาสนฺตา ตุสิตภวนโต ปฎฺฐาย ยาว มหาโพธิปลฺลงฺกา ทสพลสฺส เหฎฺฐา ปาทตเลหิ อุปริ เกสเคฺคหิ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขณอสีติอนุพฺยญฺชนพฺยามปฺปภาวเสน สรีรวณฺณํ กถยิํสุฯ ธมฺมสฺส วณฺณํ ภาสนฺตา ‘‘เอกปเทปิ เอกพฺยญฺชเนปิ อวกฺขลิตํ นาม นตฺถี’’ติ สุกถิตวเสเนว ธมฺมคุณํ กถยิํสุฯ สงฺฆสฺส วณฺณํ ภาสนฺตา ‘‘เอวรูปํ ยสสิริวิภวํ ปหาย สตฺถุ สาสเน ปพฺพชิตา น โกสชฺชปกติกา โหนฺติ, เตรสสุ ปน ธุตคุเณสุ ปริปูรการิโน หุตฺวา สตฺตสุ อนุปสฺสนาสุ กมฺมํ กโรนฺติ, อฎฺฐติํส อารมฺมณวิภตฺติโย วฬเญฺชนฺตี’’ติ ปฎิปทาวเสน สงฺฆคุเณ กถยิํสุฯ

    Dutiyampi khoti dutiyavārampi. Imasmiñca vāre buddhassa vaṇṇaṃ bhāsantā tusitabhavanato paṭṭhāya yāva mahābodhipallaṅkā dasabalassa heṭṭhā pādatalehi upari kesaggehi paricchinditvā dvattiṃsamahāpurisalakkhaṇaasītianubyañjanabyāmappabhāvasena sarīravaṇṇaṃ kathayiṃsu. Dhammassa vaṇṇaṃ bhāsantā ‘‘ekapadepi ekabyañjanepi avakkhalitaṃ nāma natthī’’ti sukathitavaseneva dhammaguṇaṃ kathayiṃsu. Saṅghassa vaṇṇaṃ bhāsantā ‘‘evarūpaṃ yasasirivibhavaṃ pahāya satthu sāsane pabbajitā na kosajjapakatikā honti, terasasu pana dhutaguṇesu paripūrakārino hutvā sattasu anupassanāsu kammaṃ karonti, aṭṭhatiṃsa ārammaṇavibhattiyo vaḷañjentī’’ti paṭipadāvasena saṅghaguṇe kathayiṃsu.

    ตติยวาเร ปน พุทฺธสฺส วณฺณํ ภาสมานา ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติ สุตฺตนฺตปริยาเยเนว พุทฺธคุเณ กถยิํสุ, ‘‘สฺวากฺขาโต ภควตา ธโมฺม’’ติอาทินา สุตฺตนฺตปริยาเยเนว ธมฺมคุเณ, ‘‘สุปฺปฎิปโนฺน ภควโต สาวกสโงฺฆ’’ติอาทินา สุตฺตนฺตปริยาเยเนว สงฺฆคุเณ จ กถยิํสุฯ ตโต สีโห จิเนฺตสิ ‘‘อิเมสํ ลิจฺฉวีราชกุลานํ ตติยทิวสโต ปฎฺฐาย พุทฺธธมฺมสงฺฆคุเณ กเถนฺตานํ มุขํ นปฺปโหติ, อทฺธา อโนมคุณสมนฺนาคโต โส ภควา, อิมํ ทานิ อุปฺปนฺนํ ปีติํ อวิชหิตฺวาว อหํ อชฺช สมฺมาสมฺพุทฺธํ ปสฺสิสฺสามี’’ติฯ อถสฺส ‘‘กิญฺหิ เม กริสฺสนฺติ นิคณฺฐา’’ติ วิตโกฺก อุทปาทิฯ ตตฺถ กิญฺหิ เม กริสฺสนฺตีติ กิํ นาม มยฺหํ นิคณฺฐา กริสฺสนฺติฯ อปโลกิตา วา อนปโลกิตา วาติ อาปุจฺฉิตา วา อนาปุจฺฉิตา วาฯ น หิ เม เต อาปุจฺฉิตา ยานวาหนสมฺปตฺติอิสฺสริยยสวิเสสํ ทสฺสนฺติ, นาปิ อนาปุจฺฉิตา มาเรสฺสนฺติ, อผลํ เอเตสํ อาปุจฺฉนนฺติ อธิปฺปาโยฯ

    Tatiyavāre pana buddhassa vaṇṇaṃ bhāsamānā ‘‘itipi so bhagavā’’ti suttantapariyāyeneva buddhaguṇe kathayiṃsu, ‘‘svākkhāto bhagavatā dhammo’’tiādinā suttantapariyāyeneva dhammaguṇe, ‘‘suppaṭipanno bhagavato sāvakasaṅgho’’tiādinā suttantapariyāyeneva saṅghaguṇe ca kathayiṃsu. Tato sīho cintesi ‘‘imesaṃ licchavīrājakulānaṃ tatiyadivasato paṭṭhāya buddhadhammasaṅghaguṇe kathentānaṃ mukhaṃ nappahoti, addhā anomaguṇasamannāgato so bhagavā, imaṃ dāni uppannaṃ pītiṃ avijahitvāva ahaṃ ajja sammāsambuddhaṃ passissāmī’’ti. Athassa ‘‘kiñhi me karissanti nigaṇṭhā’’ti vitakko udapādi. Tattha kiñhi me karissantīti kiṃ nāma mayhaṃ nigaṇṭhā karissanti. Apalokitā vā anapalokitā vāti āpucchitā vā anāpucchitā vā. Na hi me te āpucchitā yānavāhanasampattiissariyayasavisesaṃ dassanti, nāpi anāpucchitā māressanti, aphalaṃ etesaṃ āpucchananti adhippāyo.

    ทิวา ทิวสฺสาติ ทิวสฺส ทิวา มชฺฌนฺหิเก อติกฺกนฺตมเตฺตฯ เวสาลิยา นิยฺยาสีติ ยถา หิ คิมฺหกาเล เทเว วุเฎฺฐ อุทกํ สนฺทมานํ นทิํ โอตริตฺวา โถกเมว คนฺตฺวา ติฎฺฐติ นปฺปวตฺตติ, เอวํ สีหสฺส ปฐมทิวเส ‘‘ทสพลํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ อุปฺปนฺนาย ปีติยา นิคเณฺฐน ปฎิพาหิตกาโล, ยถา ทุติยทิวเส เทเว วุเฎฺฐ อุทกํ สนฺทมานํ นทิํ โอตริตฺวา โถกํ คนฺตฺวา วาลิกาปุญฺชํ ปหริตฺวา อปฺปวตฺตํ โหติ, เอวํ สีหสฺส ทุติยทิวเส ‘‘ทสพลํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ อุปฺปนฺนาย ปีติยา นิคเณฺฐน ปฎิพาหิตกาโล, ยถา ตติยทิวเส เทเว วุเฎฺฐ อุทกํ สนฺทมานํ นทิํ โอตริตฺวา ปุราณปณฺณสุกฺขทณฺฑกนฬกจวราทีนิ ปริกฑฺฒนฺตํ วาลิกาปุญฺชํ ภินฺทิตฺวา สมุทฺทนินฺนเมว โหติ, เอวํ สีโห ตติยทิวเส ติณฺณํ วตฺถูนํ คุณกถํ สุตฺวา อุปฺปเนฺน ปีติปาโมเชฺช ‘‘อผลา นิคณฺฐา, นิปฺผลา นิคณฺฐา, กิํ เม อิเม กริสฺสนฺติ, คมิสฺสามหํ สตฺถุ สนฺติก’’นฺติ คมนํ อภินีหริตฺวา เวสาลิยา นิยฺยาสิฯ นิยฺยโนฺต จ ‘‘จิรสฺสาหํ ทสพลสฺส สนฺติกํ คนฺตุกาโม ชาโต, น โข ปน เม ยุตฺตํ อญฺญาตกเวเสน คนฺตุ’’นฺติ ‘‘เย เกจิ ทสพลสฺส สนฺติกํ คนฺตุกาโม, สเพฺพ นิกฺขมนฺตู’’ติ โฆสนํ กาเรตฺวา ปญฺจ รถสตานิ โยชาเปตฺวา อุตฺตมรเถ ฐิโต เตหิ เจว ปญฺจหิ รถสเตหิ มหติยา จ ปริสาย ปริวุโต คนฺธปุปฺผจุณฺณวาสาทีนิ คาหาเปตฺวา นิยฺยาสิฯ

    Divā divassāti divassa divā majjhanhike atikkantamatte. Vesāliyā niyyāsīti yathā hi gimhakāle deve vuṭṭhe udakaṃ sandamānaṃ nadiṃ otaritvā thokameva gantvā tiṭṭhati nappavattati, evaṃ sīhassa paṭhamadivase ‘‘dasabalaṃ passissāmī’’ti uppannāya pītiyā nigaṇṭhena paṭibāhitakālo, yathā dutiyadivase deve vuṭṭhe udakaṃ sandamānaṃ nadiṃ otaritvā thokaṃ gantvā vālikāpuñjaṃ paharitvā appavattaṃ hoti, evaṃ sīhassa dutiyadivase ‘‘dasabalaṃ passissāmī’’ti uppannāya pītiyā nigaṇṭhena paṭibāhitakālo, yathā tatiyadivase deve vuṭṭhe udakaṃ sandamānaṃ nadiṃ otaritvā purāṇapaṇṇasukkhadaṇḍakanaḷakacavarādīni parikaḍḍhantaṃ vālikāpuñjaṃ bhinditvā samuddaninnameva hoti, evaṃ sīho tatiyadivase tiṇṇaṃ vatthūnaṃ guṇakathaṃ sutvā uppanne pītipāmojje ‘‘aphalā nigaṇṭhā, nipphalā nigaṇṭhā, kiṃ me ime karissanti, gamissāmahaṃ satthu santika’’nti gamanaṃ abhinīharitvā vesāliyā niyyāsi. Niyyanto ca ‘‘cirassāhaṃ dasabalassa santikaṃ gantukāmo jāto, na kho pana me yuttaṃ aññātakavesena gantu’’nti ‘‘ye keci dasabalassa santikaṃ gantukāmo, sabbe nikkhamantū’’ti ghosanaṃ kāretvā pañca rathasatāni yojāpetvā uttamarathe ṭhito tehi ceva pañcahi rathasatehi mahatiyā ca parisāya parivuto gandhapupphacuṇṇavāsādīni gāhāpetvā niyyāsi.

    เยน ภควา เตนุปสงฺกมีติ อารามํ ปวิสโนฺต ทูรโตว อสีติอนุพฺยญฺชนพฺยามปฺปภาทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขณานิ ฉพฺพณฺณา ฆนพุทฺธรสฺมิโย ทิสฺวา ‘‘เอวรูปํ นาม ปุริสํ เอวํ อาสเนฺน วสนฺตํ เอตฺตกํ กาลํ นาทฺทสํ, วญฺจิโต วตมฺหิ, อลาภา วต เม’’ติ จิเนฺตตฺวา มหานิธิํ ทิสฺวา ทลิทฺทปุริโส วิย สญฺชาตปีติปาโมโชฺช เยน ภควา เตนุปสงฺกมิฯ ธมฺมสฺส จานุธมฺมํ พฺยากโรนฺตีติ โภตา โคตเมน วุตฺตการณสฺส อนุการณํ กเถนฺติฯ การณวจโน เหตฺถ ธมฺม-สโทฺท ‘‘เหตุมฺหิ ญาณํ ธมฺมปฎิสมฺภิทา’’ติอาทีสุ (วิภ. ๗๒๐) วิยฯ การณนฺติ เจตฺถ ตถาปวตฺตสฺส สทฺทสฺส อโตฺถ อธิเปฺปโต ตสฺส ปวตฺติเหตุภาวโตฯ อตฺถปฺปยุโตฺต หิ สทฺทปฺปโยโคฯ อนุการณนฺติ จ โส เอวํ ปเรหิ ตถา วุจฺจมาโนฯ สหธมฺมิโก วาทานุวาโทติ ปเรหิ วุตฺตการเณน สการโณ หุตฺวา ตุมฺหากํ วาโท วา ตโต ปรํ ตสฺส อนุวาโท วา โกจิ อปฺปมตฺตโกปิ วิญฺญูหิ ครหิตพฺพํ ฐานํ การณํ น อาคจฺฉติฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – กิํ สพฺพากาเรนปิ ตว วาเท คารยฺหการณํ นตฺถีติฯ อนพฺภกฺขาตุกามาติ น อภูเตน วตฺตุกามาฯ

    Yena bhagavā tenupasaṅkamīti ārāmaṃ pavisanto dūratova asītianubyañjanabyāmappabhādvattiṃsamahāpurisalakkhaṇāni chabbaṇṇā ghanabuddharasmiyo disvā ‘‘evarūpaṃ nāma purisaṃ evaṃ āsanne vasantaṃ ettakaṃ kālaṃ nāddasaṃ, vañcito vatamhi, alābhā vata me’’ti cintetvā mahānidhiṃ disvā daliddapuriso viya sañjātapītipāmojjo yena bhagavā tenupasaṅkami. Dhammassa cānudhammaṃ byākarontīti bhotā gotamena vuttakāraṇassa anukāraṇaṃ kathenti. Kāraṇavacano hettha dhamma-saddo ‘‘hetumhi ñāṇaṃ dhammapaṭisambhidā’’tiādīsu (vibha. 720) viya. Kāraṇanti cettha tathāpavattassa saddassa attho adhippeto tassa pavattihetubhāvato. Atthappayutto hi saddappayogo. Anukāraṇanti ca so evaṃ parehi tathā vuccamāno. Sahadhammiko vādānuvādoti parehi vuttakāraṇena sakāraṇo hutvā tumhākaṃ vādo vā tato paraṃ tassa anuvādo vā koci appamattakopi viññūhi garahitabbaṃ ṭhānaṃ kāraṇaṃ na āgacchati. Idaṃ vuttaṃ hoti – kiṃ sabbākārenapi tava vāde gārayhakāraṇaṃ natthīti. Anabbhakkhātukāmāti na abhūtena vattukāmā.

    ๒๙๑-๒๙๒. อตฺถิ สีห ปริยาโยติอาทีนํ อโตฺถ เวรญฺชกเณฺฑ อาคตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ ปรเมน อสฺสาเสนาติ จตุมคฺคจตุผลสงฺขาเตน อุตฺตมอสฺสาเสนฯ อสฺสาสาย ธมฺมํ เทเสตีติ อสฺสาสนตฺถาย สนฺถมฺภนตฺถาย ธมฺมํ เทเสติฯ อิติ ภควา อฎฺฐหเงฺคหิ สีหเสนาปติสฺส ธมฺมํ เทเสติฯ

    291-292.Atthi sīha pariyāyotiādīnaṃ attho verañjakaṇḍe āgatanayeneva veditabbo. Paramena assāsenāti catumaggacatuphalasaṅkhātena uttamaassāsena. Assāsāya dhammaṃ desetīti assāsanatthāya santhambhanatthāya dhammaṃ deseti. Iti bhagavā aṭṭhahaṅgehi sīhasenāpatissa dhammaṃ deseti.

    ๒๙๓. อนุวิจฺจการนฺติ อนุวิทิตฺวา จิเนฺตตฺวา ตุลยิตฺวา กาตพฺพํ กโรหีติ วุตฺต โหติฯ สาธุ โหตีติ สุนฺทโร โหติฯ ตุมฺหาทิสสฺมิญฺหิ มํ ทิสฺวา มํ สรณํ คจฺฉเนฺต นิคณฺฐํ ทิสฺวา นิคณฺฐํ สรณํ คจฺฉเนฺต ‘‘กิํ อยํ สีโห ทิฎฺฐทิฎฺฐเมว สรณํ คจฺฉตี’’ติ ครหา อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา อนุวิจฺจกาโร ตุมฺหาทิสานํ สาธูติ ทเสฺสติฯ ปฎากํ ปริหเรยฺยุนฺติ เต กิร เอวรูปํ สาวกํ ลภิตฺวา ‘‘อสุโก นาม ราชา วา ราชมหามโตฺต วา เสฎฺฐิ วา อมฺหากํ สรณํ คโต สาวโก ชาโต’’ติ ปฎากํ อุกฺขิปิตฺวา นคเร โฆเสนฺตา อาหิณฺฑนฺติฯ กสฺมา? ‘‘เอวํ โน มหนฺตภาโว อาวิ ภวิสฺสตี’’ติ จ, สเจ ปนสฺส ‘‘กิมหํ เอเต สรณํ คโต’’ติ วิปฺปฎิสาโร อุปฺปเชฺชยฺย, ตมฺปิ โส ‘‘เอเตสํ เม สรณคตภาวํ พหู ชานนฺติ, ทุกฺกรํ ทานิ ปฎินิวตฺติตุ’’นฺติ วิโนเทตฺวา น ปฎิกฺกมิสฺสตีติ จฯ เตนาห ‘‘ปฎากํ ปริหเรยฺยุ’’นฺติฯ โอปานภูตนฺติ ปฎิยตฺตอุทปาโน วิย ฐิตํฯ กุลนฺติ ตว นิเวสนํฯ ทาตพฺพํ มเญฺญยฺยาสีติ ปุเพฺพปิ ทสปิ วีสติปิ สฎฺฐิปิ ชเน อาคเต ทิสฺวา นตฺถีติ อวตฺวา เทสิ, อิทานิ มํ สรณํ คตการณมเตฺตเนว มา อิเมสํ เทยฺยธมฺมํ อุปจฺฉินฺทิตฺถ, สมฺปตฺตานญฺหิ ทาตพฺพเมวาติ โอวทติฯ สุตํ เม ตํ ภเนฺตติ กุโต สุตํ? นิคณฺฐานํ สนฺติกาฯ เต กิร กุลฆเรสุ เอวํ ปกาเสนฺติ ‘‘มยํ ยสฺส กสฺสจิ สมฺปตฺตสฺส ทาตพฺพนฺติ วทาม, สมโณ ปน โคตโม ‘มยฺหเมว ทานํ ทาตพฺพํ…เป.… น อเญฺญสํ สาวกานํ ทินฺนํ มหปฺผล’นฺติ เอวํ วทตี’’ติฯ ตํ สนฺธาย อยํ ‘‘สุตํ เม ต’’นฺติอาทิมาหฯ

    293.Anuviccakāranti anuviditvā cintetvā tulayitvā kātabbaṃ karohīti vutta hoti. Sādhu hotīti sundaro hoti. Tumhādisasmiñhi maṃ disvā maṃ saraṇaṃ gacchante nigaṇṭhaṃ disvā nigaṇṭhaṃ saraṇaṃ gacchante ‘‘kiṃ ayaṃ sīho diṭṭhadiṭṭhameva saraṇaṃ gacchatī’’ti garahā uppajjati, tasmā anuviccakāro tumhādisānaṃ sādhūti dasseti. Paṭākaṃ parihareyyunti te kira evarūpaṃ sāvakaṃ labhitvā ‘‘asuko nāma rājā vā rājamahāmatto vā seṭṭhi vā amhākaṃ saraṇaṃ gato sāvako jāto’’ti paṭākaṃ ukkhipitvā nagare ghosentā āhiṇḍanti. Kasmā? ‘‘Evaṃ no mahantabhāvo āvi bhavissatī’’ti ca, sace panassa ‘‘kimahaṃ ete saraṇaṃ gato’’ti vippaṭisāro uppajjeyya, tampi so ‘‘etesaṃ me saraṇagatabhāvaṃ bahū jānanti, dukkaraṃ dāni paṭinivattitu’’nti vinodetvā na paṭikkamissatīti ca. Tenāha ‘‘paṭākaṃ parihareyyu’’nti. Opānabhūtanti paṭiyattaudapāno viya ṭhitaṃ. Kulanti tava nivesanaṃ. Dātabbaṃ maññeyyāsīti pubbepi dasapi vīsatipi saṭṭhipi jane āgate disvā natthīti avatvā desi, idāni maṃ saraṇaṃ gatakāraṇamatteneva mā imesaṃ deyyadhammaṃ upacchindittha, sampattānañhi dātabbamevāti ovadati. Sutaṃ me taṃ bhanteti kuto sutaṃ? Nigaṇṭhānaṃ santikā. Te kira kulagharesu evaṃ pakāsenti ‘‘mayaṃ yassa kassaci sampattassa dātabbanti vadāma, samaṇo pana gotamo ‘mayhameva dānaṃ dātabbaṃ…pe… na aññesaṃ sāvakānaṃ dinnaṃ mahapphala’nti evaṃ vadatī’’ti. Taṃ sandhāya ayaṃ ‘‘sutaṃ me ta’’ntiādimāha.

    ๒๙๔. ปวตฺตมํสนฺติ ปกติยา ปวตฺตํ กปฺปิยมํสํ, มูลํ คเหตฺวา อนฺตราปเณ ปริเยสาหีติ อธิปฺปาโยฯ สมฺพหุลา นิคณฺฐาติ ปญฺจสตมตฺตา นิคณฺฐาฯ ถูลํ ปสุนฺติ ถูลํ มหาสรีรํ โคกณฺณมหิํสสูกรสงฺขาตํ ปสุํฯ อุทฺทิสฺสกตนฺติ อตฺตานํ อุทฺทิสิตฺวา กตํ, มาริตนฺติ อโตฺถฯ ปฎิจฺจกมฺมนฺติ เอตฺถ กมฺม-สโทฺท กมฺมสาธโน อตีตกาลิโกติ อาห ‘‘อตฺตานํ ปฎิจฺจ กต’’นฺติฯ นิมิตฺตกมฺมเสฺสตํ อธิวจนํ ‘‘ปฎิจฺจ กมฺมํ ผุสตี’’ติอาทีสุ (ชา. ๑.๔.๗๕) วิยฯ นิมิตฺตกมฺมสฺสาติ นิมิตฺตภาเวน ลทฺธพฺพกมฺมสฺส, น กรณการาปนวเสนฯ ปฎิจฺจกมฺมํ เอตฺถ อตฺถีติ มํสํ ปฎิจฺจกมฺมํ ยถา ‘‘พุทฺธํ เอตสฺส อตฺถีติ พุโทฺธ’’ติฯ อถ วา ปฎิจฺจ กมฺมํ ผุสตีติ ปาฐเสโส ทฎฺฐโพฺพ, สฺวายํ เอตํ มํสํ ปฎิจฺจ ตํ ปาณวธกกมฺมํ ผุสตีติ อโตฺถฯ ตญฺหิ อกุสลํ อุปฑฺฒํ ทายกสฺส, อุปฑฺฒํ ปฎิคฺคาหกสฺส โหตีติ เนสํ ลทฺธิฯ อุปกณฺณเกติ กณฺณมูเลฯ อลนฺติ ปฎิเกฺขปวจนํ, โหตุ กิํ อิมินาติ อโตฺถฯ น จ ปน เตติ เอเต อายสฺมนฺตา ทีฆรตฺตํ อวณฺณกามา หุตฺวา อวณฺณํ ภาสนฺตาปิ อพฺภาจิกฺขนฺตา น ชิริทนฺติ, อพฺภกฺขานสฺส อนฺตํ น คจฺฉนฺตีติ อโตฺถฯ อถ วา ลชฺชนเตฺถ อิทํ ชิริทนฺตีติ ปทํ ทฎฺฐพฺพํ, น ลชฺชนฺตีติ อโตฺถฯ

    294.Pavattamaṃsanti pakatiyā pavattaṃ kappiyamaṃsaṃ, mūlaṃ gahetvā antarāpaṇe pariyesāhīti adhippāyo. Sambahulā nigaṇṭhāti pañcasatamattā nigaṇṭhā. Thūlaṃ pasunti thūlaṃ mahāsarīraṃ gokaṇṇamahiṃsasūkarasaṅkhātaṃ pasuṃ. Uddissakatanti attānaṃ uddisitvā kataṃ, māritanti attho. Paṭiccakammanti ettha kamma-saddo kammasādhano atītakālikoti āha ‘‘attānaṃ paṭicca kata’’nti. Nimittakammassetaṃ adhivacanaṃ ‘‘paṭicca kammaṃ phusatī’’tiādīsu (jā. 1.4.75) viya. Nimittakammassāti nimittabhāvena laddhabbakammassa, na karaṇakārāpanavasena. Paṭiccakammaṃ ettha atthīti maṃsaṃ paṭiccakammaṃ yathā ‘‘buddhaṃ etassa atthīti buddho’’ti. Atha vā paṭicca kammaṃ phusatīti pāṭhaseso daṭṭhabbo, svāyaṃ etaṃ maṃsaṃ paṭicca taṃ pāṇavadhakakammaṃ phusatīti attho. Tañhi akusalaṃ upaḍḍhaṃ dāyakassa, upaḍḍhaṃ paṭiggāhakassa hotīti nesaṃ laddhi. Upakaṇṇaketi kaṇṇamūle. Alanti paṭikkhepavacanaṃ, hotu kiṃ imināti attho. Na ca pana teti ete āyasmantā dīgharattaṃ avaṇṇakāmā hutvā avaṇṇaṃ bhāsantāpi abbhācikkhantā na jiridanti, abbhakkhānassa antaṃ na gacchantīti attho. Atha vā lajjanatthe idaṃ jiridantīti padaṃ daṭṭhabbaṃ, na lajjantīti attho.

    สีหเสนาปติวตฺถุกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Sīhasenāpativatthukathāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวคฺคปาฬิ • Mahāvaggapāḷi / ๑๗๘. สีหเสนาปติวตฺถุ • 178. Sīhasenāpativatthu

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวคฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvagga-aṭṭhakathā / สีหเสนาปติวตฺถุอาทิกถา • Sīhasenāpativatthuādikathā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / สีหเสนาปติวตฺถุอาทิกถาวณฺณนา • Sīhasenāpativatthuādikathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๑๗๘. สีหเสนาปติวตฺถุกถา • 178. Sīhasenāpativatthukathā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact