Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๗๒] ๒. สีลวนาคราชชาตกวณฺณนา
[72] 2. Sīlavanāgarājajātakavaṇṇanā
อกตญฺญุสฺส โปสสฺสาติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรโนฺต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิฯ ธมฺมสภายญฺหิ ภิกฺขู ‘‘อาวุโส, เทวทโตฺต อกตญฺญู ตถาคตสฺส คุเณ น ชานาตี’’ติ กเถนฺตา นิสีทิํสุฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว เทวทโตฺต อกตญฺญู, ปุเพฺพปิ อกตญฺญูเยว, น กทาจิ มยฺหํ คุณํ ชานาตี’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ
Akataññussa posassāti idaṃ satthā veḷuvane viharanto devadattaṃ ārabbha kathesi. Dhammasabhāyañhi bhikkhū ‘‘āvuso, devadatto akataññū tathāgatassa guṇe na jānātī’’ti kathentā nisīdiṃsu. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, idāneva devadatto akataññū, pubbepi akataññūyeva, na kadāci mayhaṃ guṇaṃ jānātī’’ti vatvā tehi yācito atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต หิมวนฺตปฺปเทเส หตฺถิโยนิยํ นิพฺพตฺติฯ โส มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขโนฺต สพฺพเสโต อโหสิ รชตปุญฺชสนฺนิโภ, อกฺขีนิ ปนสฺส มณิคุฬสทิสานิ, ปญฺญายมานานิ ปญฺจ ปสาทานิ อเหสุํ, มุขํ รตฺตกมฺพลสทิสํ, โสณฺฑา รตฺตสุวณฺณพินฺทุปฎิมณฺฑิตํ รชตทามํ วิย, จตฺตาโร ปาทา กตลาขารสปริกมฺมา วิยฯ เอวมสฺส ทสหิ ปารมีหิ อลงฺกโต รูปโสภคฺคปฺปโตฺต อตฺตภาโว อโหสิฯ อถ นํ วิญฺญุตํ ปตฺตํ สกลหิมวเนฺต วารณา สนฺนิปติตฺวา อุปฎฺฐหนฺตา วิจริํสุฯ เอวํ โส อสีติสหสฺสวารณปริวาโร หิมวนฺตปฺปเทเส วสมาโน อปรภาเค คเณ โทสํ ทิสฺวา คณมฺหา กายวิเวกาย เอกโกว อรเญฺญ วาสํ กเปฺปสิฯ สีลวนฺตตาย จ ปนสฺส ‘‘สีลวนาคราชา’’ เตฺวว นามํ อโหสิฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto himavantappadese hatthiyoniyaṃ nibbatti. So mātukucchito nikkhanto sabbaseto ahosi rajatapuñjasannibho, akkhīni panassa maṇiguḷasadisāni, paññāyamānāni pañca pasādāni ahesuṃ, mukhaṃ rattakambalasadisaṃ, soṇḍā rattasuvaṇṇabindupaṭimaṇḍitaṃ rajatadāmaṃ viya, cattāro pādā katalākhārasaparikammā viya. Evamassa dasahi pāramīhi alaṅkato rūpasobhaggappatto attabhāvo ahosi. Atha naṃ viññutaṃ pattaṃ sakalahimavante vāraṇā sannipatitvā upaṭṭhahantā vicariṃsu. Evaṃ so asītisahassavāraṇaparivāro himavantappadese vasamāno aparabhāge gaṇe dosaṃ disvā gaṇamhā kāyavivekāya ekakova araññe vāsaṃ kappesi. Sīlavantatāya ca panassa ‘‘sīlavanāgarājā’’ tveva nāmaṃ ahosi.
อเถโก พาราณสิวาสิโก วนจรโก หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อตฺตโน อาชีวภณฺฑกํ คเวสมาโน ทิสา ววตฺถาเปตุํ อสโกฺกโนฺต มคฺคมูโฬฺห หุตฺวา มรณภยภีโต พาหา ปคฺคยฺห ปริเทวมาโน วิจรติฯ โพธิสโตฺต ตสฺส ตํ พลวปริเทวิตํ สุตฺวา ‘‘อิมํ ปุริสํ ทุกฺขา โมเจสฺสามี’’ติ การุเญฺญน โจทิโต ตสฺส สนฺติกํ อคมาสิฯ โส ตํ ทิสฺวาว ภีโต ปลายิฯ โพธิสโตฺต ตํ ปลายนฺตํ ทิสฺวา ตเตฺถว อฎฺฐาสิฯ โส ปุริโส โพธิสตฺตํ ฐิตํ ทิสฺวา อฎฺฐาสิ ฯ โพธิสโตฺต ปุน อคมาสิ, โส ปุน ปลายิตฺวา ตสฺส ฐิตกาเล ฐตฺวา จิเนฺตสิ ‘‘อยํ วารโณ มม ปลายนกาเล ติฎฺฐติ, ฐิตกาเล อาคจฺฉติ, นายํ มยฺหํ อนตฺถกาโม, อิมมฺหา ปน มํ ทุกฺขา มาเจตุกาโม ภวิสฺสตี’’ติ สูโร หุตฺวา อฎฺฐาสิฯ โพธิสโตฺต ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กสฺมา โภ ตฺวํ ปุริส, ปริเทวมาโน วิจรสี’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘สามิ, ทิสา ววตฺถาเปตุํ อสโกฺกโนฺต มคฺคมูโฬฺห หุตฺวา มรณภเยนา’’ติฯ อถ นํ โพธิสโตฺต อตฺตโน วสนฎฺฐานํ เนตฺวา กติปาหํ ผลาผเลหิ สนฺตเปฺปตฺวา ‘‘โภ, ปุริส, มา ภายิ, อหํ ตํ มนุสฺสปถํ เนสฺสามี’’ติ อตฺตโน ปิเฎฺฐ นิสีทาเปตฺวา มนุสฺสปถํ ปายาสิฯ
Atheko bārāṇasivāsiko vanacarako himavantaṃ pavisitvā attano ājīvabhaṇḍakaṃ gavesamāno disā vavatthāpetuṃ asakkonto maggamūḷho hutvā maraṇabhayabhīto bāhā paggayha paridevamāno vicarati. Bodhisatto tassa taṃ balavaparidevitaṃ sutvā ‘‘imaṃ purisaṃ dukkhā mocessāmī’’ti kāruññena codito tassa santikaṃ agamāsi. So taṃ disvāva bhīto palāyi. Bodhisatto taṃ palāyantaṃ disvā tattheva aṭṭhāsi. So puriso bodhisattaṃ ṭhitaṃ disvā aṭṭhāsi . Bodhisatto puna agamāsi, so puna palāyitvā tassa ṭhitakāle ṭhatvā cintesi ‘‘ayaṃ vāraṇo mama palāyanakāle tiṭṭhati, ṭhitakāle āgacchati, nāyaṃ mayhaṃ anatthakāmo, imamhā pana maṃ dukkhā mācetukāmo bhavissatī’’ti sūro hutvā aṭṭhāsi. Bodhisatto taṃ upasaṅkamitvā ‘‘kasmā bho tvaṃ purisa, paridevamāno vicarasī’’ti pucchi. ‘‘Sāmi, disā vavatthāpetuṃ asakkonto maggamūḷho hutvā maraṇabhayenā’’ti. Atha naṃ bodhisatto attano vasanaṭṭhānaṃ netvā katipāhaṃ phalāphalehi santappetvā ‘‘bho, purisa, mā bhāyi, ahaṃ taṃ manussapathaṃ nessāmī’’ti attano piṭṭhe nisīdāpetvā manussapathaṃ pāyāsi.
อถ โข โส มิตฺตทุพฺภี ปุริโส ‘‘สเจ โกจิ ปุจฺฉิสฺสติ, อาจิกฺขิตพฺพํ ภวิสฺสตี’’ติ โพธิสตฺตสฺส ปิเฎฺฐ นิสิโนฺนเยว รุกฺขนิมิตฺตํ ปพฺพตนิมิตฺตํ อุปธาเรโนฺตว คจฺฉติฯ อถ นํ โพธิสโตฺต อรญฺญา นีหริตฺวา พาราณสิคามิมหามเคฺค ฐเปตฺวา ‘‘โภ ปุริส, อิมินา มเคฺคน คจฺฉ, มยฺหํ ปน วสนฎฺฐานํ ปุจฺฉิโตปิ อปุจฺฉิโตปิ มา กสฺสจิ อาจิกฺขี’’ติ ตํ อุโยฺยเชตฺวา อตฺตโน วสนฎฺฐานํเยว อคมาสิฯ อถ โส ปุริโส พาราณสิํ คนฺตฺวา อนุวิจรโนฺต ทนฺตการวีถิํ ปตฺวา ทนฺตกาเร ทนฺตวิกติโย กุรุมาเน ทิสฺวา ‘‘กิํ ปน โภ, ชีวทนฺตมฺปิ ลภิตฺวา คเณฺหยฺยาถา’’ติ? ‘‘โภ, กิํ วเทสิ, ชีวทโนฺต นาม มตหตฺถิทนฺตโต มหคฺฆตโร’’ติฯ ‘‘เตน หิ อหํ โว ชีวทนฺตํ อาหริสฺสามี’’ติ ปาเถยฺยํ คเหตฺวา ขรกกจํ อาทาย โพธิสตฺตสฺส วสนฎฺฐานํ อคมาสิฯ
Atha kho so mittadubbhī puriso ‘‘sace koci pucchissati, ācikkhitabbaṃ bhavissatī’’ti bodhisattassa piṭṭhe nisinnoyeva rukkhanimittaṃ pabbatanimittaṃ upadhārentova gacchati. Atha naṃ bodhisatto araññā nīharitvā bārāṇasigāmimahāmagge ṭhapetvā ‘‘bho purisa, iminā maggena gaccha, mayhaṃ pana vasanaṭṭhānaṃ pucchitopi apucchitopi mā kassaci ācikkhī’’ti taṃ uyyojetvā attano vasanaṭṭhānaṃyeva agamāsi. Atha so puriso bārāṇasiṃ gantvā anuvicaranto dantakāravīthiṃ patvā dantakāre dantavikatiyo kurumāne disvā ‘‘kiṃ pana bho, jīvadantampi labhitvā gaṇheyyāthā’’ti? ‘‘Bho, kiṃ vadesi, jīvadanto nāma matahatthidantato mahagghataro’’ti. ‘‘Tena hi ahaṃ vo jīvadantaṃ āharissāmī’’ti pātheyyaṃ gahetvā kharakakacaṃ ādāya bodhisattassa vasanaṭṭhānaṃ agamāsi.
โพธิสโตฺต ตํ ทิสฺวา ‘‘กิมตฺถํ อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘อหํ, สามิ, ทุคฺคโต กปโณ ชีวิตุํ อสโกฺกโนฺต ตุเมฺห ทนฺตขณฺฑํ ยาจิตฺวา สเจ ทสฺสถ, ตํ อาทาย คนฺตฺวา วิกฺกิณิตฺวา เตน มูเลน ชีวิสฺสามี’’ติ อาคโตติฯ ‘‘โหตุ โภ, ทนฺตํ เต ทสฺสามิ, สเจ ทนฺตกปฺปนตฺถาย กกจํ อตฺถี’’ติฯ ‘‘กกจํ คเหตฺวา อาคโตมฺหิ สามี’’ติฯ ‘‘เตน หิ ทเนฺต กกเจน กนฺติตฺวา อาทาย คจฺฉา’’ติ โพธิสโตฺต ปาเท สมิญฺชิตฺวา โคนิสินฺนกํ นิสีทิฯ โส เทฺวปิ อคฺคทเนฺต ฉินฺทิฯ โพธิสโตฺต เต ทเนฺต โสณฺฑาย คเหตฺวา ‘‘โภ ปุริส, นาหํ ‘เอเต ทนฺตา มยฺหํ อปฺปิยา อมนาปา’ติ ทมฺมิ, อิเมหิ ปน เม ทเนฺตหิ สตคุเณน สหสฺสคุเณน สตสหสฺสคุเณน สพฺพธมฺมปฎิเวธนสมตฺถา สพฺพญฺญุตญฺญาณทนฺตาว ปิยตรา, ตสฺส เม อิทํ ทนฺตทานํ สพฺพญฺญุตญฺญาณปฎิวิชฺฌนตฺถาย โหตู’’ติ สพฺพญฺญุตญฺญาณสฺส อาราธนํ กตฺวา ทนฺตยุคลํ อทาสิฯ
Bodhisatto taṃ disvā ‘‘kimatthaṃ āgatosī’’ti pucchi. ‘‘Ahaṃ, sāmi, duggato kapaṇo jīvituṃ asakkonto tumhe dantakhaṇḍaṃ yācitvā sace dassatha, taṃ ādāya gantvā vikkiṇitvā tena mūlena jīvissāmī’’ti āgatoti. ‘‘Hotu bho, dantaṃ te dassāmi, sace dantakappanatthāya kakacaṃ atthī’’ti. ‘‘Kakacaṃ gahetvā āgatomhi sāmī’’ti. ‘‘Tena hi dante kakacena kantitvā ādāya gacchā’’ti bodhisatto pāde samiñjitvā gonisinnakaṃ nisīdi. So dvepi aggadante chindi. Bodhisatto te dante soṇḍāya gahetvā ‘‘bho purisa, nāhaṃ ‘ete dantā mayhaṃ appiyā amanāpā’ti dammi, imehi pana me dantehi sataguṇena sahassaguṇena satasahassaguṇena sabbadhammapaṭivedhanasamatthā sabbaññutaññāṇadantāva piyatarā, tassa me idaṃ dantadānaṃ sabbaññutaññāṇapaṭivijjhanatthāya hotū’’ti sabbaññutaññāṇassa ārādhanaṃ katvā dantayugalaṃ adāsi.
โส ตํ อาทาย คนฺตฺวา วิกฺกิณิตฺวา ตสฺมิํ มูเล ขีเณ ปุน โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘สามิ, ตุมฺหากํ ทเนฺต วิกฺกิณิตฺวา ลทฺธมูลํ มยฺหํ อิณโสธนมตฺตเมว ชาตํ, อวเสสทเนฺต เทถา’’ติ อาหฯ โพธิสโตฺต ‘‘สาธู’’ติ ปฎิสฺสุณิตฺวา ปุริมนเยเนว กปฺปาเปตฺวา อวเสสทเนฺต อทาสิฯ โส เตปิ วิกฺกิณิตฺวา ปุน อาคนฺตฺวา ‘‘สามิ, ชีวิตุํ น สโกฺกมิ, มูลทาฐา เม เทถา’’ติ อาหฯ โพธิสโตฺต ‘‘สาธู’’ติ ปฎิสฺสุณิตฺวา ปุริมนเยเนว นิสีทิฯ โส ปาปปุริโส มหาสตฺตสฺส รชตทามสทิสํ โสณฺฑํ มทฺทมาโน เกลาสกูฎสทิสํ กุมฺภํ อภิรุหิตฺวา อุโภ ทนฺตโกฎิโย ปณฺหิยา ปหรโนฺต มํสํ วิยูหิตฺวา กุมฺภํ อารุยฺห ขรกกเจน มูลทาฐา กเปฺปตฺวา ปกฺกามิฯ โพธิสตฺตสฺส ทสฺสนูปจารํ วิชหเนฺตเยว ปน ตสฺมิํ ปาปปุริเส จตุนหุตาธิกทฺวิโยชนสตสหสฺสพหลา ฆนปถวี สิเนรุยุคนฺธราทโย มหาภาเร ทุคฺคนฺธเชคุจฺฉานิ คูถมุตฺตาทีนิ จ ธาเรตุํ สมตฺถาปิ ตสฺส อคุณราสิํ ธาเรตุํ อสโกฺกนฺตี วิย ภิชฺชิตฺวา วิวรํ อทาสิฯ ตาวเทว อวีจิมหานิรยโต อคฺคิชาลา นิกฺขมิตฺวา ตํ มิตฺตทุพฺภิปุริสํ กุลสนฺตเกน กมฺพเลน ปารุปนฺตี วิย ปริกฺขิปิตฺวา คณฺหิฯ
So taṃ ādāya gantvā vikkiṇitvā tasmiṃ mūle khīṇe puna bodhisattassa santikaṃ gantvā ‘‘sāmi, tumhākaṃ dante vikkiṇitvā laddhamūlaṃ mayhaṃ iṇasodhanamattameva jātaṃ, avasesadante dethā’’ti āha. Bodhisatto ‘‘sādhū’’ti paṭissuṇitvā purimanayeneva kappāpetvā avasesadante adāsi. So tepi vikkiṇitvā puna āgantvā ‘‘sāmi, jīvituṃ na sakkomi, mūladāṭhā me dethā’’ti āha. Bodhisatto ‘‘sādhū’’ti paṭissuṇitvā purimanayeneva nisīdi. So pāpapuriso mahāsattassa rajatadāmasadisaṃ soṇḍaṃ maddamāno kelāsakūṭasadisaṃ kumbhaṃ abhiruhitvā ubho dantakoṭiyo paṇhiyā paharanto maṃsaṃ viyūhitvā kumbhaṃ āruyha kharakakacena mūladāṭhā kappetvā pakkāmi. Bodhisattassa dassanūpacāraṃ vijahanteyeva pana tasmiṃ pāpapurise catunahutādhikadviyojanasatasahassabahalā ghanapathavī sineruyugandharādayo mahābhāre duggandhajegucchāni gūthamuttādīni ca dhāretuṃ samatthāpi tassa aguṇarāsiṃ dhāretuṃ asakkontī viya bhijjitvā vivaraṃ adāsi. Tāvadeva avīcimahānirayato aggijālā nikkhamitvā taṃ mittadubbhipurisaṃ kulasantakena kambalena pārupantī viya parikkhipitvā gaṇhi.
เอวํ ตสฺส ปาปปุคฺคลสฺส ปถวิํ ปวิฎฺฐกาเล ตสฺมิํ วนสเณฺฑ อธิวตฺถา รุกฺขเทวตา ‘‘อกตญฺญู มิตฺตทุพฺภี ปุคฺคโล จกฺกวตฺติรชฺชํ ทตฺวาปิ โตเสตุํ น สกฺกา’’ติ วนํ อุนฺนาเทตฺวา ธมฺมํ เทสยมานา อิมํ คาถมาห –
Evaṃ tassa pāpapuggalassa pathaviṃ paviṭṭhakāle tasmiṃ vanasaṇḍe adhivatthā rukkhadevatā ‘‘akataññū mittadubbhī puggalo cakkavattirajjaṃ datvāpi tosetuṃ na sakkā’’ti vanaṃ unnādetvā dhammaṃ desayamānā imaṃ gāthamāha –
๗๒.
72.
‘‘อกตญฺญุสฺส โปสสฺส, นิจฺจํ วิวรทสฺสิโน;
‘‘Akataññussa posassa, niccaṃ vivaradassino;
สพฺพํ เจ ปถวิํ ทชฺชา, เนว นํ อภิราธเย’’ติฯ
Sabbaṃ ce pathaviṃ dajjā, neva naṃ abhirādhaye’’ti.
ตตฺถ อกตญฺญุสฺสาติ อตฺตโน กตคุณํ อชานนฺตสฺสฯ โปสสฺสาติ ปุริสสฺสฯ วิวรทสฺสิโนติ ฉิทฺทเมว โอกาสเมว โอโลเกนฺตสฺสฯ สพฺพํ เจ ปถวิํ ทชฺชาติ สเจปิ ตาทิสสฺส ปุคฺคลสฺส สกลํ จกฺกวตฺติรชฺชํ, อิมํ วา ปน มหาปถวิํ ปริวเตฺตตฺวา ปถโวชํ ทเทยฺยฯ เนว นํ อภิราธเยติ เอวํ กโรโนฺตปิ เอวรูปํ กตคุณวิทฺธํสกํ โกจิ ปริโตเสตุํ วา ปสาเทตุํ วา น สกฺกุเณยฺยาติ อโตฺถฯ
Tattha akataññussāti attano kataguṇaṃ ajānantassa. Posassāti purisassa. Vivaradassinoti chiddameva okāsameva olokentassa. Sabbaṃ ce pathaviṃ dajjāti sacepi tādisassa puggalassa sakalaṃ cakkavattirajjaṃ, imaṃ vā pana mahāpathaviṃ parivattetvā pathavojaṃ dadeyya. Neva naṃ abhirādhayeti evaṃ karontopi evarūpaṃ kataguṇaviddhaṃsakaṃ koci paritosetuṃ vā pasādetuṃ vā na sakkuṇeyyāti attho.
เอวํ สา เทวตา วนํ อุนฺนาเทตฺวา ธมฺมํ เทเสสิฯ โพธิสโตฺต ยาวตายุกํ ฐตฺวา ยถากมฺมํ อคมาสิฯ
Evaṃ sā devatā vanaṃ unnādetvā dhammaṃ desesi. Bodhisatto yāvatāyukaṃ ṭhatvā yathākammaṃ agamāsi.
สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, เทวทโตฺต อิทาเนว อกตญฺญู, ปุเพฺพปิ อกตญฺญูเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธิํ ฆเฎตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา มิตฺตทุพฺภี ปุคฺคโล เทวทโตฺต อโหสิ, รุกฺขเทวตา สาริปุโตฺต, สีลวนาคราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā ‘‘na, bhikkhave, devadatto idāneva akataññū, pubbepi akataññūyevā’’ti vatvā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā anusandhiṃ ghaṭetvā jātakaṃ samodhānesi ‘‘tadā mittadubbhī puggalo devadatto ahosi, rukkhadevatā sāriputto, sīlavanāgarājā pana ahameva ahosi’’nti.
สีลวนาคราชชาตกวณฺณนา ทุติยาฯ
Sīlavanāgarājajātakavaṇṇanā dutiyā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๗๒. สีลวหตฺถิชาตกํ • 72. Sīlavahatthijātakaṃ