Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ขุทฺทกปาฐ-อฎฺฐกถา • Khuddakapāṭha-aṭṭhakathā |
๒. สิกฺขาปทวณฺณนา
2. Sikkhāpadavaṇṇanā
สิกฺขาปทปาฐมาติกา
Sikkhāpadapāṭhamātikā
เอวํ สรณคมเนหิ สาสโนตารํ ทเสฺสตฺวา สาสนํ โอติเณฺณน อุปาสเกน วา ปพฺพชิเตน วา เยสุ สิกฺขาปเทสุ ปฐมํ สิกฺขิตพฺพํ, ตานิ ทเสฺสตุํ นิกฺขิตฺตสฺส สิกฺขาปทปาฐสฺส อิทานิ วณฺณนตฺถํ อยํ มาติกา –
Evaṃ saraṇagamanehi sāsanotāraṃ dassetvā sāsanaṃ otiṇṇena upāsakena vā pabbajitena vā yesu sikkhāpadesu paṭhamaṃ sikkhitabbaṃ, tāni dassetuṃ nikkhittassa sikkhāpadapāṭhassa idāni vaṇṇanatthaṃ ayaṃ mātikā –
‘‘เยน ยตฺถ ยทา ยสฺมา, วุตฺตาเนตานิ ตํ นยํ;
‘‘Yena yattha yadā yasmā, vuttānetāni taṃ nayaṃ;
วตฺวา กตฺวา ววตฺถานํ, สาธารณวิเสสโตฯ
Vatvā katvā vavatthānaṃ, sādhāraṇavisesato.
‘‘ปกติยา จ ยํ วชฺชํ, วชฺชํ ปณฺณตฺติยา จ ยํ;
‘‘Pakatiyā ca yaṃ vajjaṃ, vajjaṃ paṇṇattiyā ca yaṃ;
ววตฺถเปตฺวา ตํ กตฺวา, ปทานํ พฺยญฺชนตฺถโตฯ
Vavatthapetvā taṃ katvā, padānaṃ byañjanatthato.
‘‘สาธารณานํ สเพฺพสํ, สาธารณวิภาวนํ;
‘‘Sādhāraṇānaṃ sabbesaṃ, sādhāraṇavibhāvanaṃ;
อถ ปญฺจสุ ปุเพฺพสุ, วิเสสตฺถปฺปกาสโตฯ
Atha pañcasu pubbesu, visesatthappakāsato.
‘‘ปาณาติปาตปภุติ-เหกตานานตาทิโต;
‘‘Pāṇātipātapabhuti-hekatānānatādito;
อารมฺมณาทานเภทา, มหาสาวชฺชโต ตถาฯ
Ārammaṇādānabhedā, mahāsāvajjato tathā.
‘‘ปโยคงฺคสมุฎฺฐานา, เวทนามูลกมฺมโต;
‘‘Payogaṅgasamuṭṭhānā, vedanāmūlakammato;
วิรมโต จ ผลโต, วิญฺญาตโพฺพ วินิจฺฉโยฯ
Viramato ca phalato, viññātabbo vinicchayo.
‘‘โยเชตพฺพํ ตโต ยุตฺตํ, ปจฺฉิเมสฺวปิ ปญฺจสุ;
‘‘Yojetabbaṃ tato yuttaṃ, pacchimesvapi pañcasu;
อาเวณิกญฺจ วตฺตพฺพํ, เญยฺยา หีนาทิตาปิ จา’’ติฯ
Āveṇikañca vattabbaṃ, ñeyyā hīnāditāpi cā’’ti.
ตตฺถ เอตานิ ปาณาติปาตาเวรมณีติอาทีนิ ทส สิกฺขาปทานิ ภควตา เอว วุตฺตานิ, น สาวกาทีหิฯ ตานิ จ สาวตฺถิยํ วุตฺตานิ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม อายสฺมนฺตํ ราหุลํ ปพฺพาเชตฺวา กปิลวตฺถุโต สาวตฺถิํ อนุปฺปเตฺตน สามเณรานํ สิกฺขาปทววตฺถาปนตฺถํฯ วุตฺตํ เหตํ –
Tattha etāni pāṇātipātāveramaṇītiādīni dasa sikkhāpadāni bhagavatā eva vuttāni, na sāvakādīhi. Tāni ca sāvatthiyaṃ vuttāni jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme āyasmantaṃ rāhulaṃ pabbājetvā kapilavatthuto sāvatthiṃ anuppattena sāmaṇerānaṃ sikkhāpadavavatthāpanatthaṃ. Vuttaṃ hetaṃ –
‘‘อถ โข ภควา กปิลวตฺถุสฺมิํ ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา เยน สาวตฺถิ เตน จาริกํ ปกฺกามิฯ อนุปุเพฺพน จาริกํ จรมาโน เยน สาวตฺถิ ตทวสริฯ ตตฺร สุทํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน …เป.… อถ โข สามเณรานํ เอตทโหสิ – ‘กติ นุ โข อมฺหากํ สิกฺขาปทานิ, กตฺถ จ อเมฺหหิ สิกฺขิตพฺพ’’’นฺติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สามเณรานํ ทส สิกฺขาปทานิ, เตสุ จ สามเณเรหิ สิกฺขิตุํ , ปาณาติปาตาเวรมณี…เป.… ชาตรูปรชตปฎิคฺคหณา เวรมณี’’ติ (มหาว. ๑๐๕)ฯ
‘‘Atha kho bhagavā kapilavatthusmiṃ yathābhirantaṃ viharitvā yena sāvatthi tena cārikaṃ pakkāmi. Anupubbena cārikaṃ caramāno yena sāvatthi tadavasari. Tatra sudaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena …pe… atha kho sāmaṇerānaṃ etadahosi – ‘kati nu kho amhākaṃ sikkhāpadāni, kattha ca amhehi sikkhitabba’’’nti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ – ‘‘anujānāmi, bhikkhave, sāmaṇerānaṃ dasa sikkhāpadāni, tesu ca sāmaṇerehi sikkhituṃ , pāṇātipātāveramaṇī…pe… jātarūparajatapaṭiggahaṇā veramaṇī’’ti (mahāva. 105).
ตาเนตานิ ‘‘สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสู’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๙๓; ม. นิ. ๒.๒๔; วิภ. ๕๐๘) สุตฺตานุสาเรน สรณคมเนสุ จ ทสฺสิตปาฐานุสาเรน ‘‘ปาณาติปาตา เวรมณิสิกฺขาปทํ สมาทิยามี’’ติ เอวํ วาจนามคฺคํ อาโรปิตานีติ เวทิตพฺพานิฯ เอวํ ตาว ‘‘เยน ยตฺถ ยทา ยสฺมา, วุตฺตาเนตานิ ตํ นยํ วตฺวา’’ติ โส นโย ทฎฺฐโพฺพฯ
Tānetāni ‘‘samādāya sikkhati sikkhāpadesū’’ti (dī. ni. 1.193; ma. ni. 2.24; vibha. 508) suttānusārena saraṇagamanesu ca dassitapāṭhānusārena ‘‘pāṇātipātā veramaṇisikkhāpadaṃ samādiyāmī’’ti evaṃ vācanāmaggaṃ āropitānīti veditabbāni. Evaṃ tāva ‘‘yena yattha yadā yasmā, vuttānetāni taṃ nayaṃ vatvā’’ti so nayo daṭṭhabbo.
สาธารณวิเสสววตฺถานํ
Sādhāraṇavisesavavatthānaṃ
เอตฺถ จ อาทิโต เทฺว จตุตฺถปญฺจมานิ อุปาสกานํ สามเณรานญฺจ สาธารณานิ นิจฺจสีลวเสนฯ อุโปสถสีลวเสน ปน อุปาสกานํ สตฺตมฎฺฐมํ เจกํ องฺคํ กตฺวา สพฺพปจฺฉิมวชฺชานิ สพฺพานิปิ สามเณเรหิ สาธารณานิ, ปจฺฉิมํ ปน สามเณรานเมว วิเสสภูตนฺติ เอวํ สาธารณวิเสสโต ววตฺถานํ กาตพฺพํฯ ปุริมานิ เจตฺถ ปญฺจ เอกนฺตอกุสลจิตฺตสมุฎฺฐานตฺตา ปาณาติปาตาทีนํ ปกติวชฺชโต เวรมณิยา, เสสานิ ปณฺณตฺติวชฺชโตติ เอวํ ปกติยา จ ยํ วชฺชํ, วชฺชํ ปณฺณตฺติยา จ ยํ, ตํ ววตฺถเปตพฺพํฯ
Ettha ca ādito dve catutthapañcamāni upāsakānaṃ sāmaṇerānañca sādhāraṇāni niccasīlavasena. Uposathasīlavasena pana upāsakānaṃ sattamaṭṭhamaṃ cekaṃ aṅgaṃ katvā sabbapacchimavajjāni sabbānipi sāmaṇerehi sādhāraṇāni, pacchimaṃ pana sāmaṇerānameva visesabhūtanti evaṃ sādhāraṇavisesato vavatthānaṃ kātabbaṃ. Purimāni cettha pañca ekantaakusalacittasamuṭṭhānattā pāṇātipātādīnaṃ pakativajjato veramaṇiyā, sesāni paṇṇattivajjatoti evaṃ pakatiyā ca yaṃ vajjaṃ, vajjaṃ paṇṇattiyā ca yaṃ, taṃ vavatthapetabbaṃ.
สาธารณวิภาวนา
Sādhāraṇavibhāvanā
ยสฺมา เจตฺถ ‘‘เวรมณิสิกฺขาปทํ สมาทิยามี’’ติ เอตานิ สพฺพสาธารณานิ ปทานิ, ตสฺมา เอเตสํ ปทานํ พฺยญฺชนโต จ อตฺถโต จ อยํ สาธารณวิภาวนา เวทิตพฺพา –
Yasmā cettha ‘‘veramaṇisikkhāpadaṃ samādiyāmī’’ti etāni sabbasādhāraṇāni padāni, tasmā etesaṃ padānaṃ byañjanato ca atthato ca ayaṃ sādhāraṇavibhāvanā veditabbā –
ตตฺถ พฺยญฺชนโต ตาว เวรํ มณตีติ เวรมณี, เวรํ ปชหติ, วิโนเทติ, พฺยนฺตีกโรติ, อนภาวํ คเมตีติ อโตฺถฯ วิรมติ วา เอตาย กรณภูตาย เวรมฺหา ปุคฺคโลติ, วิการสฺส เวการํ กตฺวา เวรมณีฯ เตเนว เจตฺถ ‘‘เวรมณิสิกฺขาปทํ วิรมณิสิกฺขาปท’’นฺติ ทฺวิธา สชฺฌายํ กโรนฺติฯ สิกฺขิตพฺพาติ สิกฺขา, ปชฺชเต อเนนาติ ปทํฯ สิกฺขาย ปทํ สิกฺขาปทํ, สิกฺขาย อธิคมูปาโยติ อโตฺถฯ อถ วา มูลํ นิสฺสโย ปติฎฺฐาติ วุตฺตํ โหติฯ เวรมณี เอว สิกฺขาปทํ เวรมณิสิกฺขาปทํ, วิรมณิสิกฺขาปทํ วา ทุติเยน นเยนฯ สมฺมา อาทิยามิ สมาทิยามิ, อวีติกฺกมนาธิปฺปาเยน อขณฺฑการิตาย อจฺฉิทฺทการิตาย อสพลการิตาย จ อาทิยามีติ วุตฺตํ โหติฯ
Tattha byañjanato tāva veraṃ maṇatīti veramaṇī, veraṃ pajahati, vinodeti, byantīkaroti, anabhāvaṃ gametīti attho. Viramati vā etāya karaṇabhūtāya veramhā puggaloti, vikārassa vekāraṃ katvā veramaṇī. Teneva cettha ‘‘veramaṇisikkhāpadaṃ viramaṇisikkhāpada’’nti dvidhā sajjhāyaṃ karonti. Sikkhitabbāti sikkhā, pajjate anenāti padaṃ. Sikkhāya padaṃ sikkhāpadaṃ, sikkhāya adhigamūpāyoti attho. Atha vā mūlaṃ nissayo patiṭṭhāti vuttaṃ hoti. Veramaṇī eva sikkhāpadaṃ veramaṇisikkhāpadaṃ, viramaṇisikkhāpadaṃ vā dutiyena nayena. Sammā ādiyāmi samādiyāmi, avītikkamanādhippāyena akhaṇḍakāritāya acchiddakāritāya asabalakāritāya ca ādiyāmīti vuttaṃ hoti.
อตฺถโต ปน เวรมณีติ กามาวจรกุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตา วิรติ, สา ปาณาติปาตา วิรมนฺตสฺส ‘‘ยา ตสฺมิํ สมเย ปาณาติปาตา อารติ วิรติ ปฎิวิรติ เวรมณี อกิริยา อกรณํ อนชฺฌาปตฺติ เวลาอนติกฺกโม เสตุฆาโต’’ติ เอวมาทินา (วิภ. ๗๐๔) นเยน วิภเงฺค วุตฺตาฯ กามเญฺจสา เวรมณี นาม โลกุตฺตราปิ อตฺถิ, อิธ ปน สมาทิยามีติ วุตฺตตฺตา สมาทานวเสน ปวตฺตารหา, ตสฺมา สา น โหตีติ กามาวจรกุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตา วิรตีติ วุตฺตาฯ
Atthato pana veramaṇīti kāmāvacarakusalacittasampayuttā virati, sā pāṇātipātā viramantassa ‘‘yā tasmiṃ samaye pāṇātipātā ārati virati paṭivirati veramaṇī akiriyā akaraṇaṃ anajjhāpatti velāanatikkamo setughāto’’ti evamādinā (vibha. 704) nayena vibhaṅge vuttā. Kāmañcesā veramaṇī nāma lokuttarāpi atthi, idha pana samādiyāmīti vuttattā samādānavasena pavattārahā, tasmā sā na hotīti kāmāvacarakusalacittasampayuttā viratīti vuttā.
สิกฺขาติ ติโสฺส สิกฺขา อธิสีลสิกฺขา, อธิจิตฺตสิกฺขา, อธิปญฺญาสิกฺขาติฯ อิมสฺมิํ ปนเตฺถ สมฺปตฺตวิรติสีลํ โลกิกา วิปสฺสนา รูปารูปฌานานิ อริยมโคฺค จ สิกฺขาติ อธิเปฺปตาฯ ยถาห –
Sikkhāti tisso sikkhā adhisīlasikkhā, adhicittasikkhā, adhipaññāsikkhāti. Imasmiṃ panatthe sampattaviratisīlaṃ lokikā vipassanā rūpārūpajhānāni ariyamaggo ca sikkhāti adhippetā. Yathāha –
‘‘กตเม ธมฺมา สิกฺขา? ยสฺมิํ สมเย กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหติ, โสมนสฺสสหคตํ ญาณสมฺปยุตฺตํ…เป.… ตสฺมิํ สมเย ผโสฺส โหติ…เป.… อวิเกฺขโป โหติ, อิเม ธมฺมา สิกฺขาฯ
‘‘Katame dhammā sikkhā? Yasmiṃ samaye kāmāvacaraṃ kusalaṃ cittaṃ uppannaṃ hoti, somanassasahagataṃ ñāṇasampayuttaṃ…pe… tasmiṃ samaye phasso hoti…pe… avikkhepo hoti, ime dhammā sikkhā.
‘‘กตเม ธมฺมา สิกฺขา? ยสฺมิํ สมเย รูปูปปตฺติยา มคฺคํ ภาเวติ วิวิเจฺจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธเมฺมหิ…เป.… ปฐมํ ฌานํ…เป.… ปญฺจมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ…เป.… อวิเกฺขโป โหติ, อิเม ธมฺมา สิกฺขาฯ
‘‘Katame dhammā sikkhā? Yasmiṃ samaye rūpūpapattiyā maggaṃ bhāveti vivicceva kāmehi vivicca akusalehi dhammehi…pe… paṭhamaṃ jhānaṃ…pe… pañcamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati…pe… avikkhepo hoti, ime dhammā sikkhā.
‘‘กตเม ธมฺมา สิกฺขา? ยสฺมิํ สมเย อรูปปตฺติยา…เป.… เนวสญฺญานาสญฺญายตนสหคตํ…เป.… อวิเกฺขโป โหติ, อิเม ธมฺมา สิกฺขาฯ
‘‘Katame dhammā sikkhā? Yasmiṃ samaye arūpapattiyā…pe… nevasaññānāsaññāyatanasahagataṃ…pe… avikkhepo hoti, ime dhammā sikkhā.
‘‘กตเม ธมฺมา สิกฺขา? ยสฺมิํ สมเย โลกุตฺตรํ ฌานํ ภาเวติ นิยฺยานิกํ…เป.… อวิเกฺขโป โหติ, อิเม ธมฺมา สิกฺขา’’ติ (วิภ. ๗๑๒-๗๑๓)ฯ
‘‘Katame dhammā sikkhā? Yasmiṃ samaye lokuttaraṃ jhānaṃ bhāveti niyyānikaṃ…pe… avikkhepo hoti, ime dhammā sikkhā’’ti (vibha. 712-713).
เอตาสุ สิกฺขาสุ ยาย กายจิ สิกฺขาย ปทํ อธิคมูปาโย, อถ วา มูลํ นิสฺสโย ปติฎฺฐาติ สิกฺขาปทํฯ วุตฺตเญฺหตํ – ‘‘สีลํ นิสฺสาย สีเล ปติฎฺฐาย สตฺต โพชฺฌเงฺค ภาเวโนฺต พหุลีกโรโนฺต’’ติ เอวมาทิ (สํ. นิ. ๕.๑๘๒)ฯ เอวเมตฺถ สาธารณานํ ปทานํ สาธารณา พฺยญฺชนโต อตฺถโต จ วิภาวนา กาตพฺพาฯ
Etāsu sikkhāsu yāya kāyaci sikkhāya padaṃ adhigamūpāyo, atha vā mūlaṃ nissayo patiṭṭhāti sikkhāpadaṃ. Vuttañhetaṃ – ‘‘sīlaṃ nissāya sīle patiṭṭhāya satta bojjhaṅge bhāvento bahulīkaronto’’ti evamādi (saṃ. ni. 5.182). Evamettha sādhāraṇānaṃ padānaṃ sādhāraṇā byañjanato atthato ca vibhāvanā kātabbā.
ปุริมปญฺจสิกฺขาปทวณฺณนา
Purimapañcasikkhāpadavaṇṇanā
อิทานิ ยํ วุตฺตํ – ‘‘อถ ปญฺจสุ ปุเพฺพสุ, วิเสสตฺถปฺปกาสโต…เป.… วิญฺญาตโพฺพ วินิจฺฉโย’’ติ , ตเตฺถตํ วุจฺจติ – ปาณาติปาโตติ เอตฺถ ตาว ปาโณติ ชีวิตินฺทฺริยปฺปฎิพทฺธา ขนฺธสนฺตติ, ตํ วา อุปาทาย ปญฺญโตฺต สโตฺตฯ ตสฺมิํ ปน ปาเณ ปาณสญฺญิโน ตสฺส ปาณสฺส ชีวิตินฺทฺริยุปเจฺฉทกอุปกฺกมสมุฎฺฐาปิกา กายวจีทฺวารานํ อญฺญตรทฺวารปฺปวตฺตา วธกเจตนา ปาณาติปาโตฯ อทินฺนาทานนฺติ เอตฺถ อทินฺนนฺติ ปรปริคฺคหิตํ, ยตฺถ ปโร ยถากามการิตํ อาปชฺชโนฺต อทณฺฑารโห อนุปวโชฺช จ โหติ, ตสฺมิํ ปรปริคฺคหิเต ปรปริคฺคหิตสญฺญิโน ตทาทายกอุปกฺกมสมุฎฺฐาปิกา กายวจีทฺวารานํ อญฺญตรทฺวารปฺปวตฺตา เอว เถยฺยเจตนา อทินฺนาทานํฯ อพฺรหฺมจริยนฺติ อเสฎฺฐจริยํ, ทฺวยํทฺวยสมาปตฺติเมถุนปฺปฎิเสวนา กายทฺวารปฺปวตฺตา อสทฺธมฺมปฺปฎิเสวนฎฺฐานวีติกฺกมเจตนา อพฺรหฺมจริยํ ฯ มุสาวาโทติ เอตฺถ มุสาติ วิสํวาทนปุเรกฺขารสฺส อตฺถภญฺชนโก วจีปโยโค กายปโยโค วา, วิสํวาทนาธิปฺปาเยน ปนสฺส ปรวิสํวาทกกายวจีปโยคสมุฎฺฐาปิกา กายวจีทฺวารานเมว อญฺญตรทฺวารปฺปวตฺตา มิจฺฉาเจตนา มุสาวาโทฯ สุราเมรยมชฺชปมาทฎฺฐานนฺติ เอตฺถ ปน สุราติ ปญฺจ สุรา – ปิฎฺฐสุรา, ปูวสุรา, โอทนสุรา, กิณฺณปกฺขิตฺตา, สมฺภารสํยุตฺตา จาติฯ เมรยมฺปิ ปุปฺผาสโว, ผลาสโว, คุฬาสโว, มธฺวาสโว, สมฺภารสํยุโตฺต จาติ ปญฺจวิธํฯ มชฺชนฺติ ตทุภยเมว มทนิยเฎฺฐน มชฺชํ, ยํ วา ปนญฺญมฺปิ กิญฺจิ อตฺถิ มทนิยํ, เยน ปีเตน มโตฺต โหติ ปมโตฺต, อิทํ วุจฺจติ มชฺชํฯ ปมาทฎฺฐานนฺติ ยาย เจตนาย ตํ ปิวติ อโชฺฌหรติ, สา เจตนา มทปฺปมาทเหตุโต ปมาทฎฺฐานนฺติ วุจฺจติ, ยโต อโชฺฌหรณาธิปฺปาเยน กายทฺวารปฺปวตฺตา สุราเมรยมชฺชานํ อโชฺฌหรณเจตนา ‘‘สุราเมรยมชฺชปมาทฎฺฐาน’’นฺติ เวทิตพฺพาฯ เอวํ ตาเวตฺถ ปาณาติปาตปฺปภุตีหิ วิญฺญาตโพฺพ วินิจฺฉโยฯ
Idāni yaṃ vuttaṃ – ‘‘atha pañcasu pubbesu, visesatthappakāsato…pe… viññātabbo vinicchayo’’ti , tatthetaṃ vuccati – pāṇātipātoti ettha tāva pāṇoti jīvitindriyappaṭibaddhā khandhasantati, taṃ vā upādāya paññatto satto. Tasmiṃ pana pāṇe pāṇasaññino tassa pāṇassa jīvitindriyupacchedakaupakkamasamuṭṭhāpikā kāyavacīdvārānaṃ aññataradvārappavattā vadhakacetanā pāṇātipāto. Adinnādānanti ettha adinnanti parapariggahitaṃ, yattha paro yathākāmakāritaṃ āpajjanto adaṇḍāraho anupavajjo ca hoti, tasmiṃ parapariggahite parapariggahitasaññino tadādāyakaupakkamasamuṭṭhāpikā kāyavacīdvārānaṃ aññataradvārappavattā eva theyyacetanā adinnādānaṃ. Abrahmacariyanti aseṭṭhacariyaṃ, dvayaṃdvayasamāpattimethunappaṭisevanā kāyadvārappavattā asaddhammappaṭisevanaṭṭhānavītikkamacetanā abrahmacariyaṃ . Musāvādoti ettha musāti visaṃvādanapurekkhārassa atthabhañjanako vacīpayogo kāyapayogo vā, visaṃvādanādhippāyena panassa paravisaṃvādakakāyavacīpayogasamuṭṭhāpikā kāyavacīdvārānameva aññataradvārappavattā micchācetanā musāvādo. Surāmerayamajjapamādaṭṭhānanti ettha pana surāti pañca surā – piṭṭhasurā, pūvasurā, odanasurā, kiṇṇapakkhittā, sambhārasaṃyuttā cāti. Merayampi pupphāsavo, phalāsavo, guḷāsavo, madhvāsavo, sambhārasaṃyutto cāti pañcavidhaṃ. Majjanti tadubhayameva madaniyaṭṭhena majjaṃ, yaṃ vā panaññampi kiñci atthi madaniyaṃ, yena pītena matto hoti pamatto, idaṃ vuccati majjaṃ. Pamādaṭṭhānanti yāya cetanāya taṃ pivati ajjhoharati, sā cetanā madappamādahetuto pamādaṭṭhānanti vuccati, yato ajjhoharaṇādhippāyena kāyadvārappavattā surāmerayamajjānaṃ ajjhoharaṇacetanā ‘‘surāmerayamajjapamādaṭṭhāna’’nti veditabbā. Evaṃ tāvettha pāṇātipātappabhutīhi viññātabbo vinicchayo.
เอกตานานตาทิวินิจฺฉยํ
Ekatānānatādivinicchayaṃ
เอกตานานตาทิโตติ เอตฺถ อาห – กิํ ปน วชฺฌวธกปฺปโยคเจตนาทีนํ เอกตาย ปาณาติปาตสฺส อญฺญสฺส วา อทินฺนาทานาทิโน เอกตฺตํ, นานตาย นานตฺตํ โหติ, อุทาหุ โนติฯ กสฺมา ปเนตํ วุจฺจติ? ยทิ ตาว เอกตาย เอกตฺตํ, อถ ยทา เอกํ วชฺฌํ พหู วธกา วเธนฺติ, เอโก วา วธโก พหุเก วเชฺฌ วเธติ, เอเกน วา สาหตฺถิกาทินา ปโยเคน พหู วชฺฌา วธียนฺติ, เอกา วา เจตนา พหูนํ วชฺฌานํ ชีวิตินฺทฺริยุปเจฺฉทกปโยคํ สมุฎฺฐาเปติ, ตทา เอเกน ปาณาติปาเตน ภวิตพฺพํฯ ยทิ ปน นานตาย นานตฺตํฯ อถ ยทา เอโก วธโก เอกสฺสตฺถาย เอกํ ปโยคํ กโรโนฺต พหู วเชฺฌ วเธติ, พหู วา วธกา เทวทตฺตยญฺญทตฺตโสมทตฺตาทีนํ พหูนมตฺถาย พหู ปโยเค กโรนฺตา เอกเมว เทวทตฺตํ ยญฺญทตฺตํ โสมทตฺตํ วา วเธนฺติ, พหูหิ วา สาหตฺถิกาทีหิ ปโยเคหิ เอโก วโชฺฌ วธียติฯ พหู วา เจตนา เอกเสฺสว วชฺฌสฺส ชีวิตินฺทฺริยุปเจฺฉทกปโยคํ สมุฎฺฐาเปนฺติ, ตทา พหูหิ ปาณาติปาเตหิ ภวิตพฺพํฯ อุภยมฺปิ เจตมยุตฺตํฯ อถ เนว เอเตสํ วชฺฌาทีนํ เอกตาย เอกตฺตํ, นานตาย นานตฺตํ, อญฺญเถว ตุ เอกตฺตํ นานตฺตญฺจ โหติ, ตํ วตฺตพฺพํ ปาณาติปาตสฺส, เอวํ เสสานมฺปีติฯ
Ekatānānatāditoti ettha āha – kiṃ pana vajjhavadhakappayogacetanādīnaṃ ekatāya pāṇātipātassa aññassa vā adinnādānādino ekattaṃ, nānatāya nānattaṃ hoti, udāhu noti. Kasmā panetaṃ vuccati? Yadi tāva ekatāya ekattaṃ, atha yadā ekaṃ vajjhaṃ bahū vadhakā vadhenti, eko vā vadhako bahuke vajjhe vadheti, ekena vā sāhatthikādinā payogena bahū vajjhā vadhīyanti, ekā vā cetanā bahūnaṃ vajjhānaṃ jīvitindriyupacchedakapayogaṃ samuṭṭhāpeti, tadā ekena pāṇātipātena bhavitabbaṃ. Yadi pana nānatāya nānattaṃ. Atha yadā eko vadhako ekassatthāya ekaṃ payogaṃ karonto bahū vajjhe vadheti, bahū vā vadhakā devadattayaññadattasomadattādīnaṃ bahūnamatthāya bahū payoge karontā ekameva devadattaṃ yaññadattaṃ somadattaṃ vā vadhenti, bahūhi vā sāhatthikādīhi payogehi eko vajjho vadhīyati. Bahū vā cetanā ekasseva vajjhassa jīvitindriyupacchedakapayogaṃ samuṭṭhāpenti, tadā bahūhi pāṇātipātehi bhavitabbaṃ. Ubhayampi cetamayuttaṃ. Atha neva etesaṃ vajjhādīnaṃ ekatāya ekattaṃ, nānatāya nānattaṃ, aññatheva tu ekattaṃ nānattañca hoti, taṃ vattabbaṃ pāṇātipātassa, evaṃ sesānampīti.
วุจฺจเต – ตตฺถ ตาว ปาณาติปาตสฺส น วชฺฌวธกาทีนํ ปเจฺจกเมกตาย เอกตา, นานตาย นานตา, กินฺตุ วชฺฌวธกาทีนํ ยุคนนฺธเมกตาย เอกตา, ทฺวินฺนมฺปิ ตุ เตสํ, ตโต อญฺญตรสฺส วา นานตาย นานตาฯ ตถา หิ พหูสุ วธเกสุ พหูหิ สรเกฺขปาทีหิ เอเกน วา โอปาตขณนาทินา ปโยเคน พหู วเชฺฌ วเธเนฺตสุปิ พหู ปาณาติปาตา โหนฺติฯ เอกสฺมิํ วธเก เอเกน, พหูหิ วา ปโยเคหิ ตปฺปโยคสมุฎฺฐาปิกาย จ เอกาย, พหูหิ วา เจตนาหิ พหู วเชฺฌ วเธเนฺตปิ พหู ปาณาติปาตา โหนฺติ, พหูสุ จ วธเกสุ ยถาวุตฺตปฺปกาเรหิ พหูหิ, เอเกน วา ปโยเคน เอกํ วชฺฌํ วเธเนฺตสุปิ พหู ปาณาติปาตา โหนฺติฯ เอส นโย อทินฺนาทานาทีสุปีติฯ เอวเมตฺถ เอกตานานตาทิโตปิ วิญฺญาตโพฺพ วินิจฺฉโยฯ
Vuccate – tattha tāva pāṇātipātassa na vajjhavadhakādīnaṃ paccekamekatāya ekatā, nānatāya nānatā, kintu vajjhavadhakādīnaṃ yuganandhamekatāya ekatā, dvinnampi tu tesaṃ, tato aññatarassa vā nānatāya nānatā. Tathā hi bahūsu vadhakesu bahūhi sarakkhepādīhi ekena vā opātakhaṇanādinā payogena bahū vajjhe vadhentesupi bahū pāṇātipātā honti. Ekasmiṃ vadhake ekena, bahūhi vā payogehi tappayogasamuṭṭhāpikāya ca ekāya, bahūhi vā cetanāhi bahū vajjhe vadhentepi bahū pāṇātipātā honti, bahūsu ca vadhakesu yathāvuttappakārehi bahūhi, ekena vā payogena ekaṃ vajjhaṃ vadhentesupi bahū pāṇātipātā honti. Esa nayo adinnādānādīsupīti. Evamettha ekatānānatāditopi viññātabbo vinicchayo.
อารมฺมณโตติ ปาณาติปาโต เจตฺถ ชีวิตินฺทฺริยารมฺมโณฯ อทินฺนาทานอพฺรหฺมจริยสุราเมรยมชฺชปมาทฎฺฐานานิ รูปธเมฺมสุ รูปายตนาทิอญฺญตรสงฺขารารมฺมณานิฯ มุสาวาโท ยสฺส มุสา ภณติ, ตมารภิตฺวา ปวตฺตนโต สตฺตารมฺมโณฯ อพฺรหฺมจริยมฺปิ สตฺตารมฺมณนฺติ เอเกฯ อทินฺนาทานญฺจ ยทา สโตฺต หริตโพฺพ โหติ, ตทา สตฺตารมฺมณนฺติฯ อปิ เจตฺถ สงฺขารวเสเนว สตฺตารมฺมณํ, น ปณฺณตฺติวเสนาติฯ เอวเมตฺถ อารมฺมณโตปิ วิญฺญาตโพฺพ วินิจฺฉโยฯ
Ārammaṇatoti pāṇātipāto cettha jīvitindriyārammaṇo. Adinnādānaabrahmacariyasurāmerayamajjapamādaṭṭhānāni rūpadhammesu rūpāyatanādiaññatarasaṅkhārārammaṇāni. Musāvādo yassa musā bhaṇati, tamārabhitvā pavattanato sattārammaṇo. Abrahmacariyampi sattārammaṇanti eke. Adinnādānañca yadā satto haritabbo hoti, tadā sattārammaṇanti. Api cettha saṅkhāravaseneva sattārammaṇaṃ, na paṇṇattivasenāti. Evamettha ārammaṇatopi viññātabbo vinicchayo.
อาทานโตติ ปาณาติปาตาเวรมณิสิกฺขาปทาทีนิ เจตานิ สามเณเรน ภิกฺขุสนฺติเก สมาทินฺนาเนว สมาทินฺนานิ โหนฺติ, อุปาสเกน ปน อตฺตนา สมาทิยเนฺตนาปิ สมาทินฺนานิ โหนฺติ, ปรสฺส สนฺติเก สมาทิยเนฺตนาปิฯ เอกชฺฌํ สมาทินฺนานิปิ สมาทินฺนานิ โหนฺติ, ปเจฺจกํ สมาทินฺนานิปิฯ กินฺตุ นานํ เอกชฺฌํ สมาทิยโต เอกาเยว วิรติ, เอกาว เจตนา โหติ, กิจฺจวเสน ปเนตาสํ ปญฺจวิธตฺตํ วิญฺญายติฯ ปเจฺจกํ สมาทิยโต ปน ปเญฺจว วิรติโย, ปญฺจ จ เจตนา โหนฺตีติ เวทิตพฺพาฯ เอวเมตฺถ อาทานโตปิ วิญฺญาตโพฺพ วินิจฺฉโยฯ
Ādānatoti pāṇātipātāveramaṇisikkhāpadādīni cetāni sāmaṇerena bhikkhusantike samādinnāneva samādinnāni honti, upāsakena pana attanā samādiyantenāpi samādinnāni honti, parassa santike samādiyantenāpi. Ekajjhaṃ samādinnānipi samādinnāni honti, paccekaṃ samādinnānipi. Kintu nānaṃ ekajjhaṃ samādiyato ekāyeva virati, ekāva cetanā hoti, kiccavasena panetāsaṃ pañcavidhattaṃ viññāyati. Paccekaṃ samādiyato pana pañceva viratiyo, pañca ca cetanā hontīti veditabbā. Evamettha ādānatopi viññātabbo vinicchayo.
เภทโตติ สามเณรานเญฺจตฺถ เอกสฺมิํ ภิเนฺน สพฺพานิปิ ภินฺนานิ โหนฺติฯ ปาราชิกฎฺฐานิยานิ หิ ตานิ เตสํ, ยํ ตํ วีติกฺกนฺตํ โหติ, เตเนว กมฺมพโทฺธฯ คหฎฺฐานํ ปน เอกสฺมิํ ภิเนฺน เอกเมว ภินฺนํ โหติ, ยโต เตสํ ตํสมาทาเนเนว ปุน ปญฺจงฺคิกตฺตํ สีลสฺส สมฺปชฺชติฯ อปเร ปนาหุ – ‘‘วิสุํ วิสุํ สมาทิเนฺนสุ เอกสฺมิํ ภิเนฺน เอกเมว ภินฺนํ โหติ, ‘ปญฺจงฺคสมนฺนาคตํ สีลํ สมาทิยามี’ติ เอวํ ปน เอกโต สมาทิเนฺนสุ เอกสฺมิํ ภิเนฺน เสสานิปิ สพฺพานิ ภินฺนานิ โหนฺติฯ กสฺมา? สมาทินฺนสฺส อภินฺนตฺตา, ยํ ตํ วีติกฺกนฺตํ, เตเนว กมฺมพโทฺธ’’ติฯ เอวเมตฺถ เภทโตปิ วิญฺญาตโพฺพ วินิจฺฉโยฯ
Bhedatoti sāmaṇerānañcettha ekasmiṃ bhinne sabbānipi bhinnāni honti. Pārājikaṭṭhāniyāni hi tāni tesaṃ, yaṃ taṃ vītikkantaṃ hoti, teneva kammabaddho. Gahaṭṭhānaṃ pana ekasmiṃ bhinne ekameva bhinnaṃ hoti, yato tesaṃ taṃsamādāneneva puna pañcaṅgikattaṃ sīlassa sampajjati. Apare panāhu – ‘‘visuṃ visuṃ samādinnesu ekasmiṃ bhinne ekameva bhinnaṃ hoti, ‘pañcaṅgasamannāgataṃ sīlaṃ samādiyāmī’ti evaṃ pana ekato samādinnesu ekasmiṃ bhinne sesānipi sabbāni bhinnāni honti. Kasmā? Samādinnassa abhinnattā, yaṃ taṃ vītikkantaṃ, teneva kammabaddho’’ti. Evamettha bhedatopi viññātabbo vinicchayo.
มหาสาวชฺชโตติ คุณวิรหิเตสุ ติรจฺฉานคตาทีสุ ปาเณสุ ขุทฺทเก ปาเณ ปาณาติปาโต อปฺปสาวโชฺช, มหาสรีเร มหาสาวโชฺชฯ กสฺมา? ปโยคมหนฺตตายฯ ปโยคสมเตฺตปิ วตฺถุมหนฺตตายฯ คุณวเนฺตสุ ปน มนุสฺสาทีสุ อปฺปคุเณ ปาณาติปาโต อปฺปสาวโชฺช, มหาคุเณ มหาสาวโชฺช ฯ สรีรคุณานนฺตุ สมภาเว สติ กิเลสานํ อุปกฺกมานญฺจ มุทุตาย อปฺปสาวชฺชตา, ติพฺพตาย มหาสาวชฺชตา จ เวทิตพฺพาฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ อปิ เจตฺถ สุราเมรยมชฺชปมาทฎฺฐานเมว มหาสาวชฺชํ, น ตถา ปาณาติปาตาทโยฯ กสฺมา? มนุสฺสภูตสฺสาปิ อุมฺมตฺตกภาวสํวตฺตเนน อริยธมฺมนฺตรายกรณโตติฯ เอวเมตฺถ มหาสาวชฺชโตปิ วิญฺญาตโพฺพ วินิจฺฉโยฯ
Mahāsāvajjatoti guṇavirahitesu tiracchānagatādīsu pāṇesu khuddake pāṇe pāṇātipāto appasāvajjo, mahāsarīre mahāsāvajjo. Kasmā? Payogamahantatāya. Payogasamattepi vatthumahantatāya. Guṇavantesu pana manussādīsu appaguṇe pāṇātipāto appasāvajjo, mahāguṇe mahāsāvajjo . Sarīraguṇānantu samabhāve sati kilesānaṃ upakkamānañca mudutāya appasāvajjatā, tibbatāya mahāsāvajjatā ca veditabbā. Esa nayo sesesupi. Api cettha surāmerayamajjapamādaṭṭhānameva mahāsāvajjaṃ, na tathā pāṇātipātādayo. Kasmā? Manussabhūtassāpi ummattakabhāvasaṃvattanena ariyadhammantarāyakaraṇatoti. Evamettha mahāsāvajjatopi viññātabbo vinicchayo.
ปโยคโตติ เอตฺถ จ ปาณาติปาตสฺส สาหตฺถิโก, อาณตฺติโก, นิสฺสคฺคิโย, ถาวโร, วิชฺชามโย, อิทฺธิมโยติ ฉปฺปโยคาฯ ตตฺถ กาเยน วา กายปฺปฎิพเทฺธน วา ปหรณํ สาหตฺถิโก ปโยโค, โส อุทฺทิสฺสานุทฺทิสฺสเภทโต ทุวิโธ โหติฯ ตตฺถ อุทฺทิสฺสเก ยํ อุทฺทิสฺส ปหรติ, ตเสฺสว มรเณน กมฺมุนา พชฺฌติฯ ‘‘โย โกจิ มรตู’’ติ เอวํ อนุทฺทิสฺสเก ปหารปจฺจยา ยสฺส กสฺสจิ มรเณนฯ อุภยถาปิ จ ปหริตมเตฺต วา มรตุ, ปจฺฉา วา เตเนว โรเคน, ปหริตกฺขเณ เอว กมฺมุนา พชฺฌติฯ มรณาธิปฺปาเยน จ ปหารํ ทตฺวา เตน อมตสฺส ปุน อเญฺญน จิเตฺตน ปหาเร ทิเนฺน ปจฺฉาปิ ยทิ ปฐมปหาเรเนว มรติ, ตทา เอว กมฺมุนา พโทฺธ โหติฯ อถ ทุติยปหาเรน, นตฺถิ ปาณาติปาโตฯ อุภเยหิ มเตปิ ปฐมปหาเรเนว กมฺมุนา พโทฺธ, อุภเยหิปิ อมเต เนวตฺถิ ปาณาติปาโตฯ เอส นโย พหุเกหิปิ เอกสฺส ปหาเร ทิเนฺนฯ ตตฺราปิ หิ ยสฺส ปหาเรน มรติ, ตเสฺสว กมฺมพโทฺธ โหติฯ
Payogatoti ettha ca pāṇātipātassa sāhatthiko, āṇattiko, nissaggiyo, thāvaro, vijjāmayo, iddhimayoti chappayogā. Tattha kāyena vā kāyappaṭibaddhena vā paharaṇaṃ sāhatthiko payogo, so uddissānuddissabhedato duvidho hoti. Tattha uddissake yaṃ uddissa paharati, tasseva maraṇena kammunā bajjhati. ‘‘Yo koci maratū’’ti evaṃ anuddissake pahārapaccayā yassa kassaci maraṇena. Ubhayathāpi ca paharitamatte vā maratu, pacchā vā teneva rogena, paharitakkhaṇe eva kammunā bajjhati. Maraṇādhippāyena ca pahāraṃ datvā tena amatassa puna aññena cittena pahāre dinne pacchāpi yadi paṭhamapahāreneva marati, tadā eva kammunā baddho hoti. Atha dutiyapahārena, natthi pāṇātipāto. Ubhayehi matepi paṭhamapahāreneva kammunā baddho, ubhayehipi amate nevatthi pāṇātipāto. Esa nayo bahukehipi ekassa pahāre dinne. Tatrāpi hi yassa pahārena marati, tasseva kammabaddho hoti.
อธิฎฺฐหิตฺวา ปน อาณาปนํ อาณตฺติโก ปโยโคฯ ตตฺถปิ สาหตฺถิเก ปโยเค วุตฺตนเยเนว กมฺมพโทฺธ อนุสฺสริตโพฺพฯ ฉพฺพิโธ เจตฺถ นิยโม เวทิตโพฺพ –
Adhiṭṭhahitvā pana āṇāpanaṃ āṇattiko payogo. Tatthapi sāhatthike payoge vuttanayeneva kammabaddho anussaritabbo. Chabbidho cettha niyamo veditabbo –
‘‘วตฺถุ กาโล จ โอกาโส, อาวุธํ อิริยาปโถ;
‘‘Vatthu kālo ca okāso, āvudhaṃ iriyāpatho;
กิริยาวิเสโสติ อิเม, ฉ อาณตฺตินิยามกา’’ติฯ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๒.๑๗๔);
Kiriyāvisesoti ime, cha āṇattiniyāmakā’’ti. (pāci. aṭṭha. 2.174);
ตตฺถ วตฺถูติ มาเรตโพฺพ ปาโณฯ กาโลติ ปุพฺพณฺหสายนฺหาทิกาโล จ, โยพฺพนถาวริยาทิกาโล จฯ โอกาโสติ คาโม วา นิคโม วา วนํ วา รจฺฉา วา สิงฺฆาฎกํ วาติ เอวมาทิฯ อาวุธนฺติ อสิ วา อุสุ วา สตฺติ วาติ เอวมาทิฯ อิริยาปโถติ มาเรตพฺพสฺส มารกสฺส จ ฐานํ วา นิสชฺชา วาติ เอวมาทิฯ
Tattha vatthūti māretabbo pāṇo. Kāloti pubbaṇhasāyanhādikālo ca, yobbanathāvariyādikālo ca. Okāsoti gāmo vā nigamo vā vanaṃ vā racchā vā siṅghāṭakaṃ vāti evamādi. Āvudhanti asi vā usu vā satti vāti evamādi. Iriyāpathoti māretabbassa mārakassa ca ṭhānaṃ vā nisajjā vāti evamādi.
กิริยาวิเสโสติ วิชฺฌนํ วา เฉทนํ วา เภทนํ วา สงฺขมุณฺฑิกํ วาติ เอวมาทิฯ ยทิ หิ วตฺถุํ วิสํวาเทตฺวา ‘‘ยํ มาเรหี’’ติ อาณโตฺต, ตโต อญฺญํ มาเรติ, อาณาปกสฺส นตฺถิ กมฺมพโทฺธฯ อถ วตฺถุํ อวิสํวาเทตฺวา มาเรติ, อาณาปกสฺส อาณตฺติกฺขเณ อาณตฺตสฺส มารณกฺขเณติ อุภเยสมฺปิ กมฺมพโทฺธฯ เอส นโย กาลาทีสุปิฯ
Kiriyāvisesoti vijjhanaṃ vā chedanaṃ vā bhedanaṃ vā saṅkhamuṇḍikaṃ vāti evamādi. Yadi hi vatthuṃ visaṃvādetvā ‘‘yaṃ mārehī’’ti āṇatto, tato aññaṃ māreti, āṇāpakassa natthi kammabaddho. Atha vatthuṃ avisaṃvādetvā māreti, āṇāpakassa āṇattikkhaṇe āṇattassa māraṇakkhaṇeti ubhayesampi kammabaddho. Esa nayo kālādīsupi.
มารณตฺถนฺตุ กาเยน วา กายปฺปฎิพเทฺธน วา ปหรณนิสฺสชฺชนํ นิสฺสคฺคิโย ปโยโคฯ โสปิ อุทฺทิสฺสานุทฺทิสฺสเภทโต ทุวิโธ เอว, กมฺมพโทฺธ เจตฺถ ปุเพฺพ วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ
Māraṇatthantu kāyena vā kāyappaṭibaddhena vā paharaṇanissajjanaṃ nissaggiyo payogo. Sopi uddissānuddissabhedato duvidho eva, kammabaddho cettha pubbe vuttanayeneva veditabbo.
มารณตฺถเมว โอปาตขณนํ, อปเสฺสนอุปนิกฺขิปนํ, เภสชฺชวิสยนฺตาทิปฺปโยชนํ วา ถาวโร ปโยโคฯ โสปิ อุทฺทิสฺสานุทฺทิสฺสเภทโต ทุวิโธ, ยโต ตตฺถปิ ปุเพฺพ วุตฺตนเยเนว กมฺมพโทฺธ เวทิตโพฺพฯ อยนฺตุ วิเสโส – มูลเฎฺฐน โอปาตาทีสุ ปเรสํ มูเลน วา มุธา วา ทิเนฺนสุปิ ยทิ ตปฺปจฺจยา โกจิ มรติ, มูลฎฺฐเสฺสว กมฺมพโทฺธฯ ยทิปิ จ เตน อเญฺญน วา ตตฺถ โอปาเต วินาเสตฺวา ภูมิสเม กเตปิ ปํสุโธวกา วา ปํสุํ คณฺหนฺตา, มูลขณกา วา มูลานิ ขณนฺตา อาวาฎํ กโรนฺติ , เทเว วา วสฺสเนฺต กทฺทโม ชายติ, ตตฺถ จ โกจิ โอตริตฺวา วา ลคฺคิตฺวา วา มรติ, มูลฎฺฐเสฺสว กมฺมพโทฺธฯ ยทิ ปน เยน ลทฺธํ, โส อโญฺญ วา ตํ วิตฺถฎตรํ คมฺภีรตรํ วา กโรติ, ตปฺปจฺจยาว โกจิ มรติ, อุภเยสมฺปิ กมฺมพโทฺธฯ ยถา ตุ มูลานิ มูเลหิ สํสนฺทนฺติ, ตถา ตตฺร ถเล กเต มุจฺจติฯ เอวํ อปเสฺสนาทีสุปิ ยาว เตสํ ปวตฺติ, ตาว ยถาสมฺภวํ กมฺมพโทฺธ เวทิตโพฺพฯ
Māraṇatthameva opātakhaṇanaṃ, apassenaupanikkhipanaṃ, bhesajjavisayantādippayojanaṃ vā thāvaro payogo. Sopi uddissānuddissabhedato duvidho, yato tatthapi pubbe vuttanayeneva kammabaddho veditabbo. Ayantu viseso – mūlaṭṭhena opātādīsu paresaṃ mūlena vā mudhā vā dinnesupi yadi tappaccayā koci marati, mūlaṭṭhasseva kammabaddho. Yadipi ca tena aññena vā tattha opāte vināsetvā bhūmisame katepi paṃsudhovakā vā paṃsuṃ gaṇhantā, mūlakhaṇakā vā mūlāni khaṇantā āvāṭaṃ karonti , deve vā vassante kaddamo jāyati, tattha ca koci otaritvā vā laggitvā vā marati, mūlaṭṭhasseva kammabaddho. Yadi pana yena laddhaṃ, so añño vā taṃ vitthaṭataraṃ gambhīrataraṃ vā karoti, tappaccayāva koci marati, ubhayesampi kammabaddho. Yathā tu mūlāni mūlehi saṃsandanti, tathā tatra thale kate muccati. Evaṃ apassenādīsupi yāva tesaṃ pavatti, tāva yathāsambhavaṃ kammabaddho veditabbo.
มารณตฺถํ ปน วิชฺชาปริชปฺปนํ วิชฺชามโย ปโยโคฯ ทาฐาวุธาทีนํ ทาฐาโกฎนาทิมิว มารณตฺถํ กมฺมวิปากชิทฺธิวิการกรณํ อิทฺธิมโย ปโยโคติฯ อทินฺนาทานสฺส ตุ เถยฺยปสยฺหปฎิจฺฉนฺนปริกปฺปกุสาวหารวสปฺปวตฺตา สาหตฺถิกาณตฺติกาทโย ปโยคา, เตสมฺปิ วุตฺตานุสาเรเนว ปเภโท เวทิตโพฺพฯ อพฺรหฺมจริยาทีนํ ติณฺณมฺปิ สาหตฺถิโก เอว ปโยโค ลพฺภตีติฯ เอวเมตฺถ ปโยคโตปิ วิญฺญาตโพฺพ วินิจฺฉโยฯ
Māraṇatthaṃ pana vijjāparijappanaṃ vijjāmayo payogo. Dāṭhāvudhādīnaṃ dāṭhākoṭanādimiva māraṇatthaṃ kammavipākajiddhivikārakaraṇaṃ iddhimayo payogoti. Adinnādānassa tu theyyapasayhapaṭicchannaparikappakusāvahāravasappavattā sāhatthikāṇattikādayo payogā, tesampi vuttānusāreneva pabhedo veditabbo. Abrahmacariyādīnaṃ tiṇṇampi sāhatthiko eva payogo labbhatīti. Evamettha payogatopi viññātabbo vinicchayo.
องฺคโตติ เอตฺถ จ ปาณาติปาตสฺส ปญฺจ องฺคานิ ภวนฺติ – ปาโณ จ โหติ, ปาณสญฺญี จ, วธกจิตฺตญฺจ ปจฺจุปฎฺฐิตํ โหติ, วายมติ, เตน จ มรตีติฯ อทินฺนาทานสฺสาปิ ปเญฺจว – ปรปริคฺคหิตญฺจ โหติ, ปรปริคฺคหิตสญฺญี จ, เถยฺยจิตฺตญฺจ ปจฺจุปฎฺฐิตํ โหติ, วายมติ, เตน จ อาทาตพฺพํ อาทานํ คจฺฉตีติฯ อพฺรหฺมจริยสฺส ปน จตฺตาริ องฺคานิ ภวนฺติ – อชฺฌาจริยวตฺถุ จ โหติ, ตตฺถ จ เสวนจิตฺตํ ปจฺจุปฎฺฐิตํ โหติ, เสวนปจฺจยา ปโยคญฺจ สมาปชฺชติ, สาทิยติ จาติ, ตถา ปเรสํ ทฺวินฺนมฺปิฯ ตตฺถ มุสาวาทสฺส ตาว มุสา จ โหติ ตํ วตฺถุ, วิสํวาทนจิตฺตญฺจ ปจฺจุปฎฺฐิตํ โหติ, ตโชฺช จ วายาโม, ปรวิสํวาทนญฺจ วิญฺญาปยมานา วิญฺญตฺติ ปวตฺตตีติ จตฺตาริ องฺคานิ เวทิตพฺพานิฯ สุราเมรยมชฺชปมาทฎฺฐานสฺส ปน สุราทีนญฺจ อญฺญตรํ โหติ มทนียปาตุกมฺยตาจิตฺตญฺจ ปจฺจุปฎฺฐิตํ โหติ, ตชฺชญฺจ วายามํ อาปชฺชติ, ปีเต จ ปวิสตีติ อิมานิ จตฺตาริ องฺคานีติฯ เอวเมตฺถ องฺคโตปิ วิญฺญาตโพฺพ วินิจฺฉโยฯ
Aṅgatoti ettha ca pāṇātipātassa pañca aṅgāni bhavanti – pāṇo ca hoti, pāṇasaññī ca, vadhakacittañca paccupaṭṭhitaṃ hoti, vāyamati, tena ca maratīti. Adinnādānassāpi pañceva – parapariggahitañca hoti, parapariggahitasaññī ca, theyyacittañca paccupaṭṭhitaṃ hoti, vāyamati, tena ca ādātabbaṃ ādānaṃ gacchatīti. Abrahmacariyassa pana cattāri aṅgāni bhavanti – ajjhācariyavatthu ca hoti, tattha ca sevanacittaṃ paccupaṭṭhitaṃ hoti, sevanapaccayā payogañca samāpajjati, sādiyati cāti, tathā paresaṃ dvinnampi. Tattha musāvādassa tāva musā ca hoti taṃ vatthu, visaṃvādanacittañca paccupaṭṭhitaṃ hoti, tajjo ca vāyāmo, paravisaṃvādanañca viññāpayamānā viññatti pavattatīti cattāri aṅgāni veditabbāni. Surāmerayamajjapamādaṭṭhānassa pana surādīnañca aññataraṃ hoti madanīyapātukamyatācittañca paccupaṭṭhitaṃ hoti, tajjañca vāyāmaṃ āpajjati, pīte ca pavisatīti imāni cattāri aṅgānīti. Evamettha aṅgatopi viññātabbo vinicchayo.
สมุฎฺฐานโตติ ปาณาติปาตอทินฺนาทานมุสาวาทา เจตฺถ กายจิตฺตโต, วาจาจิตฺตโต, กายวาจาจิตฺตโต จาติ ติสมุฎฺฐานา โหนฺติฯ อพฺรหฺมจริยํ กายจิตฺตวเสน เอกสมุฎฺฐานเมวฯ สุราเมรยมชฺชปมาทฎฺฐานํ กายโต จ, กายจิตฺตโต จาติ ทฺวิสมุฎฺฐานนฺติฯ เอวเมตฺถ สมุฎฺฐานโตปิ วิญฺญาตโพฺพ วินิจฺฉโยฯ
Samuṭṭhānatoti pāṇātipātaadinnādānamusāvādā cettha kāyacittato, vācācittato, kāyavācācittato cāti tisamuṭṭhānā honti. Abrahmacariyaṃ kāyacittavasena ekasamuṭṭhānameva. Surāmerayamajjapamādaṭṭhānaṃ kāyato ca, kāyacittato cāti dvisamuṭṭhānanti. Evamettha samuṭṭhānatopi viññātabbo vinicchayo.
เวทนาโตติ เอตฺถ จ ปาณาติปาโต ทุกฺขเวทนาสมฺปยุโตฺตวฯ อทินฺนาทานํ ตีสุ เวทนาสุ อญฺญตรเวทนาสมฺปยุตฺตํ, ตถา มุสาวาโทฯ อิตรานิ เทฺว สุขาย วา อทุกฺขมสุขาย วา เวทนาย สมฺปยุตฺตานีติฯ เอวเมตฺถ เวทนาโตปิ วิญฺญาตโพฺพ วินิจฺฉโยฯ
Vedanātoti ettha ca pāṇātipāto dukkhavedanāsampayuttova. Adinnādānaṃ tīsu vedanāsu aññataravedanāsampayuttaṃ, tathā musāvādo. Itarāni dve sukhāya vā adukkhamasukhāya vā vedanāya sampayuttānīti. Evamettha vedanātopi viññātabbo vinicchayo.
มูลโตติ ปาณาติปาโต เจตฺถ โทสโมหมูโลฯ อทินฺนาทานมุสาวาทา โลภโมหมูลา วา โทสโมหมูลา วาฯ อิตรานิ เทฺว โลภโมหมูลานีติฯ เอวเมตฺถ มูลโตปิ วิญฺญาตโพฺพ วินิจฺฉโยฯ
Mūlatoti pāṇātipāto cettha dosamohamūlo. Adinnādānamusāvādā lobhamohamūlā vā dosamohamūlā vā. Itarāni dve lobhamohamūlānīti. Evamettha mūlatopi viññātabbo vinicchayo.
กมฺมโตติ ปาณาติปาตอทินฺนาทานอพฺรหฺมจริยานิ เจตฺถ กายกมฺมเมว กมฺมปถปฺปตฺตาเนว จ, มุสาวาโท วจีกมฺมเมวฯ โย ปน อตฺถภญฺชโก, โส กมฺมปถปฺปโตฺตฯ อิตโร กมฺมเมวฯ สุราเมรยมชฺชปมาทฎฺฐานํ กายกมฺมเมวาติฯ เอวเมตฺถ กมฺมโตปิ วิญฺญาตโพฺพ วินิจฺฉโยฯ
Kammatoti pāṇātipātaadinnādānaabrahmacariyāni cettha kāyakammameva kammapathappattāneva ca, musāvādo vacīkammameva. Yo pana atthabhañjako, so kammapathappatto. Itaro kammameva. Surāmerayamajjapamādaṭṭhānaṃ kāyakammamevāti. Evamettha kammatopi viññātabbo vinicchayo.
วิรมโตติ เอตฺถ อาห ‘‘ปาณาติปาตาทีหิ วิรมโนฺต กุโต วิรมตี’’ติ? วุจฺจเต – สมาทานวเสน ตาว วิรมโนฺต อตฺตโน วา ปเรสํ วา ปาณาติปาตาทิอกุสลโต วิรมติฯ กิมารภิตฺวา? ยโต วิรมติ, ตเทวฯ สมฺปตฺตวเสนาปิ วิรมโนฺต วุตฺตปฺปการากุสลโตวฯ กิมารภิตฺวา? ปาณาติปาตาทีนํ วุตฺตารมฺมณาเนวฯ เกจิ ปน ภณนฺติ ‘‘สุราเมรยมชฺชสงฺขาเต สงฺขาเร อารภิตฺวา สุราเมรยมชฺชปมาทฎฺฐานา วิรมติ, สตฺตสงฺขาเรสุ ยํ ปน อวหริตพฺพํ ภญฺชิตพฺพญฺจ, ตํ อารภิตฺวา อทินฺนาทานา มุสาวาทา จ, สเตฺตเยวารภิตฺวา ปาณาติปาตา อพฺรหฺมจริยา จา’’ติฯ ตทเญฺญ ‘‘เอวํ สเนฺต ‘อญฺญํ จิเนฺตโนฺต อญฺญํ กเรยฺย, ยญฺจ ปชหติ, ตํ น ชาเนยฺยา’ติ เอวํทิฎฺฐิกา หุตฺวา อนิจฺฉมานา ยเทว ปชหติ, ตํ อตฺตโน ปาณาติปาตาทิอกุสลเมวารภิตฺวา วิรมตี’’ติ วทนฺติฯ ตทยุตฺตํฯ กสฺมา? ตสฺส ปจฺจุปฺปนฺนาภาวโต พหิทฺธาภาวโต จฯ สิกฺขาปทานญฺหิ วิภงฺคปาเฐ ‘‘ปญฺจนฺนํ สิกฺขาปทานํ กติ กุสลา…เป.… กติ อรณา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘กุสลาเยว, สิยา สุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตา’’ติ (วิภ. ๗๑๖) เอวํ ปวตฺตมาเน วิสฺสชฺชเน ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา’’ติ จ ‘‘พหิทฺธารมฺมณา’’ติ จ เอวํ ปจฺจุปฺปนฺนพหิทฺธารมฺมณตฺตํ วุตฺตํ, ตํ อตฺตโน ปาณาติปาตาทิอกุสลํ อารภิตฺวา วิรมนฺตสฺส น ยุชฺชติฯ ยํ ปน วุตฺตํ – ‘‘อญฺญํ จิเนฺตโนฺต อญฺญํ กเรยฺย, ยญฺจ ปชหติ, ตํ น ชาเนยฺยา’’ติฯ ตตฺถ วุจฺจเต – น กิจฺจสาธนวเสน ปวเตฺตโนฺต อญฺญํ จิเนฺตโนฺต อญฺญํ กโรตีติ วา, ยญฺจ ปชหติ, ตํ น ชานาตีติ วา วุจฺจติฯ
Viramatoti ettha āha ‘‘pāṇātipātādīhi viramanto kuto viramatī’’ti? Vuccate – samādānavasena tāva viramanto attano vā paresaṃ vā pāṇātipātādiakusalato viramati. Kimārabhitvā? Yato viramati, tadeva. Sampattavasenāpi viramanto vuttappakārākusalatova. Kimārabhitvā? Pāṇātipātādīnaṃ vuttārammaṇāneva. Keci pana bhaṇanti ‘‘surāmerayamajjasaṅkhāte saṅkhāre ārabhitvā surāmerayamajjapamādaṭṭhānā viramati, sattasaṅkhāresu yaṃ pana avaharitabbaṃ bhañjitabbañca, taṃ ārabhitvā adinnādānā musāvādā ca, satteyevārabhitvā pāṇātipātā abrahmacariyā cā’’ti. Tadaññe ‘‘evaṃ sante ‘aññaṃ cintento aññaṃ kareyya, yañca pajahati, taṃ na jāneyyā’ti evaṃdiṭṭhikā hutvā anicchamānā yadeva pajahati, taṃ attano pāṇātipātādiakusalamevārabhitvā viramatī’’ti vadanti. Tadayuttaṃ. Kasmā? Tassa paccuppannābhāvato bahiddhābhāvato ca. Sikkhāpadānañhi vibhaṅgapāṭhe ‘‘pañcannaṃ sikkhāpadānaṃ kati kusalā…pe… kati araṇā’’ti pucchitvā ‘‘kusalāyeva, siyā sukhāya vedanāya sampayuttā’’ti (vibha. 716) evaṃ pavattamāne vissajjane ‘‘paccuppannārammaṇā’’ti ca ‘‘bahiddhārammaṇā’’ti ca evaṃ paccuppannabahiddhārammaṇattaṃ vuttaṃ, taṃ attano pāṇātipātādiakusalaṃ ārabhitvā viramantassa na yujjati. Yaṃ pana vuttaṃ – ‘‘aññaṃ cintento aññaṃ kareyya, yañca pajahati, taṃ na jāneyyā’’ti. Tattha vuccate – na kiccasādhanavasena pavattento aññaṃ cintento aññaṃ karotīti vā, yañca pajahati, taṃ na jānātīti vā vuccati.
‘‘อารภิตฺวาน อมตํ, ชหโนฺต สพฺพปาปเก;
‘‘Ārabhitvāna amataṃ, jahanto sabbapāpake;
นิทสฺสนเญฺจตฺถ ภเว, มคฺคโฎฺฐริยปุคฺคโล’’ติฯ
Nidassanañcettha bhave, maggaṭṭhoriyapuggalo’’ti.
เอวเมตฺถ วิรมโตปิ วิญฺญาตโพฺพ วินิจฺฉโยฯ
Evamettha viramatopi viññātabbo vinicchayo.
ผลโตติ สเพฺพ เอว เจเต ปาณาติปาตาทโย ทุคฺคติผลนิพฺพตฺตกา โหนฺติ, สุคติยญฺจ อนิฎฺฐากนฺตามนาปวิปากนิพฺพตฺตกา โหนฺติ, สมฺปราเย ทิฎฺฐธเมฺม เอว จ อเวสารชฺชาทิผลนิพฺพตฺตกาฯ อปิจ ‘‘โย สพฺพลหุโส ปาณาติปาตสฺส วิปาโก มนุสฺสภูตสฺส อปฺปายุกสํวตฺตนิโก โหตี’’ติ (อ. นิ. ๘.๔๐) เอวมาทินา นเยเนตฺถ ผลโตปิ วิญฺญาตโพฺพ วินิจฺฉโยฯ
Phalatoti sabbe eva cete pāṇātipātādayo duggatiphalanibbattakā honti, sugatiyañca aniṭṭhākantāmanāpavipākanibbattakā honti, samparāye diṭṭhadhamme eva ca avesārajjādiphalanibbattakā. Apica ‘‘yo sabbalahuso pāṇātipātassa vipāko manussabhūtassa appāyukasaṃvattaniko hotī’’ti (a. ni. 8.40) evamādinā nayenettha phalatopi viññātabbo vinicchayo.
อปิ เจตฺถ ปาณาติปาตาทิเวรมณีนมฺปิ สมุฎฺฐานเวทนามูลกมฺมผลโต วิญฺญาตโพฺพ วินิจฺฉโยฯ ตตฺถายํ วิญฺญาปนา – สพฺพา เอว เจตา เวรมณิโย จตูหิ สมุฎฺฐหนฺติ กายโต, กายจิตฺตโต, วาจาจิตฺตโต, กายวาจาจิตฺตโต จาติฯ สพฺพา เอว จ สุขเวทนาสมฺปยุตฺตา วา, อทุกฺขมสุขเวทนาสมฺปยุตฺตา วา, อโลภาโทสมูลา วา อโลภาโทสาโมหมูลา วาฯ จตโสฺสปิ เจตฺถ กายกมฺมํ, มุสาวาทาเวรมณี วจีกมฺมํ, มคฺคกฺขเณ จ จิตฺตโตว สมุฎฺฐหนฺติ, สพฺพาปิ มโนกมฺมํฯ
Api cettha pāṇātipātādiveramaṇīnampi samuṭṭhānavedanāmūlakammaphalato viññātabbo vinicchayo. Tatthāyaṃ viññāpanā – sabbā eva cetā veramaṇiyo catūhi samuṭṭhahanti kāyato, kāyacittato, vācācittato, kāyavācācittato cāti. Sabbā eva ca sukhavedanāsampayuttā vā, adukkhamasukhavedanāsampayuttā vā, alobhādosamūlā vā alobhādosāmohamūlā vā. Catassopi cettha kāyakammaṃ, musāvādāveramaṇī vacīkammaṃ, maggakkhaṇe ca cittatova samuṭṭhahanti, sabbāpi manokammaṃ.
ปาณาติปาตา เวรมณิยา เจตฺถ องฺคปจฺจงฺคสมฺปนฺนตา อาโรหปริณาหสมฺปตฺติตา ชวสมฺปตฺติตา สุปฺปติฎฺฐิตปาทตา จารุตา มุทุตา สุจิตา สูรตา มหพฺพลตา วิสฺสตฺถวจนตา โลกปิยตา เนลตา อเภชฺชปริสตา อจฺฉมฺภิตา ทุปฺปธํสิตา ปรูปกฺกเมน อมรณตา อนนฺตปริวารตา สุรูปตา สุสณฺฐานตา อปฺปาพาธตา อโสกิตา ปิเยหิ มนาเปหิ สทฺธิํ อวิปฺปโยคตา ทีฆายุกตาติ เอวมาทีนิ ผลานิฯ
Pāṇātipātā veramaṇiyā cettha aṅgapaccaṅgasampannatā ārohapariṇāhasampattitā javasampattitā suppatiṭṭhitapādatā cārutā mudutā sucitā sūratā mahabbalatā vissatthavacanatā lokapiyatā nelatā abhejjaparisatā acchambhitā duppadhaṃsitā parūpakkamena amaraṇatā anantaparivāratā surūpatā susaṇṭhānatā appābādhatā asokitā piyehi manāpehi saddhiṃ avippayogatā dīghāyukatāti evamādīni phalāni.
อทินฺนาทานา เวรมณิยา มหทฺธนตา ปหูตธนธญฺญตา อนนฺตโภคตา อนุปฺปนฺนโภคุปฺปตฺติตา อุปฺปนฺนโภคถาวรตา อิจฺฉิตานํ โภคานํ ขิปฺปปฺปฎิลาภิตา ราชโจรุทกคฺคิอปฺปิยทายาเทหิ อสาธารณโภคตา อสาธารณธนปฺปฎิลาภิตา โลกุตฺตมตา นตฺถิกภาวสฺส อชานนตา สุขวิหาริตาติ เอวมาทีนิฯ
Adinnādānā veramaṇiyā mahaddhanatā pahūtadhanadhaññatā anantabhogatā anuppannabhoguppattitā uppannabhogathāvaratā icchitānaṃ bhogānaṃ khippappaṭilābhitā rājacorudakaggiappiyadāyādehi asādhāraṇabhogatā asādhāraṇadhanappaṭilābhitā lokuttamatā natthikabhāvassa ajānanatā sukhavihāritāti evamādīni.
อพฺรหฺมจริยา เวรมณิยา วิคตปจฺจตฺถิกตา สพฺพชนปิยตา อนฺนปานวตฺถสยนาทีนํ ลาภิตา สุขสยนตา สุขปฺปฎิพุชฺฌนตา อปายภยวินิมุตฺตตา อิตฺถิภาวปฺปฎิลาภสฺส วา นปุํสกภาวปฺปฎิลาภสฺส วา อภพฺพตา อโกฺกธนตา ปจฺจกฺขการิตา อปติตกฺขนฺธตา อนโธมุขตา อิตฺถิปุริสานํ อญฺญมญฺญปิยตา ปริปุณฺณินฺทฺริยตา ปริปุณฺณลกฺขณตา นิราสงฺกตา อโปฺปสฺสุกฺกตา สุขวิหาริตา อกุโตภยตา ปิยวิปฺปโยคาภาวตาติ เอวมาทีนิฯ
Abrahmacariyā veramaṇiyā vigatapaccatthikatā sabbajanapiyatā annapānavatthasayanādīnaṃ lābhitā sukhasayanatā sukhappaṭibujjhanatā apāyabhayavinimuttatā itthibhāvappaṭilābhassa vā napuṃsakabhāvappaṭilābhassa vā abhabbatā akkodhanatā paccakkhakāritā apatitakkhandhatā anadhomukhatā itthipurisānaṃ aññamaññapiyatā paripuṇṇindriyatā paripuṇṇalakkhaṇatā nirāsaṅkatā appossukkatā sukhavihāritā akutobhayatā piyavippayogābhāvatāti evamādīni.
มุสาวาทา เวรมณิยา วิปฺปสนฺนินฺทฺริยตา วิสฺสฎฺฐมธุรภาณิตา สมสิตสุทฺธทนฺตตา นาติถูลตา นาติกิสตา นาติรสฺสตา นาติทีฆตา สุขสมฺผสฺสตา อุปฺปลคนฺธมุขตา สุสฺสูสกปริชนตา อาเทยฺยวจนตา กมลุปฺปลสทิสมุทุโลหิตตนุชิวฺหตา อนุทฺธตตา อจปลตาติ เอวมาทีนิฯ
Musāvādā veramaṇiyā vippasannindriyatā vissaṭṭhamadhurabhāṇitā samasitasuddhadantatā nātithūlatā nātikisatā nātirassatā nātidīghatā sukhasamphassatā uppalagandhamukhatā sussūsakaparijanatā ādeyyavacanatā kamaluppalasadisamudulohitatanujivhatā anuddhatatā acapalatāti evamādīni.
สุราเมรยมชฺชปมาทฎฺฐานา เวรมณิยา อตีตานาคตปจฺจุปฺปเนฺนสุ สพฺพกิจฺจกรณีเยสุ ขิปฺปํ ปฎิชานนตา สทา อุปฎฺฐิตสติตา อนุมฺมตฺตกตา ญาณวนฺตตา อนลสตา อชฬตา อเนลมูคตา อมตฺตตา อปฺปมตฺตตา อสโมฺมหตา อจฺฉมฺภิตา อสารมฺภิตา อนุสฺสงฺกิตา สจฺจวาทิตา อปิสุณาผรุสาสมฺผปลาปวาทิตา รตฺตินฺทิวมตนฺทิตตา กตญฺญุตา กตเวทิตา อมจฺฉริตา จาควนฺตตา สีลวนฺตตา อุชุตา อโกฺกธนตา หิริมนตา โอตฺตปฺปิตา อุชุทิฎฺฐิกตา มหาปญฺญตา เมธาวิตา ปณฺฑิตตา อตฺถานตฺถกุสลตาติ เอวมาทีนิ ผลานิฯ เอวเมตฺถ ปาณาติปาตาทิเวรมณีนํ สมุฎฺฐานเวทนามูลกมฺมผลโตปิ วิญฺญาตโพฺพ วินิจฺฉโยฯ
Surāmerayamajjapamādaṭṭhānā veramaṇiyā atītānāgatapaccuppannesu sabbakiccakaraṇīyesu khippaṃ paṭijānanatā sadā upaṭṭhitasatitā anummattakatā ñāṇavantatā analasatā ajaḷatā anelamūgatā amattatā appamattatā asammohatā acchambhitā asārambhitā anussaṅkitā saccavāditā apisuṇāpharusāsamphapalāpavāditā rattindivamatanditatā kataññutā kataveditā amaccharitā cāgavantatā sīlavantatā ujutā akkodhanatā hirimanatā ottappitā ujudiṭṭhikatā mahāpaññatā medhāvitā paṇḍitatā atthānatthakusalatāti evamādīni phalāni. Evamettha pāṇātipātādiveramaṇīnaṃ samuṭṭhānavedanāmūlakammaphalatopi viññātabbo vinicchayo.
ปจฺฉิมปญฺจสิกฺขาปทวณฺณนา
Pacchimapañcasikkhāpadavaṇṇanā
อิทานิ ยํ วุตฺตํ –
Idāni yaṃ vuttaṃ –
‘‘โยเชตพฺพํ ตโต ยุตฺตํ, ปจฺฉิเมสฺวปิ ปญฺจสุ;
‘‘Yojetabbaṃ tato yuttaṃ, pacchimesvapi pañcasu;
อาเวณิกญฺจ วตฺตพฺพํ, เญยฺยา หีนาทิตาปิ จา’’ติฯ
Āveṇikañca vattabbaṃ, ñeyyā hīnāditāpi cā’’ti.
ตสฺสายํ อตฺถวณฺณนา – เอติสฺสา ปุริมปญฺจสิกฺขาปทวณฺณนาย ยํ ยุชฺชติ, ตํ ตโต คเหตฺวา ปจฺฉิเมสฺวปิ ปญฺจสุ สิกฺขาปเทสุ โยเชตพฺพํฯ ตตฺถายํ โยชนา – ยเถว หิ ปุริมสิกฺขาปเทสุ อารมฺมณโต จ สุราเมรยมชฺชปมาทฎฺฐานํ รูปายตนาทิอญฺญตรสงฺขารารมฺมณํ, ตถา อิธ วิกาลโภชนํฯ เอเตน นเยน สเพฺพสํ อารมฺมณเภโท เวทิตโพฺพฯ อาทานโต จ ยถา ปุริมานิ สามเณเรน วา อุปาสเกน วา สมาทิยเนฺตน สมาทินฺนานิ โหนฺติ, ตถา เอตานิปิฯ องฺคโตปิ ยถา ตตฺถ ปาณาติปาตาทีนํ องฺคเภโท วุโตฺต, เอวมิธาปิ วิกาลโภชนสฺส จตฺตาริ องฺคานิ – วิกาโล, ยาวกาลิกํ, อโชฺฌหรณํ, อนุมฺมตฺตกตาติฯ เอเตนานุสาเรน เสสานมฺปิ องฺควิภาโค เวทิตโพฺพฯ ยถา จ ตตฺถ สมุฎฺฐานโต สุราเมรยมชฺชปมาทฎฺฐานํ กายโต จ กายจิตฺตโต จาติ ทฺวิสมุฎฺฐานํ, เอวมิธ วิกาลโภชนํฯ เอเตน นเยน สเพฺพสํ สมุฎฺฐานํ เวทิตพฺพํฯ ยถา จ ตตฺถ เวทนาโต อทินฺนาทานํ ตีสุ เวทนาสุ อญฺญตรเวทนาสมฺปยุตฺตํ, ตถา อิธ วิกาลโภชนํฯ เอเตน นเยน สเพฺพสํ เวทนาสมฺปโยโค เวทิตโพฺพฯ ยถา จ ตตฺถ อพฺรหฺมจริยํ โลภโมหมูลํ, เอวมิธ วิกาลโภชนํฯ อปรานิ จ เทฺว เอเตน นเยน สเพฺพสํ มูลเภโท เวทิตโพฺพฯ ยถา จ ตตฺถ ปาณาติปาตาทโย กายกมฺมํ, เอวมิธาปิ วิกาลโภชนาทีนิฯ ชาตรูปรชตปฺปฎิคฺคหณํ ปน กายกมฺมํ วา สิยา วจีกมฺมํ วา กายทฺวาราทีหิ ปวตฺติสพฺภาวปริยาเยน, น กมฺมปถวเสนฯ วิรมโตติ ยถา จ ตตฺถ วิรมโนฺต อตฺตโน วา ปเรสํ วา ปาณาติปาตาทิอกุสลโต วิรมติ, เอวมิธาปิ วิกาลโภชนาทิอกุสลโต, กุสลโตปิ วา เอกโตฯ ยถา จ ปุริมา ปญฺจ เวรมณิโย จตุสมุฎฺฐานา กายโต, กายจิตฺตโต, วาจาจิตฺตโต, กายวาจาจิตฺตโต จาติ, สพฺพา สุขเวทนาสมฺปยุตฺตา วา อทุกฺขมสุขเวทนาสมฺปยุตฺตา วา, อโลภาโทสมูลา วา อโลภาโทสาโมหมูลา วา, สพฺพา จ นานปฺปการอิฎฺฐผลนิพฺพตฺตกา, ตถา อิธาปีติฯ
Tassāyaṃ atthavaṇṇanā – etissā purimapañcasikkhāpadavaṇṇanāya yaṃ yujjati, taṃ tato gahetvā pacchimesvapi pañcasu sikkhāpadesu yojetabbaṃ. Tatthāyaṃ yojanā – yatheva hi purimasikkhāpadesu ārammaṇato ca surāmerayamajjapamādaṭṭhānaṃ rūpāyatanādiaññatarasaṅkhārārammaṇaṃ, tathā idha vikālabhojanaṃ. Etena nayena sabbesaṃ ārammaṇabhedo veditabbo. Ādānato ca yathā purimāni sāmaṇerena vā upāsakena vā samādiyantena samādinnāni honti, tathā etānipi. Aṅgatopi yathā tattha pāṇātipātādīnaṃ aṅgabhedo vutto, evamidhāpi vikālabhojanassa cattāri aṅgāni – vikālo, yāvakālikaṃ, ajjhoharaṇaṃ, anummattakatāti. Etenānusārena sesānampi aṅgavibhāgo veditabbo. Yathā ca tattha samuṭṭhānato surāmerayamajjapamādaṭṭhānaṃ kāyato ca kāyacittato cāti dvisamuṭṭhānaṃ, evamidha vikālabhojanaṃ. Etena nayena sabbesaṃ samuṭṭhānaṃ veditabbaṃ. Yathā ca tattha vedanāto adinnādānaṃ tīsu vedanāsu aññataravedanāsampayuttaṃ, tathā idha vikālabhojanaṃ. Etena nayena sabbesaṃ vedanāsampayogo veditabbo. Yathā ca tattha abrahmacariyaṃ lobhamohamūlaṃ, evamidha vikālabhojanaṃ. Aparāni ca dve etena nayena sabbesaṃ mūlabhedo veditabbo. Yathā ca tattha pāṇātipātādayo kāyakammaṃ, evamidhāpi vikālabhojanādīni. Jātarūparajatappaṭiggahaṇaṃ pana kāyakammaṃ vā siyā vacīkammaṃ vā kāyadvārādīhi pavattisabbhāvapariyāyena, na kammapathavasena. Viramatoti yathā ca tattha viramanto attano vā paresaṃ vā pāṇātipātādiakusalato viramati, evamidhāpi vikālabhojanādiakusalato, kusalatopi vā ekato. Yathā ca purimā pañca veramaṇiyo catusamuṭṭhānā kāyato, kāyacittato, vācācittato, kāyavācācittato cāti, sabbā sukhavedanāsampayuttā vā adukkhamasukhavedanāsampayuttā vā, alobhādosamūlā vā alobhādosāmohamūlā vā, sabbā ca nānappakāraiṭṭhaphalanibbattakā, tathā idhāpīti.
‘‘โยเชตพฺพํ ตโต ยุตฺตํ, ปจฺฉิเมสฺวปิ ปญฺจสุ;
‘‘Yojetabbaṃ tato yuttaṃ, pacchimesvapi pañcasu;
อาเวณิกญฺจ วตฺตพฺพํ, เญยฺยา หีนาทิตาปิ จา’’ติฯ –
Āveṇikañca vattabbaṃ, ñeyyā hīnāditāpi cā’’ti. –
เอตฺถ ปน วิกาลโภชนนฺติ มชฺฌนฺหิกวีติกฺกเม โภชนํฯ เอตญฺหิ อนุญฺญาตกาเล วีติกฺกเนฺต โภชนํ, ตสฺมา ‘‘วิกาลโภชน’’นฺติ วุจฺจติ , ตโต วิกาลโภชนาฯ นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนนฺติ เอตฺถ นจฺจํ นาม ยํกิญฺจิ นจฺจํ, คีตนฺติ ยํกิญฺจิ คีตํ, วาทิตนฺติ ยํกิญฺจิ วาทิตํฯ วิสูกทสฺสนนฺติ กิเลสุปฺปตฺติปจฺจยโต กุสลปกฺขภินฺทเนน วิสูกานํ ทสฺสนํ, วิสูกภูตํ วา ทสฺสนํ วิสูกทสฺสนํฯ นจฺจา จ คีตา จ วาทิตา จ วิสูกทสฺสนา จ นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนาฯ วิสูกทสฺสนเญฺจตฺถ พฺรหฺมชาเล วุตฺตนเยเนว คเหตพฺพํฯ วุตฺตญฺหิ ตตฺถ –
Ettha pana vikālabhojananti majjhanhikavītikkame bhojanaṃ. Etañhi anuññātakāle vītikkante bhojanaṃ, tasmā ‘‘vikālabhojana’’nti vuccati , tato vikālabhojanā. Naccagītavāditavisūkadassananti ettha naccaṃ nāma yaṃkiñci naccaṃ, gītanti yaṃkiñci gītaṃ, vāditanti yaṃkiñci vāditaṃ. Visūkadassananti kilesuppattipaccayato kusalapakkhabhindanena visūkānaṃ dassanaṃ, visūkabhūtaṃ vā dassanaṃ visūkadassanaṃ. Naccā ca gītā ca vāditā ca visūkadassanā ca naccagītavāditavisūkadassanā. Visūkadassanañcettha brahmajāle vuttanayeneva gahetabbaṃ. Vuttañhi tattha –
‘‘ยถา วา ปเนเก โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา สทฺธาเทยฺยานิ โภชนานิ ภุญฺชิตฺวา เต เอวรูปํ วิสูกทสฺสนมนุยุตฺตา วิหรนฺติ, เสยฺยถิทํ, นจฺจํ คีตํ วาทิตํ เปกฺขํ อกฺขานํ ปาณิสฺสรํ เวตาลํ กุมฺภถูณํ โสภนกํ จณฺฑาลํ วํสํ โธวนํ หตฺถิยุทฺธํ อสฺสยุทฺธํ มหิํสยุทฺธํ อุสภยุทฺธํ อชยุทฺธํ เมณฺฑยุทฺธํ กุกฺกุฎยุทฺธํ วฎฺฎกยุทฺธํ ทณฺฑยุทฺธํ มุฎฺฐิยุทฺธํ นิพฺพุทฺธํ อุโยฺยธิกํ พลคฺคํ เสนาพฺยูหํ อนีกทสฺสนํ อิติ วา, อิติ เอวรูปา วิสูกทสฺสนา ปฎิวิรโต สมโณ โคตโม’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๒)ฯ
‘‘Yathā vā paneke bhonto samaṇabrāhmaṇā saddhādeyyāni bhojanāni bhuñjitvā te evarūpaṃ visūkadassanamanuyuttā viharanti, seyyathidaṃ, naccaṃ gītaṃ vāditaṃ pekkhaṃ akkhānaṃ pāṇissaraṃ vetālaṃ kumbhathūṇaṃ sobhanakaṃ caṇḍālaṃ vaṃsaṃ dhovanaṃ hatthiyuddhaṃ assayuddhaṃ mahiṃsayuddhaṃ usabhayuddhaṃ ajayuddhaṃ meṇḍayuddhaṃ kukkuṭayuddhaṃ vaṭṭakayuddhaṃ daṇḍayuddhaṃ muṭṭhiyuddhaṃ nibbuddhaṃ uyyodhikaṃ balaggaṃ senābyūhaṃ anīkadassanaṃ iti vā, iti evarūpā visūkadassanā paṭivirato samaṇo gotamo’’ti (dī. ni. 1.12).
อถ วา ยถาวุเตฺตนเตฺถน นจฺจคีตวาทิตานิ เอว วิสูกานิ นจฺจคีตวาทิตวิสูกานิ, เตสํ ทสฺสนํ นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนํ, ตสฺมา นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนาฯ ‘‘ทสฺสนสวนา’’ติ วตฺตเพฺพ ยถา ‘‘โส จ โหติ มิจฺฉาทิฎฺฐิโก วิปรีตทสฺสโน’’ติ เอวมาทีสุ (อ. นิ. ๑.๓๐๘) อจกฺขุทฺวารปฺปวตฺตมฺปิ วิสยคฺคหณํ ‘‘ทสฺสน’’นฺติ วุจฺจติ, เอวํ สวนมฺปิ ‘‘ทสฺสน’’เนฺตฺวว วุตฺตํฯ ทสฺสนกมฺยตาย อุปสงฺกมิตฺวา ปสฺสโต เอว เจตฺถ วีติกฺกโม โหติฯ ฐิตนิสินฺนสยโนกาเส ปน อาคตํ คจฺฉนฺตสฺส วา อาปาถคตํ ปสฺสโต สิยา สํกิเลโส, น วีติกฺกโมฯ ธมฺมูปสํหิตมฺปิ เจตฺถ คีตํ น วฎฺฎติ, คีตูปสํหิโต ปน ธโมฺม วฎฺฎตีติ เวทิตโพฺพฯ
Atha vā yathāvuttenatthena naccagītavāditāni eva visūkāni naccagītavāditavisūkāni, tesaṃ dassanaṃ naccagītavāditavisūkadassanaṃ, tasmā naccagītavāditavisūkadassanā. ‘‘Dassanasavanā’’ti vattabbe yathā ‘‘so ca hoti micchādiṭṭhiko viparītadassano’’ti evamādīsu (a. ni. 1.308) acakkhudvārappavattampi visayaggahaṇaṃ ‘‘dassana’’nti vuccati, evaṃ savanampi ‘‘dassana’’ntveva vuttaṃ. Dassanakamyatāya upasaṅkamitvā passato eva cettha vītikkamo hoti. Ṭhitanisinnasayanokāse pana āgataṃ gacchantassa vā āpāthagataṃ passato siyā saṃkileso, na vītikkamo. Dhammūpasaṃhitampi cettha gītaṃ na vaṭṭati, gītūpasaṃhito pana dhammo vaṭṭatīti veditabbo.
มาลาทีนิ ธารณาทีหิ ยถาสงฺขฺยํ โยเชตพฺพานิฯ ตตฺถ มาลาติ ยํกิญฺจิ ปุปฺผชาตํฯ วิเลปนนฺติ ยํกิญฺจิ วิเลปนตฺถํ ปิสิตฺวา ปฎิยตฺตํฯ อวเสสํ สพฺพมฺปิ วาสจุณฺณธูปนาทิกํ คนฺธชาตํ คโนฺธฯ ตํ สพฺพมฺปิ มณฺฑนวิภูสนตฺถํ น วฎฺฎติ, เภสชฺชตฺถนฺตุ วฎฺฎติ, ปูชนตฺถญฺจ อภิหฎํ สาทิยโต น เกนจิ ปริยาเยน น วฎฺฎติฯ อุจฺจาสยนนฺติ ปมาณาติกฺกนฺตํ วุจฺจติฯ มหาสยนนฺติ อกปฺปิยสยนํ อกปฺปิยตฺถรณญฺจฯ ตทุภยมฺปิ สาทิยโต น เกนจิ ปริยาเยน วฎฺฎติฯ ชาตรูปนฺติ สุวณฺณํฯ รชตนฺติ กหาปโณ, โลหมาสกทารุมาสกชตุมาสกาทิ ยํ ยํ ตตฺถ ตตฺถ โวหารํ คจฺฉติ, ตทุภยมฺปิ ชาตรูปรชตํฯ ตสฺส เยน เกนจิ ปกาเรน สาทิยนํ ปฎิคฺคโห นาม, โส น เยน เกนจิ ปริยาเยน วฎฺฎตีติ เอวํ อาเวณิกํ วตฺตพฺพํฯ
Mālādīni dhāraṇādīhi yathāsaṅkhyaṃ yojetabbāni. Tattha mālāti yaṃkiñci pupphajātaṃ. Vilepananti yaṃkiñci vilepanatthaṃ pisitvā paṭiyattaṃ. Avasesaṃ sabbampi vāsacuṇṇadhūpanādikaṃ gandhajātaṃ gandho. Taṃ sabbampi maṇḍanavibhūsanatthaṃ na vaṭṭati, bhesajjatthantu vaṭṭati, pūjanatthañca abhihaṭaṃ sādiyato na kenaci pariyāyena na vaṭṭati. Uccāsayananti pamāṇātikkantaṃ vuccati. Mahāsayananti akappiyasayanaṃ akappiyattharaṇañca. Tadubhayampi sādiyato na kenaci pariyāyena vaṭṭati. Jātarūpanti suvaṇṇaṃ. Rajatanti kahāpaṇo, lohamāsakadārumāsakajatumāsakādi yaṃ yaṃ tattha tattha vohāraṃ gacchati, tadubhayampi jātarūparajataṃ. Tassa yena kenaci pakārena sādiyanaṃ paṭiggaho nāma, so na yena kenaci pariyāyena vaṭṭatīti evaṃ āveṇikaṃ vattabbaṃ.
ทสปิ เจตานิ สิกฺขาปทานิ หีเนน ฉเนฺทน จิตฺตวีริยวีมํสาหิ วา สมาทินฺนานิ หีนานิ, มชฺฌิเมหิ มชฺฌิมานิ, ปณีเตหิ ปณีตานิฯ ตณฺหาทิฎฺฐิมาเนหิ วา อุปกฺกิลิฎฺฐานิ หีนานิ, อนุปกฺกิลิฎฺฐานิ มชฺฌิมานิ, ตตฺถ ตตฺถ ปญฺญาย อนุคฺคหิตานิ ปณีตานิฯ ญาณวิปฺปยุเตฺตน วา กุสลจิเตฺตน สมาทินฺนานิ หีนานิ, สสงฺขาริกญาณสมฺปยุเตฺตน มชฺฌิมานิ, อสงฺขาริเกน ปณีตานีติ เอวํ เญยฺยา หีนาทิตาปิ จาติฯ
Dasapi cetāni sikkhāpadāni hīnena chandena cittavīriyavīmaṃsāhi vā samādinnāni hīnāni, majjhimehi majjhimāni, paṇītehi paṇītāni. Taṇhādiṭṭhimānehi vā upakkiliṭṭhāni hīnāni, anupakkiliṭṭhāni majjhimāni, tattha tattha paññāya anuggahitāni paṇītāni. Ñāṇavippayuttena vā kusalacittena samādinnāni hīnāni, sasaṅkhārikañāṇasampayuttena majjhimāni, asaṅkhārikena paṇītānīti evaṃ ñeyyā hīnāditāpi cāti.
เอตฺตาวตา จ ยา ปุเพฺพ ‘‘เยน ยตฺถ ยทา ยสฺมา’’ติอาทีหิ ฉหิ คาถาหิ สิกฺขาปทปาฐสฺส วณฺณนตฺถํ มาติกา นิกฺขิตฺตา, สา อตฺถโต ปกาสิตา โหตีติฯ
Ettāvatā ca yā pubbe ‘‘yena yattha yadā yasmā’’tiādīhi chahi gāthāhi sikkhāpadapāṭhassa vaṇṇanatthaṃ mātikā nikkhittā, sā atthato pakāsitā hotīti.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทกปาฐ-อฎฺฐกถาย
Paramatthajotikāya khuddakapāṭha-aṭṭhakathāya
สิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ขุทฺทกปาฐปาฬิ • Khuddakapāṭhapāḷi / ๒. ทสสิกฺขาปทํ • 2. Dasasikkhāpadaṃ