Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā |
สิกฺขาปททณฺฑกมฺมวตฺถุกถาวณฺณนา
Sikkhāpadadaṇḍakammavatthukathāvaṇṇanā
๑๐๖. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สามเณรานํ ทส สิกฺขาปทานีติอาทีสุ สิกฺขิตพฺพานิ ปทานิ สิกฺขาปทานิ, สิกฺขาโกฎฺฐาสาติ อโตฺถฯ สิกฺขาย วา ปทานิ สิกฺขาปทานิ, อธิสีลอธิจิตฺตอธิปญฺญาสิกฺขาย อธิคมุปายาติ อโตฺถฯ อตฺถโต ปน กามาวจรกุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตา วิรติโย, ตํสมฺปยุตฺตธมฺมา ปเนตฺถ ตคฺคหเณเนว คเหตพฺพาฯ สรเสเนว ปตนสภาวสฺส อนฺตรา เอว อติปาตนํ อติปาโต, สณิกํ ปติตุํ อทตฺวา สีฆํ ปาตนนฺติ อโตฺถฯ อติกฺกมฺม วา สตฺถาทีหิ อภิภวิตฺวา ปาตนํ อติปาโต, ปาณสฺส อติปาโต ปาณาติปาโต, ปาณวโธ ปาณฆาโตติ วุตฺตํ โหติฯ ปาโณติ เจตฺถ โวหารโต สโตฺต, ปรมตฺถโต ชีวิตินฺทฺริยํฯ ตสฺมิํ ปน ปาเณ ปาณสญฺญิโน ชีวิตินฺทฺริยุปเจฺฉทกอุปกฺกมสมุฎฺฐาปิกา กายวจีทฺวารานํ อญฺญตรปฺปวตฺตา วธกเจตนา ปาณาติปาโต, ตโต ปาณาติปาตาฯ
106.Anujānāmi, bhikkhave, sāmaṇerānaṃ dasa sikkhāpadānītiādīsu sikkhitabbāni padāni sikkhāpadāni, sikkhākoṭṭhāsāti attho. Sikkhāya vā padāni sikkhāpadāni, adhisīlaadhicittaadhipaññāsikkhāya adhigamupāyāti attho. Atthato pana kāmāvacarakusalacittasampayuttā viratiyo, taṃsampayuttadhammā panettha taggahaṇeneva gahetabbā. Saraseneva patanasabhāvassa antarā eva atipātanaṃ atipāto, saṇikaṃ patituṃ adatvā sīghaṃ pātananti attho. Atikkamma vā satthādīhi abhibhavitvā pātanaṃ atipāto, pāṇassa atipāto pāṇātipāto, pāṇavadho pāṇaghātoti vuttaṃ hoti. Pāṇoti cettha vohārato satto, paramatthato jīvitindriyaṃ. Tasmiṃ pana pāṇe pāṇasaññino jīvitindriyupacchedakaupakkamasamuṭṭhāpikā kāyavacīdvārānaṃ aññatarappavattā vadhakacetanā pāṇātipāto, tato pāṇātipātā.
เวรมณีติ เวรเหตุตาย เวรสญฺญิตํ ปาณาติปาตาทิปาปธมฺมํ มณติ, ‘‘มยิ อิธ ฐิตาย กถมาคจฺฉสี’’ติ วา ตเชฺชนฺตี วิย นีหรตีติ เวรมณีฯ วิรมติ เอตายาติ วา วิรมณีติ วตฺตเพฺพ นิรุตฺตินเยน ‘‘เวรมณี’’ติ วุตฺตํฯ อตฺถโต ปน เวรมณีติ กามาวจรกุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตา วิรติโยฯ สา ‘‘ปาณาติปาตาทิํ วิรมนฺตสฺส ยา ตสฺมิํ สมเย ปาณาติปาตา อารติ วิรติ ปฎิวิรติ เวรมณี อกิริยา อกรณํ อนชฺฌาปตฺติ เวลานติกฺกโม เสตุฆาโต’’ติ เอวมาทินา นเยน วิภเงฺค (วิภ. ๗๐๔) วุตฺตาฯ กามเญฺจสา เวรมณี นาม โลกุตฺตราปิ อตฺถิ, อิธ ปน สมาทานวสปฺปวตฺตา วิรติ อธิเปฺปตาติ โลกุตฺตราย วิรติยา สมาทานวเสน ปวตฺติอสมฺภวโต กามาวจรกุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตา วิรติโย คเหตพฺพาฯ
Veramaṇīti verahetutāya verasaññitaṃ pāṇātipātādipāpadhammaṃ maṇati, ‘‘mayi idha ṭhitāya kathamāgacchasī’’ti vā tajjentī viya nīharatīti veramaṇī. Viramati etāyāti vā viramaṇīti vattabbe niruttinayena ‘‘veramaṇī’’ti vuttaṃ. Atthato pana veramaṇīti kāmāvacarakusalacittasampayuttā viratiyo. Sā ‘‘pāṇātipātādiṃ viramantassa yā tasmiṃ samaye pāṇātipātā ārati virati paṭivirati veramaṇī akiriyā akaraṇaṃ anajjhāpatti velānatikkamo setughāto’’ti evamādinā nayena vibhaṅge (vibha. 704) vuttā. Kāmañcesā veramaṇī nāma lokuttarāpi atthi, idha pana samādānavasappavattā virati adhippetāti lokuttarāya viratiyā samādānavasena pavattiasambhavato kāmāvacarakusalacittasampayuttā viratiyo gahetabbā.
อทินฺนาทานา เวรมณีติอาทีสุ อทินฺนสฺส อาทานํ อทินฺนาทานํ, ปรสฺสหรณํ, เถยฺยํ โจริกาติ วุตฺตํ โหติฯ ตตฺถ อทินฺนนฺติ ปรปริคฺคหิตํฯ ยตฺถ ปโร ยถากามการิตํ อาปชฺชโนฺต อทณฺฑารโห อนุปวโชฺช จ โหติ, ตสฺมิํ ปน ปรปริคฺคหิเต ปรปริคฺคหิตสอญโน ตทาทายกอุปกฺกมสมุฎฺฐาปิกา เถยฺยเจตนา อทินฺนาทานํฯ
Adinnādānā veramaṇītiādīsu adinnassa ādānaṃ adinnādānaṃ, parassaharaṇaṃ, theyyaṃ corikāti vuttaṃ hoti. Tattha adinnanti parapariggahitaṃ. Yattha paro yathākāmakāritaṃ āpajjanto adaṇḍāraho anupavajjo ca hoti, tasmiṃ pana parapariggahite parapariggahitasaañano tadādāyakaupakkamasamuṭṭhāpikā theyyacetanā adinnādānaṃ.
อพฺรหฺมจริยํ นาม อเสฎฺฐจริยํ ทฺวยํทฺวยสมาปตฺติฯ สา หิ ‘‘อปฺปสฺสาทา กามา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิโยฺย’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๗๗; ๒.๔๒) หีฬิตตฺตา อเสฎฺฐา อปฺปสตฺถา จริยาติ วา อเสฎฺฐานํ นิหีนานํ อิตฺถิปุริสานํ จริยาติ วา อเสฎฺฐจริยํ, อเสฎฺฐจริยตฺตา อพฺรหฺมจริยนฺติ จ วุจฺจติ , อตฺถโต ปน อสทฺธมฺมเสวนาธิปฺปาเยน กายทฺวารปฺปวตฺตา มเคฺคนมคฺคปฺปฎิปตฺติสมุฎฺฐาปิกา เจตนา อพฺรหฺมจริยํฯ
Abrahmacariyaṃ nāma aseṭṭhacariyaṃ dvayaṃdvayasamāpatti. Sā hi ‘‘appassādā kāmā bahudukkhā bahupāyāsā, ādīnavo ettha bhiyyo’’tiādinā (ma. ni. 1.177; 2.42) hīḷitattā aseṭṭhā appasatthā cariyāti vā aseṭṭhānaṃ nihīnānaṃ itthipurisānaṃ cariyāti vā aseṭṭhacariyaṃ, aseṭṭhacariyattā abrahmacariyanti ca vuccati , atthato pana asaddhammasevanādhippāyena kāyadvārappavattā maggenamaggappaṭipattisamuṭṭhāpikā cetanā abrahmacariyaṃ.
มุสาติ อภูตํ อตจฺฉํ วตฺถุ, วาโทติ ตสฺส ภูตโต ตจฺฉโต วิญฺญาปนํฯ ลกฺขณโต ปน อตถํ วตฺถุํ ตถโต ปรํ วิญฺญาเปตุกามสฺส ตถาวิญฺญตฺติสมุฎฺฐาปิกา เจตนา มุสาวาโท มุสา วทียติ วุจฺจติ เอตายาติ กตฺวาฯ
Musāti abhūtaṃ atacchaṃ vatthu, vādoti tassa bhūtato tacchato viññāpanaṃ. Lakkhaṇato pana atathaṃ vatthuṃ tathato paraṃ viññāpetukāmassa tathāviññattisamuṭṭhāpikā cetanā musāvādo musā vadīyati vuccati etāyāti katvā.
สุราเมรยมชฺชปฺปมาทฎฺฐานาติ เอตฺถ สุราติ ปูวสุรา ปิฎฺฐสุรา โอทนสุรา กิณฺณปกฺขิตฺตา สมฺภารสํยุตฺตาติ ปญฺจ สุราฯ เมรยนฺติ ปุปฺผาสโว ผลาสโว มธฺวาสโว คุฬาสโว สมฺภารสํยุโตฺตติ ปญฺจ อาสวาฯ ตตฺถ ปูเว ภาชเน ปกฺขิปิตฺวา ตชฺชํ อุทกํ ทตฺวา มทฺทิตฺวา กตา ปูวสุราฯ เอวํ เสสสุราปิฯ กิณฺณาติ ปน ตสฺสา สุราย พีชํ วุจฺจติ, เย สุราโมทกาติ วุจฺจนฺติ, เต ปกฺขิปิตฺวา กตา กิณฺณปกฺขิตฺตาฯ หรีตกีสาสปาทินานาสมฺภาเรหิ สํโยชิตา สมฺภารสํยุตฺตาฯ มธุกตาลนาฬิเกราทิปุปฺผรโส จิรปริวาสิโต ปุปฺผาสโวฯ ปนสาทิผลรโส ผลาสโวฯ มุทฺทิการโส มธฺวาสโวฯ อุจฺฉุรโส คุฬาสโวฯ หรีตกอามลกกฎุกภณฺฑาทินานาสมฺภารานํ รโส จิรปริวาสิโต สมฺภารสํยุโตฺตฯ ตํ สพฺพมฺปิ มทกรณวเสน มชฺชํ ปิวนฺตํ มทยตีติ กตฺวาฯ ปมาทฎฺฐานนฺติ ปมาทการณํฯ ยาย เจตนาย ตํ มชฺชํ ปิวนฺติ, ตสฺสา เอตํ อธิวจนํฯ สุราเมรยมเชฺช ปมาทฎฺฐานํ สุราเมรยมชฺชปฺปมาทฎฺฐานํ, ตสฺมา สุราเมรยมชฺชปฺปมาทฎฺฐานาฯ
Surāmerayamajjappamādaṭṭhānāti ettha surāti pūvasurā piṭṭhasurā odanasurā kiṇṇapakkhittā sambhārasaṃyuttāti pañca surā. Merayanti pupphāsavo phalāsavo madhvāsavo guḷāsavo sambhārasaṃyuttoti pañca āsavā. Tattha pūve bhājane pakkhipitvā tajjaṃ udakaṃ datvā madditvā katā pūvasurā. Evaṃ sesasurāpi. Kiṇṇāti pana tassā surāya bījaṃ vuccati, ye surāmodakāti vuccanti, te pakkhipitvā katā kiṇṇapakkhittā. Harītakīsāsapādinānāsambhārehi saṃyojitā sambhārasaṃyuttā. Madhukatālanāḷikerādipuppharaso ciraparivāsito pupphāsavo. Panasādiphalaraso phalāsavo. Muddikāraso madhvāsavo. Ucchuraso guḷāsavo. Harītakaāmalakakaṭukabhaṇḍādinānāsambhārānaṃ raso ciraparivāsito sambhārasaṃyutto. Taṃ sabbampi madakaraṇavasena majjaṃ pivantaṃ madayatīti katvā. Pamādaṭṭhānanti pamādakāraṇaṃ. Yāya cetanāya taṃ majjaṃ pivanti, tassā etaṃ adhivacanaṃ. Surāmerayamajje pamādaṭṭhānaṃ surāmerayamajjappamādaṭṭhānaṃ, tasmā surāmerayamajjappamādaṭṭhānā.
วิกาลโภชนาติ อรุณุคฺคมนโต ปฎฺฐาย ยาว มชฺฌนฺหิกาฯ อยํ พุทฺธาทีนํ อริยานํ อาจิณฺณสมาจิโณฺณ โภชนสฺส กาโล นาม, ตทโญฺญ วิกาโลฯ ภุญฺชิตพฺพเฎฺฐน โภชนํ, ยาคุภตฺตาทิ สพฺพํ ยาวกาลิกวตฺถุฯ ยถา จ ‘‘รตฺตูปรโต’’ติ (ที. ๑.๑๐, ๑๙๔; ม. นิ. ๑.๒๙๓; ๓.๑๔) เอตฺถ รตฺติยา โภชนํ รตฺตีติ อุตฺตรปทโลเปน วุจฺจติ, เอวเมตฺถ โภชนโชฺฌหรณํ โภชนนฺติฯ วิกาเล โภชนํ วิกาลโภชนํ, ตโต วิกาลโภชนา, วิกาเล ยาวกาลิกวตฺถุสฺส อโชฺฌหรณาติ อโตฺถฯ อถ วา น เอตฺถ กมฺมสาธโน ภุญฺชิตพฺพตฺถวาจโก โภชนสโทฺท, อถ โข ภาวสาธโน อโชฺฌหรณตฺถวาจโก คเหตโพฺพ , ตสฺมา วิกาเล โภชนํ อโชฺฌหรณํ วิกาลโภชนํฯ กสฺส ปน อโชฺฌหรณนฺติ? ยามกาลิกาทีนํ อนุญฺญาตตฺตา วิกาลโภชน-สทฺทสฺส วา ยาวกาลิกโชฺฌหรเณ นิรุฬฺหตฺตา ยาวกาลิกสฺสาติ วิญฺญายติ, อตฺถโต ปน กายทฺวารปฺปวตฺตา วิกาเล ยาวกาลิกโชฺฌหรณเจตนา ‘‘วิกาลโภชน’’นฺติ เวทิตพฺพาฯ
Vikālabhojanāti aruṇuggamanato paṭṭhāya yāva majjhanhikā. Ayaṃ buddhādīnaṃ ariyānaṃ āciṇṇasamāciṇṇo bhojanassa kālo nāma, tadañño vikālo. Bhuñjitabbaṭṭhena bhojanaṃ, yāgubhattādi sabbaṃ yāvakālikavatthu. Yathā ca ‘‘rattūparato’’ti (dī. 1.10, 194; ma. ni. 1.293; 3.14) ettha rattiyā bhojanaṃ rattīti uttarapadalopena vuccati, evamettha bhojanajjhoharaṇaṃ bhojananti. Vikāle bhojanaṃ vikālabhojanaṃ, tato vikālabhojanā, vikāle yāvakālikavatthussa ajjhoharaṇāti attho. Atha vā na ettha kammasādhano bhuñjitabbatthavācako bhojanasaddo, atha kho bhāvasādhano ajjhoharaṇatthavācako gahetabbo , tasmā vikāle bhojanaṃ ajjhoharaṇaṃ vikālabhojanaṃ. Kassa pana ajjhoharaṇanti? Yāmakālikādīnaṃ anuññātattā vikālabhojana-saddassa vā yāvakālikajjhoharaṇe niruḷhattā yāvakālikassāti viññāyati, atthato pana kāyadvārappavattā vikāle yāvakālikajjhoharaṇacetanā ‘‘vikālabhojana’’nti veditabbā.
นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนาติ เอตฺถ สาสนสฺส อนนุโลมตฺตา วิสูกํ ปฎาณีภูตํ ทสฺสนนฺติ วิสูกทสฺสนํฯ นจฺจาทีนญฺหิ ทสฺสนํ สฉนฺทราคปฺปวตฺติโต สเงฺขปโต ‘‘สพฺพปาปสฺส อกรณ’’นฺติอาทินยปฺปวตฺตํ (ที. นิ. ๒.๙๐; ธ. ป. ๑๘๓) ภควโต สาสนํ น อนุโลเมติฯ นจฺจญฺจ คีตญฺจ วาทิตญฺจ วิสูกทสฺสนญฺจ นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนํฯ อตฺตนา ปโยชิยมานํ ปเรหิ ปโยชาปิยมานเญฺจตฺถ นจฺจํ นจฺจภาวสามญฺญโต ปาฬิยํ เอเกเนว นจฺจ-สเทฺทน คหิตํ, ตถา คีตวาทิต-สเทฺทหิ คายนคายาปนวาทนวาทาปนานิ, ตสฺมา อตฺตนา นจฺจนนจฺจาปนาทิวเสน นจฺจา จ คีตา จ วาทิตา จ อนฺตมโส มยูรนจฺจาทิวเสนปิ ปวตฺตานํ นจฺจาทีนํ วิสูกภูตา ทสฺสนา จ เวรมณีติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ นจฺจาทีนิ อตฺตนา ปโยเชตุํ วา ปเรหิ ปโยชาเปตุํ วา ปยุตฺตานิ ปสฺสิตุํ วา เนว ภิกฺขูนํ น ภิกฺขุนีนํ วฎฺฎติฯ ทสฺสเนน เจตฺถ สวนมฺปิ สงฺคหิตํ วิรูเปกเสสนเยนฯ ยถา สกํ วิสยอาโลจนสภาวตาย วา ปญฺจนฺนํ วิญฺญาณานํ สวนกิริยายปิ ทสฺสนสเงฺขปสมฺภวโต ‘‘ทสฺสนา’’ อิเจฺจว วุตฺตํฯ เตเนว วุตฺตํ ‘‘ปญฺจหิ วิญฺญาเณหิ น กญฺจิ ธมฺมํ ปฎิวิชานาติ อญฺญตฺร อภินิปาตมตฺตา’’ติฯ ทสฺสนกมฺยตาย อุปสงฺกมิตฺวา ปสฺสโต เอว เจตฺถ วีติกฺกโม โหติ, ฐิตนิสินฺนสยโนกาเส ปน อาคตํ คจฺฉนฺตสฺส วา อาปาถคตํ ปสฺสโต สิยา สํกิเลโส, น วีติกฺกโมฯ
Naccagītavāditavisūkadassanāti ettha sāsanassa ananulomattā visūkaṃ paṭāṇībhūtaṃ dassananti visūkadassanaṃ. Naccādīnañhi dassanaṃ sachandarāgappavattito saṅkhepato ‘‘sabbapāpassa akaraṇa’’ntiādinayappavattaṃ (dī. ni. 2.90; dha. pa. 183) bhagavato sāsanaṃ na anulometi. Naccañca gītañca vāditañca visūkadassanañca naccagītavāditavisūkadassanaṃ. Attanā payojiyamānaṃ parehi payojāpiyamānañcettha naccaṃ naccabhāvasāmaññato pāḷiyaṃ ekeneva nacca-saddena gahitaṃ, tathā gītavādita-saddehi gāyanagāyāpanavādanavādāpanāni, tasmā attanā naccananaccāpanādivasena naccā ca gītā ca vāditā ca antamaso mayūranaccādivasenapi pavattānaṃ naccādīnaṃ visūkabhūtā dassanā ca veramaṇīti evamettha attho daṭṭhabbo. Naccādīni attanā payojetuṃ vā parehi payojāpetuṃ vā payuttāni passituṃ vā neva bhikkhūnaṃ na bhikkhunīnaṃ vaṭṭati. Dassanena cettha savanampi saṅgahitaṃ virūpekasesanayena. Yathā sakaṃ visayaālocanasabhāvatāya vā pañcannaṃ viññāṇānaṃ savanakiriyāyapi dassanasaṅkhepasambhavato ‘‘dassanā’’ icceva vuttaṃ. Teneva vuttaṃ ‘‘pañcahi viññāṇehi na kañci dhammaṃ paṭivijānāti aññatra abhinipātamattā’’ti. Dassanakamyatāya upasaṅkamitvā passato eva cettha vītikkamo hoti, ṭhitanisinnasayanokāse pana āgataṃ gacchantassa vā āpāthagataṃ passato siyā saṃkileso, na vītikkamo.
มาลาคนฺธวิเลปนธารณมณฺฑนวิภูสนฎฺฐานาติ เอตฺถ มาลาติ ยํ กิญฺจิ ปุปฺผํฯ กิญฺจาปิ หิ มาลา-สโทฺท โลเก พทฺธมาลวาจโก, สาสเน ปน รุฬฺหิยา ปุเปฺผสุปิ วุโตฺต, ตสฺมา ยํ กิญฺจิ ปุปฺผํ พทฺธมพทฺธํ วา, ตํ สพฺพํ ‘‘มาลา’’ติ ทฎฺฐพฺพํฯ คนฺธนฺติ วาสจุณฺณธูมาทิกํ วิเลปนโต อญฺญํ ยํ กิญฺจิ คนฺธชาตํฯ วิเลปนนฺติ วิเลปนตฺถํ ปิสิตฺวา ปฎิยตฺตํ ยํ กิญฺจิ ฉวิราคกรณํฯ ปิฬนฺธนํ ธารณํ, อูนฎฺฐานปูรณํ มณฺฑนํ, คนฺธวเสน ฉวิราควเสน จ สาทิยนํ วิภูสนํฯ เตเนว ทีฆนิกายฎฺฐกถายํ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑๐) มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถายญฺจ (ม. นิ. อฎฺฐ. ๑.๒๙๓) ‘‘ปิฬนฺธโนฺต ธาเรติ นาม, อูนฎฺฐานํ ปูเรโนฺต มเณฺฑติ นาม, คนฺธวเสน ฉวิราควเสน จ สาทิยโนฺต วิภูเสติ นามา’’ติ วุตฺตํฯ ปรมตฺถโชติกายํ ปน ขุทฺทกฎฺฐกถายํ (ขุ. ปา. อฎฺฐ. ๒.ปจฺฉิมปญฺจสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘มาลาทีสุ ธารณาทีนิ ยถาสงฺขฺยํ โยเชตพฺพานี’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํฯ ฐานํ วุจฺจติ การณํ, ตสฺมา ยาย ทุสฺสีลฺยเจตนาย ตานิ มาลาธารณาทีนิ มหาชโน กโรติ, สา ธารณมณฺฑนวิภูสนฎฺฐานํฯ
Mālāgandhavilepanadhāraṇamaṇḍanavibhūsanaṭṭhānāti ettha mālāti yaṃ kiñci pupphaṃ. Kiñcāpi hi mālā-saddo loke baddhamālavācako, sāsane pana ruḷhiyā pupphesupi vutto, tasmā yaṃ kiñci pupphaṃ baddhamabaddhaṃ vā, taṃ sabbaṃ ‘‘mālā’’ti daṭṭhabbaṃ. Gandhanti vāsacuṇṇadhūmādikaṃ vilepanato aññaṃ yaṃ kiñci gandhajātaṃ. Vilepananti vilepanatthaṃ pisitvā paṭiyattaṃ yaṃ kiñci chavirāgakaraṇaṃ. Piḷandhanaṃ dhāraṇaṃ, ūnaṭṭhānapūraṇaṃ maṇḍanaṃ, gandhavasena chavirāgavasena ca sādiyanaṃ vibhūsanaṃ. Teneva dīghanikāyaṭṭhakathāyaṃ (dī. ni. aṭṭha. 1.10) majjhimanikāyaṭṭhakathāyañca (ma. ni. aṭṭha. 1.293) ‘‘piḷandhanto dhāreti nāma, ūnaṭṭhānaṃ pūrento maṇḍeti nāma, gandhavasena chavirāgavasena ca sādiyanto vibhūseti nāmā’’ti vuttaṃ. Paramatthajotikāyaṃ pana khuddakaṭṭhakathāyaṃ (khu. pā. aṭṭha. 2.pacchimapañcasikkhāpadavaṇṇanā) ‘‘mālādīsu dhāraṇādīni yathāsaṅkhyaṃ yojetabbānī’’ti ettakameva vuttaṃ. Ṭhānaṃ vuccati kāraṇaṃ, tasmā yāya dussīlyacetanāya tāni mālādhāraṇādīni mahājano karoti, sā dhāraṇamaṇḍanavibhūsanaṭṭhānaṃ.
อุจฺจาสยนมหาสยนาติ เอตฺถ อุจฺจาติ อุจฺจ-สเทฺทน สมานตฺถํ เอกํ สทฺทนฺตรํฯ เสติ เอตฺถาติ สยนํ, อุจฺจาสยนญฺจ มหาสยนญฺจ อุจฺจาสยนมหาสยนํฯ อุจฺจาสยนํ วุจฺจติ ปมาณาติกฺกนฺตํ มญฺจาทิฯ มหาสยนํ อกปฺปิยตฺถรเณหิ อตฺถตํ อาสนฺทาทิฯ อาสนเญฺจตฺถ สยเนเนว สงฺคหิตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ ยสฺมา ปน อาธาเร ปฎิกฺขิเตฺต ตทาธารา กิริยา ปฎิกฺขิตฺตาว โหติ, ตสฺมา ‘‘อุจฺจาสยนมหาสยนา’’ อิเจฺจว วุตฺตํ, อตฺถโต ปน ตทุปโภคภูตนิสชฺชานิปชฺชเนหิ วิรติ ทสฺสิตาติ ทฎฺฐพฺพาฯ อถ วา อุจฺจาสยนมหาสยนสยนาติ เอตสฺมิํ อเตฺถ เอกเสสนเยน อยํ นิเทฺทโส กโต ยถา ‘‘นามรูปปจฺจยา สฬายตน’’นฺติ, อาสนกิริยาปุพฺพกตฺตา สยนกิริยาย สยนคฺคหเณเนว อาสนมฺปิ คหิตนฺติ เวทิตพฺพํฯ
Uccāsayanamahāsayanāti ettha uccāti ucca-saddena samānatthaṃ ekaṃ saddantaraṃ. Seti etthāti sayanaṃ, uccāsayanañca mahāsayanañca uccāsayanamahāsayanaṃ. Uccāsayanaṃ vuccati pamāṇātikkantaṃ mañcādi. Mahāsayanaṃ akappiyattharaṇehi atthataṃ āsandādi. Āsanañcettha sayaneneva saṅgahitanti daṭṭhabbaṃ. Yasmā pana ādhāre paṭikkhitte tadādhārā kiriyā paṭikkhittāva hoti, tasmā ‘‘uccāsayanamahāsayanā’’ icceva vuttaṃ, atthato pana tadupabhogabhūtanisajjānipajjanehi virati dassitāti daṭṭhabbā. Atha vā uccāsayanamahāsayanasayanāti etasmiṃ atthe ekasesanayena ayaṃ niddeso kato yathā ‘‘nāmarūpapaccayā saḷāyatana’’nti, āsanakiriyāpubbakattā sayanakiriyāya sayanaggahaṇeneva āsanampi gahitanti veditabbaṃ.
ชาตรูปรชตปฎิคฺคหณาติ เอตฺถ ชาตรูปนฺติ สุวณฺณํฯ รชตนฺติ กหาปโณ โลหมาสโก ชตุมาสโก ทารุมาสโกติ เย โวหารํ คจฺฉนฺติ, ตสฺส อุภยสฺสปิ ปฎิคฺคหณํ ชาตรูปรชตปฎิคฺคหณํฯ ติวิธเญฺจตฺถ ปฎิคฺคหณํ กาเยน วาจาย มนสาติฯ ตตฺถ กาเยน ปฎิคฺคหณํ อุคฺคณฺหนํ, วาจาย ปฎิคฺคหณํ อุคฺคหาปนํ, มนสา ปฎิคฺคหณํ สาทิยนํฯ ติวิธมฺปิ ปฎิคฺคหณํ สามญฺญนิเทฺทเสน เอกเสสนเยน วา คเหตฺวา ‘‘ปฎิคฺคหณา’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา เนว อุคฺคเหตุํ น อุคฺคหาเปตุํ น อุปนิกฺขิตฺตํ วา สาทิตุํ วฎฺฎติฯ อิมานิ ปน ทส สิกฺขาปทานิ คหฎฺฐานมฺปิ สาธารณานิฯ วุตฺตเญฺหตํ วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๑๓) ‘‘อุปาสกอุปาสิกานํ นิจฺจสีลวเสน ปญฺจ สิกฺขาปทานิ, สติ วา อุสฺสาเห ทส, อุโปสถงฺควเสน อฎฺฐาติ อิทํ คหฎฺฐสีล’’นฺติฯ เอตฺถ หิ ทสาติ สามเณเรหิ รกฺขิตพฺพสีลมาห ฆฎิการาทีนํ วิยฯ ปรมตฺถโชติกายํ ปน ขุทฺทกฎฺฐกถายํ (ขุ. ปา. อฎฺฐ. ๒.สาธารณวิเสสววตฺถาน) ‘‘อาทิโต เทฺว จตุตฺถปญฺจมานิ อุปาสกานํ สามเณรานญฺจ สาธารณานิ นิจฺจสีลวเสน, อุโปสถสีลวเสน ปน อุปาสกานํ สตฺตมฎฺฐมํ เจกํ องฺคํ กตฺวา สพฺพปจฺฉิมวชฺชานิ สพฺพานิปิ สามเณเรหิ สาธารณานิ, ปจฺฉิมํ ปน สามเณรานเมว วิเสสภูต’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ ‘‘สติ วา อุสฺสาเห ทสา’’ติ อิมินา น สเมติฯ นาสนวตฺถูติ ลิงฺคนาสนาย วตฺถุ, อธิฎฺฐานํ การณนฺติ วุตฺตํ โหติฯ
Jātarūparajatapaṭiggahaṇāti ettha jātarūpanti suvaṇṇaṃ. Rajatanti kahāpaṇo lohamāsako jatumāsako dārumāsakoti ye vohāraṃ gacchanti, tassa ubhayassapi paṭiggahaṇaṃ jātarūparajatapaṭiggahaṇaṃ. Tividhañcettha paṭiggahaṇaṃ kāyena vācāya manasāti. Tattha kāyena paṭiggahaṇaṃ uggaṇhanaṃ, vācāya paṭiggahaṇaṃ uggahāpanaṃ, manasā paṭiggahaṇaṃ sādiyanaṃ. Tividhampi paṭiggahaṇaṃ sāmaññaniddesena ekasesanayena vā gahetvā ‘‘paṭiggahaṇā’’ti vuttaṃ, tasmā neva uggahetuṃ na uggahāpetuṃ na upanikkhittaṃ vā sādituṃ vaṭṭati. Imāni pana dasa sikkhāpadāni gahaṭṭhānampi sādhāraṇāni. Vuttañhetaṃ visuddhimagge (visuddhi. 13) ‘‘upāsakaupāsikānaṃ niccasīlavasena pañca sikkhāpadāni, sati vā ussāhe dasa, uposathaṅgavasena aṭṭhāti idaṃ gahaṭṭhasīla’’nti. Ettha hi dasāti sāmaṇerehi rakkhitabbasīlamāha ghaṭikārādīnaṃ viya. Paramatthajotikāyaṃ pana khuddakaṭṭhakathāyaṃ (khu. pā. aṭṭha. 2.sādhāraṇavisesavavatthāna) ‘‘ādito dve catutthapañcamāni upāsakānaṃ sāmaṇerānañca sādhāraṇāni niccasīlavasena, uposathasīlavasena pana upāsakānaṃ sattamaṭṭhamaṃ cekaṃ aṅgaṃ katvā sabbapacchimavajjāni sabbānipi sāmaṇerehi sādhāraṇāni, pacchimaṃ pana sāmaṇerānameva visesabhūta’’nti vuttaṃ, taṃ ‘‘sati vā ussāhe dasā’’ti iminā na sameti. Nāsanavatthūti liṅganāsanāya vatthu, adhiṭṭhānaṃ kāraṇanti vuttaṃ hoti.
๑๐๗. กินฺตีติ เกน นุ โข อุปาเยนฯ ‘‘อตฺตโน ปริเวณนฺติ อิทํ ปุคฺคลิกํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ คณฺฐิปเทสุ วุตฺตํฯ อยเมตฺถ คณฺฐิปทการานํ อธิปฺปาโย – ‘‘วสฺสเคฺคน ปตฺตเสนาสน’’นฺติ อิมินา ตสฺส วสฺสเคฺคน ปตฺตํ สงฺฆิกเสนาสนํ วุตฺตํ, ‘‘อตฺตโน ปริเวณ’’นฺติ อิมินาปิ ตเสฺสว ปุคฺคลิกเสนาสนํ วุตฺตนฺติฯ อยํ ปเนตฺถ อมฺหากํ ขนฺติ – ‘‘ยตฺถ วา วสตี’’ติ อิมินา สงฺฆิกํ วา โหตุ ปุคฺคลิกํ วา, ตสฺส นิพทฺธวสนกเสนาสนํ วุตฺตํฯ ‘‘ยตฺถ วา ปฎิกฺกมตี’’ติ อิมินา ปน ยํ อาจริยสฺส อุปชฺฌายสฺส วา วสนฎฺฐานํ อุปฎฺฐานาทินิมิตฺตํ นิพทฺธํ ปวิสติ, ตํ อาจริยุปชฺฌายานํ วสนฎฺฐานํ วุตฺตํฯ ตสฺมา ตทุภยํ ทเสฺสตุํ ‘‘อุภเยนปิ อตฺตโน ปริเวณญฺจ วสฺสเคฺคน ปตฺตเสนาสนญฺจ วุตฺต’’นฺติ อาหฯ ตตฺถ อตฺตโน ปริเวณนฺติ อิมินา อาจริยุปชฺฌายานํ วสนฎฺฐานํ ทสฺสิตํ, วสฺสเคฺคน ปตฺตเสนาสนนฺติ อิมินา ปน ตสฺส วสนฎฺฐานํฯ ตทุภยมฺปิ สงฺฆิกํ วา โหตุ ปุคฺคลิกํ วา, อาวรณํ กาตพฺพเมวาติฯ มุขทฺวาริกนฺติ มุขทฺวาเรน ภุญฺชิตพฺพํฯ ทณฺฑกมฺมํ กตฺวาติ ทณฺฑกมฺมํ โยเชตฺวาฯ ทเณฺฑนฺติ วิเนนฺติ เอเตนาติ ทโณฺฑ, โสเยว กาตพฺพตฺตา กมฺมนฺติ ทณฺฑกมฺมํ, อาวรณาทิฯ
107.Kintīti kena nu kho upāyena. ‘‘Attano pariveṇanti idaṃ puggalikaṃ sandhāya vutta’’nti gaṇṭhipadesu vuttaṃ. Ayamettha gaṇṭhipadakārānaṃ adhippāyo – ‘‘vassaggena pattasenāsana’’nti iminā tassa vassaggena pattaṃ saṅghikasenāsanaṃ vuttaṃ, ‘‘attano pariveṇa’’nti imināpi tasseva puggalikasenāsanaṃ vuttanti. Ayaṃ panettha amhākaṃ khanti – ‘‘yattha vā vasatī’’ti iminā saṅghikaṃ vā hotu puggalikaṃ vā, tassa nibaddhavasanakasenāsanaṃ vuttaṃ. ‘‘Yattha vā paṭikkamatī’’ti iminā pana yaṃ ācariyassa upajjhāyassa vā vasanaṭṭhānaṃ upaṭṭhānādinimittaṃ nibaddhaṃ pavisati, taṃ ācariyupajjhāyānaṃ vasanaṭṭhānaṃ vuttaṃ. Tasmā tadubhayaṃ dassetuṃ ‘‘ubhayenapi attano pariveṇañca vassaggena pattasenāsanañca vutta’’nti āha. Tattha attano pariveṇanti iminā ācariyupajjhāyānaṃ vasanaṭṭhānaṃ dassitaṃ, vassaggena pattasenāsananti iminā pana tassa vasanaṭṭhānaṃ. Tadubhayampi saṅghikaṃ vā hotu puggalikaṃ vā, āvaraṇaṃ kātabbamevāti. Mukhadvārikanti mukhadvārena bhuñjitabbaṃ. Daṇḍakammaṃ katvāti daṇḍakammaṃ yojetvā. Daṇḍenti vinenti etenāti daṇḍo, soyeva kātabbattā kammanti daṇḍakammaṃ, āvaraṇādi.
สิกฺขาปททณฺฑกมฺมวตฺถุกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sikkhāpadadaṇḍakammavatthukathāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวคฺคปาฬิ • Mahāvaggapāḷi
๔๒. สิกฺขาปทกถา • 42. Sikkhāpadakathā
๔๓. ทณฺฑกมฺมวตฺถุ • 43. Daṇḍakammavatthu
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวคฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvagga-aṭṭhakathā / สิกฺขาปททณฺฑกมฺมวตฺถุกถา • Sikkhāpadadaṇḍakammavatthukathā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / สิกฺขาปททณฺฑกมฺมวตฺถุกถาวณฺณนา • Sikkhāpadadaṇḍakammavatthukathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / สิกฺขาปททณฺฑกมฺมวตฺถุกถาวณฺณนา • Sikkhāpadadaṇḍakammavatthukathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๔๒. สิกฺขาปททณฺฑกมฺมวตฺถุกถา • 42. Sikkhāpadadaṇḍakammavatthukathā