Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวคฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvagga-aṭṭhakathā |
สีมานุชานนกถา
Sīmānujānanakathā
๑๓๘. ปฐมํ นิมิตฺตา กิเตฺตตพฺพาติ วินยธเรน ปุจฺฉิตพฺพํ ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย กิํ นิมิตฺต’’นฺติ? ปพฺพโต ภเนฺตติฯ ปุน วินยธเรน ‘‘เอโส ปพฺพโต นิมิตฺต’’นฺติ เอวํ นิมิตฺตํ กิเตฺตตพฺพํฯ ‘‘เอตํ ปพฺพตํ นิมิตฺตํ กโรม, กริสฺสาม, นิมิตฺตํ กโต, นิมิตฺตํ โหตุ, โหติ ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ ปน กิเตฺตตุํ น วฎฺฎติฯ ปาสาณาทีสุปิ เอเสว นโยฯ ปุรตฺถิมาย อนุทิสาย, ทกฺขิณาย ทิสาย, ทกฺขิณาย อนุทิสาย, ปจฺฉิมาย ทิสาย, ปจฺฉิมาย อนุทิสาย, อุตฺตราย ทิสาย, อุตฺตราย อนุทิสาย, กิํ นิมิตฺตํ? อุทกํ ภเนฺตฯ เอตํ อุทกํ นิมิตฺตนฺติ เอตฺถ ปน อฎฺฐตฺวา ปุน ปุรตฺถิมาย ทิสาย กิํ นิมิตฺตํฯ ปพฺพโต ภเนฺตฯ เอโส ปพฺพโต นิมิตฺตนฺติ เอวํ ปฐมํ กิตฺติตนิมิตฺตํ กิเตฺตตฺวาว ฐเปตพฺพํฯ เอวญฺหิ นิมิเตฺตน นิมิตฺตํ ฆฎิตํ โหติฯ เอวํ นิมิตฺตานิ กิเตฺตตฺวา อถานนฺตรํ วุตฺตาย กมฺมวาจาย สีมา สมฺมนฺนิตพฺพาฯ กมฺมวาจาปริโยสาเน นิมิตฺตานํ อโนฺต สีมา โหติ, นิมิตฺตานิ สีมโต พหิ โหนฺติฯ ตตฺถ นิมิตฺตานิ สกิํ กิตฺติตานิปิ กิตฺติตาเนว โหนฺติฯ อนฺธกฎฺฐกถายํ ปน ติกฺขตฺตุํ สีมมณฺฑลํ สมฺพนฺธเนฺตน นิมิตฺตํ กิเตฺตตพฺพนฺติ วุตฺตํฯ ‘‘ปพฺพโต ภเนฺตติ…เป.… อุทกํ ภเนฺต’’ติ เอวํ ปน อุปสมฺปโนฺน วา อาจิกฺขตุ อนุปสมฺปโนฺน วา วฎฺฎติเยวฯ
138.Paṭhamaṃ nimittā kittetabbāti vinayadharena pucchitabbaṃ ‘‘puratthimāya disāya kiṃ nimitta’’nti? Pabbato bhanteti. Puna vinayadharena ‘‘eso pabbato nimitta’’nti evaṃ nimittaṃ kittetabbaṃ. ‘‘Etaṃ pabbataṃ nimittaṃ karoma, karissāma, nimittaṃ kato, nimittaṃ hotu, hoti bhavissatī’’ti evaṃ pana kittetuṃ na vaṭṭati. Pāsāṇādīsupi eseva nayo. Puratthimāya anudisāya, dakkhiṇāya disāya, dakkhiṇāya anudisāya, pacchimāya disāya, pacchimāya anudisāya, uttarāya disāya, uttarāya anudisāya, kiṃ nimittaṃ? Udakaṃ bhante. Etaṃ udakaṃ nimittanti ettha pana aṭṭhatvā puna puratthimāya disāya kiṃ nimittaṃ. Pabbato bhante. Eso pabbato nimittanti evaṃ paṭhamaṃ kittitanimittaṃ kittetvāva ṭhapetabbaṃ. Evañhi nimittena nimittaṃ ghaṭitaṃ hoti. Evaṃ nimittāni kittetvā athānantaraṃ vuttāya kammavācāya sīmā sammannitabbā. Kammavācāpariyosāne nimittānaṃ anto sīmā hoti, nimittāni sīmato bahi honti. Tattha nimittāni sakiṃ kittitānipi kittitāneva honti. Andhakaṭṭhakathāyaṃ pana tikkhattuṃ sīmamaṇḍalaṃ sambandhantena nimittaṃ kittetabbanti vuttaṃ. ‘‘Pabbato bhanteti…pe… udakaṃ bhante’’ti evaṃ pana upasampanno vā ācikkhatu anupasampanno vā vaṭṭatiyeva.
อิทานิ ปพฺพตนิมิตฺตาทีสุ เอวํ วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพ – ติวิโธ ปพฺพโต, สุทฺธปํสุปพฺพโต, สุทฺธปาสาณปพฺพโต, อุภยมิสฺสโกติฯ โส ติวิโธปิ วฎฺฎติฯ วาลิกราสิ ปน น วฎฺฎติฯ อิตโรปิ หตฺถิปฺปมาณโต โอมกตโร น วฎฺฎติฯ หตฺถิปฺปมาณโต ปน ปฎฺฐาย สิเนรุปฺปมาโณปิ วฎฺฎติฯ สเจ จตูสุ ทิสาสุ จตฺตาโร ตีสุ วา ตโย ปพฺพตา โหนฺติ, จตูหิ วา ตีหิ วา ปพฺพตนิมิเตฺตหิ เอว สมฺมนฺนิตุํ วฎฺฎติฯ ทฺวีหิ ปน นิมิเตฺตหิ เอเกน วา สมฺมนฺนิตุํ น วฎฺฎติฯ อิโต ปเรสุ ปาสาณนิมิตฺตาทีสุปิ เอเสว นโยฯ ตสฺมา ปพฺพตนิมิตฺตํ กโรเนฺตน ปุจฺฉิตพฺพํ ‘‘เอกาพโทฺธ น เอกาพโทฺธ’’ติฯ สเจ เอกาพโทฺธ โหติ, น กาตโพฺพฯ ตญฺหิ จตูสุ วา อฎฺฐสุ วา ทิสาสุ กิเตฺตเนฺตนาปิ เอกเมว นิมิตฺตํ กิตฺติตํ โหติ, ตสฺมา โย เอวํ จกฺกสณฺฐาเนน วิหารํ ปริกฺขิปิตฺวา ฐิโต ปพฺพโต, ตํ เอกทิสาย กิเตฺตตฺวา อญฺญาสุ ทิสาสุ ตํ พหิทฺธา กตฺวา อโนฺต อญฺญานิ นิมิตฺตานิ กิเตฺตตพฺพานิฯ
Idāni pabbatanimittādīsu evaṃ vinicchayo veditabbo – tividho pabbato, suddhapaṃsupabbato, suddhapāsāṇapabbato, ubhayamissakoti. So tividhopi vaṭṭati. Vālikarāsi pana na vaṭṭati. Itaropi hatthippamāṇato omakataro na vaṭṭati. Hatthippamāṇato pana paṭṭhāya sineruppamāṇopi vaṭṭati. Sace catūsu disāsu cattāro tīsu vā tayo pabbatā honti, catūhi vā tīhi vā pabbatanimittehi eva sammannituṃ vaṭṭati. Dvīhi pana nimittehi ekena vā sammannituṃ na vaṭṭati. Ito paresu pāsāṇanimittādīsupi eseva nayo. Tasmā pabbatanimittaṃ karontena pucchitabbaṃ ‘‘ekābaddho na ekābaddho’’ti. Sace ekābaddho hoti, na kātabbo. Tañhi catūsu vā aṭṭhasu vā disāsu kittentenāpi ekameva nimittaṃ kittitaṃ hoti, tasmā yo evaṃ cakkasaṇṭhānena vihāraṃ parikkhipitvā ṭhito pabbato, taṃ ekadisāya kittetvā aññāsu disāsu taṃ bahiddhā katvā anto aññāni nimittāni kittetabbāni.
สเจ ปพฺพตสฺส ตติยภาคํ วา อุปฑฺฒํ วา อโนฺตสีมาย กตฺตุกามา โหนฺติ, ปพฺพตํ อกิเตฺตตฺวา ยตฺตกํ ปเทสํ อโนฺต กตฺตุกามา, ตสฺส ปรโต ตสฺมิํเยว ปพฺพเต ชาตรุกฺขวมฺมิกาทีสุ อญฺญตรํ นิมิตฺตํ กิเตฺตตพฺพํฯ สเจ เอกโยชนทฺวิโยชนปฺปมาณํ สพฺพํ ปพฺพตํ อโนฺต กตฺตุกามา โหนฺติ, ปพฺพตสฺส ปรโต ภูมิยํ ชาตรุกฺขวมฺมิกาทีนิ นิมิตฺตานิ กิเตฺตตพฺพานิฯ
Sace pabbatassa tatiyabhāgaṃ vā upaḍḍhaṃ vā antosīmāya kattukāmā honti, pabbataṃ akittetvā yattakaṃ padesaṃ anto kattukāmā, tassa parato tasmiṃyeva pabbate jātarukkhavammikādīsu aññataraṃ nimittaṃ kittetabbaṃ. Sace ekayojanadviyojanappamāṇaṃ sabbaṃ pabbataṃ anto kattukāmā honti, pabbatassa parato bhūmiyaṃ jātarukkhavammikādīni nimittāni kittetabbāni.
ปาสาณนิมิเตฺต – อยคุโฬปิ ปาสาณสงฺขฺยเมว คจฺฉติ, ตสฺมา โย โกจิ ปาสาโณ วฎฺฎติฯ ปมาณโต ปน หตฺถิปฺปมาโณ ปพฺพตสงฺขฺยํ คโต, ตสฺมา โส น วฎฺฎติฯ มหาโคณมหามหิํสปฺปมาโณ ปน วฎฺฎติฯ เหฎฺฐิมปริเจฺฉเทน ทฺวตฺติํสปลคุฬปิณฺฑปริมาโณ วฎฺฎติฯ ตโต ขุทฺทกตโร อิฎฺฐกา วา มหนฺตีปิ น วฎฺฎติฯ อนิมิตฺตุปคปาสาณราสิปิ น วฎฺฎติ, ปเคว ปํสุวาลิกราสิฯ ภูมิสโม ขลมณฺฑลสทิโส ปิฎฺฐิปาสาโณ วา ภูมิโต ขาณุโก วิย อุฎฺฐิตปาสาโณ วา โหติ, โสปิ ปมาณุปโค เจ วฎฺฎติฯ ปิฎฺฐิปาสาโณ อติมหโนฺตปิ ปาสาณสงฺขฺยเมว คจฺฉติ, ตสฺมา สเจ มหโต ปิฎฺฐิปาสาณสฺส เอกปฺปเทสํ อโนฺตสีมาย กตฺตุกามา โหนฺติ, ตํ อกิเตฺตตฺวา ตสฺสุปริ อโญฺญ ปาสาโณ กิเตฺตตโพฺพฯ สเจ ปิฎฺฐิปาสาณุปริ วิหารํ กโรนฺติ, วิหารมเชฺฌน วา ปิฎฺฐิปาสาโณ วินิวิชฺฌิตฺวา คจฺฉติ, เอวรูโป ปิฎฺฐิปาสาโณ น วฎฺฎติฯ สเจ หิ ตํ กิเตฺตนฺติ, นิมิตฺตสฺส อุปริ วิหาโร โหติ, นิมิตฺตญฺจ นาม พหิสีมาย โหติ, วิหาโรปิ พหิสีมายํ อาปชฺชติฯ วิหารํ ปริกฺขิปิตฺวา ฐิตปิฎฺฐิปาสาโณ เอกตฺถ กิเตฺตตฺวา อญฺญตฺถ น กิเตฺตตโพฺพฯ
Pāsāṇanimitte – ayaguḷopi pāsāṇasaṅkhyameva gacchati, tasmā yo koci pāsāṇo vaṭṭati. Pamāṇato pana hatthippamāṇo pabbatasaṅkhyaṃ gato, tasmā so na vaṭṭati. Mahāgoṇamahāmahiṃsappamāṇo pana vaṭṭati. Heṭṭhimaparicchedena dvattiṃsapalaguḷapiṇḍaparimāṇo vaṭṭati. Tato khuddakataro iṭṭhakā vā mahantīpi na vaṭṭati. Animittupagapāsāṇarāsipi na vaṭṭati, pageva paṃsuvālikarāsi. Bhūmisamo khalamaṇḍalasadiso piṭṭhipāsāṇo vā bhūmito khāṇuko viya uṭṭhitapāsāṇo vā hoti, sopi pamāṇupago ce vaṭṭati. Piṭṭhipāsāṇo atimahantopi pāsāṇasaṅkhyameva gacchati, tasmā sace mahato piṭṭhipāsāṇassa ekappadesaṃ antosīmāya kattukāmā honti, taṃ akittetvā tassupari añño pāsāṇo kittetabbo. Sace piṭṭhipāsāṇupari vihāraṃ karonti, vihāramajjhena vā piṭṭhipāsāṇo vinivijjhitvā gacchati, evarūpo piṭṭhipāsāṇo na vaṭṭati. Sace hi taṃ kittenti, nimittassa upari vihāro hoti, nimittañca nāma bahisīmāya hoti, vihāropi bahisīmāyaṃ āpajjati. Vihāraṃ parikkhipitvā ṭhitapiṭṭhipāsāṇo ekattha kittetvā aññattha na kittetabbo.
วนนิมิเตฺต – ติณวนํ วา ตจสารตาลนาฬิเกราทิรุกฺขวนํ วา น วฎฺฎติฯ อโนฺตสารานํ ปน สากสาลาทีนํ อโนฺตสารมิสฺสกานํ วา รุกฺขานํ วนํ วฎฺฎติ, ตญฺจ โข เหฎฺฐิมปริเจฺฉเทน จตุปญฺจรุกฺขมตฺตมฺปิ ตโต โอรํ น วฎฺฎติ, ปรํ โยชนสติกมฺปิ วฎฺฎติฯ สเจ ปน วนมเชฺฌ วิหารํ กโรนฺติ, วนํ น กิเตฺตตพฺพํฯ เอกเทสํ อโนฺตสีมาย กตฺตุกาเมหิปิ วนํ อกิเตฺตตฺวา ตตฺถ รุกฺขปาสาณาทโย กิเตฺตตพฺพาฯ วิหารํ ปริกฺขิปิตฺวา ฐิตวนํ เอกตฺถ กิเตฺตตฺวา อญฺญตฺถ น กิเตฺตตพฺพํฯ
Vananimitte – tiṇavanaṃ vā tacasāratālanāḷikerādirukkhavanaṃ vā na vaṭṭati. Antosārānaṃ pana sākasālādīnaṃ antosāramissakānaṃ vā rukkhānaṃ vanaṃ vaṭṭati, tañca kho heṭṭhimaparicchedena catupañcarukkhamattampi tato oraṃ na vaṭṭati, paraṃ yojanasatikampi vaṭṭati. Sace pana vanamajjhe vihāraṃ karonti, vanaṃ na kittetabbaṃ. Ekadesaṃ antosīmāya kattukāmehipi vanaṃ akittetvā tattha rukkhapāsāṇādayo kittetabbā. Vihāraṃ parikkhipitvā ṭhitavanaṃ ekattha kittetvā aññattha na kittetabbaṃ.
รุกฺขนิมิเตฺต – ตจสาโร ตาลนาฬิเกราทิรุโกฺข น วฎฺฎติ, อโนฺตสาโร ชีวมานโก อนฺตมโส อุเพฺพธโต อฎฺฐงฺคุโล ปริณาหโต สูจิทณฺฑกปฺปมาโณปิ วฎฺฎติ, ตโต โอรํ น วฎฺฎติ, ปรํ ทฺวาทสโยชโน สุปฺปติฎฺฐิตนิโคฺรโธปิ วฎฺฎติฯ วํสนฬกสราวาทีสุ พีชํ โรเปตฺวา วฑฺฒาปิโต ปมาณุปโคปิ น วฎฺฎติฯ ตโต อปเนตฺวา ปน ตงฺขณมฺปิ ภูมิยํ โรเปตฺวา โกฎฺฐกํ กตฺวา อุทกํ อาสิญฺจิตฺวา กิเตฺตตุํ วฎฺฎติฯ นวมูลสาขานิคฺคมนํ อการณํฯ ขนฺธํ ฉินฺทิตฺวา โรปิเต ปน เอตํ ยุชฺชติฯ กิเตฺตเนฺตน จ ‘‘รุโกฺข’’ติปิ วตฺตุํ วฎฺฎติ, ‘‘สากรุโกฺขติปิ สาลรุโกฺข’’ติปิฯ เอกาพทฺธํ ปน สุปฺปติฎฺฐิตนิโคฺรธสทิสํ เอกตฺถ กิเตฺตตฺวา อญฺญตฺถ กิเตฺตตุํ น วฎฺฎติฯ
Rukkhanimitte – tacasāro tālanāḷikerādirukkho na vaṭṭati, antosāro jīvamānako antamaso ubbedhato aṭṭhaṅgulo pariṇāhato sūcidaṇḍakappamāṇopi vaṭṭati, tato oraṃ na vaṭṭati, paraṃ dvādasayojano suppatiṭṭhitanigrodhopi vaṭṭati. Vaṃsanaḷakasarāvādīsu bījaṃ ropetvā vaḍḍhāpito pamāṇupagopi na vaṭṭati. Tato apanetvā pana taṅkhaṇampi bhūmiyaṃ ropetvā koṭṭhakaṃ katvā udakaṃ āsiñcitvā kittetuṃ vaṭṭati. Navamūlasākhāniggamanaṃ akāraṇaṃ. Khandhaṃ chinditvā ropite pana etaṃ yujjati. Kittentena ca ‘‘rukkho’’tipi vattuṃ vaṭṭati, ‘‘sākarukkhotipi sālarukkho’’tipi. Ekābaddhaṃ pana suppatiṭṭhitanigrodhasadisaṃ ekattha kittetvā aññattha kittetuṃ na vaṭṭati.
มคฺคนิมิเตฺต – อรญฺญเขตฺตนทีตฬากมคฺคาทโย น วฎฺฎนฺติ, ชงฺฆมโคฺค วา สกฎมโคฺค วา วฎฺฎติ, โย นิพฺพิชฺฌิตฺวา เทฺว ตีณิ คามนฺตรานิ คจฺฉติฯ โย ปน ชงฺฆมโคฺค สกฎมคฺคโต โอกฺกมิตฺวา ปุน สกฎมคฺคเมว โอตรติ, เย วา ชงฺฆมคฺคสกฎมคฺคา อวฬญฺชา, เต น วฎฺฎนฺติฯ ชงฺฆสตฺถสกฎสเตฺถหิ วฬญฺชิยมานาเยว วฎฺฎนฺติฯ สเจ เทฺว มคฺคา นิกฺขมิตฺวา ปจฺฉา สกฎธุรมิว เอกีภวนฺติ, ทฺวิธา ภินฺนฎฺฐาเน วา สมฺพนฺธฎฺฐาเน วา สกิํ กิเตฺตตฺวา ปุน น กิเตฺตตพฺพา, เอกาพทฺธนิมิตฺตเญฺหตํ โหติฯ
Magganimitte – araññakhettanadītaḷākamaggādayo na vaṭṭanti, jaṅghamaggo vā sakaṭamaggo vā vaṭṭati, yo nibbijjhitvā dve tīṇi gāmantarāni gacchati. Yo pana jaṅghamaggo sakaṭamaggato okkamitvā puna sakaṭamaggameva otarati, ye vā jaṅghamaggasakaṭamaggā avaḷañjā, te na vaṭṭanti. Jaṅghasatthasakaṭasatthehi vaḷañjiyamānāyeva vaṭṭanti. Sace dve maggā nikkhamitvā pacchā sakaṭadhuramiva ekībhavanti, dvidhā bhinnaṭṭhāne vā sambandhaṭṭhāne vā sakiṃ kittetvā puna na kittetabbā, ekābaddhanimittañhetaṃ hoti.
สเจ วิหารํ ปริกฺขิปิตฺวา จตฺตาโร มคฺคา จตูสุ ทิสาสุ คจฺฉนฺติ, มเชฺฌ เอกํ กิเตฺตตฺวา อปรํ กิเตฺตตุํ น วฎฺฎติฯ เอกาพทฺธนิมิตฺตเญฺหตํ โหติฯ โกณํ นิพฺพิชฺฌิตฺวา คตมคฺคํ ปน ปรภาเค กิเตฺตตุํ วฎฺฎติฯ วิหารมเชฺฌน นิพฺพิชฺฌิตฺวา คตมโคฺค ปน น กิเตฺตตโพฺพฯ กิตฺติเต นิมิตฺตสฺส อุปริ วิหาโร โหติฯ สเจ สกฎมคฺคสฺส อนฺติมจกฺกมคฺคํ นิมิตฺตํ กโรนฺติ, มโคฺค พหิสีมาย โหติฯ สเจ พาหิรจกฺกมคฺคํ นิมิตฺตํ กโรนฺติ, พาหิรจกฺกมโคฺคว พหิสีมาย โหติ, เสสํ อโนฺตสีมํ ภชติฯ มคฺคํ กิเตฺตเนฺตน ‘‘มโคฺค ปโนฺถ ปโถ ปโชฺช’’ติ ทสสุ เยน เกนจิ นาเมน กิเตฺตตุํ วฎฺฎติฯ ปริขาสณฺฐาเนน วิหารํ ปริกฺขิปิตฺวา คตมโคฺค เอกตฺถ กิเตฺตตฺวา อญฺญตฺถ กิเตฺตตุํ น วฎฺฎติฯ
Sace vihāraṃ parikkhipitvā cattāro maggā catūsu disāsu gacchanti, majjhe ekaṃ kittetvā aparaṃ kittetuṃ na vaṭṭati. Ekābaddhanimittañhetaṃ hoti. Koṇaṃ nibbijjhitvā gatamaggaṃ pana parabhāge kittetuṃ vaṭṭati. Vihāramajjhena nibbijjhitvā gatamaggo pana na kittetabbo. Kittite nimittassa upari vihāro hoti. Sace sakaṭamaggassa antimacakkamaggaṃ nimittaṃ karonti, maggo bahisīmāya hoti. Sace bāhiracakkamaggaṃ nimittaṃ karonti, bāhiracakkamaggova bahisīmāya hoti, sesaṃ antosīmaṃ bhajati. Maggaṃ kittentena ‘‘maggo pantho patho pajjo’’ti dasasu yena kenaci nāmena kittetuṃ vaṭṭati. Parikhāsaṇṭhānena vihāraṃ parikkhipitvā gatamaggo ekattha kittetvā aññattha kittetuṃ na vaṭṭati.
วมฺมิกนิมิเตฺต – เหฎฺฐิมปริเจฺฉเทน ตํ ทิวสํ ชาโต อฎฺฐงฺคุลุเพฺพโธ โควิสาณปฺปมาโณปิ วมฺมิโก วฎฺฎติ, ตโต โอรํ น วฎฺฎติ, ปรํ หิมวนฺตปพฺพตสทิโสปิ วฎฺฎติฯ วิหารํ ปริกฺขิปิตฺวา ฐิตํ ปน เอกาพทฺธํ เอกตฺถ กิเตฺตตฺวา อญฺญตฺถ กิเตฺตตุํ น วฎฺฎติฯ
Vammikanimitte – heṭṭhimaparicchedena taṃ divasaṃ jāto aṭṭhaṅgulubbedho govisāṇappamāṇopi vammiko vaṭṭati, tato oraṃ na vaṭṭati, paraṃ himavantapabbatasadisopi vaṭṭati. Vihāraṃ parikkhipitvā ṭhitaṃ pana ekābaddhaṃ ekattha kittetvā aññattha kittetuṃ na vaṭṭati.
นทีนิมิเตฺต – ยสฺสา ธมฺมิกานํ ราชูนํ กาเล อนฺวทฺธมาสํ อนุทสาหํ อนุปญฺจาหนฺติ เอวํ อนติกฺกมิตฺวา เทเว วสฺสเนฺต วลาหเกสุ วิคตมเตฺตสุ โสตํ ปจฺฉิชฺชติ, อยํ นทีสงฺขฺยํ น คจฺฉติฯ ยสฺสา ปน อีทิเส สุวุฎฺฐิกาเล วสฺสานสฺส จาตุมาเส โสตํ น ปจฺฉิชฺชติ, ติมณฺฑลํ ปฎิจฺฉาเทตฺวา ยตฺถ กตฺถจิ อุตฺตรนฺติยา ภิกฺขุนิยา อนฺตรวาสโก เตมิยติ, อยํ นทีสงฺขฺยํ คจฺฉติ, สีมํ พนฺธนฺตานํ นิมิตฺตํ โหติฯ ภิกฺขุนิยา นทีปารคมเนปิ อุโปสถาทิสงฺฆกมฺมกรเณปิ นทีปารสีมสมฺมนฺนเนปิ อยเมว นทีฯ
Nadīnimitte – yassā dhammikānaṃ rājūnaṃ kāle anvaddhamāsaṃ anudasāhaṃ anupañcāhanti evaṃ anatikkamitvā deve vassante valāhakesu vigatamattesu sotaṃ pacchijjati, ayaṃ nadīsaṅkhyaṃ na gacchati. Yassā pana īdise suvuṭṭhikāle vassānassa cātumāse sotaṃ na pacchijjati, timaṇḍalaṃ paṭicchādetvā yattha katthaci uttarantiyā bhikkhuniyā antaravāsako temiyati, ayaṃ nadīsaṅkhyaṃ gacchati, sīmaṃ bandhantānaṃ nimittaṃ hoti. Bhikkhuniyā nadīpāragamanepi uposathādisaṅghakammakaraṇepi nadīpārasīmasammannanepi ayameva nadī.
ยา ปน มโคฺค วิย สกฎธุรสณฺฐาเนน วา ปริขาสณฺฐาเนน วา วิหารํ ปริกฺขิปิตฺวา คตา, ตํ เอกตฺถ กิเตฺตตฺวา อญฺญตฺถ กิเตฺตตุํ น วฎฺฎติฯ วิหารสฺส จตูสุ ทิสาสุ อญฺญมญฺญํ วินิพฺพิชฺฌิตฺวา คเต นทิจตุเกฺกปิ เอเสว นโยฯ อสมฺมิสฺสนทิโย ปน จตโสฺสปิ กิเตฺตตุํ วฎฺฎติฯ สเจ วติํ กโรโนฺต วิย รุกฺขปาเท นิขณิตฺวา วลฺลิปลาลาทีหิ นทิโสตํ รุมฺภนฺติ, อุทกญฺจ อโชฺฌตฺถริตฺวา อาวรณํ ปวตฺตติเยว, นิมิตฺตํ กาตุํ วฎฺฎติฯ ยถา ปน อุทกํ นปฺปวตฺตติ, เอวํ เสตุมฺหิ กเต อปฺปวตฺตมานา นที นิมิตฺตํ กาตุํ น วฎฺฎติฯ ปวตฺตนฎฺฐาเน นทินิมิตฺตํ, อปฺปวตฺตนฎฺฐาเน อุทกนิมิตฺตํ กาตุํ วฎฺฎติฯ
Yā pana maggo viya sakaṭadhurasaṇṭhānena vā parikhāsaṇṭhānena vā vihāraṃ parikkhipitvā gatā, taṃ ekattha kittetvā aññattha kittetuṃ na vaṭṭati. Vihārassa catūsu disāsu aññamaññaṃ vinibbijjhitvā gate nadicatukkepi eseva nayo. Asammissanadiyo pana catassopi kittetuṃ vaṭṭati. Sace vatiṃ karonto viya rukkhapāde nikhaṇitvā vallipalālādīhi nadisotaṃ rumbhanti, udakañca ajjhottharitvā āvaraṇaṃ pavattatiyeva, nimittaṃ kātuṃ vaṭṭati. Yathā pana udakaṃ nappavattati, evaṃ setumhi kate appavattamānā nadī nimittaṃ kātuṃ na vaṭṭati. Pavattanaṭṭhāne nadinimittaṃ, appavattanaṭṭhāne udakanimittaṃ kātuṃ vaṭṭati.
ยา ปน ทุพฺพุฎฺฐิกาเล วา คิเมฺห วา นิรุทกภาเวน นปฺปวตฺตติ, สา วฎฺฎติฯ มหานทิโต อุทกมาติกํ นีหรนฺติ, สา กุนฺนทิสทิสา หุตฺวา ตีณิ สสฺสานิ สมฺปาเทนฺตี นิจฺจํ ปวตฺตติ, กิญฺจาปิ ปวตฺตติ, นิมิตฺตํ กาตุํ น วฎฺฎติฯ ยา ปน มูเล มหานทิโต นิคฺคตาปิ กาลนฺตเรน เตเนว นิคฺคตมเคฺคน นทิํ ภินฺทิตฺวา สยญฺจ คจฺฉติ, คจฺฉนฺตี ปรโต สุสุมาราทิสมากิณฺณา นาวาทีหิ สญฺจริตพฺพา นที โหติ, ตํ นิมิตฺตํ กาตุํ วฎฺฎติฯ
Yā pana dubbuṭṭhikāle vā gimhe vā nirudakabhāvena nappavattati, sā vaṭṭati. Mahānadito udakamātikaṃ nīharanti, sā kunnadisadisā hutvā tīṇi sassāni sampādentī niccaṃ pavattati, kiñcāpi pavattati, nimittaṃ kātuṃ na vaṭṭati. Yā pana mūle mahānadito niggatāpi kālantarena teneva niggatamaggena nadiṃ bhinditvā sayañca gacchati, gacchantī parato susumārādisamākiṇṇā nāvādīhi sañcaritabbā nadī hoti, taṃ nimittaṃ kātuṃ vaṭṭati.
อุทกนิมิเตฺต – นิรุทเก ฐาเน นาวาย วา จาฎิอาทีสุ วา อุทกํ ปูเรตฺวา อุทกนิมิตฺตํ กิเตฺตตุํ น วฎฺฎติ, ภูมิคตเมว วฎฺฎติ ฯ ตญฺจ โข อปฺปวตฺตนอุทกํ อาวาฎโปกฺขรณิตฬากชาตสฺสรโลณิสมุทฺทาทีสุ ฐิตํ, อฎฺฐิตํ ปน โอฆนทิอุทกวาหกมาติกาทีสุ อุทกํ น วฎฺฎติฯ อนฺธกฎฺฐกถายํ ปน ‘‘คมฺภีเรสุ อาวาฎาทีสุ อุเกฺขปิมํ อุทกํ นิมิตฺตํ น กาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ ทุวุตฺตํ อตฺตโนมติมตฺตเมวฯ ฐิตํ ปน อนฺตมโส สูกรขตายปิ คามทารกานํ กีฬนวาปิยมฺปิ ตงฺขณเญฺญว ปถวิยํ อาวาฎกํ กตฺวา กุเฎหิ อาหริตฺวา ปูริตอุทกมฺปิ สเจ ยาว กมฺมวาจาปริโยสานา ติฎฺฐติ, อปฺปํ วา โหตุ พหุ วา, วฎฺฎติฯ ตสฺมิํ ปน ฐาเน นิมิตฺตสญฺญากรณตฺถํ ปาสาณวาลิกาปํสุอาทิราสิ วา ปาสาณตฺถโมฺภ วา ทารุตฺถโมฺภ วา กาตโพฺพฯ ตํ กาตุญฺจ กาเรตุญฺจ ภิกฺขุสฺส วฎฺฎติฯ ลาภสีมายํ ปน น วฎฺฎติ ฯ สมานสํวาสกสีมา กสฺสจิ ปีฬนํ น กโรติ, เกวลํ ภิกฺขูนํ วินยกมฺมเมว สาเธติ, ตสฺมา เอตฺถ วฎฺฎติฯ
Udakanimitte – nirudake ṭhāne nāvāya vā cāṭiādīsu vā udakaṃ pūretvā udakanimittaṃ kittetuṃ na vaṭṭati, bhūmigatameva vaṭṭati . Tañca kho appavattanaudakaṃ āvāṭapokkharaṇitaḷākajātassaraloṇisamuddādīsu ṭhitaṃ, aṭṭhitaṃ pana oghanadiudakavāhakamātikādīsu udakaṃ na vaṭṭati. Andhakaṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘gambhīresu āvāṭādīsu ukkhepimaṃ udakaṃ nimittaṃ na kātabba’’nti vuttaṃ, taṃ duvuttaṃ attanomatimattameva. Ṭhitaṃ pana antamaso sūkarakhatāyapi gāmadārakānaṃ kīḷanavāpiyampi taṅkhaṇaññeva pathaviyaṃ āvāṭakaṃ katvā kuṭehi āharitvā pūritaudakampi sace yāva kammavācāpariyosānā tiṭṭhati, appaṃ vā hotu bahu vā, vaṭṭati. Tasmiṃ pana ṭhāne nimittasaññākaraṇatthaṃ pāsāṇavālikāpaṃsuādirāsi vā pāsāṇatthambho vā dārutthambho vā kātabbo. Taṃ kātuñca kāretuñca bhikkhussa vaṭṭati. Lābhasīmāyaṃ pana na vaṭṭati . Samānasaṃvāsakasīmā kassaci pīḷanaṃ na karoti, kevalaṃ bhikkhūnaṃ vinayakammameva sādheti, tasmā ettha vaṭṭati.
อิเมหิ จ อฎฺฐหิ นิมิเตฺตหิ อสมฺมิเสฺสหิปิ อญฺญมญฺญํ สมฺมิเสฺสหิปิ สีมํ สมฺมนฺนิตุํ วฎฺฎติเยวฯ สา เอวํ สมฺมนฺนิตฺวา พชฺฌมานา เอเกน ทฺวีหิ วา นิมิเตฺตหิ อพทฺธา โหติ, ตีณิ ปน อาทิํ กตฺวา วุตฺตปฺปการานํ นิมิตฺตานํ สเตนาปิ พทฺธา โหติฯ สา ตีหิ สิงฺฆาฎกสณฺฐานา โหติ, จตูหิ จตุรสฺสา วา สิงฺฆาฎกอฑฺฒจนฺทมุทิงฺคาทิสณฺฐานา วา, ตโต อธิเกหิ นานาสณฺฐานาฯ ตํ พนฺธิตุกาเมหิ สามนฺตวิหาเรสุ ภิกฺขู ตสฺส ตสฺส วิหารสฺส สีมาปริเจฺฉทํ ปุจฺฉิตฺวา, พทฺธสีมวิหารานํ สีมาย สีมนฺตริกํ, อพทฺธสีมวิหารานํ สีมาย อุปจารํ ฐเปตฺวา ทิสาจาริกภิกฺขูนํ นิสฺสญฺจารสมเย สเจ เอกสฺมิํ คามเขเตฺต สีมํ พนฺธิตุกามา, เย ตตฺถ พทฺธสีมวิหารา, เตสุ ภิกฺขูนํ ‘‘มยํ อชฺช สีมํ พนฺธิสฺสาม, ตุเมฺห สกสีมาปริเจฺฉทโต มา นิกฺขมิตฺถา’’ติ เปเสตพฺพํฯ เย อพทฺธสีมวิหารา, เตสุ ภิกฺขู เอกชฺฌํ สนฺนิปาเตตพฺพา, ฉนฺทารหานํ ฉโนฺท อาหราเปตโพฺพ ฯ สเจ อญฺญานิปิ คามเกฺขตฺตานิ อโนฺตกาตุกามา , เตสุ คาเมสุ เย ภิกฺขู วสนฺติ, เตหิปิ อาคนฺตพฺพํฯ อนาคจฺฉนฺตานํ ฉโนฺท อาหริตโพฺพติ มหาสุมเตฺถโร อาหฯ มหาปทุมเตฺถโร ปน ‘‘นานาคามเขตฺตานิ นาม ปาเฎกฺกํ พทฺธสีมาสทิสานิ, น ตโต ฉนฺทปาริสุทฺธิ อาคจฺฉติฯ อโนฺตนิมิตฺตคเตหิ ปน ภิกฺขูหิ อาคนฺตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ปุน อาห – ‘‘สมานสํวาสกสีมาสมฺมนฺนนกาเล อาคมนมฺปิ อนาคมนมฺปิ วฎฺฎติฯ อวิปฺปวาสสีมาสมฺมนฺนนกาเล ปน อโนฺตนิมิตฺตคเตหิ อาคนฺตพฺพํ, อนาคจฺฉนฺตานํ ฉโนฺท อาหริตโพฺพ’’ติฯ
Imehi ca aṭṭhahi nimittehi asammissehipi aññamaññaṃ sammissehipi sīmaṃ sammannituṃ vaṭṭatiyeva. Sā evaṃ sammannitvā bajjhamānā ekena dvīhi vā nimittehi abaddhā hoti, tīṇi pana ādiṃ katvā vuttappakārānaṃ nimittānaṃ satenāpi baddhā hoti. Sā tīhi siṅghāṭakasaṇṭhānā hoti, catūhi caturassā vā siṅghāṭakaaḍḍhacandamudiṅgādisaṇṭhānā vā, tato adhikehi nānāsaṇṭhānā. Taṃ bandhitukāmehi sāmantavihāresu bhikkhū tassa tassa vihārassa sīmāparicchedaṃ pucchitvā, baddhasīmavihārānaṃ sīmāya sīmantarikaṃ, abaddhasīmavihārānaṃ sīmāya upacāraṃ ṭhapetvā disācārikabhikkhūnaṃ nissañcārasamaye sace ekasmiṃ gāmakhette sīmaṃ bandhitukāmā, ye tattha baddhasīmavihārā, tesu bhikkhūnaṃ ‘‘mayaṃ ajja sīmaṃ bandhissāma, tumhe sakasīmāparicchedato mā nikkhamitthā’’ti pesetabbaṃ. Ye abaddhasīmavihārā, tesu bhikkhū ekajjhaṃ sannipātetabbā, chandārahānaṃ chando āharāpetabbo . Sace aññānipi gāmakkhettāni antokātukāmā , tesu gāmesu ye bhikkhū vasanti, tehipi āgantabbaṃ. Anāgacchantānaṃ chando āharitabboti mahāsumatthero āha. Mahāpadumatthero pana ‘‘nānāgāmakhettāni nāma pāṭekkaṃ baddhasīmāsadisāni, na tato chandapārisuddhi āgacchati. Antonimittagatehi pana bhikkhūhi āgantabba’’nti vatvā puna āha – ‘‘samānasaṃvāsakasīmāsammannanakāle āgamanampi anāgamanampi vaṭṭati. Avippavāsasīmāsammannanakāle pana antonimittagatehi āgantabbaṃ, anāgacchantānaṃ chando āharitabbo’’ti.
เอวํ สนฺนิปติเตสุ ปน ภิกฺขูสุ ฉนฺทารหานํ ฉเนฺท อาหเฎ เตสุ เตสุ มเคฺคสุ นทีติตฺถคามทฺวาราทีสุ จ อาคนฺตุกภิกฺขูนํ สีฆํ สีฆํ หตฺถปาสานยนตฺถญฺจ พหิสีมากรณตฺถญฺจ อารามิเก เจว สมณุเทฺทเส จ ฐเปตฺวา เภริสญฺญํ วา สงฺขสญฺญํ วา กตฺวา นิมิตฺตกิตฺตนานนฺตรํ วุตฺตาย ‘‘สุณาตุ เม ภเนฺต สโงฺฆ’’ติอาทิกาย กมฺมวาจาย สีมา พนฺธิตพฺพาฯ กมฺมวาจาปริโยสาเนเยว นิมิตฺตานิ พหิ กตฺวา เหฎฺฐา ปถวิสนฺธารกํ อุทกํ ปริยนฺตํ กตฺวา สีมา คตา โหติฯ
Evaṃ sannipatitesu pana bhikkhūsu chandārahānaṃ chande āhaṭe tesu tesu maggesu nadītitthagāmadvārādīsu ca āgantukabhikkhūnaṃ sīghaṃ sīghaṃ hatthapāsānayanatthañca bahisīmākaraṇatthañca ārāmike ceva samaṇuddese ca ṭhapetvā bherisaññaṃ vā saṅkhasaññaṃ vā katvā nimittakittanānantaraṃ vuttāya ‘‘suṇātu me bhante saṅgho’’tiādikāya kammavācāya sīmā bandhitabbā. Kammavācāpariyosāneyeva nimittāni bahi katvā heṭṭhā pathavisandhārakaṃ udakaṃ pariyantaṃ katvā sīmā gatā hoti.
อิมํ ปน สมานสํวาสกสีมํ สมฺมนฺนเนฺตหิ ปพฺพชฺชุปสมฺปทาทีนํ สงฺฆกมฺมานํ สุขกรณตฺถํ ปฐมํ ขณฺฑสีมา พนฺธิตพฺพาฯ ตํ ปน พนฺธเนฺตหิ วตฺตํ ชานิตพฺพํฯ สเจ หิ โพธิเจติยภตฺตสาลาทีนิ สพฺพวตฺถูนิ ปติฎฺฐาเปตฺวา กตวิหาเร พนฺธนฺติ, วิหารมเชฺฌ พหูนํ สโมสรณฎฺฐาเน อพนฺธิตฺวา วิหารปจฺจเนฺต วิวิโตฺตกาเส พนฺธิตพฺพาฯ อกตวิหาเร พนฺธเนฺตหิ โพธิเจติยาทีนํ สพฺพวตฺถูนํ ฐานํ สลฺลเกฺขตฺวา ยถา ปติฎฺฐิเตสุ วตฺถูสุ วิหารปจฺจเนฺต วิวิโตฺตกาเส โหติ, เอวํ พนฺธิตพฺพาฯ สา เหฎฺฐิมปริเจฺฉเทน สเจ เอกวีสติ ภิกฺขู คณฺหาติ, วฎฺฎติฯ ตโต โอรํ น วฎฺฎติ, ปรํ ภิกฺขุสหสฺสํ คณฺหนฺตีปิ วฎฺฎติฯ ตํ พนฺธเนฺตหิ สีมามาฬกสฺส สมนฺตา นิมิตฺตุปคา ปาสาณา ฐเปตพฺพา, น ขณฺฑสีมาย ฐิเตหิ มหาสีมา พนฺธิตพฺพา, น มหาสีมาย ฐิเตหิ ขณฺฑสีมา, ขณฺฑสีมายเมว ปน ฐตฺวา ขณฺฑสีมา พนฺธิตพฺพา, มหาสีมายเมว ฐตฺวา มหาสีมาฯ
Imaṃ pana samānasaṃvāsakasīmaṃ sammannantehi pabbajjupasampadādīnaṃ saṅghakammānaṃ sukhakaraṇatthaṃ paṭhamaṃ khaṇḍasīmā bandhitabbā. Taṃ pana bandhantehi vattaṃ jānitabbaṃ. Sace hi bodhicetiyabhattasālādīni sabbavatthūni patiṭṭhāpetvā katavihāre bandhanti, vihāramajjhe bahūnaṃ samosaraṇaṭṭhāne abandhitvā vihārapaccante vivittokāse bandhitabbā. Akatavihāre bandhantehi bodhicetiyādīnaṃ sabbavatthūnaṃ ṭhānaṃ sallakkhetvā yathā patiṭṭhitesu vatthūsu vihārapaccante vivittokāse hoti, evaṃ bandhitabbā. Sā heṭṭhimaparicchedena sace ekavīsati bhikkhū gaṇhāti, vaṭṭati. Tato oraṃ na vaṭṭati, paraṃ bhikkhusahassaṃ gaṇhantīpi vaṭṭati. Taṃ bandhantehi sīmāmāḷakassa samantā nimittupagā pāsāṇā ṭhapetabbā, na khaṇḍasīmāya ṭhitehi mahāsīmā bandhitabbā, na mahāsīmāya ṭhitehi khaṇḍasīmā, khaṇḍasīmāyameva pana ṭhatvā khaṇḍasīmā bandhitabbā, mahāsīmāyameva ṭhatvā mahāsīmā.
ตตฺรายํ พนฺธนวิธิ – สมนฺตา ‘‘เอโส ปาสาโณ นิมิตฺต’’นฺติ เอวํ นิมิตฺตานิ กิเตฺตตฺวา กมฺมวาจาย สีมา สมฺมนฺนิตพฺพาฯ อถ ตสฺสา เอว ทฬฺหีกมฺมตฺถํ อวิปฺปวาสกมฺมวาจา กาตพฺพาฯ เอวญฺหิ สีมํ สมูหนิสฺสามาติ อาคตา สมูหนิตุํ น สกฺขิสฺสนฺติฯ สีมํ สมฺมนฺนิตฺวา พหิสีมนฺตริกปาสาณา ฐเปตพฺพาฯ สีมนฺตริกา ปจฺฉิมโกฎิยา เอกรตนปฺปมาณา วฎฺฎติฯ วิทตฺถิปฺปมาณาปิ วฎฺฎตีติ กุรุนฺทิยํ, จตุรงฺคุลปฺปมาณาปิ วฎฺฎตีติ มหาปจฺจริยํ วุตฺตํฯ สเจ ปน วิหาโร มหา โหติ, เทฺวปิ ติโสฺสปิ ตตุตฺตริปิ ขณฺฑสีมาโย พนฺธิตพฺพาฯ
Tatrāyaṃ bandhanavidhi – samantā ‘‘eso pāsāṇo nimitta’’nti evaṃ nimittāni kittetvā kammavācāya sīmā sammannitabbā. Atha tassā eva daḷhīkammatthaṃ avippavāsakammavācā kātabbā. Evañhi sīmaṃ samūhanissāmāti āgatā samūhanituṃ na sakkhissanti. Sīmaṃ sammannitvā bahisīmantarikapāsāṇā ṭhapetabbā. Sīmantarikā pacchimakoṭiyā ekaratanappamāṇā vaṭṭati. Vidatthippamāṇāpi vaṭṭatīti kurundiyaṃ, caturaṅgulappamāṇāpi vaṭṭatīti mahāpaccariyaṃ vuttaṃ. Sace pana vihāro mahā hoti, dvepi tissopi tatuttaripi khaṇḍasīmāyo bandhitabbā.
เอวํ ขณฺฑสีมํ สมฺมนฺนิตฺวา มหาสีมาสมฺมุติกาเล ขณฺฑสีมโต นิกฺขมิตฺวา มหาสีมาย ฐตฺวา สมนฺตา อนุปริยายเนฺตหิ สีมนฺตริกปาสาณา กิเตฺตตพฺพาฯ ตโต อวเสสนิมิตฺตานิ กิเตฺตตฺวา หตฺถปาสํ อวิชหเนฺตหิ กมฺมวาจาย สมานสํวาสกสีมํ สมฺมนฺนิตฺวา ตสฺสา ทฬฺหีกมฺมตฺถํ อวิปฺปวาสกมฺมวาจาปิ กาตพฺพาฯ เอวญฺหิ ‘‘สีมํ สมูหนิสฺสามา’’ติ อาคตา สมูหนิตุํ น สกฺขิสฺสนฺติฯ สเจ ปน ขณฺฑสีมาย นิมิตฺตานิ กิเตฺตตฺวา ตโต สีมนฺตริกาย นิมิตฺตานิ กิเตฺตตฺวา มหาสีมาย นิมิตฺตานิ กิเตฺตนฺติ, เอวํ ตีสุ ฐาเนสุ นิมิตฺตานิ กิเตฺตตฺวา ยํ สีมํ อิจฺฉนฺติ, ตํ ปฐมํ พนฺธิตุํ วฎฺฎติฯ เอวํ สเนฺตปิ ยถาวุเตฺตนเยน ขณฺฑสีมโตว ปฎฺฐาย พนฺธิตพฺพาฯ เอวํ พทฺธาสุ ปน สีมาสุ ขณฺฑสีมาย ฐิตา ภิกฺขู มหาสีมาย กมฺมํ กโรนฺตานํ น โกเปนฺติ, มหาสีมาย วา ฐิตา ขณฺฑสีมาย กมฺมํ กโรนฺตานํ สีมนฺตริกาย ปน ฐิตา อุภินฺนมฺปิ น โกเปนฺติฯ คามเขเตฺต ฐตฺวา กมฺมํ กโรนฺตานํ ปน สีมนฺตริกาย ฐิตา โกเปนฺติฯ สีมนฺตริกา หิ คามเขตฺตํ ภชติฯ
Evaṃ khaṇḍasīmaṃ sammannitvā mahāsīmāsammutikāle khaṇḍasīmato nikkhamitvā mahāsīmāya ṭhatvā samantā anupariyāyantehi sīmantarikapāsāṇā kittetabbā. Tato avasesanimittāni kittetvā hatthapāsaṃ avijahantehi kammavācāya samānasaṃvāsakasīmaṃ sammannitvā tassā daḷhīkammatthaṃ avippavāsakammavācāpi kātabbā. Evañhi ‘‘sīmaṃ samūhanissāmā’’ti āgatā samūhanituṃ na sakkhissanti. Sace pana khaṇḍasīmāya nimittāni kittetvā tato sīmantarikāya nimittāni kittetvā mahāsīmāya nimittāni kittenti, evaṃ tīsu ṭhānesu nimittāni kittetvā yaṃ sīmaṃ icchanti, taṃ paṭhamaṃ bandhituṃ vaṭṭati. Evaṃ santepi yathāvuttenayena khaṇḍasīmatova paṭṭhāya bandhitabbā. Evaṃ baddhāsu pana sīmāsu khaṇḍasīmāya ṭhitā bhikkhū mahāsīmāya kammaṃ karontānaṃ na kopenti, mahāsīmāya vā ṭhitā khaṇḍasīmāya kammaṃ karontānaṃ sīmantarikāya pana ṭhitā ubhinnampi na kopenti. Gāmakhette ṭhatvā kammaṃ karontānaṃ pana sīmantarikāya ṭhitā kopenti. Sīmantarikā hi gāmakhettaṃ bhajati.
สีมา จ นาเมสา น เกวลํ ปถวิตเลเยว พทฺธา พทฺธา นาม โหติฯ อถ โข ปิฎฺฐิปาสาเณปิ กุฎิเคเหปิ เลเณปิ ปาสาเทปิ ปพฺพตมตฺถเกปิ พทฺธา พทฺธาเยว โหติฯ ตตฺถ ปิฎฺฐิปาสาเณ พนฺธเนฺตหิ ปาสาณปิฎฺฐิยํ ราชิํ วา โกเฎฺฎตฺวา อุทุกฺขลํ วา ขณิตฺวา นิมิตฺตํ น กาตพฺพํ , นิมิตฺตุปคปาสาเณ ฐเปตฺวา นิมิตฺตานิ กิเตฺตตพฺพานิฯ กมฺมวาจาปริโยสาเน สีมา ปถวิสนฺธารกํ อุทกํ ปริยนฺตํ กตฺวา โอตรติฯ นิมิตฺตปาสาณา ยถาฐาเน น ติฎฺฐนฺติ, ตสฺมา สมนฺตโต ราชิ วา อุฎฺฐาเปตพฺพา, จตูสุ วา โกเณสุ ปาสาณา วิชฺฌิตพฺพา, ‘‘อยํ สีมาปริเจฺฉโท’’ติ วตฺวา อกฺขรานิ วา ฉินฺทิตพฺพานิฯ เกจิ อุสูยกา สีมํ ฌาเปสฺสามาติ อคฺคิํ เทนฺติ, ปาสาณาว ฌายนฺติ, น สีมาฯ
Sīmā ca nāmesā na kevalaṃ pathavitaleyeva baddhā baddhā nāma hoti. Atha kho piṭṭhipāsāṇepi kuṭigehepi leṇepi pāsādepi pabbatamatthakepi baddhā baddhāyeva hoti. Tattha piṭṭhipāsāṇe bandhantehi pāsāṇapiṭṭhiyaṃ rājiṃ vā koṭṭetvā udukkhalaṃ vā khaṇitvā nimittaṃ na kātabbaṃ , nimittupagapāsāṇe ṭhapetvā nimittāni kittetabbāni. Kammavācāpariyosāne sīmā pathavisandhārakaṃ udakaṃ pariyantaṃ katvā otarati. Nimittapāsāṇā yathāṭhāne na tiṭṭhanti, tasmā samantato rāji vā uṭṭhāpetabbā, catūsu vā koṇesu pāsāṇā vijjhitabbā, ‘‘ayaṃ sīmāparicchedo’’ti vatvā akkharāni vā chinditabbāni. Keci usūyakā sīmaṃ jhāpessāmāti aggiṃ denti, pāsāṇāva jhāyanti, na sīmā.
กุฎิเคเหปิ พนฺธเนฺตหิ ภิตฺติํ อกิเตฺตตฺวา เอกวีสติยา ภิกฺขูนํ โอกาสฎฺฐานํ อโนฺต กริตฺวา ปาสาณนิมิตฺตานิ ฐเปตฺวา สีมา สมฺมนฺนิตพฺพา, อโนฺตกุฎฺฎเมว สีมา โหติฯ สเจ อโนฺตกุเฎฺฎ เอกวีสติยา ภิกฺขูนํ โอกาโส นตฺถิ, ปมุเข นิมิตฺตปาสาเณ ฐเปตฺวา สมฺมนฺนิตพฺพาฯ สเจ เอวมฺปิ นปฺปโหติ, พหินิโพฺพทกปตนฎฺฐาเนปิ นิมิตฺตานิ ฐเปตฺวา สมฺมนฺนิตพฺพาฯ เอวํ สมฺมตาย ปน สพฺพํ กุฎิเคหํ สีมฎฺฐเมว โหติฯ
Kuṭigehepi bandhantehi bhittiṃ akittetvā ekavīsatiyā bhikkhūnaṃ okāsaṭṭhānaṃ anto karitvā pāsāṇanimittāni ṭhapetvā sīmā sammannitabbā, antokuṭṭameva sīmā hoti. Sace antokuṭṭe ekavīsatiyā bhikkhūnaṃ okāso natthi, pamukhe nimittapāsāṇe ṭhapetvā sammannitabbā. Sace evampi nappahoti, bahinibbodakapatanaṭṭhānepi nimittāni ṭhapetvā sammannitabbā. Evaṃ sammatāya pana sabbaṃ kuṭigehaṃ sīmaṭṭhameva hoti.
จตุภิตฺติยเลเณปิ พนฺธเนฺตหิ กุฎฺฎํ อกิเตฺตตฺวา ปาสาณาว กิเตฺตตพฺพาฯ สเจ อโนฺต โอกาโส นตฺถิ, ปมุเขปิ นิมิตฺตานิ ฐเปตพฺพานิฯ สเจ นปฺปโหติ, พหิ นิโพฺพทกปตนฎฺฐาเนปิ นิมิตฺตปาสาเณ ฐเปตฺวา นิมิตฺตานิ กิเตฺตตฺวา สีมา สมฺมนฺนิตพฺพาฯ เอวํ เลณสฺส อโนฺต จ พหิ จ สีมา โหติฯ
Catubhittiyaleṇepi bandhantehi kuṭṭaṃ akittetvā pāsāṇāva kittetabbā. Sace anto okāso natthi, pamukhepi nimittāni ṭhapetabbāni. Sace nappahoti, bahi nibbodakapatanaṭṭhānepi nimittapāsāṇe ṭhapetvā nimittāni kittetvā sīmā sammannitabbā. Evaṃ leṇassa anto ca bahi ca sīmā hoti.
อุปริปาสาเทปิ ภิตฺติํ อกิเตฺตตฺวา อโนฺต ปาสาเณ ฐเปตฺวา สีมา สมฺมนฺนิตพฺพาฯ สเจ นปฺปโหติ, ปมุเขปิ ปาสาเณ ฐเปตฺวา สมฺมนฺนิตพฺพาฯ เอวํ สมฺมตา อุปริปาสาเทเยว โหติ, เหฎฺฐา น โอตรติฯ สเจ ปน พหูสุ ถเมฺภสุ ตุลานํ อุปริ กตปาสาทสฺส เหฎฺฐิมตเล กุโฎฺฎ ยถา นิมิตฺตานํ อโนฺต โหติ, เอวํ อุฎฺฐหิตฺวา ตุลารุเกฺขหิ เอกสมฺพโทฺธ ฐิโต, เหฎฺฐาปิ โอตรติฯ เอกถมฺภปาสาทสฺส ปน อุปริมตเล พทฺธา สีมา สเจ ถมฺภมตฺถเก เอกวีสติยา ภิกฺขูนํ โอกาโส โหติ, เหฎฺฐา โอตรติฯ สเจ ปาสาทภิตฺติโต นิคฺคเตสุ นิยฺยูหกาทีสุ ปาสาเณ ฐเปตฺวา สีมํ พนฺธนฺติ, ปาสาทภิตฺติ อโนฺตสีมายํ โหติฯ เหฎฺฐา ปนสฺสา โอตรณาโนตรณํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ เหฎฺฐาปาสาเท กิเตฺตเนฺตหิปิ ภิตฺติ จ รุกฺขตฺถมฺภา จ น กิเตฺตตพฺพาฯ ภิตฺติลเคฺค ปน ปาสาณตฺถเมฺภ กิเตฺตตุํ วฎฺฎติฯ เอวํ กิตฺติตา สีมา เหฎฺฐา ปาสาทสฺส ปริยนฺตถมฺภานํ อโนฺตเยว โหติฯ สเจ ปน เหฎฺฐาปาสาทสฺส กุโฑฺฑ อุปริมตเลน สมฺพโทฺธ โหติ, อุปริปาสาทมฺปิ อภิรุหติฯ สเจ ปาสาทสฺส พหิ นิโพฺพทกปตนฎฺฐาเน นิมิตฺตานิ กโรนฺติ, สโพฺพ ปาสาโท สีมโฎฺฐ โหติฯ
Uparipāsādepi bhittiṃ akittetvā anto pāsāṇe ṭhapetvā sīmā sammannitabbā. Sace nappahoti, pamukhepi pāsāṇe ṭhapetvā sammannitabbā. Evaṃ sammatā uparipāsādeyeva hoti, heṭṭhā na otarati. Sace pana bahūsu thambhesu tulānaṃ upari katapāsādassa heṭṭhimatale kuṭṭo yathā nimittānaṃ anto hoti, evaṃ uṭṭhahitvā tulārukkhehi ekasambaddho ṭhito, heṭṭhāpi otarati. Ekathambhapāsādassa pana uparimatale baddhā sīmā sace thambhamatthake ekavīsatiyā bhikkhūnaṃ okāso hoti, heṭṭhā otarati. Sace pāsādabhittito niggatesu niyyūhakādīsu pāsāṇe ṭhapetvā sīmaṃ bandhanti, pāsādabhitti antosīmāyaṃ hoti. Heṭṭhā panassā otaraṇānotaraṇaṃ vuttanayeneva veditabbaṃ. Heṭṭhāpāsāde kittentehipi bhitti ca rukkhatthambhā ca na kittetabbā. Bhittilagge pana pāsāṇatthambhe kittetuṃ vaṭṭati. Evaṃ kittitā sīmā heṭṭhā pāsādassa pariyantathambhānaṃ antoyeva hoti. Sace pana heṭṭhāpāsādassa kuḍḍo uparimatalena sambaddho hoti, uparipāsādampi abhiruhati. Sace pāsādassa bahi nibbodakapatanaṭṭhāne nimittāni karonti, sabbo pāsādo sīmaṭṭho hoti.
ปพฺพตมตฺถเก ตลํ โหติ เอกวีสติยา ภิกฺขูนํ โอกาสารหํ, ตตฺถ ปิฎฺฐิปาสาเณ วิย สีมํ พนฺธนฺติฯ เหฎฺฐาปพฺพเตปิ เตเนว ปริเจฺฉเทน สีมา โอตรติฯ ตาลมูลกปพฺพเตปิ อุปริ สีมา พทฺธา เหฎฺฐา โอตรเตวฯ โย ปน วิตานสณฺฐาโน โหติ, อุปริ เอกวีสติยา ภิกฺขูนํ โอกาโส อตฺถิ, เหฎฺฐา นตฺถิ, ตสฺส อุปริ พทฺธา สีมา เหฎฺฐา น โอตรติฯ เอวํ มุทิงฺคสณฺฐาโน วา โหตุ ปณวสณฺฐาโน วา, ยสฺส เหฎฺฐา วา มเชฺฌ วา สีมปฺปมาณํ นตฺถิ, ตสฺสุปริ พทฺธา สีมา เหฎฺฐา เนว โอตรติฯ ยสฺส ปน เทฺว กูฎานิ อาสเนฺน ฐิตานิ, เอกสฺสปิ อุปริ สีมปฺปมาณํ นปฺปโหติ, ตสฺส กูฎนฺตรํ จินิตฺวา วา ปูเรตฺวา วา เอกาพทฺธํ กตฺวา อุปริ สีมา สมฺมนฺนิตพฺพาฯ
Pabbatamatthake talaṃ hoti ekavīsatiyā bhikkhūnaṃ okāsārahaṃ, tattha piṭṭhipāsāṇe viya sīmaṃ bandhanti. Heṭṭhāpabbatepi teneva paricchedena sīmā otarati. Tālamūlakapabbatepi upari sīmā baddhā heṭṭhā otarateva. Yo pana vitānasaṇṭhāno hoti, upari ekavīsatiyā bhikkhūnaṃ okāso atthi, heṭṭhā natthi, tassa upari baddhā sīmā heṭṭhā na otarati. Evaṃ mudiṅgasaṇṭhāno vā hotu paṇavasaṇṭhāno vā, yassa heṭṭhā vā majjhe vā sīmappamāṇaṃ natthi, tassupari baddhā sīmā heṭṭhā neva otarati. Yassa pana dve kūṭāni āsanne ṭhitāni, ekassapi upari sīmappamāṇaṃ nappahoti, tassa kūṭantaraṃ cinitvā vā pūretvā vā ekābaddhaṃ katvā upari sīmā sammannitabbā.
เอโก สปฺปผณสทิโส ปพฺพโต, ตสฺสุปริ สีมปฺปมาณสฺส อตฺถิตาย สีมํ พนฺธนฺติ, ตสฺส เจ เหฎฺฐา อากาสปพฺภารํ โหติ, สีมา น โอตรติฯ สเจ ปนสฺส เวมเชฺฌ สีมปฺปมาโณ สุสิรปาสาโณ โหติ, โอตรติฯ โส จ ปาสาโณ สีมโฎฺฐเยว โหติฯ อถาปิสฺส เหฎฺฐา เลณสฺส กุโฎฺฎ อคฺคโกฎิํ อาหจฺจ ติฎฺฐติ , โอตรติ, เหฎฺฐา จ อุปริ จ สีมาเยว โหติฯ สเจ ปน เหฎฺฐา อุปริมสฺส สีมาปริเจฺฉทสฺส ปารโต อโนฺต-เลณํ โหติ, พหิ สีมา น โอตรติฯ อถาปิ อุปริมสฺส สีมาปริเจฺฉทสฺส โอรโต พหิเลณํ โหติ, อโนฺต สีมา น โอตรติฯ อถาปิ อุปริ สีมาย ปริเจฺฉโท ขุทฺทโก, เหฎฺฐา เลณํ มหนฺตํ สีมาปริเจฺฉทมติกฺกมิตฺวา ฐิตํ, สีมา อุปริเยว โหติ, เหฎฺฐา น โอตรติฯ ยทิ ปน เลณํ ขุทฺทกํ สพฺพปจฺฉิมสีมาปริมาณํ, อุปริ สีมา มหตี ตํ อโชฺฌตฺถริตฺวา ฐิตา, สีมา โอตรติฯ อถ เลณํ อติขุทฺทกํ สีมปฺปมาณํ น โหติ, สีมา อุปริเยว โหติ, เหฎฺฐา น โอตรติฯ สเจ ตโต อุปฑฺฒํ ภิชฺชิตฺวา ปตติ, สีมปฺปมาณํ เจปิ โหติ, พหิ ปติตํ อสีมาฯ อปติตํ ปน ยทิ สีมปฺปมาณํ, สีมา โหติเยวฯ
Eko sappaphaṇasadiso pabbato, tassupari sīmappamāṇassa atthitāya sīmaṃ bandhanti, tassa ce heṭṭhā ākāsapabbhāraṃ hoti, sīmā na otarati. Sace panassa vemajjhe sīmappamāṇo susirapāsāṇo hoti, otarati. So ca pāsāṇo sīmaṭṭhoyeva hoti. Athāpissa heṭṭhā leṇassa kuṭṭo aggakoṭiṃ āhacca tiṭṭhati , otarati, heṭṭhā ca upari ca sīmāyeva hoti. Sace pana heṭṭhā uparimassa sīmāparicchedassa pārato anto-leṇaṃ hoti, bahi sīmā na otarati. Athāpi uparimassa sīmāparicchedassa orato bahileṇaṃ hoti, anto sīmā na otarati. Athāpi upari sīmāya paricchedo khuddako, heṭṭhā leṇaṃ mahantaṃ sīmāparicchedamatikkamitvā ṭhitaṃ, sīmā upariyeva hoti, heṭṭhā na otarati. Yadi pana leṇaṃ khuddakaṃ sabbapacchimasīmāparimāṇaṃ, upari sīmā mahatī taṃ ajjhottharitvā ṭhitā, sīmā otarati. Atha leṇaṃ atikhuddakaṃ sīmappamāṇaṃ na hoti, sīmā upariyeva hoti, heṭṭhā na otarati. Sace tato upaḍḍhaṃ bhijjitvā patati, sīmappamāṇaṃ cepi hoti, bahi patitaṃ asīmā. Apatitaṃ pana yadi sīmappamāṇaṃ, sīmā hotiyeva.
ขณฺฑสีมา นีจวตฺถุกา โหติ, ตํ ปูเรตฺวา อุจฺจวตฺถุกํ กโรนฺติ, สีมาเยวฯ สีมาย เคหํ กโรนฺติ, สีมฎฺฐกเมว โหติฯ สีมาย โปกฺขรณิํ ขณนฺติ, สีมาเยวฯ โอโฆ สีมามณฺฑลํ โอตฺถริตฺวา คจฺฉติ, สีมามาฬเก อฎฺฎํ พนฺธิตฺวา กมฺมํ กาตุํ วฎฺฎติฯ สีมาย เหฎฺฐา อุมงฺคนที โหติ, อิทฺธิมา ภิกฺขุ ตตฺถ นิสีทติ, สเจ สา นที ปฐมํ คตา, สีมา ปจฺฉา พทฺธา , กมฺมํ น โกเปติฯ อถ ปฐมํ สีมา พทฺธา, ปจฺฉา นที คตา, กมฺมํ โกเปติฯ เหฎฺฐาปถวิตเล ฐิโต ปน โกเปติเยวฯ
Khaṇḍasīmā nīcavatthukā hoti, taṃ pūretvā uccavatthukaṃ karonti, sīmāyeva. Sīmāya gehaṃ karonti, sīmaṭṭhakameva hoti. Sīmāya pokkharaṇiṃ khaṇanti, sīmāyeva. Ogho sīmāmaṇḍalaṃ ottharitvā gacchati, sīmāmāḷake aṭṭaṃ bandhitvā kammaṃ kātuṃ vaṭṭati. Sīmāya heṭṭhā umaṅganadī hoti, iddhimā bhikkhu tattha nisīdati, sace sā nadī paṭhamaṃ gatā, sīmā pacchā baddhā , kammaṃ na kopeti. Atha paṭhamaṃ sīmā baddhā, pacchā nadī gatā, kammaṃ kopeti. Heṭṭhāpathavitale ṭhito pana kopetiyeva.
สีมามาฬเก วฎรุโกฺข โหติ, ตสฺส สาขา วา ตโต นิคฺคตปาโรโห วา มหาสีมาย ปถวิตลํ วา ตตฺถชาตรุกฺขาทีนิ วา อาหจฺจ ติฎฺฐติ, มหาสีมํ โสเธตฺวา วา กมฺมํ กาตพฺพํ, เต วา สาขาปาโรหา ฉินฺทิตฺวา พหิฎฺฐกา กาตพฺพาฯ อนาหจฺจ ฐิตสาขาทีสุ อารุฬฺหภิกฺขุ หตฺถปาสํ อาเนตโพฺพฯ เอวํ มหาสีมาย ชาตรุกฺขสฺส สาขา วา ปาโรโห วา วุตฺตนเยเนว สีมามาฬเก ปติฎฺฐาติ, วุตฺตนเยเนว สีมํ โสเธตฺวา วา กมฺมํ กาตพฺพํ, เต วา สาขาปาโรหา ฉินฺทิตฺวา พหิฎฺฐกา กาตพฺพาฯ
Sīmāmāḷake vaṭarukkho hoti, tassa sākhā vā tato niggatapāroho vā mahāsīmāya pathavitalaṃ vā tatthajātarukkhādīni vā āhacca tiṭṭhati, mahāsīmaṃ sodhetvā vā kammaṃ kātabbaṃ, te vā sākhāpārohā chinditvā bahiṭṭhakā kātabbā. Anāhacca ṭhitasākhādīsu āruḷhabhikkhu hatthapāsaṃ ānetabbo. Evaṃ mahāsīmāya jātarukkhassa sākhā vā pāroho vā vuttanayeneva sīmāmāḷake patiṭṭhāti, vuttanayeneva sīmaṃ sodhetvā vā kammaṃ kātabbaṃ, te vā sākhāpārohā chinditvā bahiṭṭhakā kātabbā.
สเจ สีมามาฬเก กเมฺม กริยมาเน โกจิ ภิกฺขุ สีมามาฬกสฺส อโนฺต ปวิสิตฺวา เวหาสฎฺฐิตสาขาย นิสีทติ , ปาทา วาสฺส ภูมิคตา โหนฺติ, นิวาสนปารุปนํ วา ภูมิํ ผุสติ, กมฺมํ กาตุํ น วฎฺฎติฯ ปาเท ปน นิวาสนปารุปนญฺจ อุกฺขิปาเปตฺวา กาตุํ วฎฺฎติฯ อิทญฺจ ลกฺขณํ ปุริมนเยปิ เวทิตพฺพํฯ อยํ ปน วิเสโส – ตตฺร อุกฺขิปาเปตฺวา กาตุํ น วฎฺฎติ, หตฺถปาสเมว อาเนตโพฺพฯ สเจ อโนฺตสีมโต ปพฺพโต อพฺภุคจฺฉติ, ตตฺรโฎฺฐ ภิกฺขุ หตฺถปาสํ อาเนตโพฺพฯ อิทฺธิยา อโนฺตปพฺพตํ ปวิเฎฺฐปิ เอเสว นโยฯ พชฺฌมานา เอว หิ สีมา ปมาณรหิตํ ปเทสํ น โอตรติฯ พทฺธสีมาย ชาตํ ยํกิญฺจิ ยตฺถ กตฺถจิ เอกสมฺพเทฺธน คตํ สีมาสงฺขฺยเมว คจฺฉตีติฯ
Sace sīmāmāḷake kamme kariyamāne koci bhikkhu sīmāmāḷakassa anto pavisitvā vehāsaṭṭhitasākhāya nisīdati , pādā vāssa bhūmigatā honti, nivāsanapārupanaṃ vā bhūmiṃ phusati, kammaṃ kātuṃ na vaṭṭati. Pāde pana nivāsanapārupanañca ukkhipāpetvā kātuṃ vaṭṭati. Idañca lakkhaṇaṃ purimanayepi veditabbaṃ. Ayaṃ pana viseso – tatra ukkhipāpetvā kātuṃ na vaṭṭati, hatthapāsameva ānetabbo. Sace antosīmato pabbato abbhugacchati, tatraṭṭho bhikkhu hatthapāsaṃ ānetabbo. Iddhiyā antopabbataṃ paviṭṭhepi eseva nayo. Bajjhamānā eva hi sīmā pamāṇarahitaṃ padesaṃ na otarati. Baddhasīmāya jātaṃ yaṃkiñci yattha katthaci ekasambaddhena gataṃ sīmāsaṅkhyameva gacchatīti.
๑๔๐. ติโยชนปรมนฺติ เอตฺถ ติโยชนํ ปรมํ ปมาณเมติสฺสาติ ติโยชนปรมา; ตํ ติโยชนปรมํฯ สมฺมนฺนเนฺตน ปน มเชฺฌ ฐตฺวา ยถา จตูสุปิ ทิสาสุ ทิยฑฺฒทิยฑฺฒโยชนํ โหติ, เอวํ สมฺมนฺนิตพฺพาฯ สเจ ปน มเชฺฌ ฐตฺวา เอเกกทิสโต ติโยชนํ กโรนฺติ, ฉโยชนํ โหตีติ น วฎฺฎติฯ จตุรสฺสํ วา ติโกณํ วา สมฺมนฺนเนฺตน ยถา โกณโต โกณํ ติโยชนํ โหติ, เอวํ สมฺมนฺนิตพฺพาฯ สเจ หิ เยน เกนจิ ปริยเนฺตน เกสคฺคมตฺตมฺปิ ติโยชนํ อติกฺกาเมติ, อาปตฺติญฺจ อาปชฺชติ สีมา จ อสีมา โหติฯ
140.Tiyojanaparamanti ettha tiyojanaṃ paramaṃ pamāṇametissāti tiyojanaparamā; taṃ tiyojanaparamaṃ. Sammannantena pana majjhe ṭhatvā yathā catūsupi disāsu diyaḍḍhadiyaḍḍhayojanaṃ hoti, evaṃ sammannitabbā. Sace pana majjhe ṭhatvā ekekadisato tiyojanaṃ karonti, chayojanaṃ hotīti na vaṭṭati. Caturassaṃ vā tikoṇaṃ vā sammannantena yathā koṇato koṇaṃ tiyojanaṃ hoti, evaṃ sammannitabbā. Sace hi yena kenaci pariyantena kesaggamattampi tiyojanaṃ atikkāmeti, āpattiñca āpajjati sīmā ca asīmā hoti.
นทีปารนฺติ เอตฺถ ปารยตีติ ปาราฯ กิํ ปารยติ? นทิํฯ นทิยา ปารา นทีปารา, ตํ นทีปารํ; นทิํ อโชฺฌตฺถรมานนฺติ อโตฺถฯ เอตฺถ จ นทิยา ลกฺขณํ นทีนิมิเตฺต วุตฺตนยเมวฯ ยตฺถสฺส ธุวนาวา วาติ ยตฺถ นทิยา สีมาพนฺธนฎฺฐานคเตสุ ติเตฺถสุ นิจฺจสญฺจรณนาวา อสฺส, ยา สพฺพนฺติเมน ปริเจฺฉเทน ปาชนปุริเสน สทฺธิํ ตโย ชเน วหติฯ สเจ ปน สา นาวา อุทฺธํ วา อโธ วา เกนจิเทว กรณีเยน ปุน อาคมนตฺถาย นีตา, โจเรหิ วา หฎา, อวสฺสํ ลพฺภเนยฺยา, ยา ปน วาเตน วา ฉินฺนพนฺธนา วีจีหิ นทิมชฺฌํ นีตา อวสฺสํ อาหริตพฺพา, ปุน ธุวนาวาว โหติฯ อุทเก โอคเต ถลํ อุสฺสาริตาปิ สุธากสฎาทีหิ ปูเรตฺวา ฐปิตาปิ ธุวนาวาวฯ สเจ ภินฺนา วา วิสงฺขตปทรา วา น วฎฺฎติฯ มหาปทุมเตฺถโร ปนาห – ‘‘สเจปิ ตาวกาลิกํ นาวํ อาเนตฺวา สีมาพนฺธนฎฺฐาเน ฐเปตฺวา นิมิตฺตานิ กิเตฺตนฺติ, ธุวนาวาว โหตี’’ติฯ ตตฺร มหาสุมเตฺถโร อาห – ‘‘นิมิตฺตํ วา สีมา วา กมฺมวาจาย คจฺฉติ น นาวายฯ ภควตา จ ธุวนาวา อนุญฺญาตา, ตสฺมา นิพทฺธนาวาเยว วฎฺฎตี’’ติฯ
Nadīpāranti ettha pārayatīti pārā. Kiṃ pārayati? Nadiṃ. Nadiyā pārā nadīpārā, taṃ nadīpāraṃ; nadiṃ ajjhottharamānanti attho. Ettha ca nadiyā lakkhaṇaṃ nadīnimitte vuttanayameva. Yatthassa dhuvanāvā vāti yattha nadiyā sīmābandhanaṭṭhānagatesu titthesu niccasañcaraṇanāvā assa, yā sabbantimena paricchedena pājanapurisena saddhiṃ tayo jane vahati. Sace pana sā nāvā uddhaṃ vā adho vā kenacideva karaṇīyena puna āgamanatthāya nītā, corehi vā haṭā, avassaṃ labbhaneyyā, yā pana vātena vā chinnabandhanā vīcīhi nadimajjhaṃ nītā avassaṃ āharitabbā, puna dhuvanāvāva hoti. Udake ogate thalaṃ ussāritāpi sudhākasaṭādīhi pūretvā ṭhapitāpi dhuvanāvāva. Sace bhinnā vā visaṅkhatapadarā vā na vaṭṭati. Mahāpadumatthero panāha – ‘‘sacepi tāvakālikaṃ nāvaṃ ānetvā sīmābandhanaṭṭhāne ṭhapetvā nimittāni kittenti, dhuvanāvāva hotī’’ti. Tatra mahāsumatthero āha – ‘‘nimittaṃ vā sīmā vā kammavācāya gacchati na nāvāya. Bhagavatā ca dhuvanāvā anuññātā, tasmā nibaddhanāvāyeva vaṭṭatī’’ti.
ธุวเสตุ วาติ ยตฺถ รุกฺขสงฺฆาฎมโย วา ปทรพโทฺธ วา ชงฺฆสตฺถเสตุ วา หตฺถิสฺสาทีนํ สญฺจรณโยโคฺค มหาเสตุ วา อตฺถิ; อนฺตมโส ตงฺขณเญฺญว รุกฺขํ ฉินฺทิตฺวา มนุสฺสานํ สญฺจรณโยโคฺค เอกปทิกเสตุปิ ธุวเสตุเตฺวว สงฺขฺยํ คจฺฉติฯ สเจ ปน อุปริ พทฺธานิ เวตฺตลตาทีนิ หเตฺถน คเหตฺวาปิ น สกฺกา โหติ เตน สญฺจริตุํ, น วฎฺฎติฯ
Dhuvasetu vāti yattha rukkhasaṅghāṭamayo vā padarabaddho vā jaṅghasatthasetu vā hatthissādīnaṃ sañcaraṇayoggo mahāsetu vā atthi; antamaso taṅkhaṇaññeva rukkhaṃ chinditvā manussānaṃ sañcaraṇayoggo ekapadikasetupi dhuvasetutveva saṅkhyaṃ gacchati. Sace pana upari baddhāni vettalatādīni hatthena gahetvāpi na sakkā hoti tena sañcarituṃ, na vaṭṭati.
เอวรูปํ นทีปารสีมํ สมฺมนฺนิตุนฺติ ยตฺถายํ วุตฺตปฺปการา ธุวนาวา วา ธุวเสตุ วา อภิมุขติเตฺถเยว อตฺถิ, เอวรูปํ นทีปารสีมํ สมฺมนฺนิตุํ อนุชานามีติ อโตฺถฯ สเจ ธุวนาวา วา ธุวเสตุ วา อภิมุขติเตฺถ นตฺถิ, อีสกํ อุทฺธํ อภิรุหิตฺวา อโธ วา โอโรหิตฺวา อตฺถิ, เอวมฺปิ วฎฺฎติฯ กรวีกติสฺสเตฺถโร ปน ‘‘คาวุตมตฺตพฺภนฺตเรปิ วฎฺฎตี’’ติ อาหฯ
Evarūpaṃ nadīpārasīmaṃ sammannitunti yatthāyaṃ vuttappakārā dhuvanāvā vā dhuvasetu vā abhimukhatittheyeva atthi, evarūpaṃ nadīpārasīmaṃ sammannituṃ anujānāmīti attho. Sace dhuvanāvā vā dhuvasetu vā abhimukhatitthe natthi, īsakaṃ uddhaṃ abhiruhitvā adho vā orohitvā atthi, evampi vaṭṭati. Karavīkatissatthero pana ‘‘gāvutamattabbhantarepi vaṭṭatī’’ti āha.
อิมญฺจ ปน นทีปารสีมํ สมฺมนฺนเนฺตน เอกสฺมิํ ตีเร ฐตฺวา อุปริโสเต นทีตีเร นิมิตฺตํ กิเตฺตตฺวา ตโต ปฎฺฐาย อตฺตานํ ปริกฺขิปเนฺตน ยตฺตกํ ปริเจฺฉทํ อิจฺฉติ, ตสฺส ปริโยสาเน อโธโสเตปิ นทีตีเร นิมิตฺตํ กิเตฺตตฺวา ปรตีเร สมฺมุขฎฺฐาเน นทีตีเร นิมิตฺตํ กิเตฺตตพฺพํฯ ตโต ปฎฺฐาย ยตฺตกํ ปริเจฺฉทํ อิจฺฉติ, ตสฺส วเสน ยาว อุปริโสเต ปฐมกิตฺติตนิมิตฺตสฺส สมฺมุขา นทีตีเร นิมิตฺตํ, ตาว กิเตฺตตฺวา ปจฺจาหริตฺวา ปฐมกิตฺติตนิมิเตฺตน สทฺธิํ ฆเฎตพฺพํฯ อถ สพฺพนิมิตฺตานํ อโนฺต ฐิเต ภิกฺขู หตฺถปาสคเต กตฺวา กมฺมวาจาย สีมา สมฺมนฺนิตพฺพาฯ นทิยํ ฐิตา อนาคตาปิ กมฺมํ น โกเปนฺติฯ สมฺมุติปริโยสาเน ฐเปตฺวา นทิํ นิมิตฺตานํ อโนฺต ปารตีเร จ โอริมตีเร จ เอกสีมา โหติฯ นที ปน พทฺธสีมาสงฺขฺยํ น คจฺฉติ, วิสุํ นทิสีมา เอว หิ สาฯ
Imañca pana nadīpārasīmaṃ sammannantena ekasmiṃ tīre ṭhatvā uparisote nadītīre nimittaṃ kittetvā tato paṭṭhāya attānaṃ parikkhipantena yattakaṃ paricchedaṃ icchati, tassa pariyosāne adhosotepi nadītīre nimittaṃ kittetvā paratīre sammukhaṭṭhāne nadītīre nimittaṃ kittetabbaṃ. Tato paṭṭhāya yattakaṃ paricchedaṃ icchati, tassa vasena yāva uparisote paṭhamakittitanimittassa sammukhā nadītīre nimittaṃ, tāva kittetvā paccāharitvā paṭhamakittitanimittena saddhiṃ ghaṭetabbaṃ. Atha sabbanimittānaṃ anto ṭhite bhikkhū hatthapāsagate katvā kammavācāya sīmā sammannitabbā. Nadiyaṃ ṭhitā anāgatāpi kammaṃ na kopenti. Sammutipariyosāne ṭhapetvā nadiṃ nimittānaṃ anto pāratīre ca orimatīre ca ekasīmā hoti. Nadī pana baddhasīmāsaṅkhyaṃ na gacchati, visuṃ nadisīmā eva hi sā.
สเจ อโนฺตนทิยํ ทีปโก โหติ, ตํ อโนฺตสีมาย กาตุกาเมน ปุริมนเยเนว อตฺตนา ฐิตตีเร นิมิตฺตานิ กิเตฺตตฺวา ทีปกสฺส โอริมเนฺต จ ปาริมเนฺต จ นิมิตฺตํ กิเตฺตตพฺพํฯ อถ ปรตีเร นทิยา โอริมตีเร นิมิตฺตสฺส สมฺมุขฎฺฐาเน นิมิตฺตํ กิเตฺตตฺวา ตโต ปฎฺฐาย ปุริมนเยเนว ยาว อุปริโสเต ปฐมกิตฺติตนิมิตฺตสฺส สมฺมุขา นิมิตฺตํ, ตาว กิเตฺตตพฺพํฯ อถ ทีปกสฺส ปาริมเนฺต จ โอริมเนฺต จ นิมิตฺตํ กิเตฺตตฺวา ปจฺจาหริตฺวา ปฐมกิตฺติตนิมิเตฺตน สทฺธิํ ฆเฎตพฺพํฯ อถ ทฺวีสุ ตีเรสุ ทีปเก จ ภิกฺขู สเพฺพว หตฺถปาสคเต กตฺวา กมฺมวาจาย สีมา สมฺมนฺนิตพฺพาฯ นทิยํ ฐิตา อนาคจฺฉนฺตาปิ กมฺมํ น โกเปนฺติฯ สมฺมุติปริโยสาเน ฐเปตฺวา นทิํ นิมิตฺตานํ อโนฺต ตีรทฺวยญฺจ ทีปโก จ เอกสีมา โหติ, นที ปน นทิสีมาเยวฯ
Sace antonadiyaṃ dīpako hoti, taṃ antosīmāya kātukāmena purimanayeneva attanā ṭhitatīre nimittāni kittetvā dīpakassa orimante ca pārimante ca nimittaṃ kittetabbaṃ. Atha paratīre nadiyā orimatīre nimittassa sammukhaṭṭhāne nimittaṃ kittetvā tato paṭṭhāya purimanayeneva yāva uparisote paṭhamakittitanimittassa sammukhā nimittaṃ, tāva kittetabbaṃ. Atha dīpakassa pārimante ca orimante ca nimittaṃ kittetvā paccāharitvā paṭhamakittitanimittena saddhiṃ ghaṭetabbaṃ. Atha dvīsu tīresu dīpake ca bhikkhū sabbeva hatthapāsagate katvā kammavācāya sīmā sammannitabbā. Nadiyaṃ ṭhitā anāgacchantāpi kammaṃ na kopenti. Sammutipariyosāne ṭhapetvā nadiṃ nimittānaṃ anto tīradvayañca dīpako ca ekasīmā hoti, nadī pana nadisīmāyeva.
สเจ ปน ทีปโก วิหารสีมาปริเจฺฉทโต อุทฺธํ วา อโธ วา อธิกตโร โหติ, อถ วิหารสีมาปริเจฺฉทนิมิตฺตสฺส อุชุกเมว สมฺมุขิภูเต ทีปกสฺส โสริมเนฺต นิมิตฺตํ กิเตฺตตฺวา ตโต ปฎฺฐาย ทีปกสิขรํ ปริกฺขิปโนฺตน ปุน ทีปกสฺส โสริมเนฺต นิมิตฺตสมฺมุเข ปาริมเนฺต นิมิตฺตํ กิเตฺตตพฺพํฯ ตโต ปรํ ปุริมนเยเนว ปารตีเร สมฺมุขนิมีตฺตมาทิํกตฺวา ปารตีรนิมิตฺตานิ จ ทีปกสฺส ปาริมนฺตโสริมนฺตนิมิตฺตานิ จ กิเตฺตตฺวา ปฐมกิตฺติตนิมิเตฺตน สทฺธิํ ฆฎนา กาตพฺพาฯ เอวํ กิเตฺตตฺวา สมฺมตา สีมา ปพฺพตสณฺฑานา โหติฯ
Sace pana dīpako vihārasīmāparicchedato uddhaṃ vā adho vā adhikataro hoti, atha vihārasīmāparicchedanimittassa ujukameva sammukhibhūte dīpakassa sorimante nimittaṃ kittetvā tato paṭṭhāya dīpakasikharaṃ parikkhipantona puna dīpakassa sorimante nimittasammukhe pārimante nimittaṃ kittetabbaṃ. Tato paraṃ purimanayeneva pāratīre sammukhanimīttamādiṃkatvā pāratīranimittāni ca dīpakassa pārimantasorimantanimittāni ca kittetvā paṭhamakittitanimittena saddhiṃ ghaṭanā kātabbā. Evaṃ kittetvā sammatā sīmā pabbatasaṇḍānā hoti.
สเจ ปน ทีปโก วิหารสีมาปริเจฺฉทโต อุทฺธมฺปิ อโธปิ อธิกตโร โหติฯ ปุริมนเยเนว ทีปกสฺส อุโภปิ สีขรานิ ปริกฺขิปิตฺวา นิมิตฺตานิ กิเตฺตเนฺตน นิมิตฺตฆฎนา กาตพฺพาฯ เอวํ กิเตฺตตฺวา สมฺมตา สีมา มุทิงฺคสณฺฐานา โหติฯ
Sace pana dīpako vihārasīmāparicchedato uddhampi adhopi adhikataro hoti. Purimanayeneva dīpakassa ubhopi sīkharāni parikkhipitvā nimittāni kittentena nimittaghaṭanā kātabbā. Evaṃ kittetvā sammatā sīmā mudiṅgasaṇṭhānā hoti.
สเจ ทีปโก วิหารสีมาปริเจฺฉทสฺส อโนฺต ขุทฺทโก โหติ, สพฺพปฐมนเยน ทีปเก นิมิตฺตานิ กิเตฺตตพฺพานิฯ เอวํ กิเตฺตตฺวา สมฺมตา สีมา ปณวสณฺฐานา โหติฯ
Sace dīpako vihārasīmāparicchedassa anto khuddako hoti, sabbapaṭhamanayena dīpake nimittāni kittetabbāni. Evaṃ kittetvā sammatā sīmā paṇavasaṇṭhānā hoti.
สีมานุชานนกถา นิฎฺฐิตาฯ
Sīmānujānanakathā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวคฺคปาฬิ • Mahāvaggapāḷi / ๗๑. สีมานุชานนา • 71. Sīmānujānanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / สีมานุชานนกถาวณฺณนา • Sīmānujānanakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / สีมานุชานนกถาวณฺณนา • Sīmānujānanakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / สีมานุชานนกถาวณฺณนา • Sīmānujānanakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๗๑. สีมานุชานนกถา • 71. Sīmānujānanakathā