Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๑๑๓] ๓. สิงฺคาลชาตกวณฺณนา
[113] 3. Siṅgālajātakavaṇṇanā
สทฺทหาสิ สิงฺคาลสฺสาติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรโนฺต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิฯ ตสฺมิญฺหิ สมเย ภิกฺขู ธมฺมสภายํ สนฺนิปติตฺวา ‘‘อาวุโส, เทวทเตฺตน ปญฺจ ภิกฺขุสตานิ อาทาย คยาสีสํ คนฺตฺวา ‘ยํ สมโณ โคตโม กโรติ, น โส ธโมฺมฯ ยมหํ กโรมิ, อยเมว ธโมฺม’ติ เต ภิกฺขู อตฺตโน ลทฺธิํ คาหาเปตฺวา ฐานปฺปตฺตํ มุสาวาทํ กตฺวา สงฺฆํ ภินฺทิตฺวา เอกสีมาย เทฺว อุโปสถา กตา’’ติ เทวทตฺตสฺส อคุณกถํ กเถนฺตา นิสีทิํสุฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, เทวทโตฺต อิทาเนว มุสาวาที, ปุเพฺพปิ มุสาวาทีเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Saddahāsisiṅgālassāti idaṃ satthā veḷuvane viharanto devadattaṃ ārabbha kathesi. Tasmiñhi samaye bhikkhū dhammasabhāyaṃ sannipatitvā ‘‘āvuso, devadattena pañca bhikkhusatāni ādāya gayāsīsaṃ gantvā ‘yaṃ samaṇo gotamo karoti, na so dhammo. Yamahaṃ karomi, ayameva dhammo’ti te bhikkhū attano laddhiṃ gāhāpetvā ṭhānappattaṃ musāvādaṃ katvā saṅghaṃ bhinditvā ekasīmāya dve uposathā katā’’ti devadattassa aguṇakathaṃ kathentā nisīdiṃsu. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, devadatto idāneva musāvādī, pubbepi musāvādīyevā’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต สุสานวเน รุกฺขเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติฯ ตทา พาราณสิยํ นกฺขตฺตํ ฆุฎฺฐํ อโหสิฯ มนุสฺสา ‘‘ยกฺขพลิกมฺมํ กโรมา’’ติ เตสุ เตสุ จจฺจรรจฺฉาทิฎฺฐาเนสุ มจฺฉมํสาทีนิ วิปฺปกิริตฺวา กปาลเกสุ พหุํ สุรํ ฐปยิํสุฯ อเถโก สิงฺคาโล อฑฺฒรตฺตสมเย นิทฺธมเนน นครํ ปวิสิตฺวา มจฺฉมํสํ ขาทิตฺวา สุรํ ปิวิตฺวา ปุนฺนาคคจฺฉนฺตรํ ปวิสิตฺวา ยาว อรุณุคฺคมนา นิทฺทํ โอกฺกมิฯ โส ปพุชฺฌิตฺวา อาโลกํ ทิสฺวา ‘‘อิทานิ นิกฺขมิตุํ น สกฺกา’’ติ มคฺคสมีปํ คนฺตฺวา อทิสฺสมาโน นิปชฺชิตฺวา อเญฺญ มนุเสฺส ทิสฺวาปิ กิญฺจิ อวตฺวา เอกํ พฺราหฺมณํ มุขโธวนตฺถาย คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา จิเนฺตสิ ‘‘พฺราหฺมณา นาม ธนโลลา โหนฺติ, อิมํ ธเนน ปโลเภตฺวา ยถา มํ อุปกจฺฉกนฺตเร กตฺวา อุตฺตราสเงฺคน ปฎิจฺฉาเทตฺวา นครา นีหรติ, ตถา กริสฺสามี’’ติฯ โส มนุสฺสภาสาย ‘‘พฺราหฺมณา’’ติ อาหฯ โส นิวตฺติตฺวา ‘‘โก มํ ปโกฺกสตี’’ติ อาหฯ ‘‘อหํ, พฺราหฺมณา’’ติฯ ‘‘กิํการณา’’ติฯ ‘‘พฺราหฺมณ, มยฺหํ เทฺว กหาปณสตานิ อตฺถิฯ สเจ มํ อุปกจฺฉกนฺตเร กตฺวา อุตฺตราสเงฺคน ปฎิจฺฉาเทตฺวา ยถา น โกจิ ปสฺสติ, ตถา นครา นิกฺขาเมตุํ สโกฺกสิ, ตุยฺหํ เต กหาปเณ ทสฺสามี’’ติฯ พฺราหฺมโณ ธนโลเภน ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา ตํ ตถา กตฺวา อาทาย นครา นิกฺขมิตฺวา โถกํ อคมาสิฯ อถ นํ สิงฺคาโล ปุจฺฉิ ‘‘กตรฎฺฐานํ, พฺราหฺมณา’’ติ? ‘‘อสุกํ นามา’’ติฯ ‘‘อญฺญํ โถกํ ฐานํ คจฺฉา’’ติฯ เอวํ ปุนปฺปุนํ วทโนฺต มหาสุสานํ ปตฺวา ‘‘อิธ มํ โอตาเรหี’’ติ อาหฯ ตตฺถ นํ โอตาเรสิฯ อถ สิงฺคาโล ‘‘เตน หิ, พฺราหฺมณ, อุตฺตริสาฎกํ ปตฺถรา’’ติ อาหฯ โส ธนโลเภน ‘‘สาธู’’ติ ปตฺถริฯ อถ นํ ‘‘อิมํ รุกฺขมูลํ ขณาหี’’ติ ปถวิขณเน โยเชตฺวา พฺราหฺมณสฺส อุตฺตริสาฎกํ อภิรุยฺห จตูสุ กเณฺณสุ จ มเชฺฌ จาติ ปญฺจสุ ฐาเนสุ สรีรนิสฺสนฺทํ ปาเตตฺวา มเกฺขตฺวา เจว เตเมตฺวา จ สุสานวนํ ปาวิสิฯ โพธิสโตฺต รุกฺขวิฎเป ฐตฺวา อิมํ คาถมาห –
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto susānavane rukkhadevatā hutvā nibbatti. Tadā bārāṇasiyaṃ nakkhattaṃ ghuṭṭhaṃ ahosi. Manussā ‘‘yakkhabalikammaṃ karomā’’ti tesu tesu caccararacchādiṭṭhānesu macchamaṃsādīni vippakiritvā kapālakesu bahuṃ suraṃ ṭhapayiṃsu. Atheko siṅgālo aḍḍharattasamaye niddhamanena nagaraṃ pavisitvā macchamaṃsaṃ khāditvā suraṃ pivitvā punnāgagacchantaraṃ pavisitvā yāva aruṇuggamanā niddaṃ okkami. So pabujjhitvā ālokaṃ disvā ‘‘idāni nikkhamituṃ na sakkā’’ti maggasamīpaṃ gantvā adissamāno nipajjitvā aññe manusse disvāpi kiñci avatvā ekaṃ brāhmaṇaṃ mukhadhovanatthāya gacchantaṃ disvā cintesi ‘‘brāhmaṇā nāma dhanalolā honti, imaṃ dhanena palobhetvā yathā maṃ upakacchakantare katvā uttarāsaṅgena paṭicchādetvā nagarā nīharati, tathā karissāmī’’ti. So manussabhāsāya ‘‘brāhmaṇā’’ti āha. So nivattitvā ‘‘ko maṃ pakkosatī’’ti āha. ‘‘Ahaṃ, brāhmaṇā’’ti. ‘‘Kiṃkāraṇā’’ti. ‘‘Brāhmaṇa, mayhaṃ dve kahāpaṇasatāni atthi. Sace maṃ upakacchakantare katvā uttarāsaṅgena paṭicchādetvā yathā na koci passati, tathā nagarā nikkhāmetuṃ sakkosi, tuyhaṃ te kahāpaṇe dassāmī’’ti. Brāhmaṇo dhanalobhena ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchitvā taṃ tathā katvā ādāya nagarā nikkhamitvā thokaṃ agamāsi. Atha naṃ siṅgālo pucchi ‘‘kataraṭṭhānaṃ, brāhmaṇā’’ti? ‘‘Asukaṃ nāmā’’ti. ‘‘Aññaṃ thokaṃ ṭhānaṃ gacchā’’ti. Evaṃ punappunaṃ vadanto mahāsusānaṃ patvā ‘‘idha maṃ otārehī’’ti āha. Tattha naṃ otāresi. Atha siṅgālo ‘‘tena hi, brāhmaṇa, uttarisāṭakaṃ pattharā’’ti āha. So dhanalobhena ‘‘sādhū’’ti patthari. Atha naṃ ‘‘imaṃ rukkhamūlaṃ khaṇāhī’’ti pathavikhaṇane yojetvā brāhmaṇassa uttarisāṭakaṃ abhiruyha catūsu kaṇṇesu ca majjhe cāti pañcasu ṭhānesu sarīranissandaṃ pātetvā makkhetvā ceva temetvā ca susānavanaṃ pāvisi. Bodhisatto rukkhaviṭape ṭhatvā imaṃ gāthamāha –
๑๑๓.
113.
‘‘สทฺทหาสิ สิงฺคาลสฺส, สุราปีตสฺส พฺราหฺมณ;
‘‘Saddahāsi siṅgālassa, surāpītassa brāhmaṇa;
สิปฺปิกานํ สตํ นตฺถิ, กุโต กํสสตา ทุเว’’ติฯ
Sippikānaṃ sataṃ natthi, kuto kaṃsasatā duve’’ti.
ตตฺถ สทฺทหาสีติ สทฺทหสิ, อยเมว วา ปาโฐ, ปตฺติยายสีติ อโตฺถฯ สิปฺปิกานํ สตํ นตฺถีติ เอตสฺส หิ สิปฺปิกาสตมฺปิ นตฺถิฯ กุโต กํสสตา ทุเวติ เทฺว กหาปณสตานิ ปนสฺส กุโต เอวาติฯ
Tattha saddahāsīti saddahasi, ayameva vā pāṭho, pattiyāyasīti attho. Sippikānaṃ sataṃ natthīti etassa hi sippikāsatampi natthi. Kuto kaṃsasatā duveti dve kahāpaṇasatāni panassa kuto evāti.
โพธิสโตฺต อิมํ คาถํ วตฺวา ‘‘คจฺฉ, พฺราหฺมณ, ตว สาฎกํ โธวิตฺวา นฺหายิตฺวา อตฺตโน กมฺมํ กโรหี’’ติ วตฺวา อนฺตรธายิฯ พฺราหฺมโณ ตถา กตฺวา ‘‘วญฺจิโต วตมฺหี’’ติ โทมนสฺสปฺปโตฺต ปกฺกามิฯ
Bodhisatto imaṃ gāthaṃ vatvā ‘‘gaccha, brāhmaṇa, tava sāṭakaṃ dhovitvā nhāyitvā attano kammaṃ karohī’’ti vatvā antaradhāyi. Brāhmaṇo tathā katvā ‘‘vañcito vatamhī’’ti domanassappatto pakkāmi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สิงฺคาโล เทวทโตฺต อโหสิ, รุกฺขเทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā siṅgālo devadatto ahosi, rukkhadevatā pana ahameva ahosi’’nti.
สิงฺคาลชาตกวณฺณนา ตติยาฯ
Siṅgālajātakavaṇṇanā tatiyā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๑๑๓. สิงฺคาลชาตกํ • 113. Siṅgālajātakaṃ