Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) |
๓. สีหสุตฺตวณฺณนา
3. Sīhasuttavaṇṇanā
๓๓. ตติเย สีโหติ จตฺตาโร สีหา – ติณสีโห, กาฬสีโห, ปณฺฑุสีโห, เกสรสีโหติฯ เตสุ ติณสีโห กโปตวณฺณคาวิสทิโส ติณภโกฺข จ โหติฯ กาฬสีโห กาฬคาวิสทิโส ติณภโกฺขเยวฯ ปณฺฑุสีโห ปณฺฑุปลาสวณฺณคาวิสทิโส มํสภโกฺขฯ เกสรสีโห ลาขาปริกมฺมกเตเนว มุเขน อคฺคนงฺคุเฎฺฐน จตูหิ จ ปาทปริยเนฺตหิ สมนฺนาคโต, มตฺถกโตปิสฺส ปฎฺฐาย ลาขาตูลิกาย กตา วิย ติโสฺส ราชิโย ปิฎฺฐิมเชฺฌน คนฺตฺวา อนฺตรสตฺถิมฺหิ ทกฺขิณาวตฺตา หุตฺวา ฐิตาฯ ขเนฺธ ปนสฺส สตสหสฺสคฺฆนิกกมฺพลปริเกฺขโป วิย เกสรภาโร โหติ, อวเสสฎฺฐานํ ปริสุทฺธสาลิปิณฺฑสงฺขจุณฺณปิณฺฑวณฺณํ โหติฯ อิเมสุ จตูสุ สีเหสุ อยํ เกสรสีโห อิธ อธิเปฺปโตฯ
33. Tatiye sīhoti cattāro sīhā – tiṇasīho, kāḷasīho, paṇḍusīho, kesarasīhoti. Tesu tiṇasīho kapotavaṇṇagāvisadiso tiṇabhakkho ca hoti. Kāḷasīho kāḷagāvisadiso tiṇabhakkhoyeva. Paṇḍusīho paṇḍupalāsavaṇṇagāvisadiso maṃsabhakkho. Kesarasīho lākhāparikammakateneva mukhena agganaṅguṭṭhena catūhi ca pādapariyantehi samannāgato, matthakatopissa paṭṭhāya lākhātūlikāya katā viya tisso rājiyo piṭṭhimajjhena gantvā antarasatthimhi dakkhiṇāvattā hutvā ṭhitā. Khandhe panassa satasahassagghanikakambalaparikkhepo viya kesarabhāro hoti, avasesaṭṭhānaṃ parisuddhasālipiṇḍasaṅkhacuṇṇapiṇḍavaṇṇaṃ hoti. Imesu catūsu sīhesu ayaṃ kesarasīho idha adhippeto.
มิคราชาติ สพฺพมิคคณสฺส ราชาฯ อาสยาติ วสนฎฺฐานโต, สุวณฺณคุหโต วา รชตมณิผลิกมโนสิลาคุหโต วา นิกฺขมตีติ วุตฺตํ โหติฯ นิกฺขมมาโน ปเนส จตูหิ การเณหิ นิกฺขมติ อนฺธการปีฬิโต วา อาโลกตฺถาย, อุจฺจารปสฺสาวปีฬิโต วา เตสํ วิสฺสชฺชนตฺถาย, ชิฆจฺฉาปีฬิโต วา โคจรตฺถาย, สมฺภวปีฬิโต วา อสฺสทฺธมฺมปฎิเสวนตฺถายฯ อิธ ปน โคจรตฺถาย นิกฺขมโนฺต อธิเปฺปโตฯ
Migarājāti sabbamigagaṇassa rājā. Āsayāti vasanaṭṭhānato, suvaṇṇaguhato vā rajatamaṇiphalikamanosilāguhato vā nikkhamatīti vuttaṃ hoti. Nikkhamamāno panesa catūhi kāraṇehi nikkhamati andhakārapīḷito vā ālokatthāya, uccārapassāvapīḷito vā tesaṃ vissajjanatthāya, jighacchāpīḷito vā gocaratthāya, sambhavapīḷito vā assaddhammapaṭisevanatthāya. Idha pana gocaratthāya nikkhamanto adhippeto.
วิชมฺภตีติ สุวณฺณตเล วา รชตมณิผลิกมโนสิลาตลานํ วา อญฺญตรสฺมิํ เทฺว ปจฺฉิมปาเท สมํ ปติฎฺฐาเปตฺวา ปุริมปาเท ปุรโต ปสาเรตฺวา สรีรสฺส ปจฺฉาภาคํ อากฑฺฒิตฺวา ปุริมภาคํ อภิหริตฺวา ปิฎฺฐิํ นาเมตฺวา คีวํ อุกฺขิปิตฺวา อสนิสทฺทํ กโรโนฺต วิย นาสปุฎานิ โปเถตฺวา สรีรลคฺคํ รชํ วิธุนโนฺต วิชมฺภติฯ วิชมฺภนภูมิยญฺจ ปน ตรุณวจฺฉโก วิย อปราปรํ ชวติ, ชวโต ปนสฺส สรีรํ อนฺธกาเร ปริพฺภมนฺตํ อลาตํ วิย ขายติฯ
Vijambhatīti suvaṇṇatale vā rajatamaṇiphalikamanosilātalānaṃ vā aññatarasmiṃ dve pacchimapāde samaṃ patiṭṭhāpetvā purimapāde purato pasāretvā sarīrassa pacchābhāgaṃ ākaḍḍhitvā purimabhāgaṃ abhiharitvā piṭṭhiṃ nāmetvā gīvaṃ ukkhipitvā asanisaddaṃ karonto viya nāsapuṭāni pothetvā sarīralaggaṃ rajaṃ vidhunanto vijambhati. Vijambhanabhūmiyañca pana taruṇavacchako viya aparāparaṃ javati, javato panassa sarīraṃ andhakāre paribbhamantaṃ alātaṃ viya khāyati.
อนุวิโลเกตีติ กสฺมา อนุวิโลเกติ? ปรานุทฺทยตายฯ ตสฺมิํ กิร สีหนาทํ นทเนฺต ปปาตาวาฎาทีสุ วิสมฎฺฐาเนสุ จรนฺตา หตฺถิโคกณฺณมหิํสาทโย ปาณา ปปาเตปิ อาวาเฎปิ ปตนฺติ, เตสํ อนุทฺทยาย อนุวิโลเกติฯ กิํ ปนสฺส ลุทฺทสฺส ปรมํสขาทิโน อนุทฺทยา นาม อตฺถีติ? อาม อตฺถิฯ ตถา หิ ‘‘กิํ เม พหูหิ ฆาติเตหี’’ติ อตฺตโน โคจรตฺถายาปิ ขุทฺทเก ปาเณ น คณฺหาติฯ เอวํ อนุทฺทยํ กโรติ, วุตฺตมฺปิ เจตํ – ‘‘มาหํ ขุทฺทเก ปาเณ วิสมคเต สงฺฆาตํ อาปาเทสิ’’นฺติ (อ. นิ. ๑๐.๒๑)ฯ
Anuviloketīti kasmā anuviloketi? Parānuddayatāya. Tasmiṃ kira sīhanādaṃ nadante papātāvāṭādīsu visamaṭṭhānesu carantā hatthigokaṇṇamahiṃsādayo pāṇā papātepi āvāṭepi patanti, tesaṃ anuddayāya anuviloketi. Kiṃ panassa luddassa paramaṃsakhādino anuddayā nāma atthīti? Āma atthi. Tathā hi ‘‘kiṃ me bahūhi ghātitehī’’ti attano gocaratthāyāpi khuddake pāṇe na gaṇhāti. Evaṃ anuddayaṃ karoti, vuttampi cetaṃ – ‘‘māhaṃ khuddake pāṇe visamagate saṅghātaṃ āpādesi’’nti (a. ni. 10.21).
สีหนาทํ นทตีติ ติกฺขตฺตุํ ตาว อภีตนาทํ นทติฯ เอวญฺจ ปนสฺส วิชมฺภนภูมิยํ ฐตฺวา นทนฺตสฺส สโทฺท สมนฺตา ติโยชนปเทสํ เอกนินฺนาทํ กโรติ, ตมสฺส นินฺนาทํ สุตฺวา ติโยชนพฺภนฺตรคตา ทฺวิปทจตุปฺปทคณา ยถาฐาเน ฐาตุํ น สโกฺกนฺติฯ โคจราย ปกฺกมตีติ อาหารตฺถาย คจฺฉติฯ กถํ? โส หิ วิชมฺภนภูมิยํ ฐตฺวา ทกฺขิณโต วา วามโต วา อุปฺปตโนฺต อุสภมตฺตํ ฐานํ คณฺหาติ, อุทฺธํ อุปฺปตโนฺต จตฺตาริปิ อฎฺฐปิ อุสภฎฺฐานานิ อุปฺปตติ, สเม ฐาเน อุชุกํ ปกฺขนฺทโนฺต โสฬสอุสภมตฺตมฺปิ วีสติอุสภมตฺตมฺปิ ฐานํ ปกฺขนฺทติ, ถลา วา ปพฺพตา วา ปกฺขนฺทโนฺต สฎฺฐิอุสภมตฺตมฺปิ อสีติอุสภมตฺตมฺปิ ฐานํ ปกฺขนฺทติ, อนฺตรามเคฺค รุกฺขํ วา ปพฺพตํ วา ทิสฺวา ตํ ปริหรโนฺต วามโต วา ทกฺขิณโต วา อุทฺธํ วา อุสภมตฺตํ อปกฺกมติฯ ตติยํ ปน สีหนาทํ นทิตฺวา เตเนว สทฺธิํ ติโยชเน ฐาเน ปญฺญายติ, ติโยชนํ คนฺตฺวา นิวตฺติตฺวา ฐิโต อตฺตโนว นาทสฺส อนุนาทํ สุณาติฯ เอวํ สีเฆน ชเวน ปกฺกมติฯ
Sīhanādaṃ nadatīti tikkhattuṃ tāva abhītanādaṃ nadati. Evañca panassa vijambhanabhūmiyaṃ ṭhatvā nadantassa saddo samantā tiyojanapadesaṃ ekaninnādaṃ karoti, tamassa ninnādaṃ sutvā tiyojanabbhantaragatā dvipadacatuppadagaṇā yathāṭhāne ṭhātuṃ na sakkonti. Gocarāya pakkamatīti āhāratthāya gacchati. Kathaṃ? So hi vijambhanabhūmiyaṃ ṭhatvā dakkhiṇato vā vāmato vā uppatanto usabhamattaṃ ṭhānaṃ gaṇhāti, uddhaṃ uppatanto cattāripi aṭṭhapi usabhaṭṭhānāni uppatati, same ṭhāne ujukaṃ pakkhandanto soḷasausabhamattampi vīsatiusabhamattampi ṭhānaṃ pakkhandati, thalā vā pabbatā vā pakkhandanto saṭṭhiusabhamattampi asītiusabhamattampi ṭhānaṃ pakkhandati, antarāmagge rukkhaṃ vā pabbataṃ vā disvā taṃ pariharanto vāmato vā dakkhiṇato vā uddhaṃ vā usabhamattaṃ apakkamati. Tatiyaṃ pana sīhanādaṃ naditvā teneva saddhiṃ tiyojane ṭhāne paññāyati, tiyojanaṃ gantvā nivattitvā ṭhito attanova nādassa anunādaṃ suṇāti. Evaṃ sīghena javena pakkamati.
เยภุเยฺยนาติ ปาเยนฯ ภยํ สนฺตาสํ สํเวคนฺติ สพฺพํ จิตฺตุตฺราสเสฺสว นามํฯ สีหสฺส หิ สทฺทํ สุตฺวา พหู ภายนฺติ, อปฺปกา น ภายนฺติฯ เก ปน เตติ? สมสีโห หตฺถาชานีโย อสฺสาชานีโย อุสภาชานีโย ปุริสาชานีโย ขีณาสโวติฯ กสฺมา ปเนเต น ภายนฺตีติ? สมสีโห ตาว ‘‘ชาติโคตฺตกุลสูรภาเวหิ สมาโนสฺมี’’ติ น ภายติ, หตฺถาชานียาทโย อตฺตโน สกฺกายทิฎฺฐิพลวตาย น ภายนฺติ, ขีณาสโว สกฺกายทิฎฺฐิยา ปหีนตฺตา น ภายติฯ
Yebhuyyenāti pāyena. Bhayaṃ santāsaṃ saṃveganti sabbaṃ cittutrāsasseva nāmaṃ. Sīhassa hi saddaṃ sutvā bahū bhāyanti, appakā na bhāyanti. Ke pana teti? Samasīho hatthājānīyo assājānīyo usabhājānīyo purisājānīyo khīṇāsavoti. Kasmā panete na bhāyantīti? Samasīho tāva ‘‘jātigottakulasūrabhāvehi samānosmī’’ti na bhāyati, hatthājānīyādayo attano sakkāyadiṭṭhibalavatāya na bhāyanti, khīṇāsavo sakkāyadiṭṭhiyā pahīnattā na bhāyati.
พิลาสยาติ พิเล สยนฺตา พิลวาสิโน อหินกุลโคธาทโยฯ อุทกาสยาติ อุทกวาสิโน มจฺฉกจฺฉปาทโยฯ วนาสยาติ วนวาสิโน หตฺถิอสฺสโคกณฺณมิคาทโยฯ ปวิสนฺตีติ ‘‘อิทานิ อาคนฺตฺวา คณฺหิสฺสตี’’ติ มคฺคํ โอโลเกตฺวา ปวิสนฺติฯ ทเฬฺหหีติ ถิเรหิฯ วรเตฺตหีติ จมฺมรชฺชูหิฯ มหิทฺธิโกติอาทีสุ วิชมฺภนภูมิยํ ฐตฺวา ทกฺขิณปสฺสาทีหิ อุสภมตฺตํ, อุชุํ วีสติอุสภมตฺตาทิลงฺฆนวเสน มหิทฺธิกตา, เสสมิคานํ อธิปติภาเวน มเหสกฺขตา, สมนฺตา ติโยชนฎฺฐาเน สทฺทํ สุตฺวา ปลายนฺตานํ วเสน มหานุภาวตา เวทิตพฺพาฯ
Bilāsayāti bile sayantā bilavāsino ahinakulagodhādayo. Udakāsayāti udakavāsino macchakacchapādayo. Vanāsayāti vanavāsino hatthiassagokaṇṇamigādayo. Pavisantīti ‘‘idāni āgantvā gaṇhissatī’’ti maggaṃ oloketvā pavisanti. Daḷhehīti thirehi. Varattehīti cammarajjūhi. Mahiddhikotiādīsu vijambhanabhūmiyaṃ ṭhatvā dakkhiṇapassādīhi usabhamattaṃ, ujuṃ vīsatiusabhamattādilaṅghanavasena mahiddhikatā, sesamigānaṃ adhipatibhāvena mahesakkhatā, samantā tiyojanaṭṭhāne saddaṃ sutvā palāyantānaṃ vasena mahānubhāvatā veditabbā.
เอวเมว โขติ ภควา เตสุ เตสุ สุตฺตเนฺตสุ ตถา ตถา อตฺตานํ กเถสิฯ ‘‘สีโหติ โข, ภิกฺขเว, ตถาคตเสฺสตํ อธิวจนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติ (อ. นิ. ๕.๙๙; ๑๐.๒๑) อิมสฺมิํ ตาว สุเตฺต สีหสทิสํ อตฺตานํ กเถสิฯ ‘‘ภิสโกฺก สลฺลกโตฺตติ โข, สุนกฺขตฺต, ตถาคตเสฺสตํ อธิวจน’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๖๕) อิมสฺมิํ เวชฺชสทิสํ, ‘‘พฺราหฺมโณติ โข, ภิกฺขเว, ตถาคตเสฺสตํ อธิวจน’’นฺติ (อ. นิ. ๘.๘๕) อิมสฺมิํ พฺราหฺมณสทิสํ, ‘‘ปุริโส มคฺคกุสโลติ โข, ติสฺส, ตถาคตเสฺสตํ อธิวจน’’นฺติ (สํ. นิ. ๓.๘๔) อิมสฺมิํ มคฺคเทสกปุริสสทิสํ, ‘‘ราชาหมสฺมิ, เสลา’’ติ (สุ. นิ. ๕๕๙; ม. นิ. ๒.๓๙๙) อิมสฺมิํ ราชสทิสํฯ อิมสฺมิํ ปน สุเตฺต สีหสทิสเมว กตฺวา อตฺตานํ กเถโนฺต เอวมาหฯ
Evameva khoti bhagavā tesu tesu suttantesu tathā tathā attānaṃ kathesi. ‘‘Sīhoti kho, bhikkhave, tathāgatassetaṃ adhivacanaṃ arahato sammāsambuddhassā’’ti (a. ni. 5.99; 10.21) imasmiṃ tāva sutte sīhasadisaṃ attānaṃ kathesi. ‘‘Bhisakko sallakattoti kho, sunakkhatta, tathāgatassetaṃ adhivacana’’nti (ma. ni. 3.65) imasmiṃ vejjasadisaṃ, ‘‘brāhmaṇoti kho, bhikkhave, tathāgatassetaṃ adhivacana’’nti (a. ni. 8.85) imasmiṃ brāhmaṇasadisaṃ, ‘‘puriso maggakusaloti kho, tissa, tathāgatassetaṃ adhivacana’’nti (saṃ. ni. 3.84) imasmiṃ maggadesakapurisasadisaṃ, ‘‘rājāhamasmi, selā’’ti (su. ni. 559; ma. ni. 2.399) imasmiṃ rājasadisaṃ. Imasmiṃ pana sutte sīhasadisameva katvā attānaṃ kathento evamāha.
ตตฺรายํ สทิสตา – สีหสฺส กญฺจนคุหาทีสุ วสนกาโล วิย หิ ตถาคตสฺส ทีปงฺกรปาทมูเล กตาภินีหารสฺส อปริมิตกาลํ ปารมิโย ปูเรตฺวา ปจฺฉิมภเว ปฎิสนฺธิคฺคหเณน เจว มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมเนน จ ทสสหสฺสิโลกธาตุํ กเมฺปตฺวา วุทฺธิมนฺวาย ทิพฺพสมฺปตฺติสทิสํ สมฺปตฺติํ อนุภวมานสฺส ตีสุ ปาสาเทสุ นิวาสกาโล ทฎฺฐโพฺพฯ สีหสฺส กญฺจนคุหาทิโต นิกฺขนฺตกาโล วิย ตถาคตสฺส เอกูนติํสสํวจฺฉเร วิวเฎน ทฺวาเรน กณฺฑกํ อารุยฺห ฉนฺนสหายสฺส นิกฺขมิตฺวา ตีณิ รชฺชานิ อติกฺกมิตฺวา อโนมานทีตีเร พฺรหฺมุนา ทินฺนานิ กาสายานิ ปริทหิตฺวา ปพฺพชิตสฺส สตฺตเม ทิวเส ราชคหํ คนฺตฺวา ตตฺถ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปณฺฑวคิริปพฺภาเร กตภตฺตกิจฺจสฺส สมฺมาสโมฺพธิํ ปตฺวา ปฐมเมว มคธรฎฺฐํ อาคมนตฺถาย ยาว รโญฺญ ปฎิญฺญาทานกาโลฯ
Tatrāyaṃ sadisatā – sīhassa kañcanaguhādīsu vasanakālo viya hi tathāgatassa dīpaṅkarapādamūle katābhinīhārassa aparimitakālaṃ pāramiyo pūretvā pacchimabhave paṭisandhiggahaṇena ceva mātukucchito nikkhamanena ca dasasahassilokadhātuṃ kampetvā vuddhimanvāya dibbasampattisadisaṃ sampattiṃ anubhavamānassa tīsu pāsādesu nivāsakālo daṭṭhabbo. Sīhassa kañcanaguhādito nikkhantakālo viya tathāgatassa ekūnatiṃsasaṃvacchare vivaṭena dvārena kaṇḍakaṃ āruyha channasahāyassa nikkhamitvā tīṇi rajjāni atikkamitvā anomānadītīre brahmunā dinnāni kāsāyāni paridahitvā pabbajitassa sattame divase rājagahaṃ gantvā tattha piṇḍāya caritvā paṇḍavagiripabbhāre katabhattakiccassa sammāsambodhiṃ patvā paṭhamameva magadharaṭṭhaṃ āgamanatthāya yāva rañño paṭiññādānakālo.
สีหสฺส วิชมฺภนกาโล วิย ตถาคตสฺส ทินฺนปฎิญฺญสฺส อาฬารกาลามอุปสงฺกมนํ อาทิํ กตฺวา ยาว สุชาตาย ทินฺนปายาสสฺส เอกูนปณฺณาสาย ปิเณฺฑหิ ปริภุตฺตกาโล เวทิตโพฺพฯ สีหสฺส สรีรวิธุนนํ วิย สายนฺหสมเย โสตฺติเยน ทินฺนา อฎฺฐ ติณมุฎฺฐิโย คเหตฺวา ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตาหิ โถมิยมานสฺส คนฺธาทีหิ ปูชิยมานสฺส ติกฺขตฺตุํ โพธิํ ปทกฺขิณํ กตฺวา โพธิมณฺฑํ อารุยฺห จุทฺทสหตฺถุเพฺพเธ ฐาเน ติณสนฺถรํ อตฺถริตฺวา จตุรงฺควีริยํ อธิฎฺฐาย นิสินฺนสฺส ตํขณเญฺญว มารพลํ วิธเมตฺวา ตีสุ ยาเมสุ ติโสฺส วิชฺชา วิโสเธตฺวา อนุโลมปฺปฎิโลมํ ปฎิจฺจสมุปฺปาทมหาสมุทฺทํ ยมกญาณมนฺถเนน มเนฺถนฺตสฺส สพฺพญฺญุตญฺญาเณ ปฎิวิเทฺธ ตทนุภาเวน ทสสหสฺสิโลกธาตุกมฺปนํ เวทิตพฺพํฯ
Sīhassa vijambhanakālo viya tathāgatassa dinnapaṭiññassa āḷārakālāmaupasaṅkamanaṃ ādiṃ katvā yāva sujātāya dinnapāyāsassa ekūnapaṇṇāsāya piṇḍehi paribhuttakālo veditabbo. Sīhassa sarīravidhunanaṃ viya sāyanhasamaye sottiyena dinnā aṭṭha tiṇamuṭṭhiyo gahetvā dasasahassacakkavāḷadevatāhi thomiyamānassa gandhādīhi pūjiyamānassa tikkhattuṃ bodhiṃ padakkhiṇaṃ katvā bodhimaṇḍaṃ āruyha cuddasahatthubbedhe ṭhāne tiṇasantharaṃ attharitvā caturaṅgavīriyaṃ adhiṭṭhāya nisinnassa taṃkhaṇaññeva mārabalaṃ vidhametvā tīsu yāmesu tisso vijjā visodhetvā anulomappaṭilomaṃ paṭiccasamuppādamahāsamuddaṃ yamakañāṇamanthanena manthentassa sabbaññutaññāṇe paṭividdhe tadanubhāvena dasasahassilokadhātukampanaṃ veditabbaṃ.
สีหสฺส จตุทิสาวิโลกนํ วิย ปฎิวิทฺธสพฺพญฺญุตญฺญาณสฺส สตฺตสตฺตาหํ โพธิมเณฺฑ วิหริตฺวา ปริภุตฺตมธุปิณฺฑิกาหารสฺส อชปาลนิโคฺรธมูเล มหาพฺรหฺมุโน ธมฺมเทสนายาจนํ ปฎิคฺคเหตฺวา ตตฺถ วิหรนฺตสฺส เอกาทสเม ทิวเส ‘‘เสฺว อาสาฬฺหิปุณฺณมา ภวิสฺสตี’’ติ ปจฺจูสสมเย ‘‘กสฺส นุ โข อหํ ปฐมํ ธมฺมํ เทเสยฺย’’นฺติ อาฬารุทกานํ กาลกตภาวํ ญตฺวา ธมฺมเทสนตฺถาย ปญฺจวคฺคิยานํ โอโลกนํ ทฎฺฐพฺพํฯ สีหสฺส โคจรตฺถาย ติโยชนํ คมนกาโล วิย อตฺตโน ปตฺตจีวรํ อาทาย ‘‘ปญฺจวคฺคิยานํ ธมฺมจกฺกํ ปวเตฺตสฺสามี’’ติ ปจฺฉาภเตฺต อชปาลนิโคฺรธโต วุฎฺฐิตสฺส อฎฺฐารสโยชนมคฺคํ คมนกาโลฯ
Sīhassa catudisāvilokanaṃ viya paṭividdhasabbaññutaññāṇassa sattasattāhaṃ bodhimaṇḍe viharitvā paribhuttamadhupiṇḍikāhārassa ajapālanigrodhamūle mahābrahmuno dhammadesanāyācanaṃ paṭiggahetvā tattha viharantassa ekādasame divase ‘‘sve āsāḷhipuṇṇamā bhavissatī’’ti paccūsasamaye ‘‘kassa nu kho ahaṃ paṭhamaṃ dhammaṃ deseyya’’nti āḷārudakānaṃ kālakatabhāvaṃ ñatvā dhammadesanatthāya pañcavaggiyānaṃ olokanaṃ daṭṭhabbaṃ. Sīhassa gocaratthāya tiyojanaṃ gamanakālo viya attano pattacīvaraṃ ādāya ‘‘pañcavaggiyānaṃ dhammacakkaṃ pavattessāmī’’ti pacchābhatte ajapālanigrodhato vuṭṭhitassa aṭṭhārasayojanamaggaṃ gamanakālo.
สีหสฺส สีหนาทกาโล วิย ตถาคตสฺส อฎฺฐารสโยชนมคฺคํ คนฺตฺวา ปญฺจวคฺคิเย สญฺญาเปตฺวา อจลปลฺลเงฺก นิสินฺนสฺส ทสหิ จกฺกวาฬสหเสฺสหิ สนฺนิปติเตน เทวคเณน ปริวุตสฺส ‘‘เทฺวเม, ภิกฺขเว, อนฺตา ปพฺพชิเตน น เสวิตพฺพา’’ติอาทินา นเยน ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนกาโล เวทิตโพฺพฯ อิมสฺมิํ จ ปน ปเท เทสิยมาเน ตถาคตสีหสฺส ธมฺมโฆโส เหฎฺฐา อวีจิํ อุปริ ภวคฺคํ คเหตฺวา ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ปฎิจฺฉาเทสิฯ สีหสฺส สเทฺทน ขุทฺทกปาณานํ สนฺตาสาปชฺชนกาโล วิย ตถาคตสฺส ตีณิ ลกฺขณานิ ทีเปตฺวา จตฺตาริ สจฺจานิ โสฬสหากาเรหิ สฎฺฐิยา จ นยสหเสฺสหิ วิภชิตฺวา ธมฺมํ กเถนฺตสฺส ทีฆายุกานํ เทวานํ ญาณสนฺตาสสฺส อุปฺปตฺติกาโล เวทิตโพฺพฯ
Sīhassa sīhanādakālo viya tathāgatassa aṭṭhārasayojanamaggaṃ gantvā pañcavaggiye saññāpetvā acalapallaṅke nisinnassa dasahi cakkavāḷasahassehi sannipatitena devagaṇena parivutassa ‘‘dveme, bhikkhave, antā pabbajitena na sevitabbā’’tiādinā nayena dhammacakkappavattanakālo veditabbo. Imasmiṃ ca pana pade desiyamāne tathāgatasīhassa dhammaghoso heṭṭhā avīciṃ upari bhavaggaṃ gahetvā dasasahassilokadhātuṃ paṭicchādesi. Sīhassa saddena khuddakapāṇānaṃ santāsāpajjanakālo viya tathāgatassa tīṇi lakkhaṇāni dīpetvā cattāri saccāni soḷasahākārehi saṭṭhiyā ca nayasahassehi vibhajitvā dhammaṃ kathentassa dīghāyukānaṃ devānaṃ ñāṇasantāsassa uppattikālo veditabbo.
อปโร นโย – สีโห วิย สพฺพญฺญุตํ ปโตฺต ตถาคโต, อาสยภูตาย กนกคุหาย นิกฺขมนํ วิย คนฺธกุฎิโต นิกฺขมนกาโล, วิชมฺภนํ วิย ธมฺมสภํ อุปสงฺกมนกาโล, ทิสาวิโลกนํ วิย ปริสาวิโลกนํ, สีหนาทนทนํ วิย ธมฺมเทสนากาโล, โคจราย ปกฺกมนํ วิย ปรวาทนิมฺมทฺทนตฺถาย คมนํฯ
Aparo nayo – sīho viya sabbaññutaṃ patto tathāgato, āsayabhūtāya kanakaguhāya nikkhamanaṃ viya gandhakuṭito nikkhamanakālo, vijambhanaṃ viya dhammasabhaṃ upasaṅkamanakālo, disāvilokanaṃ viya parisāvilokanaṃ, sīhanādanadanaṃ viya dhammadesanākālo, gocarāya pakkamanaṃ viya paravādanimmaddanatthāya gamanaṃ.
อปโร นโย – สีโห วิย ตถาคโต, หิมวนฺตนิสฺสิตาย กญฺจนคุหาย นิกฺขมนํ วิย อารมฺมณวเสน นิพฺพานนิสฺสิตาย ผลสมาปตฺติยา วุฎฺฐานํ, วิชมฺภนํ วิย ปจฺจเวกฺขณญาณํ, ทิสาวิโลกนํ วิย เวเนยฺยสตฺตวิโลกนํ, สีหนาโท วิย สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมเทสนา, โคจราย ปกฺกมนํ วิย อสมฺปตฺตานํ เวเนยฺยสตฺตานํ สนฺติกูปสงฺกมนํ เวทิตพฺพํฯ
Aparo nayo – sīho viya tathāgato, himavantanissitāya kañcanaguhāya nikkhamanaṃ viya ārammaṇavasena nibbānanissitāya phalasamāpattiyā vuṭṭhānaṃ, vijambhanaṃ viya paccavekkhaṇañāṇaṃ, disāvilokanaṃ viya veneyyasattavilokanaṃ, sīhanādo viya sampattaparisāya dhammadesanā, gocarāya pakkamanaṃ viya asampattānaṃ veneyyasattānaṃ santikūpasaṅkamanaṃ veditabbaṃ.
ยทาติ ยสฺมิํ กาเลฯ ตถาคโตติ เหฎฺฐา วุเตฺตหิ อฎฺฐหิ การเณหิ ตถาคโตฯ โลเกติ สตฺตโลเกฯ อุปฺปชฺชตีติ อภินีหารโต ปฎฺฐาย ยาว โพธิปลฺลงฺกา วา อรหตฺตมคฺคญาณา วา อุปฺปชฺชติ นาม, อรหตฺตผเล ปน ปเตฺต อุปฺปโนฺน นามฯ อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธติอาทีนิ วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๒๔ อาทโย) พุทฺธานุสฺสตินิเทฺทเส วิตฺถาริตานิฯ
Yadāti yasmiṃ kāle. Tathāgatoti heṭṭhā vuttehi aṭṭhahi kāraṇehi tathāgato. Loketi sattaloke. Uppajjatīti abhinīhārato paṭṭhāya yāva bodhipallaṅkā vā arahattamaggañāṇā vā uppajjati nāma, arahattaphale pana patte uppanno nāma. Arahaṃ sammāsambuddhotiādīni visuddhimagge (visuddhi. 1.124 ādayo) buddhānussatiniddese vitthāritāni.
อิติ สกฺกาโยติ อยํ สกฺกาโย, เอตฺตโก สกฺกาโย, น อิโต ภิโยฺย สกฺกาโย อตฺถีติฯ เอตฺตาวตา สภาวโต สรสโต ปริยนฺตโต ปริเจฺฉทโต ปริวฎุมโต สเพฺพปิ ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา ทสฺสิตา โหนฺติฯ อิติ สกฺกายสมุทโยติ อยํ สกฺกายสฺส สมุทโย นามฯ เอตฺตาวตา ‘‘อาหารสมุทยา รูปสมุทโย’’ติอาทิ สพฺพํ ทสฺสิตํ โหติฯ อิติ สกฺกายสฺส อตฺถงฺคโมติ อยํ สกฺกายสฺส อตฺถงฺคโมฯ อิมินาปิ ‘‘อาหารนิโรธา รูปนิโรโธ’’ติอาทิ สพฺพํ ทสฺสิตํ โหติฯ
Iti sakkāyoti ayaṃ sakkāyo, ettako sakkāyo, na ito bhiyyo sakkāyo atthīti. Ettāvatā sabhāvato sarasato pariyantato paricchedato parivaṭumato sabbepi pañcupādānakkhandhā dassitā honti. Iti sakkāyasamudayoti ayaṃ sakkāyassa samudayo nāma. Ettāvatā ‘‘āhārasamudayā rūpasamudayo’’tiādi sabbaṃ dassitaṃ hoti. Iti sakkāyassa atthaṅgamoti ayaṃ sakkāyassa atthaṅgamo. Imināpi ‘‘āhāranirodhā rūpanirodho’’tiādi sabbaṃ dassitaṃ hoti.
วณฺณวโนฺตติ สรีรวเณฺณน วณฺณวโนฺตฯ ธมฺมเทสนํ สุตฺวาติ ปญฺจสุ ขเนฺธสุ ปณฺณาสลกฺขณปฺปฎิมณฺฑิตํ ตถาคตสฺส ธมฺมเทสนํ สุตฺวาฯ เยภุเยฺยนาติ อิธ เก ฐเปติ? อริยสาวเก เทเวฯ เตสํ หิ ขีณาสวตฺตา จิตฺตุตฺราสภยมฺปิ น อุปฺปชฺชติ, สํวิคฺคสฺส โยนิโส ปธาเนน ปตฺตพฺพํ ปตฺตตาย ญาณสํเวโคปิฯ อิตราสํ ปน เทวตานํ ‘‘ตาโส เหโส, ภิกฺขเว, อนิจฺจ’’นฺติ มนสิกโรนฺตานํ จิตฺตุตฺราสภยมฺปิ, พลววิปสฺสนากาเล ญาณภยมฺปิ อุปฺปชฺชติฯ โภติ ธมฺมาลปนมตฺตเมตํฯ สกฺกายปริยาปนฺนาติ ปญฺจกฺขนฺธปริยาปนฺนาฯ อิติ เตสํ สมฺมาสมฺพุเทฺธ วฎฺฎโทสํ ทเสฺสตฺวา ติลกฺขณาหตํ กตฺวา ธมฺมํ เทเสเนฺต ญาณภยํ นาม โอกฺกมติฯ
Vaṇṇavantoti sarīravaṇṇena vaṇṇavanto. Dhammadesanaṃ sutvāti pañcasu khandhesu paṇṇāsalakkhaṇappaṭimaṇḍitaṃ tathāgatassa dhammadesanaṃ sutvā. Yebhuyyenāti idha ke ṭhapeti? Ariyasāvake deve. Tesaṃ hi khīṇāsavattā cittutrāsabhayampi na uppajjati, saṃviggassa yoniso padhānena pattabbaṃ pattatāya ñāṇasaṃvegopi. Itarāsaṃ pana devatānaṃ ‘‘tāso heso, bhikkhave, anicca’’nti manasikarontānaṃ cittutrāsabhayampi, balavavipassanākāle ñāṇabhayampi uppajjati. Bhoti dhammālapanamattametaṃ. Sakkāyapariyāpannāti pañcakkhandhapariyāpannā. Iti tesaṃ sammāsambuddhe vaṭṭadosaṃ dassetvā tilakkhaṇāhataṃ katvā dhammaṃ desente ñāṇabhayaṃ nāma okkamati.
อภิญฺญายาติ ชานิตฺวาฯ ธมฺมจกฺกนฺติ ปฎิเวธญาณมฺปิ เทสนาญาณมฺปิฯ ปฎิเวธญาณํ นาม เยน ญาเณน โพธิปลฺลเงฺก นิสิโนฺน จตฺตาริ สจฺจานิ โสฬสหากาเรหิ สฎฺฐิยา จ นยสหเสฺสหิ ปฎิวิชฺฌิฯ เทสนาญาณํ นาม เยน ญาเณน ติปริวฎฺฎํ ทฺวาทสาการํ ธมฺมจกฺกํ ปวเตฺตสิฯ อุภยเมฺปตํ ทสพลสฺส อุเร ชาตญาณเมวฯ เตสุ ธมฺมเทสนาญาณํ คเหตพฺพํฯ ตํ ปเนส ยาว อฎฺฐารสพฺรหฺมโกฎีหิ สทฺธิํ อญฺญาโกณฺฑญฺญเตฺถรสฺส โสตาปตฺติผลํ น อุปฺปชฺชติ, ตาว ปวเตฺตติ นามฯ ตสฺมิํ อุปฺปเนฺน ปวตฺติตํ นาม โหตีติ เวทิตพฺพํฯ อปฺปฎิปุคฺคโลติ สทิสปุคฺคลรหิโตฯ ยสสฺสิโนติ ปริวารสมฺปนฺนาฯ ตาทิโนติ ลาภาลาภาทีหิ เอกสทิสสฺสฯ
Abhiññāyāti jānitvā. Dhammacakkanti paṭivedhañāṇampi desanāñāṇampi. Paṭivedhañāṇaṃ nāma yena ñāṇena bodhipallaṅke nisinno cattāri saccāni soḷasahākārehi saṭṭhiyā ca nayasahassehi paṭivijjhi. Desanāñāṇaṃ nāma yena ñāṇena tiparivaṭṭaṃ dvādasākāraṃ dhammacakkaṃ pavattesi. Ubhayampetaṃ dasabalassa ure jātañāṇameva. Tesu dhammadesanāñāṇaṃ gahetabbaṃ. Taṃ panesa yāva aṭṭhārasabrahmakoṭīhi saddhiṃ aññākoṇḍaññattherassa sotāpattiphalaṃ na uppajjati, tāva pavatteti nāma. Tasmiṃ uppanne pavattitaṃ nāma hotīti veditabbaṃ. Appaṭipuggaloti sadisapuggalarahito. Yasassinoti parivārasampannā. Tādinoti lābhālābhādīhi ekasadisassa.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๓. สีหสุตฺตํ • 3. Sīhasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๓. สีหสุตฺตวณฺณนา • 3. Sīhasuttavaṇṇanā