Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) |
๖. สีหสุตฺตวณฺณนา
6. Sīhasuttavaṇṇanā
๗๘. ฉเฎฺฐ สีโหติ จตฺตาโร สีหา – ติณสีโห, กาฬสีโห, ปณฺฑุสีโห, เกสรสีโหติฯ เตสุ ติณสีโห กโปตวณฺณคาวิสทิโส ติณภโกฺข จ โหติฯ กาฬสีโห กาฬคาวิสทิโส ติณภโกฺขเยวฯ ปณฺฑุสีโห ปณฺฑุปลาสวณฺณคาวิสทิโส มํสภโกฺขฯ เกสรสีโห ลาขารสปริกมฺมกเตเนว มุเขน อคฺคนงฺคุเฎฺฐน จตูหิ จ ปาทปริยเนฺตหิ สมนฺนาคโต, มตฺถกโตปิสฺส ปฎฺฐาย ลาขาตูลิกาย กตฺวา วิย ติโสฺส ราชิโย ปิฎฺฐิมเชฺฌน คนฺตฺวา อนฺตรสตฺถิมฺหิ ทกฺขิณาวตฺตา หุตฺวา ฐิตา, ขเนฺธ ปนสฺส สตสหสฺสคฺฆนิกกมฺพลปริเกฺขโป วิย เกสรภาโร โหติ, อวเสสฎฺฐานํ ปริสุทฺธํ สาลิปิฎฺฐสงฺขจุณฺณปิจุวณฺณํ โหติฯ อิเมสุ จตูสุ สีเหสุ อยํ เกสรสีโห อิธ อธิเปฺปโตฯ
78. Chaṭṭhe sīhoti cattāro sīhā – tiṇasīho, kāḷasīho, paṇḍusīho, kesarasīhoti. Tesu tiṇasīho kapotavaṇṇagāvisadiso tiṇabhakkho ca hoti. Kāḷasīho kāḷagāvisadiso tiṇabhakkhoyeva. Paṇḍusīho paṇḍupalāsavaṇṇagāvisadiso maṃsabhakkho. Kesarasīho lākhārasaparikammakateneva mukhena agganaṅguṭṭhena catūhi ca pādapariyantehi samannāgato, matthakatopissa paṭṭhāya lākhātūlikāya katvā viya tisso rājiyo piṭṭhimajjhena gantvā antarasatthimhi dakkhiṇāvattā hutvā ṭhitā, khandhe panassa satasahassagghanikakambalaparikkhepo viya kesarabhāro hoti, avasesaṭṭhānaṃ parisuddhaṃ sālipiṭṭhasaṅkhacuṇṇapicuvaṇṇaṃ hoti. Imesu catūsu sīhesu ayaṃ kesarasīho idha adhippeto.
มิคราชาติ มิคคณสฺส ราชาฯ อาสยาติ วสนฎฺฐานโต สุวณฺณคุหโต วา รชตมณิผลิกมโนสิลาคุหโต วา นิกฺขมตีติ วุตฺตํ โหติฯ นิกฺขมมาโน ปเนส จตูหิ การเณหิ นิกฺขมติ อนฺธการปีฬิโต วา อาโลกตฺถาย, อุจฺจารปสฺสาวปีฬิโต วา เตสํ วิสฺสชฺชนตฺถาย, ชิฆจฺฉาปีฬิโต วา โคจรตฺถาย, สมฺภวปีฬิโต วา อสฺสทฺธมฺมปฎิเสวนตฺถายฯ อิธ ปน โคจรตฺถาย นิกฺขโนฺตติ อธิเปฺปโตฯ
Migarājāti migagaṇassa rājā. Āsayāti vasanaṭṭhānato suvaṇṇaguhato vā rajatamaṇiphalikamanosilāguhato vā nikkhamatīti vuttaṃ hoti. Nikkhamamāno panesa catūhi kāraṇehi nikkhamati andhakārapīḷito vā ālokatthāya, uccārapassāvapīḷito vā tesaṃ vissajjanatthāya, jighacchāpīḷito vā gocaratthāya, sambhavapīḷito vā assaddhammapaṭisevanatthāya. Idha pana gocaratthāya nikkhantoti adhippeto.
วิชมฺภตีติ สุวณฺณตเล วา รชตมณิผลิกมโนสิลาตลานํ วา อญฺญตรสฺมิํ เทฺว ปจฺฉิมปาเท สมํ ปติฎฺฐาเปตฺวา ปุริมปาเท ปุรโต ปสาเรตฺวา สรีรสฺส ปจฺฉาภาคํ อากฑฺฒิตฺวา ปุริมภาคํ อภิหริตฺวา ปิฎฺฐิํ นาเมตฺวา คีวํ อุกฺขิปิตฺวา อสนิสทฺทํ กโรโนฺต วิย นาสปุฎานิ โปเถตฺวา สรีรลคฺคํ รชํ วิธุนโนฺต วิชมฺภติฯ วิชมฺภนภูมิยญฺจ ปน ตรุณวจฺฉโก วิย อปราปรํ ชวติฯ ชวโต ปนสฺส สรีรํ อนฺธกาเร ปริพฺภมนฺตํ อลาตํ วิย ขายติฯ
Vijambhatīti suvaṇṇatale vā rajatamaṇiphalikamanosilātalānaṃ vā aññatarasmiṃ dve pacchimapāde samaṃ patiṭṭhāpetvā purimapāde purato pasāretvā sarīrassa pacchābhāgaṃ ākaḍḍhitvā purimabhāgaṃ abhiharitvā piṭṭhiṃ nāmetvā gīvaṃ ukkhipitvā asanisaddaṃ karonto viya nāsapuṭāni pothetvā sarīralaggaṃ rajaṃ vidhunanto vijambhati. Vijambhanabhūmiyañca pana taruṇavacchako viya aparāparaṃ javati. Javato panassa sarīraṃ andhakāre paribbhamantaṃ alātaṃ viya khāyati.
อนุวิโลเกตีติ กสฺมา อนุวิโลเกติ? ปรานุทฺทยตายฯ ตสฺมิํ กิร สีหนาทํ นทเนฺต ปปาตาวาฎาทีสุ วิสมฎฺฐาเนสุ จรนฺตา หตฺถิโคกณฺณมหิํสาทโย ปาณา ปปาเตปิ อาวาเฎปิ ปตนฺติ, เตสํ อนุทฺทยาย อนุวิโลเกติฯ กิํ ปนสฺส ลุทฺทกมฺมสฺส ปรมํสขาทิโน อนุทฺทยา นาม อตฺถีติ? อาม อตฺถิฯ ตถา เหส ‘‘กิํ เม พหูหิ ฆาติเตหี’’ติ? อตฺตโน โคจรตฺถายปิ ขุทฺทเก ปาเณ น คณฺหาติ, เอวํ อนุทฺทยํ กโรติฯ วุตฺตมฺปิเจตํ – ‘‘มาหํ โข ขุทฺทเก ปาเณ วิสมคเต สงฺฆาตํ อาปาเทสิ’’นฺติ (อ. นิ. ๑๐.๒๑)ฯ
Anuviloketīti kasmā anuviloketi? Parānuddayatāya. Tasmiṃ kira sīhanādaṃ nadante papātāvāṭādīsu visamaṭṭhānesu carantā hatthigokaṇṇamahiṃsādayo pāṇā papātepi āvāṭepi patanti, tesaṃ anuddayāya anuviloketi. Kiṃ panassa luddakammassa paramaṃsakhādino anuddayā nāma atthīti? Āma atthi. Tathā hesa ‘‘kiṃ me bahūhi ghātitehī’’ti? Attano gocaratthāyapi khuddake pāṇe na gaṇhāti, evaṃ anuddayaṃ karoti. Vuttampicetaṃ – ‘‘māhaṃ kho khuddake pāṇe visamagate saṅghātaṃ āpādesi’’nti (a. ni. 10.21).
สีหนาทํ นทตีติ ติกฺขตฺตุํ ตาว อภีตนาทํ นทติฯ เอวญฺจ ปนสฺส วิชมฺภนภูมิยํ ฐตฺวา นทนฺตสฺส สโทฺท สมนฺตา ติโยชนปเทสํ เอกนินฺนาทํ กโรติ, ตมสฺส นินฺนาทํ สุตฺวา ติโยชนพฺภนฺตรคตา ทฺวิปทจตุปฺปทคณา ยถาฐาเน ฐาตุํ น สโกฺกนฺติฯ โคจราย ปกฺกมตีติ อาหารตฺถาย คจฺฉติฯ กถํ? โส หิ วิชมฺภนภูมิยํ ฐตฺวา ทกฺขิณโต วา วามโต วา อุปฺปตโนฺต อุสภมตฺตํ ฐานํ คณฺหาติ, อุทฺธํ อุปฺปตโนฺต จตฺตาริปิ อฎฺฐปิ อุสภานิ อุปฺปตติ, สมฎฺฐาเน อุชุกํ ปกฺขนฺทโนฺต โสฬสอุสภมตฺตมฺปิ วีสติอุสภมตฺตมฺปิ ฐานํ ปกฺขนฺทติ, ถลา วา ปพฺพตา วา ปกฺขนฺทโนฺต สฎฺฐิอุสภมตฺตมฺปิ อสีติอุสภมตฺตมฺปิ ฐานํ ปกฺขนฺทติ, อนฺตรามเคฺค รุกฺขํ วา ปพฺพตํ วา ทิสฺวา ตํ ปริหรโนฺต วามโต วา ทกฺขิณโต วา, อุสภมตฺตมฺปิ อปกฺกมติฯ ตติยํ ปน สีหนาทํ นทิตฺวา เตเนว สทฺธิํ ติโยชเน ฐาเน ปญฺญายติฯ ติโยชนํ คนฺตฺวา นิวตฺติตฺวา ฐิโต อตฺตโนว นาทสฺส อนุนาทํ สุณาติฯ เอวํ สีเฆน ชเวน ปกฺกมตีติฯ
Sīhanādaṃ nadatīti tikkhattuṃ tāva abhītanādaṃ nadati. Evañca panassa vijambhanabhūmiyaṃ ṭhatvā nadantassa saddo samantā tiyojanapadesaṃ ekaninnādaṃ karoti, tamassa ninnādaṃ sutvā tiyojanabbhantaragatā dvipadacatuppadagaṇā yathāṭhāne ṭhātuṃ na sakkonti. Gocarāya pakkamatīti āhāratthāya gacchati. Kathaṃ? So hi vijambhanabhūmiyaṃ ṭhatvā dakkhiṇato vā vāmato vā uppatanto usabhamattaṃ ṭhānaṃ gaṇhāti, uddhaṃ uppatanto cattāripi aṭṭhapi usabhāni uppatati, samaṭṭhāne ujukaṃ pakkhandanto soḷasausabhamattampi vīsatiusabhamattampi ṭhānaṃ pakkhandati, thalā vā pabbatā vā pakkhandanto saṭṭhiusabhamattampi asītiusabhamattampi ṭhānaṃ pakkhandati, antarāmagge rukkhaṃ vā pabbataṃ vā disvā taṃ pariharanto vāmato vā dakkhiṇato vā, usabhamattampi apakkamati. Tatiyaṃ pana sīhanādaṃ naditvā teneva saddhiṃ tiyojane ṭhāne paññāyati. Tiyojanaṃ gantvā nivattitvā ṭhito attanova nādassa anunādaṃ suṇāti. Evaṃ sīghena javena pakkamatīti.
เยภุเยฺยนาติ ปาเยนฯ ภยํ สํเวคํ สนฺตาสนฺติ สพฺพํ จิตฺตุตฺราสเสฺสว นามํฯ สีหสฺส หิ สทฺทํ สุตฺวา พหู สตฺตา ภายนฺติ, อปฺปกา น ภายนฺติฯ เก ปน เตติ? สมสีโห หตฺถาชานีโย อสฺสาชานีโย อุสภาชานีโย ปุริสาชานีโย ขีณาสโวติฯ กสฺมา ปเนเต น ภายนฺตีติ? สมสีโห นาม ‘‘ชาติโคตฺตกุลสูรภาเวหิ สมาโนสฺมี’’ติ น ภายติ, หตฺถาชานียาทโย อตฺตโน สกฺกายทิฎฺฐิพลวตาย น ภายนฺติ, ขีณาสโว สกฺกายทิฎฺฐิปหีนตฺตา น ภายติฯ
Yebhuyyenāti pāyena. Bhayaṃ saṃvegaṃ santāsanti sabbaṃ cittutrāsasseva nāmaṃ. Sīhassa hi saddaṃ sutvā bahū sattā bhāyanti, appakā na bhāyanti. Ke pana teti? Samasīho hatthājānīyo assājānīyo usabhājānīyo purisājānīyo khīṇāsavoti. Kasmā panete na bhāyantīti? Samasīho nāma ‘‘jātigottakulasūrabhāvehi samānosmī’’ti na bhāyati, hatthājānīyādayo attano sakkāyadiṭṭhibalavatāya na bhāyanti, khīṇāsavo sakkāyadiṭṭhipahīnattā na bhāyati.
พิลาสยาติ พิเล สยนฺตา พิลวาสิโน อหินกุลโคธาทโยฯ ทกาสยาติ อุทกวาสิโน มจฺฉกจฺฉปาทโยฯ วนาสยาติ วนวาสิโน หตฺถิอสฺสโคกณฺณมิคาทโยฯ ปวิสนฺตีติ ‘‘อิทานิ อาคนฺตฺวา คณฺหิสฺสตี’’ติ มคฺคํ โอโลเกนฺตาว ปวิสนฺติฯ ทเฬฺหหีติ ถิเรหิฯ วรเตฺตหีติ จมฺมรชฺชูหิฯ มหิทฺธิโกติอาทีสุ วิชมฺภนภูมิยํ ฐตฺวา ทกฺขิณปสฺสาทีหิ อุสภมตฺตํ, อุชุกํ วีสติอุสภมตฺตาทิลงฺฆนวเสน มหิทฺธิกตา, เสสมิคานํ อธิปติภาเวน มเหสกฺขตา, สมนฺตา ติโยชเน สทฺทํ สุตฺวา ปลายนฺตานํ วเสน มหานุภาวตา เวทิตพฺพาฯ
Bilāsayāti bile sayantā bilavāsino ahinakulagodhādayo. Dakāsayāti udakavāsino macchakacchapādayo. Vanāsayāti vanavāsino hatthiassagokaṇṇamigādayo. Pavisantīti ‘‘idāni āgantvā gaṇhissatī’’ti maggaṃ olokentāva pavisanti. Daḷhehīti thirehi. Varattehīti cammarajjūhi. Mahiddhikotiādīsu vijambhanabhūmiyaṃ ṭhatvā dakkhiṇapassādīhi usabhamattaṃ, ujukaṃ vīsatiusabhamattādilaṅghanavasena mahiddhikatā, sesamigānaṃ adhipatibhāvena mahesakkhatā, samantā tiyojane saddaṃ sutvā palāyantānaṃ vasena mahānubhāvatā veditabbā.
เอวเมว โขติ ภควา เตสุ เตสุ สุเตฺตสุ ตถา ตถา อตฺตานํ กเถสิฯ ‘‘สีโหติ โข, ภิกฺขเว, ตถาคตเสฺสตํ อธิวจนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติ (อ. นิ. ๕.๙๙; ๑๐.๒๑) อิมสฺมิํ ตาว สุเตฺต สีหสทิสํ อตฺตานํ กเถสิฯ ‘‘ภิสโกฺก สลฺลกโตฺตติ โข, สุนกฺขตฺต, ตถาคตเสฺสตํ อธิวจน’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๖๕) อิมสฺมิํ เวชฺชสทิสํฯ ‘‘พฺราหฺมโณติ, ภิกฺขเว, ตถาคตเสฺสตํ อธิวจน’’นฺติ (อ. นิ. ๘.๘๕) อิมสฺมิํ พฺราหฺมณสทิสํฯ ‘‘ปุริโส มคฺคกุสโลติ โข, ติสฺส, ตถาคตเสฺสตํ อธิวจน’’นฺติ (สํ. นิ. ๓.๘๔) อิมสฺมิํ มคฺคเทสกปุริสสทิสํฯ ‘‘ราชาหมสฺมิ เสลา’’ติ (สุ. นิ. ๕๕๙) อิมสฺมิํ ราชสทิสํฯ ‘‘สีโหติ โข ตถาคตเสฺสตํ อธิวจน’’นฺติ (อ. นิ. ๕.๙๙; ๑๐.๒๑) อิมสฺมิํ ปน สุเตฺต สีหสทิสเมว กตฺวา อตฺตานํ กเถโนฺต เอวมาหฯ
Evamevakhoti bhagavā tesu tesu suttesu tathā tathā attānaṃ kathesi. ‘‘Sīhoti kho, bhikkhave, tathāgatassetaṃ adhivacanaṃ arahato sammāsambuddhassā’’ti (a. ni. 5.99; 10.21) imasmiṃ tāva sutte sīhasadisaṃ attānaṃ kathesi. ‘‘Bhisakko sallakattoti kho, sunakkhatta, tathāgatassetaṃ adhivacana’’nti (ma. ni. 3.65) imasmiṃ vejjasadisaṃ. ‘‘Brāhmaṇoti, bhikkhave, tathāgatassetaṃ adhivacana’’nti (a. ni. 8.85) imasmiṃ brāhmaṇasadisaṃ. ‘‘Puriso maggakusaloti kho, tissa, tathāgatassetaṃ adhivacana’’nti (saṃ. ni. 3.84) imasmiṃ maggadesakapurisasadisaṃ. ‘‘Rājāhamasmi selā’’ti (su. ni. 559) imasmiṃ rājasadisaṃ. ‘‘Sīhoti kho tathāgatassetaṃ adhivacana’’nti (a. ni. 5.99; 10.21) imasmiṃ pana sutte sīhasadisameva katvā attānaṃ kathento evamāha.
ตตฺรายํ สทิสตา – สีหสฺส กญฺจนคุหาทีสุ วสนกาโล วิย หิ ตถาคตสฺส ทีปงฺกรปาทมูเล กตาภินีหารสฺส อปริมิตกาลํ ปารมิโย ปูเรตฺวา ปจฺฉิมภเว ปฎิสนฺธิคฺคหเณน เจว มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมเนน จ ทสสหสฺสิโลกธาตุํ กเมฺปตฺวา วุทฺธิมนฺวาย ทิพฺพสมฺปตฺติสทิสํ สมฺปตฺติํ อนุภวมานสฺส ตีสุ ปาสาเทสุ นิวาสกาโล ทฎฺฐโพฺพฯ สีหสฺส กญฺจนคุหาทิโต นิกฺขนฺตกาโล วิย ตถาคตสฺส เอกูนติํเส สํวจฺฉเร วิวเฎน ทฺวาเรน กณฺฑกํ อารุยฺห ฉนฺนสหายสฺส นิกฺขมิตฺวา ตีณิ รชฺชานิ อติกฺกมิตฺวา อโนมานทีตีเร พฺรหฺมุนา ทินฺนานิ กาสายานิ ปริทหิตฺวา ปพฺพชิตสฺส สตฺตเม ทิวเส ราชคหํ คนฺตฺวา ตตฺถ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปณฺฑวคิริปพฺภาเร กตภตฺตกิจฺจสฺส สมฺมาสโมฺพธิํ ปตฺวา, ปฐมเมว มคธรฎฺฐํ อาคมนตฺถาย ยาว รโญฺญ ปฎิญฺญาทานกาโลฯ
Tatrāyaṃ sadisatā – sīhassa kañcanaguhādīsu vasanakālo viya hi tathāgatassa dīpaṅkarapādamūle katābhinīhārassa aparimitakālaṃ pāramiyo pūretvā pacchimabhave paṭisandhiggahaṇena ceva mātukucchito nikkhamanena ca dasasahassilokadhātuṃ kampetvā vuddhimanvāya dibbasampattisadisaṃ sampattiṃ anubhavamānassa tīsu pāsādesu nivāsakālo daṭṭhabbo. Sīhassa kañcanaguhādito nikkhantakālo viya tathāgatassa ekūnatiṃse saṃvacchare vivaṭena dvārena kaṇḍakaṃ āruyha channasahāyassa nikkhamitvā tīṇi rajjāni atikkamitvā anomānadītīre brahmunā dinnāni kāsāyāni paridahitvā pabbajitassa sattame divase rājagahaṃ gantvā tattha piṇḍāya caritvā paṇḍavagiripabbhāre katabhattakiccassa sammāsambodhiṃ patvā, paṭhamameva magadharaṭṭhaṃ āgamanatthāya yāva rañño paṭiññādānakālo.
สีหสฺส วิชมฺภนกาโล วิย ตถาคตสฺส ทินฺนปฎิญฺญสฺส อาฬารกาลามอุปสงฺกมนํ อาทิํ กตฺวา ยาว สุชาตาย ทินฺนปายาสสฺส เอกูนปณฺณาสาย ปิเณฺฑหิ ปริภุตฺตกาโล เวทิตโพฺพฯ สีหสฺส เกสรวิธุนนํ วิย สายนฺหสมเย โสตฺติเยน ทินฺนา อฎฺฐ ติณมุฎฺฐิโย คเหตฺวา ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตาหิ โถมิยมานสฺส คนฺธาทีหิ ปูชิยมานสฺส ติกฺขตฺตุํ โพธิํ ปทกฺขิณํ กตฺวา โพธิมณฺฑํ อารุยฺห จุทฺทสหตฺถุเพฺพเธ ฐาเน ติณสนฺถรํ สนฺถริตฺวา จตุรงฺควีริยํ อธิฎฺฐาย นิสินฺนสฺส ตํขณํเยว มารพลํ วิธมิตฺวา ตีสุ ยาเมสุ ติโสฺส วิชฺชา วิโสเธตฺวา อนุโลมปฎิโลมํ ปฎิจฺจสมุปฺปาทมหาสมุทฺทํ ยมกญาณมนฺถเนน มเนฺถนฺตสฺส สพฺพญฺญุตญฺญาเณ ปฎิวิเทฺธ ตทนุภาเวน ทสสหสฺสิโลกธาตุกมฺปนํ เวทิตพฺพํฯ
Sīhassa vijambhanakālo viya tathāgatassa dinnapaṭiññassa āḷārakālāmaupasaṅkamanaṃ ādiṃ katvā yāva sujātāya dinnapāyāsassa ekūnapaṇṇāsāya piṇḍehi paribhuttakālo veditabbo. Sīhassa kesaravidhunanaṃ viya sāyanhasamaye sottiyena dinnā aṭṭha tiṇamuṭṭhiyo gahetvā dasasahassacakkavāḷadevatāhi thomiyamānassa gandhādīhi pūjiyamānassa tikkhattuṃ bodhiṃ padakkhiṇaṃ katvā bodhimaṇḍaṃ āruyha cuddasahatthubbedhe ṭhāne tiṇasantharaṃ santharitvā caturaṅgavīriyaṃ adhiṭṭhāya nisinnassa taṃkhaṇaṃyeva mārabalaṃ vidhamitvā tīsu yāmesu tisso vijjā visodhetvā anulomapaṭilomaṃ paṭiccasamuppādamahāsamuddaṃ yamakañāṇamanthanena manthentassa sabbaññutaññāṇe paṭividdhe tadanubhāvena dasasahassilokadhātukampanaṃ veditabbaṃ.
สีหสฺส จตุทฺทิสาวิโลกนํ วิย ปฎิวิทฺธสพฺพญฺญุตญฺญาณสฺส สตฺตสตฺตาหํ โพธิมเณฺฑ วิหริตฺวา ปริภุตฺตมธุปิณฺฑิกาหารสฺส อชปาลนิโคฺรธมูเล มหาพฺรหฺมุโน ธมฺมเทสนายาจนํ ปฎิคฺคเหตฺวา ตตฺถ วิหรนฺตสฺส เอกาทสเม ทิวเส ‘‘เสฺว อาสาฬฺหิปุณฺณมา ภวิสฺสตี’’ติ ปจฺจูสสมเย ‘‘กสฺส นุ โข อหํ ปฐมํ ธมฺมํ เทเสยฺย’’นฺติ? อาฬารุทกานํ กาลงฺกตภาวํ ญตฺวา ธมฺมเทสนตฺถาย ปญฺจวคฺคิยานํ โอโลกนํ ทฎฺฐพฺพํฯ สีหสฺส โคจรตฺถาย ติโยชนํ คมนกาโล วิย อตฺตโน ปตฺตจีวรมาทาย ‘‘ปญฺจวคฺคิยานํ ธมฺมจกฺกํ ปวเตฺตสฺสามี’’ติ ปจฺฉาภเตฺต อชปาลนิโคฺรธโต วุฎฺฐิตสฺส อฎฺฐารสโยชนมคฺคํ คมนกาโลฯ
Sīhassa catuddisāvilokanaṃ viya paṭividdhasabbaññutaññāṇassa sattasattāhaṃ bodhimaṇḍe viharitvā paribhuttamadhupiṇḍikāhārassa ajapālanigrodhamūle mahābrahmuno dhammadesanāyācanaṃ paṭiggahetvā tattha viharantassa ekādasame divase ‘‘sve āsāḷhipuṇṇamā bhavissatī’’ti paccūsasamaye ‘‘kassa nu kho ahaṃ paṭhamaṃ dhammaṃ deseyya’’nti? Āḷārudakānaṃ kālaṅkatabhāvaṃ ñatvā dhammadesanatthāya pañcavaggiyānaṃ olokanaṃ daṭṭhabbaṃ. Sīhassa gocaratthāya tiyojanaṃ gamanakālo viya attano pattacīvaramādāya ‘‘pañcavaggiyānaṃ dhammacakkaṃ pavattessāmī’’ti pacchābhatte ajapālanigrodhato vuṭṭhitassa aṭṭhārasayojanamaggaṃ gamanakālo.
สีหนาทกาโล วิย ตถาคตสฺส อฎฺฐารสโยชนมคฺคํ คนฺตฺวา ปญฺจวคฺคิเย สญฺญาเปตฺวา อจลปลฺลเงฺก นิสินฺนสฺส ทสหิ จกฺกวาฬสหเสฺสหิ สนฺนิปติเตน เทวคเณน ปริวุตสฺส ‘‘เทฺวเม, ภิกฺขเว, อนฺตา ปพฺพชิเตน น เสวิตพฺพา’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๓) นเยน ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนกาโล เวทิตโพฺพฯ อิมสฺมิญฺจ ปน ปเท เทสิยมาเน ตถาคตสีหสฺส ธมฺมโฆโส เหฎฺฐา อวีจิํ อุปริ ภวคฺคํ คเหตฺวา ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ปฎิจฺฉาเทสิฯ สีหสฺส สเทฺทน ขุทฺทกปาณานํ สนฺตาสํ อาปชฺชนกาโล วิย ตถาคตสฺส ตีณิ ลกฺขณานิ ทีเปตฺวา จตฺตาริ สจฺจานิ โสฬสหากาเรหิ สฎฺฐิยา จ นยสหเสฺสหิ วิภชิตฺวา ธมฺมํ กเถนฺตสฺส ทีฆายุกเทวตานํ ญาณสนฺตาสสฺส อุปฺปตฺติกาโล เวทิตโพฺพฯ
Sīhanādakālo viya tathāgatassa aṭṭhārasayojanamaggaṃ gantvā pañcavaggiye saññāpetvā acalapallaṅke nisinnassa dasahi cakkavāḷasahassehi sannipatitena devagaṇena parivutassa ‘‘dveme, bhikkhave, antā pabbajitena na sevitabbā’’tiādinā (saṃ. ni. 5.1081; mahāva. 13) nayena dhammacakkappavattanakālo veditabbo. Imasmiñca pana pade desiyamāne tathāgatasīhassa dhammaghoso heṭṭhā avīciṃ upari bhavaggaṃ gahetvā dasasahassilokadhātuṃ paṭicchādesi. Sīhassa saddena khuddakapāṇānaṃ santāsaṃ āpajjanakālo viya tathāgatassa tīṇi lakkhaṇāni dīpetvā cattāri saccāni soḷasahākārehi saṭṭhiyā ca nayasahassehi vibhajitvā dhammaṃ kathentassa dīghāyukadevatānaṃ ñāṇasantāsassa uppattikālo veditabbo.
ยทาติ ยสฺมิํ กาเลฯ ตถาคโตติ อฎฺฐหิ การเณหิ ภควา ตถาคโต – ตถา อาคโตติ ตถาคโต, ตถา คโตติ ตถาคโต, ตถลกฺขณํ อาคโตติ ตถาคโต, ตถธเมฺม ยาถาวโต อภิสมฺพุโทฺธติ ตถาคโต, ตถทสฺสิตาย ตถาคโต, ตถาวาทิตาย ตถาคโต, ตถาการิตาย ตถาคโตฯ อภิภวนเฎฺฐน ตถาคโตติฯ เตสํ วิตฺถาโร พฺรหฺมชาลวณฺณนายมฺปิ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๑.๗) มูลปริยายวณฺณนายมฺปิ (ม. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑๒) วุโตฺตเยวฯ โลเกติ สตฺตโลเกฯ อุปฺปชฺชตีติ อภินีหารโต ปฎฺฐาย ยาว โพธิปลฺลงฺกา วา อรหตฺตมคฺคญาณา วา อุปฺปชฺชติ นาม , อรหตฺตผเล ปน ปเตฺต อุปฺปโนฺน นามฯ อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธติอาทีนิ วิสุทฺธิมเคฺค พุทฺธานุสฺสตินิเทฺทเส วิตฺถาริตานิฯ
Yadāti yasmiṃ kāle. Tathāgatoti aṭṭhahi kāraṇehi bhagavā tathāgato – tathā āgatoti tathāgato, tathā gatoti tathāgato, tathalakkhaṇaṃ āgatoti tathāgato, tathadhamme yāthāvato abhisambuddhoti tathāgato, tathadassitāya tathāgato, tathāvāditāya tathāgato, tathākāritāya tathāgato. Abhibhavanaṭṭhena tathāgatoti. Tesaṃ vitthāro brahmajālavaṇṇanāyampi (dī. ni. aṭṭha. 1.7) mūlapariyāyavaṇṇanāyampi (ma. ni. aṭṭha. 1.12) vuttoyeva. Loketi sattaloke. Uppajjatīti abhinīhārato paṭṭhāya yāva bodhipallaṅkā vā arahattamaggañāṇā vā uppajjati nāma , arahattaphale pana patte uppanno nāma. Arahaṃ sammāsambuddhotiādīni visuddhimagge buddhānussatiniddese vitthāritāni.
อิติ รูปนฺติ อิทํ รูปํ เอตฺตกํ รูปํ, น อิโต ภิโยฺย รูปํ อตฺถีติฯ เอตฺตาวตา สภาวโต สรสโต ปริยนฺตโต ปริเจฺฉทโต ปริจฺฉินฺทนโต ยาวตา จตฺตาโร จ มหาภูตา จตุนฺนญฺจ มหาภูตานํ อุปาทายรูปํ, ตํ สพฺพํ ทสฺสิตํ โหติฯ อิติ รูปสฺส สมุทโยติ อยํ รูปสฺส สมุทโย นามฯ เอตฺตาวตา หิ ‘‘อาหารสมุทโย รูปสมุทโย’’ติอาทิ สพฺพํ ทสฺสิตํ โหติฯ อิติ รูปสฺส อตฺถงฺคโมติ อยํ รูปสฺส อตฺถงฺคโมฯ อิมินาปิ ‘‘อาหารนิโรธา รูปนิโรโธ’’ติอาทิ สพฺพํ ทสฺสิตํ โหติฯ อิติ เวทนาติอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ
Iti rūpanti idaṃ rūpaṃ ettakaṃ rūpaṃ, na ito bhiyyo rūpaṃ atthīti. Ettāvatā sabhāvato sarasato pariyantato paricchedato paricchindanato yāvatā cattāro ca mahābhūtā catunnañca mahābhūtānaṃ upādāyarūpaṃ, taṃ sabbaṃ dassitaṃ hoti. Iti rūpassa samudayoti ayaṃ rūpassa samudayo nāma. Ettāvatā hi ‘‘āhārasamudayo rūpasamudayo’’tiādi sabbaṃ dassitaṃ hoti. Iti rūpassa atthaṅgamoti ayaṃ rūpassa atthaṅgamo. Imināpi ‘‘āhāranirodhā rūpanirodho’’tiādi sabbaṃ dassitaṃ hoti. Iti vedanātiādīsupi eseva nayo.
วณฺณวโนฺตติ สรีรวเณฺณน วณฺณวโนฺตฯ ธมฺมเทสนํ สุตฺวาติ อิมํ ปญฺจสุ ขเนฺธสุ ปณฺณาสลกฺขณปฎิมณฺฑิตํ ตถาคตสฺส ธมฺมเทสนํ สุตฺวาฯ เยภุเยฺยนาติ อิธ เก ฐเปติ? อริยสาวเก เทเวฯ เตสญฺหิ ขีณาสวตฺตา จิตฺตุตฺราสภยมฺปิ น อุปฺปชฺชติ, สํวิคฺคสฺส โยนิโส ปธาเนน ปตฺตพฺพํ ปตฺตตาย ญาณสํเวโคปิฯ อิตเรสํ ปน เทวานํ ‘‘ตาโส เหโส ภิกฺขู’’ติ อนิจฺจตํ มนสิกโรนฺตานํ จิตฺตุตฺราสภยมฺปิ, พลววิปสฺสนากาเล ญาณภยมฺปิ อุปฺปชฺชติฯ โภติ ธมฺมาลปนมตฺตเมตํฯ สกฺกายปริยาปนฺนาติ ปญฺจกฺขนฺธปริยาปนฺนาฯ อิติ เตสํ สมฺมาสมฺพุเทฺธ วฎฺฎโทสํ ทเสฺสตฺวา ติลกฺขณาหตํ กตฺวา ธมฺมํ เทเสเนฺต ญาณภยํ นาม โอกฺกมติฯ
Vaṇṇavantoti sarīravaṇṇena vaṇṇavanto. Dhammadesanaṃ sutvāti imaṃ pañcasu khandhesu paṇṇāsalakkhaṇapaṭimaṇḍitaṃ tathāgatassa dhammadesanaṃ sutvā. Yebhuyyenāti idha ke ṭhapeti? Ariyasāvake deve. Tesañhi khīṇāsavattā cittutrāsabhayampi na uppajjati, saṃviggassa yoniso padhānena pattabbaṃ pattatāya ñāṇasaṃvegopi. Itaresaṃ pana devānaṃ ‘‘tāso heso bhikkhū’’ti aniccataṃ manasikarontānaṃ cittutrāsabhayampi, balavavipassanākāle ñāṇabhayampi uppajjati. Bhoti dhammālapanamattametaṃ. Sakkāyapariyāpannāti pañcakkhandhapariyāpannā. Iti tesaṃ sammāsambuddhe vaṭṭadosaṃ dassetvā tilakkhaṇāhataṃ katvā dhammaṃ desente ñāṇabhayaṃ nāma okkamati.
อภิญฺญายาติ ชานิตฺวาฯ ธมฺมจกฺกนฺติ ปฎิเวธญาณมฺปิ เทสนาญาณมฺปิฯ ปฎิเวธญาณํ นาม เยน ญาเณน โพธิปลฺลเงฺก นิสิโนฺน จตฺตาริ สจฺจานิ โสฬสหากาเรหิ สฎฺฐิยา จ นยสหเสฺสหิ ปฎิวิชฺฌิฯ เทสนาญาณํ นาม เยน ญาเณน ติปริวฎฺฎํ ทฺวาทสาการํ ธมฺมจกฺกํ ปวเตฺตสิฯ อุภยมฺปิ ตํ ทสพลสฺส อุเร ชาตญาณเมวฯ เตสุ อิธ เทสนาญาณํ คเหตพฺพํฯ ตํ ปเนส ยาว อฎฺฐารสหิ พฺรหฺมโกฎีหิ สทฺธิํ อญฺญาสิโกณฺฑญฺญเตฺถรสฺส โสตาปตฺติผลํ อุปฺปชฺชติ, ตาว ปวเตฺตติ นามฯ ตสฺมิํ อุปฺปเนฺน ปวตฺติตํ นาม โหตีติ เวทิตพฺพํฯ อปฺปฎิปุคฺคโลติ สทิสปุคฺคลรหิโตฯ ยสสฺสิโนติ ปริวารสมฺปนฺนาฯ ตาทิโนติ ลาภาลาภาทีหิ เอกสทิสสฺสฯ ฉฎฺฐํฯ
Abhiññāyāti jānitvā. Dhammacakkanti paṭivedhañāṇampi desanāñāṇampi. Paṭivedhañāṇaṃ nāma yena ñāṇena bodhipallaṅke nisinno cattāri saccāni soḷasahākārehi saṭṭhiyā ca nayasahassehi paṭivijjhi. Desanāñāṇaṃ nāma yena ñāṇena tiparivaṭṭaṃ dvādasākāraṃ dhammacakkaṃ pavattesi. Ubhayampi taṃ dasabalassa ure jātañāṇameva. Tesu idha desanāñāṇaṃ gahetabbaṃ. Taṃ panesa yāva aṭṭhārasahi brahmakoṭīhi saddhiṃ aññāsikoṇḍaññattherassa sotāpattiphalaṃ uppajjati, tāva pavatteti nāma. Tasmiṃ uppanne pavattitaṃ nāma hotīti veditabbaṃ. Appaṭipuggaloti sadisapuggalarahito. Yasassinoti parivārasampannā. Tādinoti lābhālābhādīhi ekasadisassa. Chaṭṭhaṃ.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๖. สีหสุตฺตํ • 6. Sīhasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๖. สีหสุตฺตวณฺณนา • 6. Sīhasuttavaṇṇanā