Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) |
๒. สีหสุตฺตวณฺณนา
2. Sīhasuttavaṇṇanā
๑๒. ทุติเย อภิญฺญาตาติ ญาตา ปญฺญาตา ปากฎาฯ สนฺถาคาเรติ มหาชนสฺส วิสฺสมนตฺถาย กเต อคาเรฯ สา กิร สนฺถาคารสาลา นครมเชฺฌ อโหสิ, จตูสุ ฐาเนสุ ฐิตานํ ปญฺญายติ, จตูหิ ทิสาหิ อาคตมนุสฺสา ปฐมํ ตตฺถ วิสฺสมิตฺวา ปจฺฉา อตฺตโน อตฺตโน ผาสุกฎฺฐานํ คจฺฉนฺติฯ ราชกุลานํ รชฺชกิจฺจสนฺถรณตฺถาย กตํ อคารนฺติปิ วทนฺติเยวฯ ตตฺถ หิ นิสีทิตฺวา ลิจฺฉวิราชาโน รชฺชกิจฺจํ สนฺถรนฺติ กโรนฺติ วิจาเรนฺติฯ สนฺนิสินฺนาติ เตสํ นิสีทนตฺถเญฺญว ปญฺญเตฺตสุ มหารหวรปจฺจตฺถรเณสุ สมุสฺสิตเสตจฺฉเตฺตสุ อาสเนสุ สนฺนิสินฺนาฯ อเนกปริยาเยน พุทฺธสฺส วณฺณํ ภาสนฺตีติ ราชกุเล กิจฺจเญฺจว โลกตฺถจริยญฺจ วิจาเรตฺวา อเนเกหิ การเณหิ พุทฺธสฺส วณฺณํ ภาสนฺติ กเถนฺติ ทีเปนฺติฯ ปณฺฑิตา หิ เต ราชาโน สทฺธา ปสนฺนา โสตาปนฺนาปิ สกทาคามิโนปิ อนาคามิโนปิ อริยสาวกา, เต สเพฺพปิ โลกิยชฎํ ฉินฺทิตฺวา พุทฺธาทีนํ ติณฺณํ รตนานํ วณฺณํ ภาสนฺติฯ ตตฺถ ติวิโธ พุทฺธวโณฺณ นาม จริยวโณฺณ, สรีรวโณฺณ, คุณวโณฺณติฯ ตตฺริเม ราชาโน จริยาย วณฺณํ อารภิํสุ – ‘‘ทุกฺกรํ วต กตํ สมฺมาสมฺพุเทฺธน กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสเงฺขยฺยานิ ทส ปารมิโย, ทส อุปปารมิโย, ทส ปรมตฺถปารมิโยติ สมตฺติํส ปารมิโย ปูเรเนฺตน, ญาตตฺถจริยํ, โลกตฺถจริยํ, พุทฺธจริยํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ปญฺจ มหาปริจฺจาเค ปริจฺจชเนฺตนา’’ติ อฑฺฒจฺฉเกฺกหิ ชาตกสเตหิ พุทฺธวณฺณํ กเถนฺตา ตุสิตภวนํ ปาเปตฺวา ฐปยิํสุฯ
12. Dutiye abhiññātāti ñātā paññātā pākaṭā. Santhāgāreti mahājanassa vissamanatthāya kate agāre. Sā kira santhāgārasālā nagaramajjhe ahosi, catūsu ṭhānesu ṭhitānaṃ paññāyati, catūhi disāhi āgatamanussā paṭhamaṃ tattha vissamitvā pacchā attano attano phāsukaṭṭhānaṃ gacchanti. Rājakulānaṃ rajjakiccasantharaṇatthāya kataṃ agārantipi vadantiyeva. Tattha hi nisīditvā licchavirājāno rajjakiccaṃ santharanti karonti vicārenti. Sannisinnāti tesaṃ nisīdanatthaññeva paññattesu mahārahavarapaccattharaṇesu samussitasetacchattesu āsanesu sannisinnā. Anekapariyāyena buddhassa vaṇṇaṃ bhāsantīti rājakule kiccañceva lokatthacariyañca vicāretvā anekehi kāraṇehi buddhassa vaṇṇaṃ bhāsanti kathenti dīpenti. Paṇḍitā hi te rājāno saddhā pasannā sotāpannāpi sakadāgāminopi anāgāminopi ariyasāvakā, te sabbepi lokiyajaṭaṃ chinditvā buddhādīnaṃ tiṇṇaṃ ratanānaṃ vaṇṇaṃ bhāsanti. Tattha tividho buddhavaṇṇo nāma cariyavaṇṇo, sarīravaṇṇo, guṇavaṇṇoti. Tatrime rājāno cariyāya vaṇṇaṃ ārabhiṃsu – ‘‘dukkaraṃ vata kataṃ sammāsambuddhena kappasatasahassādhikāni cattāri asaṅkheyyāni dasa pāramiyo, dasa upapāramiyo, dasa paramatthapāramiyoti samattiṃsa pāramiyo pūrentena, ñātatthacariyaṃ, lokatthacariyaṃ, buddhacariyaṃ matthakaṃ pāpetvā pañca mahāpariccāge pariccajantenā’’ti aḍḍhacchakkehi jātakasatehi buddhavaṇṇaṃ kathentā tusitabhavanaṃ pāpetvā ṭhapayiṃsu.
ธมฺมสฺส วณฺณํ ภาสนฺตา ปน ‘‘เตน ภควตา ธโมฺม เทสิโต, นิกายโต ปญฺจ นิกายา, ปิฎกโต ตีณิ ปิฎกานิ, องฺคโต นว องฺคานิ, ขนฺธโต จตุราสีติธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานี’’ติ โกฎฺฐาสวเสน ธมฺมคุณํ กถยิํสุฯ
Dhammassavaṇṇaṃ bhāsantā pana ‘‘tena bhagavatā dhammo desito, nikāyato pañca nikāyā, piṭakato tīṇi piṭakāni, aṅgato nava aṅgāni, khandhato caturāsītidhammakkhandhasahassānī’’ti koṭṭhāsavasena dhammaguṇaṃ kathayiṃsu.
สงฺฆสฺส วณฺณํ ภาสนฺตา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ‘‘ปฎิลทฺธสทฺธา กุลปุตฺตา โภคกฺขนฺธเญฺจว ญาติปริวฎฺฎญฺจ ปหาย เสตจฺฉตฺตํ โอปรชฺชํ เสนาปติเสฎฺฐิภณฺฑาคาริกฎฺฐานนฺตราทีนิ อคเณตฺวา นิกฺขมฺม สตฺถุ วรสาสเน ปพฺพชนฺติฯ เสตจฺฉตฺตํ ปหาย ปพฺพชิตานํ ภทฺทิยราชมหากปฺปินปุกฺกุสาติอาทีนํ ราชปพฺพชิตานํเยว พุทฺธกาเล อสีติสหสฺสานิ อเหสุํฯ อเนกโกฎิสตํ ธนํ ปหาย ปพฺพชิตานํ ปน ยสกุลปุตฺตโสณเสฎฺฐิปุตฺตรฎฺฐปาลกุลปุตฺตาทีนํ ปริเจฺฉโท นตฺถิฯ เอวรูปา จ เอวรูปา จ กุลปุตฺตา สตฺถุ สาสเน ปพฺพชนฺตี’’ติ ปพฺพชฺชาสเงฺขปวเสน สงฺฆคุเณ กถยิํสุฯ
Saṅghassa vaṇṇaṃ bhāsantā satthu dhammadesanaṃ sutvā ‘‘paṭiladdhasaddhā kulaputtā bhogakkhandhañceva ñātiparivaṭṭañca pahāya setacchattaṃ oparajjaṃ senāpatiseṭṭhibhaṇḍāgārikaṭṭhānantarādīni agaṇetvā nikkhamma satthu varasāsane pabbajanti. Setacchattaṃ pahāya pabbajitānaṃ bhaddiyarājamahākappinapukkusātiādīnaṃ rājapabbajitānaṃyeva buddhakāle asītisahassāni ahesuṃ. Anekakoṭisataṃ dhanaṃ pahāya pabbajitānaṃ pana yasakulaputtasoṇaseṭṭhiputtaraṭṭhapālakulaputtādīnaṃ paricchedo natthi. Evarūpā ca evarūpā ca kulaputtā satthu sāsane pabbajantī’’ti pabbajjāsaṅkhepavasena saṅghaguṇe kathayiṃsu.
สีโห เสนาปตีติ เอวํนามโก เสนาย อธิปติฯ เวสาลิยญฺหิ สตฺต สหสฺสานิ สตฺต สตานิ สตฺต จ ราชาโนฯ เต สเพฺพปิ สนฺนิปติตฺวา สเพฺพสํ มนํ คเหตฺวา ‘‘รฎฺฐํ วิจาเรตุํ สมตฺถํ เอกํ วิจินถา’’ติ วิจินนฺตา สีหํ ราชกุมารํ ทิสฺวา ‘‘อยํ สกฺขิสฺสตี’’ติ สนฺนิฎฺฐานํ กตฺวา ตสฺส รตฺตมณิวณฺณํ กมฺพลปริโยนทฺธํ เสนาปติจฺฉตฺตํ อทํสุฯ ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘สีโห เสนาปตี’’ติฯ นิคณฺฐสาวโกติ นิคณฺฐสฺส นาฎปุตฺตสฺส ปจฺจยทายโก อุปฎฺฐาโกฯ ชมฺพุทีปตลสฺมิญฺหิ ตโย ชนา นิคณฺฐานํ อคฺคุปฎฺฐากา – นาฬนฺทายํ, อุปาลิ คหปติ, กปิลปุเร วโปฺป สโกฺก, เวสาลิยํ อยํ สีโห เสนาปตีติฯ นิสิโนฺน โหตีติ เสสราชูนํ ปริสาย อนฺตรนฺตเร อาสนานิ ปญฺญาปยิํสุ, สีหสฺส ปน มเชฺฌ ฐาเนติ ตสฺมิํ ปญฺญเตฺต มหารเห ราชาสเน นิสิโนฺน โหติฯ นิสฺสํสยนฺติ นิพฺพิจิกิจฺฉํ อทฺธา เอกํเสน, น เหเต ยสฺส วา ตสฺส วา อเปฺปสกฺขสฺส เอวํ อเนกสเตหิ การเณหิ วณฺณํ ภาสนฺติฯ
Sīhosenāpatīti evaṃnāmako senāya adhipati. Vesāliyañhi satta sahassāni satta satāni satta ca rājāno. Te sabbepi sannipatitvā sabbesaṃ manaṃ gahetvā ‘‘raṭṭhaṃ vicāretuṃ samatthaṃ ekaṃ vicinathā’’ti vicinantā sīhaṃ rājakumāraṃ disvā ‘‘ayaṃ sakkhissatī’’ti sanniṭṭhānaṃ katvā tassa rattamaṇivaṇṇaṃ kambalapariyonaddhaṃ senāpaticchattaṃ adaṃsu. Taṃ sandhāya vuttaṃ – ‘‘sīho senāpatī’’ti. Nigaṇṭhasāvakoti nigaṇṭhassa nāṭaputtassa paccayadāyako upaṭṭhāko. Jambudīpatalasmiñhi tayo janā nigaṇṭhānaṃ aggupaṭṭhākā – nāḷandāyaṃ, upāli gahapati, kapilapure vappo sakko, vesāliyaṃ ayaṃ sīho senāpatīti. Nisinnohotīti sesarājūnaṃ parisāya antarantare āsanāni paññāpayiṃsu, sīhassa pana majjhe ṭhāneti tasmiṃ paññatte mahārahe rājāsane nisinno hoti. Nissaṃsayanti nibbicikicchaṃ addhā ekaṃsena, na hete yassa vā tassa vā appesakkhassa evaṃ anekasatehi kāraṇehi vaṇṇaṃ bhāsanti.
เยน นิคโณฺฐ นาฎปุโตฺต เตนุปสงฺกมีติ นิคโณฺฐ กิร นาฎปุโตฺต ‘‘สจายํ สีโห กสฺสจิเทว สมณสฺส โคตมสฺส วณฺณํ กเถนฺตสฺส สุตฺวา สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสติ, มยฺหํ ปริหานิ ภวิสฺสตี’’ติ จิเนฺตตฺวา ปฐมตรํเยว สีหํ เสนาปติํ เอตทโวจ – ‘‘เสนาปติ อิมสฺมิํ โลเก ‘อหํ พุโทฺธ อหํ พุโทฺธ’ติ พหู วิจรนฺติฯ สเจ ตฺวํ กสฺสจิ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุกาโม อโหสิ, มํ ปุเจฺฉยฺยาสิฯ อหํ เต ยุตฺตฎฺฐานํ เปเสสฺสามิ, อยุตฺตฎฺฐานโต นิวาเรสฺสามี’’ติฯ โส ตํ กถํ อนุสฺสริตฺวา ‘‘สเจ มํ เปเสสฺสติ, คมิสฺสามิฯ โน เจ, น คมิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา เยน นิคโณฺฐ นาฎปุโตฺต, เตนุปสงฺกมิฯ
Yena nigaṇṭho nāṭaputto tenupasaṅkamīti nigaṇṭho kira nāṭaputto ‘‘sacāyaṃ sīho kassacideva samaṇassa gotamassa vaṇṇaṃ kathentassa sutvā samaṇaṃ gotamaṃ dassanāya upasaṅkamissati, mayhaṃ parihāni bhavissatī’’ti cintetvā paṭhamataraṃyeva sīhaṃ senāpatiṃ etadavoca – ‘‘senāpati imasmiṃ loke ‘ahaṃ buddho ahaṃ buddho’ti bahū vicaranti. Sace tvaṃ kassaci dassanāya upasaṅkamitukāmo ahosi, maṃ puccheyyāsi. Ahaṃ te yuttaṭṭhānaṃ pesessāmi, ayuttaṭṭhānato nivāressāmī’’ti. So taṃ kathaṃ anussaritvā ‘‘sace maṃ pesessati, gamissāmi. No ce, na gamissāmī’’ti cintetvā yena nigaṇṭho nāṭaputto, tenupasaṅkami.
อถสฺส วจนํ สุตฺวา นิคโณฺฐ มหาปพฺพเตน วิย พลวโสเกน โอตฺถโฎ ‘‘ยตฺถ ทานิสฺสาหํ คมนํ น อิจฺฉามิ, ตเตฺถว คนฺตุกาโม ชาโต, หโตหมสฺมี’’ติ อนตฺตมโน หุตฺวา ‘‘ปฎิพาหนุปายมสฺส กริสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา กิํ ปน ตฺวนฺติอาทิมาหฯ เอวํ วทโนฺต วิจรนฺตํ โคณํ ทเณฺฑน ปหรโนฺต วิย ชลมานํ ปทีปํ นิพฺพาเปโนฺต วิย ภตฺตภริตํ ปตฺตํ นิกฺกุชฺชโนฺต วิย จ สีหสฺส อุปฺปนฺนปีติํ วินาเสสิฯ คมิยาภิสงฺขาโรติ หตฺถิยานาทีนํ โยชาปนคนฺธมาลาทิคฺคหณวเสน ปวโตฺต ปโยโคฯ โส ปฎิปฺปสฺสมฺภีติ โส วูปสโนฺตฯ
Athassa vacanaṃ sutvā nigaṇṭho mahāpabbatena viya balavasokena otthaṭo ‘‘yattha dānissāhaṃ gamanaṃ na icchāmi, tattheva gantukāmo jāto, hatohamasmī’’ti anattamano hutvā ‘‘paṭibāhanupāyamassa karissāmī’’ti cintetvā kiṃ pana tvantiādimāha. Evaṃ vadanto vicarantaṃ goṇaṃ daṇḍena paharanto viya jalamānaṃ padīpaṃ nibbāpento viya bhattabharitaṃ pattaṃ nikkujjanto viya ca sīhassa uppannapītiṃ vināsesi. Gamiyābhisaṅkhāroti hatthiyānādīnaṃ yojāpanagandhamālādiggahaṇavasena pavatto payogo. So paṭippassambhīti so vūpasanto.
ทุติยมฺปิ โขติ ทุติยวารมฺปิฯ อิมสฺมิญฺจ วาเร พุทฺธสฺส วณฺณํ ภาสนฺตา ตุสิตภวนโต ปฎฺฐาย ยาว มหาโพธิปลฺลงฺกา ทสพลสฺส เหฎฺฐา ปาทตเลหิ อุปริ เกสเคฺคหิ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขณอสีติอนุพฺยญฺชนพฺยามปฺปภานํ วเสน สรีรวณฺณํ กถยิํสุฯ ธมฺมสฺส วณฺณํ ภาสนฺตา ‘‘เอกปเทปิ เอกพฺยญฺชเนปิ อวขลิตํ นาม นตฺถี’’ติ สุกถิตวเสเนว ธมฺมคุณํ กถยิํสุฯ สงฺฆสฺส วณฺณํ ภาสนฺตา ‘‘เอวรูปํ ยสสิริวิภวํ ปหาย สตฺถุ สาสเน ปพฺพชิตา น โกสชฺชปกติกา โหนฺติ, เตรสสุ ปน ธุตงฺคคุเณสุ ปริปูรการิโน หุตฺวา สตฺตสุ อนุปสฺสนาสุ กมฺมํ กโรนฺติ, อฎฺฐติํสารมฺมณวิภตฺติโย วฬเญฺชนฺตี’’ติ ปฎิปทาวเสน สงฺฆคุเณ กถยิํสุฯ
Dutiyampi khoti dutiyavārampi. Imasmiñca vāre buddhassa vaṇṇaṃ bhāsantā tusitabhavanato paṭṭhāya yāva mahābodhipallaṅkā dasabalassa heṭṭhā pādatalehi upari kesaggehi paricchinditvā dvattiṃsamahāpurisalakkhaṇaasītianubyañjanabyāmappabhānaṃ vasena sarīravaṇṇaṃ kathayiṃsu. Dhammassa vaṇṇaṃ bhāsantā ‘‘ekapadepi ekabyañjanepi avakhalitaṃ nāma natthī’’ti sukathitavaseneva dhammaguṇaṃ kathayiṃsu. Saṅghassa vaṇṇaṃ bhāsantā ‘‘evarūpaṃ yasasirivibhavaṃ pahāya satthu sāsane pabbajitā na kosajjapakatikā honti, terasasu pana dhutaṅgaguṇesu paripūrakārino hutvā sattasu anupassanāsu kammaṃ karonti, aṭṭhatiṃsārammaṇavibhattiyo vaḷañjentī’’ti paṭipadāvasena saṅghaguṇe kathayiṃsu.
ตติยวาเร ปน พุทฺธสฺส วณฺณํ ภาสมานา ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติ สุตฺตนฺตปริยาเยเนว พุทฺธคุเณ กถยิํสุ, ‘‘สฺวากฺขาโต ภควตา ธโมฺม’’ติอาทินา สุตฺตนฺตปริยาเยเนว ธมฺมคุเณ, ‘‘สุปฺปฎิปโนฺน ภควโต สาวกสโงฺฆ’’ติอาทินา สุตฺตนฺตปริยาเยเนว สงฺฆคุเณ จ กถยิํสุฯ ตโต สีโห จิเนฺตสิ – ‘‘อิเมสญฺจ ลิจฺฉวิราชกุมารานํ ตติยทิวสโต ปฎฺฐาย พุทฺธธมฺมสงฺฆคุเณ กเถนฺตานํ มุขํ นปฺปโหติ, อทฺธา อโนมคุเณน สมนฺนาคตา โส ภควา, อิมํ ทานิ อุปฺปนฺนํ ปีติํ อวิชหิตฺวาว อหํ อชฺช สมฺมาสมฺพุทฺธํ ปสฺสิสฺสามี’’ติฯ อถสฺส ‘‘กิํ หิ เม กริสฺสนฺติ นิคณฺฐา’’ติ วิตโกฺก อุทปาทิฯ ตตฺถ กิํ หิ เม กริสฺสนฺตีติ กิํ นาม มยฺหํ นิคณฺฐา กริสฺสนฺติฯ อปโลกิตา วา อนปโลกิตา วาติ อาปุจฺฉิตา วา อนาปุจฺฉิตา วาฯ น หิ เม เต อาปุจฺฉิตา ยานวาหนสมฺปตฺติํ, น จ อิสฺสริยวิเสสํ ทสฺสนฺติ, นาปิ อนาปุจฺฉิตา หริสฺสนฺติ, อผลํ เอเตสํ อาปุจฺฉนนฺติ อธิปฺปาโยฯ
Tatiyavāre pana buddhassa vaṇṇaṃ bhāsamānā ‘‘itipi so bhagavā’’ti suttantapariyāyeneva buddhaguṇe kathayiṃsu, ‘‘svākkhāto bhagavatā dhammo’’tiādinā suttantapariyāyeneva dhammaguṇe, ‘‘suppaṭipanno bhagavato sāvakasaṅgho’’tiādinā suttantapariyāyeneva saṅghaguṇe ca kathayiṃsu. Tato sīho cintesi – ‘‘imesañca licchavirājakumārānaṃ tatiyadivasato paṭṭhāya buddhadhammasaṅghaguṇe kathentānaṃ mukhaṃ nappahoti, addhā anomaguṇena samannāgatā so bhagavā, imaṃ dāni uppannaṃ pītiṃ avijahitvāva ahaṃ ajja sammāsambuddhaṃ passissāmī’’ti. Athassa ‘‘kiṃ hi me karissanti nigaṇṭhā’’ti vitakko udapādi. Tattha kiṃ hi me karissantīti kiṃ nāma mayhaṃ nigaṇṭhā karissanti. Apalokitā vā anapalokitā vāti āpucchitā vā anāpucchitā vā. Na hi me te āpucchitā yānavāhanasampattiṃ, na ca issariyavisesaṃ dassanti, nāpi anāpucchitā harissanti, aphalaṃ etesaṃ āpucchananti adhippāyo.
เวสาลิยา นิยฺยาสีติ ยถา หิ คิมฺหกาเล เทเว วุเฎฺฐ อุทกํ สนฺทมานํ นทิํ โอตริตฺวา โถกเมว คนฺตฺวา ติฎฺฐติ นปฺปวตฺตติ, เอวํ สีหสฺส ปฐมทิวเส ‘‘ทสพลํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ อุปฺปนฺนาย ปีติยา นิคเณฺฐน ปฎิพาหิตกาโลฯ ยถาปิ ทุติยทิวเส เทเว วุเฎฺฐ อุทกํ สนฺทมานํ นทิํ โอตริตฺวา โถกํ คนฺตฺวา วาลิกาปุญฺชํ ปหริตฺวา อปฺปวตฺตํ โหติ, เอวํ สีหสฺส ทุติยทิวเส ‘‘ทสพลํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ อุปฺปนฺนาย ปีติยา นิคเณฺฐน ปฎิพาหิตกาโลฯ ยถา ตติยทิวเส เทเว วุเฎฺฐ อุทกํ สนฺทมานํ นทิํ โอตริตฺวา ปุราณปณฺณสุกฺขทณฺฑกฎฺฐกจวราทีนิ ปริกฑฺฒนฺตํ วาลิกาปุญฺชํ ภินฺทิตฺวา สมุทฺทนินฺนเมว โหติ, เอวํ สีโห ตติยทิวเส ติณฺณํ วตฺถูนํ คุณกถํ สุตฺวา อุปฺปเนฺน ปีติปาโมเชฺช ‘‘อผลา นิคณฺฐา นิปฺผลา นิคณฺฐา, กิํ เม อิเม กริสฺสนฺติ, คมิสฺสามหํ สตฺถุสนฺติก’’นฺติ มนํ อภินีหริตฺวา เวสาลิยา นิยฺยาสิฯ นิยฺยโนฺต จ ‘‘จิรสฺสาหํ ทสพลสฺส สนฺติกํ คนฺตุกาโม ชาโต, น โข ปน เม ยุตฺตํ อญฺญาตกเวเสน คนฺตุ’’นฺติ ‘‘เยเกจิ ทสพลสฺส สนฺติกํ คนฺตุกามา, สเพฺพ นิกฺขมนฺตู’’ติ โฆสนํ กาเรตฺวา ปญฺจรถสตานิ โยชาเปตฺวา อุตฺตมรเถ ฐิโต เตหิ เจว ปญฺจหิ รถสเตหิ มหติยา จ ปริสาย ปริวุโต คนฺธปุปฺผจุณฺณวาสาทีนิ คาหาเปตฺวา นิยฺยาสิฯ ทิวา ทิวสฺสาติ ทิวสสฺส จ ทิวา, มชฺฌนฺหิเก อติกฺกนฺตมเตฺตฯ
Vesāliyā niyyāsīti yathā hi gimhakāle deve vuṭṭhe udakaṃ sandamānaṃ nadiṃ otaritvā thokameva gantvā tiṭṭhati nappavattati, evaṃ sīhassa paṭhamadivase ‘‘dasabalaṃ passissāmī’’ti uppannāya pītiyā nigaṇṭhena paṭibāhitakālo. Yathāpi dutiyadivase deve vuṭṭhe udakaṃ sandamānaṃ nadiṃ otaritvā thokaṃ gantvā vālikāpuñjaṃ paharitvā appavattaṃ hoti, evaṃ sīhassa dutiyadivase ‘‘dasabalaṃ passissāmī’’ti uppannāya pītiyā nigaṇṭhena paṭibāhitakālo. Yathā tatiyadivase deve vuṭṭhe udakaṃ sandamānaṃ nadiṃ otaritvā purāṇapaṇṇasukkhadaṇḍakaṭṭhakacavarādīni parikaḍḍhantaṃ vālikāpuñjaṃ bhinditvā samuddaninnameva hoti, evaṃ sīho tatiyadivase tiṇṇaṃ vatthūnaṃ guṇakathaṃ sutvā uppanne pītipāmojje ‘‘aphalā nigaṇṭhā nipphalā nigaṇṭhā, kiṃ me ime karissanti, gamissāmahaṃ satthusantika’’nti manaṃ abhinīharitvā vesāliyā niyyāsi. Niyyanto ca ‘‘cirassāhaṃ dasabalassa santikaṃ gantukāmo jāto, na kho pana me yuttaṃ aññātakavesena gantu’’nti ‘‘yekeci dasabalassa santikaṃ gantukāmā, sabbe nikkhamantū’’ti ghosanaṃ kāretvā pañcarathasatāni yojāpetvā uttamarathe ṭhito tehi ceva pañcahi rathasatehi mahatiyā ca parisāya parivuto gandhapupphacuṇṇavāsādīni gāhāpetvā niyyāsi. Divā divassāti divasassa ca divā, majjhanhike atikkantamatte.
เยน ภควา เตนุปสงฺกมีติ อารามํ ปวิสโนฺต ทูรโตว อสีติ-อนุพฺยญฺชน-พฺยามปฺปภา-ทฺวตฺติํส-มหาปุริสลกฺขณานิ ฉพฺพณฺณฆนพุทฺธรสฺมิโย จ ทิสฺวา ‘‘เอวรูปํ นาม ปุริสํ เอวํ อาสเนฺน วสนฺตํ เอตฺตกํ กาลํ นาทฺทสํ, วญฺจิโต วตมฺหิ, อลาภา วต เม’’ติ จิเนฺตตฺวา มหานิธิํ ทิสฺวา ทลิทฺทปุริโส วิย สญฺชาตปีติปาโมโชฺช เยน ภควา เตนุปสงฺกมิฯ ธมฺมสฺส จานุธมฺมํ พฺยากโรนฺตีติ โภตา โคตเมน วุตฺตการณสฺส อนุการณํ กเถนฺติฯ การณวจโน เหตฺถ ธมฺมสโทฺท ‘‘เหตุมฺหิ ญาณํ ธมฺมปฎิสมฺภิทา’’ติอาทีสุ (วิภ. ๗๒๐) วิยฯ การณนฺติ เจตฺถ ตถาปวตฺตสฺส สทฺทสฺส อโตฺถ อธิเปฺปโต ตสฺส ปวตฺติเหตุภาวโตฯ อตฺถปฺปยุโตฺต หิ สทฺทปฺปโยโคฯ อนุการณนฺติ เอโส เอว ปเรหิ ตถา วุจฺจมาโนฯ สหธมฺมิโก วาทานุวาโทติฯ ปเรหิ วุตฺตการเณหิ สการโณ หุตฺวา ตุมฺหากํ วาโท วา ตโต ปรํ ตสฺส อนุวาโท วา โกจิ อปฺปมตฺตโกปิ วิญฺญูหิ ครหิตพฺพํ ฐานํ การณํ น อาคจฺฉติฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – กิํ สพฺพากาเรนปิ ตว วาเท คารยฺหํ การณํ นตฺถีติฯ อนพฺภกฺขาตุกามาติ น อภูเตน วตฺตุกามาฯ อตฺถิ สีหปริยาโยติอาทีนํ อโตฺถ เวรญฺชกเณฺฑ อาคตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ ปรเมน อสฺสาเสนาติ จตุมคฺคจตุผลสงฺขาเตน อุตฺตเมนฯ อสฺสาสาย ธมฺมํ เทเสมีติ อสฺสาสนตฺถาย สนฺถมฺภนตฺถาย ธมฺมํ เทเสมิฯ อิติ ภควา อฎฺฐหเงฺคหิ สีหสฺส เสนาปติสฺส ธมฺมํ เทเสสิฯ
Yena bhagavā tenupasaṅkamīti ārāmaṃ pavisanto dūratova asīti-anubyañjana-byāmappabhā-dvattiṃsa-mahāpurisalakkhaṇāni chabbaṇṇaghanabuddharasmiyo ca disvā ‘‘evarūpaṃ nāma purisaṃ evaṃ āsanne vasantaṃ ettakaṃ kālaṃ nāddasaṃ, vañcito vatamhi, alābhā vata me’’ti cintetvā mahānidhiṃ disvā daliddapuriso viya sañjātapītipāmojjo yena bhagavā tenupasaṅkami. Dhammassa cānudhammaṃ byākarontīti bhotā gotamena vuttakāraṇassa anukāraṇaṃ kathenti. Kāraṇavacano hettha dhammasaddo ‘‘hetumhi ñāṇaṃ dhammapaṭisambhidā’’tiādīsu (vibha. 720) viya. Kāraṇanti cettha tathāpavattassa saddassa attho adhippeto tassa pavattihetubhāvato. Atthappayutto hi saddappayogo. Anukāraṇanti eso eva parehi tathā vuccamāno. Sahadhammiko vādānuvādoti. Parehi vuttakāraṇehi sakāraṇo hutvā tumhākaṃ vādo vā tato paraṃ tassa anuvādo vā koci appamattakopi viññūhi garahitabbaṃ ṭhānaṃ kāraṇaṃ na āgacchati. Idaṃ vuttaṃ hoti – kiṃ sabbākārenapi tava vāde gārayhaṃ kāraṇaṃ natthīti. Anabbhakkhātukāmāti na abhūtena vattukāmā. Atthi sīhapariyāyotiādīnaṃ attho verañjakaṇḍe āgatanayeneva veditabbo. Paramenaassāsenāti catumaggacatuphalasaṅkhātena uttamena. Assāsāya dhammaṃ desemīti assāsanatthāya santhambhanatthāya dhammaṃ desemi. Iti bhagavā aṭṭhahaṅgehi sīhassa senāpatissa dhammaṃ desesi.
อนุวิจฺจการนฺติ อนุวิทิตฺวา จิเนฺตตฺวา ตุลยิตฺวา กตฺตพฺพํ กโรหีติ วุตฺตํ โหติฯ สาธุ โหตีติ สุนฺทโร โหติฯ ตุมฺหาทิสสฺมิญฺหิ มํ ทิสฺวา มํ สรณํ คจฺฉเนฺต นิคณฺฐํ ทิสฺวา นิคณฺฐํ สรณํ คจฺฉเนฺต ‘‘กิํ อยํ สีโห ทิฎฺฐทิฎฺฐเมว สรณํ คจฺฉตี’’ติ ครหา อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา อนุวิจฺจกาโร ตุมฺหาทิสานํ สาธูติ ทเสฺสติฯ ปฎากํ ปริหเรยฺยุนฺติ เต กิร เอวรูปํ สาวกํ ลภิตฺวา ‘‘อสุโก นาม ราชา วา ราชมหามโตฺต วา เสฎฺฐิ วา อมฺหากํ สรณํ คโต สาวโก ชาโต’’ติ ปฎากํ อุกฺขิปิตฺวา นคเร โฆเสนฺตา อาหิณฺฑนฺติฯ กสฺมา? เอวํ โน มหนฺตภาโว อาวิภวิสฺสตีติ จฯ สเจ ปนสฺส ‘‘กิมหํ เอเตสํ สรณํ คโต’’ติ วิปฺปฎิสาโร อุปฺปเชฺชยฺย, ตมฺปิ โส ‘‘เอเตสํ เม สรณคตภาวํ พหู ชานนฺติ, ทุกฺขํ อิทานิ ปฎินิวตฺติตุ’’นฺติ วิโนเทตฺวา น ปฎิกฺกมิสฺสตีติ จฯ เตนาห – ‘‘ปฎากํ ปริหเรยฺยุ’’นฺติฯ โอปานภูตนฺติ ปฎิยตฺตอุทปาโน วิย ฐิตํฯ กุลนฺติ ตว นิเวสนํฯ ทาตพฺพํ มเญฺญยฺยาสีติ ปุเพฺพ ทสปิ วีสติปิ สฎฺฐิปิ ชเน อาคเต ทิสฺวา นตฺถีติ อวตฺวา เทสิ, อิทานิ มํ สรณํ คตการณมเตฺตเนว มา อิเมสํ เทยฺยธมฺมํ อุปจฺฉินฺทิฯ สมฺปตฺตานญฺหิ ทาตพฺพเมวาติ โอวทิฯ สุตํ เมตํ, ภเนฺตติ กุโต สุตนฺติ? นิคณฺฐานํ สนฺติกาฯ เต กิร กุลฆเรสุ เอวํ ปกาเสนฺติ ‘‘มยํ ยสฺส กสฺสจิ สมฺปตฺตสฺส ทาตพฺพนฺติ วทาม, สมโณ ปน โคตโม ‘มยฺหเมว ทานํ ทาตพฺพํ นาเญฺญสํ, มยฺหเมว สาวกานํ ทานํ ทาตพฺพํ, นาเญฺญสํ สาวกานํ, มยฺหเมว ทินฺนํ ทานํ มหปฺผลํ, นาเญฺญสํ, มยฺหเมว สาวกานํ ทินฺนํ มหปฺผลํ, นาเญฺญส’นฺติ เอวํ วทตี’’ติฯ ตํ สนฺธาย อยํ ‘‘สุตํ เมต’’นฺติ อาหฯ
Anuviccakāranti anuviditvā cintetvā tulayitvā kattabbaṃ karohīti vuttaṃ hoti. Sādhu hotīti sundaro hoti. Tumhādisasmiñhi maṃ disvā maṃ saraṇaṃ gacchante nigaṇṭhaṃ disvā nigaṇṭhaṃ saraṇaṃ gacchante ‘‘kiṃ ayaṃ sīho diṭṭhadiṭṭhameva saraṇaṃ gacchatī’’ti garahā uppajjati, tasmā anuviccakāro tumhādisānaṃ sādhūti dasseti. Paṭākaṃ parihareyyunti te kira evarūpaṃ sāvakaṃ labhitvā ‘‘asuko nāma rājā vā rājamahāmatto vā seṭṭhi vā amhākaṃ saraṇaṃ gato sāvako jāto’’ti paṭākaṃ ukkhipitvā nagare ghosentā āhiṇḍanti. Kasmā? Evaṃ no mahantabhāvo āvibhavissatīti ca. Sace panassa ‘‘kimahaṃ etesaṃ saraṇaṃ gato’’ti vippaṭisāro uppajjeyya, tampi so ‘‘etesaṃ me saraṇagatabhāvaṃ bahū jānanti, dukkhaṃ idāni paṭinivattitu’’nti vinodetvā na paṭikkamissatīti ca. Tenāha – ‘‘paṭākaṃ parihareyyu’’nti. Opānabhūtanti paṭiyattaudapāno viya ṭhitaṃ. Kulanti tava nivesanaṃ. Dātabbaṃ maññeyyāsīti pubbe dasapi vīsatipi saṭṭhipi jane āgate disvā natthīti avatvā desi, idāni maṃ saraṇaṃ gatakāraṇamatteneva mā imesaṃ deyyadhammaṃ upacchindi. Sampattānañhi dātabbamevāti ovadi. Sutaṃ metaṃ, bhanteti kuto sutanti? Nigaṇṭhānaṃ santikā. Te kira kulagharesu evaṃ pakāsenti ‘‘mayaṃ yassa kassaci sampattassa dātabbanti vadāma, samaṇo pana gotamo ‘mayhameva dānaṃ dātabbaṃ nāññesaṃ, mayhameva sāvakānaṃ dānaṃ dātabbaṃ, nāññesaṃ sāvakānaṃ, mayhameva dinnaṃ dānaṃ mahapphalaṃ, nāññesaṃ, mayhameva sāvakānaṃ dinnaṃ mahapphalaṃ, nāññesa’nti evaṃ vadatī’’ti. Taṃ sandhāya ayaṃ ‘‘sutaṃ meta’’nti āha.
อนุปุพฺพิํ กถนฺติ ทานานนฺตรํ สีลํ, สีลานนฺตรํ สคฺคํ, สคฺคานนฺตรํ มคฺคนฺติ เอวํ อนุปฎิปาฎิกถํฯ ตตฺถ ทานกถนฺติ อิทํ ทานํ นาม สุขานํ นิทานํ, สมฺปตฺตีนํ มูลํ, โภคานํ ปติฎฺฐา, วิสมคตสฺส ตาณํ เลณํ คติ ปรายณํ, อิธโลกปรโลเกสุ ทานสทิโส อวสฺสโย ปติฎฺฐา อารมฺมณํ ตาณํ เลณํ คติ ปรายณํ นตฺถิฯ อิทญฺหิ อวสฺสยเฎฺฐน รตนมยสีหาสนสทิสํ, ปติฎฺฐานเฎฺฐน มหาปถวีสทิสํ, อารมฺมณเฎฺฐน อาลมฺพนรชฺชุสทิสํฯ อิทญฺหิ ทุกฺขนิตฺถรณเฎฺฐน นาวา, สมสฺสาสนเฎฺฐน สงฺคามสูโร, ภยปริตฺตาณเฎฺฐน สุสงฺขตนครํ, มเจฺฉรมลาทีหิ อนุปลิตฺตเฎฺฐน ปทุมํ, เตสํ นิทหนเฎฺฐน อคฺคิ, ทุราสทเฎฺฐน อาสิวิโส, อสนฺตาสนเฎฺฐน สีโห, พลวนฺตเฎฺฐน หตฺถี, อภิมงฺคลสมฺมตเฎฺฐน เสตวสโภ, เขมนฺตภูมิสมฺปาปนเฎฺฐน วลาหโก อสฺสราชาฯ ทานํ นาเมตํ มยา คตมโคฺค, มเยฺหโส วํโส, มยา ทส ปารมิโย ปูเรเนฺตน เวลามมหายโญฺญ, มหาโควินฺทมหายโญฺญ, มหาสุทสฺสนมหายโญฺญ, เวสฺสนฺตรมหายโญฺญติ, อเนกมหายญฺญา ปวตฺติตา, สสภูเตน ชลิตอคฺคิกฺขเนฺธ อตฺตานํ นิยฺยาเทเนฺตน สมฺปตฺตยาจกานํ จิตฺตํ คหิตํฯ ทานญฺหิ โลเก สกฺกสมฺปตฺติํ เทติ มารสมฺปตฺติํ พฺรหฺมสมฺปตฺติํ, จกฺกวตฺติสมฺปตฺติํ, สาวกปารมีญาณํ, ปเจฺจกโพธิญาณํ, อภิสโมฺพธิญาณํ เทตีติ เอวมาทิทานคุณปฺปฎิสํยุตฺตํ กถํฯ
Anupubbiṃ kathanti dānānantaraṃ sīlaṃ, sīlānantaraṃ saggaṃ, saggānantaraṃ magganti evaṃ anupaṭipāṭikathaṃ. Tattha dānakathanti idaṃ dānaṃ nāma sukhānaṃ nidānaṃ, sampattīnaṃ mūlaṃ, bhogānaṃ patiṭṭhā, visamagatassa tāṇaṃ leṇaṃ gati parāyaṇaṃ, idhalokaparalokesu dānasadiso avassayo patiṭṭhā ārammaṇaṃ tāṇaṃ leṇaṃ gati parāyaṇaṃ natthi. Idañhi avassayaṭṭhena ratanamayasīhāsanasadisaṃ, patiṭṭhānaṭṭhena mahāpathavīsadisaṃ, ārammaṇaṭṭhena ālambanarajjusadisaṃ. Idañhi dukkhanittharaṇaṭṭhena nāvā, samassāsanaṭṭhena saṅgāmasūro, bhayaparittāṇaṭṭhena susaṅkhatanagaraṃ, maccheramalādīhi anupalittaṭṭhena padumaṃ, tesaṃ nidahanaṭṭhena aggi, durāsadaṭṭhena āsiviso, asantāsanaṭṭhena sīho, balavantaṭṭhena hatthī, abhimaṅgalasammataṭṭhena setavasabho, khemantabhūmisampāpanaṭṭhena valāhako assarājā. Dānaṃ nāmetaṃ mayā gatamaggo, mayheso vaṃso, mayā dasa pāramiyo pūrentena velāmamahāyañño, mahāgovindamahāyañño, mahāsudassanamahāyañño, vessantaramahāyaññoti, anekamahāyaññā pavattitā, sasabhūtena jalitaaggikkhandhe attānaṃ niyyādentena sampattayācakānaṃ cittaṃ gahitaṃ. Dānañhi loke sakkasampattiṃ deti mārasampattiṃ brahmasampattiṃ, cakkavattisampattiṃ, sāvakapāramīñāṇaṃ, paccekabodhiñāṇaṃ, abhisambodhiñāṇaṃ detīti evamādidānaguṇappaṭisaṃyuttaṃ kathaṃ.
ยสฺมา ปน ทานํ เทโนฺต สีลํ สมาทาตุํ สโกฺกติ, ตสฺมา ตทนนฺตรํ สีลกถํ กเถสิฯ สีลกถนฺติ สีลํ นาเมตํ อวสฺสโย ปติฎฺฐา อารมฺมณํ ตาณํ เลณํ คติ ปรายณํฯ สีลํ นาเมตํ มม วํโส , อหํ สงฺขปาลนาคราชกาเล ภูริทตฺตนาคราชกาเล จเมฺปยฺยนาคราชกาเล สีลวราชกาเล มาตุโปสกหตฺถิราชกาเล ฉทฺทนฺตหตฺถิราชกาเลติ อนเนฺตสุ อตฺตภาเวสุ สีลํ ปริปูเรสิํฯ อิธโลกปรโลกสมฺปตฺตีนญฺหิ สีลสทิโส อวสฺสโย ปติฎฺฐา อารมฺมณํ ตาณํ เลณํ คติ ปรายณํ นตฺถิ, สีลาลงฺการสทิโส อลงฺกาโร นตฺถิ, สีลปุปฺผสทิสํ ปุปฺผํ นตฺถิ, สีลคนฺธสทิโส คโนฺธ นตฺถิฯ สีลาลงฺกาเรน หิ อลงฺกตํ สีลคนฺธานุลิตฺตํ สเทวโกปิ โลโก โอโลเกโนฺต ติตฺติํ น คจฺฉตีติ เอวมาทิสีลคุณปฺปฎิสํยุตฺตํ กถํฯ
Yasmā pana dānaṃ dento sīlaṃ samādātuṃ sakkoti, tasmā tadanantaraṃ sīlakathaṃ kathesi. Sīlakathanti sīlaṃ nāmetaṃ avassayo patiṭṭhā ārammaṇaṃ tāṇaṃ leṇaṃ gati parāyaṇaṃ. Sīlaṃ nāmetaṃ mama vaṃso , ahaṃ saṅkhapālanāgarājakāle bhūridattanāgarājakāle campeyyanāgarājakāle sīlavarājakāle mātuposakahatthirājakāle chaddantahatthirājakāleti anantesu attabhāvesu sīlaṃ paripūresiṃ. Idhalokaparalokasampattīnañhi sīlasadiso avassayo patiṭṭhā ārammaṇaṃ tāṇaṃ leṇaṃ gati parāyaṇaṃ natthi, sīlālaṅkārasadiso alaṅkāro natthi, sīlapupphasadisaṃ pupphaṃ natthi, sīlagandhasadiso gandho natthi. Sīlālaṅkārena hi alaṅkataṃ sīlagandhānulittaṃ sadevakopi loko olokento tittiṃ na gacchatīti evamādisīlaguṇappaṭisaṃyuttaṃ kathaṃ.
‘‘อิทํ ปน สีลํ นิสฺสาย อยํ สโคฺค ลพฺภตี’’ติ ทเสฺสตุํ สีลานนฺตรํ สคฺคกถํ กเถสิฯ สคฺคกถนฺติ ‘‘อยํ สโคฺค นาม อิโฎฺฐ กโนฺต มนาโป, นิจฺจเมตฺถ กีฬา, นิจฺจํ สมฺปตฺติโย ลพฺภนฺติ, จาตุมหาราชิกา เทวา นวุติวสฺสสตสหสฺสานิ ทิพฺพสุขํ ทิพฺพสมฺปตฺติํ อนุภวนฺติ, ตาวติํสา ติโสฺส จ วสฺสโกฎิโย สฎฺฐิ จ วสฺสสตสหสฺสานี’’ติ เอวมาทิสคฺคคุณปฺปฎิสํยุตฺตํ กถํฯ สคฺคสมฺปตฺติํ กถยนฺตานญฺหิ พุทฺธานํ มุขํ นปฺปโหติฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ – ‘‘อเนกปริยาเยน ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, สคฺคกถํ กเถยฺย’’นฺติอาทิ (ม. นิ. ๓.๒๕๕)ฯ
‘‘Idaṃ pana sīlaṃ nissāya ayaṃ saggo labbhatī’’ti dassetuṃ sīlānantaraṃ saggakathaṃ kathesi. Saggakathanti ‘‘ayaṃ saggo nāma iṭṭho kanto manāpo, niccamettha kīḷā, niccaṃ sampattiyo labbhanti, cātumahārājikā devā navutivassasatasahassāni dibbasukhaṃ dibbasampattiṃ anubhavanti, tāvatiṃsā tisso ca vassakoṭiyo saṭṭhi ca vassasatasahassānī’’ti evamādisaggaguṇappaṭisaṃyuttaṃ kathaṃ. Saggasampattiṃ kathayantānañhi buddhānaṃ mukhaṃ nappahoti. Vuttampi cetaṃ – ‘‘anekapariyāyena khvāhaṃ, bhikkhave, saggakathaṃ katheyya’’ntiādi (ma. ni. 3.255).
เอวํ สคฺคกถาย ปโลเภตฺวา ปน หตฺถิํ อลงฺกริตฺวา ตสฺส โสณฺฑํ ฉินฺทโนฺต วิย ‘‘อยมฺปิ สโคฺค อนิโจฺจ อทฺธุโว, น เอตฺถ ฉนฺทราโค กตฺตโพฺพ’’ติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อปฺปสฺสาทา กามา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิโยฺย’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๓๕-๒๓๖; ๒.๔๒) นเยน กามานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสํ กเถสิฯ ตตฺถ อาทีนโวติ โทโสฯ โอกาโรติ อวกาโร ลามกภาโวฯ สํกิเลโสติ เตหิ สตฺตานํ สํสาเร สํกิลิสฺสนํฯ ยถาห – ‘‘สํกิลิสฺสนฺติ วต, โภ, สตฺตา’’ติ (ม. นิ. ๒.๓๕๑)ฯ
Evaṃ saggakathāya palobhetvā pana hatthiṃ alaṅkaritvā tassa soṇḍaṃ chindanto viya ‘‘ayampi saggo anicco addhuvo, na ettha chandarāgo kattabbo’’ti dassanatthaṃ ‘‘appassādā kāmā bahudukkhā bahupāyāsā, ādīnavo ettha bhiyyo’’tiādinā (ma. ni. 1.235-236; 2.42) nayena kāmānaṃ ādīnavaṃ okāraṃ saṃkilesaṃ kathesi. Tattha ādīnavoti doso. Okāroti avakāro lāmakabhāvo. Saṃkilesoti tehi sattānaṃ saṃsāre saṃkilissanaṃ. Yathāha – ‘‘saṃkilissanti vata, bho, sattā’’ti (ma. ni. 2.351).
เอวํ กามาทีนเวน ตเชฺชตฺวา เนกฺขเมฺม อานิสํสํ ปกาเสสิฯ กลฺลจิตฺตนฺติ อโรคจิตฺตํฯ สามุกฺกํสิกาติ สามํ อุกฺกํสิกา อตฺตนาเยว อุทฺธริตฺวา คหิตา, สยมฺภุญาเณน ทิฎฺฐา อสาธารณา อเญฺญสนฺติ อโตฺถฯ กา ปน สาติ? อริยสจฺจเทสนาฯ เตเนวาห – ทุกฺขํ สมุทยํ นิโรธํ มคฺคนฺติฯ วิรชํ วีตมลนฺติ ราครชาทีนํ อภาวา วิรชํ, ราคมลาทีนํ วิคตตฺตา วีตมลํฯ ธมฺมจกฺขุนฺติ อิธ โสตาปตฺติมโคฺค อธิเปฺปโตฯ ตสฺส อุปฺปตฺติอาการทสฺสนตฺถํ ยํกิญฺจิ สมุทยธมฺมํ สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺมนฺติ อาหฯ ตญฺหิ นิโรธํ อารมฺมณํ กตฺวา กิจฺจวเสน เอวํ สพฺพสงฺขตํ ปฎิวิชฺฌนฺตํ อุปฺปชฺชติฯ ทิโฎฺฐ อริยสจฺจธโมฺม เอเตนาติ ทิฎฺฐธโมฺมฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ ติณฺณา วิจิกิจฺฉา อเนนาติ ติณฺณวิจิกิโจฺฉฯ วิคตา กถํกถา อสฺสาติ วิคตกถํกโถฯ วิสารชฺชํ ปโตฺตติ เวสารชฺชปฺปโตฺตฯ กตฺถ? สตฺถุสาสเนฯ นาสฺส ปโร ปจฺจโย, น ปรํ สทฺธาย เอตฺถ วตฺตตีติ อปรปฺปจฺจโยฯ
Evaṃ kāmādīnavena tajjetvā nekkhamme ānisaṃsaṃ pakāsesi. Kallacittanti arogacittaṃ. Sāmukkaṃsikāti sāmaṃ ukkaṃsikā attanāyeva uddharitvā gahitā, sayambhuñāṇena diṭṭhā asādhāraṇā aññesanti attho. Kā pana sāti? Ariyasaccadesanā. Tenevāha – dukkhaṃ samudayaṃ nirodhaṃ magganti. Virajaṃ vītamalanti rāgarajādīnaṃ abhāvā virajaṃ, rāgamalādīnaṃ vigatattā vītamalaṃ. Dhammacakkhunti idha sotāpattimaggo adhippeto. Tassa uppattiākāradassanatthaṃ yaṃkiñci samudayadhammaṃ sabbaṃ taṃ nirodhadhammanti āha. Tañhi nirodhaṃ ārammaṇaṃ katvā kiccavasena evaṃ sabbasaṅkhataṃ paṭivijjhantaṃ uppajjati. Diṭṭho ariyasaccadhammo etenāti diṭṭhadhammo. Esa nayo sesesupi. Tiṇṇā vicikicchā anenāti tiṇṇavicikiccho. Vigatā kathaṃkathā assāti vigatakathaṃkatho. Visārajjaṃ pattoti vesārajjappatto. Kattha? Satthusāsane. Nāssa paro paccayo, na paraṃ saddhāya ettha vattatīti aparappaccayo.
ปวตฺตมํสนฺติ ปกติยา ปวตฺตํ กปฺปิยมํสํ มูลํ คเหตฺวา อนฺตราปเณ ปริเยสาหีติ อธิปฺปาโยฯ สมฺพหุลา นิคณฺฐาติ ปญฺจสตมตฺตา นิคณฺฐาฯ ถูลํ ปสุนฺติ ถูลํ มหาสรีรํ โคกณฺณมหิํสสูกรสงฺขาตํ ปสุํฯ อุทฺทิสฺสกตนฺติ อตฺตานํ อุทฺทิสิตฺวา กตํ, มาริตนฺติ อโตฺถฯ ปฎิจฺจกมฺมนฺติ สฺวายํ ตํ มํสํ ปฎิจฺจ ตํ ปาณวธกมฺมํ ผุสติฯ ตญฺหิ อกุสลํ อุปฑฺฒํ ทายกสฺส, อุปฑฺฒํ ปฎิคฺคาหกสฺส โหตีติ เนสํ ลทฺธิฯ อปโร นโย – ปฎิจฺจกมฺมนฺติ อตฺตานํ ปฎิจฺจกตํฯ อถ วา ปฎิจฺจกมฺมนฺติ นิมิตฺตกมฺมเสฺสตํ อธิวจนํ, ตํ ปฎิจฺจกมฺมํ เอตฺถ อตฺถีติ มํสมฺปิ ปฎิจฺจกมฺมนฺติ วุตฺตํฯ อุปกณฺณเกติ กณฺณมูเลฯ อลนฺติ ปฎิเกฺขปวจนํ, กิํ อิมินาติ อโตฺถฯ น จ ปเนเตติ เอเต อายสฺมโนฺต ทีฆรตฺตํ อวณฺณกามา หุตฺวา อวณฺณํ ภาสนฺตาปิ อพฺภาจิกฺขนฺตา น ชิริทนฺติ, อพฺภกฺขานสฺส อนฺตํ น คจฺฉนฺตีติ อโตฺถฯ อถ วา ลชฺชนเตฺถ อิทํ ชิริทนฺตีติ ปทํ ทฎฺฐพฺพํ, น ลชฺชนฺตีติ อโตฺถฯ
Pavattamaṃsanti pakatiyā pavattaṃ kappiyamaṃsaṃ mūlaṃ gahetvā antarāpaṇe pariyesāhīti adhippāyo. Sambahulā nigaṇṭhāti pañcasatamattā nigaṇṭhā. Thūlaṃ pasunti thūlaṃ mahāsarīraṃ gokaṇṇamahiṃsasūkarasaṅkhātaṃ pasuṃ. Uddissakatanti attānaṃ uddisitvā kataṃ, māritanti attho. Paṭiccakammanti svāyaṃ taṃ maṃsaṃ paṭicca taṃ pāṇavadhakammaṃ phusati. Tañhi akusalaṃ upaḍḍhaṃ dāyakassa, upaḍḍhaṃ paṭiggāhakassa hotīti nesaṃ laddhi. Aparo nayo – paṭiccakammanti attānaṃ paṭiccakataṃ. Atha vā paṭiccakammanti nimittakammassetaṃ adhivacanaṃ, taṃ paṭiccakammaṃ ettha atthīti maṃsampi paṭiccakammanti vuttaṃ. Upakaṇṇaketi kaṇṇamūle. Alanti paṭikkhepavacanaṃ, kiṃ imināti attho. Na ca paneteti ete āyasmanto dīgharattaṃ avaṇṇakāmā hutvā avaṇṇaṃ bhāsantāpi abbhācikkhantā na jiridanti, abbhakkhānassa antaṃ na gacchantīti attho. Atha vā lajjanatthe idaṃ jiridantīti padaṃ daṭṭhabbaṃ, na lajjantīti attho.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๒. สีหสุตฺตํ • 2. Sīhasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๒. สีหสุตฺตวณฺณนา • 2. Sīhasuttavaṇṇanā