Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปฎิสมฺภิทามคฺค-อฎฺฐกถา • Paṭisambhidāmagga-aṭṭhakathā |
๒. สีลมยญาณนิเทฺทสวณฺณนา
2. Sīlamayañāṇaniddesavaṇṇanā
๓๗. สีลมยญาณนิเทฺทเส ปญฺจาติ คณนปริเจฺฉโทฯ สีลานีติ ปริจฺฉินฺนธมฺมนิทสฺสนํฯ ปริยนฺตปาริสุทฺธิสีลนฺติอาทิ ปญฺจนฺนํ สรูปโต ทสฺสนํฯ ปริยนฺตปาริสุทฺธีติอาทีสุ ยถา นีลวณฺณโยคโต วตฺถมฺปิ นีลมสฺส อตฺถีติ นีลนฺติ วุจฺจติ, เอวํ คณนวเสน ปริยโนฺต ปริเจฺฉโท อสฺสา อตฺถีติ ปริยนฺตา, อุปสมฺปนฺนสีเล ปโตฺต อนุปสมฺปนฺนสีลสฺส อวสานสพฺภาวโต วา ปริยโนฺต อวสานํ อสฺสา อตฺถีติ ปริยนฺตาฯ สปริยนฺตาติ วา วตฺตเพฺพ สการโลโป กโตติ เวทิตโพฺพ ‘‘ทกํ ทกาสยา ปวิสนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๗๘; อ. นิ. ๔.๓๓) เอตฺถ อุการโลโป วิยฯ ปริสุทฺธภาโว ปาริสุทฺธิ, ปริยนฺตา จ สา ปาริสุทฺธิ จาติ ปริยนฺตปาริสุทฺธิ, ปริยนฺตปาริสุทฺธิสงฺขาตํ สีลํ ปริยนฺตปาริสุทฺธิสีลํฯ วุตฺตปฎิปเกฺขน น ปริยนฺตาติ อปริยนฺตา, นตฺถิ เอติสฺสา ปริยโนฺตติปิ อปริยนฺตา, วุโทฺธ เอติสฺสา ปริยโนฺตติปิ อปริยนฺตาฯ สมาทานโต ปภุติ อขณฺฑิตตฺตา ขณฺฑิตาปิ กตปฎิกมฺมตฺตา จิตฺตุปฺปาทมตฺตเกนาปิ มเลน วิรหิตตฺตา จ ปริสุทฺธชาติมณิ วิย สุธนฺตสุปริกมฺมกตสุวณฺณํ วิย จ ปริสุทฺธตฺตา อริยมคฺคสฺส ปทฎฺฐานภูตา อนูนเฎฺฐน ปริปูณฺณาฯ ทิฎฺฐิยา ปหีนตฺตา ทิฎฺฐิปรามาเสน อคฺคหิตตฺตา อปรามฎฺฐาฯอยํ เต สีเล โทโสติ เกนจิ โจทเกน ปรามสิตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา วา อปรามฎฺฐาฯ อรหตฺตผลกฺขเณ สพฺพทรถปฎิปฺปสฺสทฺธิยา ปฎิปฺปสฺสทฺธิฯ อนุปสมฺปนฺนานนฺติ อนวเสสสมาทานวเสน สีลสมฺปทาย ภุสํ สมฺปนฺนาติ อุปสมฺปนฺนา, น อุปสมฺปนฺนา อนุปสมฺปนฺนาฯ เตสํ อนุปสมฺปนฺนานํฯ
37. Sīlamayañāṇaniddese pañcāti gaṇanaparicchedo. Sīlānīti paricchinnadhammanidassanaṃ. Pariyantapārisuddhisīlantiādi pañcannaṃ sarūpato dassanaṃ. Pariyantapārisuddhītiādīsu yathā nīlavaṇṇayogato vatthampi nīlamassa atthīti nīlanti vuccati, evaṃ gaṇanavasena pariyanto paricchedo assā atthīti pariyantā, upasampannasīle patto anupasampannasīlassa avasānasabbhāvato vā pariyanto avasānaṃ assā atthīti pariyantā. Sapariyantāti vā vattabbe sakāralopo katoti veditabbo ‘‘dakaṃ dakāsayā pavisantī’’ti (saṃ. ni. 3.78; a. ni. 4.33) ettha ukāralopo viya. Parisuddhabhāvo pārisuddhi, pariyantā ca sā pārisuddhi cāti pariyantapārisuddhi, pariyantapārisuddhisaṅkhātaṃ sīlaṃ pariyantapārisuddhisīlaṃ. Vuttapaṭipakkhena na pariyantāti apariyantā, natthi etissā pariyantotipi apariyantā, vuddho etissā pariyantotipi apariyantā. Samādānato pabhuti akhaṇḍitattā khaṇḍitāpi katapaṭikammattā cittuppādamattakenāpi malena virahitattā ca parisuddhajātimaṇi viya sudhantasuparikammakatasuvaṇṇaṃ viya ca parisuddhattā ariyamaggassa padaṭṭhānabhūtā anūnaṭṭhena paripūṇṇā. Diṭṭhiyā pahīnattā diṭṭhiparāmāsena aggahitattā aparāmaṭṭhā.Ayaṃ te sīle dosoti kenaci codakena parāmasituṃ asakkuṇeyyattā vā aparāmaṭṭhā. Arahattaphalakkhaṇe sabbadarathapaṭippassaddhiyā paṭippassaddhi. Anupasampannānanti anavasesasamādānavasena sīlasampadāya bhusaṃ sampannāti upasampannā, na upasampannā anupasampannā. Tesaṃ anupasampannānaṃ.
ปริยนฺตสิกฺขาปทานนฺติ เอตฺถ สิกฺขิตพฺพเฎฺฐน สิกฺขา, โกฎฺฐาสเฎฺฐน ปทานิ, สิกฺขิตพฺพโกฎฺฐาสานีติ อโตฺถฯ อปิจ สีเล ปติฎฺฐิเตน อุปริปตฺตพฺพตฺตา สเพฺพ กุสลา ธมฺมา สิกฺขา, สีลานิ ตาสํ สิกฺขานํ ปติฎฺฐเฎฺฐน ปทานีติ สิกฺขานํ ปทตฺตา สิกฺขาปทานิ , ปริยนฺตานิ สิกฺขาปทานิ เอเตสนฺติ ปริยนฺตสิกฺขาปทาฯ เตสํ ปริยนฺตสิกฺขาปทานํฯ เอตฺถ จ เทฺว ปริยนฺตา สิกฺขาปทปริยโนฺต จ กาลปริยโนฺต จฯ กตโม สิกฺขาปทปริยโนฺต? อุปาสโกปาสิกานํ ยถาสมาทานวเสน เอกํ วา เทฺว วา ตีณิ วา จตฺตาริ วา ปญฺจ วา อฎฺฐ วา ทส วา สิกฺขาปทานิ โหนฺติ, สิกฺขมานสามเณรสามเณรีนํ ทส สิกฺขาปทานิฯ อยํ สิกฺขาปทปริยโนฺตฯ กตโม กาลปริยโนฺต? อุปาสโกปาสิกา ทานํ ททมานา ปริเวสนปริยนฺตํ สีลํ สมาทิยนฺติ, วิหารคตา วิหารปริยนฺตํ สีลํ สมาทิยนฺติ, เอกํ วา เทฺว วา ตโย วา ภิโยฺย วา รตฺตินฺทิวานิ ปริเจฺฉทํ กตฺวา สีลํ สมาทิยนฺติฯ อยํ กาลปริยโนฺตฯ อิเมสุ ทฺวีสุ ปริยเนฺตสุ สิกฺขาปทํ ปริยนฺตํ กตฺวา สมาทินฺนํ สีลํ วีติกฺกมเนน วา มรเณน วา ปฎิปฺปสฺสมฺภติ, กาลํ ปริยนฺตํ กตฺวา สมาทินฺนํ ตํตํกาลาติกฺกเมน ปฎิปฺปสฺสมฺภติฯ
Pariyantasikkhāpadānanti ettha sikkhitabbaṭṭhena sikkhā, koṭṭhāsaṭṭhena padāni, sikkhitabbakoṭṭhāsānīti attho. Apica sīle patiṭṭhitena uparipattabbattā sabbe kusalā dhammā sikkhā, sīlāni tāsaṃ sikkhānaṃ patiṭṭhaṭṭhena padānīti sikkhānaṃ padattā sikkhāpadāni , pariyantāni sikkhāpadāni etesanti pariyantasikkhāpadā. Tesaṃ pariyantasikkhāpadānaṃ. Ettha ca dve pariyantā sikkhāpadapariyanto ca kālapariyanto ca. Katamo sikkhāpadapariyanto? Upāsakopāsikānaṃ yathāsamādānavasena ekaṃ vā dve vā tīṇi vā cattāri vā pañca vā aṭṭha vā dasa vā sikkhāpadāni honti, sikkhamānasāmaṇerasāmaṇerīnaṃ dasa sikkhāpadāni. Ayaṃ sikkhāpadapariyanto. Katamo kālapariyanto? Upāsakopāsikā dānaṃ dadamānā parivesanapariyantaṃ sīlaṃ samādiyanti, vihāragatā vihārapariyantaṃ sīlaṃ samādiyanti, ekaṃ vā dve vā tayo vā bhiyyo vā rattindivāni paricchedaṃ katvā sīlaṃ samādiyanti. Ayaṃ kālapariyanto. Imesu dvīsu pariyantesu sikkhāpadaṃ pariyantaṃ katvā samādinnaṃ sīlaṃ vītikkamanena vā maraṇena vā paṭippassambhati, kālaṃ pariyantaṃ katvā samādinnaṃ taṃtaṃkālātikkamena paṭippassambhati.
อปริยนฺตสิกฺขาปทานนฺติ –
Apariyantasikkhāpadānanti –
‘‘นว โกฎิสหสฺสานิ, อสีติ สตโกฎิโย;
‘‘Nava koṭisahassāni, asīti satakoṭiyo;
ปญฺญาส สตสหสฺสานิ, ฉตฺติํส จ ปุนาปเรฯ
Paññāsa satasahassāni, chattiṃsa ca punāpare.
‘‘เอเต สํวรวินยา, สมฺพุเทฺธน ปกาสิตา;
‘‘Ete saṃvaravinayā, sambuddhena pakāsitā;
เปยฺยาลมุเขน นิทฺทิฎฺฐา, สิกฺขา วินยสํวเร’’ติฯ –
Peyyālamukhena niddiṭṭhā, sikkhā vinayasaṃvare’’ti. –
เอวํ คณนวเสน ปริยนฺตานมฺปิ สิกฺขาปทานํ อนวเสสสมาทานภาววเสน ลาภยสญาติองฺคชีวิตเหตุ อทิฎฺฐปริยนฺตภาววเสน อุปริ รกฺขิตพฺพสีลปริเจฺฉทาภาววเสน จ นตฺถิ เอเตสํ ปริยโนฺตติ อปริยนฺตานิฯ อปริยนฺตานิ สิกฺขาปทานิ เอเตสนฺติ อปริยนฺตสิกฺขาปทาฯ เตสํ อปริยนฺตสิกฺขาปทานํ, วุทฺธปริยนฺตสิกฺขาปทานนฺติ วา อโตฺถฯ
Evaṃ gaṇanavasena pariyantānampi sikkhāpadānaṃ anavasesasamādānabhāvavasena lābhayasañātiaṅgajīvitahetu adiṭṭhapariyantabhāvavasena upari rakkhitabbasīlaparicchedābhāvavasena ca natthi etesaṃ pariyantoti apariyantāni. Apariyantāni sikkhāpadāni etesanti apariyantasikkhāpadā. Tesaṃ apariyantasikkhāpadānaṃ, vuddhapariyantasikkhāpadānanti vā attho.
ปุถุชฺชนกลฺยาณกานนฺติอาทีสุ –
Puthujjanakalyāṇakānantiādīsu –
‘‘ปุถูนํ ชนนาทีหิ, การเณหิ ปุถุชฺชโน;
‘‘Puthūnaṃ jananādīhi, kāraṇehi puthujjano;
ปุถุชฺชนโนฺตคธตฺตา, ปุถุวายํ ชโน อิติ’’ฯ –
Puthujjanantogadhattā, puthuvāyaṃ jano iti’’. –
วุตฺตปุถุชฺชนลกฺขณานติกฺกเมปิ –
Vuttaputhujjanalakkhaṇānatikkamepi –
‘‘ทุเว ปุถุชฺชนา วุตฺตา, พุเทฺธนาทิจฺจพนฺธุนา;
‘‘Duve puthujjanā vuttā, buddhenādiccabandhunā;
อโนฺธ ปุถุชฺชโน เอโก, กลฺยาเณโก ปุถุชฺชโน’’ติฯ –
Andho puthujjano eko, kalyāṇeko puthujjano’’ti. –
วุตฺตปุถุชฺชนทฺวเย กลฺยาณธมฺมสมาคเมน อนฺธปุถุชฺชนภาวํ อติกฺกมฺม กลฺยาณปุถุชฺชนภาเว ฐิตานํ ปุถุชฺชนกลฺยาณกานํ กลฺยาณปุถุชฺชนานนฺติ วุตฺตํ โหติฯ ปุถุชฺชเนสุ วา กลฺยาณกานํ ปุถุชฺชนกลฺยาณกานํฯ
Vuttaputhujjanadvaye kalyāṇadhammasamāgamena andhaputhujjanabhāvaṃ atikkamma kalyāṇaputhujjanabhāve ṭhitānaṃ puthujjanakalyāṇakānaṃ kalyāṇaputhujjanānanti vuttaṃ hoti. Puthujjanesu vā kalyāṇakānaṃ puthujjanakalyāṇakānaṃ.
กุสลธเมฺม ยุตฺตานนฺติ เอตฺถ กุสลสโทฺท ตาว อาโรคฺยานวชฺชเฉกสุขวิปาเกสุ ทิสฺสติฯ อยญฺหิ ‘‘กจฺจิ นุ โภโต กุสลํ, กจฺจิ โภโต อนามย’’นฺติอาทีสุ (ชา. ๑.๑๕.๑๔๖; ๒.๒๐.๑๒๙) อาโรเคฺย ทิสฺสติฯ ‘‘กตโม ปน, ภเนฺต, กายสมาจาโร กุสโล? โย โข, มหาราช, กายสมาจาโร อนวโชฺช’’ติ (ม. นิ. ๒.๓๖๑) จ ‘‘ปุน จปรํ, ภเนฺต, เอตทานุตฺตริยํ ยถา ภควา ธมฺมํ เทเสติ กุสเลสุ ธเมฺมสู’’ติ จ (ที. นิ. ๓.๑๔๕) เอวมาทีสุ อนวเชฺชฯ ‘‘กุสโล ตฺวํ รถสฺส องฺคปจฺจงฺคานํ (ม. นิ. ๒.๘๗), กุสลา นจฺจคีตสฺส สิกฺขิตา จาตุริตฺถิโย’’ติอาทีสุ (ชา. ๒.๒๒.๙๔) เฉเกฯ ‘‘กุสลานํ, ภิกฺขเว, ธมฺมานํ สมาทานเหตุ (ที. นิ. ๓.๘๐)ฯ กุสลสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา อุปจิตตฺตา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๔๓๑) สุขวิปาเกฯ สฺวายมิธ อาโรเคฺยปิ อนวเชฺชปิ สุขวิปาเกปิ วฎฺฎติฯ
Kusaladhamme yuttānanti ettha kusalasaddo tāva ārogyānavajjachekasukhavipākesu dissati. Ayañhi ‘‘kacci nu bhoto kusalaṃ, kacci bhoto anāmaya’’ntiādīsu (jā. 1.15.146; 2.20.129) ārogye dissati. ‘‘Katamo pana, bhante, kāyasamācāro kusalo? Yo kho, mahārāja, kāyasamācāro anavajjo’’ti (ma. ni. 2.361) ca ‘‘puna caparaṃ, bhante, etadānuttariyaṃ yathā bhagavā dhammaṃ deseti kusalesu dhammesū’’ti ca (dī. ni. 3.145) evamādīsu anavajje. ‘‘Kusalo tvaṃ rathassa aṅgapaccaṅgānaṃ (ma. ni. 2.87), kusalā naccagītassa sikkhitā cāturitthiyo’’tiādīsu (jā. 2.22.94) cheke. ‘‘Kusalānaṃ, bhikkhave, dhammānaṃ samādānahetu (dī. ni. 3.80). Kusalassa kammassa katattā upacitattā’’tiādīsu (dha. sa. 431) sukhavipāke. Svāyamidha ārogyepi anavajjepi sukhavipākepi vaṭṭati.
วจนโตฺถ ปเนตฺถ กุจฺฉิเต ปาปเก ธเมฺม สลยนฺติ จลยนฺติ กเมฺปนฺติ วิทฺธํเสนฺตีติ กุสลาฯ กุจฺฉิเตน วา อากาเรน สยนฺติ ปวตฺตนฺตีติ กุสา, เต กุเส ลุนนฺติ ฉินฺทนฺตีติ กุสลาฯ กุจฺฉิตานํ วา สานโต ตนุกรณโต กุสํ ญาณํฯ เตน กุเสน ลาตพฺพา คเหตพฺพา ปวเตฺตตพฺพาติ กุสลา, ยถา วา กุสา อุภยภาคคตํ หตฺถปฺปเทสํ ลุนนฺติ, เอวมิเมปิ อุปฺปนฺนานุปฺปนฺนภาเวน อุภยภาคคตํ สํกิเลสปกฺขํ ลุนนฺติ, ตสฺมา กุสา วิย ลุนนฺตีติ กุสลาฯ อปิจ อาโรคฺยเฎฺฐน อนวชฺชเฎฺฐน โกสลฺลสมฺภูตเฎฺฐน วา กุสลาฯ อิธ ปน ยสฺมา วิปสฺสนากุสลเมว อธิเปฺปตํ, ตสฺมา เสเส วิหาย ตเสฺสว ทสฺสนตฺถํ ‘‘กุสลธเมฺม’’ติ เอกวจนํ กตนฺติ เวทิตพฺพํฯ วิปสฺสนากุสลธเมฺม สาตจฺจกิริยตาย สกฺกจฺจการิตาย จ ยุตฺตานนฺติ อโตฺถฯ
Vacanattho panettha kucchite pāpake dhamme salayanti calayanti kampenti viddhaṃsentīti kusalā. Kucchitena vā ākārena sayanti pavattantīti kusā, te kuse lunanti chindantīti kusalā. Kucchitānaṃ vā sānato tanukaraṇato kusaṃ ñāṇaṃ. Tena kusena lātabbā gahetabbā pavattetabbāti kusalā, yathā vā kusā ubhayabhāgagataṃ hatthappadesaṃ lunanti, evamimepi uppannānuppannabhāvena ubhayabhāgagataṃ saṃkilesapakkhaṃ lunanti, tasmā kusā viya lunantīti kusalā. Apica ārogyaṭṭhena anavajjaṭṭhena kosallasambhūtaṭṭhena vā kusalā. Idha pana yasmā vipassanākusalameva adhippetaṃ, tasmā sese vihāya tasseva dassanatthaṃ ‘‘kusaladhamme’’ti ekavacanaṃ katanti veditabbaṃ. Vipassanākusaladhamme sātaccakiriyatāya sakkaccakāritāya ca yuttānanti attho.
เสกฺขปริยเนฺต ปริปูรการีนนฺติ เอตฺถ ตีสุ สิกฺขาสุ ชาตาติปิ เสกฺขา, สตฺตนฺนํ เสกฺขานํ เอเตติปิ เสกฺขา, สยเมว สิกฺขนฺตีติปิ เสกฺขา ฯ โสตาปตฺติมคฺคผลสกทาคามิมคฺคผลอนาคามิมคฺคผลอรหตฺตมคฺคธมฺมา ฯ เต เสกฺขา ธมฺมา ปริยเนฺต อวสาเน เอตสฺส, เต วา เสกฺขา ธมฺมา ปริยโนฺต ปริเจฺฉโท เอตสฺสาติ เสกฺขปริยโนฺตฯ ตสฺมิํ เสกฺขปริยเนฺต ธเมฺมติ สมฺพโนฺธฯ ปริปูรํ ปริปุณฺณตํ กโรนฺตีติ ปริปูรการิโน, ปริปูรกาโร ปริปูรกิริยา เอเตสํ อตฺถีติ วา ปริปูรการิโนฯ เตสํ โสตาปตฺติมคฺคสฺส ปุพฺพภาคภูเต เสกฺขปริยเนฺต ปฎิปทาธเมฺม วิปสฺสนาปาริปูริยา ปริปูรการีนํฯ กาเย จ ชีวิเต จ อนเปกฺขานนฺติ เอตฺถ กาเยติ สรีเรฯ สรีรญฺหิ อสุจิสญฺจยโต กุจฺฉิตานญฺจ เกสาทีนํ จกฺขุโรคาทีนญฺจ โรคสตานํ อายภูตตฺตา กาโยติ วุจฺจติฯ ชีวิเตติ ชีวิตินฺทฺริเยฯ ตญฺหิ ชีวนฺติ เตนาติ ชีวิตนฺติ วุจฺจติฯ นตฺถิ เอเตสํ อเปกฺขาติ อนเปกฺขา, นิสฺสิเนหาติ อโตฺถฯ เตสํ ตสฺมิํ กาเย จ ชีวิเต จ อนเปกฺขานํฯ
Sekkhapariyante paripūrakārīnanti ettha tīsu sikkhāsu jātātipi sekkhā, sattannaṃ sekkhānaṃ etetipi sekkhā, sayameva sikkhantītipi sekkhā . Sotāpattimaggaphalasakadāgāmimaggaphalaanāgāmimaggaphalaarahattamaggadhammā . Te sekkhā dhammā pariyante avasāne etassa, te vā sekkhā dhammā pariyanto paricchedo etassāti sekkhapariyanto. Tasmiṃ sekkhapariyante dhammeti sambandho. Paripūraṃ paripuṇṇataṃ karontīti paripūrakārino, paripūrakāro paripūrakiriyā etesaṃ atthīti vā paripūrakārino. Tesaṃ sotāpattimaggassa pubbabhāgabhūte sekkhapariyante paṭipadādhamme vipassanāpāripūriyā paripūrakārīnaṃ. Kāye ca jīvite ca anapekkhānanti ettha kāyeti sarīre. Sarīrañhi asucisañcayato kucchitānañca kesādīnaṃ cakkhurogādīnañca rogasatānaṃ āyabhūtattā kāyoti vuccati. Jīviteti jīvitindriye. Tañhi jīvanti tenāti jīvitanti vuccati. Natthi etesaṃ apekkhāti anapekkhā, nissinehāti attho. Tesaṃ tasmiṃ kāye ca jīvite ca anapekkhānaṃ.
อิทานิ เตสํ เตสุ อนเปกฺขตฺตสฺส การณํ ทเสฺสโนฺต ปริจฺจตฺตชีวิตานนฺติ อาหฯ ภควโต อาจริยสฺส วา สกชีวิตปริจฺจาเคเนว หิ เต กิลมมาเนปิ กาเย วินสฺสมาเนปิ ชีวิเต อนเปกฺขา โหนฺตีติฯ สตฺตนฺนํ เสกฺขานนฺติ สิกฺขนฺตีติ เสกฺขาติ ลทฺธนามานํ โสตาปตฺติมคฺคฎฺฐาทีนํ สตฺตนฺนํ อริยปุคฺคลานํฯ ตถาคตสาวกานนฺติ ตถาคตสฺส สาวกานํฯ อฎฺฐปิ หิ อริยปุคฺคลา สวนเนฺต อริยาย ชาติยา ชาตตฺตา ภควโต เทสนํ อนุสิฎฺฐิํ อเวจฺจปฺปสาทโยเคน สกฺกจฺจํ สุณนฺตีติ สาวกาฯ เตสุปิ อรหตฺตผลเฎฺฐเยว วิเสเสตฺวา ทเสฺสโนฺต ขีณาสวานนฺติ อาห, อรหตฺตมคฺคญาเณน ปริกฺขีณสพฺพาสวานนฺติ อโตฺถฯ ปเจฺจกพุทฺธานนฺติ ตํ ตํ การณํ ปฎิจฺจ เอโกว อนาจริยโก จตุสจฺจํ พุชฺฌิตวาติ ปเจฺจกพุโทฺธฯ ตาทิสานํ ปเจฺจกพุทฺธานํฯ
Idāni tesaṃ tesu anapekkhattassa kāraṇaṃ dassento pariccattajīvitānanti āha. Bhagavato ācariyassa vā sakajīvitapariccāgeneva hi te kilamamānepi kāye vinassamānepi jīvite anapekkhā hontīti. Sattannaṃ sekkhānanti sikkhantīti sekkhāti laddhanāmānaṃ sotāpattimaggaṭṭhādīnaṃ sattannaṃ ariyapuggalānaṃ. Tathāgatasāvakānanti tathāgatassa sāvakānaṃ. Aṭṭhapi hi ariyapuggalā savanante ariyāya jātiyā jātattā bhagavato desanaṃ anusiṭṭhiṃ aveccappasādayogena sakkaccaṃ suṇantīti sāvakā. Tesupi arahattaphalaṭṭheyeva visesetvā dassento khīṇāsavānanti āha, arahattamaggañāṇena parikkhīṇasabbāsavānanti attho. Paccekabuddhānanti taṃ taṃ kāraṇaṃ paṭicca ekova anācariyako catusaccaṃ bujjhitavāti paccekabuddho. Tādisānaṃ paccekabuddhānaṃ.
ตถาคตานนฺติ เอตฺถ อฎฺฐหิ การเณหิ ภควา ตถาคโต – ตถา อาคโตติ ตถาคโต, ตถา คโตติ ตถาคโต, ตถลกฺขณํ อาคโตติ ตถาคโต, ตถธเมฺม ยาถาวโต อภิสมฺพุโทฺธติ ตถาคโต, ตถทสฺสิตาย ตถาคโต, ตถวาทิตาย ตถาคโต, ตถา การิตาย ตถาคโต, อภิภวนเฎฺฐน ตถาคโตฯ
Tathāgatānanti ettha aṭṭhahi kāraṇehi bhagavā tathāgato – tathā āgatoti tathāgato, tathā gatoti tathāgato, tathalakkhaṇaṃ āgatoti tathāgato, tathadhamme yāthāvato abhisambuddhoti tathāgato, tathadassitāya tathāgato, tathavāditāya tathāgato, tathā kāritāya tathāgato, abhibhavanaṭṭhena tathāgato.
กถํ ภควา ตถา อาคโตติ ตถาคโต? ยถา สพฺพโลกหิตาย อุสฺสุกฺกมาปนฺนา ปุริมกา สมฺมาสมฺพุทฺธา อาคตาฯ กิํ วุตฺตํ โหติ? เยนาภินีหาเรน ปุริมกา ภควโนฺต อาคตา, เตเนว อมฺหากมฺปิ ภควา อาคโตฯ อถ วา ยถา ปุริมกา ภควโนฺต ทานสีลเนกฺขมฺมปญฺญาวีริยขนฺติสจฺจาธิฎฺฐานเมตฺตุเปกฺขาสงฺขาตา ทส ปารมิโย, ทส อุปปารมิโย, ทส ปรมตฺถปารมิโยติ สมติํส ปารมิโย ปูเรตฺวา องฺคปริจฺจาคํ นยนธนรชฺชปุตฺตทารปริจฺจาคนฺติ อิเม ปญฺจ มหาปริจฺจาเค ปริจฺจชิตฺวา, ปุพฺพโยคปุพฺพจริยธมฺมกฺขานญาตตฺถจริยาทโย ปูเรตฺวา พุทฺธิจริยาย โกฎิํ ปตฺวา อาคตา, ตถา อมฺหากมฺปิ ภควา อาคโตฯ ยถา จ ปุริมกา ภควโนฺต จตฺตาโร สติปฎฺฐาเน จตฺตาโร สมฺมปฺปธาเน จตฺตาโร อิทฺธิปาเท ปญฺจินฺทฺริยานิ ปญฺจ พลานิ สตฺต โพชฺฌเงฺค อริยํ อฎฺฐงฺคิกํ มคฺคํ ภาเวตฺวา พฺรูเหตฺวา อาคตา, ตถา อมฺหากมฺปิ ภควา อาคโตติ ตถาคโตฯ
Kathaṃ bhagavā tathā āgatoti tathāgato? Yathā sabbalokahitāya ussukkamāpannā purimakā sammāsambuddhā āgatā. Kiṃ vuttaṃ hoti? Yenābhinīhārena purimakā bhagavanto āgatā, teneva amhākampi bhagavā āgato. Atha vā yathā purimakā bhagavanto dānasīlanekkhammapaññāvīriyakhantisaccādhiṭṭhānamettupekkhāsaṅkhātā dasa pāramiyo, dasa upapāramiyo, dasa paramatthapāramiyoti samatiṃsa pāramiyo pūretvā aṅgapariccāgaṃ nayanadhanarajjaputtadārapariccāganti ime pañca mahāpariccāge pariccajitvā, pubbayogapubbacariyadhammakkhānañātatthacariyādayo pūretvā buddhicariyāya koṭiṃ patvā āgatā, tathā amhākampi bhagavā āgato. Yathā ca purimakā bhagavanto cattāro satipaṭṭhāne cattāro sammappadhāne cattāro iddhipāde pañcindriyāni pañca balāni satta bojjhaṅge ariyaṃ aṭṭhaṅgikaṃ maggaṃ bhāvetvā brūhetvā āgatā, tathā amhākampi bhagavā āgatoti tathāgato.
‘‘ยเถว ทีปงฺกรพุทฺธอาทโย, สพฺพญฺญุภาวํ มุนโย อิธาคตา;
‘‘Yatheva dīpaṅkarabuddhaādayo, sabbaññubhāvaṃ munayo idhāgatā;
ตถา อยํ สกฺยมุนีปิ อาคโต, ตถาคโต วุจฺจติ เตน จกฺขุมา’’ติฯ
Tathā ayaṃ sakyamunīpi āgato, tathāgato vuccati tena cakkhumā’’ti.
กถํ ตถา คโตติ ตถาคโต? ยถา สมฺปติชาตา ปุริมกา ภควโนฺต คตาฯ กถญฺจ เต คตา? เต หิ สมฺปติชาตา สเมหิ ปาเทหิ ปถวิยํ ปติฎฺฐาย อุตฺตเรนมุขา สตฺตปทวีติหาเรน คตาฯ ยถาห ‘‘สมฺปติชาโต, อานนฺท, โพธิสโตฺต สเมหิ ปาเทหิ ปถวิยํ ปติฎฺฐหิตฺวา อุตฺตราภิมุโข สตฺตปทวีติหาเรน คจฺฉติ เสตมฺหิ ฉเตฺต อนุธารยมาเน, สพฺพา จ ทิสา อนุวิโลเกติ, อาสภิญฺจ วาจํ ภาสติ ‘อโคฺคหมสฺมิ โลกสฺส, เชโฎฺฐหมสฺมิ โลกสฺส, เสโฎฺฐหมสฺมิ โลกสฺส, อยมนฺติมา ชาติ, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๐๗; ที. นิ. ๒.๓๑)ฯ ตญฺจสฺส คมนํ ตถํ อโหสิ อวิตถํ อเนเกสํ วิเสสาธิคมานํ ปุพฺพนิมิตฺตภาเวนฯ ยญฺหิ โส สมฺปติชาโต สเมหิ ปาเทหิ ปติฎฺฐหิ, อิทมสฺส จตุริทฺธิปาทปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, อุตฺตรมุขภาโว ปนสฺส สพฺพโลกุตฺตรภาวสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, สตฺตปทวีติหาโร สตฺตโพชฺฌงฺครตนปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, ‘‘สุวณฺณทณฺฑา วีติปตนฺติ จามรา’’ติ (สุ. นิ. ๖๙๓) เอตฺถ วุตฺตจามรุเกฺขโป ปน สพฺพติตฺถิยนิมฺมถนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, เสตจฺฉตฺตธารณํ อรหตฺตผลวิมุตฺติวรวิมลเสตจฺฉตฺตปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, สพฺพาทิสานุวิโลกนํ สพฺพญฺญุตานาวรณญาณปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, อาสภิวาจาภาสนํ ปน อปฺปฎิวตฺติยวรธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ ตถายํ ภควาปิ คโตฯ ตญฺจสฺส คมนํ ตถํ อโหสิ อวิตถํ เตสํเยว วิเสสาธิคมานํ ปุพฺพนิมิตฺตภาเวนฯ เตนาหุ โปราณา –
Kathaṃ tathā gatoti tathāgato? Yathā sampatijātā purimakā bhagavanto gatā. Kathañca te gatā? Te hi sampatijātā samehi pādehi pathaviyaṃ patiṭṭhāya uttarenamukhā sattapadavītihārena gatā. Yathāha ‘‘sampatijāto, ānanda, bodhisatto samehi pādehi pathaviyaṃ patiṭṭhahitvā uttarābhimukho sattapadavītihārena gacchati setamhi chatte anudhārayamāne, sabbā ca disā anuviloketi, āsabhiñca vācaṃ bhāsati ‘aggohamasmi lokassa, jeṭṭhohamasmi lokassa, seṭṭhohamasmi lokassa, ayamantimā jāti, natthi dāni punabbhavo’’’ti (ma. ni. 3.207; dī. ni. 2.31). Tañcassa gamanaṃ tathaṃ ahosi avitathaṃ anekesaṃ visesādhigamānaṃ pubbanimittabhāvena. Yañhi so sampatijāto samehi pādehi patiṭṭhahi, idamassa caturiddhipādapaṭilābhassa pubbanimittaṃ, uttaramukhabhāvo panassa sabbalokuttarabhāvassa pubbanimittaṃ, sattapadavītihāro sattabojjhaṅgaratanapaṭilābhassa pubbanimittaṃ, ‘‘suvaṇṇadaṇḍā vītipatanti cāmarā’’ti (su. ni. 693) ettha vuttacāmarukkhepo pana sabbatitthiyanimmathanassa pubbanimittaṃ, setacchattadhāraṇaṃ arahattaphalavimuttivaravimalasetacchattapaṭilābhassa pubbanimittaṃ, sabbādisānuvilokanaṃ sabbaññutānāvaraṇañāṇapaṭilābhassa pubbanimittaṃ, āsabhivācābhāsanaṃ pana appaṭivattiyavaradhammacakkappavattanassa pubbanimittaṃ. Tathāyaṃ bhagavāpi gato. Tañcassa gamanaṃ tathaṃ ahosi avitathaṃ tesaṃyeva visesādhigamānaṃ pubbanimittabhāvena. Tenāhu porāṇā –
‘‘มุหุตฺตชาโตว ควํปตี ยถา, สเมหิ ปาเทหิ ผุสี วสุนฺธรํ;
‘‘Muhuttajātova gavaṃpatī yathā, samehi pādehi phusī vasundharaṃ;
โส วิกฺกมี สตฺต ปทานิ โคตโม, เสตญฺจ ฉตฺตํ อนุธารยุํ มรูฯ
So vikkamī satta padāni gotamo, setañca chattaṃ anudhārayuṃ marū.
‘‘คนฺตฺวาน โส สตฺต ปทานิ โคตโม, ทิสา วิโลเกสิ สมา สมนฺตโต;
‘‘Gantvāna so satta padāni gotamo, disā vilokesi samā samantato;
อฎฺฐงฺคุเปตํ คิรมพฺภุทีรยิ, สีโห ยถา ปพฺพตมุทฺธนิฎฺฐิโต’’ติฯ
Aṭṭhaṅgupetaṃ giramabbhudīrayi, sīho yathā pabbatamuddhaniṭṭhito’’ti.
เอวํ ตถา คโตติ ตถาคโตฯ
Evaṃ tathā gatoti tathāgato.
อถ วา ยถา ปุริมกา ภควโนฺต, อยมฺปิ ภควา ตเถว เนกฺขเมฺมน กามจฺฉนฺทํ…เป.… ปฐมชฺฌาเนน นีวรเณ…เป.… อนิจฺจานุปสฺสนาย นิจฺจสญฺญํ…เป.… อรหตฺตมเคฺคน สพฺพกิเลเส ปหาย คโตฯ เอวมฺปิ ตถา คโตติ ตถาคโตฯ
Atha vā yathā purimakā bhagavanto, ayampi bhagavā tatheva nekkhammena kāmacchandaṃ…pe… paṭhamajjhānena nīvaraṇe…pe… aniccānupassanāya niccasaññaṃ…pe… arahattamaggena sabbakilese pahāya gato. Evampi tathā gatoti tathāgato.
กถํ ตถลกฺขณํ อาคโตติ ตถาคโต? ปถวีธาตุยา กกฺขฬตฺตลกฺขณํ ตถํ อวิตถํ, อาโปธาตุยา ปคฺฆรณลกฺขณํ, เตโชธาตุยา อุณฺหตฺตลกฺขณํ, วาโยธาตุยา วิตฺถมฺภนลกฺขณํ, อากาสธาตุยา อสมฺผุฎฺฐลกฺขณํ, วิญฺญาณธาตุยา วิชานนลกฺขณํฯ
Kathaṃ tathalakkhaṇaṃ āgatoti tathāgato? Pathavīdhātuyā kakkhaḷattalakkhaṇaṃ tathaṃ avitathaṃ, āpodhātuyā paggharaṇalakkhaṇaṃ, tejodhātuyā uṇhattalakkhaṇaṃ, vāyodhātuyā vitthambhanalakkhaṇaṃ, ākāsadhātuyā asamphuṭṭhalakkhaṇaṃ, viññāṇadhātuyā vijānanalakkhaṇaṃ.
รูปสฺส รุปฺปนลกฺขณํ, เวทนาย เวทยิตลกฺขณํ, สญฺญาย สญฺชานนลกฺขณํ, สงฺขารานํ อภิสงฺขรณลกฺขณํ, วิญฺญาณสฺส วิชานนลกฺขณํฯ
Rūpassa ruppanalakkhaṇaṃ, vedanāya vedayitalakkhaṇaṃ, saññāya sañjānanalakkhaṇaṃ, saṅkhārānaṃ abhisaṅkharaṇalakkhaṇaṃ, viññāṇassa vijānanalakkhaṇaṃ.
วิตกฺกสฺส อภินิโรปนลกฺขณํ, วิจารสฺส อนุมชฺชนลกฺขณํ, ปีติยา ผรณลกฺขณํ, สุขสฺส สาตลกฺขณํ, จิเตฺตกคฺคตาย อวิเกฺขปลกฺขณํ, ผสฺสสฺส ผุสนลกฺขณํฯ
Vitakkassa abhiniropanalakkhaṇaṃ, vicārassa anumajjanalakkhaṇaṃ, pītiyā pharaṇalakkhaṇaṃ, sukhassa sātalakkhaṇaṃ, cittekaggatāya avikkhepalakkhaṇaṃ, phassassa phusanalakkhaṇaṃ.
สทฺธินฺทฺริยสฺส อธิโมกฺขลกฺขณํ, วีริยินฺทฺริยสฺส ปคฺคหลกฺขณํ, สตินฺทฺริยสฺส อุปฎฺฐานลกฺขณํ, สมาธินฺทฺริยสฺส อวิเกฺขปลกฺขณํ, ปญฺญินฺทฺริยสฺส ปชานนลกฺขณํฯ
Saddhindriyassa adhimokkhalakkhaṇaṃ, vīriyindriyassa paggahalakkhaṇaṃ, satindriyassa upaṭṭhānalakkhaṇaṃ, samādhindriyassa avikkhepalakkhaṇaṃ, paññindriyassa pajānanalakkhaṇaṃ.
สทฺธาพลสฺส อสฺสทฺธิเย อกมฺปิยลกฺขณํ, วีริยพลสฺส โกสเชฺช, สติพลสฺส มุฎฺฐสฺสเจฺจ, สมาธิพลสฺส อุทฺธเจฺจ, ปญฺญาพลสฺส อวิชฺชาย อกมฺปิยลกฺขณํฯ
Saddhābalassa assaddhiye akampiyalakkhaṇaṃ, vīriyabalassa kosajje, satibalassa muṭṭhassacce, samādhibalassa uddhacce, paññābalassa avijjāya akampiyalakkhaṇaṃ.
สติสโมฺพชฺฌงฺคสฺส อุปฎฺฐานลกฺขณํ, ธมฺมวิจยสโมฺพชฺฌงฺคสฺส ปวิจยลกฺขณํ, วีริยสโมฺพชฺฌงฺคสฺส ปคฺคหลกฺขณํ, ปีติสโมฺพชฺฌงฺคสฺส ผรณลกฺขณํ, ปสฺสทฺธิสโมฺพชฺฌงฺคสฺส อุปสมลกฺขณํ, สมาธิสโมฺพชฺฌงฺคสฺส อวิเกฺขปลกฺขณํ, อุเปกฺขาสโมฺพชฺฌงฺคสฺส ปฎิสงฺขานลกฺขณํฯ
Satisambojjhaṅgassa upaṭṭhānalakkhaṇaṃ, dhammavicayasambojjhaṅgassa pavicayalakkhaṇaṃ, vīriyasambojjhaṅgassa paggahalakkhaṇaṃ, pītisambojjhaṅgassa pharaṇalakkhaṇaṃ, passaddhisambojjhaṅgassa upasamalakkhaṇaṃ, samādhisambojjhaṅgassa avikkhepalakkhaṇaṃ, upekkhāsambojjhaṅgassa paṭisaṅkhānalakkhaṇaṃ.
สมฺมาทิฎฺฐิยา ทสฺสนลกฺขณํ, สมฺมาสงฺกปฺปสฺส อภินิโรปนลกฺขณํ, สมฺมาวาจาย ปริคฺคหลกฺขณํ, สมฺมากมฺมนฺตสฺส สมุฎฺฐานลกฺขณํ, สมฺมาอาชีวสฺส โวทานลกฺขณํ, สมฺมาวายามสฺส ปคฺคหลกฺขณํ, สมฺมาสติยา อุปฎฺฐานลกฺขณํ, สมฺมาสมาธิสฺส อวิเกฺขปลกฺขณํฯ
Sammādiṭṭhiyā dassanalakkhaṇaṃ, sammāsaṅkappassa abhiniropanalakkhaṇaṃ, sammāvācāya pariggahalakkhaṇaṃ, sammākammantassa samuṭṭhānalakkhaṇaṃ, sammāājīvassa vodānalakkhaṇaṃ, sammāvāyāmassa paggahalakkhaṇaṃ, sammāsatiyā upaṭṭhānalakkhaṇaṃ, sammāsamādhissa avikkhepalakkhaṇaṃ.
อวิชฺชาย อญฺญาณลกฺขณํ, สงฺขารานํ เจตนาลกฺขณํ, วิญฺญาณสฺส วิชานนลกฺขณํ, นามสฺส นมนลกฺขณํ, รูปสฺส รุปฺปนลกฺขณํ, สฬายตนสฺส อายตนลกฺขณํ, ผสฺสสฺส ผุสนลกฺขณํ, เวทนาย เวทยิตลกฺขณํ, ตณฺหาย เหตุลกฺขณํ, อุปาทานสฺส คหณลกฺขณํ, ภวสฺส อายูหนลกฺขณํ, ชาติยา นิพฺพตฺติลกฺขณํ, ชราย ชีรณลกฺขณํ, มรณสฺส จุติลกฺขณํฯ
Avijjāya aññāṇalakkhaṇaṃ, saṅkhārānaṃ cetanālakkhaṇaṃ, viññāṇassa vijānanalakkhaṇaṃ, nāmassa namanalakkhaṇaṃ, rūpassa ruppanalakkhaṇaṃ, saḷāyatanassa āyatanalakkhaṇaṃ, phassassa phusanalakkhaṇaṃ, vedanāya vedayitalakkhaṇaṃ, taṇhāya hetulakkhaṇaṃ, upādānassa gahaṇalakkhaṇaṃ, bhavassa āyūhanalakkhaṇaṃ, jātiyā nibbattilakkhaṇaṃ, jarāya jīraṇalakkhaṇaṃ, maraṇassa cutilakkhaṇaṃ.
ธาตูนํ สุญฺญตาลกฺขณํ, อายตนานํ อายตนลกฺขณํ, สติปฎฺฐานานํ อุปฎฺฐานลกฺขณํ, สมฺมปฺปธานานํ ปทหนลกฺขณํ, อิทฺธิปาทานํ อิชฺฌนลกฺขณํ, อินฺทฺริยานํ อธิปติลกฺขณํ, พลานํ อกมฺปิยลกฺขณํ, โพชฺฌงฺคานํ นิยฺยานลกฺขณํ, มคฺคสฺส เหตุลกฺขณํฯ
Dhātūnaṃ suññatālakkhaṇaṃ, āyatanānaṃ āyatanalakkhaṇaṃ, satipaṭṭhānānaṃ upaṭṭhānalakkhaṇaṃ, sammappadhānānaṃ padahanalakkhaṇaṃ, iddhipādānaṃ ijjhanalakkhaṇaṃ, indriyānaṃ adhipatilakkhaṇaṃ, balānaṃ akampiyalakkhaṇaṃ, bojjhaṅgānaṃ niyyānalakkhaṇaṃ, maggassa hetulakkhaṇaṃ.
สจฺจานํ ตถลกฺขณํ, สมถสฺส อวิเกฺขปลกฺขณํ, วิปสฺสนาย อนุปสฺสนาลกฺขณํ, สมถวิปสฺสนานํ เอกรสลกฺขณํ, ยุคนทฺธานํ อนติวตฺตนลกฺขณํฯ
Saccānaṃ tathalakkhaṇaṃ, samathassa avikkhepalakkhaṇaṃ, vipassanāya anupassanālakkhaṇaṃ, samathavipassanānaṃ ekarasalakkhaṇaṃ, yuganaddhānaṃ anativattanalakkhaṇaṃ.
สีลวิสุทฺธิยา สํวรลกฺขณํ, จิตฺตวิสุทฺธิยา อวิเกฺขปลกฺขณํ, ทิฎฺฐิวิสุทฺธิยา ทสฺสนลกฺขณํฯ
Sīlavisuddhiyā saṃvaralakkhaṇaṃ, cittavisuddhiyā avikkhepalakkhaṇaṃ, diṭṭhivisuddhiyā dassanalakkhaṇaṃ.
ขเย ญาณสฺส สมุเจฺฉทลกฺขณํ, อนุปฺปาเท ญาณสฺส ปสฺสทฺธิลกฺขณํฯ
Khaye ñāṇassa samucchedalakkhaṇaṃ, anuppāde ñāṇassa passaddhilakkhaṇaṃ.
ฉนฺทสฺส มูลลกฺขณํ, มนสิการสฺส สมุฎฺฐานลกฺขณํ, ผสฺสสฺส สโมธานลกฺขณํ, เวทนาย สโมสรณลกฺขณํ, สมาธิสฺส ปมุขลกฺขณํ, สติยา อาธิปเตยฺยลกฺขณํ, ปญฺญาย ตตุตฺตริลกฺขณํ, วิมุตฺติยา สารลกฺขณํ, อมโตคธสฺส นิพฺพานสฺส ปริโยสานลกฺขณํ ตถํ อวิตถํฯ เอตํ ตถลกฺขณํ ญาณคติยา อาคโต อวิรชฺฌิตฺวา ปโตฺต อนุปฺปโตฺตติ ตถาคโตฯ เอวํ ตถลกฺขณํ อาคโตติ ตถาคโตฯ
Chandassa mūlalakkhaṇaṃ, manasikārassa samuṭṭhānalakkhaṇaṃ, phassassa samodhānalakkhaṇaṃ, vedanāya samosaraṇalakkhaṇaṃ, samādhissa pamukhalakkhaṇaṃ, satiyā ādhipateyyalakkhaṇaṃ, paññāya tatuttarilakkhaṇaṃ, vimuttiyā sāralakkhaṇaṃ, amatogadhassa nibbānassa pariyosānalakkhaṇaṃ tathaṃ avitathaṃ. Etaṃ tathalakkhaṇaṃ ñāṇagatiyā āgato avirajjhitvā patto anuppattoti tathāgato. Evaṃ tathalakkhaṇaṃ āgatoti tathāgato.
กถํ ตถธเมฺม ยาถาวโต อภิสมฺพุโทฺธติ ตถาคโต? ตถธมฺมา นาม จตฺตาริ อริยสจฺจานิฯ ยถาห – ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, ตถานิ อวิตถานิ อนญฺญถานิฯ กตมานิ จตฺตาริ? ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ, ภิกฺขเว, ตถเมตํ อวิตถเมตํ อนญฺญถเมต’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๙๐) วิตฺถาโรฯ ตานิ จ ภควา อภิสมฺพุโทฺธติ ตถานํ อภิสมฺพุทฺธตฺตา ตถาคโตติ วุจฺจติฯ อภิสโมฺพธโตฺถ หิ เอตฺถ คตสโทฺทฯ
Kathaṃ tathadhamme yāthāvato abhisambuddhoti tathāgato? Tathadhammā nāma cattāri ariyasaccāni. Yathāha – ‘‘cattārimāni, bhikkhave, tathāni avitathāni anaññathāni. Katamāni cattāri? ‘Idaṃ dukkha’nti, bhikkhave, tathametaṃ avitathametaṃ anaññathameta’’nti (saṃ. ni. 5.1090) vitthāro. Tāni ca bhagavā abhisambuddhoti tathānaṃ abhisambuddhattā tathāgatoti vuccati. Abhisambodhattho hi ettha gatasaddo.
อปิจ ชรามรณสฺส ชาติปจฺจยสมฺภูตสมุทาคตโฎฺฐ ตโถ อวิตโถ อนญฺญโถ…เป.… สงฺขารานํ อวิชฺชาปจฺจยสมฺภูตสมุทาคตโฎฺฐ ตโถ อวิตโถ อนญฺญโถฯ ตถา อวิชฺชาย สงฺขารานํ ปจฺจยโฎฺฐ ตโถ อวิตโถ อนญฺญโถ…เป.… ชาติยา ชรามรณสฺส ปจฺจยโฎฺฐ ตโถ อวิตโถ อนญฺญโถฯ ตํ สพฺพํ ภควา อภิสมฺพุโทฺธฯ ตสฺมาปิ ตถานํ อภิสมฺพุทฺธตฺตา ตถาคโตฯ เอวํ ตถธเมฺม ยาถาวโต อภิสมฺพุโทฺธติ ตถาคโตฯ
Apica jarāmaraṇassa jātipaccayasambhūtasamudāgataṭṭho tatho avitatho anaññatho…pe… saṅkhārānaṃ avijjāpaccayasambhūtasamudāgataṭṭho tatho avitatho anaññatho. Tathā avijjāya saṅkhārānaṃ paccayaṭṭho tatho avitatho anaññatho…pe… jātiyā jarāmaraṇassa paccayaṭṭho tatho avitatho anaññatho. Taṃ sabbaṃ bhagavā abhisambuddho. Tasmāpi tathānaṃ abhisambuddhattā tathāgato. Evaṃ tathadhamme yāthāvato abhisambuddhoti tathāgato.
กถํ ตถทสฺสิตาย ตถาคโต? ภควา ยํ สเทวเก โลเก…เป.… สเทวมนุสฺสาย อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ อปริมาณานํ สตฺตานํ จกฺขุทฺวาเร อาปาถํ อาคจฺฉนฺตํ รูปารมฺมณํ นาม อตฺถิ, ตํ สพฺพากาเรน ชานาติ ปสฺสติฯ เอวํ ชานตา ปสฺสตา จ เตน ตํ อิฎฺฐานิฎฺฐาทิวเสน วา ทิฎฺฐสุตมุตวิญฺญาเตสุ ลพฺภมานกปทวเสน วา ‘‘กตมํ ตํ รูปํ รูปายตนํ? ยํ รูปํ จตุนฺนํ มหาภูตานํ อุปาทาย วณฺณนิภา สนิทสฺสนํ สปฺปฎิฆํ นีลํ ปีตก’’นฺติอาทินา (ธ. ส. ๖๑๖) นเยน อเนเกหิ นาเมหิ เตรสหิ วาเรหิ ทฺวิปญฺญาสาย นเยหิ วิภชฺชมานํ ตถเมว โหติ, วิตถํ นตฺถิ ฯ เอส นโย โสตทฺวาราทีสุปิ อาปาถมาคจฺฉเนฺตสุ สทฺทาทีสุฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ ภควตา ‘‘ยํ, ภิกฺขเว, สเทวกสฺส โลกสฺส…เป.… สเทวมนุสฺสาย ทิฎฺฐํ สุตํ มุตํ วิญฺญาตํ ปตฺตํ ปริเยสิตํ อนุวิจริตํ มนสา, ตมหํ ชานามิ, ตมหํ อพฺภญฺญาสิํ, ตํ ตถาคตสฺส วิทิตํ, ตํ ตถาคโต น อุปฎฺฐาสี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๔)ฯ เอวํ ตถทสฺสิตาย ตถาคโตฯ ตตฺถ ตถทสฺสีอเตฺถ ตถาคโตติ ปทสมฺภโว เวทิตโพฺพฯ
Kathaṃ tathadassitāya tathāgato? Bhagavā yaṃ sadevake loke…pe… sadevamanussāya aparimāṇāsu lokadhātūsu aparimāṇānaṃ sattānaṃ cakkhudvāre āpāthaṃ āgacchantaṃ rūpārammaṇaṃ nāma atthi, taṃ sabbākārena jānāti passati. Evaṃ jānatā passatā ca tena taṃ iṭṭhāniṭṭhādivasena vā diṭṭhasutamutaviññātesu labbhamānakapadavasena vā ‘‘katamaṃ taṃ rūpaṃ rūpāyatanaṃ? Yaṃ rūpaṃ catunnaṃ mahābhūtānaṃ upādāya vaṇṇanibhā sanidassanaṃ sappaṭighaṃ nīlaṃ pītaka’’ntiādinā (dha. sa. 616) nayena anekehi nāmehi terasahi vārehi dvipaññāsāya nayehi vibhajjamānaṃ tathameva hoti, vitathaṃ natthi . Esa nayo sotadvārādīsupi āpāthamāgacchantesu saddādīsu. Vuttampi cetaṃ bhagavatā ‘‘yaṃ, bhikkhave, sadevakassa lokassa…pe… sadevamanussāya diṭṭhaṃ sutaṃ mutaṃ viññātaṃ pattaṃ pariyesitaṃ anuvicaritaṃ manasā, tamahaṃ jānāmi, tamahaṃ abbhaññāsiṃ, taṃ tathāgatassa viditaṃ, taṃ tathāgato na upaṭṭhāsī’’ti (a. ni. 4.24). Evaṃ tathadassitāya tathāgato. Tattha tathadassīatthe tathāgatoti padasambhavo veditabbo.
กถํ ตถวาทิตาย ตถาคโต? ยํ รตฺติํ ภควา โพธิมเณฺฑ อปราชิตปลฺลเงฺก นิสิโนฺน จตุนฺนํ มารานํ มตฺถกํ มทฺทิตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสโมฺพธิํ อภิสมฺพุโทฺธ, ยญฺจ รตฺติํ ยมกสาลานมนฺตเร อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ, เอตฺถนฺตเร ปญฺจจตฺตาลีสวสฺสปริมาเณ กาเล ปฐมโพธิยาปิ มชฺฌิมโพธิยาปิ ปจฺฉิมโพธิยาปิ ยํ ภควตา ภาสิตํ สุตฺตํ เคยฺยํ…เป.… เวทลฺลํ, ตํ สพฺพํ อตฺถโต จ พฺยญฺชนโต จ อนวชฺชํ อนุปวชฺชํ อนูนมนธิกํ สพฺพาการปริปุณฺณํ ราคมทนิมฺมทนํ โทสโมหมทนิมฺมทนํ, นตฺถิ ตตฺถ วาลคฺคมตฺตมฺปิ ปกฺขลิตํ, สพฺพํ ตํ เอกมุทฺทิกาย ลญฺฉิตํ วิย, เอกนาฬิกาย มิตํ วิย, เอกตุลาย ตุลิตํ วิย, จ ตถเมว โหติฯ ยถาห ‘‘ยญฺจ, จุนฺท, รตฺติํ ตถาคโต อนุตฺตรํ สมฺมาสโมฺพธิํ อภิสมฺพุชฺฌติ, ยญฺจ รตฺติํ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายติ, ยํ เอตสฺมิํ อนฺตเร ภาสติ ลปติ นิทฺทิสติ, สพฺพํ ตํ ตถเมว โหติ, โน อญฺญถาฯ ตสฺมา ‘ตถาคโต’ติ วุจฺจตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๑๘๘)ฯ คทอโตฺถ หิ เอตฺถ คตสโทฺทฯ เอวํ ตถวาทิตาย ตถาคโตฯ
Kathaṃ tathavāditāya tathāgato? Yaṃ rattiṃ bhagavā bodhimaṇḍe aparājitapallaṅke nisinno catunnaṃ mārānaṃ matthakaṃ madditvā anuttaraṃ sammāsambodhiṃ abhisambuddho, yañca rattiṃ yamakasālānamantare anupādisesāya nibbānadhātuyā parinibbāyi, etthantare pañcacattālīsavassaparimāṇe kāle paṭhamabodhiyāpi majjhimabodhiyāpi pacchimabodhiyāpi yaṃ bhagavatā bhāsitaṃ suttaṃ geyyaṃ…pe… vedallaṃ, taṃ sabbaṃ atthato ca byañjanato ca anavajjaṃ anupavajjaṃ anūnamanadhikaṃ sabbākāraparipuṇṇaṃ rāgamadanimmadanaṃ dosamohamadanimmadanaṃ, natthi tattha vālaggamattampi pakkhalitaṃ, sabbaṃ taṃ ekamuddikāya lañchitaṃ viya, ekanāḷikāya mitaṃ viya, ekatulāya tulitaṃ viya, ca tathameva hoti. Yathāha ‘‘yañca, cunda, rattiṃ tathāgato anuttaraṃ sammāsambodhiṃ abhisambujjhati, yañca rattiṃ anupādisesāya nibbānadhātuyā parinibbāyati, yaṃ etasmiṃ antare bhāsati lapati niddisati, sabbaṃ taṃ tathameva hoti, no aññathā. Tasmā ‘tathāgato’ti vuccatī’’ti (dī. ni. 3.188). Gadaattho hi ettha gatasaddo. Evaṃ tathavāditāya tathāgato.
อปิจ อาคทนํ อาคโท, วจนนฺติ อโตฺถฯ ตโถ อวิปรีโต อาคโท อสฺสาติ ทการสฺส ตการํ กตฺวา ตถาคโตติ เอวเมตสฺมิํ อเตฺถ ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพาฯ
Apica āgadanaṃ āgado, vacananti attho. Tatho aviparīto āgado assāti dakārassa takāraṃ katvā tathāgatoti evametasmiṃ atthe padasiddhi veditabbā.
กถํ ตถาการิตาย ตถาคโต? ภควโต หิ วาจาย กาโย อนุโลเมติ, กายสฺสาปิ วาจา, ตสฺมา ยถาวาที ตถาการี ยถาการี ตถาวาที จ โหติฯ เอวํภูตสฺส จสฺส ยถา วาจา, กาโยปิ ตถา คโต ปวโตฺตติ อโตฺถฯ ยถา จ กาโย, วาจาปิ ตถา คตา ปวตฺตาติ ตถาคโตฯ เตเนวาห – ‘‘ยถาวาที, ภิกฺขเว, ตถาคโต ตถาการี, ยถาการี ตถาวาทีฯ อิติ ยถาวาที ตถาการี, ยถาการี ตถาวาทีฯ ตสฺมา ‘ตถาคโต’ติ วุจฺจตี’’ติฯ เอวํ ตถาการิตาย ตถาคโตฯ
Kathaṃ tathākāritāya tathāgato? Bhagavato hi vācāya kāyo anulometi, kāyassāpi vācā, tasmā yathāvādī tathākārī yathākārī tathāvādī ca hoti. Evaṃbhūtassa cassa yathā vācā, kāyopi tathā gato pavattoti attho. Yathā ca kāyo, vācāpi tathā gatā pavattāti tathāgato. Tenevāha – ‘‘yathāvādī, bhikkhave, tathāgato tathākārī, yathākārī tathāvādī. Iti yathāvādī tathākārī, yathākārī tathāvādī. Tasmā ‘tathāgato’ti vuccatī’’ti. Evaṃ tathākāritāya tathāgato.
กถํ อภิภวนเฎฺฐน ตถาคโต? อุปริ ภวคฺคํ เหฎฺฐา อวีจิํ ปริยนฺตํ กตฺวา ติริยํ อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ สพฺพสเตฺต อภิภวติ สีเลน สมาธินา ปญฺญาย วิมุตฺติยา วิมุตฺติญาณทสฺสเนน, น ตสฺส ตุลา วา ปมาณํ วา อตฺถิ, อตุโล อปฺปเมโยฺย อนุตฺตโร ราชาธิราชา เทวานํ อติเทโว สกฺกานํ อติสโกฺก พฺรหฺมานํ อติพฺรหฺมาฯ เตนาห – ‘‘สเทวเก, ภิกฺขเว, โลเก…เป.… สเทวมนุสฺสาย ตถาคโต อภิภู อนภิภูโต อญฺญทตฺถุ ทโส วสวตฺตีฯ ตสฺมา ‘ตถาคโต’ติ วุจฺจตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๓)ฯ
Kathaṃ abhibhavanaṭṭhena tathāgato? Upari bhavaggaṃ heṭṭhā avīciṃ pariyantaṃ katvā tiriyaṃ aparimāṇāsu lokadhātūsu sabbasatte abhibhavati sīlena samādhinā paññāya vimuttiyā vimuttiñāṇadassanena, na tassa tulā vā pamāṇaṃ vā atthi, atulo appameyyo anuttaro rājādhirājā devānaṃ atidevo sakkānaṃ atisakko brahmānaṃ atibrahmā. Tenāha – ‘‘sadevake, bhikkhave, loke…pe… sadevamanussāya tathāgato abhibhū anabhibhūto aññadatthu daso vasavattī. Tasmā ‘tathāgato’ti vuccatī’’ti (a. ni. 4.23).
ตเตฺถวํ ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพา – อคโท วิย อคโทฯ โก ปเนส? เทสนาวิลาโส เจว ปุญฺญุสฺสโย จฯ เตน เหส มหานุภาโว ภิสโกฺก ทิพฺพาคเทน สเปฺป วิย สพฺพปรปฺปวาทิโน สเทวกญฺจ โลกํ อภิภวติฯ อิติ สพฺพโลกาภิภวเน ตโถ อวิปรีโต เทสนาวิลาสมโย เจว ปุญฺญมโย จ อคโท อสฺสาติ ทการสฺส ตการํ กตฺวา ตถาคโตติ เวทิตโพฺพฯ เอวํ อภิภวนเฎฺฐน ตถาคโตฯ
Tatthevaṃ padasiddhi veditabbā – agado viya agado. Ko panesa? Desanāvilāso ceva puññussayo ca. Tena hesa mahānubhāvo bhisakko dibbāgadena sappe viya sabbaparappavādino sadevakañca lokaṃ abhibhavati. Iti sabbalokābhibhavane tatho aviparīto desanāvilāsamayo ceva puññamayo ca agado assāti dakārassa takāraṃ katvā tathāgatoti veditabbo. Evaṃ abhibhavanaṭṭhena tathāgato.
อปิจ ตถาย คโตติปิ ตถาคโต, ตถํ คโตติปิ ตถาคโตติฯ คโตติ อวคโต อตีโต ปโตฺต ปฎิปโนฺนติ อโตฺถ ฯ ตตฺถ สกลํ โลกํ ตีรณปริญฺญาย ตถาย คโต อวคโตติ ตถาคโต, โลกสมุทยํ ปหานปริญฺญาย ตถาย คโต อตีโตติ ตถาคโต, โลกนิโรธํ สจฺฉิกิริยาย ตถาย คโต ปโตฺตติ ตถาคโต, โลกนิโรธคามินิปฎิปทํ ตถํ คโต ปฎิปโนฺนติ ตถาคโตฯ เตน ยํ วุตฺตํ ภควตา – ‘‘โลโก, ภิกฺขเว, ตถาคเตน อภิสมฺพุโทฺธ, โลกสฺมา ตถาคโต วิสํยุโตฺตฯ โลกสมุทโย, ภิกฺขเว, ตถาคเตน อภิสมฺพุโทฺธ, โลกสมุทโย ตถาคตสฺส ปหีโนฯ โลกนิโรโธ, ภิกฺขเว , ตถาคเตน อภิสมฺพุโทฺธ โลกนิโรโธ ตถาคตสฺส สจฺฉิกโตฯ โลกนิโรธคามินี ปฎิปทา, ภิกฺขเว, ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธา, โลกนิโรธคามินีปฎิปทา ตถาคตสฺส ภาวิตาฯ ยํ, ภิกฺขเว, สเทวกสฺส โลกสฺส…เป.… อนุวิจริตํ มนสา, สพฺพํ ตํ ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธํฯ ตสฺมา ‘ตถาคโต’ติ วุจฺจตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๓)ฯ ตสฺส เอวมฺปิ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อิทมฺปิ จ ตถาคตสฺส ตถาคตภาวทีปเน มุขมตฺตเมวฯ สพฺพากาเรน ปน ตถาคโตว ตถาคตสฺส ตถาคตภาวํ วเณฺณยฺยฯ ยสฺมา ปน สพฺพพุทฺธา ตถาคตคุเณนาปิ สมสมา, ตสฺมา สเพฺพสํ วเสน ตถาคตานนฺติ อาหฯ
Apica tathāya gatotipi tathāgato, tathaṃ gatotipi tathāgatoti. Gatoti avagato atīto patto paṭipannoti attho . Tattha sakalaṃ lokaṃ tīraṇapariññāya tathāya gato avagatoti tathāgato, lokasamudayaṃ pahānapariññāya tathāya gato atītoti tathāgato, lokanirodhaṃ sacchikiriyāya tathāya gato pattoti tathāgato, lokanirodhagāminipaṭipadaṃ tathaṃ gato paṭipannoti tathāgato. Tena yaṃ vuttaṃ bhagavatā – ‘‘loko, bhikkhave, tathāgatena abhisambuddho, lokasmā tathāgato visaṃyutto. Lokasamudayo, bhikkhave, tathāgatena abhisambuddho, lokasamudayo tathāgatassa pahīno. Lokanirodho, bhikkhave , tathāgatena abhisambuddho lokanirodho tathāgatassa sacchikato. Lokanirodhagāminī paṭipadā, bhikkhave, tathāgatena abhisambuddhā, lokanirodhagāminīpaṭipadā tathāgatassa bhāvitā. Yaṃ, bhikkhave, sadevakassa lokassa…pe… anuvicaritaṃ manasā, sabbaṃ taṃ tathāgatena abhisambuddhaṃ. Tasmā ‘tathāgato’ti vuccatī’’ti (a. ni. 4.23). Tassa evampi attho veditabbo. Idampi ca tathāgatassa tathāgatabhāvadīpane mukhamattameva. Sabbākārena pana tathāgatova tathāgatassa tathāgatabhāvaṃ vaṇṇeyya. Yasmā pana sabbabuddhā tathāgataguṇenāpi samasamā, tasmā sabbesaṃ vasena tathāgatānanti āha.
อรหนฺตานนฺติ กิเลเสหิ อารกตฺตา, อรีนํ อรานญฺจ หตตฺตา, ปจฺจยาทีนํ อรหตฺตา, ปาปกรเณ รหาภาวา ตถาคโต อรหํฯ อารกา หิ โส สพฺพกิเลเสหิ สุวิทูรวิทูเร ฐิโต มเคฺคน สวาสนานํ กิเลสานํ ปหีนตฺตาติ อรหํฯ
Arahantānanti kilesehi ārakattā, arīnaṃ arānañca hatattā, paccayādīnaṃ arahattā, pāpakaraṇe rahābhāvā tathāgato arahaṃ. Ārakā hi so sabbakilesehi suvidūravidūre ṭhito maggena savāsanānaṃ kilesānaṃ pahīnattāti arahaṃ.
โส ตโต อารกา นาม, ยสฺส เยนาสมงฺคิตา;
So tato ārakā nāma, yassa yenāsamaṅgitā;
อสมงฺคี จ โทเสหิ, นาโถ เตนารหํ มโตฯ
Asamaṅgī ca dosehi, nātho tenārahaṃ mato.
เต จาเนน กิเลสารโย มเคฺคน หตาติ อรีนํ หตตฺตาปิ อรหํฯ
Te cānena kilesārayo maggena hatāti arīnaṃ hatattāpi arahaṃ.
ยสฺมา ราคาทิสงฺขาตา, สเพฺพปิ อรโย หตา;
Yasmā rāgādisaṅkhātā, sabbepi arayo hatā;
ปญฺญาสเตฺถน นาเถน, ตสฺมาปิ อรหํ มโตฯ
Paññāsatthena nāthena, tasmāpi arahaṃ mato.
ยเญฺจตํ อวิชฺชาภวตณฺหามยนาภิปุญฺญาทิอภิสงฺขารานํ ชรามรณเนมิ อาสวสมุทยมเยน อเกฺขน วิชฺฌิตฺวา ติภวรเถ สมาโยชิตํ อนาทิกาลปฺปวตฺตํ สํสารจกฺกํ, ตสฺสาเนน โพธิมเณฺฑ วีริยปาเทหิ สีลปถวิยํ ปติฎฺฐาย สทฺธาหเตฺถน กมฺมกฺขยกรํ ญาณผรสุํ คเหตฺวา สเพฺพ อรา หตาติ อรานํ หตตฺตาปิ อรหํฯ
Yañcetaṃ avijjābhavataṇhāmayanābhipuññādiabhisaṅkhārānaṃ jarāmaraṇanemi āsavasamudayamayena akkhena vijjhitvā tibhavarathe samāyojitaṃ anādikālappavattaṃ saṃsāracakkaṃ, tassānena bodhimaṇḍe vīriyapādehi sīlapathaviyaṃ patiṭṭhāya saddhāhatthena kammakkhayakaraṃ ñāṇapharasuṃ gahetvā sabbe arā hatāti arānaṃ hatattāpi arahaṃ.
อรา สํสารจกฺกสฺส, หตา ญาณาสินา ยโต;
Arā saṃsāracakkassa, hatā ñāṇāsinā yato;
โลกนาเถน เตเนส, อรหนฺติ ปวุจฺจติฯ
Lokanāthena tenesa, arahanti pavuccati.
อคฺคทกฺขิเณยฺยตฺตา จ จีวราทิปจฺจเย อรหติ ปูชาวิเสสญฺจฯ เตเนว จ อุปฺปเนฺน ตถาคเต เย เกจิ มเหสกฺขา เทวมนุสฺสา, น เต อญฺญตฺถ ปูชํ กโรนฺติฯ ตถา หิ พฺรหฺมา สหมฺปติ สิเนรุมเตฺตน รตนทาเมน ตถาคตํ ปูเชสิ, ยถาพลญฺจ อเญฺญ เทวา มนุสฺสา จ พิมฺพิสารโกสลราชาทโยฯ ปรินิพฺพุตมฺปิ จ ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส ฉนฺนวุติโกฎิธนํ วิสฺสเชฺชตฺวา อโสกมหาราชา สกลชมฺพุทีเป จตุราสีติ วิหารสหสฺสานิ ปติฎฺฐาเปสิ, โก ปน วาโท อเญฺญสํ ปูชาวิเสสานนฺติ ปจฺจยาทีนํ อรหตฺตาปิ อรหํฯ
Aggadakkhiṇeyyattā ca cīvarādipaccaye arahati pūjāvisesañca. Teneva ca uppanne tathāgate ye keci mahesakkhā devamanussā, na te aññattha pūjaṃ karonti. Tathā hi brahmā sahampati sinerumattena ratanadāmena tathāgataṃ pūjesi, yathābalañca aññe devā manussā ca bimbisārakosalarājādayo. Parinibbutampi ca bhagavantaṃ uddissa channavutikoṭidhanaṃ vissajjetvā asokamahārājā sakalajambudīpe caturāsīti vihārasahassāni patiṭṭhāpesi, ko pana vādo aññesaṃ pūjāvisesānanti paccayādīnaṃ arahattāpi arahaṃ.
ปูชาวิเสสํ สห ปจฺจเยหิ, ยสฺมา อยํ อรหติ โลกนาโถ;
Pūjāvisesaṃ saha paccayehi, yasmā ayaṃ arahati lokanātho;
อตฺถานุรูปํ อรหนฺติ โลเก, ตสฺมา ชิโน อรหติ นามเมตํฯ
Atthānurūpaṃ arahanti loke, tasmā jino arahati nāmametaṃ.
ยถา จ โลเก เย เกจิ ปณฺฑิตมานิโน พาลา อสิโลกภเยน รโห ปาปํ กโรนฺติ, เอวเมส น กทาจิ กโรตีติ ปาปกรเณ รหาภาวโตปิ อรหํฯ
Yathā ca loke ye keci paṇḍitamānino bālā asilokabhayena raho pāpaṃ karonti, evamesa na kadāci karotīti pāpakaraṇe rahābhāvatopi arahaṃ.
ยสฺมา นตฺถิ รโห นาม, ปาปกเมฺมสุ ตาทิโน;
Yasmā natthi raho nāma, pāpakammesu tādino;
รหาภาเวน เตเนส, อรหํ อิติ วิสฺสุโตฯ
Rahābhāvena tenesa, arahaṃ iti vissuto.
เอวํ สพฺพถาปิ –
Evaṃ sabbathāpi –
อารกตฺตา หตตฺตา จ, กิเลสารีน โส มุนิ;
Ārakattā hatattā ca, kilesārīna so muni;
หตสํสารจกฺกาโร, ปจฺจยาทีน จารโห;
Hatasaṃsāracakkāro, paccayādīna cāraho;
น รโห กโรติ ปาปานิ, อรหํ เตน วุจฺจตีติฯ
Na raho karoti pāpāni, arahaṃ tena vuccatīti.
ยสฺมา ปน สพฺพพุทฺธา อรหตฺตคุเณนาปิ สมสมา, ตสฺมา สเพฺพสํ วเสน ‘‘อรหนฺตาน’’นฺติ อาหฯ
Yasmā pana sabbabuddhā arahattaguṇenāpi samasamā, tasmā sabbesaṃ vasena ‘‘arahantāna’’nti āha.
สมฺมาสมฺพุทฺธานนฺติ สมฺมา สามญฺจ สพฺพธมฺมานํ พุทฺธตฺตา สมฺมาสมฺพุโทฺธฯ ตถา เหส สพฺพธเมฺม สมฺมา สมฺพุโทฺธ, อภิเญฺญเยฺย ธเมฺม อภิเญฺญยฺยโต พุโทฺธ, ปริเญฺญเยฺย ธเมฺม ปริเญฺญยฺยโต, ปหาตเพฺพ ธเมฺม ปหาตพฺพโต, สจฺฉิกาตเพฺพ ธเมฺม สจฺฉิกาตพฺพโต, ภาเวตเพฺพ ธเมฺม ภาเวตพฺพโตฯ เตเนวาห –
Sammāsambuddhānanti sammā sāmañca sabbadhammānaṃ buddhattā sammāsambuddho. Tathā hesa sabbadhamme sammā sambuddho, abhiññeyye dhamme abhiññeyyato buddho, pariññeyye dhamme pariññeyyato, pahātabbe dhamme pahātabbato, sacchikātabbe dhamme sacchikātabbato, bhāvetabbe dhamme bhāvetabbato. Tenevāha –
‘‘อภิเญฺญยฺยํ อภิญฺญาตํ, ภาเวตพฺพญฺจ ภาวิตํ;
‘‘Abhiññeyyaṃ abhiññātaṃ, bhāvetabbañca bhāvitaṃ;
ปหาตพฺพํ ปหีนํ เม, ตสฺมา พุโทฺธสฺมิ พฺราหฺมณา’’ติฯ (ม. นิ. ๒.๓๙๙; สุ. นิ. ๕๖๓);
Pahātabbaṃ pahīnaṃ me, tasmā buddhosmi brāhmaṇā’’ti. (ma. ni. 2.399; su. ni. 563);
อถ วา จกฺขุ ทุกฺขสจฺจํ, ตสฺส มูลการณภาเวน สมุฎฺฐาปิกา ปุริมตณฺหา สมุทยสจฺจํ, อุภินฺนํ อปฺปวตฺติ นิโรธสจฺจํ, นิโรธปฺปชานนา ปฎิปทา มคฺคสจฺจนฺติ เอวํ เอเกกปทุทฺธาเรนาปิ สพฺพธเมฺม สมฺมา สามญฺจ พุโทฺธฯ เอส นโย โสตฆานชิวฺหากายมเนสุฯ เอเตเนว นเยน รูปาทีนิ ฉ อายตนานิ, จกฺขุวิญฺญาณาทโย ฉ วิญฺญาณกายา, จกฺขุสมฺผสฺสาทโย ฉ ผสฺสา, จกฺขุสมฺผสฺสชาทโย ฉ เวทนา, รูปสญฺญาทโย ฉ สญฺญา, รูปสเญฺจตนาทโย ฉ เจตนา, รูปตณฺหาทโย ฉ ตณฺหากายา, รูปวิตกฺกาทโย ฉ วิตกฺกา, รูปวิจาราทโย ฉ วิจารา, รูปกฺขนฺธาทโย ปญฺจกฺขนฺธา, ทส กสิณานิ, ทส อนุสฺสติโย, อุทฺธุมาตกสญฺญาทิวเสน ทส สญฺญา, เกสาทโย ทฺวตฺติํสาการา, ทฺวาทสายตนานิ, อฎฺฐารส ธาตุโย, กามภวาทโย นว ภวา, ปฐมาทีนิ จตฺตาริ ฌานานิ, เมตฺตาภาวนาทโย จตโสฺส อปฺปมญฺญา, จตโสฺส อรูปสมาปตฺติโย, ปฎิโลมโต ชรามรณาทีนิ, อนุโลมโต อวิชฺชาทีนิ ปฎิจฺจสมุปฺปาทงฺคานิ จ โยเชตพฺพานิฯ ตตฺรายํ เอกปทโยชนา – ชรามรณํ ทุกฺขสจฺจํ, ชาติ สมุทยสจฺจํ, อุภินฺนํ นิสฺสรณํ นิโรธสจฺจํ, นิโรธปฺปชานนา ปฎิปทา มคฺคสจฺจนฺติ เอวํ เอเกกปทุทฺธาเรน สพฺพธเมฺม สมฺมา สามญฺจ พุโทฺธ อนุพุโทฺธ ปฎิวิโทฺธฯ ยํ วา ปน กิญฺจิ อตฺถิ เนยฺยํ นาม, สพฺพสฺส สมฺมา สมฺพุทฺธตฺตา วิโมกฺขนฺติกญาณวเสน สมฺมาสมฺพุโทฺธฯ ตสฺส ปน วิภาโค อุปริ อาวิ ภวิสฺสตีติฯ ยสฺมา ปน สพฺพพุทฺธา สมฺมาสมฺพุทฺธคุเณนาปิ สมสมา, ตสฺมา สเพฺพสํ วเสน ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธาน’’นฺติ อาหฯ
Atha vā cakkhu dukkhasaccaṃ, tassa mūlakāraṇabhāvena samuṭṭhāpikā purimataṇhā samudayasaccaṃ, ubhinnaṃ appavatti nirodhasaccaṃ, nirodhappajānanā paṭipadā maggasaccanti evaṃ ekekapaduddhārenāpi sabbadhamme sammā sāmañca buddho. Esa nayo sotaghānajivhākāyamanesu. Eteneva nayena rūpādīni cha āyatanāni, cakkhuviññāṇādayo cha viññāṇakāyā, cakkhusamphassādayo cha phassā, cakkhusamphassajādayo cha vedanā, rūpasaññādayo cha saññā, rūpasañcetanādayo cha cetanā, rūpataṇhādayo cha taṇhākāyā, rūpavitakkādayo cha vitakkā, rūpavicārādayo cha vicārā, rūpakkhandhādayo pañcakkhandhā, dasa kasiṇāni, dasa anussatiyo, uddhumātakasaññādivasena dasa saññā, kesādayo dvattiṃsākārā, dvādasāyatanāni, aṭṭhārasa dhātuyo, kāmabhavādayo nava bhavā, paṭhamādīni cattāri jhānāni, mettābhāvanādayo catasso appamaññā, catasso arūpasamāpattiyo, paṭilomato jarāmaraṇādīni, anulomato avijjādīni paṭiccasamuppādaṅgāni ca yojetabbāni. Tatrāyaṃ ekapadayojanā – jarāmaraṇaṃ dukkhasaccaṃ, jāti samudayasaccaṃ, ubhinnaṃ nissaraṇaṃ nirodhasaccaṃ, nirodhappajānanā paṭipadā maggasaccanti evaṃ ekekapaduddhārena sabbadhamme sammā sāmañca buddho anubuddho paṭividdho. Yaṃ vā pana kiñci atthi neyyaṃ nāma, sabbassa sammā sambuddhattā vimokkhantikañāṇavasena sammāsambuddho. Tassa pana vibhāgo upari āvi bhavissatīti. Yasmā pana sabbabuddhā sammāsambuddhaguṇenāpi samasamā, tasmā sabbesaṃ vasena ‘‘sammāsambuddhāna’’nti āha.
๓๘. อิทานิ ปริยนฺตปาริสุทฺธิอปริยนฺตปาริสุทฺธิสีลทฺวเย เอเกกเมว สีลํ ปญฺจธา ภินฺทิตฺวา ทเสฺสตุํ อตฺถิ สีลํ ปริยนฺตํ, อตฺถิ สีลํ อปริยนฺตนฺติอาทิมาหฯ อิตเรสุ ปน ตีสุ สีเลสุ ตถาวิโธ เภโท นตฺถีติฯ ตตฺถ ลาภปริยนฺตนฺติ ลาเภน ปริยโนฺต เภโท เอตสฺสาติ ลาภปริยนฺตํฯ เอวํ เสสานิปิฯ ยโสติ ปเนตฺถ ปริวาโรฯ อิธาติ อิมสฺมิํ โลเกฯ เอกโจฺจติ เอโกฯ ลาภเหตูติ ลาโภเยว เหตุ ลาภเหตุ, ตสฺมา ลาภเหตุโตติ วุตฺตํ โหติฯ เหตฺวเตฺถ นิสฺสกฺกวจนํฯ ‘‘ลาภปจฺจยา ลาภการณา’’ติ ตเสฺสว เววจนํฯ เหตุเมว หิ ปฎิจฺจ เอตํ ผลเมตีติ ปจฺจโยติ จ, ผลุปฺปตฺติํ การยตีติ การณนฺติ จ วุจฺจติฯ
38. Idāni pariyantapārisuddhiapariyantapārisuddhisīladvaye ekekameva sīlaṃ pañcadhā bhinditvā dassetuṃ atthi sīlaṃ pariyantaṃ, atthi sīlaṃ apariyantantiādimāha. Itaresu pana tīsu sīlesu tathāvidho bhedo natthīti. Tattha lābhapariyantanti lābhena pariyanto bhedo etassāti lābhapariyantaṃ. Evaṃ sesānipi. Yasoti panettha parivāro. Idhāti imasmiṃ loke. Ekaccoti eko. Lābhahetūti lābhoyeva hetu lābhahetu, tasmā lābhahetutoti vuttaṃ hoti. Hetvatthe nissakkavacanaṃ. ‘‘Lābhapaccayā lābhakāraṇā’’ti tasseva vevacanaṃ. Hetumeva hi paṭicca etaṃ phalametīti paccayoti ca, phaluppattiṃ kārayatīti kāraṇanti ca vuccati.
ยถาสมาทินฺนนฺติ ยํ ยํ สมาทินฺนํ คหิตํฯ วีติกฺกมตีติ อชฺฌาจรติฯ เอวรูปานีติ เอวํสภาวานิ, วุตฺตปฺปการานีติ อธิปฺปาโยฯ สีลานีติ คหฎฺฐสีลานิ วา โหนฺตุ ปพฺพชิตสีลานิ วา, เยสํ อาทิมฺหิ วา อเนฺต วา เอกํ ภินฺนํ, ตานิ ปริยเนฺต ฉินฺนสาฎโก วิย ขณฺฑานิฯ เยสํ เวมเชฺฌ เอกํ ภินฺนํ, ตานิ มเชฺฌ วินิวิทฺธสาฎโก วิย ฉิทฺทานิฯ เยสํ ปฎิปาฎิยา เทฺว วา ตีณิ วา ภินฺนานิ, ตานิ ปิฎฺฐิยา วา กุจฺฉิยา วา อุฎฺฐิเตน ทีฆวฎฺฎาทิสณฺฐาเนน วิสภาควเณฺณน กาฬรตฺตาทีนํ อญฺญตรสรีรวณฺณา คาวี วิย สพลานิฯ เยสํ อนฺตรนฺตรา เอเกกานิ ภินฺนานิ, ตานิ อนฺตรนฺตรา วิสภาควณฺณพินฺทุวิจิตฺรา คาวี วิย กมฺมาสานิฯ อวิเสเสน วา สพฺพานิปิ สตฺตวิเธน เมถุนสํโยเคน โกธูปนาหาทีหิ จ ปาปธเมฺมหิ อุปหตตฺตา ขณฺฑานิ ฉิทฺทานิ สพลานิ กมฺมาสานีติฯ ตานิเยว ตณฺหาทาสพฺยโต โมเจตฺวา ภุชิสฺสภาวากรเณน น ภุชิสฺสานิฯ พุทฺธาทีหิ วิญฺญูหิ น ปสตฺถตฺตา น วิญฺญุปฺปสตฺถานิฯ ตณฺหาทิฎฺฐีหิ ปรามฎฺฐตฺตา, เกนจิ วา ‘‘อยํ เต สีเลสุ โทโส’’ติ ปรามฎฺฐุํ สกฺกุเณยฺยตาย ปรามฎฺฐานิฯ อุปจารสมาธิํ อปฺปนาสมาธิํ วา, อถ วา มคฺคสมาธิํ ผลสมาธิํ วา น สํวตฺตยนฺตีติ อสมาธิสํวตฺตนิกานิฯ น สมาธิสํวตฺตนิกานีติปิ ปาโฐฯ
Yathāsamādinnanti yaṃ yaṃ samādinnaṃ gahitaṃ. Vītikkamatīti ajjhācarati. Evarūpānīti evaṃsabhāvāni, vuttappakārānīti adhippāyo. Sīlānīti gahaṭṭhasīlāni vā hontu pabbajitasīlāni vā, yesaṃ ādimhi vā ante vā ekaṃ bhinnaṃ, tāni pariyante chinnasāṭako viya khaṇḍāni. Yesaṃ vemajjhe ekaṃ bhinnaṃ, tāni majjhe vinividdhasāṭako viya chiddāni. Yesaṃ paṭipāṭiyā dve vā tīṇi vā bhinnāni, tāni piṭṭhiyā vā kucchiyā vā uṭṭhitena dīghavaṭṭādisaṇṭhānena visabhāgavaṇṇena kāḷarattādīnaṃ aññatarasarīravaṇṇā gāvī viya sabalāni. Yesaṃ antarantarā ekekāni bhinnāni, tāni antarantarā visabhāgavaṇṇabinduvicitrā gāvī viya kammāsāni. Avisesena vā sabbānipi sattavidhena methunasaṃyogena kodhūpanāhādīhi ca pāpadhammehi upahatattā khaṇḍāni chiddāni sabalāni kammāsānīti. Tāniyeva taṇhādāsabyato mocetvā bhujissabhāvākaraṇena na bhujissāni. Buddhādīhi viññūhi na pasatthattā na viññuppasatthāni. Taṇhādiṭṭhīhi parāmaṭṭhattā, kenaci vā ‘‘ayaṃ te sīlesu doso’’ti parāmaṭṭhuṃ sakkuṇeyyatāya parāmaṭṭhāni. Upacārasamādhiṃ appanāsamādhiṃ vā, atha vā maggasamādhiṃ phalasamādhiṃ vā na saṃvattayantīti asamādhisaṃvattanikāni. Na samādhisaṃvattanikānītipi pāṭho.
เกจิ ปน ‘‘ขณฺฑานีติ กุสลานํ ธมฺมานํ อปฺปติฎฺฐาภูตตฺตา, ฉิทฺทานีติปิ เอวํฯ สพลานีติ วิวณฺณกรณตฺตา, กมฺมาสานีติปิ เอวํฯ น ภุชิสฺสานีติ ตณฺหาทาสพฺยํ คตตฺตาฯ น วิญฺญุปฺปสตฺถานีติ กุสเลหิ ครหิตตฺตาฯ ปรามฎฺฐานีติ ตณฺหาย คหิตตฺตาฯ อสมาธิสํวตฺตนิกานีติ วิปฺปฎิสารวตฺถุภูตตฺตา’’ติ เอวมตฺถํ วณฺณยนฺติฯ
Keci pana ‘‘khaṇḍānīti kusalānaṃ dhammānaṃ appatiṭṭhābhūtattā, chiddānītipi evaṃ. Sabalānīti vivaṇṇakaraṇattā, kammāsānītipi evaṃ. Na bhujissānīti taṇhādāsabyaṃ gatattā. Na viññuppasatthānīti kusalehi garahitattā. Parāmaṭṭhānīti taṇhāya gahitattā. Asamādhisaṃvattanikānīti vippaṭisāravatthubhūtattā’’ti evamatthaṃ vaṇṇayanti.
น อวิปฺปฎิสารวตฺถุกานีติ วิปฺปฎิสาราวหตฺตา อวิปฺปฎิสารสฺส ปติฎฺฐา น โหนฺตีติ อโตฺถฯ น ปาโมชฺชวตฺถุกานีติ อวิปฺปฎิสารชาย ทุพฺพลปีติยา น วตฺถุภูตานิ ตสฺสา อนาวหตฺตา ฯ เอวํ เสเสสุปิ โยชนา กาตพฺพาฯ น ปีติวตฺถุกานีติ ทุพฺพลปีติชาย พลวปีติยา น วตฺถุภูตานิฯ น ปสฺสทฺธิวตฺถุกานีติ พลวปีติชาย กายจิตฺตปสฺสทฺธิยา น วตฺถุภูตานิฯ น สุขวตฺถุกานีติ ปสฺสทฺธิชสฺส กายิกเจตสิกสุขสฺส น วตฺถุภูตานิฯ น สมาธิวตฺถุกานีติ สุขชสฺส สมาธิสฺส น วตฺถุภูตานิฯ น ยถาภูตญาณทสฺสนวตฺถุกานีติ สมาธิปทฎฺฐานสฺส ยถาภูตญาณทสฺสนสฺส น วตฺถุภูตานิฯ
Na avippaṭisāravatthukānīti vippaṭisārāvahattā avippaṭisārassa patiṭṭhā na hontīti attho. Na pāmojjavatthukānīti avippaṭisārajāya dubbalapītiyā na vatthubhūtāni tassā anāvahattā . Evaṃ sesesupi yojanā kātabbā. Na pītivatthukānīti dubbalapītijāya balavapītiyā na vatthubhūtāni. Na passaddhivatthukānīti balavapītijāya kāyacittapassaddhiyā na vatthubhūtāni. Na sukhavatthukānīti passaddhijassa kāyikacetasikasukhassa na vatthubhūtāni. Na samādhivatthukānīti sukhajassa samādhissa na vatthubhūtāni. Na yathābhūtañāṇadassanavatthukānīti samādhipadaṭṭhānassa yathābhūtañāṇadassanassa na vatthubhūtāni.
น เอกนฺตนิพฺพิทายาติอาทีสุ น-การเมว อาหริตฺวา ‘‘น วิราคายา’’ติอาทินา นเยน เสสปเทหิปิ โยเชตพฺพํฯ น วิราคายาติอาทีสุ สนกาโร วา ปาโฐฯ ตตฺถ เอกนฺตนิพฺพิทายาติ เอกเนฺตน วเฎฺฎ นิพฺพินฺทนตฺถาย น สํวตฺตนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ เอวํ เสเสสุปิ โยเชตพฺพํฯ วิราคายาติ วเฎฺฎ วิรชฺชนตฺถายฯ นิโรธายาติ วฎฺฎสฺส นิโรธนตฺถายฯ อุปสมายาติ นิโรธิตสฺส ปุน อนุปฺปตฺติวเสน วฎฺฎสฺส อุปสมนตฺถายฯ อภิญฺญายาติ วฎฺฎสฺส อภิชานนตฺถายฯ สโมฺพธายาติ กิเลสนิทฺทาวิคเมน วฎฺฎโต ปพุชฺฌนตฺถายฯ นิพฺพานายาติ อมตนิพฺพานตฺถายฯ
Na ekantanibbidāyātiādīsu na-kārameva āharitvā ‘‘na virāgāyā’’tiādinā nayena sesapadehipi yojetabbaṃ. Na virāgāyātiādīsu sanakāro vā pāṭho. Tattha ekantanibbidāyāti ekantena vaṭṭe nibbindanatthāya na saṃvattantīti sambandho. Evaṃ sesesupi yojetabbaṃ. Virāgāyāti vaṭṭe virajjanatthāya. Nirodhāyāti vaṭṭassa nirodhanatthāya. Upasamāyāti nirodhitassa puna anuppattivasena vaṭṭassa upasamanatthāya. Abhiññāyāti vaṭṭassa abhijānanatthāya. Sambodhāyāti kilesaniddāvigamena vaṭṭato pabujjhanatthāya. Nibbānāyāti amatanibbānatthāya.
ยถาสมาทินฺนํ สิกฺขาปทํ วีติกฺกมายาติ ยถาสมาทินฺนสฺส สิกฺขาปทสฺส วีติกฺกมนตฺถายฯ วิภตฺติวิปลฺลาสวเสน ปเนตฺถ อุปโยควจนํ กตํฯ จิตฺตมฺปิ น อุปฺปาเทตีติ จิตฺตุปฺปาทสุทฺธิยา สีลสฺส อติวิสุทฺธภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, น ปน จิตฺตุปฺปาทมเตฺตน สีลํ ภิชฺชติฯ กิํ โส วีติกฺกมิสฺสตีติ กิมตฺถํ วีติกฺกมํ กริสฺสติ, เนว วีติกฺกมํ กริสฺสตีติ อโตฺถฯ อขณฺฑานีติอาทีนิ เหฎฺฐา วุตฺตปฎิปกฺขนเยน เวทิตพฺพานิฯ น ขณฺฑานีติปิ ปาโฐฯ ‘‘เอกนฺตนิพฺพิทายา’’ติอาทีสุ เอกเนฺตน วเฎฺฎ นิพฺพินฺทนตฺถายาติอาทินา นเยน โยเชตพฺพํ ฯ เอตฺถ ปน นิพฺพิทายาติ วิปสฺสนาฯ วิราคายาติ มโคฺคฯ นิโรธาย อุปสมายาติ นิพฺพานํฯ อภิญฺญาย สโมฺพธายาติ มโคฺคฯ นิพฺพานายาติ นิพฺพานเมวฯ เอกสฺมิํ ฐาเน วิปสฺสนา, ทฺวีสุ มโคฺค, ตีสุ นิพฺพานํ วุตฺตนฺติ เอวํ อวตฺถานกถา เวทิตพฺพาฯ ปริยาเยน ปน สพฺพานิเปตานิ มคฺคเววจนานิปิ นิพฺพานเววจนานิปิ โหนฺติเยวฯ
Yathāsamādinnaṃ sikkhāpadaṃ vītikkamāyāti yathāsamādinnassa sikkhāpadassa vītikkamanatthāya. Vibhattivipallāsavasena panettha upayogavacanaṃ kataṃ. Cittampi na uppādetīti cittuppādasuddhiyā sīlassa ativisuddhabhāvadassanatthaṃ vuttaṃ, na pana cittuppādamattena sīlaṃ bhijjati. Kiṃ so vītikkamissatīti kimatthaṃ vītikkamaṃ karissati, neva vītikkamaṃ karissatīti attho. Akhaṇḍānītiādīni heṭṭhā vuttapaṭipakkhanayena veditabbāni. Na khaṇḍānītipi pāṭho. ‘‘Ekantanibbidāyā’’tiādīsu ekantena vaṭṭe nibbindanatthāyātiādinā nayena yojetabbaṃ . Ettha pana nibbidāyāti vipassanā. Virāgāyāti maggo. Nirodhāya upasamāyāti nibbānaṃ. Abhiññāya sambodhāyāti maggo. Nibbānāyāti nibbānameva. Ekasmiṃ ṭhāne vipassanā, dvīsu maggo, tīsu nibbānaṃ vuttanti evaṃ avatthānakathā veditabbā. Pariyāyena pana sabbānipetāni maggavevacanānipi nibbānavevacanānipi hontiyeva.
๓๙. อิทานิ ปริยนฺตาปริยนฺตวเสน วิชฺชมานปเภทํ ทเสฺสตฺวา ปุน ธมฺมวเสน ชาติวเสน ปจฺจยวเสน สมฺปยุตฺตวเสน สีลสฺส ปเภทํ ทเสฺสตุํ กิํ สีลนฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ สมุฎฺฐาติ เอเตนาติ สมุฎฺฐานํฯ ปจฺจยเสฺสตํ นามํฯ กิํ สมุฎฺฐานมสฺสาติ กิํสมุฎฺฐานํฯ กตินํ ธมฺมานํ สโมธานํ สมวาโย อสฺสาติ กติธมฺมสโมธานํฯ
39. Idāni pariyantāpariyantavasena vijjamānapabhedaṃ dassetvā puna dhammavasena jātivasena paccayavasena sampayuttavasena sīlassa pabhedaṃ dassetuṃ kiṃ sīlantiādimāha. Tattha samuṭṭhāti etenāti samuṭṭhānaṃ. Paccayassetaṃ nāmaṃ. Kiṃ samuṭṭhānamassāti kiṃsamuṭṭhānaṃ. Katinaṃ dhammānaṃ samodhānaṃ samavāyo assāti katidhammasamodhānaṃ.
เจตนา สีลนฺติ ปาณาติปาตาทีหิ วิรมนฺตสฺส, วตฺตปฎิปตฺติํ วา ปูเรนฺตสฺส เจตนาฯ เจตสิกํ สีลนฺติ ปาณาติปาตาทีหิ วิรมนฺตสฺส วิรติฯ อปิจ เจตนา สีลํ นาม ปาณาติปาตาทีนิ ปชหนฺตสฺส สตฺตกมฺมปถเจตนา ฯ เจตสิกํ สีลํ นาม ‘‘อภิชฺฌํ โลเก ปหาย วิคตาภิเชฺฌน เจตสา วิหรตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๑๗) นเยน วุตฺตา อนภิชฺฌาอพฺยาปาทสมฺมาทิฎฺฐิธมฺมาฯ สํวโร สีลนฺติ เอตฺถ ปญฺจวิโธ สํวโร เวทิตโพฺพ – ปาติโมกฺขสํวโร, สติสํวโร, ญาณสํวโร, ขนฺติสํวโร, วีริยสํวโรติฯ ตตฺถ ‘‘อิมินา ปาติโมกฺขสํวเรน อุเปโต โหติ สมุเปโต’’ติ (วิภ. ๕๑๑) อยํ ปาติโมกฺขสํวโรฯ ‘‘รกฺขติ จกฺขุนฺทฺริยํ, จกฺขุนฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๑๓; ม. นิ. ๑.๒๙๕; สํ. นิ. ๔.๒๓๙; อ. นิ. ๓.๑๖) อยํ สติสํวโรฯ
Cetanāsīlanti pāṇātipātādīhi viramantassa, vattapaṭipattiṃ vā pūrentassa cetanā. Cetasikaṃ sīlanti pāṇātipātādīhi viramantassa virati. Apica cetanā sīlaṃ nāma pāṇātipātādīni pajahantassa sattakammapathacetanā . Cetasikaṃ sīlaṃ nāma ‘‘abhijjhaṃ loke pahāya vigatābhijjhena cetasā viharatī’’tiādinā (dī. ni. 1.217) nayena vuttā anabhijjhāabyāpādasammādiṭṭhidhammā. Saṃvaro sīlanti ettha pañcavidho saṃvaro veditabbo – pātimokkhasaṃvaro, satisaṃvaro, ñāṇasaṃvaro, khantisaṃvaro, vīriyasaṃvaroti. Tattha ‘‘iminā pātimokkhasaṃvarena upeto hoti samupeto’’ti (vibha. 511) ayaṃ pātimokkhasaṃvaro. ‘‘Rakkhati cakkhundriyaṃ, cakkhundriye saṃvaraṃ āpajjatī’’ti (dī. ni. 1.213; ma. ni. 1.295; saṃ. ni. 4.239; a. ni. 3.16) ayaṃ satisaṃvaro.
‘‘ยานิ โสตานิ โลกสฺมิํ, (อชิตาติ ภควา;)
‘‘Yāni sotāni lokasmiṃ, (ajitāti bhagavā;)
สติ เตสํ นิวารณํ;
Sati tesaṃ nivāraṇaṃ;
โสตานํ สํวรํ พฺรูมิ, ปญฺญาเยเต ปิธียเร’’ติฯ (สุ. นิ. ๑๐๔๑) –
Sotānaṃ saṃvaraṃ brūmi, paññāyete pidhīyare’’ti. (su. ni. 1041) –
อยํ ญาณสํวโรฯ ปจฺจยปฎิเสวนมฺปิ เอเตฺถว สโมธานํ คจฺฉติฯ โย ปนายํ ‘‘ขโม โหติ สีตสฺส อุณฺหสฺสา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๔; อ. นิ. ๔.๑๑๔; ๖.๕๘) นเยน อาคโต, อยํ ขนฺติสํวโร นามฯ โย จายํ ‘‘อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๖; อ. นิ. ๔.๑๑๔; ๖.๕๘) นเยน อาคโต, อยํ วีริยสํวโร นามฯ อาชีวปาริสุทฺธิปิ เอเตฺถว สโมธานํ คจฺฉติฯ อิติ อยํ ปญฺจวิโธปิ สํวโร, ยา จ ปาปภีรุกานํ กุลปุตฺตานํ สมฺปตฺตวตฺถุโต วิรติ, สพฺพเมตํ สํวรสีลนฺติ เวทิตพฺพํฯ อวีติกฺกโม สีลนฺติ สมาทินฺนสีลสฺส กายิกวาจสิโก อวีติกฺกโมฯ อิทํ ตาว กิํ สีลนฺติ ปญฺหสฺส วิสฺสชฺชนํฯ
Ayaṃ ñāṇasaṃvaro. Paccayapaṭisevanampi ettheva samodhānaṃ gacchati. Yo panāyaṃ ‘‘khamo hoti sītassa uṇhassā’’tiādinā (ma. ni. 1.24; a. ni. 4.114; 6.58) nayena āgato, ayaṃ khantisaṃvaro nāma. Yo cāyaṃ ‘‘uppannaṃ kāmavitakkaṃ nādhivāsetī’’tiādinā (ma. ni. 1.26; a. ni. 4.114; 6.58) nayena āgato, ayaṃ vīriyasaṃvaro nāma. Ājīvapārisuddhipi ettheva samodhānaṃ gacchati. Iti ayaṃ pañcavidhopi saṃvaro, yā ca pāpabhīrukānaṃ kulaputtānaṃ sampattavatthuto virati, sabbametaṃ saṃvarasīlanti veditabbaṃ. Avītikkamo sīlanti samādinnasīlassa kāyikavācasiko avītikkamo. Idaṃ tāva kiṃ sīlanti pañhassa vissajjanaṃ.
กติ สีลานีติ ปญฺหสฺส วิสฺสชฺชเน กุสลสีลํ อกุสลสีลํ อพฺยากตสีลนฺติ เอตฺถ ยสฺมา โลเก เตสํ เตสํ สตฺตานํ ปกติ สีลนฺติ วุจฺจติ, ยํ สนฺธาย ‘‘อยํ สุขสีโล, อยํ ทุกฺขสีโล, อยํ กลหสีโล, อยํ มณฺฑนสีโล’’ติ ภณนฺติฯ ตสฺมา เตน ปริยาเยน อตฺถุทฺธารวเสน อกุสลสีลมปิ สีลนฺติ วุตฺตํฯ ตํ ปน ‘‘สุตฺวาน สํวเร ปญฺญา’’ติ (ปฎิ. ม. ๑.๓๗) วจนโต อิธาธิเปฺปตสีลํ น โหตีติฯ
Kati sīlānīti pañhassa vissajjane kusalasīlaṃ akusalasīlaṃ abyākatasīlanti ettha yasmā loke tesaṃ tesaṃ sattānaṃ pakati sīlanti vuccati, yaṃ sandhāya ‘‘ayaṃ sukhasīlo, ayaṃ dukkhasīlo, ayaṃ kalahasīlo, ayaṃ maṇḍanasīlo’’ti bhaṇanti. Tasmā tena pariyāyena atthuddhāravasena akusalasīlamapi sīlanti vuttaṃ. Taṃ pana ‘‘sutvāna saṃvare paññā’’ti (paṭi. ma. 1.37) vacanato idhādhippetasīlaṃ na hotīti.
ยสฺมา ปน เจตนาทิเภทสฺส สีลสฺส สมฺปยุตฺตจิตฺตํ สมุฎฺฐานํ, ตสฺมา กุสลจิตฺตสมุฎฺฐานํ กุสลสีลนฺติอาทิมาหฯ
Yasmā pana cetanādibhedassa sīlassa sampayuttacittaṃ samuṭṭhānaṃ, tasmā kusalacittasamuṭṭhānaṃ kusalasīlantiādimāha.
สํวรสโมธานํ สีลนฺติ สํวรสมฺปยุตฺตขนฺธาฯ เต หิ สํวเรน สมาคตา มิสฺสีภูตาติ สํวรสโมธานนฺติ วุตฺตาฯ เอวํ อวีติกฺกมสโมธานํ สีลมฺปิ เวทิตพฺพํฯ ตถาภาเว ชาตเจตนา สโมธานํ สีลนฺติ สํวรภาเว อวีติกฺกมภาเว ชาตเจตนาสมฺปยุตฺตา ขนฺธาฯ ยสฺมา จ ตีสุปิ เจเตสุ ตํสมฺปยุตฺตา ธมฺมา อธิเปฺปตา, ตสฺมา เจตนาสโมธาเนน เจตสิกานมฺปิ สงฺคหิตตฺตา เจตสิกสโมธานสีลํ วิสุํ น นิทฺทิฎฺฐนฺติ เวทิตพฺพํฯ เหฎฺฐา เจตนาทโย ธมฺมา ‘‘สีล’’นฺติ วุตฺตาฯ น เกวลํ เต เอว สีลํ, ตํสมฺปยุตฺตา ธมฺมาปิ สีลเมวาติ ทสฺสนตฺถํ อยํ ติโก วุโตฺตติ เวทิตโพฺพฯ
Saṃvarasamodhānaṃ sīlanti saṃvarasampayuttakhandhā. Te hi saṃvarena samāgatā missībhūtāti saṃvarasamodhānanti vuttā. Evaṃ avītikkamasamodhānaṃ sīlampi veditabbaṃ. Tathābhāve jātacetanā samodhānaṃ sīlanti saṃvarabhāve avītikkamabhāve jātacetanāsampayuttā khandhā. Yasmā ca tīsupi cetesu taṃsampayuttā dhammā adhippetā, tasmā cetanāsamodhānena cetasikānampi saṅgahitattā cetasikasamodhānasīlaṃ visuṃ na niddiṭṭhanti veditabbaṃ. Heṭṭhā cetanādayo dhammā ‘‘sīla’’nti vuttā. Na kevalaṃ te eva sīlaṃ, taṃsampayuttā dhammāpi sīlamevāti dassanatthaṃ ayaṃ tiko vuttoti veditabbo.
๔๐. อิทานิ ยสฺมา เจตนาเจตสิกา สํวราวีติกฺกมาเยว โหนฺติ น วิสุํ, ตสฺมา สํวราวีติกฺกเมเยว ยาว อรหตฺตมคฺคา สาธารณกฺกเมน โยเชโนฺต ปาณาติปาตํ สํวรเฎฺฐน สีลํ, อวีติกฺกมเฎฺฐน สีลนฺติอาทิมาหฯ ปาณาติปาตา เวรมณิอาทโย หิ ยสฺมา อตฺตโน อตฺตโน ปจฺจนีกํ สํวรนฺติ, ตํ น วีติกฺกมนฺติ จ, ตสฺมา สํวรณโต อวีติกฺกมนโต จ สํวรเฎฺฐน สีลํ อวีติกฺกมเฎฺฐน สีลํ นาม โหติฯ ตตฺถ ปาณาติปาตํ สํวรเฎฺฐนาติ ปาณาติปาตสฺส ปิทหนเฎฺฐน สีลํฯ กิํ ตํ? ปาณาติปาตา เวรมณีฯ สา จ ตํ สํวรนฺตีเยว ตํ น วีติกฺกมตีติ อวีติกฺกมเฎฺฐน สีลํฯ เอวเมว อทินฺนาทานา เวรมณิอาทโย อนภิชฺฌาอพฺยาปาทสมฺมาทิฎฺฐิโย โยเชตพฺพาฯ
40. Idāni yasmā cetanācetasikā saṃvarāvītikkamāyeva honti na visuṃ, tasmā saṃvarāvītikkameyeva yāva arahattamaggā sādhāraṇakkamena yojento pāṇātipātaṃ saṃvaraṭṭhena sīlaṃ, avītikkamaṭṭhena sīlantiādimāha. Pāṇātipātā veramaṇiādayo hi yasmā attano attano paccanīkaṃ saṃvaranti, taṃ na vītikkamanti ca, tasmā saṃvaraṇato avītikkamanato ca saṃvaraṭṭhena sīlaṃ avītikkamaṭṭhena sīlaṃ nāma hoti. Tattha pāṇātipātaṃ saṃvaraṭṭhenāti pāṇātipātassa pidahanaṭṭhena sīlaṃ. Kiṃ taṃ? Pāṇātipātā veramaṇī. Sā ca taṃ saṃvarantīyeva taṃ na vītikkamatīti avītikkamaṭṭhena sīlaṃ. Evameva adinnādānā veramaṇiādayo anabhijjhāabyāpādasammādiṭṭhiyo yojetabbā.
ปาณาติปาตนฺติอาทีสุ ปน ทสสุ อกุสลกมฺมปเถสุ ปาณสฺส อติปาโต ปาณาติปาโตฯ ปาณวโธ ปาณฆาโตติ วุตฺตํ โหติฯ ปาโณติ เจตฺถ โวหารโต สโตฺต, ปรมตฺถโต ชีวิตินฺทฺริยํฯ ตสฺมิํ ปน ปาเณ ปาณสญฺญิโน ชีวิตินฺทฺริยุปเจฺฉทกอุปกฺกมสมุฎฺฐาปิกา กายวจีทฺวารานํ อญฺญตรทฺวารปฺปวตฺตา วธกเจตนา ปาณาติปาโตฯ โส คุณวิรหิเตสุ ติรจฺฉานคตาทีสุ ปาเณสุ ขุทฺทเก ปาเณ อปฺปสาวโชฺช, มหาสรีเร มหาสาวโชฺชฯ กสฺมา? ปโยคมหนฺตตายฯ ปโยคสมเตฺตปิ วตฺถุมหนฺตตายฯ คุณวเนฺตสุ มนุสฺสาทีสุ อปฺปคุเณ ปาเณ อปฺปสาวโชฺช, มหาคุเณ มหาสาวโชฺชฯ สรีรคุณานํ ปน สมภาเว สติ กิเลสานํ อุปกฺกมานญฺจ มุทุตาย อปฺปสาวโชฺช, ติพฺพตาย มหาสาวโชฺชติ เวทิตโพฺพฯ ตสฺส ปญฺจ สมฺภารา – ปาโณ, ปาณสญฺญิตา, วธกจิตฺตํ, อุปกฺกโม, เตน มรณนฺติฯ
Pāṇātipātantiādīsu pana dasasu akusalakammapathesu pāṇassa atipāto pāṇātipāto. Pāṇavadho pāṇaghātoti vuttaṃ hoti. Pāṇoti cettha vohārato satto, paramatthato jīvitindriyaṃ. Tasmiṃ pana pāṇe pāṇasaññino jīvitindriyupacchedakaupakkamasamuṭṭhāpikā kāyavacīdvārānaṃ aññataradvārappavattā vadhakacetanā pāṇātipāto. So guṇavirahitesu tiracchānagatādīsu pāṇesu khuddake pāṇe appasāvajjo, mahāsarīre mahāsāvajjo. Kasmā? Payogamahantatāya. Payogasamattepi vatthumahantatāya. Guṇavantesu manussādīsu appaguṇe pāṇe appasāvajjo, mahāguṇe mahāsāvajjo. Sarīraguṇānaṃ pana samabhāve sati kilesānaṃ upakkamānañca mudutāya appasāvajjo, tibbatāya mahāsāvajjoti veditabbo. Tassa pañca sambhārā – pāṇo, pāṇasaññitā, vadhakacittaṃ, upakkamo, tena maraṇanti.
อทินฺนสฺส อาทานํ อทินฺนาทานํ, ปรสํหรณํ, เถยฺยํ, โจริกาติ วุตฺตํ โหติฯ ตตฺถ อทินฺนนฺติ ปรปริคฺคหิตํ, ยตฺถ ปโร ยถากามการิตํ อาปชฺชโนฺต อทณฺฑารโห อนุปวโชฺช จ โหติ, ตสฺมิํ ปรปริคฺคหิเต ปรปริคฺคหิตสญฺญิโน ตทาทายกอุปกฺกมสมุฎฺฐาปิกา กายวจีทฺวารานํ อญฺญตรทฺวารปฺปวตฺตา เถยฺยเจตนา อทินฺนาทานํฯ ตํ หีเน ปรสนฺตเก อปฺปสาวชฺชํ, ปณีเต มหาสาวชฺชํฯ กสฺมา? วตฺถุปณีตตายฯ วตฺถุสมเตฺต สติ คุณาธิกานํ สนฺตเก วตฺถุสฺมิํ มหาสาวชฺชํ, ตํ ตํ คุณาธิกํ อุปาทาย ตโต ตโต หีนคุณสฺส สนฺตเก วตฺถุสฺมิํ อปฺปสาวชฺชํฯ ตสฺส ปญฺจ สมฺภารา – ปรปริคฺคหิตํ, ปรปริคฺคหิตสญฺญิตา เถยฺยจิตฺตํ, อุปกฺกโม, เตน หรณนฺติฯ
Adinnassa ādānaṃ adinnādānaṃ, parasaṃharaṇaṃ, theyyaṃ, corikāti vuttaṃ hoti. Tattha adinnanti parapariggahitaṃ, yattha paro yathākāmakāritaṃ āpajjanto adaṇḍāraho anupavajjo ca hoti, tasmiṃ parapariggahite parapariggahitasaññino tadādāyakaupakkamasamuṭṭhāpikā kāyavacīdvārānaṃ aññataradvārappavattā theyyacetanā adinnādānaṃ. Taṃ hīne parasantake appasāvajjaṃ, paṇīte mahāsāvajjaṃ. Kasmā? Vatthupaṇītatāya. Vatthusamatte sati guṇādhikānaṃ santake vatthusmiṃ mahāsāvajjaṃ, taṃ taṃ guṇādhikaṃ upādāya tato tato hīnaguṇassa santake vatthusmiṃ appasāvajjaṃ. Tassa pañca sambhārā – parapariggahitaṃ, parapariggahitasaññitā theyyacittaṃ, upakkamo, tena haraṇanti.
กาเมสูติ เมถุนสมาจาเรสุฯ มิจฺฉาจาโรติ เอกนฺตนินฺทิโต ลามกาจาโรฯ ลกฺขณโต ปน อสทฺธมฺมาธิปฺปาเยน กายทฺวารปฺปวตฺตา อคมนียฎฺฐานวีติกฺกมเจตนา กาเมสุ มิจฺฉาจาโรฯ
Kāmesūti methunasamācāresu. Micchācāroti ekantanindito lāmakācāro. Lakkhaṇato pana asaddhammādhippāyena kāyadvārappavattā agamanīyaṭṭhānavītikkamacetanā kāmesu micchācāro.
ตตฺถ อคมนียฎฺฐานํ นาม ปุริสานํ ตาว มาตุรกฺขิตา, ปิตุรกฺขิตา, มาตาปิตุรกฺขิตา, ภาตุรกฺขิตา, ภคินิรกฺขิตา, ญาติรกฺขิตา, โคตฺตรกฺขิตา, ธมฺมรกฺขิตา, สารกฺขา, สปริทณฺฑาติ มาตุรกฺขิตาทโย ทส, ธนกฺกีตา, ฉนฺทวาสินี, โภควาสินี, ปฎวาสินี, โอทปตฺตกินี, โอภตจุมฺพฎา, ทาสี จ, ภริยา จ, กมฺมการี จ ภริยา จ, ธชาหฎา มุหุตฺติกาติ ธนกฺกีตาทโย ทสาติ วีสติ อิตฺถิโยฯ อิตฺถีสุ ปน ทฺวินฺนํ สารกฺขสปริทณฺฑานํ ทสนฺนญฺจ ธนกฺกีตาทีนนฺติ ทฺวาทสนฺนํ อิตฺถีนํ อเญฺญ ปุริสา, อิทํ อคมนียฎฺฐานํ นามฯ
Tattha agamanīyaṭṭhānaṃ nāma purisānaṃ tāva māturakkhitā, piturakkhitā, mātāpiturakkhitā, bhāturakkhitā, bhaginirakkhitā, ñātirakkhitā, gottarakkhitā, dhammarakkhitā, sārakkhā, saparidaṇḍāti māturakkhitādayo dasa, dhanakkītā, chandavāsinī, bhogavāsinī, paṭavāsinī, odapattakinī, obhatacumbaṭā, dāsī ca, bhariyā ca, kammakārī ca bhariyā ca, dhajāhaṭā muhuttikāti dhanakkītādayo dasāti vīsati itthiyo. Itthīsu pana dvinnaṃ sārakkhasaparidaṇḍānaṃ dasannañca dhanakkītādīnanti dvādasannaṃ itthīnaṃ aññe purisā, idaṃ agamanīyaṭṭhānaṃ nāma.
โส ปเนส มิจฺฉาจาโร สีลาทิคุณรหิเต อคมนียฎฺฐาเน อปฺปสาวโชฺช, สีลาทิคุณสมฺปเนฺน มหาสาวโชฺชฯ ตสฺส จตฺตาโร สมฺภารา – อคมนียวตฺถุ, ตสฺมิํ เสวนจิตฺตํ, เสวนปโยโค, มเคฺคนมคฺคปฎิปตฺติอธิวาสนนฺติฯ
So panesa micchācāro sīlādiguṇarahite agamanīyaṭṭhāne appasāvajjo, sīlādiguṇasampanne mahāsāvajjo. Tassa cattāro sambhārā – agamanīyavatthu, tasmiṃ sevanacittaṃ, sevanapayogo, maggenamaggapaṭipattiadhivāsananti.
มุสาติ วิสํวาทนปุเรกฺขารสฺส อตฺถภญฺชโก วจีปโยโค, กายปโยโค วาฯ วิสํวาทนาธิปฺปาเยน ปนสฺส ปรวิสํวาทกกายวจีปโยคสมุฎฺฐาปิกา เจตนา มุสาวาโทฯ อปโร นโย – มุสาติ อภูตํ อตจฺฉํ วตฺถุฯ วาโทติ ตสฺส ภูตโต ตจฺฉโต วิญฺญาปนํฯ ลกฺขณโต ปน อตถํ วตฺถุํ ตถโต ปรํ วิญฺญาเปตุกามสฺส ตถาวิญฺญตฺติสมุฎฺฐาปิกา เจตนา มุสาวาโทฯ โส ยมตฺถํ ภญฺชติ, ตสฺส อปฺปตาย อปฺปสาวโชฺช, มหนฺตตาย มหาสาวโชฺชฯ อปิจ คหฎฺฐานํ อตฺตโน สนฺตกํ อทาตุกามตาย นตฺถีติอาทินยปฺปวโตฺต อปฺปสาวโชฺช, สกฺขินา หุตฺวา อตฺถภญฺชนตฺถํ วุโตฺต มหาสาวโชฺชฯ ปพฺพชิตานํ อปฺปกมฺปิ เตลํ วา สปฺปิํ วา ลภิตฺวา หสาธิปฺปาเยน ‘‘อชฺช คาเม เตลํ นที มเญฺญ สนฺทตี’’ติ ปูรณกถานเยน ปวโตฺต อปฺปสาวโชฺช, อทิฎฺฐํเยว ปน ทิฎฺฐนฺติอาทินา นเยน วทนฺตานํ มหาสาวโชฺชฯ ตสฺส จตฺตาโร สมฺภารา – อตถํ วตฺถุ, วิสํวาทนจิตฺตํ, ตโชฺช วายาโม, ปรสฺส ตทตฺถวิชานนนฺติฯ
Musāti visaṃvādanapurekkhārassa atthabhañjako vacīpayogo, kāyapayogo vā. Visaṃvādanādhippāyena panassa paravisaṃvādakakāyavacīpayogasamuṭṭhāpikā cetanā musāvādo. Aparo nayo – musāti abhūtaṃ atacchaṃ vatthu. Vādoti tassa bhūtato tacchato viññāpanaṃ. Lakkhaṇato pana atathaṃ vatthuṃ tathato paraṃ viññāpetukāmassa tathāviññattisamuṭṭhāpikā cetanā musāvādo. So yamatthaṃ bhañjati, tassa appatāya appasāvajjo, mahantatāya mahāsāvajjo. Apica gahaṭṭhānaṃ attano santakaṃ adātukāmatāya natthītiādinayappavatto appasāvajjo, sakkhinā hutvā atthabhañjanatthaṃ vutto mahāsāvajjo. Pabbajitānaṃ appakampi telaṃ vā sappiṃ vā labhitvā hasādhippāyena ‘‘ajja gāme telaṃ nadī maññe sandatī’’ti pūraṇakathānayena pavatto appasāvajjo, adiṭṭhaṃyeva pana diṭṭhantiādinā nayena vadantānaṃ mahāsāvajjo. Tassa cattāro sambhārā – atathaṃ vatthu, visaṃvādanacittaṃ, tajjo vāyāmo, parassa tadatthavijānananti.
ยาย วาจาย ยสฺส ตํ วาจํ ภาสติ, ตสฺส หทเย อตฺตโน ปิยภาวํ, ปรสฺส จ สุญฺญภาวํ กโรติ, สา ปิสุณา วาจาฯ ยาย ปน อตฺตานมฺปิ ปรมฺปิ ผรุสํ กโรติ, ยา วาจา สยมฺปิ ผรุสา เนว กณฺณสุขา น หทยสุขา วา, อยํ ผรุสา วาจาฯ เยน สมฺผํ ปลปติ นิรตฺถกํ, โส สมฺผปฺปลาโปฯ เตสํ มูลภูตา เจตนาปิ ปิสุณาวาจาทินามเมว ลภติฯ สา เอว จ อิธ อธิเปฺปตาติฯ
Yāya vācāya yassa taṃ vācaṃ bhāsati, tassa hadaye attano piyabhāvaṃ, parassa ca suññabhāvaṃ karoti, sā pisuṇā vācā. Yāya pana attānampi parampi pharusaṃ karoti, yā vācā sayampi pharusā neva kaṇṇasukhā na hadayasukhā vā, ayaṃ pharusā vācā. Yena samphaṃ palapati niratthakaṃ, so samphappalāpo. Tesaṃ mūlabhūtā cetanāpi pisuṇāvācādināmameva labhati. Sā eva ca idha adhippetāti.
ตตฺถ สํกิลิฎฺฐจิตฺตสฺส ปเรสํ วา เภทาย อตฺตโน ปิยกมฺยตาย วา กายวจีปโยคสมุฎฺฐาปิกา เจตนา ปิสุณา วาจาฯ สา ยสฺส เภทํ กโรติ, ตสฺส อปฺปคุณตาย อปฺปสาวชฺชา, มหาคุณตาย มหาสาวชฺชาฯ ตสฺสา จตฺตาโร สมฺภารา – ภินฺทิตโพฺพ ปโร, ‘‘อิติ อิเม นานา ภวิสฺสนฺตี’’ติ เภทปุเรกฺขารตา วา ‘‘อิติ อหํ ปิโย ภวิสฺสามิ วิสฺสาสิโก’’ติ ปิยกมฺยตา วา, ตโชฺช วายาโม, ตสฺส ตทตฺถวิชานนนฺติฯ ปเร ปน อภิเนฺน กมฺมปถเภโท นตฺถิ, ภิเนฺนเยว โหติฯ
Tattha saṃkiliṭṭhacittassa paresaṃ vā bhedāya attano piyakamyatāya vā kāyavacīpayogasamuṭṭhāpikā cetanā pisuṇā vācā. Sā yassa bhedaṃ karoti, tassa appaguṇatāya appasāvajjā, mahāguṇatāya mahāsāvajjā. Tassā cattāro sambhārā – bhinditabbo paro, ‘‘iti ime nānā bhavissantī’’ti bhedapurekkhāratā vā ‘‘iti ahaṃ piyo bhavissāmi vissāsiko’’ti piyakamyatā vā, tajjo vāyāmo, tassa tadatthavijānananti. Pare pana abhinne kammapathabhedo natthi, bhinneyeva hoti.
ปรสฺส มมฺมเจฺฉทกกายวจีปโยคสมุฎฺฐาปิกา เอกนฺตผรุสเจตนา ผรุสา วาจาฯ มมฺมเจฺฉทโกปิ ปน ปโยโค จิตฺตสณฺหตาย ผรุสา วาจา น โหติฯ มาตาปิตโร หิ กทาจิ ปุตฺตเก เอวมฺปิ วทนฺติ ‘‘โจรา โว ขณฺฑาขณฺฑิกํ กโรนฺตู’’ติฯ อุปฺปลปตฺตมฺปิ จ เนสํ อุปริ ปตนฺตํ น อิจฺฉนฺติฯ อาจริยุปชฺฌายา จ กทาจิ นิสฺสิตเก เอวํ วทนฺติ ‘‘กิํ อิเม อหิริกา อโนตฺตปฺปิโน, นิทฺธมถ เน’’ติฯ อถ จ เนสํ อาคมาธิคมสมฺปตฺติํ อิจฺฉนฺติฯ ยถา จ จิตฺตสณฺหตาย ผรุสา วาจา น โหติ, เอวํ วจนสณฺหตาย อผรุสา วาจาปิ น โหติฯ น หิ มาราเปตุกามสฺส ‘‘อิมํ สุขํ สยาเปถา’’ติ วจนํ อผรุสา วาจา โหติ, จิตฺตผรุสตาย ปเนสา ผรุสา วาจาวฯ สา ยํ สนฺธาย ปวตฺติตา, ตสฺส อปฺปคุณตาย อปฺปสาวชฺชา, มหาคุณตาย มหาสาวชฺชาฯ ตสฺสา ตโย สมฺภารา – อโกฺกสิตโพฺพ ปโร, กุปิตจิตฺตํ, อโกฺกสนาติฯ
Parassa mammacchedakakāyavacīpayogasamuṭṭhāpikā ekantapharusacetanā pharusā vācā. Mammacchedakopi pana payogo cittasaṇhatāya pharusā vācā na hoti. Mātāpitaro hi kadāci puttake evampi vadanti ‘‘corā vo khaṇḍākhaṇḍikaṃ karontū’’ti. Uppalapattampi ca nesaṃ upari patantaṃ na icchanti. Ācariyupajjhāyā ca kadāci nissitake evaṃ vadanti ‘‘kiṃ ime ahirikā anottappino, niddhamatha ne’’ti. Atha ca nesaṃ āgamādhigamasampattiṃ icchanti. Yathā ca cittasaṇhatāya pharusā vācā na hoti, evaṃ vacanasaṇhatāya apharusā vācāpi na hoti. Na hi mārāpetukāmassa ‘‘imaṃ sukhaṃ sayāpethā’’ti vacanaṃ apharusā vācā hoti, cittapharusatāya panesā pharusā vācāva. Sā yaṃ sandhāya pavattitā, tassa appaguṇatāya appasāvajjā, mahāguṇatāya mahāsāvajjā. Tassā tayo sambhārā – akkositabbo paro, kupitacittaṃ, akkosanāti.
อนตฺถวิญฺญาปิกา กายวจีปโยคสมุฎฺฐาปิกา อกุสลเจตนา สมฺผปฺปลาโปฯ โส อาเสวนมนฺทตาย อปฺปสาวโชฺช, อาเสวนมหนฺตตาย มหาสาวโชฺชฯ ตสฺส เทฺว สมฺภารา – ภารตยุทฺธสีตาหรณาทินิรตฺถกกถาปุเรกฺขารตา, ตถารูปิกถากถนญฺจาติฯ ปเร ปน ตํ กถํ อคณฺหเนฺต กมฺมปถเภโท นตฺถิ, ปเรน สมฺผปฺปลาเป คหิเตเยว โหติฯ
Anatthaviññāpikā kāyavacīpayogasamuṭṭhāpikā akusalacetanā samphappalāpo. So āsevanamandatāya appasāvajjo, āsevanamahantatāya mahāsāvajjo. Tassa dve sambhārā – bhāratayuddhasītāharaṇādiniratthakakathāpurekkhāratā, tathārūpikathākathanañcāti. Pare pana taṃ kathaṃ agaṇhante kammapathabhedo natthi, parena samphappalāpe gahiteyeva hoti.
อภิชฺฌายตีติ อภิชฺฌา, ปรภณฺฑาภิมุขี หุตฺวา ตนฺนินฺนตาย ปวตฺตตีติ อโตฺถฯ สา ‘‘อโห วต อิทํ มมสฺสา’’ติ เอวํ ปรภณฺฑาภิชฺฌายนลกฺขณา, อทินฺนาทานํ วิย อปฺปสาวชฺชา มหาสาวชฺชา จฯ ตสฺส เทฺว สมฺภารา – ปรภณฺฑํ, อตฺตโน ปริณามนญฺจาติฯ ปรภณฺฑวตฺถุเก หิ โลเภ อุปฺปเนฺนปิ น ตาว กมฺมปถเภโท โหติ, ยาว ‘‘อโห วต อิทํ มมสฺสา’’ติ อตฺตโน น ปริณาเมติฯ
Abhijjhāyatīti abhijjhā, parabhaṇḍābhimukhī hutvā tanninnatāya pavattatīti attho. Sā ‘‘aho vata idaṃ mamassā’’ti evaṃ parabhaṇḍābhijjhāyanalakkhaṇā, adinnādānaṃ viya appasāvajjā mahāsāvajjā ca. Tassa dve sambhārā – parabhaṇḍaṃ, attano pariṇāmanañcāti. Parabhaṇḍavatthuke hi lobhe uppannepi na tāva kammapathabhedo hoti, yāva ‘‘aho vata idaṃ mamassā’’ti attano na pariṇāmeti.
หิตสุขํ พฺยาปาทยตีติ พฺยาปาโทฯ โส ปรวินาสาย มโนปโทสลกฺขโณ, ผรุสา วาจา วิย อปฺปสาวโชฺช มหาสาวโชฺช จฯ ตสฺส เทฺว สมฺภารา – ปรสโตฺต จ, ตสฺส จ วินาสจินฺตาติฯ ปรสตฺตวตฺถุเก หิ โกเธ อุปฺปเนฺนปิ น ตาว กมฺมปถเภโท โหติ, ยาว ‘‘อโห วตายํ อุจฺฉิเชฺชยฺย วินเสฺสยฺยา’’ติ ตสฺส วินาสํ น จิเนฺตติฯ
Hitasukhaṃ byāpādayatīti byāpādo. So paravināsāya manopadosalakkhaṇo, pharusā vācā viya appasāvajjo mahāsāvajjo ca. Tassa dve sambhārā – parasatto ca, tassa ca vināsacintāti. Parasattavatthuke hi kodhe uppannepi na tāva kammapathabhedo hoti, yāva ‘‘aho vatāyaṃ ucchijjeyya vinasseyyā’’ti tassa vināsaṃ na cinteti.
ยถาภุจฺจคหณาภาเวน มิจฺฉา ปสฺสตีติ มิจฺฉาทิฎฺฐิฯ สา ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินา นเยน วิปรีตทสฺสนลกฺขณา, สมฺผปฺปลาโป วิย อปฺปสาวชฺชา, มหาสาวชฺชา จฯ อปิจ อนิยตา อปฺปสาวชฺชา, นิยตา มหาสาวชฺชาฯ ตสฺสา เทฺว สมฺภารา – วตฺถุโน จ คหิตาการวิปรีตตา, ยถา จ ตํ คณฺหาติ, ตถาภาเวน ตสฺสูปฎฺฐานนฺติฯ ตตฺถ นตฺถิกาเหตุกอกิริยทิฎฺฐีหิ เอว กมฺมปถเภโท โหติ, น อญฺญทิฎฺฐีหิฯ
Yathābhuccagahaṇābhāvena micchā passatīti micchādiṭṭhi. Sā ‘‘natthi dinna’’ntiādinā nayena viparītadassanalakkhaṇā, samphappalāpo viya appasāvajjā, mahāsāvajjā ca. Apica aniyatā appasāvajjā, niyatā mahāsāvajjā. Tassā dve sambhārā – vatthuno ca gahitākāraviparītatā, yathā ca taṃ gaṇhāti, tathābhāvena tassūpaṭṭhānanti. Tattha natthikāhetukaakiriyadiṭṭhīhi eva kammapathabhedo hoti, na aññadiṭṭhīhi.
อิเมสํ ปน ทสนฺนํ อกุสลกมฺมปถานํ ธมฺมโต, โกฎฺฐาสโต, อารมฺมณโต, เวทนาโต, มูลโตติ ปญฺจหากาเรหิ วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ
Imesaṃ pana dasannaṃ akusalakammapathānaṃ dhammato, koṭṭhāsato, ārammaṇato, vedanāto, mūlatoti pañcahākārehi vinicchayo veditabbo.
ตตฺถ ธมฺมโตติ เอเตสุ หิ สตฺต ปฎิปาฎิยา เจตนาธมฺมาว โหนฺติ, อภิชฺฌาทโย ตโย เจตนาสมฺปยุตฺตาฯ
Tattha dhammatoti etesu hi satta paṭipāṭiyā cetanādhammāva honti, abhijjhādayo tayo cetanāsampayuttā.
โกฎฺฐาสโตติ ปฎิปาฎิยา สตฺต, มิจฺฉาทิฎฺฐิ จาติ อิเม อฎฺฐ กมฺมปถา เอว โหนฺติ, โน มูลานิฯ อภิชฺฌาพฺยาปาทา กมฺมปถา เจว มูลานิ จฯ อภิชฺฌา หิ มูลํ ปตฺวา โลโภ อกุสลมูลํ โหติ, พฺยาปาโท โทโส อกุสลมูลํฯ
Koṭṭhāsatoti paṭipāṭiyā satta, micchādiṭṭhi cāti ime aṭṭha kammapathā eva honti, no mūlāni. Abhijjhābyāpādā kammapathā ceva mūlāni ca. Abhijjhā hi mūlaṃ patvā lobho akusalamūlaṃ hoti, byāpādo doso akusalamūlaṃ.
อารมฺมณโตติ ปาณาติปาโต ชีวิตินฺทฺริยารมฺมณโต สงฺขารารมฺมโณฯ อทินฺนาทานํ สตฺตารมฺมณํ วา สงฺขารารมฺมณํ วาฯ มิจฺฉาจาโร โผฎฺฐพฺพวเสน สงฺขารารมฺมโณ, สตฺตารมฺมโณติปิ เอเกฯ มุสาวาโท สตฺตารมฺมโณ วา สงฺขารารมฺมโณ วาฯ ตถา ปิสุณา วาจาฯ ผรุสา วาจา สตฺตารมฺมณาว สมฺผปฺปลาโป ทิฎฺฐสุตมุตวิญฺญาตวเสน สตฺตารมฺมโณ วา สงฺขารารมฺมโณ วาฯ ตถา อภิชฺฌาฯ พฺยาปาโท สตฺตารมฺมโณวฯ มิจฺฉาทิฎฺฐิ เตภูมกธมฺมวเสน สงฺขารารมฺมณาวฯ
Ārammaṇatoti pāṇātipāto jīvitindriyārammaṇato saṅkhārārammaṇo. Adinnādānaṃ sattārammaṇaṃ vā saṅkhārārammaṇaṃ vā. Micchācāro phoṭṭhabbavasena saṅkhārārammaṇo, sattārammaṇotipi eke. Musāvādo sattārammaṇo vā saṅkhārārammaṇo vā. Tathā pisuṇā vācā. Pharusā vācā sattārammaṇāva samphappalāpo diṭṭhasutamutaviññātavasena sattārammaṇo vā saṅkhārārammaṇo vā. Tathā abhijjhā. Byāpādo sattārammaṇova. Micchādiṭṭhi tebhūmakadhammavasena saṅkhārārammaṇāva.
เวทนาโตติ ปาณาติปาโต ทุกฺขเวทโน โหติฯ กิญฺจาปิ หิ ราชาโน โจรํ ทิสฺวา หสมานาปิ ‘‘คจฺฉถ ภเณ, มาเรถ น’’นฺติ วทนฺติ, สนฺนิฎฺฐาปกเจตนา ปน เนสํ ทุกฺขสมฺปยุตฺตาว โหติฯ อทินฺนาทานํ ติเวทนํฯ ตญฺหิ ปรภณฺฑํ ทิสฺวา หฎฺฐตุฎฺฐสฺส คณฺหโต สุขเวทนํ โหติ, ภีตตสิตสฺส คณฺหโต ทุกฺขเวทนํ, ตถา วิปากนิสฺสนฺทผลานิ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสฯ คหณกาเล มชฺฌตฺตภาเว ฐิตสฺส ปน คณฺหโต อทุกฺขมสุขเวทนํ โหติฯ มิจฺฉาจาโร สุขมชฺฌตฺตวเสน ทฺวิเวทโน, สนฺนิฎฺฐาปกจิเตฺต ปน มชฺฌตฺตเวทโน น โหติฯ มุสาวาโท อทินฺนาทาเน วุตฺตนเยเนว ติเวทโน, ตถา ปิสุณา วาจาฯ ผรุสา วาจา ทุกฺขเวทนาฯ สมฺผปฺปลาโป ติเวทโนฯ ปเรสุ หิ สาธุการํ เทเนฺตสุ เจลาทีนิ อุกฺขิปเนฺตสุ หฎฺฐตุฎฺฐสฺส สีตาหรณภารตยุทฺธาทีนิ กถนกาเล โส สุขเวทโน โหติ, ปฐมํ ทินฺนเวตเนน เอเกน ปจฺฉา อาคนฺตฺวา ‘‘อาทิโต ปฎฺฐาย กเถหี’’ติ วุเตฺต ‘‘นิรวเสสํ ยถานุสนฺธิกํ ปกิณฺณกกถํ กเถสฺสามิ นุ โข, โน’’ติ โทมนสฺสิตสฺส กถนกาเล ทุกฺขเวทโน โหติ, มชฺฌตฺตสฺส กถยโต อทุกฺขมสุขเวทโน โหติฯ อภิชฺฌา สุขมชฺฌตฺตวเสน ทฺวิเวทนา, ตถา มิจฺฉาทิฎฺฐิฯ พฺยาปาโท ทุกฺขเวทโนฯ
Vedanātoti pāṇātipāto dukkhavedano hoti. Kiñcāpi hi rājāno coraṃ disvā hasamānāpi ‘‘gacchatha bhaṇe, māretha na’’nti vadanti, sanniṭṭhāpakacetanā pana nesaṃ dukkhasampayuttāva hoti. Adinnādānaṃ tivedanaṃ. Tañhi parabhaṇḍaṃ disvā haṭṭhatuṭṭhassa gaṇhato sukhavedanaṃ hoti, bhītatasitassa gaṇhato dukkhavedanaṃ, tathā vipākanissandaphalāni paccavekkhantassa. Gahaṇakāle majjhattabhāve ṭhitassa pana gaṇhato adukkhamasukhavedanaṃ hoti. Micchācāro sukhamajjhattavasena dvivedano, sanniṭṭhāpakacitte pana majjhattavedano na hoti. Musāvādo adinnādāne vuttanayeneva tivedano, tathā pisuṇā vācā. Pharusā vācā dukkhavedanā. Samphappalāpo tivedano. Paresu hi sādhukāraṃ dentesu celādīni ukkhipantesu haṭṭhatuṭṭhassa sītāharaṇabhāratayuddhādīni kathanakāle so sukhavedano hoti, paṭhamaṃ dinnavetanena ekena pacchā āgantvā ‘‘ādito paṭṭhāya kathehī’’ti vutte ‘‘niravasesaṃ yathānusandhikaṃ pakiṇṇakakathaṃ kathessāmi nu kho, no’’ti domanassitassa kathanakāle dukkhavedano hoti, majjhattassa kathayato adukkhamasukhavedano hoti. Abhijjhā sukhamajjhattavasena dvivedanā, tathā micchādiṭṭhi. Byāpādo dukkhavedano.
มูลโตติ ปาณาติปาโต โทสโมหวเสน ทฺวิมูลโก โหติ, อทินฺนาทานํ โทสโมหวเสน วา โลภโมหวเสน วา, มิจฺฉาจาโร โลภโมหวเสน, มุสาวาโท โทสโมหวเสน วา โลภโมหวเสน วาฯ ตถา ปิสุณา วาจา สมฺผปฺปลาโป จฯ ผรุสา วาจา โทสโมหวเสน, อภิชฺฌา โมหวเสน เอกมูลา, ตถา พฺยาปาโทฯ มิจฺฉาทิฎฺฐิ โลภโมหวเสน ทฺวิมูลาติฯ
Mūlatoti pāṇātipāto dosamohavasena dvimūlako hoti, adinnādānaṃ dosamohavasena vā lobhamohavasena vā, micchācāro lobhamohavasena, musāvādo dosamohavasena vā lobhamohavasena vā. Tathā pisuṇā vācā samphappalāpo ca. Pharusā vācā dosamohavasena, abhijjhā mohavasena ekamūlā, tathā byāpādo. Micchādiṭṭhi lobhamohavasena dvimūlāti.
อกุสลกมฺมปถกถา นิฎฺฐิตาฯ
Akusalakammapathakathā niṭṭhitā.
ปาณาติปาตาทีหิ ปน วิรติโย, อนภิชฺฌาอพฺยาปาทสมฺมาทิฎฺฐิโย จาติ อิเม ทส กุสลกมฺมปถา นามฯ ปาณาติปาตาทีหิ เอตาย วิรมนฺติ, สยํ วา วิรมติ, วิรมณมตฺตเมว วา เอตนฺติ วิรติฯ ยา ปาณาติปาตาทีหิ วิรมนฺตสฺส กุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตา วิรติ, สา ปเภทโต ติวิธา โหติ สมฺปตฺตวิรติ สมาทานวิรติ สมุเจฺฉทวิรตีติฯ ตตฺถ อสมาทินฺนสิกฺขาปทานํ อตฺตโน ชาติวยพาหุสจฺจาทีนิ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ‘‘อยุตฺตํ อมฺหากํ เอวรูปํ ปาปํ กาตุ’’นฺติ สมฺปตฺตวตฺถุํ อวีติกฺกมนฺตานํ อุปฺปชฺชมานา วิรติ สมฺปตฺตวิรติ นามฯ สมาทินฺนสิกฺขาปทานํ ปน สิกฺขาปทสมาทาเน จ ตตุตฺตริ จ อตฺตโน ชีวิตมฺปิ ปริจฺจชิตฺวา วตฺถุํ อวีติกฺกมนฺตานํ อุปฺปชฺชมานา วิรติ สมาทานวิรติ นามฯ อริยมคฺคสมฺปยุตฺตา ปน วิรติ สมุเจฺฉทวิรติ นาม, ยสฺสา อุปฺปตฺติโต ปภุติ อริยปุคฺคลานํ ‘‘ปาณํ ฆาเตสฺสามา’’ติอาทิจิตฺตมฺปิ น อุปฺปชฺชตีติฯ
Pāṇātipātādīhi pana viratiyo, anabhijjhāabyāpādasammādiṭṭhiyo cāti ime dasa kusalakammapathā nāma. Pāṇātipātādīhi etāya viramanti, sayaṃ vā viramati, viramaṇamattameva vā etanti virati. Yā pāṇātipātādīhi viramantassa kusalacittasampayuttā virati, sā pabhedato tividhā hoti sampattavirati samādānavirati samucchedaviratīti. Tattha asamādinnasikkhāpadānaṃ attano jātivayabāhusaccādīni paccavekkhitvā ‘‘ayuttaṃ amhākaṃ evarūpaṃ pāpaṃ kātu’’nti sampattavatthuṃ avītikkamantānaṃ uppajjamānā virati sampattavirati nāma. Samādinnasikkhāpadānaṃ pana sikkhāpadasamādāne ca tatuttari ca attano jīvitampi pariccajitvā vatthuṃ avītikkamantānaṃ uppajjamānā virati samādānavirati nāma. Ariyamaggasampayuttā pana virati samucchedavirati nāma, yassā uppattito pabhuti ariyapuggalānaṃ ‘‘pāṇaṃ ghātessāmā’’tiādicittampi na uppajjatīti.
อิทานิ อกุสลกมฺมปถานํ วิย อิเมสํ กุสลกมฺมปถานํ ธมฺมโต, โกฎฺฐาสโต, อารมฺมณโต, เวทนาโต, มูลโตติ ปญฺจหากาเรหิ วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ
Idāni akusalakammapathānaṃ viya imesaṃ kusalakammapathānaṃ dhammato, koṭṭhāsato, ārammaṇato, vedanāto, mūlatoti pañcahākārehi vinicchayo veditabbo.
ตตฺถ ธมฺมโตติ เอเตสุปิ ปฎิปาฎิยา สตฺต เจตนาปิ วฎฺฎนฺติ วิรติโยปิ, อเนฺต ตโย เจตนาสมฺปยุตฺตาวฯ
Tattha dhammatoti etesupi paṭipāṭiyā satta cetanāpi vaṭṭanti viratiyopi, ante tayo cetanāsampayuttāva.
โกฎฺฐาสโตติ ปฎิปาฎิยา สตฺต กมฺมปถา เอว, โน มูลานิ, อเนฺต ตโย กมฺมปถา เจว มูลานิ จฯ อนภิชฺฌา หิ มูลํ ปตฺวา อโลโภ กุสลมูลํ โหติ, อพฺยาปาโท อโทโส กุสลมูลํ, สมฺมาทิฎฺฐิ อโมโห กุสลมูลํฯ
Koṭṭhāsatoti paṭipāṭiyā satta kammapathā eva, no mūlāni, ante tayo kammapathā ceva mūlāni ca. Anabhijjhā hi mūlaṃ patvā alobho kusalamūlaṃ hoti, abyāpādo adoso kusalamūlaṃ, sammādiṭṭhi amoho kusalamūlaṃ.
อารมฺมณโตติ ปาณาติปาตาทีนํ อารมฺมณาเนว เอเตสํ อารมฺมณานิฯ วีติกฺกมิตพฺพโตเยว หิ เวรมณี นาม โหติฯ ยถา ปน นิพฺพานารมฺมโณ อริยมโคฺค กิเลเส ปชหติ, เอวํ ชีวิตินฺทฺริยาทิอารมฺมณาเปเต กมฺมปถา ปาณาติปาตาทีนิ ทุสฺสีลฺยานิ ปชหนฺตีติฯ
Ārammaṇatoti pāṇātipātādīnaṃ ārammaṇāneva etesaṃ ārammaṇāni. Vītikkamitabbatoyeva hi veramaṇī nāma hoti. Yathā pana nibbānārammaṇo ariyamaggo kilese pajahati, evaṃ jīvitindriyādiārammaṇāpete kammapathā pāṇātipātādīni dussīlyāni pajahantīti.
เวทนาโตติ สเพฺพ สุขเวทนา วา โหนฺติ มชฺฌตฺตเวทนา วาฯ กุสลํ ปตฺวา หิ ทุกฺขา เวทนา นาม นตฺถิฯ
Vedanātoti sabbe sukhavedanā vā honti majjhattavedanā vā. Kusalaṃ patvā hi dukkhā vedanā nāma natthi.
มูลโตติ ปฎิปาฎิยา สตฺต ญาณสมฺปยุตฺตจิเตฺตน วิรมนฺตสฺส อโลภอโทสอโมหวเสน ติมูลา โหนฺติฯ ญาณวิปฺปยุตฺตจิเตฺตน วิรมนฺตสฺส อโลภาโทสวเสน ทฺวิมูลาฯ อนภิชฺฌา ญาณสมฺปยุตฺตจิเตฺตน วิรมนฺตสฺส อโทสอโมหวเสน ทฺวิมูลาฯ ญาณวิปฺปยุตฺตจิเตฺตน วิรมนฺตสฺส อโทสวเสน เอกมูลาฯ อโลโภ ปน อตฺตนาว อตฺตโน มูลํ น โหติฯ อพฺยาปาเทปิ เอเสว นโยฯ สมฺมาทิฎฺฐิ อโลภาโทสวเสน ทฺวิมูลาวาติฯ
Mūlatoti paṭipāṭiyā satta ñāṇasampayuttacittena viramantassa alobhaadosaamohavasena timūlā honti. Ñāṇavippayuttacittena viramantassa alobhādosavasena dvimūlā. Anabhijjhā ñāṇasampayuttacittena viramantassa adosaamohavasena dvimūlā. Ñāṇavippayuttacittena viramantassa adosavasena ekamūlā. Alobho pana attanāva attano mūlaṃ na hoti. Abyāpādepi eseva nayo. Sammādiṭṭhi alobhādosavasena dvimūlāvāti.
กุสลกมฺมปถกถา นิฎฺฐิตาฯ
Kusalakammapathakathā niṭṭhitā.
๔๑.
41.
เอวํ ทสกุสลกมฺมปถวเสน สีลํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ เนกฺขมฺมาทีนํ อรหตฺตมคฺคปริโยสานานํ สตฺตติํสธมฺมานํ วเสน ทเสฺสตุํ เนกฺขเมฺมน กามจฺฉนฺทํ สํวรเฎฺฐน สีลํ, อวีติกฺกมเฎฺฐน สีลนฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ ยสฺมา เนกฺขเมฺมน กามจฺฉนฺทํ สํวรติ น วีติกฺกมติ, ตสฺมา เนกฺขมฺมํ สีลนฺติ อธิปฺปาโยฯ ปจฺจตฺตเตฺถ วา กรณวจนํ, เนกฺขมฺมนฺติ อโตฺถฯ เอส นโย เสเสสุฯ ปาฬิยํ ปน เนกฺขมฺมอพฺยาปาเท ทเสฺสตฺวา เหฎฺฐา วุตฺตนยตฺตา เสสํ สงฺขิปิตฺวา อเนฺต อรหตฺตมโคฺคเยว ทสฺสิโตฯ
Evaṃ dasakusalakammapathavasena sīlaṃ dassetvā idāni nekkhammādīnaṃ arahattamaggapariyosānānaṃ sattatiṃsadhammānaṃ vasena dassetuṃ nekkhammena kāmacchandaṃ saṃvaraṭṭhena sīlaṃ, avītikkamaṭṭhena sīlantiādimāha. Tattha yasmā nekkhammena kāmacchandaṃ saṃvarati na vītikkamati, tasmā nekkhammaṃ sīlanti adhippāyo. Paccattatthe vā karaṇavacanaṃ, nekkhammanti attho. Esa nayo sesesu. Pāḷiyaṃ pana nekkhammaabyāpāde dassetvā heṭṭhā vuttanayattā sesaṃ saṅkhipitvā ante arahattamaggoyeva dassito.
เอวํ สํวรอวีติกฺกมวเสน สีลํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ เตสํเยว ทฺวินฺนํ ปเภททสฺสนตฺถํ ปญฺจ สีลานิ ปาณาติปาตสฺส ปหานํ สีลนฺติอาทิมาหฯ เอตฺถ จ ปาณาติปาตสฺส ปหานํ สีลํ, ปาณาติปาตา เวรมณี สีลํ, ปาณาติปาตสฺส ปฎิปกฺขเจตนา สีลํ, ปาณาติปาตสฺส สํวโร สีลํ, ปาณาติปาตสฺส อวีติกฺกโม สีลนฺติ โยชนา กาตพฺพาฯ ปหานนฺติ จ โกจิ ธโมฺม นาม นตฺถิ อญฺญตฺร วุตฺตปฺปการานํ ปาณาติปาตาทีนํ อนุปฺปาทมตฺตโตฯ ยสฺมา ปน ตํ ตํ ปหานํ ตสฺส ตสฺส กุสลสฺส ธมฺมสฺส ปติฎฺฐานเฎฺฐน อุปธารณํ โหติ, วิปฺปกิณฺณสภาวากรเณน จ สโมธานํ, ตสฺมา ปุเพฺพ วุเตฺตเนว อุปธารณสโมธานสงฺขาเตน สีลนเฎฺฐน สีลนฺติ วุตฺตํฯ อิตเร จตฺตาโร ธมฺมา ตโต ตโต เวรมณิวเสน ตสฺส ตสฺส สํวรวเสน ตทุภยสมฺปยุตฺตเจตนาวเสน ตํ ตํ อวีติกฺกมนฺตสฺส อวีติกฺกมวเสน จ เจตโส ปวตฺติสภาวํ สนฺธาย วุตฺตาฯ
Evaṃ saṃvaraavītikkamavasena sīlaṃ dassetvā idāni tesaṃyeva dvinnaṃ pabhedadassanatthaṃ pañca sīlāni pāṇātipātassa pahānaṃ sīlantiādimāha. Ettha ca pāṇātipātassa pahānaṃ sīlaṃ, pāṇātipātā veramaṇī sīlaṃ, pāṇātipātassa paṭipakkhacetanā sīlaṃ, pāṇātipātassa saṃvaro sīlaṃ, pāṇātipātassa avītikkamo sīlanti yojanā kātabbā. Pahānanti ca koci dhammo nāma natthi aññatra vuttappakārānaṃ pāṇātipātādīnaṃ anuppādamattato. Yasmā pana taṃ taṃ pahānaṃ tassa tassa kusalassa dhammassa patiṭṭhānaṭṭhena upadhāraṇaṃ hoti, vippakiṇṇasabhāvākaraṇena ca samodhānaṃ, tasmā pubbe vutteneva upadhāraṇasamodhānasaṅkhātena sīlanaṭṭhena sīlanti vuttaṃ. Itare cattāro dhammā tato tato veramaṇivasena tassa tassa saṃvaravasena tadubhayasampayuttacetanāvasena taṃ taṃ avītikkamantassa avītikkamavasena ca cetaso pavattisabhāvaṃ sandhāya vuttā.
อถ วา ปหานมฺปิ ธมฺมโต อตฺถิเยวฯ กถํ? ปหียเต อเนน ปาณาติปาตาทิปฎิปโกฺข, ปชหติ วา ตํ ปฎิปกฺขนฺติ ปหานํฯ กิํ ตํ? สเพฺพปิ กุสลา ขนฺธาฯ อเญฺญ ปน อาจริยา ‘‘เนกฺขมฺมาทีสุปิ ‘เวรมณี สีล’นฺติ วจนมตฺตํ คเหตฺวา สพฺพกุสเลสุปิ นิยตเยวาปนกภูตา วิรติ นาม อตฺถี’’ติ วทนฺติ, น ตถา อิธาติฯ เอวมิเมหิ ปหานาทีหิ ปญฺจหิ ปเทหิ วิเสเสตฺวา ปริยนฺตาปริยนฺตสีลทฺวเย อปริยนฺตสีลเมว วุตฺตํฯ ตสฺมา เอว หิ เอวรูปานิ สีลานิ จิตฺตสฺส อวิปฺปฎิสาราย สํวตฺตนฺติ…เป.… สจฺฉิกาตพฺพํ สจฺฉิกโรโนฺต สิกฺขตีติ วุตฺตํฯ
Atha vā pahānampi dhammato atthiyeva. Kathaṃ? Pahīyate anena pāṇātipātādipaṭipakkho, pajahati vā taṃ paṭipakkhanti pahānaṃ. Kiṃ taṃ? Sabbepi kusalā khandhā. Aññe pana ācariyā ‘‘nekkhammādīsupi ‘veramaṇī sīla’nti vacanamattaṃ gahetvā sabbakusalesupi niyatayevāpanakabhūtā virati nāma atthī’’ti vadanti, na tathā idhāti. Evamimehi pahānādīhi pañcahi padehi visesetvā pariyantāpariyantasīladvaye apariyantasīlameva vuttaṃ. Tasmā eva hi evarūpāni sīlāni cittassa avippaṭisārāya saṃvattanti…pe… sacchikātabbaṃ sacchikaronto sikkhatīti vuttaṃ.
ตตฺถ อวิปฺปฎิสาราย สํวตฺตนฺตีติ ‘‘สํวโร อวิปฺปฎิสารตฺถายา’’ติ (ปริ. ๓๖๖) จ ‘‘อวิปฺปฎิสารตฺถานิ โข, อานนฺท, กุสลานิ สีลานิ อวิปฺปฎิสารานิสํสานี’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๑; ๑๑.๑) จ วจนโต อวิปฺปฎิสารตฺถาย สํวตฺตนฺติฯ ‘‘อวิปฺปฎิสาโร ปาโมชฺชตฺถายา’’ติ (ปริ. ๓๖๖) จ ‘‘โยนิโส มนสิกโรโต ปาโมชฺชํ ชายตี’’ติ (ปฎิ. ม. ๑.๗๔) จ วจนโต ปาโมชฺชาย สํวตฺตนฺติฯ ‘‘ปาโมชฺชํ ปีตตฺถายา’’ติ (ปริ. ๓๖๖) จ ‘‘ปมุทิตสฺส ปีติ ชายตี’’ติ (อ. นิ. ๕.๒๖; สํ. นิ. ๕.๓๗๖; ที. นิ. ๓.๓๒๒) จ วจนโต ปีติยา สํวตฺตนฺติฯ ‘‘ปีติ ปสฺสทฺธตฺถายา’’ติ (ปริ. ๓๖๖) จ ‘‘ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภตี’’ติ (อ. นิ. ๕.๒๖; สํ. นิ. ๕.๓๗๖; ที. นิ. ๓.๓๒๒) จ วจนโต ปสฺสทฺธิยา สํวตฺตนฺติฯ ‘‘ปสฺสทฺธิ สุขตฺถายา’’ติ (ปริ. ๓๖๖) จ ‘‘ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวเทตี’’ติ (อ. นิ. ๕.๒๖; สํ. นิ. ๕.๓๗๖; ที. นิ. ๓.๓๒๒) จ วจนโต โสมนสฺสาย สํวตฺตนฺติฯ เจตสิกํ สุขญฺหิ โสมนสฺสนฺติ วุจฺจติฯ อาเสวนายาติ ภุสา เสวนา อาเสวนาฯ กสฺส อาเสวนา? อนนฺตรํ โสมนสฺสวจเนน สุขสฺส วุตฺตตฺตา สุขํ สิทฺธํฯ ‘‘สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยตี’’ติ (อ. นิ. ๕.๒๖; สํ. นิ. ๕.๓๗๖; ที. นิ. ๓.๓๒๒) จ วจนโต เตน สุเขน สมาธิ สิโทฺธ โหติฯ เอวํ สิทฺธสฺส สมาธิสฺส อาเสวนาฯ ตสฺส สมาธิสฺส อาเสวนาย สํวตฺตนฺติ, ปคุณพลวภาวาย สํวตฺตนฺตีติ อโตฺถฯ ภาวนายาติ ตเสฺสว สมาธิสฺส วุทฺธิยาฯ พหุลีกมฺมายาติ ตเสฺสว สมาธิสฺส ปุนปฺปุนํ กิริยายฯ อวิปฺปฎิสาราทิปวตฺติยา มูลการณํ หุตฺวา สมาธิสฺส สทฺธินฺทฺริยาทิอลงฺการสาธเนน อลงฺการาย สํวตฺตนฺติฯ อวิปฺปฎิสาราทิกสฺส สมาธิสมฺภารสฺส สาธเนน ปริกฺขาราย สํวตฺตนฺติฯ ‘‘เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๙๒) วิย หิ เอตฺถ สมฺภารโตฺถ ปริกฺขารสโทฺทฯ ‘‘รโถ สีลปริกฺขาโร, ฌานโกฺข จกฺกวีริโย’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๕๔) ปน อลงฺการโตฺถฯ ‘‘สตฺตหิ นครปริกฺขาเรหิ สุปริกฺขตํ โหตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๗.๖๗) ปริวารโตฺถฯ อิธ ปน อลงฺการปริวารานํ วิสุํ อาคตตฺตา สมฺภารโตฺถติ วุตฺตํฯ สมฺภารโตฺถ จ ปจฺจยโตฺถติฯ มูลการณภาเวเนว สมาธิสมฺปยุตฺตผสฺสาทิธมฺมสมฺปตฺติสาธเนน ปริวาราย สํวตฺตนฺติฯ สมาธิสฺส วิปสฺสนาย จ ปทฎฺฐานภาวปาปเนน วสีภาวปาปเนน จ ปริปุณฺณภาวสาธนโต ปาริปูริยา สํวตฺตนฺติฯ
Tattha avippaṭisārāya saṃvattantīti ‘‘saṃvaro avippaṭisāratthāyā’’ti (pari. 366) ca ‘‘avippaṭisāratthāni kho, ānanda, kusalāni sīlāni avippaṭisārānisaṃsānī’’ti (a. ni. 10.1; 11.1) ca vacanato avippaṭisāratthāya saṃvattanti. ‘‘Avippaṭisāro pāmojjatthāyā’’ti (pari. 366) ca ‘‘yoniso manasikaroto pāmojjaṃ jāyatī’’ti (paṭi. ma. 1.74) ca vacanato pāmojjāya saṃvattanti. ‘‘Pāmojjaṃ pītatthāyā’’ti (pari. 366) ca ‘‘pamuditassa pīti jāyatī’’ti (a. ni. 5.26; saṃ. ni. 5.376; dī. ni. 3.322) ca vacanato pītiyāsaṃvattanti. ‘‘Pīti passaddhatthāyā’’ti (pari. 366) ca ‘‘pītimanassa kāyo passambhatī’’ti (a. ni. 5.26; saṃ. ni. 5.376; dī. ni. 3.322) ca vacanato passaddhiyā saṃvattanti. ‘‘Passaddhi sukhatthāyā’’ti (pari. 366) ca ‘‘passaddhakāyo sukhaṃ vedetī’’ti (a. ni. 5.26; saṃ. ni. 5.376; dī. ni. 3.322) ca vacanato somanassāya saṃvattanti. Cetasikaṃ sukhañhi somanassanti vuccati. Āsevanāyāti bhusā sevanā āsevanā. Kassa āsevanā? Anantaraṃ somanassavacanena sukhassa vuttattā sukhaṃ siddhaṃ. ‘‘Sukhino cittaṃ samādhiyatī’’ti (a. ni. 5.26; saṃ. ni. 5.376; dī. ni. 3.322) ca vacanato tena sukhena samādhi siddho hoti. Evaṃ siddhassa samādhissa āsevanā. Tassa samādhissa āsevanāya saṃvattanti, paguṇabalavabhāvāya saṃvattantīti attho. Bhāvanāyāti tasseva samādhissa vuddhiyā. Bahulīkammāyāti tasseva samādhissa punappunaṃ kiriyāya. Avippaṭisārādipavattiyā mūlakāraṇaṃ hutvā samādhissa saddhindriyādialaṅkārasādhanena alaṅkārāya saṃvattanti. Avippaṭisārādikassa samādhisambhārassa sādhanena parikkhārāya saṃvattanti. ‘‘Ye ca kho ime pabbajitena jīvitaparikkhārā samudānetabbā’’tiādīsu (ma. ni. 1.192) viya hi ettha sambhārattho parikkhārasaddo. ‘‘Ratho sīlaparikkhāro, jhānakkho cakkavīriyo’’tiādīsu (saṃ. ni. 3.54) pana alaṅkārattho. ‘‘Sattahi nagaraparikkhārehi suparikkhataṃ hotī’’tiādīsu (a. ni. 7.67) parivārattho. Idha pana alaṅkāraparivārānaṃ visuṃ āgatattā sambhāratthoti vuttaṃ. Sambhārattho ca paccayatthoti. Mūlakāraṇabhāveneva samādhisampayuttaphassādidhammasampattisādhanena parivārāya saṃvattanti. Samādhissa vipassanāya ca padaṭṭhānabhāvapāpanena vasībhāvapāpanena ca paripuṇṇabhāvasādhanato pāripūriyā saṃvattanti.
เอวํ สีลูปนิสฺสเยน สพฺพาการปริปูรํ สมาธิํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ‘‘สมาหิเต จิเตฺต ยถาภูตํ ชานาติ ปสฺสติ, ยถาภูตํ ชานํ ปสฺสํ นิพฺพินฺทติ, นิพฺพินฺทํ วิรชฺชติ, วิราคา วิมุจฺจตี’’ติ (ปฎิ. ม. ๑.๗๓; ที. นิ. ๓.๓๕๙) วจนโต สีลมูลกานิ สมาธิปทฎฺฐานานิ ยถาภูตญาณทสฺสนาทีนิ ทเสฺสโนฺต เอกนฺตนิพฺพิทายาติอาทิมาหฯ นิพฺพิทาย หิ ทสฺสิตาย ตสฺสา ปทฎฺฐานภูตํ ยถาภูตญาณทสฺสนํ ทสฺสิตเมว โหติฯ ตสฺมิญฺหิ อสิเทฺธ นิพฺพิทา น สิชฺฌตีติฯ ตานิ ปน วุตฺตตฺถาเนวฯ ยถาภูตญาณทสฺสนํ ปเนตฺถ สปฺปจฺจยนามรูปปริคฺคโหฯ
Evaṃ sīlūpanissayena sabbākāraparipūraṃ samādhiṃ dassetvā idāni ‘‘samāhite citte yathābhūtaṃ jānāti passati, yathābhūtaṃ jānaṃ passaṃ nibbindati, nibbindaṃ virajjati, virāgā vimuccatī’’ti (paṭi. ma. 1.73; dī. ni. 3.359) vacanato sīlamūlakāni samādhipadaṭṭhānāni yathābhūtañāṇadassanādīni dassento ekantanibbidāyātiādimāha. Nibbidāya hi dassitāya tassā padaṭṭhānabhūtaṃ yathābhūtañāṇadassanaṃ dassitameva hoti. Tasmiñhi asiddhe nibbidā na sijjhatīti. Tāni pana vuttatthāneva. Yathābhūtañāṇadassanaṃ panettha sappaccayanāmarūpapariggaho.
เอวํ อมตมหานิพฺพานปริโยสานํ สีลปฺปโยชนํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ตสฺส สีลสฺส อธิสีลสิกฺขาภาวํ ตมฺมูลกา จ อธิจิตฺตอธิปญฺญาสิกฺขา ทเสฺสตุกาโม เอวรูปานํ สีลานํ สํวรปาริสุทฺธิ อธิสีลนฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ สํวโรเยว ปาริสุทฺธิ สํวรปาริสุทฺธิฯ เอวรูปานํ อปริยนฺตภูตานํ วิวฎฺฎนิสฺสิตานํ สีลานํ สํวรปาริสุทฺธิ วิวฎฺฎนิสฺสิตตฺตา เสสสีลโต อธิกํ สีลนฺติ อธิสีลนฺติ วุจฺจติฯ สํวรปาริสุทฺธิยา ฐิตํ จิตฺตนฺติ เอทิสาย สีลสํวรปาริสุทฺธิยา ปติฎฺฐิตํ จิตฺตํ สุฎฺฐุ อวิปฺปฎิสาราทีนํ อาวหนโต น วิเกฺขปํ คจฺฉติ, สมาธิสฺมิํ ปติฎฺฐาตีติ อโตฺถฯ อวิเกฺขโปเยว ปาริสุทฺธิ อวิเกฺขปปาริสุทฺธิฯ โส สพฺพมลวิรหิโต นิเพฺพธภาคิโย สมาธิ เสสสมาธิโต อธิกตฺตา อธิจิตฺตนฺติ วุจฺจติฯ จิตฺตสีเสน เหตฺถ สมาธิ นิทฺทิโฎฺฐฯ สํวรปาริสุทฺธิํ สมฺมา ปสฺสตีติ ปริสุทฺธํ สีลสํวรํ ญาตปริญฺญาวเสน ตีรณปริญฺญาวเสน จ สมฺมา ปสฺสติ, เอวเมว อวิเกฺขปปาริสุทฺธิสงฺขาตํ ปริสุทฺธํ สมาธิํ สมฺมา ปสฺสติฯ เอวํ ปสฺสโต จสฺส ทสฺสนสงฺขาตา ปาริสุทฺธิ ทสฺสนปาริสุทฺธิฯ สาเยว เสสปญฺญาย อธิกตฺตา อธิปญฺญาติ วุจฺจติฯ โย ตตฺถาติ โย ตตฺถ สํวรอวิเกฺขปทสฺสเนสุฯ สํวรโฎฺฐติ สํวรภาโวฯ เอวเมว อวิเกฺขปฎฺฐทสฺสนฎฺฐา จ เวทิตพฺพาฯ อธิสีลเมว สิกฺขา อธิสีลสิกฺขาฯ เอวํ อิตราปิ เวทิตพฺพาฯ
Evaṃ amatamahānibbānapariyosānaṃ sīlappayojanaṃ dassetvā idāni tassa sīlassa adhisīlasikkhābhāvaṃ tammūlakā ca adhicittaadhipaññāsikkhā dassetukāmo evarūpānaṃ sīlānaṃ saṃvarapārisuddhi adhisīlantiādimāha. Tattha saṃvaroyeva pārisuddhi saṃvarapārisuddhi. Evarūpānaṃ apariyantabhūtānaṃ vivaṭṭanissitānaṃ sīlānaṃ saṃvarapārisuddhi vivaṭṭanissitattā sesasīlato adhikaṃ sīlanti adhisīlanti vuccati. Saṃvarapārisuddhiyā ṭhitaṃ cittanti edisāya sīlasaṃvarapārisuddhiyā patiṭṭhitaṃ cittaṃ suṭṭhu avippaṭisārādīnaṃ āvahanato na vikkhepaṃ gacchati, samādhismiṃ patiṭṭhātīti attho. Avikkhepoyeva pārisuddhi avikkhepapārisuddhi. So sabbamalavirahito nibbedhabhāgiyo samādhi sesasamādhito adhikattā adhicittanti vuccati. Cittasīsena hettha samādhi niddiṭṭho. Saṃvarapārisuddhiṃ sammā passatīti parisuddhaṃ sīlasaṃvaraṃ ñātapariññāvasena tīraṇapariññāvasena ca sammā passati, evameva avikkhepapārisuddhisaṅkhātaṃ parisuddhaṃ samādhiṃ sammā passati. Evaṃ passato cassa dassanasaṅkhātā pārisuddhi dassanapārisuddhi. Sāyeva sesapaññāya adhikattā adhipaññāti vuccati. Yo tatthāti yo tattha saṃvaraavikkhepadassanesu. Saṃvaraṭṭhoti saṃvarabhāvo. Evameva avikkhepaṭṭhadassanaṭṭhā ca veditabbā. Adhisīlameva sikkhā adhisīlasikkhā. Evaṃ itarāpi veditabbā.
เอวํ ติโสฺส สิกฺขาโย ทเสฺสตฺวา อิทานิ ตาสํ ปาริปูริกฺกมํ ทเสฺสตุํ อิมา ติโสฺส สิกฺขาโย อาวชฺชโนฺต สิกฺขตีติอาทิมาหฯ ตสฺสโตฺถ – ปเจฺจกํ ปริปูเรตุํ อาวชฺชโนฺตปิ สิกฺขติ นาม, อาวเชฺชตฺวา ‘‘อยํ นาม สิกฺขา’’ติ ชานโนฺตปิ สิกฺขติ นาม, ชานิตฺวา ปุนปฺปุนํ ปสฺสโนฺตปิ สิกฺขติ นาม, ปสฺสิตฺวา ยถาทิฎฺฐํ ปจฺจเวกฺขโนฺตปิ สิกฺขติ นาม, ปจฺจเวกฺขิตฺวา ตเตฺถว จิตฺตํ อจลํ กตฺวา ปติฎฺฐเปโนฺตปิ สิกฺขติ นาม, ตํตํสิกฺขาสมฺปยุตฺตสทฺธาวีริยสติสมาธิปญฺญาหิ สกสกกิจฺจํ กโรโนฺตปิ สิกฺขติ นาม, อภิเญฺญยฺยาภิชานนาทิกาเลปิ ตํ ตํ กิจฺจํ กโรโนฺต ติโสฺสปิ สิกฺขาโย สิกฺขติ นามาติ ฯ ปุน ปญฺจ สีลานีติอาทีนิ วุตฺตตฺถาเนวฯ อรหตฺตมเคฺคน สพฺพกิเลสานนฺติอาทีสุ ปน อรหนฺตานํ สุฎฺฐุ วิปฺปฎิสาราทิอภาวโต อาเสวนาทิภาวโต จ ตานิ ปทานิ ยุชฺชเนฺตวฯ เอกนฺตนิพฺพิทายาติอาทีนิ ปน สติปฎฺฐานสมฺมปฺปธานานิ วิย มคฺคกฺขเณเยว โยเชตพฺพานิฯ
Evaṃ tisso sikkhāyo dassetvā idāni tāsaṃ pāripūrikkamaṃ dassetuṃ imā tisso sikkhāyo āvajjanto sikkhatītiādimāha. Tassattho – paccekaṃ paripūretuṃ āvajjantopi sikkhati nāma, āvajjetvā ‘‘ayaṃ nāma sikkhā’’ti jānantopi sikkhati nāma, jānitvā punappunaṃ passantopi sikkhati nāma, passitvā yathādiṭṭhaṃ paccavekkhantopi sikkhati nāma, paccavekkhitvā tattheva cittaṃ acalaṃ katvā patiṭṭhapentopi sikkhati nāma, taṃtaṃsikkhāsampayuttasaddhāvīriyasatisamādhipaññāhi sakasakakiccaṃ karontopi sikkhati nāma, abhiññeyyābhijānanādikālepi taṃ taṃ kiccaṃ karonto tissopi sikkhāyo sikkhati nāmāti . Puna pañca sīlānītiādīni vuttatthāneva. Arahattamaggena sabbakilesānantiādīsu pana arahantānaṃ suṭṭhu vippaṭisārādiabhāvato āsevanādibhāvato ca tāni padāni yujjanteva. Ekantanibbidāyātiādīni pana satipaṭṭhānasammappadhānāni viya maggakkhaṇeyeva yojetabbāni.
๔๒.
42.
สํวรปาริสุทฺธิํ สมฺมา ปสฺสติ, อวิเกฺขปปาริสุทฺธิํ สมฺมา ปสฺสตีติ อิทํ ปน วจนทฺวยํ ผลสมาปตฺตตฺถาย วิปสฺสนาวเสน โยเชตพฺพํ, ทุติยวจนํ ปน นิโรธสมาปตฺตตฺถาย วิปสฺสนาวเสนาปิ ยุชฺชติฯ อาวชฺชโนฺต สิกฺขตีติอาทีสุ ปญฺจสุ วจเนสุ อรหโต สิกฺขิตพฺพาภาเวปิ อเสกฺขสีลกฺขนฺธาทิสภาวโต ‘‘สิกฺขตี’’ติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ สทฺธาย อธิมุจฺจโนฺต สิกฺขตีติอาทีนิ ปน มคฺคกฺขณเญฺญว สนฺธาย วุตฺตานิฯ อญฺญานิปิ อุปจารปฺปนาวิปสฺสนามคฺควเสน วุตฺตานิ วจนานิ ยถาโยคํ โยเชตพฺพานีติฯ
Saṃvarapārisuddhiṃ sammā passati, avikkhepapārisuddhiṃ sammā passatīti idaṃ pana vacanadvayaṃ phalasamāpattatthāya vipassanāvasena yojetabbaṃ, dutiyavacanaṃ pana nirodhasamāpattatthāya vipassanāvasenāpi yujjati. Āvajjanto sikkhatītiādīsu pañcasu vacanesu arahato sikkhitabbābhāvepi asekkhasīlakkhandhādisabhāvato ‘‘sikkhatī’’ti vuttanti veditabbaṃ. Saddhāya adhimuccanto sikkhatītiādīni pana maggakkhaṇaññeva sandhāya vuttāni. Aññānipi upacārappanāvipassanāmaggavasena vuttāni vacanāni yathāyogaṃ yojetabbānīti.
สีลมยญาณนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sīlamayañāṇaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ปฎิสมฺภิทามคฺคปาฬิ • Paṭisambhidāmaggapāḷi / ๒. สีลมยญาณนิเทฺทโส • 2. Sīlamayañāṇaniddeso