Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๓๓๐] ๑๐. สีลวีมํสชาตกวณฺณนา
[330] 10. Sīlavīmaṃsajātakavaṇṇanā
สีลํ กิเรว กลฺยาณนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต สีลวีมํสกพฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิฯ เทฺวปิ วตฺถูนิ เหฎฺฐา กถิตาเนวฯ อิธ ปน โพธิสโตฺต พาราณสิรโญฺญ ปุโรหิโต อโหสิฯ โส อตฺตโน สีลํ วีมํสโนฺต ตีณิ ทิวสานิ เหรญฺญิกผลกโต กหาปณํ คณฺหิฯ ตํ ‘‘โจโร’’ติ คเหตฺวา รโญฺญ ทเสฺสสุํฯ โส รโญฺญ สนฺติเก ฐิโต –
Sīlaṃkireva kalyāṇanti idaṃ satthā jetavane viharanto sīlavīmaṃsakabrāhmaṇaṃ ārabbha kathesi. Dvepi vatthūni heṭṭhā kathitāneva. Idha pana bodhisatto bārāṇasirañño purohito ahosi. So attano sīlaṃ vīmaṃsanto tīṇi divasāni heraññikaphalakato kahāpaṇaṃ gaṇhi. Taṃ ‘‘coro’’ti gahetvā rañño dassesuṃ. So rañño santike ṭhito –
๑๑๗.
117.
‘‘สีลํ กิเรว กลฺยาณํ, สีลํ โลเก อนุตฺตรํ;
‘‘Sīlaṃ kireva kalyāṇaṃ, sīlaṃ loke anuttaraṃ;
ปสฺส โฆรวิโส นาโค, สีลวาติ น หญฺญตี’’ติฯ –
Passa ghoraviso nāgo, sīlavāti na haññatī’’ti. –
อิมาย ปฐมคาถาย สีลํ วเณฺณตฺวา ราชานํ ปพฺพชฺชํ อนุชานาเปตฺวา ปพฺพชิตุํ คจฺฉติฯ
Imāya paṭhamagāthāya sīlaṃ vaṇṇetvā rājānaṃ pabbajjaṃ anujānāpetvā pabbajituṃ gacchati.
อเถกสฺมิํ ทิวเส สูนาปณโต เสโน มํสเปสิํ คเหตฺวา อากาสํ ปกฺขนฺทิฯ ตมเญฺญ สกุณา ปริวาเรตฺวา ปาทนขตุณฺฑกาทีหิ ปหรนฺติฯ โส ตํ ทุกฺขํ สหิตุํ อสโกฺกโนฺต มํสเปสิํ ฉเฑฺฑสิ, อปโร คณฺหิฯ โสปิ ตเถว วิเหฐิยมาโน ฉเฑฺฑสิ, อถโญฺญ คณฺหิฯ เอวํ โย โย คณฺหิ, ตํ ตํ สกุณา อนุพนฺธิํสุฯ โย โย ฉเฑฺฑสิ, โส โส สุขิโต อโหสิฯ โพธิสโตฺต ตํ ทิสฺวา ‘‘อิเม กามา นาม มํสเปสูปมา, เอเต คณฺหนฺตานํเยว ทุกฺขํ, วิสฺสเชฺชนฺตานํ สุข’’นฺติ จิเนฺตตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
Athekasmiṃ divase sūnāpaṇato seno maṃsapesiṃ gahetvā ākāsaṃ pakkhandi. Tamaññe sakuṇā parivāretvā pādanakhatuṇḍakādīhi paharanti. So taṃ dukkhaṃ sahituṃ asakkonto maṃsapesiṃ chaḍḍesi, aparo gaṇhi. Sopi tatheva viheṭhiyamāno chaḍḍesi, athañño gaṇhi. Evaṃ yo yo gaṇhi, taṃ taṃ sakuṇā anubandhiṃsu. Yo yo chaḍḍesi, so so sukhito ahosi. Bodhisatto taṃ disvā ‘‘ime kāmā nāma maṃsapesūpamā, ete gaṇhantānaṃyeva dukkhaṃ, vissajjentānaṃ sukha’’nti cintetvā dutiyaṃ gāthamāha –
๑๑๘.
118.
‘‘ยาวเทวสฺสหู กิญฺจิ, ตาวเทว อขาทิสุํ;
‘‘Yāvadevassahū kiñci, tāvadeva akhādisuṃ;
สงฺคมฺม กุลลา โลเก, น หิํสนฺติ อกิญฺจน’’นฺติฯ
Saṅgamma kulalā loke, na hiṃsanti akiñcana’’nti.
ตสฺสโตฺถ – ยาวเทว อสฺส เสนสฺส อหุ กิญฺจิ มุเขน คหิตํ มํสขณฺฑํ, ตาวเทว นํ อิมสฺมิํ โลเก กุลลา สมาคนฺตฺวา อขาทิํสุฯ ตสฺมิํ ปน วิสฺสเฎฺฐ ตเมนํ อกิญฺจนํ นิปฺปลิโพธํ ปกฺขิํ เสสปกฺขิโน น หิํสนฺตีติฯ
Tassattho – yāvadeva assa senassa ahu kiñci mukhena gahitaṃ maṃsakhaṇḍaṃ, tāvadeva naṃ imasmiṃ loke kulalā samāgantvā akhādiṃsu. Tasmiṃ pana vissaṭṭhe tamenaṃ akiñcanaṃ nippalibodhaṃ pakkhiṃ sesapakkhino na hiṃsantīti.
โส นครา นิกฺขมิตฺวา อนฺตรามเคฺค เอกสฺมิํ คาเม สายํ เอกสฺส เคเห นิปชฺชิฯ ตตฺถ ปน ปิงฺคลา นาม ทาสี ‘‘อสุกเวลาย อาคเจฺฉยฺยาสี’’ติ เอเกน ปุริเสน สทฺธิํ สเงฺกตมกาสิฯ สา สามิกานํ ปาเท โธวิตฺวา เตสุ นิปเนฺนสุ ตสฺสาคมนํ โอโลเกนฺตี อุมฺมาเร นิสีทิตฺวา ‘‘อิทานิ อาคมิสฺสติ, อิทานิ อาคมิสฺสตี’’ติ ปฐมยามมฺปิ มชฺฌิมยามมฺปิ วีตินาเมสิฯ ปจฺจูสสมเย ปน ‘‘น โส อิทานิ อาคมิสฺสตี’’ติ ฉินฺนาสา หุตฺวา นิปชฺชิตฺวา นิทฺทํ โอกฺกมิฯ โพธิสโตฺต อิทํ การณํ ทิสฺวา ‘‘อยํ ทาสี ‘โส ปุริโส อาคมิสฺสตี’ติ อาสาย เอตฺตกํ กาลํ นิสินฺนา, อิทานิสฺส อนาคมนภาวํ ญตฺวา ฉินฺนาสา หุตฺวา สุขํ สุปติฯ กิเลเสสุ หิ อาสา นาม ทุกฺขํ, นิราสภาโวว สุข’’นฺติ จิเนฺตตฺวา ตติยํ คาถมาห –
So nagarā nikkhamitvā antarāmagge ekasmiṃ gāme sāyaṃ ekassa gehe nipajji. Tattha pana piṅgalā nāma dāsī ‘‘asukavelāya āgaccheyyāsī’’ti ekena purisena saddhiṃ saṅketamakāsi. Sā sāmikānaṃ pāde dhovitvā tesu nipannesu tassāgamanaṃ olokentī ummāre nisīditvā ‘‘idāni āgamissati, idāni āgamissatī’’ti paṭhamayāmampi majjhimayāmampi vītināmesi. Paccūsasamaye pana ‘‘na so idāni āgamissatī’’ti chinnāsā hutvā nipajjitvā niddaṃ okkami. Bodhisatto idaṃ kāraṇaṃ disvā ‘‘ayaṃ dāsī ‘so puriso āgamissatī’ti āsāya ettakaṃ kālaṃ nisinnā, idānissa anāgamanabhāvaṃ ñatvā chinnāsā hutvā sukhaṃ supati. Kilesesu hi āsā nāma dukkhaṃ, nirāsabhāvova sukha’’nti cintetvā tatiyaṃ gāthamāha –
๑๑๙.
119.
‘‘สุขํ นิราสา สุปติ, อาสา ผลวตี สุขา;
‘‘Sukhaṃ nirāsā supati, āsā phalavatī sukhā;
อาสํ นิราสํ กตฺวาน, สุขํ สุปติ ปิงฺคลา’’ติฯ
Āsaṃ nirāsaṃ katvāna, sukhaṃ supati piṅgalā’’ti.
ตตฺถ ผลวตีติ ยสฺสา อาสาย ผลํ ลทฺธํ โหติ, สา ตสฺส ผลสฺส สุขตาย สุขา นามฯ นิราสํ กตฺวานาติ อนาสํ กตฺวา ฉินฺทิตฺวา ปชหิตฺวาติ อโตฺถฯ ปิงฺคลาติ เอสา ปิงฺคลทาสี อิทานิ สุขํ สุปตีติฯ
Tattha phalavatīti yassā āsāya phalaṃ laddhaṃ hoti, sā tassa phalassa sukhatāya sukhā nāma. Nirāsaṃ katvānāti anāsaṃ katvā chinditvā pajahitvāti attho. Piṅgalāti esā piṅgaladāsī idāni sukhaṃ supatīti.
โส ปุนทิวเส ตโต คามา อรญฺญํ ปวิสโนฺต อรเญฺญ เอกํ ตาปสํ ฌานํ อเปฺปตฺวา นิสินฺนํ ทิสฺวา ‘‘อิธโลเก จ ปรโลเก จ ฌานสุขโต อุตฺตริตรํ สุขํ นาม นตฺถี’’ติ จิเนฺตตฺวา จตุตฺถํ คาถมาห –
So punadivase tato gāmā araññaṃ pavisanto araññe ekaṃ tāpasaṃ jhānaṃ appetvā nisinnaṃ disvā ‘‘idhaloke ca paraloke ca jhānasukhato uttaritaraṃ sukhaṃ nāma natthī’’ti cintetvā catutthaṃ gāthamāha –
๑๒๐.
120.
‘‘น สมาธิปโร อตฺถิ, อสฺมิํ โลเก ปรมฺหิ จ;
‘‘Na samādhiparo atthi, asmiṃ loke paramhi ca;
น ปรํ นาปิ อตฺตานํ, วิหิํสติ สมาหิโต’’ติฯ
Na paraṃ nāpi attānaṃ, vihiṃsati samāhito’’ti.
ตตฺถ น สมาธิปโรติ สมาธิโต ปโร อโญฺญ สุขธโมฺม นาม นตฺถีติฯ
Tattha na samādhiparoti samādhito paro añño sukhadhammo nāma natthīti.
โส อรญฺญํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ฌานาภิญฺญา อุปฺปาเทตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิฯ
So araññaṃ pavisitvā isipabbajjaṃ pabbajitvā jhānābhiññā uppādetvā brahmalokaparāyaṇo ahosi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ปุโรหิโต อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā purohito ahameva ahosi’’nti.
สีลวีมํสชาตกวณฺณนา ทสมาฯ
Sīlavīmaṃsajātakavaṇṇanā dasamā.
กุฎิทูสกวโคฺค ตติโยฯ
Kuṭidūsakavaggo tatiyo.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๓๓๐. สีลวีมํสชาตกํ • 330. Sīlavīmaṃsajātakaṃ