Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / พุทฺธวํส-อฎฺฐกถา • Buddhavaṃsa-aṭṭhakathā

    ๒๒. สิขีพุทฺธวํสวณฺณนา

    22. Sikhībuddhavaṃsavaṇṇanā

    วิปสฺสิสฺส อปรภาเค อนฺตรหิเต จ ตสฺมิํ กเปฺป ตโต ปรํ เอกูนสฎฺฐิยา กเปฺปสุ พุทฺธา โลเก น อุปฺปชฺชิํสุฯ อปคตพุทฺธาโลโก อโหสิฯ กิเลสเทวปุตฺตมารานํ เอกรชฺชํ อปคตกณฺฎกํ อโหสิฯ อิโต ปน เอกตฺติํสกเปฺป สินิทฺธสุกฺขสารทารุปจิโต ปหูตสปฺปิสิโตฺต นิธูโม สิขี วิย สิขีเวสฺสภู จาติ เทฺว สมฺมาสมฺพุทฺธา โลเก อุปฺปชฺชิํสุฯ ตตฺถ สิขี ปน ภควา ปารมิโย ปูเรตฺวา ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จวิตฺวา กุสลกรณวตี อรุณวตีนคเร ปรมคุณวโต อรุณวโต นาม รโญฺญ อคฺคมเหสิยา รตฺตกนกปฎิพิมฺพรุจิรปฺปภาย ปภาวติยา นาม เทวิยา กุจฺฉิสฺมิํ ปฎิสนฺธิํ คเหตฺวา ทส มาเส วีตินาเมตฺวา นิสภุยฺยาเน มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมิฯ เนมิตฺติกา ปนสฺส นามํ กโรนฺตา อุณฺหีสสฺส สิขา วิย อุคฺคตตฺตา ‘‘สิขี’’ติ นามมกํสุฯ โส สตฺตวสฺสสหสฺสานิ อคารํ อชฺฌาวสิฯ สุจนฺทกสิรีคิริยสนาริวสภ นามกา ตโย ปาสาทา อเหสุํฯ สพฺพกามาเทวิปฺปมุขานิ จตุวีสติ อิตฺถิสหสฺสานิ ปจฺจุปฎฺฐิตานิ อเหสุํฯ

    Vipassissa aparabhāge antarahite ca tasmiṃ kappe tato paraṃ ekūnasaṭṭhiyā kappesu buddhā loke na uppajjiṃsu. Apagatabuddhāloko ahosi. Kilesadevaputtamārānaṃ ekarajjaṃ apagatakaṇṭakaṃ ahosi. Ito pana ekattiṃsakappe siniddhasukkhasāradārupacito pahūtasappisitto nidhūmo sikhī viya sikhī ca vessabhū cāti dve sammāsambuddhā loke uppajjiṃsu. Tattha sikhī pana bhagavā pāramiyo pūretvā tusitapure nibbattitvā tato cavitvā kusalakaraṇavatī aruṇavatīnagare paramaguṇavato aruṇavato nāma rañño aggamahesiyā rattakanakapaṭibimbarucirappabhāya pabhāvatiyā nāma deviyā kucchismiṃ paṭisandhiṃ gahetvā dasa māse vītināmetvā nisabhuyyāne mātukucchito nikkhami. Nemittikā panassa nāmaṃ karontā uṇhīsassa sikhā viya uggatattā ‘‘sikhī’’ti nāmamakaṃsu. So sattavassasahassāni agāraṃ ajjhāvasi. Sucandakasirīgiriyasanārivasabha nāmakā tayo pāsādā ahesuṃ. Sabbakāmādevippamukhāni catuvīsati itthisahassāni paccupaṭṭhitāni ahesuṃ.

    โส จตฺตาริ นิมิตฺตานิ ทิสฺวา สพฺพกามาเทวิยา คุณคณาตุเล อตุเล นาม ปุเตฺต อุปฺปเนฺน หตฺถิยาเนน หตฺถิกฺขนฺธวรคโต มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิฯ ตํ สตฺตติปุริสสตสหสฺสานิ อนุปพฺพชิํสุฯ โส เตหิ ปริวุโต อฎฺฐมาสํ ปธานจริยํ จริตฺวา วิสาขปุณฺณมาย คณสงฺคณิกํ ปหาย สุทสฺสนนิคเม ปิยทสฺสีเสฎฺฐิโน ธีตุยา ทินฺนํ มธุปายาสํ ปริภุญฺชิตฺวา ตรุณขทิรวเน ทิวาวิหารํ วีตินาเมตฺวา อโนมทสฺสินา นาม ตาปเสน ทินฺนา อฎฺฐ กุสติณมุฎฺฐิโย คเหตฺวา ปุณฺฑรีกโพธิํ อุปสงฺกมิฯ ตสฺสา กิร ปุณฺฑรีกโพธิยาปิ ปาฎลิยา ปมาณเมว ปมาณํ อโหสิฯ ตํทิวสเมว โส ปณฺณาสรตนกฺขโนฺธ หุตฺวา อพฺภุคฺคโต, สาขาปิสฺส ปณฺณาสรตนมตฺตาวฯ โส ทิเพฺพหิ คเนฺธหิ ปุเปฺผหิ สญฺฉโนฺน อโหสิฯ น เกวลํ ปุเปฺผเหว, ผเลหิปิ สญฺฉโนฺน อโหสิฯ ตสฺส เอกปสฺสโต ตรุณานิ ผลานิ เอกโต มชฺฌิมานิ เอกโต นาติปกฺกานิ เอกโต ปกฺขิตฺตทิโพฺพชานิ วิย สุรสานิ วณฺณคนฺธรสสมฺปนฺนานิ ตโต ตโต โอลมฺพนฺติฯ ยถา จ โส , เอวํ ทสสหสฺสิจกฺกวาเฬสุ ปุปฺผูปคา รุกฺขา ปุเปฺผหิ ผลูปคา รุกฺขา ผเลหิ ปฎิมณฺฑิตา อเหสุํฯ

    So cattāri nimittāni disvā sabbakāmādeviyā guṇagaṇātule atule nāma putte uppanne hatthiyānena hatthikkhandhavaragato mahābhinikkhamanaṃ nikkhamitvā pabbaji. Taṃ sattatipurisasatasahassāni anupabbajiṃsu. So tehi parivuto aṭṭhamāsaṃ padhānacariyaṃ caritvā visākhapuṇṇamāya gaṇasaṅgaṇikaṃ pahāya sudassananigame piyadassīseṭṭhino dhītuyā dinnaṃ madhupāyāsaṃ paribhuñjitvā taruṇakhadiravane divāvihāraṃ vītināmetvā anomadassinā nāma tāpasena dinnā aṭṭha kusatiṇamuṭṭhiyo gahetvā puṇḍarīkabodhiṃ upasaṅkami. Tassā kira puṇḍarīkabodhiyāpi pāṭaliyā pamāṇameva pamāṇaṃ ahosi. Taṃdivasameva so paṇṇāsaratanakkhandho hutvā abbhuggato, sākhāpissa paṇṇāsaratanamattāva. So dibbehi gandhehi pupphehi sañchanno ahosi. Na kevalaṃ puppheheva, phalehipi sañchanno ahosi. Tassa ekapassato taruṇāni phalāni ekato majjhimāni ekato nātipakkāni ekato pakkhittadibbojāni viya surasāni vaṇṇagandharasasampannāni tato tato olambanti. Yathā ca so , evaṃ dasasahassicakkavāḷesu pupphūpagā rukkhā pupphehi phalūpagā rukkhā phalehi paṭimaṇḍitā ahesuṃ.

    โส ตตฺถ จตุวีสติหตฺถวิตฺถตํ ติณสนฺถรํ สนฺถริตฺวา ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา จตุรงฺควีริยํ อธิฎฺฐาย นิสีทิฯ เอวํ นิสีทิตฺวา ฉตฺติํส โยชนวิตฺถตํ สมารํ มารพลํ วิธมิตฺวา สโมฺพธิํ ปาปุณิตฺวา – ‘‘อเนกชาติสํสารํ…เป.… ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา’’ติ อุทานํ อุทาเนตฺวา โพธิสมีเปเยว สตฺตสตฺตาหํ วีตินาเมตฺวา พฺรหฺมายาจนํ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา อตฺตนา สห ปพฺพชิตานํ สตฺตติยา ภิกฺขุสตสหสฺสานํ อุปนิสฺสยสมฺปตฺติํ ทิสฺวา สุรปเถน คนฺตฺวา วิวิธาวรณวติยา อรุณวติยา ราชธานิยา สมีเป มิคาชินุยฺยาเน โอตริตฺวา เตหิ มุนิคเณหิ ปริวุโต เตสํ มเชฺฌ ธมฺมจกฺกํ ปวเตฺตสิฯ ตทา โกฎิสตสหสฺสานํ ปฐโม อภิสมโย อโหสิฯ เตน วุตฺตํ –

    So tattha catuvīsatihatthavitthataṃ tiṇasantharaṃ santharitvā pallaṅkaṃ ābhujitvā caturaṅgavīriyaṃ adhiṭṭhāya nisīdi. Evaṃ nisīditvā chattiṃsa yojanavitthataṃ samāraṃ mārabalaṃ vidhamitvā sambodhiṃ pāpuṇitvā – ‘‘anekajātisaṃsāraṃ…pe… taṇhānaṃ khayamajjhagā’’ti udānaṃ udānetvā bodhisamīpeyeva sattasattāhaṃ vītināmetvā brahmāyācanaṃ sampaṭicchitvā attanā saha pabbajitānaṃ sattatiyā bhikkhusatasahassānaṃ upanissayasampattiṃ disvā surapathena gantvā vividhāvaraṇavatiyā aruṇavatiyā rājadhāniyā samīpe migājinuyyāne otaritvā tehi munigaṇehi parivuto tesaṃ majjhe dhammacakkaṃ pavattesi. Tadā koṭisatasahassānaṃ paṭhamo abhisamayo ahosi. Tena vuttaṃ –

    .

    1.

    ‘‘วิปสฺสิสฺส อปเรน, สมฺพุโทฺธ ทฺวิปทุตฺตโม;

    ‘‘Vipassissa aparena, sambuddho dvipaduttamo;

    สิขิวฺหโย อาสิ ชิโน, อสโม อปฺปฎิปุคฺคโลฯ

    Sikhivhayo āsi jino, asamo appaṭipuggalo.

    .

    2.

    ‘‘มารเสนํ ปมทฺทิตฺวา, ปโตฺต สโมฺพธิมุตฺตมํ;

    ‘‘Mārasenaṃ pamadditvā, patto sambodhimuttamaṃ;

    ธมฺมจกฺกํ ปวเตฺตสิ, อนุกมฺปาย ปาณินํฯ

    Dhammacakkaṃ pavattesi, anukampāya pāṇinaṃ.

    .

    3.

    ‘‘ธมฺมจกฺกํ ปวเตฺตเนฺต, สิขิมฺหิ ชินปุงฺคเว;

    ‘‘Dhammacakkaṃ pavattente, sikhimhi jinapuṅgave;

    โกฎิสตสหสฺสานํ, ปฐมาภิสมโย อหู’’ติฯ

    Koṭisatasahassānaṃ, paṭhamābhisamayo ahū’’ti.

    ปุนปิ อรุณวติยา ราชธานิยา สมีเปเยว อภิภูราชปุตฺตสฺส จ สมฺภวราชปุตฺตสฺส จาติ ทฺวินฺนํ สปริวารานํ ธมฺมํ เทเสตฺวา นวุติโกฎิสหสฺสานิ ธมฺมามตํ ปาเยสิฯ โส ทุติโย อภิสมโย อโหสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Punapi aruṇavatiyā rājadhāniyā samīpeyeva abhibhūrājaputtassa ca sambhavarājaputtassa cāti dvinnaṃ saparivārānaṃ dhammaṃ desetvā navutikoṭisahassāni dhammāmataṃ pāyesi. So dutiyo abhisamayo ahosi. Tena vuttaṃ –

    .

    4.

    ‘‘อปรมฺปิ ธมฺมํ เทเสเนฺต, คณเสเฎฺฐ นรุตฺตเม;

    ‘‘Aparampi dhammaṃ desente, gaṇaseṭṭhe naruttame;

    นวุตฺติโกฎิสหสฺสานํ, ทุติยาภิสมโย อหู’’ติฯ

    Navuttikoṭisahassānaṃ, dutiyābhisamayo ahū’’ti.

    ยทา ปน สูริยวตีนครทฺวาเร จมฺปกรุกฺขมูเล ติตฺถิยมทมานภญฺชนตฺถํ สพฺพชนพนฺธนโมกฺขตฺถญฺจ ยมกปาฎิหาริยํ กโรโนฺต ภควา ธมฺมํ เทเสสิ , ตทา อสีติโกฎิสหสฺสานํ ตติโย อภิสมโย อโหสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Yadā pana sūriyavatīnagaradvāre campakarukkhamūle titthiyamadamānabhañjanatthaṃ sabbajanabandhanamokkhatthañca yamakapāṭihāriyaṃ karonto bhagavā dhammaṃ desesi , tadā asītikoṭisahassānaṃ tatiyo abhisamayo ahosi. Tena vuttaṃ –

    .

    5.

    ‘‘ยมกปาฎิหาริยญฺจ , ทสฺสยเนฺต สเทวเก;

    ‘‘Yamakapāṭihāriyañca , dassayante sadevake;

    อสีติโกฎิสหสฺสานํ, ตติยาภิสมโย อหู’’ติฯ

    Asītikoṭisahassānaṃ, tatiyābhisamayo ahū’’ti.

    อภิภุนา จ สมฺภเวน จ ราชปุเตฺตน สทฺธิํ ปพฺพชิตานํ อรหนฺตานํ สตสหสฺสานํ มเชฺฌ นิสีทิตฺวา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ, โส ปฐโม สนฺนิปาโต อโหสิ, อรุณวตีนคเร ญาติสมาคเม ปพฺพชิตานํ อสีติยา ภิกฺขุสหสฺสานํ มเชฺฌ นิสีทิตฺวา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ, โส ทุติโย สนฺนิปาโต อโหสิฯ ธนญฺชยนคเร ธนปาลกนาควินยนสมเย ปพฺพชิตานํ สตฺตติยา ภิกฺขุสหสฺสานํ มเชฺฌ ภควา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ, โส ตติโย สนฺนิปาโต อโหสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Abhibhunā ca sambhavena ca rājaputtena saddhiṃ pabbajitānaṃ arahantānaṃ satasahassānaṃ majjhe nisīditvā pātimokkhaṃ uddisi, so paṭhamo sannipāto ahosi, aruṇavatīnagare ñātisamāgame pabbajitānaṃ asītiyā bhikkhusahassānaṃ majjhe nisīditvā pātimokkhaṃ uddisi, so dutiyo sannipāto ahosi. Dhanañjayanagare dhanapālakanāgavinayanasamaye pabbajitānaṃ sattatiyā bhikkhusahassānaṃ majjhe bhagavā pātimokkhaṃ uddisi, so tatiyo sannipāto ahosi. Tena vuttaṃ –

    .

    6.

    ‘‘สนฺนิปาตา ตโย อาสุํ, สิขิสฺสาปิ มเหสิโน;

    ‘‘Sannipātā tayo āsuṃ, sikhissāpi mahesino;

    ขีณาสวานํ วิมลานํ, สนฺตจิตฺตาน ตาทินํฯ

    Khīṇāsavānaṃ vimalānaṃ, santacittāna tādinaṃ.

    .

    7.

    ‘‘ภิกฺขุสตสหสฺสานํ, ปฐโม อาสิ สมาคโม;

    ‘‘Bhikkhusatasahassānaṃ, paṭhamo āsi samāgamo;

    อสีติภิกฺขุสหสฺสานํ, ทุติโย อาสิ สมาคโมฯ

    Asītibhikkhusahassānaṃ, dutiyo āsi samāgamo.

    .

    8.

    ‘‘สตฺตติภิกฺขุสหสฺสานํ , ตติโย อาสิ สมาคโม;

    ‘‘Sattatibhikkhusahassānaṃ , tatiyo āsi samāgamo;

    อนุปลิโตฺต ปทุมํว, โตยมฺหิ สมฺปวฑฺฒิต’’นฺติฯ

    Anupalitto padumaṃva, toyamhi sampavaḍḍhita’’nti.

    ตตฺถ อนุปลิโตฺต ปทุมํวาติ โตเย ชาตํ โตเยว วฑฺฒิตํ ปทุมํ วิย โตเยน อนุปลิตฺตํ, โสปิ ภิกฺขุสนฺนิปาโต โลเก ชาโตปิ โลกธเมฺมหิ อนุปลิโตฺต อโหสีติ อโตฺถฯ

    Tattha anupalitto padumaṃvāti toye jātaṃ toyeva vaḍḍhitaṃ padumaṃ viya toyena anupalittaṃ, sopi bhikkhusannipāto loke jātopi lokadhammehi anupalitto ahosīti attho.

    ตทา กิร อมฺหากํ โพธิสโตฺต กตฺถจิ อสํสโฎฺฐ ปริภุตฺตนคเร อรินฺทโม นาม ราชา หุตฺวา สิขิมฺหิ สตฺถริ ปริภุตฺตนครมนุปฺปเตฺต สปริวาโร ราชา ภควโต ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ปสาทวฑฺฒิตหทยนยนโสโต ทสพลสฺส อมลจรณกมลยุคเฬสุ สปริวาโร สิรสา อภิวนฺทิตฺวา ทสพลํ นิมเนฺตตฺวา สตฺตาหํ อิสฺสริยกุลวิภวสทฺธานุรูปํ มหาทานํ ทตฺวา ทุสฺสภณฺฑาคารทฺวารานิ วิวราเปตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหคฺฆานิ วตฺถานิ อทาสิฯ อตฺตโน จ พลรูปลกฺขณชวสมฺปนฺนเหมชาลมาลาสมลงฺกตํ นวกนกรุจิรทณฺฑโกสจามรยุควิราชิตํ วิปุลมุทุกณฺณํ จนฺทราชิวิราชิตวทนโสภํ เอราวณวารณมิว อริวารณํ วรวารณํ ทตฺวา วารณปฺปมาณเมว กตฺวา กปฺปิยภณฺฑญฺจ อทาสิฯ โสปิ นํ สตฺถา – ‘‘อิโต เอกตฺติํสกเปฺป พุโทฺธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Tadā kira amhākaṃ bodhisatto katthaci asaṃsaṭṭho paribhuttanagare arindamo nāma rājā hutvā sikhimhi satthari paribhuttanagaramanuppatte saparivāro rājā bhagavato paccuggantvā pasādavaḍḍhitahadayanayanasoto dasabalassa amalacaraṇakamalayugaḷesu saparivāro sirasā abhivanditvā dasabalaṃ nimantetvā sattāhaṃ issariyakulavibhavasaddhānurūpaṃ mahādānaṃ datvā dussabhaṇḍāgāradvārāni vivarāpetvā buddhappamukhassa bhikkhusaṅghassa mahagghāni vatthāni adāsi. Attano ca balarūpalakkhaṇajavasampannahemajālamālāsamalaṅkataṃ navakanakaruciradaṇḍakosacāmarayugavirājitaṃ vipulamudukaṇṇaṃ candarājivirājitavadanasobhaṃ erāvaṇavāraṇamiva arivāraṇaṃ varavāraṇaṃ datvā vāraṇappamāṇameva katvā kappiyabhaṇḍañca adāsi. Sopi naṃ satthā – ‘‘ito ekattiṃsakappe buddho bhavissatī’’ti byākāsi. Tena vuttaṃ –

    .

    9.

    ‘‘อหํ เตน สมเยน, อรินฺทโม นาม ขตฺติโย;

    ‘‘Ahaṃ tena samayena, arindamo nāma khattiyo;

    สมฺพุทฺธปฺปมุขํ สงฺฆํ, อนฺนปาเนน ตปฺปยิํฯ

    Sambuddhappamukhaṃ saṅghaṃ, annapānena tappayiṃ.

    ๑๐.

    10.

    ‘‘พหุํ ทุสฺสวรํ ทตฺวา, ทุสฺสโกฎิํ อนปฺปกํ;

    ‘‘Bahuṃ dussavaraṃ datvā, dussakoṭiṃ anappakaṃ;

    อลงฺกตํ หตฺถิยานํ, สมฺพุทฺธสฺส อทาสหํฯ

    Alaṅkataṃ hatthiyānaṃ, sambuddhassa adāsahaṃ.

    ๑๑.

    11.

    ‘‘หตฺถิยานํ นิมฺมินิตฺวา, กปฺปิยํ อุปนามยิํ;

    ‘‘Hatthiyānaṃ nimminitvā, kappiyaṃ upanāmayiṃ;

    ปูรยิํ มานสํ มยฺหํ, นิจฺจํ ทฬฺหมุปฎฺฐิตํฯ

    Pūrayiṃ mānasaṃ mayhaṃ, niccaṃ daḷhamupaṭṭhitaṃ.

    ๑๒.

    12.

    ‘‘โสปิ มํ พุโทฺธ พฺยากาสิ, สิขี โลกคฺคนายโก;

    ‘‘Sopi maṃ buddho byākāsi, sikhī lokagganāyako;

    เอกตฺติํเส อิโต กเปฺป, อยํ พุโทฺธ ภวิสฺสติฯ

    Ekattiṃse ito kappe, ayaṃ buddho bhavissati.

    ๑๓.

    13.

    ‘‘อหุ กปิลวฺหยา รมฺมา…เป.… เหสฺสาม สมฺมุขา อิมํฯ

    ‘‘Ahu kapilavhayā rammā…pe… hessāma sammukhā imaṃ.

    ๑๔.

    14.

    ‘‘ตสฺสาหํ วจนํ สุตฺวา, ภิโยฺย จิตฺตํ ปสาทยิํ;

    ‘‘Tassāhaṃ vacanaṃ sutvā, bhiyyo cittaṃ pasādayiṃ;

    อุตฺตริํ วตมธิฎฺฐาสิํ, ทสปารมิปูริยา’’ติฯ

    Uttariṃ vatamadhiṭṭhāsiṃ, dasapāramipūriyā’’ti.

    ตตฺถ นิมฺมินิตฺวาติ ตสฺส หตฺถิโน ปมาเณน ตุลยิตฺวาฯ กปฺปิยนฺติ กปฺปิยภณฺฑํ, ภิกฺขูนํ ยํ ภณฺฑํ กปฺปติ คเหตุํ, ตํ กปฺปิยภณฺฑํ นามฯ ปูรยิํ มานสํ มยฺหนฺติ มม จิตฺตํ ทานปีติยา ปูรยิํ, มยฺหํ หาสุปฺปาทนสมตฺถํ อกาสินฺติ อโตฺถฯ นิจฺจํ ทฬฺหมุปฎฺฐิตนฺติ นิจฺจกาลํ ทานํ ทสฺสามี’’ติ ทานวเสน ทฬฺหํ อุปฎฺฐิตํ จิตฺตนฺติ อโตฺถฯ

    Tattha nimminitvāti tassa hatthino pamāṇena tulayitvā. Kappiyanti kappiyabhaṇḍaṃ, bhikkhūnaṃ yaṃ bhaṇḍaṃ kappati gahetuṃ, taṃ kappiyabhaṇḍaṃ nāma. Pūrayiṃ mānasaṃ mayhanti mama cittaṃ dānapītiyā pūrayiṃ, mayhaṃ hāsuppādanasamatthaṃ akāsinti attho. Niccaṃ daḷhamupaṭṭhitanti niccakālaṃ dānaṃ dassāmī’’ti dānavasena daḷhaṃ upaṭṭhitaṃ cittanti attho.

    ตสฺส ปน ภควโต นครํ อรุณวตี นาม อโหสิฯ อรุณวา นาม ราชา ปิตา, ปภาวตี นาม มาตา, อภิภู จ สมฺภโว จ เทฺว อคฺคสาวกา, เขมงฺกโร นามุปฎฺฐาโก, สขิลา จ มทุมา จ เทฺว อคฺคสาวิกา, ปุณฺฑรีกรุโกฺข โพธิ, สรีรญฺจสฺส สตฺตติหตฺถุเพฺพธํ อโหสิ ฯ สรีรปฺปภา นิจฺจกาลํ โยชนตฺตยํ ผริตฺวา อฎฺฐาสิฯ สตฺตติวสฺสสหสฺสานิ อายุ, สพฺพกามา นามสฺส อคฺคมเหสี, อตุโล นามสฺส ปุโตฺต, หตฺถิยาเนน นิกฺขมิฯ เตน วุตฺตํ –

    Tassa pana bhagavato nagaraṃ aruṇavatī nāma ahosi. Aruṇavā nāma rājā pitā, pabhāvatī nāma mātā, abhibhū ca sambhavo ca dve aggasāvakā, khemaṅkaro nāmupaṭṭhāko, sakhilā ca madumā ca dve aggasāvikā, puṇḍarīkarukkho bodhi, sarīrañcassa sattatihatthubbedhaṃ ahosi . Sarīrappabhā niccakālaṃ yojanattayaṃ pharitvā aṭṭhāsi. Sattativassasahassāni āyu, sabbakāmā nāmassa aggamahesī, atulo nāmassa putto, hatthiyānena nikkhami. Tena vuttaṃ –

    ๑๕.

    15.

    ‘‘นครํ อรุณวตี นาม, อรุโณ นาม ขตฺติโย;

    ‘‘Nagaraṃ aruṇavatī nāma, aruṇo nāma khattiyo;

    ปภาวตี นาม ชนิกา, สิขิสฺสาปิ มเหสิโนฯ

    Pabhāvatī nāma janikā, sikhissāpi mahesino.

    ๒๐.

    20.

    ‘‘อภิภู สมฺภโว เจว, อเหสุํ อคฺคสาวกา;

    ‘‘Abhibhū sambhavo ceva, ahesuṃ aggasāvakā;

    เขมงฺกโร นามุปฎฺฐาโก, สิขิสฺสาปิ มเหสิโนฯ

    Khemaṅkaro nāmupaṭṭhāko, sikhissāpi mahesino.

    ๒๑.

    21.

    ‘‘สขิลา จ ปทุมา จ, อเหสุํ อคฺคสาวิกา;

    ‘‘Sakhilā ca padumā ca, ahesuṃ aggasāvikā;

    โพธิ ตสฺส ภควโต, ปุณฺฑรีโกติ วุจฺจติฯ

    Bodhi tassa bhagavato, puṇḍarīkoti vuccati.

    ๒๒.

    22.

    ‘‘สิริวโฑฺฒ จ นโนฺท จ, อเหสุํ อคฺคุปฎฺฐกา;

    ‘‘Sirivaḍḍho ca nando ca, ahesuṃ aggupaṭṭhakā;

    จิตฺตา เจว สุคุตฺตา จ, อเหสุํ อคฺคุปฎฺฐิกาฯ

    Cittā ceva suguttā ca, ahesuṃ aggupaṭṭhikā.

    ๒๓.

    23.

    ‘‘อุจฺจตฺตเนน โส พุโทฺธ, สตฺตติหตฺถมุคฺคโต;

    ‘‘Uccattanena so buddho, sattatihatthamuggato;

    กญฺจนคฺฆิยสงฺกาโส, ทฺวตฺติํสวรลกฺขโณฯ

    Kañcanagghiyasaṅkāso, dvattiṃsavaralakkhaṇo.

    ๒๔.

    24.

    ‘‘ตสฺสาปิ พฺยามปฺปภา กายา, ทิวารตฺติํ นิรนฺตรํ;

    ‘‘Tassāpi byāmappabhā kāyā, divārattiṃ nirantaraṃ;

    ทิโสทิสํ นิจฺฉรนฺติ, ตีณิ โยชนโส ปภาฯ

    Disodisaṃ niccharanti, tīṇi yojanaso pabhā.

    ๒๕.

    25.

    ‘‘สตฺตติวสฺสสหสฺสานิ, อายุ ตสฺส มเหสิโน;

    ‘‘Sattativassasahassāni, āyu tassa mahesino;

    ตาวตา ติฎฺฐมาโน โส, ตาเรสิ ชนตํ พหุํฯ

    Tāvatā tiṭṭhamāno so, tāresi janataṃ bahuṃ.

    ๒๖.

    26.

    ‘‘ธมฺมเมฆํ ปวเสฺสตฺวา, เตมยิตฺวา สเทวเก;

    ‘‘Dhammameghaṃ pavassetvā, temayitvā sadevake;

    เขมนฺตํ ปาปยิตฺวาน, นิพฺพุโต โส สสาวโกฯ

    Khemantaṃ pāpayitvāna, nibbuto so sasāvako.

    ๒๗.

    27.

    ‘‘อนุพฺยญฺชนสมฺปนฺนํ, ทฺวตฺติํสวรลกฺขณํ;

    ‘‘Anubyañjanasampannaṃ, dvattiṃsavaralakkhaṇaṃ;

    สพฺพํ ตมนฺตรหิตํ, นนุ ริตฺตา สพฺพสงฺขารา’’ติฯ

    Sabbaṃ tamantarahitaṃ, nanu rittā sabbasaṅkhārā’’ti.

    ตตฺถ ปุณฺฑรีโกติ เสตมฺพรุโกฺขฯ ตีณิ โยชนโส ปภาติ ตีณิ โยชนานิ ปภา นิจฺฉรนฺตีติ อโตฺถฯ ธมฺมเมฆนฺติ ธมฺมวสฺสํ, ธมฺมวสฺสนโก พุทฺธเมโฆฯ เตมยิตฺวาติ ธมฺมกถาสลิเลน เตเมตฺวา, สิญฺจิตฺวาติ อโตฺถฯ สเทวเกติ สเทวเก สเตฺตฯ เขมนฺตนฺติ เขมนฺตํ นิพฺพานํ ฯ อนุพฺยญฺชนสมฺปนฺนนฺติ ตมฺพนขตุงฺคนาสวฎฺฎงฺคุลิตาทีหิ อสีติยา อนุพฺยญฺชเนหิ สมฺปนฺนํ, ทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขณปฎิมณฺฑิตํ ภควโต สรีรนฺติ อโตฺถฯ สิขี กิร สมฺมาสมฺพุโทฺธ สีลวตีนคเร อสฺสาราเม ปรินิพฺพายิฯ

    Tattha puṇḍarīkoti setambarukkho. Tīṇi yojanaso pabhāti tīṇi yojanāni pabhā niccharantīti attho. Dhammameghanti dhammavassaṃ, dhammavassanako buddhamegho. Temayitvāti dhammakathāsalilena temetvā, siñcitvāti attho. Sadevaketi sadevake satte. Khemantanti khemantaṃ nibbānaṃ . Anubyañjanasampannanti tambanakhatuṅganāsavaṭṭaṅgulitādīhi asītiyā anubyañjanehi sampannaṃ, dvattiṃsamahāpurisalakkhaṇapaṭimaṇḍitaṃ bhagavato sarīranti attho. Sikhī kira sammāsambuddho sīlavatīnagare assārāme parinibbāyi.

    ‘‘สิขีว โลเก ตปสา ชลิตฺวา, สิขีว เมฆาคมเน นทิตฺวา;

    ‘‘Sikhīva loke tapasā jalitvā, sikhīva meghāgamane naditvā;

    สิขี มเหสินฺธนวิปฺปหีโน, สิขีว สนฺติํ สุคโต คโต โส’’ฯ

    Sikhī mahesindhanavippahīno, sikhīva santiṃ sugato gato so’’.

    สิขิสฺส กิร ภควโต ธาตุโย เอกคฺฆนาว หุตฺวา อฎฺฐํสุ น วิปฺปกิริํสุฯ สกลชมฺพุทีปวาสิโน ปน มนุสฺสา ติโยชนุเพฺพธํ สตฺตรตนมยํ หิมคิริสทิสโสภํ ถูปมกํสุฯ เสสเมตฺถ คาถาสุ ปากฎเมวาติฯ

    Sikhissa kira bhagavato dhātuyo ekagghanāva hutvā aṭṭhaṃsu na vippakiriṃsu. Sakalajambudīpavāsino pana manussā tiyojanubbedhaṃ sattaratanamayaṃ himagirisadisasobhaṃ thūpamakaṃsu. Sesamettha gāthāsu pākaṭamevāti.

    สิขีพุทฺธวํสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Sikhībuddhavaṃsavaṇṇanā niṭṭhitā.

    นิฎฺฐิโต วีสติโม พุทฺธวํโสฯ

    Niṭṭhito vīsatimo buddhavaṃso.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / พุทฺธวํสปาฬิ • Buddhavaṃsapāḷi / ๒๒. สิขีพุทฺธวํโส • 22. Sikhībuddhavaṃso


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact