Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā |
สีมานุชานนกถาวณฺณนา
Sīmānujānanakathāvaṇṇanā
๑๓๘. อิตโรปีติ สุทฺธปํสุปพฺพตาทิํ สนฺธาย วทติฯ หตฺถิปฺปมาโณ นาม ปพฺพโต เหฎฺฐิมโกฎิยา อฑฺฒฎฺฐมรตนุเพฺพโธฯ ตสฺมาติ ยสฺมา เอเกน น วฎฺฎติ, ตสฺมาฯ ทฺวตฺติํสปลคุฬปิณฺฑปฺปมาณตา ถูลตาย คเหตพฺพา, น ตุลคณนายฯ อโนฺตสารมิสฺสกานนฺติ อโนฺตสารรุเกฺขหิ มิสฺสกานํฯ สูจิทณฺฑกปฺปมาโณติ สีหฬทีเป เลขนทณฺฑปฺปมาโณติ วทนฺติ, โส จ กนิฎฺฐงฺคุลิปริมาโณติ ทฎฺฐพฺพํฯ เอตนฺติ นวมูลสาขานิคฺคมนํฯ ปรภาเค กิเตฺตตุํ วฎฺฎตีติ พหิ นิกฺขมิตฺวา ฐิเตสุ อฎฺฐสุ มเคฺคสุ เอกิสฺสา ทิสาย เอกํ, อปราย เอกนฺติ เอวํ จตูสุ ฐาเนสุ กิเตฺตตุํ วฎฺฎติฯ
138.Itaropīti suddhapaṃsupabbatādiṃ sandhāya vadati. Hatthippamāṇo nāma pabbato heṭṭhimakoṭiyā aḍḍhaṭṭhamaratanubbedho. Tasmāti yasmā ekena na vaṭṭati, tasmā. Dvattiṃsapalaguḷapiṇḍappamāṇatā thūlatāya gahetabbā, na tulagaṇanāya. Antosāramissakānanti antosārarukkhehi missakānaṃ. Sūcidaṇḍakappamāṇoti sīhaḷadīpe lekhanadaṇḍappamāṇoti vadanti, so ca kaniṭṭhaṅguliparimāṇoti daṭṭhabbaṃ. Etanti navamūlasākhāniggamanaṃ. Parabhāge kittetuṃ vaṭṭatīti bahi nikkhamitvā ṭhitesu aṭṭhasu maggesu ekissā disāya ekaṃ, aparāya ekanti evaṃ catūsu ṭhānesu kittetuṃ vaṭṭati.
ยตฺถ กตฺถจิ อุตฺตรนฺติยา ภิกฺขุนิยา อนฺตรวาสโก เตมิยตีติ สิกฺขากรณียํ อาคตลกฺขเณน ติมณฺฑลํ ปฎิจฺฉาเทตฺวา อนฺตรวาสกํ อนุกฺขิปิตฺวา ติเตฺถน วา อติเตฺถน วา อุตฺตรนฺติยา ภิกฺขุนิยา เอกทฺวงฺคุลมตฺตมฺปิ อนฺตรวาสโก เตมิยติฯ ภิกฺขุนิยา เอว คหณเญฺจตฺถ ภิกฺขุนีวิภเงฺค ภิกฺขุนิยา วเสน นทีลกฺขณสฺส ปาฬิยํ อาคตตฺตา เตเนว นเยน ทสฺสนตฺถํ กตํฯ สีมํ พนฺธนฺตานํ นิมิตฺตํ โหตีติ อยํ วุตฺตลกฺขณา นที สมุทฺทํ วา ปวิสตุ ตฬากํ วา, ปภวโต ปฎฺฐาย นิมิตฺตํ โหติฯ อโชฺฌตฺถริตฺวา อาวรณํ ปวตฺตติเยวาติ อาวรณํ อโชฺฌตฺถริตฺวา สนฺทติเยวฯ อปฺปวตฺตมานาติ อสนฺทมานุทกาฯ อาวรณญฺหิ ปตฺวา นทิยา ยตฺตเก ปเทเส อุทกํ อสนฺทมานํ สนฺติฎฺฐติ, ตตฺถ นทีนิมิตฺตํ กาตุํ น วฎฺฎติฯ อุปริ สนฺทมานฎฺฐาเนเยว วฎฺฎติ, อสนฺทมานฎฺฐาเน ปน อุทกนิมิตฺตํ กาตุํ วฎฺฎติฯ ฐิตเมว หิ อุทกนิมิเตฺต วฎฺฎติ, น สนฺทมานํฯ เตเนวาห ‘‘ปวตฺตนฎฺฐาเน นทีนิมิตฺตํ, อปฺปวตฺตนฎฺฐาเน อุทกนิมิตฺตํ กาตุํ วฎฺฎตี’’ติฯ นทิํ ภินฺทิตฺวาติ มาติกามุขทฺวาเรน นทีกูลํ ภินฺทิตฺวาฯ อุเกฺขปิมนฺติ กูปโต วิย อุกฺขิปิตฺวา คเหตพฺพํฯ
Yattha katthaci uttarantiyā bhikkhuniyā antaravāsako temiyatīti sikkhākaraṇīyaṃ āgatalakkhaṇena timaṇḍalaṃ paṭicchādetvā antaravāsakaṃ anukkhipitvā titthena vā atitthena vā uttarantiyā bhikkhuniyā ekadvaṅgulamattampi antaravāsako temiyati. Bhikkhuniyā eva gahaṇañcettha bhikkhunīvibhaṅge bhikkhuniyā vasena nadīlakkhaṇassa pāḷiyaṃ āgatattā teneva nayena dassanatthaṃ kataṃ. Sīmaṃ bandhantānaṃ nimittaṃ hotīti ayaṃ vuttalakkhaṇā nadī samuddaṃ vā pavisatu taḷākaṃ vā, pabhavato paṭṭhāya nimittaṃ hoti. Ajjhottharitvā āvaraṇaṃ pavattatiyevāti āvaraṇaṃ ajjhottharitvā sandatiyeva. Appavattamānāti asandamānudakā. Āvaraṇañhi patvā nadiyā yattake padese udakaṃ asandamānaṃ santiṭṭhati, tattha nadīnimittaṃ kātuṃ na vaṭṭati. Upari sandamānaṭṭhāneyeva vaṭṭati, asandamānaṭṭhāne pana udakanimittaṃ kātuṃ vaṭṭati. Ṭhitameva hi udakanimitte vaṭṭati, na sandamānaṃ. Tenevāha ‘‘pavattanaṭṭhāne nadīnimittaṃ, appavattanaṭṭhāne udakanimittaṃkātuṃ vaṭṭatī’’ti. Nadiṃ bhinditvāti mātikāmukhadvārena nadīkūlaṃ bhinditvā. Ukkhepimanti kūpato viya ukkhipitvā gahetabbaṃ.
สิงฺฆาฎกสณฺฐานาติ ติโกณรจฺฉาสณฺฐานาฯ มุทิงฺคสณฺฐานาติ มุทิงฺคเภรี วิย มเชฺฌ วิตฺถตา อุโภสุ โกฎีสุ สโงฺกฎิตา โหติฯ อุปจารํ ฐเปตฺวาติ ปจฺฉา สีมํ พนฺธนฺตานํ สีมาย โอกาสํ ฐเปตฺวาฯ อโนฺตนิมิตฺตคเตหิ ปนาติ เอกสฺส คามสฺส อุปฑฺฒํ อโนฺต กตฺตุกามตาย สติ สเพฺพสํ อาคมเน ปโยชนํ นตฺถีติ กตฺวา วุตฺตํฯ อาคนฺตพฺพนฺติ จ สามีจิวเสน วุตฺตํ, นายํ นิยโม ‘‘อาคนฺตพฺพเมวา’’ติฯ เตเนวาห ‘‘อาคมนมฺปิ อนาคมนมฺปิ วฎฺฎตี’’ติฯ อพทฺธาย หิ สีมาย นานาคามเขตฺตานํ นานาสีมสภาวตฺตา เตสํ อนาคมเนปิ วคฺคกมฺมํ น โหติ, ตสฺมา อนาคมนมฺปิ วฎฺฎติฯ พทฺธาย ปน สีมาย เอกสีมภาวโต ปุน อญฺญสฺมิํ กเมฺม กริยมาเน อโนฺต สีมคเตหิ อาคนฺตพฺพเมวาติ อาห ‘‘อวิปฺปวาสสีมา…เป.… อาคนฺตพฺพ’’นฺติฯ นิมิตฺตกิตฺตนกาเล อโสธิตายปิ สีมาย เนวตฺถิ โทโส นิมิตฺตกิตฺตนสฺส อปโลกนาทีสุ อญฺญตราภาวโตฯ
Siṅghāṭakasaṇṭhānāti tikoṇaracchāsaṇṭhānā. Mudiṅgasaṇṭhānāti mudiṅgabherī viya majjhe vitthatā ubhosu koṭīsu saṅkoṭitā hoti. Upacāraṃ ṭhapetvāti pacchā sīmaṃ bandhantānaṃ sīmāya okāsaṃ ṭhapetvā. Antonimittagatehi panāti ekassa gāmassa upaḍḍhaṃ anto kattukāmatāya sati sabbesaṃ āgamane payojanaṃ natthīti katvā vuttaṃ. Āgantabbanti ca sāmīcivasena vuttaṃ, nāyaṃ niyamo ‘‘āgantabbamevā’’ti. Tenevāha ‘‘āgamanampi anāgamanampi vaṭṭatī’’ti. Abaddhāya hi sīmāya nānāgāmakhettānaṃ nānāsīmasabhāvattā tesaṃ anāgamanepi vaggakammaṃ na hoti, tasmā anāgamanampi vaṭṭati. Baddhāya pana sīmāya ekasīmabhāvato puna aññasmiṃ kamme kariyamāne anto sīmagatehi āgantabbamevāti āha ‘‘avippavāsasīmā…pe… āgantabba’’nti. Nimittakittanakāle asodhitāyapi sīmāya nevatthi doso nimittakittanassa apalokanādīsu aññatarābhāvato.
ภณฺฑุกมฺมาปุจฺฉนํ สนฺธาย ปพฺพชฺชา-คหณํฯ สุขกรณตฺถนฺติ สเพฺพสํ สนฺนิปาตนปริสฺสมํ ปหาย อปฺปตเรหิ สุขกรณตฺถํฯ เอกวีสติ ภิกฺขู คณฺหาตีติ วีสติวคฺคกรณียปรมตฺตา สงฺฆกมฺมสฺส กมฺมารเหน สทฺธิํ เอกวีสติ ภิกฺขู คณฺหาติฯ อิทญฺจ นิสินฺนานํ วเสน วุตฺตํฯ เหฎฺฐิมนฺตโต หิ ยตฺถ เอกวีสติ ภิกฺขู นิสีทิตุํ สโกฺกนฺติ, ตตฺตเก ปเทเส สีมํ พนฺธิตุํ วฎฺฎติฯ น สกฺขิสฺสนฺตีติ อวิปฺปวาสสีมาย พทฺธภาวํ อสลฺลเกฺขตฺวา ‘‘สมานสํวาสกเมว สมูหนิสฺสามา’’ติ วายมนฺตา น สกฺขิสฺสนฺติฯ พทฺธาย หิ อวิปฺปวาสสีมาย ตํ อสมูหนิตฺวา ‘‘สมานสํวาสกสีมํ สมูหนิสฺสามา’’ติ กตายปิ กมฺมวาจาย อสมูหตาว โหติ สีมาฯ ปฐมญฺหิ อวิปฺปวาสํ สมูหนิตฺวา ปจฺฉา สีมา สมูหนิตพฺพาฯ เอกรตนปฺปมาณา สุวิเญฺญยฺยตรา โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘เอกรตนปฺปมาณา วฎฺฎตี’’ติฯ เอกงฺคุลมตฺตาปิ สีมนฺตริกา วฎฺฎติเยวฯ ตตฺตเกนปิ หิ สีมา อสมฺภินฺนาว โหติฯ
Bhaṇḍukammāpucchanaṃ sandhāya pabbajjā-gahaṇaṃ. Sukhakaraṇatthanti sabbesaṃ sannipātanaparissamaṃ pahāya appatarehi sukhakaraṇatthaṃ. Ekavīsati bhikkhū gaṇhātīti vīsativaggakaraṇīyaparamattā saṅghakammassa kammārahena saddhiṃ ekavīsati bhikkhū gaṇhāti. Idañca nisinnānaṃ vasena vuttaṃ. Heṭṭhimantato hi yattha ekavīsati bhikkhū nisīdituṃ sakkonti, tattake padese sīmaṃ bandhituṃ vaṭṭati. Na sakkhissantīti avippavāsasīmāya baddhabhāvaṃ asallakkhetvā ‘‘samānasaṃvāsakameva samūhanissāmā’’ti vāyamantā na sakkhissanti. Baddhāya hi avippavāsasīmāya taṃ asamūhanitvā ‘‘samānasaṃvāsakasīmaṃ samūhanissāmā’’ti katāyapi kammavācāya asamūhatāva hoti sīmā. Paṭhamañhi avippavāsaṃ samūhanitvā pacchā sīmā samūhanitabbā. Ekaratanappamāṇā suviññeyyatarā hotīti katvā vuttaṃ ‘‘ekaratanappamāṇā vaṭṭatī’’ti. Ekaṅgulamattāpi sīmantarikā vaṭṭatiyeva. Tattakenapi hi sīmā asambhinnāva hoti.
อวเสสนิมิตฺตานีติ มหาสีมาย พาหิรปเสฺส นิมิตฺตานิฯ ขณฺฑสีมโต ปฎฺฐาย พนฺธนํ อาจิณฺณํ, อาจิณฺณกรเณเนว จ สโมฺมโห น โหตีติ อาห ‘‘ขณฺฑสีมโตว ปฎฺฐาย พนฺธิตพฺพา’’ติฯ กุฎิเคเหติ กุฎิฆเร, ภูมิฆเรติ อโตฺถฯ อุทุกฺขลนฺติ ขุทฺทกาวาฎํฯ นิมิตฺตํ น กาตพฺพนฺติ ตํ ราชิํ วา อุทุกฺขลํ วา นิมิตฺตํ น กาตพฺพํฯ
Avasesanimittānīti mahāsīmāya bāhirapasse nimittāni. Khaṇḍasīmato paṭṭhāya bandhanaṃ āciṇṇaṃ, āciṇṇakaraṇeneva ca sammoho na hotīti āha ‘‘khaṇḍasīmatova paṭṭhāya bandhitabbā’’ti. Kuṭigeheti kuṭighare, bhūmighareti attho. Udukkhalanti khuddakāvāṭaṃ. Nimittaṃ na kātabbanti taṃ rājiṃ vā udukkhalaṃ vā nimittaṃ na kātabbaṃ.
เหฎฺฐา น โอตรตีติ ภิตฺติโต โอรํ นิมิตฺตานิ ฐเปตฺวา กิตฺติตตฺตา เหฎฺฐา อากาสปฺปเทสํ น โอตรติฯ เหฎฺฐาปิ โอตรตีติ สเจ เหฎฺฐา อโนฺตภิตฺติยํ เอกวีสติยา ภิกฺขูนํ โอกาโส โหติ, โอตรติฯ โอตรมานา จ อุปริสีมปฺปมาเณน น โอตรติ, สมนฺตา ภิตฺติปฺปมาเณน โอตรติฯ โอตรณาโนตรณํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ สเจ เหฎฺฐา เอกวีสติยา ภิกฺขูนํ โอกาโส โหติ, โอตรติฯ โน เจ, น โอตรตีติ อธิปฺปาโยฯ สโพฺพ ปาสาโท สีมโฎฺฐ โหตีติ อุปริมตเลน สทฺธิํ เอกาพทฺธภิตฺติโก วา โหตุ มา วา, สโพฺพปิ ปาสาโท สีมโฎฺฐว โหติฯ
Heṭṭhāna otaratīti bhittito oraṃ nimittāni ṭhapetvā kittitattā heṭṭhā ākāsappadesaṃ na otarati. Heṭṭhāpi otaratīti sace heṭṭhā antobhittiyaṃ ekavīsatiyā bhikkhūnaṃ okāso hoti, otarati. Otaramānā ca uparisīmappamāṇena na otarati, samantā bhittippamāṇena otarati. Otaraṇānotaraṇaṃ vuttanayeneva veditabbanti sace heṭṭhā ekavīsatiyā bhikkhūnaṃ okāso hoti, otarati. No ce, na otaratīti adhippāyo. Sabbo pāsādo sīmaṭṭho hotīti uparimatalena saddhiṃ ekābaddhabhittiko vā hotu mā vā, sabbopi pāsādo sīmaṭṭhova hoti.
ตาลมูลกปพฺพเตติ ตาลมูลสทิเส ปพฺพเตฯ โส จ เหฎฺฐา มหโนฺต หุตฺวา อนุปุเพฺพน ตนุโก โหตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ ปณวสณฺฐาโน มเชฺฌ ตนุโก โหติ มูเล อเคฺค จ วิตฺถโตฯ เหฎฺฐา วา มเชฺฌ วาติ มุทิงฺคสณฺฐานสฺส เหฎฺฐา ปณวสณฺฐานสฺส มเชฺฌฯ อากาสปพฺภารนฺติ ภิตฺติยา อปริกฺขิตฺตปพฺภารํฯ อโนฺตเลณํ โหตีติ ปพฺพตสฺส อโนฺต เลณํ โหติฯ สีมามาฬเกติ ขณฺฑสีมามาฬเกฯ มหาสีมํ โสเธตฺวา วา กมฺมํ กาตพฺพนฺติ มหาสีมคตา ภิกฺขู หตฺถปาสํ วา อาเนตพฺพา, สีมโต วา พหิ กาตพฺพาติ อธิปฺปาโยฯ คณฺฐิปเทสุ ปน ‘‘มหาสีมคเตหิ ภิกฺขูหิ ตํ สาขํ วา ปาโรหํ วา อนามสิตฺวา ฐาตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย’’ติ วุตฺตํ, ตํ น คเหตพฺพํฯ ปุริมนเยปีติ ขณฺฑสีมาย อุฎฺฐหิตฺวา มหาสีมาย โอณตรุเกฺขปิฯ อุกฺขิปาเปตฺวา กาตุํ น วฎฺฎตีติ ขณฺฑสีมาย อโนฺต ฐิตตฺตา รุกฺขสฺส ตตฺถ ฐิโต หตฺถปาสํเยว อาเนตโพฺพติ อุกฺขิปาเปตฺวา กาตุํ น วฎฺฎติฯ
Tālamūlakapabbateti tālamūlasadise pabbate. So ca heṭṭhā mahanto hutvā anupubbena tanuko hotīti daṭṭhabbaṃ. Paṇavasaṇṭhāno majjhe tanuko hoti mūle agge ca vitthato. Heṭṭhā vā majjhe vāti mudiṅgasaṇṭhānassa heṭṭhā paṇavasaṇṭhānassa majjhe. Ākāsapabbhāranti bhittiyā aparikkhittapabbhāraṃ. Antoleṇaṃ hotīti pabbatassa anto leṇaṃ hoti. Sīmāmāḷaketi khaṇḍasīmāmāḷake. Mahāsīmaṃ sodhetvā vā kammaṃ kātabbanti mahāsīmagatā bhikkhū hatthapāsaṃ vā ānetabbā, sīmato vā bahi kātabbāti adhippāyo. Gaṇṭhipadesu pana ‘‘mahāsīmagatehi bhikkhūhi taṃ sākhaṃ vā pārohaṃ vā anāmasitvā ṭhātabbanti adhippāyo’’ti vuttaṃ, taṃ na gahetabbaṃ. Purimanayepīti khaṇḍasīmāya uṭṭhahitvā mahāsīmāya oṇatarukkhepi. Ukkhipāpetvā kātuṃ na vaṭṭatīti khaṇḍasīmāya anto ṭhitattā rukkhassa tattha ṭhito hatthapāsaṃyeva ānetabboti ukkhipāpetvā kātuṃ na vaṭṭati.
๑๔๐. ปารยตีติ อโชฺฌตฺถรติฯ ปาราติ สีมาเปโกฺข อิตฺถิลิงฺคนิเทฺทโสฯ อสฺสาติ ภเวยฺยฯ อิธาธิเปฺปตนาวาย ปมาณํ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘ยา สพฺพนฺติเมน ปริเจฺฉเทน…เป.… ตโย ชเน วหตี’’ติฯ อิมินา จ วุตฺตปฺปมาณโต ขุทฺทกา นาวา วิชฺชมานาปิ อิธ อสนฺตปกฺขํ ภชตีติ ทีเปติฯ อวสฺสํ ลพฺภเนยฺยา ธุวนาวาว โหตีติ สมฺพโนฺธฯ รุกฺขํ ฉินฺทิตฺวา กโตติ ปาฐเสโสฯ ปรตีเร สมฺมุขฎฺฐาเนติ โอริมตีเร สพฺพปริยนฺตนิมิตฺตสฺส สมฺมุขฎฺฐาเนฯ สพฺพนิมิตฺตานํ อโนฺต ฐิเต ภิกฺขู หตฺถปาสคเต กตฺวาติ เอตฺถ สเจ เอกํ คามเขตฺตํ โหติ, อุโภสุ ตีเรสุ สพฺพนิมิตฺตานํ อโนฺต ฐิเต ภิกฺขู หตฺถปาสคเต กตฺวา สมฺมนฺนิตพฺพาฯ นานาคามเกฺขตฺตํ เจ, สมานสํวาสกสีมาพนฺธนกาเล อนาคนฺตุมฺปิ วฎฺฎติฯ อวิปฺปวาสสีมาสมฺมุติยํ ปน อาคนฺตพฺพเมวฯ ยสฺมา อุโภสุ ตีเรสุ นิมิตฺตกิตฺตนมเตฺตน ทีปโก สงฺคหิโต นาม น โหติ, ตสฺมา ทีปเกปิ นิมิตฺตานิ วิสุํ กิเตฺตตพฺพาเนวาติ อาห ‘‘ทีปกสฺส โอริมเนฺต จ ปาริมเนฺต จ นิมิตฺตํ กิเตฺตตพฺพ’’นฺติฯ ทีปกสิขรนฺติ ทีปกมตฺถกํฯ ปพฺพตสณฺฐานาติ ทีปกสฺส เอกโต อธิกตรตฺตา วุตฺตํฯ
140.Pārayatīti ajjhottharati. Pārāti sīmāpekkho itthiliṅganiddeso. Assāti bhaveyya. Idhādhippetanāvāya pamāṇaṃ dassento āha ‘‘yā sabbantimena paricchedena…pe… tayo jane vahatī’’ti. Iminā ca vuttappamāṇato khuddakā nāvā vijjamānāpi idha asantapakkhaṃ bhajatīti dīpeti. Avassaṃ labbhaneyyā dhuvanāvāva hotīti sambandho. Rukkhaṃ chinditvā katoti pāṭhaseso. Paratīre sammukhaṭṭhāneti orimatīre sabbapariyantanimittassa sammukhaṭṭhāne. Sabbanimittānaṃ anto ṭhite bhikkhū hatthapāsagate katvāti ettha sace ekaṃ gāmakhettaṃ hoti, ubhosu tīresu sabbanimittānaṃ anto ṭhite bhikkhū hatthapāsagate katvā sammannitabbā. Nānāgāmakkhettaṃ ce, samānasaṃvāsakasīmābandhanakāle anāgantumpi vaṭṭati. Avippavāsasīmāsammutiyaṃ pana āgantabbameva. Yasmā ubhosu tīresu nimittakittanamattena dīpako saṅgahito nāma na hoti, tasmā dīpakepi nimittāni visuṃ kittetabbānevāti āha ‘‘dīpakassaorimante ca pārimante ca nimittaṃ kittetabba’’nti. Dīpakasikharanti dīpakamatthakaṃ. Pabbatasaṇṭhānāti dīpakassa ekato adhikatarattā vuttaṃ.
สีมานุชานนกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sīmānujānanakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวคฺคปาฬิ • Mahāvaggapāḷi / ๗๑. สีมานุชานนา • 71. Sīmānujānanā
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวคฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvagga-aṭṭhakathā / สีมานุชานนกถา • Sīmānujānanakathā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / สีมานุชานนกถาวณฺณนา • Sīmānujānanakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / สีมานุชานนกถาวณฺณนา • Sīmānujānanakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๗๑. สีมานุชานนกถา • 71. Sīmānujānanakathā