Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā)

    ๒. สีหสุตฺตวณฺณนา

    2. Sīhasuttavaṇṇanā

    ๑๒. ทุติเย สนฺถาคารํ (ม. นิ. อฎฺฐ. ๑.๒๒; สํ. นิ. อฎฺฐ. ๓.๔.๒๔๓) นาม เอกา มหาสาลาวฯ อุโยฺยคกาลาทีสุ หิ ราชาโน ตตฺถ ฐตฺวา ‘‘เอตฺตกา ปุรโต คจฺฉนฺตุ, เอตฺตกา ปจฺฉา’’ติอาทินา ตตฺถ นิสีทิตฺวา สนฺถํ กโรนฺติ, มริยาทํ พนฺธนฺติ, ตสฺมา ตํ ฐานํ ‘‘สนฺถาคาร’’นฺติ วุจฺจติฯ อุโยฺยคฎฺฐานโต จ อาคนฺตฺวา ยาว เคเห โคมยปริภณฺฑาทิวเสน ปฎิชคฺคนํ กโรนฺติ, ตาว เอกํ เทฺว ทิวเส เต ราชาโน ตตฺถ สนฺถมฺภนฺตีติปิ สนฺถาคารํฯ เตสํ ราชูนํ สห อตฺถานุสาสนํ อคารนฺติปิ สนฺถาคารํฯ คณราชาโน หิ เต, ตสฺมา อุปฺปนฺนํ กิจฺจํ เอกสฺส วเสน น สิชฺฌติ, สเพฺพสํ ฉโนฺท ลทฺธุํ วฎฺฎติ, ตสฺมา สเพฺพ ตตฺถ สนฺนิปติตฺวา อนุสาสนฺติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘สห อตฺถานุสาสนํ อคาร’’นฺติฯ ยสฺมา วา ตตฺถ สนฺนิปติตฺวา ‘‘อิมสฺมิํ กาเล กสิตุํ วฎฺฎติ, อิมสฺมิํ กาเล วปิตุ’’นฺติอาทินา นเยน ฆราวาสกิจฺจานิ สมฺมนฺตยนฺติ, ตสฺมา ฉิทฺทาวฉิทฺทํ ฆราวาสํ สนฺถรนฺตีติปิ สนฺถาคารํ

    12. Dutiye santhāgāraṃ (ma. ni. aṭṭha. 1.22; saṃ. ni. aṭṭha. 3.4.243) nāma ekā mahāsālāva. Uyyogakālādīsu hi rājāno tattha ṭhatvā ‘‘ettakā purato gacchantu, ettakā pacchā’’tiādinā tattha nisīditvā santhaṃ karonti, mariyādaṃ bandhanti, tasmā taṃ ṭhānaṃ ‘‘santhāgāra’’nti vuccati. Uyyogaṭṭhānato ca āgantvā yāva gehe gomayaparibhaṇḍādivasena paṭijagganaṃ karonti, tāva ekaṃ dve divase te rājāno tattha santhambhantītipi santhāgāraṃ. Tesaṃ rājūnaṃ saha atthānusāsanaṃ agārantipi santhāgāraṃ. Gaṇarājāno hi te, tasmā uppannaṃ kiccaṃ ekassa vasena na sijjhati, sabbesaṃ chando laddhuṃ vaṭṭati, tasmā sabbe tattha sannipatitvā anusāsanti. Tena vuttaṃ ‘‘saha atthānusāsanaṃ agāra’’nti. Yasmā vā tattha sannipatitvā ‘‘imasmiṃ kāle kasituṃ vaṭṭati, imasmiṃ kāle vapitu’’ntiādinā nayena gharāvāsakiccāni sammantayanti, tasmā chiddāvachiddaṃ gharāvāsaṃ santharantītipi santhāgāraṃ.

    ปุตฺตทารธนาทิอุปกรณปริจฺจาโค ปารมิโยฯ อตฺตโน องฺคปริจฺจาโค อุปปารมิโยฯ อตฺตโนว ชีวิตปริจฺจาโค ปรมตฺถปารมิโยฯ ญาตีนํ อตฺถจริยา ญาตตฺถจริยาฯ โลกสฺส อตฺถจริยา โลกตฺถจริยาฯ กมฺมสฺสกตญาณวเสน อนวชฺชกมฺมายตนสิปฺปายตนวิชฺชาฎฺฐานปริจยวเสน ขนฺธายตนาทิปริจยวเสน ลกฺขณตฺตยตีรณวเสน จ ญาณจาโร พุทฺธจริยาฯ องฺคนยนธนรชฺชปุตฺตทารปริชฺชาควเสน ปญฺจ มหาปริจฺจาเค ปริจฺจชเนฺตนฯ สติปิ มหาปริจฺจาคานํ ทานปารมิภาเว ปริจฺจาควิเสสสภาวทสฺสนตฺถเญฺจว สุทุกฺกรภาวทสฺสนตฺถญฺจ ปญฺจมหาปริจฺจาคานํ วิสุํ คหณํ, ตโตเยว จ องฺคปริจฺจาคโต วิสุํ นยนปริจฺจาคคฺคหณํฯ ปริจฺจาคภาวสามเญฺญปิ ธนรชฺชปริจฺจาคโต ปุตฺตทารปริจฺจาคคฺคหณญฺจ วิสุํ กตํฯ ปพฺพชฺชาว สเงฺขโปฯ

    Puttadāradhanādiupakaraṇapariccāgo pāramiyo. Attano aṅgapariccāgo upapāramiyo. Attanova jīvitapariccāgo paramatthapāramiyo. Ñātīnaṃ atthacariyā ñātatthacariyā. Lokassa atthacariyā lokatthacariyā. Kammassakatañāṇavasena anavajjakammāyatanasippāyatanavijjāṭṭhānaparicayavasena khandhāyatanādiparicayavasena lakkhaṇattayatīraṇavasena ca ñāṇacāro buddhacariyā. Aṅganayanadhanarajjaputtadāraparijjāgavasena pañca mahāpariccāge pariccajantena. Satipi mahāpariccāgānaṃ dānapāramibhāve pariccāgavisesasabhāvadassanatthañceva sudukkarabhāvadassanatthañca pañcamahāpariccāgānaṃ visuṃ gahaṇaṃ, tatoyeva ca aṅgapariccāgato visuṃ nayanapariccāgaggahaṇaṃ. Pariccāgabhāvasāmaññepi dhanarajjapariccāgato puttadārapariccāgaggahaṇañca visuṃ kataṃ. Pabbajjāva saṅkhepo.

    สตฺตสุ อนุปสฺสนาสูติ อนิจฺจานุปสฺสนา, ทุกฺขานุปสฺสนา, อนตฺตานุปสฺสนา, นิพฺพิทานุปสฺสนา, วิราคานุปสฺสนา, นิโรธานุปสฺสนา, ปฎินิสฺสคฺคานุปสฺสนาติ อิมาสุ สตฺตสุ อนุปสฺสนาสุฯ

    Sattasu anupassanāsūti aniccānupassanā, dukkhānupassanā, anattānupassanā, nibbidānupassanā, virāgānupassanā, nirodhānupassanā, paṭinissaggānupassanāti imāsu sattasu anupassanāsu.

    อนุวิจฺจการนฺติ อเวจฺจกรณํฯ ทฺวีหิ การเณหิ อนิยฺยานิกสาสเน ฐิตา อตฺตโน สาวกตฺตํ อุปคเต ปคฺคณฺหนฺติ, ตานิ ทเสฺสตุํ ‘‘กสฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ

    Anuviccakāranti aveccakaraṇaṃ. Dvīhi kāraṇehi aniyyānikasāsane ṭhitā attano sāvakattaṃ upagate paggaṇhanti, tāni dassetuṃ ‘‘kasmā’’tiādi vuttaṃ.

    อนุปุพฺพิํ กถนฺติ (ที. นิ. ฎี. ๒.๗๕-๗๖) อนุปุพฺพํ กเถตพฺพกถํฯ กา ปน สาติ? ทานาทิกถาฯ ตตฺถ ทานกถา ตาว ปจุรชเนสุปิ ปวตฺติยา สพฺพสตฺตสาธารณตฺตา สุกรตฺตา สีเล ปติฎฺฐานสฺส อุปายภาวโต จ อาทิโต กถิตาฯ ปริจฺจาคสีโล หิ ปุคฺคโล ปริคฺคหวตฺถูสุ นิสฺสงฺคภาวโต สุเขเนว สีลานิ สมาทิยติ, ตตฺถ จ สุปฺปติฎฺฐิโต โหติฯ สีเลน ทายกปฺปฎิคฺคาหกวิสุทฺธิโต ปรานุคฺคหํ วตฺวา ปรปีฬานิวตฺติวจนโต กิริยาธมฺมํ วตฺวา อกิริยาธมฺมวจนโต, โภคสมฺปตฺติเหตุํ วตฺวา ภวสมฺปตฺติเหตุวจนโต จ ทานกถานนฺตรํ สีลกถา กถิตาฯ ‘‘ตญฺจ สีลํ วฎฺฎนิสฺสิตํ, อยํ ภวสมฺปตฺติ ตสฺส ผล’’นฺติ ทสฺสนตฺถํฯ ‘‘อิเมหิ จ ทานสีลมเยหิ ปณีตปณีตตราทิเภทภิเนฺนหิ ปุญฺญกิริยวตฺถูหิ เอตา จาตุมหาราชิกาทีสุ ปณีตปณีตตราทิเภทภินฺนา อปริเมยฺยา ทิพฺพโภคสมฺปตฺติโย ลทฺธพฺพา’’ติ ทสฺสนตฺถํ ตทนนฺตรํ สคฺคกถาฯ ‘‘สฺวายํ สโคฺค ราคาทีหิ อุปกฺกิลิโฎฺฐ, สพฺพถานุปกฺกิลิโฎฺฐ อริยมโคฺค’’ติ ทสฺสนตฺถํ สคฺคานนฺตรํ มโคฺค, มคฺคญฺจ กเถเนฺตน ตทธิคมูปายสนฺทสฺสนตฺถํ สคฺคปริยาปนฺนาปิ ปเคว อิตเร สเพฺพปิ กามา นาม พหฺวาทีนวา อนิจฺจา อทฺธุวา วิปริณามธมฺมาติ กามานํ อาทีนโวฯ ‘‘หีนา คมฺมา โปถุชฺชนิกา อนริยา อนตฺถสํหิตา’’ติ เตสํ โอกาโร ลามกภาโวฯ สเพฺพปิ ภวา กิเลสานํ วตฺถุภูตาติ ตตฺถ สํกิเลโสฯ สพฺพโส สํกิเลสวิปฺปมุตฺตํ นิพฺพานนฺติ เนกฺขเมฺม อานิสํโส จ กเถตโพฺพติ อยมโตฺถ มคฺคนฺตีติ เอตฺถ อิติ-สเทฺทน อาทิ-อเตฺถน ทีปิโตติ เวทิตพฺพํฯ

    Anupubbiṃ kathanti (dī. ni. ṭī. 2.75-76) anupubbaṃ kathetabbakathaṃ. Kā pana sāti? Dānādikathā. Tattha dānakathā tāva pacurajanesupi pavattiyā sabbasattasādhāraṇattā sukarattā sīle patiṭṭhānassa upāyabhāvato ca ādito kathitā. Pariccāgasīlo hi puggalo pariggahavatthūsu nissaṅgabhāvato sukheneva sīlāni samādiyati, tattha ca suppatiṭṭhito hoti. Sīlena dāyakappaṭiggāhakavisuddhito parānuggahaṃ vatvā parapīḷānivattivacanato kiriyādhammaṃ vatvā akiriyādhammavacanato, bhogasampattihetuṃ vatvā bhavasampattihetuvacanato ca dānakathānantaraṃ sīlakathā kathitā. ‘‘Tañca sīlaṃ vaṭṭanissitaṃ, ayaṃ bhavasampatti tassa phala’’nti dassanatthaṃ. ‘‘Imehi ca dānasīlamayehi paṇītapaṇītatarādibhedabhinnehi puññakiriyavatthūhi etā cātumahārājikādīsu paṇītapaṇītatarādibhedabhinnā aparimeyyā dibbabhogasampattiyo laddhabbā’’ti dassanatthaṃ tadanantaraṃ saggakathā. ‘‘Svāyaṃ saggo rāgādīhi upakkiliṭṭho, sabbathānupakkiliṭṭho ariyamaggo’’ti dassanatthaṃ saggānantaraṃ maggo, maggañca kathentena tadadhigamūpāyasandassanatthaṃ saggapariyāpannāpi pageva itare sabbepi kāmā nāma bahvādīnavā aniccā addhuvā vipariṇāmadhammāti kāmānaṃ ādīnavo. ‘‘Hīnā gammā pothujjanikā anariyā anatthasaṃhitā’’ti tesaṃ okāro lāmakabhāvo. Sabbepi bhavā kilesānaṃ vatthubhūtāti tattha saṃkileso. Sabbaso saṃkilesavippamuttaṃ nibbānanti nekkhamme ānisaṃso ca kathetabboti ayamattho maggantīti ettha iti-saddena ādi-atthena dīpitoti veditabbaṃ.

    สุขานํ นิทานนฺติ ทิฎฺฐธมฺมิกานํ สมฺปรายิกานํ นิพฺพานุปสํหิตานญฺจาติ สเพฺพสมฺปิ สุขานํ การณํฯ ยญฺหิ กิญฺจิ โลเก โภคสุขํ นาม, ตํ สพฺพํ ทานาธีนนฺติ ปากโฎยมโตฺถฯ ยํ ปน ฌานวิปสฺสนามคฺคผลนิพฺพานปฺปฎิสํยุตฺตํ สุขํ, ตสฺสปิ ทานํ อุปนิสฺสยปจฺจโย โหติเยว ฯ สมฺปตฺตีนํ มูลนฺติ ยา อิมา โลเก ปเทสรชฺชสิริสฺสริยสตฺตรตนสมุชฺชลจกฺกวตฺติสมฺปทาติ เอวํปเภทา มานุสิกา สมฺปตฺติโย, ยา จ จาตุมหาราชิกาทิคตา ทิพฺพสมฺปตฺติโย, ยา วา ปนญฺญาปิ สมฺปตฺติโย , ตาสํ สพฺพาสํ อิทํ มูลการณํฯ โภคานนฺติ ภุญฺชิตพฺพเฎฺฐน ‘‘โภโค’’ติ ลทฺธนามานํ ปิยมนาปิยรูปาทีนํ ตนฺนิสฺสยานํ วา อุปโภคสุขานํ ปติฎฺฐา นิจฺจลาธิฎฺฐานตายฯ วิสมคตสฺสาติ พฺยสนปฺปตฺตสฺสฯ ตาณนฺติ รกฺขา, ตโต ปริปาลนโตฯ เลณนฺติ พฺยสเนหิ ปริปาติยมานสฺส โอลียนปฺปเทโสฯ คตีติ คนฺตพฺพฎฺฐานํฯ ปรายณนฺติ ปฎิสรณํฯ อวสฺสโยติ วินิปติตุํ อเทโนฺต นิสฺสโยฯ อารมฺมณนฺติ โอลุพฺภารมฺมณํฯ

    Sukhānaṃ nidānanti diṭṭhadhammikānaṃ samparāyikānaṃ nibbānupasaṃhitānañcāti sabbesampi sukhānaṃ kāraṇaṃ. Yañhi kiñci loke bhogasukhaṃ nāma, taṃ sabbaṃ dānādhīnanti pākaṭoyamattho. Yaṃ pana jhānavipassanāmaggaphalanibbānappaṭisaṃyuttaṃ sukhaṃ, tassapi dānaṃ upanissayapaccayo hotiyeva . Sampattīnaṃ mūlanti yā imā loke padesarajjasirissariyasattaratanasamujjalacakkavattisampadāti evaṃpabhedā mānusikā sampattiyo, yā ca cātumahārājikādigatā dibbasampattiyo, yā vā panaññāpi sampattiyo , tāsaṃ sabbāsaṃ idaṃ mūlakāraṇaṃ. Bhogānanti bhuñjitabbaṭṭhena ‘‘bhogo’’ti laddhanāmānaṃ piyamanāpiyarūpādīnaṃ tannissayānaṃ vā upabhogasukhānaṃ patiṭṭhā niccalādhiṭṭhānatāya. Visamagatassāti byasanappattassa. Tāṇanti rakkhā, tato paripālanato. Leṇanti byasanehi paripātiyamānassa olīyanappadeso. Gatīti gantabbaṭṭhānaṃ. Parāyaṇanti paṭisaraṇaṃ. Avassayoti vinipatituṃ adento nissayo. Ārammaṇanti olubbhārammaṇaṃ.

    รตนมยสีหาสนสทิสนฺติ สพฺพรตนมยสตฺตงฺคมหาสีหาสนสทิสํฯ เอวํ หิสฺส มหคฺฆํ หุตฺวา สพฺพโส วินิปติตุํ อปฺปทานโฎฺฐ ทีปิโต โหติฯ มหาปถวีสทิสํ คตคตฎฺฐาเน ปติฎฺฐานสฺส ลภาปนโตฯ ยถา ทุพฺพลสฺส ปุริสสฺส อาลมฺพนรชฺชุ อุตฺติฎฺฐโต ติฎฺฐโต จ อุปตฺถโมฺภ, เอวํ ทานํ สตฺตานํ สมฺปตฺติภเว อุปปตฺติยา ฐิติยา จ ปจฺจโยติ อาห ‘‘อาลมฺพนเฎฺฐน อาลมฺพนรชฺชุสทิส’’นฺติฯ ทุกฺขนิตฺถรณเฎฺฐนาติ ทุคฺคติทุกฺขฎฺฐานนิตฺถรณเฎฺฐนฯ สมสฺสาสนเฎฺฐนาติ โลภมจฺฉริยาทิปฎิสตฺตุปทฺทวโต สมสฺสาสนเฎฺฐนฯ ภยปริตฺตาณเฎฺฐนาติ ทาลิทฺทิยภยโต ปริปาลนเฎฺฐนฯ มเจฺฉรมลาทีหีติ มเจฺฉรโลภโทสมทอิสฺสามิจฺฉาทิฎฺฐิวิจิกิจฺฉาทิจิตฺตมเลหิฯ อนุปลิตฺตเฎฺฐนาติ อนุปกฺกิลิฎฺฐตายฯ เตสนฺติ มเจฺฉรมลาทีนํฯ เตสํ เอว ทุราสทเฎฺฐนฯ อสนฺตาสนเฎฺฐนาติ สนฺตาสเหตุอภาเวนฯ โย หิ ทายโก ทานปติ, โส สมฺปติปิ น กุโตจิ สนฺตสติ, ปเคว อายติํฯ พลวนฺตเฎฺฐนาติ มหาพลวตายฯ ทายโก หิ ทานปติ สมฺปติ ปกฺขพเลน พลวา โหติ, อายติํ ปน กายพลาทีหิปิฯ อภิมงฺคลสมฺมตเฎฺฐนาติ ‘‘วฑฺฒิการณ’’นฺติ อภิสมฺมตภาเวนฯ วิปตฺติภวโต สมฺปตฺติภวูปนยนํ เขมนฺตภูมิสมฺปาปนํ

    Ratanamayasīhāsanasadisanti sabbaratanamayasattaṅgamahāsīhāsanasadisaṃ. Evaṃ hissa mahagghaṃ hutvā sabbaso vinipatituṃ appadānaṭṭho dīpito hoti. Mahāpathavīsadisaṃ gatagataṭṭhāne patiṭṭhānassa labhāpanato. Yathā dubbalassa purisassa ālambanarajju uttiṭṭhato tiṭṭhato ca upatthambho, evaṃ dānaṃ sattānaṃ sampattibhave upapattiyā ṭhitiyā ca paccayoti āha ‘‘ālambanaṭṭhena ālambanarajjusadisa’’nti. Dukkhanittharaṇaṭṭhenāti duggatidukkhaṭṭhānanittharaṇaṭṭhena. Samassāsanaṭṭhenāti lobhamacchariyādipaṭisattupaddavato samassāsanaṭṭhena. Bhayaparittāṇaṭṭhenāti dāliddiyabhayato paripālanaṭṭhena. Maccheramalādīhīti maccheralobhadosamadaissāmicchādiṭṭhivicikicchādicittamalehi. Anupalittaṭṭhenāti anupakkiliṭṭhatāya. Tesanti maccheramalādīnaṃ. Tesaṃ eva durāsadaṭṭhena. Asantāsanaṭṭhenāti santāsahetuabhāvena. Yo hi dāyako dānapati, so sampatipi na kutoci santasati, pageva āyatiṃ. Balavantaṭṭhenāti mahābalavatāya. Dāyako hi dānapati sampati pakkhabalena balavā hoti, āyatiṃ pana kāyabalādīhipi. Abhimaṅgalasammataṭṭhenāti ‘‘vaḍḍhikāraṇa’’nti abhisammatabhāvena. Vipattibhavato sampattibhavūpanayanaṃ khemantabhūmisampāpanaṃ.

    อิทานิ มหาโพธิจริยภาเวนปิ ทานคุณํ ทเสฺสตุํ ‘‘ทานํ นาเมต’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อตฺตานํ นิยฺยาเตเนฺตนาติ เอเตน ‘‘ทานผลํ สมฺมเทว ปสฺสนฺตา มหาปุริสา อตฺตโน ชีวิตมฺปิ ปริจฺจชนฺติ, ตสฺมา โก นาม วิญฺญุชาติโก พาหิเร วตฺถุสฺมิํ ปเคว สงฺคํ กเรยฺยา’’ติ โอวาทํ เทติฯ อิทานิ ยา โลกิยา โลกุตฺตรา จ อุกฺกํสคตา สมฺปตฺติโย, ตา สพฺพา ทานโตเยว ปวตฺตนฺตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ทานญฺหี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ สกฺกมารพฺรหฺมสมฺปตฺติโย อตฺตหิตาย เอว, จกฺกวตฺติสมฺปตฺติ ปน อตฺตหิตาย ปรหิตาย จาติ ทเสฺสตุํ สา ตาสํ ปรโต จกฺกวตฺติสมฺปตฺติ วุตฺตาฯ เอตา โลกิยา, อิมา ปน โลกุตฺตราติ ทเสฺสตุํ ‘‘สาวกปารมิญาณ’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตาสุปิ อุกฺกฎฺฐุกฺกฎฺฐตรุกฺกฎฺฐตมตํ ทเสฺสตุํ กเมน ญาณตฺตยํ วุตฺตํฯ เตสํ ปน ทานสฺส ปจฺจยภาโว เหฎฺฐา วุโตฺตเยวฯ เอเตเนว ตสฺส พฺรหฺมสมฺปตฺติยาปิ ปจฺจยภาโว ทีปิโตติ เวทิตโพฺพฯ

    Idāni mahābodhicariyabhāvenapi dānaguṇaṃ dassetuṃ ‘‘dānaṃ nāmeta’’ntiādi vuttaṃ. Tattha attānaṃ niyyātentenāti etena ‘‘dānaphalaṃ sammadeva passantā mahāpurisā attano jīvitampi pariccajanti, tasmā ko nāma viññujātiko bāhire vatthusmiṃ pageva saṅgaṃ kareyyā’’ti ovādaṃ deti. Idāni yā lokiyā lokuttarā ca ukkaṃsagatā sampattiyo, tā sabbā dānatoyeva pavattantīti dassento ‘‘dānañhī’’tiādimāha. Tattha sakkamārabrahmasampattiyo attahitāya eva, cakkavattisampatti pana attahitāya parahitāya cāti dassetuṃ sā tāsaṃ parato cakkavattisampatti vuttā. Etā lokiyā, imā pana lokuttarāti dassetuṃ ‘‘sāvakapāramiñāṇa’’ntiādi vuttaṃ. Tāsupi ukkaṭṭhukkaṭṭhatarukkaṭṭhatamataṃ dassetuṃ kamena ñāṇattayaṃ vuttaṃ. Tesaṃ pana dānassa paccayabhāvo heṭṭhā vuttoyeva. Eteneva tassa brahmasampattiyāpi paccayabhāvo dīpitoti veditabbo.

    ทานญฺจ นาม ทกฺขิเณเยฺยสุ หิตชฺฌาสเยน ปูชนชฺฌาสเยน วา อตฺตโน สนฺตกสฺส ปเรสํ ปริจฺจชนํ, ตสฺมา ทายโก ปุริสปุคฺคโล ปเร หนฺติ, ปเรสํ วา สนฺตกํ หรตีติ อฎฺฐานเมตนฺติ อาห ‘‘ทานํ เทโนฺต สีลํ สมาทาตุํ สโกฺกตี’’ติฯ สีลาลงฺการสทิโส อลงฺกาโร นตฺถิ โสภาวิเสสาวหตฺตา สีลสฺสฯ สีลปุปฺผสทิสํ ปุปฺผํ นตฺถีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ สีลคนฺธสทิโส คโนฺธ นตฺถีติ เอตฺถ ‘‘จนฺทนํ ตครํ วาปี’’ติอาทิกา (ธ. ป. ๕๕) คาถา – ‘‘คโนฺธ อิสีนํ จิรทิกฺขิตานํ, กายา จุโต คจฺฉติ มาลุเตนา’’ติอาทิกา (ชา. ๒.๑๗.๕๕) ชาตกคาถาโย จ อาหริตฺวา วตฺตพฺพาฯ สีลญฺหิ สตฺตานํ อาภรณเญฺจว อลงฺกาโร จ คนฺธวิเลปนญฺจ ปรสฺส ทสฺสนียภาวาวหญฺจฯ เตนาห ‘‘สีลาลงฺกาเรน หี’’ติอาทิฯ

    Dānañca nāma dakkhiṇeyyesu hitajjhāsayena pūjanajjhāsayena vā attano santakassa paresaṃ pariccajanaṃ, tasmā dāyako purisapuggalo pare hanti, paresaṃ vā santakaṃ haratīti aṭṭhānametanti āha ‘‘dānaṃ dento sīlaṃ samādātuṃ sakkotī’’ti. Sīlālaṅkārasadiso alaṅkāro natthi sobhāvisesāvahattā sīlassa. Sīlapupphasadisaṃ pupphaṃ natthīti etthāpi eseva nayo. Sīlagandhasadiso gandho natthīti ettha ‘‘candanaṃ tagaraṃ vāpī’’tiādikā (dha. pa. 55) gāthā – ‘‘gandho isīnaṃ ciradikkhitānaṃ, kāyā cuto gacchati mālutenā’’tiādikā (jā. 2.17.55) jātakagāthāyo ca āharitvā vattabbā. Sīlañhi sattānaṃ ābharaṇañceva alaṅkāro ca gandhavilepanañca parassa dassanīyabhāvāvahañca. Tenāha ‘‘sīlālaṅkārena hī’’tiādi.

    อยํ สโคฺค ลพฺภตีติ อิทํ มชฺฌิเมหิ อารทฺธํ สีลํ สนฺธายาหฯ เตเนวาห สโกฺก เทวราชา –

    Ayaṃ saggo labbhatīti idaṃ majjhimehi āraddhaṃ sīlaṃ sandhāyāha. Tenevāha sakko devarājā –

    ‘‘หีเนน พฺรหฺมจริเยน, ขตฺติเย อุปปชฺชติ;

    ‘‘Hīnena brahmacariyena, khattiye upapajjati;

    มชฺฌิเมน จ เทวตฺตํ, อุตฺตเมน วิสุชฺฌตี’’ติฯ (ชา. ๑.๘.๗๕);

    Majjhimena ca devattaṃ, uttamena visujjhatī’’ti. (jā. 1.8.75);

    อิโฎฺฐติ สุโขฯ กโนฺตติ กมนีโยฯ มนาโปติ มนวฑฺฒนโกฯ ตํ ปน ตสฺส อิฎฺฐาทิภาวํ ทเสฺสตุํ ‘‘นิจฺจเมตฺถ กีฬา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ

    Iṭṭhoti sukho. Kantoti kamanīyo. Manāpoti manavaḍḍhanako. Taṃ pana tassa iṭṭhādibhāvaṃ dassetuṃ ‘‘niccamettha kīḷā’’tiādi vuttaṃ.

    โทโสติ อนิจฺจตาทินา อปฺปสฺสาทาทินา จ ทูสิตภาโว, ยโต เต วิญฺญูนํ จิตฺตํ นาราเธนฺติฯ อถ วา อาทีนํ วาติ ปวตฺตตีติ อาทีนโว, ปรมกปณตาฯ ตถา จ กามา ยถาตถํ ปจฺจเวกฺขนฺตานํ ปจฺจุปติฎฺฐนฺติฯ ลามกภาโวติ อเสเฎฺฐหิ เสวิตโพฺพ, เสเฎฺฐหิ น เสวิตโพฺพ นิหีนภาโวฯ สํกิลิสฺสนนฺติ วิพาธกตา อุปตาปกตา จฯ

    Dosoti aniccatādinā appassādādinā ca dūsitabhāvo, yato te viññūnaṃ cittaṃ nārādhenti. Atha vā ādīnaṃ vāti pavattatīti ādīnavo, paramakapaṇatā. Tathā ca kāmā yathātathaṃ paccavekkhantānaṃ paccupatiṭṭhanti. Lāmakabhāvoti aseṭṭhehi sevitabbo, seṭṭhehi na sevitabbo nihīnabhāvo. Saṃkilissananti vibādhakatā upatāpakatā ca.

    เนกฺขเมฺม อานิสํสนฺติ เอตฺถ ‘‘ยตฺตกา กาเมสุ อาทีนวา, ตปฺปฎิปกฺขโต ตตฺตกา เนกฺขเมฺม อานิสํสาฯ อปิจ เนกฺขมฺมํ นาเมตํ อสมฺพาธํ อสํกิลิฎฺฐํ, นิกฺขนฺตํ กาเมหิ, นิกฺขนฺตํ กามสญฺญาย, นิกฺขนฺตํ กามวิตเกฺกหิ, นิกฺขนฺตํ กามปริฬาเหหิ, นิกฺขนฺตํ พฺยาปาทสญฺญายา’’ติอาทินา นเยน เนกฺขเมฺม อานิสํเส ปกาเสสิฯ ปพฺพชฺชายํ ฌานาทีสุ จ คุเณ วิภาเวสิ วเณฺณสิฯ กลฺลจิตฺตนฺติ กมฺมนิยจิตฺตํ เหฎฺฐา ปวตฺติตเทสนาย อสฺสทฺธิยาทีนํ จิตฺตโทสานํ วิคตตฺตา อุปริ เทสนาย ภาชนภาวูปคเมน กมฺมกฺขมจิตฺตํฯ อฎฺฐกถายํ ปน ยสฺมา อสฺสทฺธิยาทโย จิตฺตสฺส โรคภูตา, ตทา เต วิคตา, ตสฺมา อาห ‘‘อโรคจิตฺต’’นฺติฯ ทิฎฺฐิมานาทิกิเลสวิคเมน มุทุจิตฺตํฯ กามจฺฉนฺทาทิวิคเมน วินีวรณจิตฺตํฯ สมฺมาปฎิปตฺติยํ อุฬารปีติปาโมชฺชโยเคน อุทคฺคจิตฺตํฯ ตตฺถ สทฺธาสมฺปตฺติยา ปสนฺนจิตฺตํฯ ยทา ภควา อญฺญาสีติ สมฺพโนฺธฯ อถ วา กลฺลจิตฺตนฺติ กามจฺฉนฺทวิคเมน อโรคจิตฺตํฯ มุทุจิตฺตนฺติ พฺยาปาทวิคเมน เมตฺตาวเสน อกฐินจิตฺตํฯ วินีวรณจิตฺตนฺติ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจวิคเมน อวิเกฺขปโต เตน อปิหิตจิตฺตํฯ อุทคฺคจิตฺตนฺติ ถินมิทฺธวิคเมน สมฺปคฺคหิตวเสน อลีนจิตฺตํฯ ปสนฺนจิตฺตนฺติ วิจิกิจฺฉาวิคเมน สมฺมาปฎิปตฺติยํ อธิมุตฺตจิตฺตนฺติ เอวเมตฺถ เสสปทานํ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    Nekkhammeānisaṃsanti ettha ‘‘yattakā kāmesu ādīnavā, tappaṭipakkhato tattakā nekkhamme ānisaṃsā. Apica nekkhammaṃ nāmetaṃ asambādhaṃ asaṃkiliṭṭhaṃ, nikkhantaṃ kāmehi, nikkhantaṃ kāmasaññāya, nikkhantaṃ kāmavitakkehi, nikkhantaṃ kāmapariḷāhehi, nikkhantaṃ byāpādasaññāyā’’tiādinā nayena nekkhamme ānisaṃse pakāsesi. Pabbajjāyaṃ jhānādīsu ca guṇe vibhāvesi vaṇṇesi. Kallacittanti kammaniyacittaṃ heṭṭhā pavattitadesanāya assaddhiyādīnaṃ cittadosānaṃ vigatattā upari desanāya bhājanabhāvūpagamena kammakkhamacittaṃ. Aṭṭhakathāyaṃ pana yasmā assaddhiyādayo cittassa rogabhūtā, tadā te vigatā, tasmā āha ‘‘arogacitta’’nti. Diṭṭhimānādikilesavigamena muducittaṃ. Kāmacchandādivigamena vinīvaraṇacittaṃ. Sammāpaṭipattiyaṃ uḷārapītipāmojjayogena udaggacittaṃ. Tattha saddhāsampattiyā pasannacittaṃ. Yadā bhagavā aññāsīti sambandho. Atha vā kallacittanti kāmacchandavigamena arogacittaṃ. Muducittanti byāpādavigamena mettāvasena akaṭhinacittaṃ. Vinīvaraṇacittanti uddhaccakukkuccavigamena avikkhepato tena apihitacittaṃ. Udaggacittanti thinamiddhavigamena sampaggahitavasena alīnacittaṃ. Pasannacittanti vicikicchāvigamena sammāpaṭipattiyaṃ adhimuttacittanti evamettha sesapadānaṃ attho veditabbo.

    เสยฺยถาปีติอาทินา อุปมาวเสน สีหสฺส กิเลสปฺปหานํ อริยมคฺคุปฺปาทนญฺจ ทเสฺสติฯ อปคตกาฬกนฺติ วิคตกาฬกํฯ สมฺมเทวาติ สุฎฺฐุเทวฯ รชนนฺติ นีลปีตโลหิตาทิรงฺคชาตํฯ ปฎิคฺคเณฺหยฺยาติ คเณฺหยฺย, ปภสฺสรํ ภเวยฺยฯ ตสฺมิํเยว อาสเนติ ตสฺสํเยว นิสชฺชายํฯ เอเตนสฺส ลหุวิปสฺสกตา ติกฺขปญฺญตา สุขปฺปฎิปทขิปฺปาภิญฺญตา จ ทสฺสิตา โหติฯ วิรชนฺติ อปายคมนียราครชาทีนํ วิคเมน วิรชํฯ อนวเสสทิฎฺฐิวิจิกิจฺฉามลาปคเมน วีตมลํฯ ปฐมมคฺควชฺฌกิเลสรชาภาเวน วา วิรชํฯ ปญฺจวิธทุสฺสีลฺยมลวิคเมน วีตมลํฯ ตสฺส อุปฺปตฺติอาการทสฺสนตฺถนฺติ กสฺมา วุตฺตํ? นนุ มคฺคญาณํ อสงฺขตธมฺมารมฺมณนฺติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ตญฺหี’’ติอาทิฯ ตตฺถ ปฎิวิชฺฌนฺตนฺติ อสโมฺมหปฺปฎิเวธวเสน ปฎิวิชฺฌนฺตํฯ เตนาห ‘‘กิจฺจวเสนา’’ติฯ ตตฺริทํ อุปมาสํสนฺทนํ – วตฺถํ วิย จิตฺตํ, วตฺถสฺส อาคนฺตุกมเลหิ กิลิฎฺฐภาโว วิย จิตฺตสฺส ราคาทิมเลหิ สํกิลิฎฺฐภาโว, โธวนสิลาตลํ วิย อนุปุพฺพีกถา, อุทกํ วิย สทฺธา, อุทเกน เตเมตฺวา อูสโคมยฉาริกขาเรหิ กาฬเก สมฺมทฺทิตฺวา วตฺถสฺส โธวนปฺปโยโค วิย สทฺธาสิเนเหน เตเมตฺวา เตเมตฺวา สติสมาธิปญฺญาหิ โทเส สิถิเล กตฺวา สุตาทิวิธินา จิตฺตสฺส โสธเน วีริยารโมฺภฯ เตน ปโยเคน วเตฺถ กาฬกาปคโม วิย วีริยารเมฺภน กิเลสวิกฺขมฺภนํ, รงฺคชาตํ วิย อริยมโคฺค, เตน สุทฺธวตฺถสฺส ปภสฺสรภาโว วิย วิกฺขมฺภิตกิเลสสฺส จิตฺตสฺส มเคฺคน ปริโยทปนนฺติฯ

    Seyyathāpītiādinā upamāvasena sīhassa kilesappahānaṃ ariyamagguppādanañca dasseti. Apagatakāḷakanti vigatakāḷakaṃ. Sammadevāti suṭṭhudeva. Rajananti nīlapītalohitādiraṅgajātaṃ. Paṭiggaṇheyyāti gaṇheyya, pabhassaraṃ bhaveyya. Tasmiṃyeva āsaneti tassaṃyeva nisajjāyaṃ. Etenassa lahuvipassakatā tikkhapaññatā sukhappaṭipadakhippābhiññatā ca dassitā hoti. Virajanti apāyagamanīyarāgarajādīnaṃ vigamena virajaṃ. Anavasesadiṭṭhivicikicchāmalāpagamena vītamalaṃ. Paṭhamamaggavajjhakilesarajābhāvena vā virajaṃ. Pañcavidhadussīlyamalavigamena vītamalaṃ. Tassa uppattiākāradassanatthanti kasmā vuttaṃ? Nanu maggañāṇaṃ asaṅkhatadhammārammaṇanti codanaṃ sandhāyāha ‘‘tañhī’’tiādi. Tattha paṭivijjhantanti asammohappaṭivedhavasena paṭivijjhantaṃ. Tenāha ‘‘kiccavasenā’’ti. Tatridaṃ upamāsaṃsandanaṃ – vatthaṃ viya cittaṃ, vatthassa āgantukamalehi kiliṭṭhabhāvo viya cittassa rāgādimalehi saṃkiliṭṭhabhāvo, dhovanasilātalaṃ viya anupubbīkathā, udakaṃ viya saddhā, udakena temetvā ūsagomayachārikakhārehi kāḷake sammadditvā vatthassa dhovanappayogo viya saddhāsinehena temetvā temetvā satisamādhipaññāhi dose sithile katvā sutādividhinā cittassa sodhane vīriyārambho. Tena payogena vatthe kāḷakāpagamo viya vīriyārambhena kilesavikkhambhanaṃ, raṅgajātaṃ viya ariyamaggo, tena suddhavatthassa pabhassarabhāvo viya vikkhambhitakilesassa cittassa maggena pariyodapananti.

    ‘‘ทิฎฺฐธโมฺม’’ติ วตฺวา ทสฺสนํ นาม ญาณทสฺสนโต อญฺญมฺปิ อตฺถีติ ตนฺนิวตฺตนตฺถํ ‘‘ปตฺตธโมฺม’’ติ วุตฺตํฯ ปตฺติ นาม ญาณสมฺปตฺติโต อญฺญาปิ วิชฺชตีติ ตโต วิเสสนตฺถํ ‘‘วิทิตธโมฺม’’ติ วุตฺตํฯ สา ปเนสา วิทิตธมฺมตา ธเมฺมสุ เอกเทเสนปิ โหตีติ นิปฺปเทสโต วิทิตภาวํ ทเสฺสตุํฯ ‘‘ปริโยคาฬฺหธโมฺม’’ติ วุตฺตํฯ เตนสฺส สจฺจาภิสโมฺพธํเยว ทีเปติฯ มคฺคญาณญฺหิ เอกาภิสมยวเสน ปริญฺญาทิกิจฺจํ สาเธนฺตํ นิปฺปเทเสน จตุสจฺจธมฺมํ สมนฺตโต โอคาฬฺหํ นาม โหติฯ เตนาห ‘‘ทิโฎฺฐ อริยสจฺจธโมฺม เอเตนาติ ทิฎฺฐธโมฺม’’ติฯ ติณฺณา วิจิกิจฺฉาติ สปฺปฎิภยกนฺตารสทิสา โสฬสวตฺถุกา อฎฺฐวตฺถุกา จ ติณฺณา นิตฺติณฺณา วิจิกิจฺฉาฯ วิคตา กถํกถาติ ปวตฺติอาทีสุ ‘‘เอวํ นุ โข, น นุ โข’’ติ เอวํ ปวตฺติกา วิคตา สมุจฺฉินฺนา กถํกถาฯ สารชฺชกรานํ ปาปธมฺมานํ ปหีนตฺตา ตปฺปฎิปเกฺขสุ สีลาทิคุเณสุ ปติฎฺฐิตตฺตา เวสารชฺชํ วิสารทภาวํ เวยฺยตฺติยํ ปโตฺตฯ อตฺตนา เอว ปจฺจกฺขโต ทิฎฺฐตฺตา น ปรํ ปเจฺจติ, น จสฺส ปโร ปเจฺจตโพฺพ อตฺถีติ อปรปฺปจฺจโย

    ‘‘Diṭṭhadhammo’’ti vatvā dassanaṃ nāma ñāṇadassanato aññampi atthīti tannivattanatthaṃ ‘‘pattadhammo’’ti vuttaṃ. Patti nāma ñāṇasampattito aññāpi vijjatīti tato visesanatthaṃ ‘‘viditadhammo’’ti vuttaṃ. Sā panesā viditadhammatā dhammesu ekadesenapi hotīti nippadesato viditabhāvaṃ dassetuṃ. ‘‘Pariyogāḷhadhammo’’ti vuttaṃ. Tenassa saccābhisambodhaṃyeva dīpeti. Maggañāṇañhi ekābhisamayavasena pariññādikiccaṃ sādhentaṃ nippadesena catusaccadhammaṃ samantato ogāḷhaṃ nāma hoti. Tenāha ‘‘diṭṭho ariyasaccadhammo etenāti diṭṭhadhammo’’ti. Tiṇṇā vicikicchāti sappaṭibhayakantārasadisā soḷasavatthukā aṭṭhavatthukā ca tiṇṇā nittiṇṇā vicikicchā. Vigatā kathaṃkathāti pavattiādīsu ‘‘evaṃ nu kho, na nu kho’’ti evaṃ pavattikā vigatā samucchinnā kathaṃkathā. Sārajjakarānaṃ pāpadhammānaṃ pahīnattā tappaṭipakkhesu sīlādiguṇesu patiṭṭhitattā vesārajjaṃ visāradabhāvaṃ veyyattiyaṃ patto. Attanā eva paccakkhato diṭṭhattā na paraṃ pacceti, na cassa paro paccetabbo atthīti aparappaccayo.

    อุทฺทิสิตฺวา กตนฺติ อตฺตานํ อุทฺทิสิตฺวา มารณวเสน กตํ นิพฺพตฺติตํ มํสํฯ ปฎิจฺจกมฺมนฺติ เอตฺถ กมฺม-สโทฺท กมฺมสาธโน อตีตกาลิโก จาติ อาห ‘‘อตฺตานํ ปฎิจฺจกต’’นฺติฯ นิมิตฺตกมฺมเสฺสตํ อธิวจนํ ‘‘ปฎิจฺจ กมฺมํ ผุสตี’’ติอาทีสุ (ชา. ๑.๔.๗๕) วิยฯ นิมิตฺตกมฺมสฺสาติ นิมิตฺตภาเวน ลทฺธพฺพกมฺมสฺสฯ กรณวเสน ปฎิจฺจกมฺมํ เอตฺถ อตฺถีติ มํสํ ปฎิจฺจกมฺมํ ยถา พุทฺธิ พุทฺธํฯ ตํ เอตสฺส อตฺถีติ พุโทฺธฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวฯ

    Uddisitvā katanti attānaṃ uddisitvā māraṇavasena kataṃ nibbattitaṃ maṃsaṃ. Paṭiccakammanti ettha kamma-saddo kammasādhano atītakāliko cāti āha ‘‘attānaṃ paṭiccakata’’nti. Nimittakammassetaṃ adhivacanaṃ ‘‘paṭicca kammaṃ phusatī’’tiādīsu (jā. 1.4.75) viya. Nimittakammassāti nimittabhāvena laddhabbakammassa. Karaṇavasena paṭiccakammaṃ ettha atthīti maṃsaṃ paṭiccakammaṃ yathā buddhi buddhaṃ. Taṃ etassa atthīti buddho. Sesamettha uttānameva.

    สีหสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Sīhasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๒. สีหสุตฺตํ • 2. Sīhasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๒. สีหสุตฺตวณฺณนา • 2. Sīhasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact