Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๒๙๐] ๑๐. สีลวีมํสกชาตกวณฺณนา
[290] 10. Sīlavīmaṃsakajātakavaṇṇanā
สีลํ กิเรว กลฺยาณนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เอกํ สีลวีมํสกพฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิฯ วตฺถุ ปน ปจฺจุปฺปนฺนมฺปิ อตีตมฺปิ เหฎฺฐา เอกกนิปาเต สีลวีมํสกชาตเก (ชา. ๑.๑.๘๖) วิตฺถาริตเมวฯ อิธ ปน พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต ตสฺส ปุโรหิโต สีลสมฺปโนฺน ‘‘อตฺตโน สีลํ วีมํสิสฺสามี’’ติ เหรญฺญิกผลกโต เทฺว ทิวเส เอเกกํ กหาปณํ คณฺหิฯ อถ นํ ตติยทิวเส ‘‘โจโร’’ติ คเหตฺวา รโญฺญ สนฺติกํ นยิํสุฯ โส อนฺตรามเคฺค อหิตุณฺฑิเก สปฺปํ กีฬาเปเนฺต อทฺทสฯ อถ นํ ราชา ทิสฺวา ‘‘กสฺมา เอวรูปํ อกาสี’’ติ ปุจฺฉิ ฯ พฺราหฺมโณ ‘‘อตฺตโน สีลํ วีมํสิตุกามตายา’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อโวจ –
Sīlaṃkireva kalyāṇanti idaṃ satthā jetavane viharanto ekaṃ sīlavīmaṃsakabrāhmaṇaṃ ārabbha kathesi. Vatthu pana paccuppannampi atītampi heṭṭhā ekakanipāte sīlavīmaṃsakajātake (jā. 1.1.86) vitthāritameva. Idha pana bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente tassa purohito sīlasampanno ‘‘attano sīlaṃ vīmaṃsissāmī’’ti heraññikaphalakato dve divase ekekaṃ kahāpaṇaṃ gaṇhi. Atha naṃ tatiyadivase ‘‘coro’’ti gahetvā rañño santikaṃ nayiṃsu. So antarāmagge ahituṇḍike sappaṃ kīḷāpente addasa. Atha naṃ rājā disvā ‘‘kasmā evarūpaṃ akāsī’’ti pucchi . Brāhmaṇo ‘‘attano sīlaṃ vīmaṃsitukāmatāyā’’ti vatvā imā gāthā avoca –
๑๑๘.
118.
‘‘สีลํ กิเรว กลฺยาณํ, สีลํ โลเก อนุตฺตรํ;
‘‘Sīlaṃ kireva kalyāṇaṃ, sīlaṃ loke anuttaraṃ;
ปสฺส โฆรวิโส นาโค, สีลวาติ น หญฺญติฯ
Passa ghoraviso nāgo, sīlavāti na haññati.
๑๑๙.
119.
‘‘โสหํ สีลํ สมาทิสฺสํ, โลเก อนุมตํ สิวํ;
‘‘Sohaṃ sīlaṃ samādissaṃ, loke anumataṃ sivaṃ;
อริยวุตฺติสมาจาโร, เยน วุจฺจติ สีลวาฯ
Ariyavuttisamācāro, yena vuccati sīlavā.
๑๒๐.
120.
‘‘ญาตีนญฺจ ปิโย โหติ, มิเตฺตสุ จ วิโรจติ;
‘‘Ñātīnañca piyo hoti, mittesu ca virocati;
กายสฺส เภทา สุคติํ, อุปปชฺชติ สีลวา’’ติฯ
Kāyassa bhedā sugatiṃ, upapajjati sīlavā’’ti.
ตตฺถ สีลนฺติ อาจาโรฯ กิราติ อนุสฺสวเตฺถ นิปาโตฯ กลฺยาณนฺติ โสภนํ, ‘‘สีลํ กิเรว กลฺยาณ’’นฺติ เอวํ ปณฺฑิตา วทนฺตีติ อโตฺถฯ ปสฺสาติ อตฺตานเมว วทติฯ น หญฺญตีติ ปรมฺปิ น วิเหเฐติ, ปเรหิปิ น วิเหฐียติฯ สมาทิสฺสนฺติ สมาทิยิสฺสามิฯ อนุมตํ สิวนฺติ ‘‘เขมํ นิพฺภย’’นฺติ เอวํ ปณฺฑิเตหิ สมฺปฎิจฺฉิตํฯ เยน วุจฺจตีติ เยน สีเลน สีลวา ปุริโส อริยานํ พุทฺธาทีนํ ปฎิปตฺติํ สมาจรโนฺต ‘‘อริยวุตฺติสมาจาโร’’ติ วุจฺจติ, ตมหํ สมาทิยิสฺสามีติ อโตฺถฯ วิโรจตีติ ปพฺพตมตฺถเก อคฺคิกฺขโนฺธ วิย วิโรจติฯ
Tattha sīlanti ācāro. Kirāti anussavatthe nipāto. Kalyāṇanti sobhanaṃ, ‘‘sīlaṃ kireva kalyāṇa’’nti evaṃ paṇḍitā vadantīti attho. Passāti attānameva vadati. Na haññatīti parampi na viheṭheti, parehipi na viheṭhīyati. Samādissanti samādiyissāmi. Anumataṃ sivanti ‘‘khemaṃ nibbhaya’’nti evaṃ paṇḍitehi sampaṭicchitaṃ. Yena vuccatīti yena sīlena sīlavā puriso ariyānaṃ buddhādīnaṃ paṭipattiṃ samācaranto ‘‘ariyavuttisamācāro’’ti vuccati, tamahaṃ samādiyissāmīti attho. Virocatīti pabbatamatthake aggikkhandho viya virocati.
เอวํ โพธิสโตฺต ตีหิ คาถาหิ สีลสฺส วณฺณํ ปกาเสโนฺต รโญฺญ ธมฺมํ เทเสตฺวา ‘‘มหาราช, มม เคเห ปิตุ สนฺตกํ มาตุ สนฺตกํ อตฺตนา อุปฺปาทิตํ ตยา ทินฺนญฺจ พหุ ธนํ อตฺถิ , ปริยโนฺต นาม น ปญฺญายติ, อหํ ปน สีลํ วีมํสโนฺต เหรญฺญิกผลกโต กหาปเณ คณฺหิํฯ อิทานิ มยา อิมสฺมิํ โลเก ชาติโคตฺตกุลปเทสานํ ลามกภาโว, สีลเสฺสว จ เชฎฺฐกภาโว ญาโต, อหํ ปพฺพชิสฺสามิ, ปพฺพชฺชํ เม อนุชานาหี’’ติ อนุชานาเปตฺวา รญฺญา ปุนปฺปุนํ ยาจิยมาโนปิ นิกฺขมฺม หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิญฺญา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพเตฺตตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิฯ
Evaṃ bodhisatto tīhi gāthāhi sīlassa vaṇṇaṃ pakāsento rañño dhammaṃ desetvā ‘‘mahārāja, mama gehe pitu santakaṃ mātu santakaṃ attanā uppāditaṃ tayā dinnañca bahu dhanaṃ atthi , pariyanto nāma na paññāyati, ahaṃ pana sīlaṃ vīmaṃsanto heraññikaphalakato kahāpaṇe gaṇhiṃ. Idāni mayā imasmiṃ loke jātigottakulapadesānaṃ lāmakabhāvo, sīlasseva ca jeṭṭhakabhāvo ñāto, ahaṃ pabbajissāmi, pabbajjaṃ me anujānāhī’’ti anujānāpetvā raññā punappunaṃ yāciyamānopi nikkhamma himavantaṃ pavisitvā isipabbajjaṃ pabbajitvā abhiññā ca samāpattiyo ca nibbattetvā brahmalokaparāyaṇo ahosi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สีลวีมํสโก ปุโรหิโต พฺราหฺมโณ อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā sīlavīmaṃsako purohito brāhmaṇo ahameva ahosi’’nti.
สีลวีมํสกชาตกวณฺณนา ทสมาฯ
Sīlavīmaṃsakajātakavaṇṇanā dasamā.
อพฺภนฺตรวโคฺค จตุโตฺถฯ
Abbhantaravaggo catuttho.
ตสฺสุทฺทานํ –
Tassuddānaṃ –
ทุม กํสวรุตฺตมพฺยคฺฆมิคา, มณโย มณิ สาลุกมวฺหยโน;
Duma kaṃsavaruttamabyagghamigā, maṇayo maṇi sālukamavhayano;
อนุสาสนิโยปิ จ มจฺฉวโร, มณิกุณฺฑลเกน กิเรน ทสาติฯ
Anusāsaniyopi ca macchavaro, maṇikuṇḍalakena kirena dasāti.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๒๙๐. สีลวีมํสกชาตกํ • 290. Sīlavīmaṃsakajātakaṃ