Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) |
๖. สีหสุตฺตวณฺณนา
6. Sīhasuttavaṇṇanā
๗๘. สีโหติ ปริสฺสยสหนโต ปฎิปกฺขหนนโต จ ‘‘สีโห’ติ ลทฺธนาโม มิคาธิปติฯ จตฺตาโรติ จ สมาเนปิ สีหชาติกภาเว วณฺณวิเสสาทิสิเทฺธน วิเสเสน จตฺตาโร สีหาฯ เต อิทานิ นามโต วณฺณโต อาหารโต ทเสฺสตฺวา อิธาธิเปฺปตสีหํ นานปฺปการโต วิภาเวตุํ ‘‘ติณสีโห’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ติณภโกฺข สีโห ติณสีโห ปุริมปเท อุตฺตรปทโลเปน ยถา ‘‘สากปตฺถิโว’’ติฯ กาฬวณฺณตาย กาฬสีโหฯ ตถา ปณฺฑุสีโหฯ เตนาห ‘‘กาฬสีโห กาฬคาวิสทิโส, ปณฺฑุสีโห ปณฺฑุปลาสวณฺณคาวิสทิโส’’ติฯ รตฺตกมฺพลสฺส วิย เกสโร เกสรกลาโป เอตสฺส อตฺถีติ เกสรีฯ ลาขารสปริกมฺมกเตหิ วิย ปาทปริยเนฺตหีติ โยชนาฯ
78.Sīhoti parissayasahanato paṭipakkhahananato ca ‘‘sīho’ti laddhanāmo migādhipati. Cattāroti ca samānepi sīhajātikabhāve vaṇṇavisesādisiddhena visesena cattāro sīhā. Te idāni nāmato vaṇṇato āhārato dassetvā idhādhippetasīhaṃ nānappakārato vibhāvetuṃ ‘‘tiṇasīho’’tiādi āraddhaṃ. Tiṇabhakkho sīho tiṇasīho purimapade uttarapadalopena yathā ‘‘sākapatthivo’’ti. Kāḷavaṇṇatāya kāḷasīho. Tathā paṇḍusīho. Tenāha ‘‘kāḷasīho kāḷagāvisadiso, paṇḍusīho paṇḍupalāsavaṇṇagāvisadiso’’ti. Rattakambalassa viya kesaro kesarakalāpo etassa atthīti kesarī. Lākhārasaparikammakatehi viya pādapariyantehīti yojanā.
กมฺมานุภาวสิทฺธอาธิปจฺจมเหสกฺขตาหิ สพฺพมิคคณสฺส ราชา สุวณฺณคุหโต วาติอาทิ ‘‘สีหสฺส วิหาโร กิริยา เอวํ โหตี’’ติ กตฺวา วุตฺตํฯ
Kammānubhāvasiddhaādhipaccamahesakkhatāhi sabbamigagaṇassa rājā suvaṇṇaguhato vātiādi ‘‘sīhassa vihāro kiriyā evaṃ hotī’’ti katvā vuttaṃ.
สมํ ปติฎฺฐาเปตฺวาติ สพฺพภาเคหิ สมเมว ภูมิยํ ปติฎฺฐาเปตฺวาฯ อากฑฺฒิตฺวาติ ปุรโต อากฑฺฒิตฺวา ฯ อภิหริตฺวาติ อภิมุขํ หริตฺวาฯ สงฺฆาตนฺติ วินาสํฯ วีสติยฎฺฐิกํ ฐานํ อุสภํฯ
Samaṃ patiṭṭhāpetvāti sabbabhāgehi samameva bhūmiyaṃ patiṭṭhāpetvā. Ākaḍḍhitvāti purato ākaḍḍhitvā . Abhiharitvāti abhimukhaṃ haritvā. Saṅghātanti vināsaṃ. Vīsatiyaṭṭhikaṃ ṭhānaṃ usabhaṃ.
สมสีโหติ สมชาติโก สมภาโค จ สีโหฯ สมาโนสฺมีติ เทสนามตฺตํ, สมปฺปภาวตายปิ น ภายติฯ สกฺกายทิฎฺฐิพลวตายาติ ‘‘เก อเญฺญ อเมฺหหิ อุตฺตริตรา, อถ โข มยเมว มหาพลา’’ติ เอวํ พลาติมานนิมิตฺตาย อหงฺการเหตุภูตาย สกฺกายทิฎฺฐิยา พลภาเวนฯ สกฺกายทิฎฺฐิปหีนตฺตาติ สกฺกายทิฎฺฐิยา ปหีนตฺตา นิรหงฺการตฺตา อตฺตสิเนหสฺส สุฎฺฐุ สมุคฺฆาฎิตตฺตา น ภายติฯ
Samasīhoti samajātiko samabhāgo ca sīho. Samānosmīti desanāmattaṃ, samappabhāvatāyapi na bhāyati. Sakkāyadiṭṭhibalavatāyāti ‘‘ke aññe amhehi uttaritarā, atha kho mayameva mahābalā’’ti evaṃ balātimānanimittāya ahaṅkārahetubhūtāya sakkāyadiṭṭhiyā balabhāvena. Sakkāyadiṭṭhipahīnattāti sakkāyadiṭṭhiyā pahīnattā nirahaṅkārattā attasinehassa suṭṭhu samugghāṭitattā na bhāyati.
ตถา ตถาติ สีหสทิสตาทินา เตน เตน ปกาเรน อตฺตานํ กเถสีติ วตฺวา ตมตฺถํ วิวริตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘สีโหติ โข’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
Tathā tathāti sīhasadisatādinā tena tena pakārena attānaṃ kathesīti vatvā tamatthaṃ vivaritvā dassetuṃ ‘‘sīhoti kho’’tiādi vuttaṃ.
กตาภินีหารสฺส โลกนาถสฺส โพธิยา นิยตภาวปฺปตฺติยา เอกนฺตภาวีพุทฺธภาโวติ กตฺวา ‘‘ตีสุ ปาสาเทสุ นิวาสกาโล, มคธรโญฺญ ปฎิญฺญาทานกาโล, ปายาสสฺส ปริภุตฺตกาโล’’ติอาทินา อภิสโมฺพธิโต ปุริมาวตฺถาปิ สีหสทิสํ กตฺวา ทสฺสิตาฯ ภาวินิ, ภูโตปจาโรปิ หิ โลกโวหาโรฯ วิชฺชาภาวสามญฺญโต ภูตวิชฺชา อิตรวิชฺชาปิ เอกชฺฌํ คเหตฺวา ปฎิจฺจสมุปฺปาทสมฺมสนโต ตํ ปุเรตรํ สิทฺธํ วิปากํ วิย กตฺวา อาห ‘‘ติโสฺส วิชฺชา วิโสเธตฺวา’’ติฯ อนุโลมปฎิโลมโต ปวตฺตญาณวเสน ‘‘ยมกญาณมนฺถเนนา’’ติ วุตฺตํฯ
Katābhinīhārassa lokanāthassa bodhiyā niyatabhāvappattiyā ekantabhāvībuddhabhāvoti katvā ‘‘tīsu pāsādesu nivāsakālo, magadharañño paṭiññādānakālo, pāyāsassa paribhuttakālo’’tiādinā abhisambodhito purimāvatthāpi sīhasadisaṃ katvā dassitā. Bhāvini, bhūtopacāropi hi lokavohāro. Vijjābhāvasāmaññato bhūtavijjā itaravijjāpi ekajjhaṃ gahetvā paṭiccasamuppādasammasanato taṃ puretaraṃ siddhaṃ vipākaṃ viya katvā āha ‘‘tisso vijjā visodhetvā’’ti. Anulomapaṭilomato pavattañāṇavasena ‘‘yamakañāṇamanthanenā’’ti vuttaṃ.
ตตฺถ วิหรนฺตสฺสาติ อชปาลนิโคฺรธมูเล วิหรนฺตสฺสฯ เอกาทสเม ทิวเสติ สตฺตสตฺตาหโต ปรํ เอกาทสเม ทิวเสฯ อจลปลฺลเงฺกติ อิสิปตเน ธมฺมจกฺกปวตฺตนตฺถํ นิสินฺนปลฺลเงฺกฯ ตมฺปิ หิ เกนจิ อปฺปฎิวตฺติยธมฺมจกฺกปวตฺตนตฺถํ นิสชฺชาติ กตฺวา วชิราสนํ วิย อจลปลฺลงฺกํ วุจฺจติฯ อิมสฺมิญฺจ ปน ปเทติ ‘‘เทฺวเม, ภิกฺขเว, อนฺตา’’ติอาทินยปฺปวเตฺต อิมสฺมิํ สทฺธมฺมโกฎฺฐาเสฯ ธมฺมโฆโส…เป.… ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ปฎิจฺฉาเทสิ ‘‘สพฺพตฺถ ฐิตา สุณนฺตู’’ติ อธิฎฺฐาเนนฯ โสฬสหากาเรหีติ ‘‘ทุกฺขปริญฺญา, สมุทยปฺปหานํ, นิโรธสจฺฉิกิริยา, มคฺคภาวนา’’ติ เอวํ เอเกกสฺมิํ มเคฺค จตฺตาริ จตฺตาริ กตฺวา โสฬสหิ อากาเรหิฯ
Tattha viharantassāti ajapālanigrodhamūle viharantassa. Ekādasame divaseti sattasattāhato paraṃ ekādasame divase. Acalapallaṅketi isipatane dhammacakkapavattanatthaṃ nisinnapallaṅke. Tampi hi kenaci appaṭivattiyadhammacakkapavattanatthaṃ nisajjāti katvā vajirāsanaṃ viya acalapallaṅkaṃ vuccati. Imasmiñca pana padeti ‘‘dveme, bhikkhave, antā’’tiādinayappavatte imasmiṃ saddhammakoṭṭhāse. Dhammaghoso…pe… dasasahassilokadhātuṃ paṭicchādesi ‘‘sabbattha ṭhitā suṇantū’’ti adhiṭṭhānena. Soḷasahākārehīti ‘‘dukkhapariññā, samudayappahānaṃ, nirodhasacchikiriyā, maggabhāvanā’’ti evaṃ ekekasmiṃ magge cattāri cattāri katvā soḷasahi ākārehi.
วุโตฺตเยว, น อิธ วตฺตโพฺพ, ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพติ อธิปฺปาโยฯ ยสฺมา จ อปเรหิปิ อฎฺฐหิ การเณหิ ภควา ตถาคโตติ อารภิตฺวา อุทานฎฺฐกถาทีสุปิ (อุทา. อฎฺฐ. ๑๘; อิติวุ. ๓๘) ตถาคตปทสฺส อโตฺถ วุโตฺต เอว, ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพ ฯ ยทิปิ ภควา น โพธิปลฺลเงฺก นิสินฺนมโตฺตว อภิสมฺพุโทฺธ ชาโต, ตถาปิ ตาย นิสชฺชาย นิสิโนฺนว ปนุชฺช สพฺพปริสฺสยํ อภิสมฺพุโทฺธ ชาโตฯ ตถา หิ ตํ ‘‘อปราชิตปลฺลงฺก’’นฺติ วุจฺจติฯ ตสฺมา ‘‘ยาว โพธิปลฺลงฺกา วา’’ติ วตฺวา เตน อปริตุสฺสโนฺต ‘‘ยาว อรหตฺตมคฺคญาณา วา’’ติ อาหฯ
Vuttoyeva, na idha vattabbo, tasmā tattha vuttanayeneva veditabboti adhippāyo. Yasmā ca aparehipi aṭṭhahi kāraṇehi bhagavā tathāgatoti ārabhitvā udānaṭṭhakathādīsupi (udā. aṭṭha. 18; itivu. 38) tathāgatapadassa attho vutto eva, tasmā tattha vuttanayena attho veditabbo . Yadipi bhagavā na bodhipallaṅke nisinnamattova abhisambuddho jāto, tathāpi tāya nisajjāya nisinnova panujja sabbaparissayaṃ abhisambuddho jāto. Tathā hi taṃ ‘‘aparājitapallaṅka’’nti vuccati. Tasmā ‘‘yāva bodhipallaṅkā vā’’ti vatvā tena aparitussanto ‘‘yāva arahattamaggañāṇā vā’’ti āha.
อิติ รูปนฺติ เอตฺถ อิติ-สโทฺท นิทสฺสนโตฺถฯ เตน รูปํ สรูปโต ปริมาณโต ปริเจฺฉทโต ทสฺสิตนฺติ อาห ‘‘อิทํ รุป’’นฺติอาทิฯ ‘‘อิทํ รูป’’นฺติ หิ อิมินา ภูตุปาทายเภทรูปํ สรูปโต ทสฺสิตํฯ เอตฺตกํ รูปนฺติ อิมินา ตํ ปริมาณโต ทสฺสิตํฯ ตสฺส จ ปริมาณสฺส เอกนฺตภาวทสฺสเนน ‘‘น อิโต ภิโยฺย รูปํ อตฺถี’’ติ วุตฺตํฯ สภาวโตติ สลกฺขณโตฯ สรสโตติ สกิจฺจโตฯ ปริยนฺตโตติ ปริมาณปริยนฺตโตฯ ปริเจฺฉทโตติ ยตฺตเก ฐาเน ตสฺส ปวตฺติ, ตสฺส ปริเจฺฉทนโตฯ ปริจฺฉินฺทนโตติ ปริโยสานปฺปตฺติโตฯ ตํ สพฺพํ ทสฺสิตํ โหติ ยถาวุเตฺตน วิภาเคนฯ อยํ รูปสฺส สมุทโย นามาติ อยํ อาหาราทิ รูปสฺส สมุทโย นามฯ เตนาห ‘‘เอตฺตาวตา’’ติอาทิฯ อตฺถงฺคโมติ นิโรโธฯ ‘‘อาหารสมุทยา อาหารนิโรธา’’ติ จ อสาธารณเมว คเหตฺวา เสเส อาทิ-สเทฺทน สงฺคณฺหาติฯ
Iti rūpanti ettha iti-saddo nidassanattho. Tena rūpaṃ sarūpato parimāṇato paricchedato dassitanti āha ‘‘idaṃ rupa’’ntiādi. ‘‘Idaṃ rūpa’’nti hi iminā bhūtupādāyabhedarūpaṃ sarūpato dassitaṃ. Ettakaṃ rūpanti iminā taṃ parimāṇato dassitaṃ. Tassa ca parimāṇassa ekantabhāvadassanena ‘‘na ito bhiyyo rūpaṃ atthī’’ti vuttaṃ. Sabhāvatoti salakkhaṇato. Sarasatoti sakiccato. Pariyantatoti parimāṇapariyantato. Paricchedatoti yattake ṭhāne tassa pavatti, tassa paricchedanato. Paricchindanatoti pariyosānappattito. Taṃ sabbaṃ dassitaṃ hoti yathāvuttena vibhāgena. Ayaṃ rūpassa samudayo nāmāti ayaṃ āhārādi rūpassa samudayo nāma. Tenāha ‘‘ettāvatā’’tiādi. Atthaṅgamoti nirodho. ‘‘Āhārasamudayā āhāranirodhā’’ti ca asādhāraṇameva gahetvā sese ādi-saddena saṅgaṇhāti.
ปณฺณาสลกฺขณปฎิมณฺฑิตนฺติ ปณฺณาสอุทยพฺพยลกฺขณวิภูสิตํ สมุทยตฺถงฺคมคหณโตฯ ขีณาสวตฺตาติ อนวเสสํ สาวเสสญฺจ อาสวานํ ปริกฺขีณตฺตาฯ อนาคามีนมฺปิ หิ ภยํ จิตฺตุตฺราโส จ น โหตีติฯ ญาณสํเวโค ภยตูปฎฺฐานญาณํฯ อิตเรสํ ปน เทวานนฺติ อขีณาสเว เทเว สนฺธาย วทติฯ โภติ ธมฺมาลปนมตฺตนฺติ วาจสิกํ ตถาลปนมตฺตํฯ
Paṇṇāsalakkhaṇapaṭimaṇḍitanti paṇṇāsaudayabbayalakkhaṇavibhūsitaṃ samudayatthaṅgamagahaṇato. Khīṇāsavattāti anavasesaṃ sāvasesañca āsavānaṃ parikkhīṇattā. Anāgāmīnampi hi bhayaṃ cittutrāso ca na hotīti. Ñāṇasaṃvego bhayatūpaṭṭhānañāṇaṃ. Itaresaṃ pana devānanti akhīṇāsave deve sandhāya vadati. Bhoti dhammālapanamattanti vācasikaṃ tathālapanamattaṃ.
จกฺกนฺติ สตฺถุ อาณาจกฺกํ, ตํ ปน ธมฺมโต อาคตนฺติ ธมฺมจกฺกํฯ ตตฺถ อริยสาวกานํ ปฎิเวธธมฺมโต อาคตนฺติ ธมฺมจกฺกํฯ อิตเรสํ เทสนาธมฺมโต อาคตนฺติ ธมฺมจกฺกํฯ ทุวิเธปิ ญาณํ ปธานนฺติ ญาณสีเสน วุตฺตํ ‘‘ปฎิเวธญาณมฺปิ เทสนาญาณมฺปี’’ติฯ อิทานิ ตํ ญาณทฺวยํ สรูปโต ทเสฺสตุํ ‘‘ปฎิเวธญาณํ นามา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ยสฺมา จสฺส ญาณสฺส สุปฺปฎิวิทฺธตฺตา ภควา ตานิ สฎฺฐิ นยสหสฺสานิ เวเนยฺยานํ ทเสฺสตุํ สมโตฺถ อโหสิ, ตสฺมา ตานิ สฎฺฐิ นยสหสฺสานิ เตน ญาเณน สทฺธิํเยว สิทฺธานีติ กตฺวา ทเสฺสโนฺต ‘‘สฎฺฐิยา จ นยสหเสฺสหิ ปฎิวิชฺฌี’’ติ อาหฯ ติปริวฎฺฎนฺติ อิทํ ทุกฺขนฺติ จ, ปริเญฺญยฺยนฺติ จ, ปริญฺญาตนฺติ จ เอวํ ติปริวฎฺฎํ, ตํเยว ทฺวาทสาการํฯ ตนฺติ เทสนาญาณํ ปวเตฺตติ เอส ภควาฯ อปฺปฎิปุคฺคโลติ ปตินิธิภูตปุคฺคลรหิโตฯ เอกสทิสสฺสาติ นิพฺพิการสฺสฯ
Cakkanti satthu āṇācakkaṃ, taṃ pana dhammato āgatanti dhammacakkaṃ. Tattha ariyasāvakānaṃ paṭivedhadhammato āgatanti dhammacakkaṃ. Itaresaṃ desanādhammato āgatanti dhammacakkaṃ. Duvidhepi ñāṇaṃ padhānanti ñāṇasīsena vuttaṃ ‘‘paṭivedhañāṇampi desanāñāṇampī’’ti. Idāni taṃ ñāṇadvayaṃ sarūpato dassetuṃ ‘‘paṭivedhañāṇaṃ nāmā’’tiādi vuttaṃ. Yasmā cassa ñāṇassa suppaṭividdhattā bhagavā tāni saṭṭhi nayasahassāni veneyyānaṃ dassetuṃ samattho ahosi, tasmā tāni saṭṭhi nayasahassāni tena ñāṇena saddhiṃyeva siddhānīti katvā dassento ‘‘saṭṭhiyā ca nayasahassehi paṭivijjhī’’ti āha. Tiparivaṭṭanti idaṃ dukkhanti ca, pariññeyyanti ca, pariññātanti ca evaṃ tiparivaṭṭaṃ, taṃyeva dvādasākāraṃ. Tanti desanāñāṇaṃ pavatteti esa bhagavā. Appaṭipuggaloti patinidhibhūtapuggalarahito. Ekasadisassāti nibbikārassa.
สีหสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sīhasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๖. สีหสุตฺตํ • 6. Sīhasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๖. สีหสุตฺตวณฺณนา • 6. Sīhasuttavaṇṇanā