Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) |
๓. สีลสุตฺตวณฺณนา
3. Sīlasuttavaṇṇanā
๑๘๔. ขีณาสวสฺส โลกุตฺตรํ สีลํ นาม มคฺคผลปริยาปนฺนา สมฺมาวาจากมฺมนฺตาชีวา สีลลกฺขณปฺปตฺตา ตทเญฺญ เจตนาทโยฯ โลกิยํ ปน กิริยาพฺยากตจิตฺตปริยาปนฺนํ จาริตฺตสีลํ, วาริตฺตสีลสฺส ปน สมฺภโว เอว นตฺถิ วิรมณวเสน ปวตฺติยา อภาวโตฯ ‘‘ปุพฺพภาคสีลํ โลกิยสีล’’นฺติ เกจิฯ
184.Khīṇāsavassa lokuttaraṃ sīlaṃ nāma maggaphalapariyāpannā sammāvācākammantājīvā sīlalakkhaṇappattā tadaññe cetanādayo. Lokiyaṃ pana kiriyābyākatacittapariyāpannaṃ cārittasīlaṃ, vārittasīlassa pana sambhavo eva natthi viramaṇavasena pavattiyā abhāvato. ‘‘Pubbabhāgasīlaṃ lokiyasīla’’nti keci.
จกฺขุทสฺสนนฺติ จกฺขูหิ ทสฺสนํฯ ลกฺขณสฺส ทสฺสนนฺติ สภาวธมฺมานํ สงฺขตานํ ปจฺจตฺตลกฺขณสฺส ญาตปริญฺญาย, อนิจฺจาทิสามญฺญลกฺขณสฺส ตีรณปริญฺญาย ทสฺสนํฯ ปชหโนฺตปิ หิ เต ปหาตพฺพาการโต ปสฺสติ นามฯ นิพฺพานสฺส ตถลกฺขณํ มคฺคผเลหิ ทสฺสนํ, ตํ ปน ปฎิวิชฺฌนํฯ ฌาเนน ปถวีกสิณาทีนํ, อภิญฺญาหิ รูปานํ ทสฺสนมฺปิ ญาณทสฺสนเมวฯ จกฺขุทสฺสนํ อธิเปฺปตํ สวนปยิรุปาสนานํ ปรโต คหิตตฺตาฯ ปญฺหปยิรุปาสนนฺติ ปญฺหปุจฺฉนวเสน ปยิรุปาสนํ อญฺญกมฺมตฺถาย อุปสงฺกมนสฺส เกวลํ อุปสงฺกมเนเนว โชติตตฺตาฯ
Cakkhudassananti cakkhūhi dassanaṃ. Lakkhaṇassa dassananti sabhāvadhammānaṃ saṅkhatānaṃ paccattalakkhaṇassa ñātapariññāya, aniccādisāmaññalakkhaṇassa tīraṇapariññāya dassanaṃ. Pajahantopi hi te pahātabbākārato passati nāma. Nibbānassa tathalakkhaṇaṃ maggaphalehi dassanaṃ, taṃ pana paṭivijjhanaṃ. Jhānena pathavīkasiṇādīnaṃ, abhiññāhi rūpānaṃ dassanampi ñāṇadassanameva. Cakkhudassanaṃ adhippetaṃ savanapayirupāsanānaṃ parato gahitattā. Pañhapayirupāsananti pañhapucchanavasena payirupāsanaṃ aññakammatthāya upasaṅkamanassa kevalaṃ upasaṅkamaneneva jotitattā.
อริยานํ อนุสฺสติ นาม คุณวเสน, ตตฺถาปิ ลทฺธโอวาทาวชฺชนมุเขน ยถาภูตสีลาทิคุณานุสฺสรณนฺติ ทเสฺสตุํ ‘‘ฌานวิปสฺสนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อเญฺญสํเยว สนฺติเกติ อริเยหิ อเญฺญสํ สาสนิกานํเยว สนฺติเกฯ เตนาห – ‘‘อนุปพฺพชฺชา นามา’’ติฯ อเญฺญสูติ สาสนิเกหิ อเญฺญสุ ตาปสปริพฺพาชกาทีสุฯ ตตฺถ หิ ปพฺพชฺชา อริยานํ อนุปพฺพชฺชา นาม น โหตีติ วุตฺตํฯ
Ariyānaṃ anussati nāma guṇavasena, tatthāpi laddhaovādāvajjanamukhena yathābhūtasīlādiguṇānussaraṇanti dassetuṃ ‘‘jhānavipassanā’’tiādi vuttaṃ. Aññesaṃyeva santiketi ariyehi aññesaṃ sāsanikānaṃyeva santike. Tenāha – ‘‘anupabbajjā nāmā’’ti. Aññesūti sāsanikehi aññesu tāpasaparibbājakādīsu. Tattha hi pabbajjā ariyānaṃ anupabbajjā nāma na hotīti vuttaṃ.
สตสหสฺสมตฺตา อเหสุํ สมนฺตปาสาทิกตฺตา มหาเถรสฺสฯ ลงฺกาทีเปติ นิสฺสยสีเสน นิสฺสิตสลฺลกฺขณํฯ น หิ ปพฺพชฺชา ทีปปฎิลทฺธา, อถ โข ทีปนิวาสิอาจริยปฎิลทฺธาฯ มหินฺท…เป.… ปพฺพชนฺติ นาม ตสฺส ปริวารตาย ปพฺพชฺชายาติฯ
Satasahassamattāahesuṃ samantapāsādikattā mahātherassa. Laṅkādīpeti nissayasīsena nissitasallakkhaṇaṃ. Na hi pabbajjā dīpapaṭiladdhā, atha kho dīpanivāsiācariyapaṭiladdhā. Mahinda…pe… pabbajanti nāma tassa parivāratāya pabbajjāyāti.
สรตีติ ตํ โอวาทานุสาสนิธมฺมํ จิเนฺตติ จิเตฺต กโรติฯ วิตกฺกาหตํ กโรตีติ ปุนปฺปุนํ ปริวิตกฺกเนน ตทตฺถํ วิตกฺกนิปฺผาทิตํ กโรติฯ อารโทฺธ โหตีติ สมฺปาทิโต โหติฯ ตํ ปน สมฺปาทนํ ปาริปูริ เอวาติ อาห ‘‘ปริปุโณฺณ โหตี’’ติฯ ตตฺถาติ ยถาวุเตฺต ธเมฺมฯ ญาณจารวเสนาติ ญาณสฺส ปวตฺตนวเสนฯ เตสํ เตสํ ธมฺมานนฺติ ตสฺมิํ ตสฺมิํ โอวาทธเมฺม อาคตานํ รูปารูปธมฺมานํฯ ลกฺขณนฺติ วิเสสลกฺขณํ สามญฺญลกฺขณญฺจฯ ปวิจินตีติ ‘‘อิทํ รูปํ เอตฺตกํ รูป’’นฺติอาทินา วิจยํ อาปชฺชติฯ ญาณญฺจ โรเปตีติ ‘‘อนิจฺจํ จลํ ปโลกํ ปภงฺคู’’ติอาทินา ญาณํ ปวเตฺตติฯ วีมํสนํ…เป.… อาปชฺชตีติ รูปสตฺตการูปสตฺตกกฺกเมน วิปสฺสนํ ปจฺจกฺขโต วิย อนิจฺจตาทีนํ ทสฺสนํ สมฺมสนํ อาปชฺชติฯ
Saratīti taṃ ovādānusāsanidhammaṃ cinteti citte karoti. Vitakkāhataṃ karotīti punappunaṃ parivitakkanena tadatthaṃ vitakkanipphāditaṃ karoti. Āraddho hotīti sampādito hoti. Taṃ pana sampādanaṃ pāripūri evāti āha ‘‘paripuṇṇo hotī’’ti. Tatthāti yathāvutte dhamme. Ñāṇacāravasenāti ñāṇassa pavattanavasena. Tesaṃ tesaṃ dhammānanti tasmiṃ tasmiṃ ovādadhamme āgatānaṃ rūpārūpadhammānaṃ. Lakkhaṇanti visesalakkhaṇaṃ sāmaññalakkhaṇañca. Pavicinatīti ‘‘idaṃ rūpaṃ ettakaṃ rūpa’’ntiādinā vicayaṃ āpajjati. Ñāṇañca ropetīti ‘‘aniccaṃ calaṃ palokaṃ pabhaṅgū’’tiādinā ñāṇaṃ pavatteti. Vīmaṃsanaṃ…pe… āpajjatīti rūpasattakārūpasattakakkamena vipassanaṃ paccakkhato viya aniccatādīnaṃ dassanaṃ sammasanaṃ āpajjati.
อุภยเมฺปตนฺติ ผลานิสํสาติ วุตฺตทฺวยํฯ อตฺถโต เอกํ ปริยายสทฺทตฺตาฯ ปฎิกจฺจาติ ปเควฯ มรณกาเลติ มรณกาลสมีเปฯ สมีปเตฺถ หิ อิทํ ภุมฺมนฺติ อาห ‘‘มรณสฺส อาสนฺนกาเล’’ติฯ
Ubhayampetanti phalānisaṃsāti vuttadvayaṃ. Atthato ekaṃ pariyāyasaddattā. Paṭikaccāti pageva. Maraṇakāleti maraṇakālasamīpe. Samīpatthe hi idaṃ bhummanti āha ‘‘maraṇassa āsannakāle’’ti.
โส ติวิโธ โหติ ญาณสฺส ติกฺขมชฺฌมุทุภาเวนฯ เตนาห ‘‘กปฺปสหสฺสายุเกสู’’ติอาทิฯ อุปหจฺจปรินิพฺพายี นาม อายุเวมชฺฌํ อติกฺกมิตฺวา ปรินิพฺพายนโตฯ ยตฺถ กตฺถจีติ อวิหาทีสุ ยตฺถ กตฺถจิฯ สปฺปโยเคนาติ วิปสฺสนาญาณสงฺขารสงฺขาเตน ปโยเคน, สห วิปสฺสนาปโยเคนาติ อโตฺถฯ สุทฺธาวาสภูมิยํ อุทฺธํเยว มคฺคโสโต เอตสฺสาติ อุทฺธํโสโตฯ ปฎิสนฺธิวเสน อกนิฎฺฐภวํ คจฺฉตีติ อกนิฎฺฐคามีฯ
So tividho hoti ñāṇassa tikkhamajjhamudubhāvena. Tenāha ‘‘kappasahassāyukesū’’tiādi. Upahaccaparinibbāyī nāma āyuvemajjhaṃ atikkamitvā parinibbāyanato. Yattha katthacīti avihādīsu yattha katthaci. Sappayogenāti vipassanāñāṇasaṅkhārasaṅkhātena payogena, saha vipassanāpayogenāti attho. Suddhāvāsabhūmiyaṃ uddhaṃyeva maggasoto etassāti uddhaṃsoto. Paṭisandhivasena akaniṭṭhabhavaṃ gacchatīti akaniṭṭhagāmī.
อวิหาทีสุ วตฺตมาโนปิ เอกํสโต อุทฺธํคมนารโห ปุคฺคโล อกนิฎฺฐคามี เอว นามาติ วุตฺตํ ‘‘เอโก อุทฺธํโสโต อกนิฎฺฐคามีติ ปญฺจ โหนฺตี’’ติฯ เตสนฺติ นิทฺธารเณ สามิวจนํฯ อุทฺธํโสตภาวโต ยทิปิ เหฎฺฐิมาทีสุปิ อริยภูมิ นิพฺพตฺตเตว, ตถาปิ ตตฺถ ภูมีสุ อายุํ อคฺคเหตฺวา อกนิฎฺฐภเว อายุวเสเนว โสฬสกปฺปสหสฺสายุกตา ทฎฺฐพฺพาฯ ‘‘สตฺต ผลา สตฺตานิสํสา ปาฎิกงฺขา’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘อรหตฺตมคฺคสฺส ปุพฺพภาควิปสฺสนา โพชฺฌงฺคา กถิตา’’ติ วุตฺตํฯ สตฺตนฺนมฺปิ สหภาโว ลพฺภตีติ ‘‘อปุพฺพํ อจริมํ เอกจิตฺตกฺขณิกา’’ติ วุตฺตํฯ ตยิทํ ปาฬิยํ ตตฺถ ตตฺถ ‘‘ตสฺมิํ สมเย’’ติ อาคตวจเนน วิญฺญายติ, โพชฺฌงฺคานํ ปน นานาสภาวตฺตา ‘‘นานาลกฺขณา’’ติ วุตฺตํฯ
Avihādīsu vattamānopi ekaṃsato uddhaṃgamanāraho puggalo akaniṭṭhagāmī eva nāmāti vuttaṃ ‘‘eko uddhaṃsoto akaniṭṭhagāmīti pañca hontī’’ti. Tesanti niddhāraṇe sāmivacanaṃ. Uddhaṃsotabhāvato yadipi heṭṭhimādīsupi ariyabhūmi nibbattateva, tathāpi tattha bhūmīsu āyuṃ aggahetvā akaniṭṭhabhave āyuvaseneva soḷasakappasahassāyukatā daṭṭhabbā. ‘‘Satta phalā sattānisaṃsā pāṭikaṅkhā’’ti vuttattā ‘‘arahattamaggassa pubbabhāgavipassanā bojjhaṅgā kathitā’’ti vuttaṃ. Sattannampi sahabhāvo labbhatīti ‘‘apubbaṃ acarimaṃ ekacittakkhaṇikā’’ti vuttaṃ. Tayidaṃ pāḷiyaṃ tattha tattha ‘‘tasmiṃ samaye’’ti āgatavacanena viññāyati, bojjhaṅgānaṃ pana nānāsabhāvattā ‘‘nānālakkhaṇā’’ti vuttaṃ.
สีลสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sīlasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๓. สีลสุตฺตํ • 3. Sīlasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๓. สีลสุตฺตวณฺณนา • 3. Sīlasuttavaṇṇanā