Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อิติวุตฺตก-อฎฺฐกถา • Itivuttaka-aṭṭhakathā

    ๕. สีลสมฺปนฺนสุตฺตวณฺณนา

    5. Sīlasampannasuttavaṇṇanā

    ๑๐๔. ปญฺจเม สีลสมฺปนฺนาติ เอตฺถ สีลํ นาม ขีณาสวานํ โลกิยโลกุตฺตรสีลํ, เตน สมฺปนฺนา สมนฺนาคตาติ สีลสมฺปนฺนาฯ สมาธิปญฺญาสุปิ เอเสว นโยฯ วิมุตฺติ ปน ผลวิมุตฺติเยว, วิมุตฺติญาณทสฺสนํ ปจฺจเวกฺขณญาณํฯ เอวเมตฺถ สีลาทโย ตโย โลกิยโลกุตฺตรา, วิมุตฺติ โลกุตฺตราว, วิมุตฺติญาณทสฺสนํ โลกิยเมวฯ ทิฎฺฐธมฺมิกสมฺปรายิกปรมเตฺถหิ ยถารหํ ปเร โอวทนฺติ อนุสาสนฺตีติ โอวาทกาฯ วิญฺญาปกาติ กมฺมานิ กมฺมผลานิ จ, วิญฺญาปกา, ตตฺถ จ ‘‘อิเม ธมฺมา กุสลา, อิเม ธมฺมา อกุสลาฯ อิเม ธมฺมา สาวชฺชา, อิเม ธมฺมา อนวชฺชา’’ติอาทินา กุสลาทิวิภาคโต ขนฺธาทิวิภาคโต สลกฺขณโต สามญฺญลกฺขณโตติ วิวิเธหิ นเยหิ ธมฺมานํ ญาปกา อวโพธกา ฯ สนฺทสฺสกาติ เตเยว ธเมฺม หเตฺถน คเหตฺวา วิย ปรสฺส ปจฺจกฺขโต ทเสฺสตาโรฯ สมาทปกาติ ยํ สีลาทิ เยหิ อสมาทินฺนํ, ตสฺส สมาทาเปตาโร, ตตฺถ เต ปติฎฺฐาเปตาโรฯ สมุเตฺตชกาติ เอวํ กุสลธเมฺมสุ ปติฎฺฐิตานํ อุปริ อธิจิตฺตานุโยเค นิโยชนวเสน จิตฺตสฺส สมฺมา อุเตฺตชกา, ยถา วิเสสาธิคโม โหติ, เอวํ นิสามนวเสน เตชกาฯ สมฺปหํสกาติ เตสํ ยถาลเทฺธหิ อุปริลทฺธเพฺพหิ จ คุณวิเสเสหิ จิตฺตสฺส สมฺมา ปหํสกา, ลทฺธสฺสาทวเสน สุฎฺฐุ โตสกาฯ อลํสมกฺขาตาโรติ อลํ ปริยตฺตํ ยถาวุตฺตํ อปริหาเปตฺวา สมฺมเทว อนุคฺคหาธิปฺปาเยน อกฺขาตาโรฯ

    104. Pañcame sīlasampannāti ettha sīlaṃ nāma khīṇāsavānaṃ lokiyalokuttarasīlaṃ, tena sampannā samannāgatāti sīlasampannā. Samādhipaññāsupi eseva nayo. Vimutti pana phalavimuttiyeva, vimuttiñāṇadassanaṃ paccavekkhaṇañāṇaṃ. Evamettha sīlādayo tayo lokiyalokuttarā, vimutti lokuttarāva, vimuttiñāṇadassanaṃ lokiyameva. Diṭṭhadhammikasamparāyikaparamatthehi yathārahaṃ pare ovadanti anusāsantīti ovādakā. Viññāpakāti kammāni kammaphalāni ca, viññāpakā, tattha ca ‘‘ime dhammā kusalā, ime dhammā akusalā. Ime dhammā sāvajjā, ime dhammā anavajjā’’tiādinā kusalādivibhāgato khandhādivibhāgato salakkhaṇato sāmaññalakkhaṇatoti vividhehi nayehi dhammānaṃ ñāpakā avabodhakā . Sandassakāti teyeva dhamme hatthena gahetvā viya parassa paccakkhato dassetāro. Samādapakāti yaṃ sīlādi yehi asamādinnaṃ, tassa samādāpetāro, tattha te patiṭṭhāpetāro. Samuttejakāti evaṃ kusaladhammesu patiṭṭhitānaṃ upari adhicittānuyoge niyojanavasena cittassa sammā uttejakā, yathā visesādhigamo hoti, evaṃ nisāmanavasena tejakā. Sampahaṃsakāti tesaṃ yathāladdhehi upariladdhabbehi ca guṇavisesehi cittassa sammā pahaṃsakā, laddhassādavasena suṭṭhu tosakā. Alaṃsamakkhātāroti alaṃ pariyattaṃ yathāvuttaṃ aparihāpetvā sammadeva anuggahādhippāyena akkhātāro.

    อถ วา สนฺทสฺสกาติ ธมฺมํ เทเสนฺตา ปวตฺตินิวตฺติโย สภาวสรสลกฺขณโต สมฺมเทว ทเสฺสตาโรฯ สมาทปกาติ จิเตฺต ปติฎฺฐาปนวเสน ตเสฺสว อตฺถสฺส คาหาปกาฯ สมุเตฺตชกาติ ตทตฺถคฺคหเณ อุสฺสาหชนเนน สมฺมเทว โวทปกา โชตกา วาฯ สมฺปหํสกาติ ตทตฺถปฎิปตฺติยํ อานิสํสทสฺสเนน สมฺมเทว ปหํสกา โตสกาฯ อลํสมกฺขาตาโรติ สมตฺถา หุตฺวา วุตฺตนเยน สมกฺขาตาโรฯ สทฺธมฺมสฺสาติ ปฎิเวธสทฺธมฺมสฺส, ติวิธสฺสาปิ วา สทฺธมฺมสฺส เทเสตาโรฯ

    Atha vā sandassakāti dhammaṃ desentā pavattinivattiyo sabhāvasarasalakkhaṇato sammadeva dassetāro. Samādapakāti citte patiṭṭhāpanavasena tasseva atthassa gāhāpakā. Samuttejakāti tadatthaggahaṇe ussāhajananena sammadeva vodapakā jotakā vā. Sampahaṃsakāti tadatthapaṭipattiyaṃ ānisaṃsadassanena sammadeva pahaṃsakā tosakā. Alaṃsamakkhātāroti samatthā hutvā vuttanayena samakkhātāro. Saddhammassāti paṭivedhasaddhammassa, tividhassāpi vā saddhammassa desetāro.

    ทสฺสนมฺปหนฺติ ทสฺสนมฺปิ อหํฯ ตํ ปเนตํ จกฺขุทสฺสนํ ญาณทสฺสนนฺติ ทุวิธํฯ ตตฺถ ปสเนฺนหิ จกฺขูหิ อริยานํ โอโลกนํ จกฺขุทสฺสนํ นามฯ อริยภาวกรานํ ปน ธมฺมานํ อริยภาวสฺส จ วิปสฺสนามคฺคผเลหิ อธิคโม ญาณทสฺสนํ นามฯ อิมสฺมิํ ปนเตฺถ จกฺขุทสฺสนํ อธิเปฺปตํฯ อริยานญฺหิ ปสเนฺนหิ จกฺขูหิ โอโลกนมฺปิ สตฺตานํ พหูปการเมวฯ สวนนฺติ ‘‘อสุโก นาม ขีณาสโว อสุกสฺมิํ นาม รเฎฺฐ วา ชนปเท วา คาเม วา นิคเม วา วิหาเร วา เลเณ วา วสตี’’ติ กเถนฺตานํ โสเตน สวนํ, เอตมฺปิ พหูปการเมวฯ อุปสงฺกมนนฺติ ‘‘ทานํ วา ทสฺสามิ, ปญฺหํ วา ปุจฺฉิสฺสามิ, ธมฺมํ วา โสสฺสามิ, สกฺการํ วา กริสฺสามี’’ติ เอวรูเปน จิเตฺตน อริยานํ อุปสงฺกมนํฯ ปยิรุปาสนนฺติ ปญฺหปยิรุปาสนํ, อริยานํ คุเณ สุตฺวา เต อุปสงฺกมิตฺวา นิมเนฺตตฺวา ทานํ วา ทตฺวา วตฺตํ วา กตฺวา ‘‘กิํ, ภเนฺต, กุสล’’นฺติอาทินา นเยน ปญฺหปุจฺฉนนฺติ อโตฺถฯ เวยฺยาวจฺจาทิกรณํ ปยิรุปาสนํเยวฯ อนุสฺสรณนฺติ รตฺติฎฺฐานทิวาฎฺฐาเนสุ นิสินฺนสฺส ‘‘อิทานิ อริยา คุมฺพเลณมณฺฑปาทีสุ ฌานวิปสฺสนามคฺคผลสุเขหิ วีตินาเมนฺตี’’ติ เตสํ ทิพฺพวิหาราทิคุณวิเสสารมฺมณํ อนุสฺสรณํฯ โย วา เตสํ สนฺติกา โอวาโท ลโทฺธ โหติ, ตํ อาวชฺชิตฺวา ‘‘อิมสฺมิํ ฐาเน สีลํ กถิตํ, อิมสฺมิํ สมาธิ, อิมสฺมิํ วิปสฺสนา, อิมสฺมิํ มโคฺค, อิมสฺมิํ ผล’’นฺติ เอวํ อนุสฺสรณํฯ

    Dassanampahanti dassanampi ahaṃ. Taṃ panetaṃ cakkhudassanaṃ ñāṇadassananti duvidhaṃ. Tattha pasannehi cakkhūhi ariyānaṃ olokanaṃ cakkhudassanaṃ nāma. Ariyabhāvakarānaṃ pana dhammānaṃ ariyabhāvassa ca vipassanāmaggaphalehi adhigamo ñāṇadassanaṃ nāma. Imasmiṃ panatthe cakkhudassanaṃ adhippetaṃ. Ariyānañhi pasannehi cakkhūhi olokanampi sattānaṃ bahūpakārameva. Savananti ‘‘asuko nāma khīṇāsavo asukasmiṃ nāma raṭṭhe vā janapade vā gāme vā nigame vā vihāre vā leṇe vā vasatī’’ti kathentānaṃ sotena savanaṃ, etampi bahūpakārameva. Upasaṅkamananti ‘‘dānaṃ vā dassāmi, pañhaṃ vā pucchissāmi, dhammaṃ vā sossāmi, sakkāraṃ vā karissāmī’’ti evarūpena cittena ariyānaṃ upasaṅkamanaṃ. Payirupāsananti pañhapayirupāsanaṃ, ariyānaṃ guṇe sutvā te upasaṅkamitvā nimantetvā dānaṃ vā datvā vattaṃ vā katvā ‘‘kiṃ, bhante, kusala’’ntiādinā nayena pañhapucchananti attho. Veyyāvaccādikaraṇaṃ payirupāsanaṃyeva. Anussaraṇanti rattiṭṭhānadivāṭṭhānesu nisinnassa ‘‘idāni ariyā gumbaleṇamaṇḍapādīsu jhānavipassanāmaggaphalasukhehi vītināmentī’’ti tesaṃ dibbavihārādiguṇavisesārammaṇaṃ anussaraṇaṃ. Yo vā tesaṃ santikā ovādo laddho hoti, taṃ āvajjitvā ‘‘imasmiṃ ṭhāne sīlaṃ kathitaṃ, imasmiṃ samādhi, imasmiṃ vipassanā, imasmiṃ maggo, imasmiṃ phala’’nti evaṃ anussaraṇaṃ.

    อนุปพฺพชฺชนฺติ อริเยสุ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา ฆรา นิกฺขมฺม เตสํ สนฺติเก ปพฺพชฺชํฯ อริเยสุ หิ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา เตสํเยว สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา เตสํเยว โอวาทานุสาสนิํ ปจฺจาสีสมานสฺส จรโตปิ ปพฺพชฺชา อนุปพฺพชฺชา นาม, อเญฺญสํ สนฺติเก โอวาทานุสาสนิํ ปจฺจาสีสมานสฺส จรโตปิ ปพฺพชฺชา อนุปพฺพชฺชา นาม, อริเยสุ ปสาเทน อญฺญตฺถ ปพฺพชิตฺวา อริยานํ สนฺติเก โอวาทานุสาสนิํ ปจฺจาสีสมานสฺส จรโตปิ ปพฺพชฺชา อนุปพฺพชฺชาวฯ อเญฺญสุ ปน ปสาเทน อเญฺญสํเยว สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา อเญฺญสํเยว โอวาทานุสาสนิํ ปจฺจาสีสมานสฺส จรโต ปพฺพชฺชา อนุปพฺพชฺชา นาม น โหติฯ วุตฺตนเยน ปพฺพชิเตสุ ปน มหากสฺสปเตฺถรสฺส ตาว อนุปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตา สตสหสฺสมตฺตา อเหสุํ, ตถา เถรเสฺสว สทฺธิวิหาริกสฺส จนฺทคุตฺตเตฺถรสฺส, ตสฺสาปิ สทฺธิวิหาริกสฺส สูริยคุตฺตเตฺถรสฺส, ตสฺสาปิ สทฺธิวิหาริกสฺส อสฺสคุตฺตเตฺถรสฺส, ตสฺสาปิ สทฺธิวิหาริกสฺส โยนกธมฺมรกฺขิตเตฺถรสฺสฯ ตสฺส ปน สทฺธิวิหาริโก อโสกรโญฺญ กนิฎฺฐภาตา ติสฺสเตฺถโร นาม อโหสิฯ ตสฺส อนุปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตา อฑฺฒเตยฺยโกฎิสงฺขา อเหสุํฯ ทีปปฺปสาทกมหามหินฺทเตฺถรสฺส ปน อนุปพฺพชิตานํ คณนปริเจฺฉโท นตฺถิฯ ยาวชฺชทิวสา ลงฺกาทีเป สตฺถริ ปสาเทน ปพฺพชนฺตา มหามหินฺทเตฺถรเสฺสว อนุปพฺพชฺชนฺติ นามฯ

    Anupabbajjanti ariyesu cittaṃ pasādetvā gharā nikkhamma tesaṃ santike pabbajjaṃ. Ariyesu hi cittaṃ pasādetvā tesaṃyeva santike pabbajitvā tesaṃyeva ovādānusāsaniṃ paccāsīsamānassa caratopi pabbajjā anupabbajjā nāma, aññesaṃ santike ovādānusāsaniṃ paccāsīsamānassa caratopi pabbajjā anupabbajjā nāma, ariyesu pasādena aññattha pabbajitvā ariyānaṃ santike ovādānusāsaniṃ paccāsīsamānassa caratopi pabbajjā anupabbajjāva. Aññesu pana pasādena aññesaṃyeva santike pabbajitvā aññesaṃyeva ovādānusāsaniṃ paccāsīsamānassa carato pabbajjā anupabbajjā nāma na hoti. Vuttanayena pabbajitesu pana mahākassapattherassa tāva anupabbajjaṃ pabbajitā satasahassamattā ahesuṃ, tathā therasseva saddhivihārikassa candaguttattherassa, tassāpi saddhivihārikassa sūriyaguttattherassa, tassāpi saddhivihārikassa assaguttattherassa, tassāpi saddhivihārikassa yonakadhammarakkhitattherassa. Tassa pana saddhivihāriko asokarañño kaniṭṭhabhātā tissatthero nāma ahosi. Tassa anupabbajjaṃ pabbajitā aḍḍhateyyakoṭisaṅkhā ahesuṃ. Dīpappasādakamahāmahindattherassa pana anupabbajitānaṃ gaṇanaparicchedo natthi. Yāvajjadivasā laṅkādīpe satthari pasādena pabbajantā mahāmahindattherasseva anupabbajjanti nāma.

    อิทานิ เยน การเณน เตสํ อริยานํ ทสฺสนาทิ พหูปการนฺติ วุตฺตํ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ตถารูเป’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ตถารูเปติ ตาทิเส สีลาทิคุณสมฺปเนฺน อริเยฯ ยสฺมา ทสฺสนสวนานุสฺสรณานิ อุปสงฺกมนปยิรุปาสนฎฺฐานานิ, ตสฺมา ตานิ อนามสิตฺวา อุปสงฺกมนปยิรุปาสนานิเยว ทเสฺสตุํ ‘‘เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต’’ติ วุตฺตํ ฯ ทสฺสนสวนานุสฺสรณโต หิ อริเยสุ อุปฺปนฺนสโทฺธ เต อุปสงฺกมิตฺวา ปยิรุปาสิตฺวา ปญฺหํ ปุจฺฉิตฺวา ลทฺธสวนานุตฺตริโย อปริปูเร สีลาทิคุเณ ปริปูเรสฺสตีติฯ ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘สทฺธาชาโต อุปสงฺกมติ, อุปสงฺกมโนฺต ปยิรุปาสตี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๒.๑๘๓)ฯ

    Idāni yena kāraṇena tesaṃ ariyānaṃ dassanādi bahūpakāranti vuttaṃ, taṃ dassetuṃ ‘‘tathārūpe’’tiādimāha. Tattha tathārūpeti tādise sīlādiguṇasampanne ariye. Yasmā dassanasavanānussaraṇāni upasaṅkamanapayirupāsanaṭṭhānāni, tasmā tāni anāmasitvā upasaṅkamanapayirupāsanāniyeva dassetuṃ ‘‘sevato bhajato payirupāsato’’ti vuttaṃ . Dassanasavanānussaraṇato hi ariyesu uppannasaddho te upasaṅkamitvā payirupāsitvā pañhaṃ pucchitvā laddhasavanānuttariyo aparipūre sīlādiguṇe paripūressatīti. Tathā hi vuttaṃ ‘‘saddhājāto upasaṅkamati, upasaṅkamanto payirupāsatī’’tiādi (ma. ni. 2.183).

    ตตฺถ เสวโตติ วตฺตปฎิวตฺตกรณวเสน กาเลน กาลํ อุปสงฺกมโตฯ ภชโตติ สมฺปิยายนภตฺติวเสน ภชโตฯ ปยิรุปาสโตติ ปญฺหปุจฺฉเนน ปฎิปตฺติอนุกรเณน จ ปยิรุปาสโตติ ติณฺณํ ปทานํ อตฺถวิภาโค ทีเปตโพฺพฯ วิมุตฺติญาณทสฺสนสฺส ปาริปูริ เอกูนวีสติมสฺส ปจฺจเวกฺขณญาณสฺส อุปฺปตฺติยา เวทิตพฺพาฯ

    Tattha sevatoti vattapaṭivattakaraṇavasena kālena kālaṃ upasaṅkamato. Bhajatoti sampiyāyanabhattivasena bhajato. Payirupāsatoti pañhapucchanena paṭipattianukaraṇena ca payirupāsatoti tiṇṇaṃ padānaṃ atthavibhāgo dīpetabbo. Vimuttiñāṇadassanassa pāripūri ekūnavīsatimassa paccavekkhaṇañāṇassa uppattiyā veditabbā.

    เอวรูปา จ เต, ภิกฺขเว, ภิกฺขูติอาทีสุ เย ยถาวุตฺตคุณสมนฺนาคเมน เอวรูปา เอทิสา ภินฺนสพฺพกิเลสา ภิกฺขู, เต ทิฎฺฐธมฺมิกาทิหิเตสุ สตฺตานํ นิโยชนวเสน อนุสาสนโต สตฺถาโรติปิ วุจฺจนฺติฯ ชาติกนฺตาราทินิตฺถรณโต สตฺถวาหาติปิ, ราคาทิรณานํ ชหนโต ชหาปนโต จ รณญฺชหาติปิ, อวิชฺชาตมสฺส วิโนทนโต วิโนทาปนโต จ ตโมนุทาติปิ, สปรสนฺตาเนสุ ปญฺญาอาโลกปญฺญาโอภาสปญฺญาปโชฺชตานํ กรเณน นิพฺพตฺตเนน อาโลกาทิกราติปิ, ตถา ญาณุกฺกาญาณปฺปภาธมฺมุกฺกาธมฺมปฺปภานํ ธารเณน กรเณน จ อุกฺกาธาราติปิ, ปภงฺกราติปิ, อารกตฺตา กิเลเสหิ, อนเย น อิริยนโต, อเย จ อิริยนโต ปเรสํ ตถาภาวเหตุภาวโต, สเทวเกน โลเกน อรณียโต อริยาติปิ, ปญฺญาจกฺขุธมฺมจกฺขูนํ สาติสยปฎิลาเภน จกฺขุมโนฺตติปิ วุจฺจนฺติฯ

    Evarūpāca te, bhikkhave, bhikkhūtiādīsu ye yathāvuttaguṇasamannāgamena evarūpā edisā bhinnasabbakilesā bhikkhū, te diṭṭhadhammikādihitesu sattānaṃ niyojanavasena anusāsanato satthārotipi vuccanti. Jātikantārādinittharaṇato satthavāhātipi, rāgādiraṇānaṃ jahanato jahāpanato ca raṇañjahātipi, avijjātamassa vinodanato vinodāpanato ca tamonudātipi, saparasantānesu paññāālokapaññāobhāsapaññāpajjotānaṃ karaṇena nibbattanena ālokādikarātipi, tathā ñāṇukkāñāṇappabhādhammukkādhammappabhānaṃ dhāraṇena karaṇena ca ukkādhārātipi, pabhaṅkarātipi, ārakattā kilesehi, anaye na iriyanato, aye ca iriyanato paresaṃ tathābhāvahetubhāvato, sadevakena lokena araṇīyato ariyātipi, paññācakkhudhammacakkhūnaṃ sātisayapaṭilābhena cakkhumantotipi vuccanti.

    คาถาสุ ปาโมชฺชกรณํ ฐานนฺติ นิรามิสสฺส ปโมทสฺส นิพฺพตฺตกํ ฐานํ การณํฯ เอตนฺติ อิทานิ วตฺตพฺพนิทสฺสนํ สนฺธาย วทติฯ วิชานตนฺติ สํกิเลสโวทาเน ยาถาวโต ชานนฺตานํฯ ภาวิตตฺตานนฺติ ภาวิตสภาวานํ, กายภาวนาทีหิ ภาวิตสนฺตานานนฺติ อโตฺถฯ ธมฺมชีวินนฺติ มิจฺฉาชีวํ ปหาย ธเมฺมน ญาเยน ชีวิกกปฺปนโต, ธเมฺมน วา ญาเยน อตฺตภาวสฺส ปวตฺตนโต, สมาปตฺติพหุลตาย วา อคฺคผลธเมฺมน ชีวนโต ธมฺมชีวินํฯ อยเญฺหตฺถ สเงฺขปโตฺถ – ยทิทํ ภาวิตตฺตานํ ปรินิฎฺฐิตสมาธิปญฺญาภาวนานํ ตโต เอว ธมฺมชีวินํ อริยานํ ทสฺสนํ ฯ เอตํ อวิปฺปฎิสารนิมิตฺตานํ สีลาทีนํ ปาริปูริเหตุภาวโต วิชานตํ สปฺปญฺญชาติกานํ เอกเนฺตเนว ปีติปาโมชฺชการณนฺติฯ

    Gāthāsu pāmojjakaraṇaṃ ṭhānanti nirāmisassa pamodassa nibbattakaṃ ṭhānaṃ kāraṇaṃ. Etanti idāni vattabbanidassanaṃ sandhāya vadati. Vijānatanti saṃkilesavodāne yāthāvato jānantānaṃ. Bhāvitattānanti bhāvitasabhāvānaṃ, kāyabhāvanādīhi bhāvitasantānānanti attho. Dhammajīvinanti micchājīvaṃ pahāya dhammena ñāyena jīvikakappanato, dhammena vā ñāyena attabhāvassa pavattanato, samāpattibahulatāya vā aggaphaladhammena jīvanato dhammajīvinaṃ. Ayañhettha saṅkhepattho – yadidaṃ bhāvitattānaṃ pariniṭṭhitasamādhipaññābhāvanānaṃ tato eva dhammajīvinaṃ ariyānaṃ dassanaṃ . Etaṃ avippaṭisāranimittānaṃ sīlādīnaṃ pāripūrihetubhāvato vijānataṃ sappaññajātikānaṃ ekanteneva pītipāmojjakāraṇanti.

    อิทานิ ตํ ตสฺส การณภาวํ ทเสฺสตุํ ‘‘เต โชตยนฺตี’’ติ โอสานคาถาทฺวยมาหฯ ตตฺถ เตติ เต ภาวิตตฺตา ธมฺมชีวิโน อริยาฯ โชตยนฺตีติ ปกาสยนฺติฯ ภาสยนฺตีติ สทฺธโมฺมภาเสน โลกํ ปภาสยนฺติ, ธมฺมํ เทเสนฺตีติ อโตฺถฯ เยสนฺติ เยสํ อริยานํฯ สาสนนฺติ โอวาทํฯ สมฺมทญฺญายาติ ปุพฺพภาคญาเณหิ สมฺมเทว ชานิตฺวาฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ

    Idāni taṃ tassa kāraṇabhāvaṃ dassetuṃ ‘‘te jotayantī’’ti osānagāthādvayamāha. Tattha teti te bhāvitattā dhammajīvino ariyā. Jotayantīti pakāsayanti. Bhāsayantīti saddhammobhāsena lokaṃ pabhāsayanti, dhammaṃ desentīti attho. Yesanti yesaṃ ariyānaṃ. Sāsananti ovādaṃ. Sammadaññāyāti pubbabhāgañāṇehi sammadeva jānitvā. Sesaṃ vuttanayameva.

    ปญฺจมสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Pañcamasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อิติวุตฺตกปาฬิ • Itivuttakapāḷi / ๕. สีลสมฺปนฺนสุตฺตํ • 5. Sīlasampannasuttaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact