Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๑๙๐] ๑๐. สีลานิสํสชาตกวณฺณนา
[190] 10. Sīlānisaṃsajātakavaṇṇanā
ปสฺส สทฺธาย สีลสฺสาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เอกํ สทฺธํ อุปาสกํ อารพฺภ กเถสิฯ โส กิร สโทฺธ ปสโนฺน อริยสาวโก เอกทิวสํ เชตวนํ คจฺฉโนฺต สายํ อจิรวตินทีตีรํ คนฺตฺวา นาวิเก นาวํ ตีเร ฐเปตฺวา ธมฺมสฺสวนตฺถาย คเต ติเตฺถ นาวํ อทิสฺวา พุทฺธารมฺมณํ ปีติํ คเหตฺวา นทิํ โอตริ, ปาทา อุทกมฺหิ น โอสีทิํสุฯ โส ปถวีตเล คจฺฉโนฺต วิย เวมชฺฌํ คตกาเล วีจิํ ปสฺสิฯ อถสฺส พุทฺธารมฺมณา ปีติ มนฺทา ชาตา, ปาทา โอสีทิตุํ อารภิํสุ, โส ปุน พุทฺธารมฺมณํ ปีติํ ทฬฺหํ กตฺวา อุทกปิเฎฺฐเนว คนฺตฺวา เชตวนํ ปวิสิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ สตฺถา เตน สทฺธิํ ปฎิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘อุปาสก, กจฺจิ มคฺคํ อาคจฺฉโนฺต อปฺปกิลมเถน อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ภเนฺต, พุทฺธารมฺมณํ ปีติํ คเหตฺวา อุทกปิเฎฺฐ ปติฎฺฐํ ลภิตฺวา ปถวิํ มทฺทโนฺต วิย อาคโตมฺหี’’ติ วุเตฺต ‘‘น โข ปน, อุปาสก, ตฺวเญฺญว พุทฺธคุเณ อนุสฺสริตฺวา ปติฎฺฐํ ลโทฺธ, ปุเพฺพปิ อุปาสกา สมุทฺทมเชฺฌ นาวาย ภินฺนาย พุทฺธคุเณ อนุสฺสรนฺตา ปติฎฺฐํ ลภิํสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ
Passasaddhāya sīlassāti idaṃ satthā jetavane viharanto ekaṃ saddhaṃ upāsakaṃ ārabbha kathesi. So kira saddho pasanno ariyasāvako ekadivasaṃ jetavanaṃ gacchanto sāyaṃ aciravatinadītīraṃ gantvā nāvike nāvaṃ tīre ṭhapetvā dhammassavanatthāya gate titthe nāvaṃ adisvā buddhārammaṇaṃ pītiṃ gahetvā nadiṃ otari, pādā udakamhi na osīdiṃsu. So pathavītale gacchanto viya vemajjhaṃ gatakāle vīciṃ passi. Athassa buddhārammaṇā pīti mandā jātā, pādā osīdituṃ ārabhiṃsu, so puna buddhārammaṇaṃ pītiṃ daḷhaṃ katvā udakapiṭṭheneva gantvā jetavanaṃ pavisitvā satthāraṃ vanditvā ekamantaṃ nisīdi. Satthā tena saddhiṃ paṭisanthāraṃ katvā ‘‘upāsaka, kacci maggaṃ āgacchanto appakilamathena āgatosī’’ti pucchitvā ‘‘bhante, buddhārammaṇaṃ pītiṃ gahetvā udakapiṭṭhe patiṭṭhaṃ labhitvā pathaviṃ maddanto viya āgatomhī’’ti vutte ‘‘na kho pana, upāsaka, tvaññeva buddhaguṇe anussaritvā patiṭṭhaṃ laddho, pubbepi upāsakā samuddamajjhe nāvāya bhinnāya buddhaguṇe anussarantā patiṭṭhaṃ labhiṃsū’’ti vatvā tena yācito atītaṃ āhari.
อตีเต กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล โสตาปโนฺน อริยสาวโก เอเกน นฺหาปิตกุฎุมฺพิเกน สทฺธิํ นาวํ อภิรุหิ, ตสฺส นฺหาปิตสฺส ภริยา ‘‘อยฺย, อิมสฺส สุขทุกฺขํ ตว ภาโร’’ติ นฺหาปิตํ ตสฺส อุปาสกสฺส หเตฺถ นิกฺขิปิฯ อถ สา นาวา สตฺตเม ทิวเส สมุทฺทมเชฺฌ ภินฺนา, เตปิ เทฺว ชนา เอกสฺมิํ ผลเก นิปนฺนา เอกํ ทีปกํ ปาปุณิํสุฯ ตตฺถ โส นฺหาปิโต สกุเณ มาเรตฺวา ปจิตฺวา ขาทโนฺต อุปาสกสฺสปิ เทติฯ อุปาสโก ‘‘อลํ มยฺห’’นฺติ น ขาทติฯ โส จิเนฺตสิ – ‘‘อิมสฺมิํ ฐาเน อมฺหากํ ฐเปตฺวา ตีณิ สรณานิ อญฺญา ปติฎฺฐา นตฺถี’’ติฯ โส ติณฺณํ รตนานํ คุเณ อนุสฺสริฯ อถสฺสานุสรนฺตสฺส ตสฺมิํ ทีปเก นิพฺพโตฺต นาคราชา อตฺตโน สรีรํ มหานาวํ กตฺวา มาเปสิ, สมุทฺทเทวตา นิยามโก อโหสิ, นาวา สตฺตหิ รตเนหิ ปูรยิตฺถ, ตโย กูปกา อินฺทนีลมณิมยา อเหสุํ, สุวณฺณมโย ลงฺกาโร, รชตมยานิ โยตฺตานิ, สุวณฺณมยานิ ยฎฺฐิผิยานิฯ
Atīte kassapasammāsambuddhakāle sotāpanno ariyasāvako ekena nhāpitakuṭumbikena saddhiṃ nāvaṃ abhiruhi, tassa nhāpitassa bhariyā ‘‘ayya, imassa sukhadukkhaṃ tava bhāro’’ti nhāpitaṃ tassa upāsakassa hatthe nikkhipi. Atha sā nāvā sattame divase samuddamajjhe bhinnā, tepi dve janā ekasmiṃ phalake nipannā ekaṃ dīpakaṃ pāpuṇiṃsu. Tattha so nhāpito sakuṇe māretvā pacitvā khādanto upāsakassapi deti. Upāsako ‘‘alaṃ mayha’’nti na khādati. So cintesi – ‘‘imasmiṃ ṭhāne amhākaṃ ṭhapetvā tīṇi saraṇāni aññā patiṭṭhā natthī’’ti. So tiṇṇaṃ ratanānaṃ guṇe anussari. Athassānusarantassa tasmiṃ dīpake nibbatto nāgarājā attano sarīraṃ mahānāvaṃ katvā māpesi, samuddadevatā niyāmako ahosi, nāvā sattahi ratanehi pūrayittha, tayo kūpakā indanīlamaṇimayā ahesuṃ, suvaṇṇamayo laṅkāro, rajatamayāni yottāni, suvaṇṇamayāni yaṭṭhiphiyāni.
สมุทฺทเทวตา นาวาย ฐตฺวา ‘‘อตฺถิ ชมฺพุทีปคมิกา’’ติ โฆเสสิฯ อุปาสโก ‘‘มยํ คมิสฺสามา’’ติ อาหฯ เตน หิ เอหิ, นาวํ อภิรุหาติฯ โส นาวํ อภิรุหิตฺวา นฺหาปิตํ ปโกฺกสิ, สมุทฺทเทวตา – ‘‘ตุยฺหเญฺญว ลพฺภติ, น เอตสฺสา’’ติ อาหฯ ‘‘กิํการณา’’ติ? ‘‘เอตสฺส สีลคุณาจาโร นตฺถิ, ตํ การณํฯ อหญฺหิ ตุยฺหํ นาวํ อาหริํ, น เอตสฺสา’’ติฯ ‘‘โหตุ, อหํ อตฺตนา ทินฺนทาเนน รกฺขิตสีเลน ภาวิตภาวนาย เอตสฺส ปตฺติํ ทมฺมี’’ติฯ นฺหาปิโต ‘‘อนุโมทามิ, สามี’’ติ อาหฯ เทวตา ‘‘อิทานิ คณฺหิสฺสามี’’ติ ตมฺปิ อาโรเปตฺวา อุโภปิ ชเน สมุทฺทา นิกฺขาเมตฺวา นทิยา พาราณสิํ คนฺตฺวา อตฺตโน อานุภาเวน ทฺวินฺนมฺปิ เตสํ เคเห ธนํ ปติฎฺฐเปตฺวา ‘‘ปณฺฑิเตเหว สทฺธิํ สํสโคฺค นาม กาตโพฺพฯ สเจ หิ อิมสฺส นฺหาปิตสฺส อิมินา อุปาสเกน สทฺธิํ สํสโคฺค นาภวิสฺส, สมุทฺทมเชฺฌเยว นสฺสิสฺสา’’ติ ปณฺฑิตสํสคฺคคุณํ กถยมานา อิมา คาถา อโวจ –
Samuddadevatā nāvāya ṭhatvā ‘‘atthi jambudīpagamikā’’ti ghosesi. Upāsako ‘‘mayaṃ gamissāmā’’ti āha. Tena hi ehi, nāvaṃ abhiruhāti. So nāvaṃ abhiruhitvā nhāpitaṃ pakkosi, samuddadevatā – ‘‘tuyhaññeva labbhati, na etassā’’ti āha. ‘‘Kiṃkāraṇā’’ti? ‘‘Etassa sīlaguṇācāro natthi, taṃ kāraṇaṃ. Ahañhi tuyhaṃ nāvaṃ āhariṃ, na etassā’’ti. ‘‘Hotu, ahaṃ attanā dinnadānena rakkhitasīlena bhāvitabhāvanāya etassa pattiṃ dammī’’ti. Nhāpito ‘‘anumodāmi, sāmī’’ti āha. Devatā ‘‘idāni gaṇhissāmī’’ti tampi āropetvā ubhopi jane samuddā nikkhāmetvā nadiyā bārāṇasiṃ gantvā attano ānubhāvena dvinnampi tesaṃ gehe dhanaṃ patiṭṭhapetvā ‘‘paṇḍiteheva saddhiṃ saṃsaggo nāma kātabbo. Sace hi imassa nhāpitassa iminā upāsakena saddhiṃ saṃsaggo nābhavissa, samuddamajjheyeva nassissā’’ti paṇḍitasaṃsaggaguṇaṃ kathayamānā imā gāthā avoca –
๗๙.
79.
‘‘ปสฺส สทฺธาย สีลสฺส, จาคสฺส จ อยํ ผลํ;
‘‘Passa saddhāya sīlassa, cāgassa ca ayaṃ phalaṃ;
นาโค นาวาย วเณฺณน, สทฺธํ วหตุปาสกํฯ
Nāgo nāvāya vaṇṇena, saddhaṃ vahatupāsakaṃ.
๘๐.
80.
‘‘สพฺภิเรว สมาเสถ, สพฺภิ กุเพฺพถ สนฺถวํ;
‘‘Sabbhireva samāsetha, sabbhi kubbetha santhavaṃ;
สตญฺหิ สนฺนิวาเสน, โสตฺถิํ คจฺฉติ นฺหาปิโต’’ติฯ
Satañhi sannivāsena, sotthiṃ gacchati nhāpito’’ti.
ตตฺถ ปสฺสาติ กญฺจิ อนิยเมตฺวา ปสฺสถาติ อาลปติฯ สทฺธายาติ โลกิยโลกุตฺตราย สทฺธายฯ สีเลปิ เอเสว นโยฯ จาคสฺสาติ เทยฺยธมฺมปริจฺจาคสฺส เจว กิเลสปริจฺจาคสฺส จฯ อยํ ผลนฺติ อิทํ ผลํ, คุณํ อานิสํสนฺติ อโตฺถฯ อถ วา จาคสฺส จ ผลํ ปสฺส, อยํ นาโค นาวาย วเณฺณนาติ เอวเมฺปตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ นาวาย วเณฺณนาติ นาวาย สณฺฐาเนนฯ สทฺธนฺติ ตีสุ รตเนสุ ปติฎฺฐิตสทฺธํฯ สพฺภิเรวาติ ปณฺฑิเตหิเยว ฯ สมาเสถาติ เอกโต อาวเสยฺย, อุปวเสยฺยาติ อโตฺถฯ กุเพฺพถาติ กเรยฺยฯ สนฺถวนฺติ มิตฺตสนฺถวํฯ ตณฺหาสนฺถโว ปน เกนจิปิ สทฺธิํ น กาตโพฺพฯ นฺหาปิโตติ นฺหาปิตกุฎุมฺพิโกฯ ‘‘นหาปิโต’’ติปิ ปาโฐฯ
Tattha passāti kañci aniyametvā passathāti ālapati. Saddhāyāti lokiyalokuttarāya saddhāya. Sīlepi eseva nayo. Cāgassāti deyyadhammapariccāgassa ceva kilesapariccāgassa ca. Ayaṃ phalanti idaṃ phalaṃ, guṇaṃ ānisaṃsanti attho. Atha vā cāgassa ca phalaṃ passa, ayaṃ nāgo nāvāya vaṇṇenāti evampettha attho daṭṭhabbo. Nāvāya vaṇṇenāti nāvāya saṇṭhānena. Saddhanti tīsu ratanesu patiṭṭhitasaddhaṃ. Sabbhirevāti paṇḍitehiyeva . Samāsethāti ekato āvaseyya, upavaseyyāti attho. Kubbethāti kareyya. Santhavanti mittasanthavaṃ. Taṇhāsanthavo pana kenacipi saddhiṃ na kātabbo. Nhāpitoti nhāpitakuṭumbiko. ‘‘Nahāpito’’tipi pāṭho.
เอวํ สมุทฺทเทวตา อากาเส ฐตฺวา ธมฺมํ เทเสตฺวา โอวทิตฺวา นาคราชานํ คณฺหิตฺวา อตฺตโน วิมานเมว อคมาสิฯ
Evaṃ samuddadevatā ākāse ṭhatvā dhammaṃ desetvā ovaditvā nāgarājānaṃ gaṇhitvā attano vimānameva agamāsi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – สจฺจปริโยสาเน อุปาสโก สกทาคามิผเล ปติฎฺฐหิฯ ‘‘ตทา โสตาปนฺนอุปาสโก ปรินิพฺพายิ, นาคราชา สาริปุโตฺต อโหสิ, สมุทฺทเทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā saccāni pakāsetvā jātakaṃ samodhānesi – saccapariyosāne upāsako sakadāgāmiphale patiṭṭhahi. ‘‘Tadā sotāpannaupāsako parinibbāyi, nāgarājā sāriputto ahosi, samuddadevatā pana ahameva ahosi’’nti.
สีลานิสํสชาตกวณฺณนา ทสมาฯ
Sīlānisaṃsajātakavaṇṇanā dasamā.
อสทิสวโคฺค จตุโตฺถฯ
Asadisavaggo catuttho.
ตสฺสุทฺทานํ –
Tassuddānaṃ –
อสทิสญฺจ สงฺคามํ, วาโลทกํ คิริทตฺตํ;
Asadisañca saṅgāmaṃ, vālodakaṃ giridattaṃ;
นภิรติ ทธิวาหํ, จตุมฎฺฐํ สีหโกฎฺฐํ;
Nabhirati dadhivāhaṃ, catumaṭṭhaṃ sīhakoṭṭhaṃ;
สีหจมฺมํ สีลานิสํสํฯ
Sīhacammaṃ sīlānisaṃsaṃ.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๑๙๐. สีลานิสํสชาตกํ • 190. Sīlānisaṃsajātakaṃ