Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๖. สิลายูปสุตฺตํ
6. Silāyūpasuttaṃ
๒๖. เอกํ สมยํ อายสฺมา จ สาริปุโตฺต อายสฺมา จ จนฺทิกาปุโตฺต ราชคเห วิหรนฺติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเปฯ ตตฺร โข อายสฺมา จนฺทิกาปุโตฺต ภิกฺขู อามเนฺตสิ ( ) 1 – ‘‘เทวทโตฺต, อาวุโส, ภิกฺขูนํ เอวํ ธมฺมํ เทเสติ – ‘ยโต โข, อาวุโส, ภิกฺขุโน เจตสา จิตํ โหติ, ตเสฺสตํ ภิกฺขุโน กลฺลํ เวยฺยากรณาย – ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานามี’’’ติฯ
26. Ekaṃ samayaṃ āyasmā ca sāriputto āyasmā ca candikāputto rājagahe viharanti veḷuvane kalandakanivāpe. Tatra kho āyasmā candikāputto bhikkhū āmantesi ( ) 2 – ‘‘devadatto, āvuso, bhikkhūnaṃ evaṃ dhammaṃ deseti – ‘yato kho, āvuso, bhikkhuno cetasā citaṃ hoti, tassetaṃ bhikkhuno kallaṃ veyyākaraṇāya – ‘khīṇā jāti, vusitaṃ brahmacariyaṃ, kataṃ karaṇīyaṃ, nāparaṃ itthattāyāti pajānāmī’’’ti.
เอวํ วุเตฺต อายสฺมา สาริปุโตฺต อายสฺมนฺตํ จนฺทิกาปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘น โข, อาวุโส จนฺทิกาปุตฺต, เทวทโตฺต ภิกฺขูนํ เอวํ ธมฺมํ เทเสติ – ‘ยโต โข, อาวุโส, ภิกฺขุโน เจตสา จิตํ โหติ, ตเสฺสตํ ภิกฺขุโน กลฺลํ เวยฺยากรณาย – ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานามี’ติฯ เอวญฺจ โข, อาวุโส, จนฺทิกาปุตฺต, เทวทโตฺต ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสติ – ‘ยโต โข, อาวุโส, ภิกฺขุโน เจตสา จิตฺตํ สุปริจิตํ โหติ, ตเสฺสตํ ภิกฺขุโน กลฺลํ เวยฺยากรณาย – ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานามี’’’ติฯ
Evaṃ vutte āyasmā sāriputto āyasmantaṃ candikāputtaṃ etadavoca – ‘‘na kho, āvuso candikāputta, devadatto bhikkhūnaṃ evaṃ dhammaṃ deseti – ‘yato kho, āvuso, bhikkhuno cetasā citaṃ hoti, tassetaṃ bhikkhuno kallaṃ veyyākaraṇāya – khīṇā jāti, vusitaṃ brahmacariyaṃ, kataṃ karaṇīyaṃ, nāparaṃ itthattāyāti pajānāmī’ti. Evañca kho, āvuso, candikāputta, devadatto bhikkhūnaṃ dhammaṃ deseti – ‘yato kho, āvuso, bhikkhuno cetasā cittaṃ suparicitaṃ hoti, tassetaṃ bhikkhuno kallaṃ veyyākaraṇāya – khīṇā jāti, vusitaṃ brahmacariyaṃ, kataṃ karaṇīyaṃ, nāparaṃ itthattāyāti pajānāmī’’’ti.
ทุติยมฺปิ โข อายสฺมา จนฺทิกาปุโตฺต ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘เทวทโตฺต, อาวุโส, ภิกฺขูนํ เอวํ ธมฺมํ เทเสติ – ‘ยโต โข, อาวุโส, ภิกฺขุโน เจตสา จิตํ โหติ, ตเสฺสตํ ภิกฺขุโน กลฺลํ เวยฺยากรณาย – ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานามี’’’ติฯ ทุติยมฺปิ โข อายสฺมา สาริปุโตฺต อายสฺมนฺตํ จนฺทิกาปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘น โข, อาวุโส จนฺทิกาปุตฺต, เทวทโตฺต ภิกฺขูนํ เอวํ ธมฺมํ เทเสติ – ‘ยโต โข, อาวุโส, ภิกฺขุโน เจตสา จิตํ โหติ, ตเสฺสตํ ภิกฺขุโน กลฺลํ เวยฺยากรณาย – ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานามี’ติฯ เอวญฺจ โข, อาวุโส จนฺทิกาปุตฺต, เทวทโตฺต ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสติ – ‘ยโต โข, อาวุโส, ภิกฺขุโน เจตสา จิตฺตํ สุปริจิตํ โหติ, ตเสฺสตํ ภิกฺขุโน กลฺลํ เวยฺยากรณาย – ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานามี’’’ติฯ
Dutiyampi kho āyasmā candikāputto bhikkhū āmantesi – ‘‘devadatto, āvuso, bhikkhūnaṃ evaṃ dhammaṃ deseti – ‘yato kho, āvuso, bhikkhuno cetasā citaṃ hoti, tassetaṃ bhikkhuno kallaṃ veyyākaraṇāya – khīṇā jāti, vusitaṃ brahmacariyaṃ, kataṃ karaṇīyaṃ, nāparaṃ itthattāyāti pajānāmī’’’ti. Dutiyampi kho āyasmā sāriputto āyasmantaṃ candikāputtaṃ etadavoca – ‘‘na kho, āvuso candikāputta, devadatto bhikkhūnaṃ evaṃ dhammaṃ deseti – ‘yato kho, āvuso, bhikkhuno cetasā citaṃ hoti, tassetaṃ bhikkhuno kallaṃ veyyākaraṇāya – khīṇā jāti, vusitaṃ brahmacariyaṃ, kataṃ karaṇīyaṃ, nāparaṃ itthattāyāti pajānāmī’ti. Evañca kho, āvuso candikāputta, devadatto bhikkhūnaṃ dhammaṃ deseti – ‘yato kho, āvuso, bhikkhuno cetasā cittaṃ suparicitaṃ hoti, tassetaṃ bhikkhuno kallaṃ veyyākaraṇāya – khīṇā jāti, vusitaṃ brahmacariyaṃ, kataṃ karaṇīyaṃ, nāparaṃ itthattāyāti pajānāmī’’’ti.
ตติยมฺปิ โข อายสฺมา จนฺทิกาปุโตฺต ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘เทวทโตฺต, อาวุโส, ภิกฺขูนํ เอวํ ธมฺมํ เทเสติ – ‘ยโต โข, อาวุโส, ภิกฺขุโน เจตสา จิตํ โหติ, ตเสฺสตํ ภิกฺขุโน กลฺลํ เวยฺยากรณาย – ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานามี’’’ติฯ ตติยมฺปิ โข อายสฺมา สาริปุโตฺต อายสฺมนฺตํ จนฺทิกาปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘น โข, อาวุโส จนฺทิกาปุตฺต, เทวทโตฺต ภิกฺขูนํ เอวํ ธมฺมํ เทเสติ – ‘ยโต โข, อาวุโส, ภิกฺขุโน เจตสา จิตํ โหติ, ตเสฺสตํ ภิกฺขุโน กลฺลํ เวยฺยากรณาย – ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานามี’ติฯ เอวญฺจ โข, อาวุโส จนฺทิกาปุตฺต, เทวทโตฺต ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสติ – ‘ยโต โข, อาวุโส, ภิกฺขุโน เจตสา จิตฺตํ สุปริจิตํ โหติ, ตเสฺสตํ ภิกฺขุโน กลฺลํ เวยฺยากรณาย – ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานามี’’’ติฯ
Tatiyampi kho āyasmā candikāputto bhikkhū āmantesi – ‘‘devadatto, āvuso, bhikkhūnaṃ evaṃ dhammaṃ deseti – ‘yato kho, āvuso, bhikkhuno cetasā citaṃ hoti, tassetaṃ bhikkhuno kallaṃ veyyākaraṇāya – khīṇā jāti, vusitaṃ brahmacariyaṃ, kataṃ karaṇīyaṃ, nāparaṃ itthattāyāti pajānāmī’’’ti. Tatiyampi kho āyasmā sāriputto āyasmantaṃ candikāputtaṃ etadavoca – ‘‘na kho, āvuso candikāputta, devadatto bhikkhūnaṃ evaṃ dhammaṃ deseti – ‘yato kho, āvuso, bhikkhuno cetasā citaṃ hoti, tassetaṃ bhikkhuno kallaṃ veyyākaraṇāya – khīṇā jāti, vusitaṃ brahmacariyaṃ, kataṃ karaṇīyaṃ, nāparaṃ itthattāyāti pajānāmī’ti. Evañca kho, āvuso candikāputta, devadatto bhikkhūnaṃ dhammaṃ deseti – ‘yato kho, āvuso, bhikkhuno cetasā cittaṃ suparicitaṃ hoti, tassetaṃ bhikkhuno kallaṃ veyyākaraṇāya – khīṇā jāti, vusitaṃ brahmacariyaṃ, kataṃ karaṇīyaṃ, nāparaṃ itthattāyāti pajānāmī’’’ti.
‘‘กถญฺจ, อาวุโส, ภิกฺขุโน เจตสา จิตฺตํ สุปริจิตํ โหติ? ‘วีตราคํ เม จิตฺต’นฺติ เจตสา จิตฺตํ สุปริจิตํ โหติ; ‘วีตโทสํ เม จิตฺต’นฺติ เจตสา จิตฺตํ สุปริจิตํ โหติ; ‘วีตโมหํ เม จิตฺต’นฺติ เจตสา จิตฺตํ สุปริจิตํ โหติ; ‘อสราคธมฺมํ เม จิตฺต’นฺติ เจตสา จิตฺตํ สุปริจิตํ โหติ; ‘อสโทสธมฺมํ เม จิตฺต’นฺติ เจตสา จิตฺตํ สุปริจิตํ โหติ; ‘อสโมหธมฺมํ เม จิตฺต’นฺติ เจตสา จิตฺตํ สุปริจิตํ โหติ; ‘อนาวตฺติธมฺมํ เม จิตฺตํ กามภวายา’ติ เจตสา จิตฺตํ สุปริจิตํ โหติ; ‘อนาวตฺติธมฺมํ เม จิตฺตํ รูปภวายา’ติ เจตสา จิตฺตํ สุปริจิตํ โหติ; ‘อนาวตฺติธมฺมํ เม จิตฺตํ อรูปภวายา’ติ เจตสา จิตฺตํ สุปริจิตํ โหติฯ เอวํ สมฺมา วิมุตฺตจิตฺตสฺส โข, อาวุโส, ภิกฺขุโน ภุสา เจปิ จกฺขุวิเญฺญยฺยา รูปา จกฺขุสฺส อาปาถํ อาคจฺฉนฺติ, เนวสฺส จิตฺตํ ปริยาทิยนฺติ; อมิสฺสีกตเมวสฺส จิตฺตํ โหติ ฐิตํ อาเนญฺชปฺปตฺตํ, วยํ จสฺสานุปสฺสติฯ
‘‘Kathañca, āvuso, bhikkhuno cetasā cittaṃ suparicitaṃ hoti? ‘Vītarāgaṃ me citta’nti cetasā cittaṃ suparicitaṃ hoti; ‘vītadosaṃ me citta’nti cetasā cittaṃ suparicitaṃ hoti; ‘vītamohaṃ me citta’nti cetasā cittaṃ suparicitaṃ hoti; ‘asarāgadhammaṃ me citta’nti cetasā cittaṃ suparicitaṃ hoti; ‘asadosadhammaṃ me citta’nti cetasā cittaṃ suparicitaṃ hoti; ‘asamohadhammaṃ me citta’nti cetasā cittaṃ suparicitaṃ hoti; ‘anāvattidhammaṃ me cittaṃ kāmabhavāyā’ti cetasā cittaṃ suparicitaṃ hoti; ‘anāvattidhammaṃ me cittaṃ rūpabhavāyā’ti cetasā cittaṃ suparicitaṃ hoti; ‘anāvattidhammaṃ me cittaṃ arūpabhavāyā’ti cetasā cittaṃ suparicitaṃ hoti. Evaṃ sammā vimuttacittassa kho, āvuso, bhikkhuno bhusā cepi cakkhuviññeyyā rūpā cakkhussa āpāthaṃ āgacchanti, nevassa cittaṃ pariyādiyanti; amissīkatamevassa cittaṃ hoti ṭhitaṃ āneñjappattaṃ, vayaṃ cassānupassati.
‘‘เสยฺยถาปิ, อาวุโส, สิลายูโป โสฬสกุกฺกุโกฯ ตสฺสสฺสุ อฎฺฐ กุกฺกู เหฎฺฐา เนมงฺคมา, อฎฺฐ กุกฺกู อุปริ เนมสฺสฯ อถ ปุรตฺถิมาย เจปิ ทิสาย อาคเจฺฉยฺย ภุสา วาตวุฎฺฐิ, เนว นํ สงฺกเมฺปยฺย น สมฺปเวเธยฺย; อถ ปจฺฉิมาย… อถ อุตฺตราย… อถ ทกฺขิณาย เจปิ ทิสาย อาคเจฺฉยฺย ภุสา วาตวุฎฺฐิ, เนว นํ สงฺกเมฺปยฺย น สมฺปเวเธยฺยฯ ตํ กิสฺส เหตุ? คมฺภีรตฺตา, อาวุโส, เนมสฺส, สุนิขาตตฺตา สิลายูปสฺสฯ เอวเมวํ โข, อาวุโส, สมฺมา วิมุตฺตจิตฺตสฺส ภิกฺขุโน ภุสา เจปิ จกฺขุวิเญฺญยฺยา รูปา จกฺขุสฺส อาปาถํ อาคจฺฉนฺติ, เนวสฺส จิตฺตํ ปริยาทิยนฺติ; อมิสฺสีกตเมวสฺส จิตฺตํ โหติ ฐิตํ อาเนญฺชปฺปตฺตํ, วยํ จสฺสานุปสฺสติฯ
‘‘Seyyathāpi, āvuso, silāyūpo soḷasakukkuko. Tassassu aṭṭha kukkū heṭṭhā nemaṅgamā, aṭṭha kukkū upari nemassa. Atha puratthimāya cepi disāya āgaccheyya bhusā vātavuṭṭhi, neva naṃ saṅkampeyya na sampavedheyya; atha pacchimāya… atha uttarāya… atha dakkhiṇāya cepi disāya āgaccheyya bhusā vātavuṭṭhi, neva naṃ saṅkampeyya na sampavedheyya. Taṃ kissa hetu? Gambhīrattā, āvuso, nemassa, sunikhātattā silāyūpassa. Evamevaṃ kho, āvuso, sammā vimuttacittassa bhikkhuno bhusā cepi cakkhuviññeyyā rūpā cakkhussa āpāthaṃ āgacchanti, nevassa cittaṃ pariyādiyanti; amissīkatamevassa cittaṃ hoti ṭhitaṃ āneñjappattaṃ, vayaṃ cassānupassati.
‘‘ภุสา เจปิ โสตวิเญฺญยฺยา สทฺทา… ฆานวิเญฺญยฺยา คนฺธา… ชิวฺหาวิเญฺญยฺยา รสา… กายวิเญฺญยฺยา โผฎฺฐพฺพา… มโนวิเญฺญยฺยา ธมฺมา มนสฺส อาปาถํ อาคจฺฉนฺติ, เนวสฺส จิตฺตํ ปริยาทิยนฺติ; อมิสฺสีกตเมวสฺส จิตฺตํ โหติ ฐิตํ อาเนญฺชปฺปตฺตํ, วยํ จสฺสานุปสฺสตี’’ติฯ ฉฎฺฐํฯ
‘‘Bhusā cepi sotaviññeyyā saddā… ghānaviññeyyā gandhā… jivhāviññeyyā rasā… kāyaviññeyyā phoṭṭhabbā… manoviññeyyā dhammā manassa āpāthaṃ āgacchanti, nevassa cittaṃ pariyādiyanti; amissīkatamevassa cittaṃ hoti ṭhitaṃ āneñjappattaṃ, vayaṃ cassānupassatī’’ti. Chaṭṭhaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๖. สิลายูปสุตฺตวณฺณนา • 6. Silāyūpasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๖. สิลายูปสุตฺตวณฺณนา • 6. Silāyūpasuttavaṇṇanā