Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya |
๘. สิงฺคาลสุตฺตํ
8. Siṅgālasuttaṃ
๒๔๒. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเปฯ เตน โข ปน สมเยน สิงฺคาลโก 1 คหปติปุโตฺต กาลเสฺสว อุฎฺฐาย ราชคหา นิกฺขมิตฺวา อลฺลวโตฺถ อลฺลเกโส ปญฺชลิโก ปุถุทิสา 2 นมสฺสติ – ปุรตฺถิมํ ทิสํ ทกฺขิณํ ทิสํ ปจฺฉิมํ ทิสํ อุตฺตรํ ทิสํ เหฎฺฐิมํ ทิสํ อุปริมํ ทิสํฯ
242. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā rājagahe viharati veḷuvane kalandakanivāpe. Tena kho pana samayena siṅgālako 3 gahapatiputto kālasseva uṭṭhāya rājagahā nikkhamitvā allavattho allakeso pañjaliko puthudisā 4 namassati – puratthimaṃ disaṃ dakkhiṇaṃ disaṃ pacchimaṃ disaṃ uttaraṃ disaṃ heṭṭhimaṃ disaṃ uparimaṃ disaṃ.
๒๔๓. อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ราชคหํ ปิณฺฑาย ปาวิสิฯ อทฺทสา โข ภควา สิงฺคาลกํ คหปติปุตฺตํ กาลเสฺสว วุฎฺฐาย ราชคหา นิกฺขมิตฺวา อลฺลวตฺถํ อลฺลเกสํ ปญฺชลิกํ ปุถุทิสา นมสฺสนฺตํ – ปุรตฺถิมํ ทิสํ ทกฺขิณํ ทิสํ ปจฺฉิมํ ทิสํ อุตฺตรํ ทิสํ เหฎฺฐิมํ ทิสํ อุปริมํ ทิสํฯ ทิสฺวา สิงฺคาลกํ คหปติปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กิํ นุ โข ตฺวํ, คหปติปุตฺต, กาลเสฺสว อุฎฺฐาย ราชคหา นิกฺขมิตฺวา อลฺลวโตฺถ อลฺลเกโส ปญฺชลิโก ปุถุทิสา นมสฺสสิ – ปุรตฺถิมํ ทิสํ ทกฺขิณํ ทิสํ ปจฺฉิมํ ทิสํ อุตฺตรํ ทิสํ เหฎฺฐิมํ ทิสํ อุปริมํ ทิส’’นฺติ? ‘‘ปิตา มํ, ภเนฺต, กาลํ กโรโนฺต เอวํ อวจ – ‘ทิสา, ตาต, นมเสฺสยฺยาสี’ติฯ โส โข อหํ, ภเนฺต, ปิตุวจนํ สกฺกโรโนฺต ครุํ กโรโนฺต มาเนโนฺต ปูเชโนฺต กาลเสฺสว อุฎฺฐาย ราชคหา นิกฺขมิตฺวา อลฺลวโตฺถ อลฺลเกโส ปญฺชลิโก ปุถุทิสา นมสฺสามิ – ปุรตฺถิมํ ทิสํ ทกฺขิณํ ทิสํ ปจฺฉิมํ ทิสํ อุตฺตรํ ทิสํ เหฎฺฐิมํ ทิสํ อุปริมํ ทิส’’นฺติฯ
243. Atha kho bhagavā pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya rājagahaṃ piṇḍāya pāvisi. Addasā kho bhagavā siṅgālakaṃ gahapatiputtaṃ kālasseva vuṭṭhāya rājagahā nikkhamitvā allavatthaṃ allakesaṃ pañjalikaṃ puthudisā namassantaṃ – puratthimaṃ disaṃ dakkhiṇaṃ disaṃ pacchimaṃ disaṃ uttaraṃ disaṃ heṭṭhimaṃ disaṃ uparimaṃ disaṃ. Disvā siṅgālakaṃ gahapatiputtaṃ etadavoca – ‘‘kiṃ nu kho tvaṃ, gahapatiputta, kālasseva uṭṭhāya rājagahā nikkhamitvā allavattho allakeso pañjaliko puthudisā namassasi – puratthimaṃ disaṃ dakkhiṇaṃ disaṃ pacchimaṃ disaṃ uttaraṃ disaṃ heṭṭhimaṃ disaṃ uparimaṃ disa’’nti? ‘‘Pitā maṃ, bhante, kālaṃ karonto evaṃ avaca – ‘disā, tāta, namasseyyāsī’ti. So kho ahaṃ, bhante, pituvacanaṃ sakkaronto garuṃ karonto mānento pūjento kālasseva uṭṭhāya rājagahā nikkhamitvā allavattho allakeso pañjaliko puthudisā namassāmi – puratthimaṃ disaṃ dakkhiṇaṃ disaṃ pacchimaṃ disaṃ uttaraṃ disaṃ heṭṭhimaṃ disaṃ uparimaṃ disa’’nti.
ฉ ทิสา
Cha disā
‘‘เตน หิ, คหปติปุตฺต สุโณหิ สาธุกํ มนสิกโรหิ ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข สิงฺคาลโก คหปติปุโตฺต ภควโต ปจฺจโสฺสสิฯ ภควา เอตทโวจ –
‘‘Tena hi, gahapatiputta suṇohi sādhukaṃ manasikarohi bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho siṅgālako gahapatiputto bhagavato paccassosi. Bhagavā etadavoca –
‘‘ยโต โข, คหปติปุตฺต, อริยสาวกสฺส จตฺตาโร กมฺมกิเลสา ปหีนา โหนฺติ, จตูหิ จ ฐาเนหิ ปาปกมฺมํ น กโรติ, ฉ จ โภคานํ อปายมุขานิ น เสวติ, โส เอวํ จุทฺทส ปาปกาปคโต ฉทฺทิสาปฎิจฺฉาที 11 อุโภโลกวิชยาย ปฎิปโนฺน โหติฯ ตสฺส อยเญฺจว โลโก อารโทฺธ โหติ ปโร จ โลโกฯ โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติฯ
‘‘Yato kho, gahapatiputta, ariyasāvakassa cattāro kammakilesā pahīnā honti, catūhi ca ṭhānehi pāpakammaṃ na karoti, cha ca bhogānaṃ apāyamukhāni na sevati, so evaṃ cuddasa pāpakāpagato chaddisāpaṭicchādī 12 ubholokavijayāya paṭipanno hoti. Tassa ayañceva loko āraddho hoti paro ca loko. So kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjati.
จตฺตาโรกมฺมกิเลสา
Cattārokammakilesā
๒๔๕. ‘‘กตมสฺส จตฺตาโร กมฺมกิเลสา ปหีนา โหนฺติ? ปาณาติปาโต โข, คหปติปุตฺต, กมฺมกิเลโส, อทินฺนาทานํ กมฺมกิเลโส, กาเมสุมิจฺฉาจาโร กมฺมกิเลโส, มุสาวาโท กมฺมกิเลโสฯ อิมสฺส จตฺตาโร กมฺมกิเลสา ปหีนา โหนฺตี’’ติฯ อิทมโวจ ภควา, อิทํ วตฺวาน 13 สุคโต อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –
245. ‘‘Katamassa cattāro kammakilesā pahīnā honti? Pāṇātipāto kho, gahapatiputta, kammakileso, adinnādānaṃ kammakileso, kāmesumicchācāro kammakileso, musāvādo kammakileso. Imassa cattāro kammakilesā pahīnā hontī’’ti. Idamavoca bhagavā, idaṃ vatvāna 14 sugato athāparaṃ etadavoca satthā –
‘‘ปาณาติปาโต อทินฺนาทานํ, มุสาวาโท จ วุจฺจติ;
‘‘Pāṇātipāto adinnādānaṃ, musāvādo ca vuccati;
ปรทารคมนเญฺจว, นปฺปสํสนฺติ ปณฺฑิตา’’ติฯ
Paradāragamanañceva, nappasaṃsanti paṇḍitā’’ti.
จตุฎฺฐานํ
Catuṭṭhānaṃ
๒๔๖. ‘‘กตเมหิ จตูหิ ฐาเนหิ ปาปกมฺมํ น กโรติ? ฉนฺทาคติํ คจฺฉโนฺต ปาปกมฺมํ กโรติ, โทสาคติํ คจฺฉโนฺต ปาปกมฺมํ กโรติ, โมหาคติํ คจฺฉโนฺต ปาปกมฺมํ กโรติ, ภยาคติํ คจฺฉโนฺต ปาปกมฺมํ กโรติฯ ยโต โข, คหปติปุตฺต, อริยสาวโก เนว ฉนฺทาคติํ คจฺฉติ, น โทสาคติํ คจฺฉติ, น โมหาคติํ คจฺฉติ, น ภยาคติํ คจฺฉติ; อิเมหิ จตูหิ ฐาเนหิ ปาปกมฺมํ น กโรตี’’ติฯ อิทมโวจ ภควา, อิทํ วตฺวาน สุคโต อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –
246. ‘‘Katamehi catūhi ṭhānehi pāpakammaṃ na karoti? Chandāgatiṃ gacchanto pāpakammaṃ karoti, dosāgatiṃ gacchanto pāpakammaṃ karoti, mohāgatiṃ gacchanto pāpakammaṃ karoti, bhayāgatiṃ gacchanto pāpakammaṃ karoti. Yato kho, gahapatiputta, ariyasāvako neva chandāgatiṃ gacchati, na dosāgatiṃ gacchati, na mohāgatiṃ gacchati, na bhayāgatiṃ gacchati; imehi catūhi ṭhānehi pāpakammaṃ na karotī’’ti. Idamavoca bhagavā, idaṃ vatvāna sugato athāparaṃ etadavoca satthā –
‘‘ฉนฺทา โทสา ภยา โมหา, โย ธมฺมํ อติวตฺตติ;
‘‘Chandā dosā bhayā mohā, yo dhammaṃ ativattati;
‘‘ฉนฺทา โทสา ภยา โมหา, โย ธมฺมํ นาติวตฺตติ;
‘‘Chandā dosā bhayā mohā, yo dhammaṃ nātivattati;
ฉ อปายมุขานิ
Cha apāyamukhāni
๒๔๗. ‘‘กตมานิ ฉ โภคานํ อปายมุขานิ น เสวติ? สุราเมรยมชฺชปฺปมาทฎฺฐานานุโยโค โข, คหปติปุตฺต, โภคานํ อปายมุขํ, วิกาลวิสิขาจริยานุโยโค โภคานํ อปายมุขํ, สมชฺชาภิจรณํ โภคานํ อปายมุขํ, ชูตปฺปมาทฎฺฐานานุโยโค โภคานํ อปายมุขํ, ปาปมิตฺตานุโยโค โภคานํ อปายมุขํ, อาลสฺยานุโยโค 21 โภคานํ อปายมุขํฯ
247. ‘‘Katamāni cha bhogānaṃ apāyamukhāni na sevati? Surāmerayamajjappamādaṭṭhānānuyogo kho, gahapatiputta, bhogānaṃ apāyamukhaṃ, vikālavisikhācariyānuyogo bhogānaṃ apāyamukhaṃ, samajjābhicaraṇaṃ bhogānaṃ apāyamukhaṃ, jūtappamādaṭṭhānānuyogo bhogānaṃ apāyamukhaṃ, pāpamittānuyogo bhogānaṃ apāyamukhaṃ, ālasyānuyogo 22 bhogānaṃ apāyamukhaṃ.
สุราเมรยสฺส ฉ อาทีนวา
Surāmerayassa cha ādīnavā
๒๔๘. ‘‘ฉ โขเม, คหปติปุตฺต, อาทีนวา สุราเมรยมชฺชปฺปมาทฎฺฐานานุโยเคฯ สนฺทิฎฺฐิกา ธนชานิ 23, กลหปฺปวฑฺฒนี, โรคานํ อายตนํ, อกิตฺติสญฺชนนี, โกปีนนิทํสนี , ปญฺญาย ทุพฺพลิกรณีเตฺวว ฉฎฺฐํ ปทํ ภวติฯ อิเม โข, คหปติปุตฺต, ฉ อาทีนวา สุราเมรยมชฺชปฺปมาทฎฺฐานานุโยเคฯ
248. ‘‘Cha khome, gahapatiputta, ādīnavā surāmerayamajjappamādaṭṭhānānuyoge. Sandiṭṭhikā dhanajāni 24, kalahappavaḍḍhanī, rogānaṃ āyatanaṃ, akittisañjananī, kopīnanidaṃsanī , paññāya dubbalikaraṇītveva chaṭṭhaṃ padaṃ bhavati. Ime kho, gahapatiputta, cha ādīnavā surāmerayamajjappamādaṭṭhānānuyoge.
วิกาลจริยาย ฉ อาทีนวา
Vikālacariyāya cha ādīnavā
๒๔๙. ‘‘ฉ โขเม, คหปติปุตฺต, อาทีนวา วิกาลวิสิขาจริยานุโยเคฯ อตฺตาปิสฺส อคุโตฺต อรกฺขิโต โหติ, ปุตฺตทาโรปิสฺส อคุโตฺต อรกฺขิโต โหติ, สาปเตยฺยํปิสฺส อคุตฺตํ อรกฺขิตํ โหติ, สงฺกิโย จ โหติ ปาปเกสุ ฐาเนสุ 25, อภูตวจนญฺจ ตสฺมิํ รูหติ, พหูนญฺจ ทุกฺขธมฺมานํ ปุรกฺขโต โหติฯ อิเม โข, คหปติปุตฺต, ฉ อาทีนวา วิกาลวิสิขาจริยานุโยเคฯ
249. ‘‘Cha khome, gahapatiputta, ādīnavā vikālavisikhācariyānuyoge. Attāpissa agutto arakkhito hoti, puttadāropissa agutto arakkhito hoti, sāpateyyaṃpissa aguttaṃ arakkhitaṃ hoti, saṅkiyo ca hoti pāpakesu ṭhānesu 26, abhūtavacanañca tasmiṃ rūhati, bahūnañca dukkhadhammānaṃ purakkhato hoti. Ime kho, gahapatiputta, cha ādīnavā vikālavisikhācariyānuyoge.
สมชฺชาภิจรณสฺส ฉ อาทีนวา
Samajjābhicaraṇassa cha ādīnavā
๒๕๐. ‘‘ฉ โขเม, คหปติปุตฺต, อาทีนวา สมชฺชาภิจรเณฯ กฺว 27 นจฺจํ, กฺว คีตํ, กฺว วาทิตํ, กฺว อกฺขานํ, กฺว ปาณิสฺสรํ, กฺว กุมฺภถุนนฺติฯ อิเม โข, คหปติปุตฺต, ฉ อาทีนวา สมชฺชาภิจรเณฯ
250. ‘‘Cha khome, gahapatiputta, ādīnavā samajjābhicaraṇe. Kva 28 naccaṃ, kva gītaṃ, kva vāditaṃ, kva akkhānaṃ, kva pāṇissaraṃ, kva kumbhathunanti. Ime kho, gahapatiputta, cha ādīnavā samajjābhicaraṇe.
ชูตปฺปมาทสฺส ฉ อาทีนวา
Jūtappamādassa cha ādīnavā
๒๕๑. ‘‘ฉ โขเม, คหปติปุตฺต, อาทีนวา ชูตปฺปมาทฎฺฐานานุโยเคฯ ชยํ เวรํ ปสวติ, ชิโน วิตฺตมนุโสจติ, สนฺทิฎฺฐิกา ธนชานิ, สภาคตสฺส 29 วจนํ น รูหติ, มิตฺตามจฺจานํ ปริภูโต โหติ, อาวาหวิวาหกานํ อปตฺถิโต โหติ – ‘อกฺขธุโตฺต อยํ ปุริสปุคฺคโล นาลํ ทารภรณายา’ติฯ อิเม โข, คหปติปุตฺต, ฉ อาทีนวา ชูตปฺปมาทฎฺฐานานุโยเคฯ
251. ‘‘Cha khome, gahapatiputta, ādīnavā jūtappamādaṭṭhānānuyoge. Jayaṃ veraṃ pasavati, jino vittamanusocati, sandiṭṭhikā dhanajāni, sabhāgatassa 30 vacanaṃ na rūhati, mittāmaccānaṃ paribhūto hoti, āvāhavivāhakānaṃ apatthito hoti – ‘akkhadhutto ayaṃ purisapuggalo nālaṃ dārabharaṇāyā’ti. Ime kho, gahapatiputta, cha ādīnavā jūtappamādaṭṭhānānuyoge.
ปาปมิตฺตตาย ฉ อาทีนวา
Pāpamittatāya cha ādīnavā
๒๕๒. ‘‘ฉ โขเม, คหปติปุตฺต, อาทีนวา ปาปมิตฺตานุโยเคฯ เย ธุตฺตา, เย โสณฺฑา, เย ปิปาสา, เย เนกติกา, เย วญฺจนิกา, เย สาหสิกาฯ ตฺยาสฺส มิตฺตา โหนฺติ เต สหายาฯ อิเม โข, คหปติปุตฺต, ฉ อาทีนวา ปาปมิตฺตานุโยเคฯ
252. ‘‘Cha khome, gahapatiputta, ādīnavā pāpamittānuyoge. Ye dhuttā, ye soṇḍā, ye pipāsā, ye nekatikā, ye vañcanikā, ye sāhasikā. Tyāssa mittā honti te sahāyā. Ime kho, gahapatiputta, cha ādīnavā pāpamittānuyoge.
อาลสฺยสฺส ฉ อาทีนวา
Ālasyassa cha ādīnavā
๒๕๓. ‘‘ฉ โขเม, คหปติปุตฺต, อาทีนวา อาลสฺยานุโยเคฯ อติสีตนฺติ กมฺมํ น กโรติ, อติอุณฺหนฺติ กมฺมํ น กโรติ, อติสายนฺติ กมฺมํ น กโรติ, อติปาโตติ กมฺมํ น กโรติ, อติฉาโตสฺมีติ กมฺมํ น กโรติ, อติธาโตสฺมีติ กมฺมํ น กโรติฯ ตสฺส เอวํ กิจฺจาปเทสพหุลสฺส วิหรโต อนุปฺปนฺนา เจว โภคา นุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา จ โภคา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติฯ อิเม โข, คหปติปุตฺต, ฉ อาทีนวา อาลสฺยานุโยเค’’ติฯ อิทมโวจ ภควา, อิทํ วตฺวาน สุคโต อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –
253. ‘‘Cha khome, gahapatiputta, ādīnavā ālasyānuyoge. Atisītanti kammaṃ na karoti, atiuṇhanti kammaṃ na karoti, atisāyanti kammaṃ na karoti, atipātoti kammaṃ na karoti, atichātosmīti kammaṃ na karoti, atidhātosmīti kammaṃ na karoti. Tassa evaṃ kiccāpadesabahulassa viharato anuppannā ceva bhogā nuppajjanti, uppannā ca bhogā parikkhayaṃ gacchanti. Ime kho, gahapatiputta, cha ādīnavā ālasyānuyoge’’ti. Idamavoca bhagavā, idaṃ vatvāna sugato athāparaṃ etadavoca satthā –
‘‘โหติ ปานสขา นาม,
‘‘Hoti pānasakhā nāma,
โหติ สมฺมิยสมฺมิโย;
Hoti sammiyasammiyo;
โย จ อเตฺถสุ ชาเตสุ,
Yo ca atthesu jātesu,
สหาโย โหติ โส สขาฯ
Sahāyo hoti so sakhā.
‘‘อุสฺสูรเสยฺยา ปรทารเสวนา,
‘‘Ussūraseyyā paradārasevanā,
ปาปา จ มิตฺตา สุกทริยตา จ,
Pāpā ca mittā sukadariyatā ca,
เอเต ฉ ฐานา ปุริสํ ธํสยนฺติฯ
Ete cha ṭhānā purisaṃ dhaṃsayanti.
‘‘ปาปมิโตฺต ปาปสโข,
‘‘Pāpamitto pāpasakho,
ปาปอาจารโคจโร;
Pāpaācāragocaro;
อสฺมา โลกา ปรมฺหา จ,
Asmā lokā paramhā ca,
อุภยา ธํสเต นโรฯ
Ubhayā dhaṃsate naro.
‘‘อกฺขิตฺถิโย วารุณี นจฺจคีตํ,
‘‘Akkhitthiyo vāruṇī naccagītaṃ,
ทิวา โสปฺปํ ปาริจริยา อกาเล;
Divā soppaṃ pāricariyā akāle;
ปาปา จ มิตฺตา สุกทริยตา จ,
Pāpā ca mittā sukadariyatā ca,
เอเต ฉ ฐานา ปุริสํ ธํสยนฺติฯ
Ete cha ṭhānā purisaṃ dhaṃsayanti.
‘‘อเกฺขหิ ทิพฺพนฺติ สุรํ ปิวนฺติ,
‘‘Akkhehi dibbanti suraṃ pivanti,
ยนฺติตฺถิโย ปาณสมา ปเรสํ;
Yantitthiyo pāṇasamā paresaṃ;
นิหียเต กาฬปเกฺขว จโนฺทฯ
Nihīyate kāḷapakkheva cando.
‘‘โย วารุณี อทฺธโน อกิญฺจโน,
‘‘Yo vāruṇī addhano akiñcano,
อุทกมิว อิณํ วิคาหติ,
Udakamiva iṇaṃ vigāhati,
นิจฺจํ มเตฺตน โสเณฺฑน, สกฺกา อาวสิตุํ ฆรํฯ
Niccaṃ mattena soṇḍena, sakkā āvasituṃ gharaṃ.
‘‘อติสีตํ อติอุณฺหํ, อติสายมิทํ อหุ;
‘‘Atisītaṃ atiuṇhaṃ, atisāyamidaṃ ahu;
อิติ วิสฺสฎฺฐกมฺมเนฺต, อตฺถา อเจฺจนฺติ มาณเวฯ
Iti vissaṭṭhakammante, atthā accenti māṇave.
‘‘โยธ สีตญฺจ อุณฺหญฺจ, ติณา ภิโยฺย น มญฺญติ;
‘‘Yodha sītañca uṇhañca, tiṇā bhiyyo na maññati;
มิตฺตปติรูปกา
Mittapatirūpakā
๒๕๔. ‘‘จตฺตาโรเม, คหปติปุตฺต, อมิตฺตา มิตฺตปติรูปกา เวทิตพฺพาฯ อญฺญทตฺถุหโร อมิโตฺต มิตฺตปติรูปโก เวทิตโพฺพ, วจีปรโม อมิโตฺต มิตฺตปติรูปโก เวทิตโพฺพ, อนุปฺปิยภาณี อมิโตฺต มิตฺตปติรูปโก เวทิตโพฺพ, อปายสหาโย อมิโตฺต มิตฺตปติรูปโก เวทิตโพฺพฯ
254. ‘‘Cattārome, gahapatiputta, amittā mittapatirūpakā veditabbā. Aññadatthuharo amitto mittapatirūpako veditabbo, vacīparamo amitto mittapatirūpako veditabbo, anuppiyabhāṇī amitto mittapatirūpako veditabbo, apāyasahāyo amitto mittapatirūpako veditabbo.
๒๕๕. ‘‘จตูหิ โข, คหปติปุตฺต, ฐาเนหิ อญฺญทตฺถุหโร อมิโตฺต มิตฺตปติรูปโก เวทิตโพฺพฯ
255. ‘‘Catūhi kho, gahapatiputta, ṭhānehi aññadatthuharo amitto mittapatirūpako veditabbo.
‘‘อญฺญทตฺถุหโร โหติ, อเปฺปน พหุมิจฺฉติ ;
‘‘Aññadatthuharo hoti, appena bahumicchati ;
ภยสฺส กิจฺจํ กโรติ, เสวติ อตฺถการณาฯ
Bhayassa kiccaṃ karoti, sevati atthakāraṇā.
‘‘อิเมหิ โข, คหปติปุตฺต, จตูหิ ฐาเนหิ อญฺญทตฺถุหโร อมิโตฺต มิตฺตปติรูปโก เวทิตโพฺพฯ
‘‘Imehi kho, gahapatiputta, catūhi ṭhānehi aññadatthuharo amitto mittapatirūpako veditabbo.
๒๕๖. ‘‘จตูหิ โข, คหปติปุตฺต, ฐาเนหิ วจีปรโม อมิโตฺต มิตฺตปติรูปโก เวทิตโพฺพฯ อตีเตน ปฎิสนฺถรติ 43, อนาคเตน ปฎิสนฺถรติ, นิรตฺถเกน สงฺคณฺหาติ, ปจฺจุปฺปเนฺนสุ กิเจฺจสุ พฺยสนํ ทเสฺสติฯ อิเมหิ โข, คหปติปุตฺต, จตูหิ ฐาเนหิ วจีปรโม อมิโตฺต มิตฺตปติรูปโก เวทิตโพฺพฯ
256. ‘‘Catūhi kho, gahapatiputta, ṭhānehi vacīparamo amitto mittapatirūpako veditabbo. Atītena paṭisantharati 44, anāgatena paṭisantharati, niratthakena saṅgaṇhāti, paccuppannesu kiccesu byasanaṃ dasseti. Imehi kho, gahapatiputta, catūhi ṭhānehi vacīparamo amitto mittapatirūpako veditabbo.
๒๕๗. ‘‘จตูหิ โข, คหปติปุตฺต, ฐาเนหิ อนุปฺปิยภาณี อมิโตฺต มิตฺตปติรูปโก เวทิตโพฺพฯ ปาปกํปิสฺส 45 อนุชานาติ, กลฺยาณํปิสฺส อนุชานาติ, สมฺมุขาสฺส วณฺณํ ภาสติ, ปรมฺมุขาสฺส อวณฺณํ ภาสติฯ อิเมหิ โข, คหปติปุตฺต, จตูหิ ฐาเนหิ อนุปฺปิยภาณี อมิโตฺต มิตฺตปติรูปโก เวทิตโพฺพฯ
257. ‘‘Catūhi kho, gahapatiputta, ṭhānehi anuppiyabhāṇī amitto mittapatirūpako veditabbo. Pāpakaṃpissa 46 anujānāti, kalyāṇaṃpissa anujānāti, sammukhāssa vaṇṇaṃ bhāsati, parammukhāssa avaṇṇaṃ bhāsati. Imehi kho, gahapatiputta, catūhi ṭhānehi anuppiyabhāṇī amitto mittapatirūpako veditabbo.
๒๕๘. ‘‘จตูหิ โข, คหปติปุตฺต, ฐาเนหิ อปายสหาโย อมิโตฺต มิตฺตปติรูปโก เวทิตโพฺพ ฯ สุราเมรย มชฺชปฺปมาทฎฺฐานานุโยเค สหาโย โหติ, วิกาล วิสิขา จริยานุโยเค สหาโย โหติ, สมชฺชาภิจรเณ สหาโย โหติ, ชูตปฺปมาทฎฺฐานานุโยเค สหาโย โหติฯ อิเมหิ โข, คหปติปุตฺต, จตูหิ ฐาเนหิ อปายสหาโย อมิโตฺต มิตฺตปติรูปโก เวทิตโพฺพ’’ติฯ
258. ‘‘Catūhi kho, gahapatiputta, ṭhānehi apāyasahāyo amitto mittapatirūpako veditabbo . Surāmeraya majjappamādaṭṭhānānuyoge sahāyo hoti, vikāla visikhā cariyānuyoge sahāyo hoti, samajjābhicaraṇe sahāyo hoti, jūtappamādaṭṭhānānuyoge sahāyo hoti. Imehi kho, gahapatiputta, catūhi ṭhānehi apāyasahāyo amitto mittapatirūpako veditabbo’’ti.
๒๕๙. อิทมโวจ ภควา, อิทํ วตฺวาน สุคโต อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –
259. Idamavoca bhagavā, idaṃ vatvāna sugato athāparaṃ etadavoca satthā –
อนุปฺปิยญฺจ โย อาห, อปาเยสุ จ โย สขาฯ
Anuppiyañca yo āha, apāyesu ca yo sakhā.
เอเต อมิเตฺต จตฺตาโร, อิติ วิญฺญาย ปณฺฑิโต;
Ete amitte cattāro, iti viññāya paṇḍito;
อารกา ปริวเชฺชยฺย, มคฺคํ ปฎิภยํ ยถา’’ติฯ
Ārakā parivajjeyya, maggaṃ paṭibhayaṃ yathā’’ti.
สุหทมิโตฺต
Suhadamitto
๒๖๐. ‘‘จตฺตาโรเม , คหปติปุตฺต, มิตฺตา สุหทา เวทิตพฺพาฯ อุปกาโร 49 มิโตฺต สุหโท เวทิตโพฺพ, สมานสุขทุโกฺข มิโตฺต สุหโท เวทิตโพฺพ, อตฺถกฺขายี มิโตฺต สุหโท เวทิตโพฺพ, อนุกมฺปโก มิโตฺต สุหโท เวทิตโพฺพฯ
260. ‘‘Cattārome , gahapatiputta, mittā suhadā veditabbā. Upakāro 50 mitto suhado veditabbo, samānasukhadukkho mitto suhado veditabbo, atthakkhāyī mitto suhado veditabbo, anukampako mitto suhado veditabbo.
๒๖๑. ‘‘จตูหิ โข, คหปติปุตฺต, ฐาเนหิ อุปกาโร มิโตฺต สุหโท เวทิตโพฺพฯ ปมตฺตํ รกฺขติ, ปมตฺตสฺส สาปเตยฺยํ รกฺขติ, ภีตสฺส สรณํ โหติ, อุปฺปเนฺนสุ กิจฺจกรณีเยสุ ตทฺทิคุณํ โภคํ อนุปฺปเทติฯ อิเมหิ โข, คหปติปุตฺต, จตูหิ ฐาเนหิ อุปกาโร มิโตฺต สุหโท เวทิตโพฺพฯ
261. ‘‘Catūhi kho, gahapatiputta, ṭhānehi upakāro mitto suhado veditabbo. Pamattaṃ rakkhati, pamattassa sāpateyyaṃ rakkhati, bhītassa saraṇaṃ hoti, uppannesu kiccakaraṇīyesu taddiguṇaṃ bhogaṃ anuppadeti. Imehi kho, gahapatiputta, catūhi ṭhānehi upakāro mitto suhado veditabbo.
๒๖๒. ‘‘จตูหิ โข, คหปติปุตฺต, ฐาเนหิ สมานสุขทุโกฺข มิโตฺต สุหโท เวทิตโพฺพฯ คุยฺหมสฺส อาจิกฺขติ, คุยฺหมสฺส ปริคูหติ, อาปทาสุ น วิชหติ, ชีวิตํปิสฺส อตฺถาย ปริจฺจตฺตํ โหติฯ อิเมหิ โข, คหปติปุตฺต, จตูหิ ฐาเนหิ สมานสุขทุโกฺข มิโตฺต สุหโท เวทิตโพฺพฯ
262. ‘‘Catūhi kho, gahapatiputta, ṭhānehi samānasukhadukkho mitto suhado veditabbo. Guyhamassa ācikkhati, guyhamassa parigūhati, āpadāsu na vijahati, jīvitaṃpissa atthāya pariccattaṃ hoti. Imehi kho, gahapatiputta, catūhi ṭhānehi samānasukhadukkho mitto suhado veditabbo.
๒๖๓. ‘‘จตูหิ โข, คหปติปุตฺต, ฐาเนหิ อตฺถกฺขายี มิโตฺต สุหโท เวทิตโพฺพฯ ปาปา นิวาเรติ, กลฺยาเณ นิเวเสติ, อสฺสุตํ สาเวติ, สคฺคสฺส มคฺคํ อาจิกฺขติฯ อิเมหิ โข, คหปติปุตฺต, จตูหิ ฐาเนหิ อตฺถกฺขายี มิโตฺต สุหโท เวทิตโพฺพฯ
263. ‘‘Catūhi kho, gahapatiputta, ṭhānehi atthakkhāyī mitto suhado veditabbo. Pāpā nivāreti, kalyāṇe niveseti, assutaṃ sāveti, saggassa maggaṃ ācikkhati. Imehi kho, gahapatiputta, catūhi ṭhānehi atthakkhāyī mitto suhado veditabbo.
๒๖๔. ‘‘จตูหิ โข, คหปติปุตฺต, ฐาเนหิ อนุกมฺปโก มิโตฺต สุหโท เวทิตโพฺพฯ อภเวนสฺส น นนฺทติ, ภเวนสฺส นนฺทติ, อวณฺณํ ภณมานํ นิวาเรติ, วณฺณํ ภณมานํ ปสํสติฯ อิเมหิ โข, คหปติปุตฺต, จตูหิ ฐาเนหิ อนุกมฺปโก มิโตฺต สุหโท เวทิตโพฺพ’’ติฯ
264. ‘‘Catūhi kho, gahapatiputta, ṭhānehi anukampako mitto suhado veditabbo. Abhavenassa na nandati, bhavenassa nandati, avaṇṇaṃ bhaṇamānaṃ nivāreti, vaṇṇaṃ bhaṇamānaṃ pasaṃsati. Imehi kho, gahapatiputta, catūhi ṭhānehi anukampako mitto suhado veditabbo’’ti.
๒๖๕. อิทมโวจ ภควา, อิทํ วตฺวาน สุคโต อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –
265. Idamavoca bhagavā, idaṃ vatvāna sugato athāparaṃ etadavoca satthā –
อตฺถกฺขายี จ โย มิโตฺต, โย จ มิตฺตานุกมฺปโกฯ
Atthakkhāyī ca yo mitto, yo ca mittānukampako.
‘‘เอเตปิ มิเตฺต จตฺตาโร, อิติ วิญฺญาย ปณฺฑิโต;
‘‘Etepi mitte cattāro, iti viññāya paṇḍito;
สกฺกจฺจํ ปยิรุปาเสยฺย, มาตา ปุตฺตํ ว โอรสํ;
Sakkaccaṃ payirupāseyya, mātā puttaṃ va orasaṃ;
ปณฺฑิโต สีลสมฺปโนฺน, ชลํ อคฺคีว ภาสติฯ
Paṇḍito sīlasampanno, jalaṃ aggīva bhāsati.
‘‘โภเค สํหรมานสฺส, ภมรเสฺสว อิรียโต;
‘‘Bhoge saṃharamānassa, bhamarasseva irīyato;
โภคา สนฺนิจยํ ยนฺติ, วมฺมิโกวุปจียติฯ
Bhogā sannicayaṃ yanti, vammikovupacīyati.
จตุธา วิภเช โภเค, ส เว มิตฺตานิ คนฺถติฯ
Catudhā vibhaje bhoge, sa ve mittāni ganthati.
‘‘เอเกน โภเค ภุเญฺชยฺย, ทฺวีหิ กมฺมํ ปโยชเย;
‘‘Ekena bhoge bhuñjeyya, dvīhi kammaṃ payojaye;
จตุตฺถญฺจ นิธาเปยฺย, อาปทาสุ ภวิสฺสตี’’ติฯ
Catutthañca nidhāpeyya, āpadāsu bhavissatī’’ti.
ฉทฺทิสาปฎิจฺฉาทนกณฺฑํ
Chaddisāpaṭicchādanakaṇḍaṃ
๒๖๖. ‘‘กถญฺจ, คหปติปุตฺต, อริยสาวโก ฉทฺทิสาปฎิจฺฉาที โหติ? ฉ อิมา, คหปติปุตฺต, ทิสา เวทิตพฺพาฯ ปุรตฺถิมา ทิสา มาตาปิตโร เวทิตพฺพา, ทกฺขิณา ทิสา อาจริยา เวทิตพฺพา, ปจฺฉิมา ทิสา ปุตฺตทารา เวทิตพฺพา, อุตฺตรา ทิสา มิตฺตามจฺจา เวทิตพฺพา, เหฎฺฐิมา ทิสา ทาสกมฺมกรา เวทิตพฺพา, อุปริมา ทิสา สมณพฺราหฺมณา เวทิตพฺพาฯ
266. ‘‘Kathañca, gahapatiputta, ariyasāvako chaddisāpaṭicchādī hoti? Cha imā, gahapatiputta, disā veditabbā. Puratthimā disā mātāpitaro veditabbā, dakkhiṇā disā ācariyā veditabbā, pacchimā disā puttadārā veditabbā, uttarā disā mittāmaccā veditabbā, heṭṭhimā disā dāsakammakarā veditabbā, uparimā disā samaṇabrāhmaṇā veditabbā.
๒๖๗. ‘‘ปญฺจหิ โข, คหปติปุตฺต, ฐาเนหิ ปุเตฺตน ปุรตฺถิมา ทิสา มาตาปิตโร ปจฺจุปฎฺฐาตพฺพา – ภโต เน 57 ภริสฺสามิ, กิจฺจํ เนสํ กริสฺสามิ, กุลวํสํ ฐเปสฺสามิ, ทายชฺชํ ปฎิปชฺชามิ, อถ วา ปน เปตานํ กาลงฺกตานํ ทกฺขิณํ อนุปฺปทสฺสามีติฯ อิเมหิ โข, คหปติปุตฺต, ปญฺจหิ ฐาเนหิ ปุเตฺตน ปุรตฺถิมา ทิสา มาตาปิตโร ปจฺจุปฎฺฐิตา ปญฺจหิ ฐาเนหิ ปุตฺตํ อนุกมฺปนฺติฯ ปาปา นิวาเรนฺติ, กลฺยาเณ นิเวเสนฺติ, สิปฺปํ สิกฺขาเปนฺติ, ปติรูเปน ทาเรน สํโยเชนฺติ, สมเย ทายชฺชํ นิยฺยาเทนฺติ 58ฯ อิเมหิ โข, คหปติปุตฺต, ปญฺจหิ ฐาเนหิ ปุเตฺตน ปุรตฺถิมา ทิสา มาตาปิตโร ปจฺจุปฎฺฐิตา อิเมหิ ปญฺจหิ ฐาเนหิ ปุตฺตํ อนุกมฺปนฺติฯ เอวมสฺส เอสา ปุรตฺถิมา ทิสา ปฎิจฺฉนฺนา โหติ เขมา อปฺปฎิภยาฯ
267. ‘‘Pañcahi kho, gahapatiputta, ṭhānehi puttena puratthimā disā mātāpitaro paccupaṭṭhātabbā – bhato ne 59 bharissāmi, kiccaṃ nesaṃ karissāmi, kulavaṃsaṃ ṭhapessāmi, dāyajjaṃ paṭipajjāmi, atha vā pana petānaṃ kālaṅkatānaṃ dakkhiṇaṃ anuppadassāmīti. Imehi kho, gahapatiputta, pañcahi ṭhānehi puttena puratthimā disā mātāpitaro paccupaṭṭhitā pañcahi ṭhānehi puttaṃ anukampanti. Pāpā nivārenti, kalyāṇe nivesenti, sippaṃ sikkhāpenti, patirūpena dārena saṃyojenti, samaye dāyajjaṃ niyyādenti 60. Imehi kho, gahapatiputta, pañcahi ṭhānehi puttena puratthimā disā mātāpitaro paccupaṭṭhitā imehi pañcahi ṭhānehi puttaṃ anukampanti. Evamassa esā puratthimā disā paṭicchannā hoti khemā appaṭibhayā.
๒๖๘. ‘‘ปญฺจหิ โข, คหปติปุตฺต, ฐาเนหิ อเนฺตวาสินา ทกฺขิณา ทิสา อาจริยา ปจฺจุปฎฺฐาตพฺพา – อุฎฺฐาเนน อุปฎฺฐาเนน สุสฺสุสาย ปาริจริยาย สกฺกจฺจํ สิปฺปปฎิคฺคหเณน 61ฯ อิเมหิ โข, คหปติปุตฺต, ปญฺจหิ ฐาเนหิ อเนฺตวาสินา ทกฺขิณา ทิสา อาจริยา ปจฺจุปฎฺฐิตา ปญฺจหิ ฐาเนหิ อเนฺตวาสิํ อนุกมฺปนฺติ – สุวินีตํ วิเนนฺติ, สุคฺคหิตํ คาหาเปนฺติ, สพฺพสิปฺปสฺสุตํ สมกฺขายิโน ภวนฺติ, มิตฺตามเจฺจสุ ปฎิยาเทนฺติ 62, ทิสาสุ ปริตฺตาณํ กโรนฺติฯ อิเมหิ โข, คหปติปุตฺต, ปญฺจหิ ฐาเนหิ อเนฺตวาสินา ทกฺขิณา ทิสา อาจริยา ปจฺจุปฎฺฐิตา อิเมหิ ปญฺจหิ ฐาเนหิ อเนฺตวาสิํ อนุกมฺปนฺติฯ เอวมสฺส เอสา ทกฺขิณา ทิสา ปฎิจฺฉนฺนา โหติ เขมา อปฺปฎิภยาฯ
268. ‘‘Pañcahi kho, gahapatiputta, ṭhānehi antevāsinā dakkhiṇā disā ācariyā paccupaṭṭhātabbā – uṭṭhānena upaṭṭhānena sussusāya pāricariyāya sakkaccaṃ sippapaṭiggahaṇena 63. Imehi kho, gahapatiputta, pañcahi ṭhānehi antevāsinā dakkhiṇā disā ācariyā paccupaṭṭhitā pañcahi ṭhānehi antevāsiṃ anukampanti – suvinītaṃ vinenti, suggahitaṃ gāhāpenti, sabbasippassutaṃ samakkhāyino bhavanti, mittāmaccesu paṭiyādenti 64, disāsu parittāṇaṃ karonti. Imehi kho, gahapatiputta, pañcahi ṭhānehi antevāsinā dakkhiṇā disā ācariyā paccupaṭṭhitā imehi pañcahi ṭhānehi antevāsiṃ anukampanti. Evamassa esā dakkhiṇā disā paṭicchannā hoti khemā appaṭibhayā.
๒๖๙. ‘‘ปญฺจหิ โข, คหปติปุตฺต, ฐาเนหิ สามิเกน ปจฺฉิมา ทิสา ภริยา ปจฺจุปฎฺฐาตพฺพา – สมฺมานนาย อนวมานนาย 65 อนติจริยาย อิสฺสริยโวสฺสเคฺคน อลงฺการานุปฺปทาเนนฯ อิเมหิ โข, คหปติปุตฺต, ปญฺจหิ ฐาเนหิ สามิเกน ปจฺฉิมา ทิสา ภริยา ปจฺจุปฎฺฐิตา ปญฺจหิ ฐาเนหิ สามิกํ อนุกมฺปติ – สุสํวิหิตกมฺมนฺตา จ โหติ, สงฺคหิตปริชนา 66 จ, อนติจารินี จ, สมฺภตญฺจ อนุรกฺขติ, ทกฺขา จ โหติ อนลสา สพฺพกิเจฺจสุฯ อิเมหิ โข, คหปติปุตฺต, ปญฺจหิ ฐาเนหิ สามิเกน ปจฺฉิมา ทิสา ภริยา ปจฺจุปฎฺฐิตา อิเมหิ ปญฺจหิ ฐาเนหิ สามิกํ อนุกมฺปติฯ เอวมสฺส เอสา ปจฺฉิมา ทิสา ปฎิจฺฉนฺนา โหติ เขมา อปฺปฎิภยาฯ
269. ‘‘Pañcahi kho, gahapatiputta, ṭhānehi sāmikena pacchimā disā bhariyā paccupaṭṭhātabbā – sammānanāya anavamānanāya 67 anaticariyāya issariyavossaggena alaṅkārānuppadānena. Imehi kho, gahapatiputta, pañcahi ṭhānehi sāmikena pacchimā disā bhariyā paccupaṭṭhitā pañcahi ṭhānehi sāmikaṃ anukampati – susaṃvihitakammantā ca hoti, saṅgahitaparijanā 68 ca, anaticārinī ca, sambhatañca anurakkhati, dakkhā ca hoti analasā sabbakiccesu. Imehi kho, gahapatiputta, pañcahi ṭhānehi sāmikena pacchimā disā bhariyā paccupaṭṭhitā imehi pañcahi ṭhānehi sāmikaṃ anukampati. Evamassa esā pacchimā disā paṭicchannā hoti khemā appaṭibhayā.
๒๗๐. ‘‘ปญฺจหิ โข, คหปติปุตฺต, ฐาเนหิ กุลปุเตฺตน อุตฺตรา ทิสา มิตฺตามจฺจา ปจฺจุปฎฺฐาตพฺพา – ทาเนน เปยฺยวเชฺชน 69 อตฺถจริยาย สมานตฺตตาย อวิสํวาทนตายฯ อิเมหิ โข, คหปติปุตฺต, ปญฺจหิ ฐาเนหิ กุลปุเตฺตน อุตฺตรา ทิสา มิตฺตามจฺจา ปจฺจุปฎฺฐิตา ปญฺจหิ ฐาเนหิ กุลปุตฺตํ อนุกมฺปนฺติ – ปมตฺตํ รกฺขนฺติ, ปมตฺตสฺส สาปเตยฺยํ รกฺขนฺติ, ภีตสฺส สรณํ โหนฺติ, อาปทาสุ น วิชหนฺติ, อปรปชา จสฺส ปฎิปูเชนฺติฯ อิเมหิ โข, คหปติปุตฺต, ปญฺจหิ ฐาเนหิ กุลปุเตฺตน อุตฺตรา ทิสา มิตฺตามจฺจา ปจฺจุปฎฺฐิตา อิเมหิ ปญฺจหิ ฐาเนหิ กุลปุตฺตํ อนุกมฺปนฺติฯ เอวมสฺส เอสา อุตฺตรา ทิสา ปฎิจฺฉนฺนา โหติ เขมา อปฺปฎิภยาฯ
270. ‘‘Pañcahi kho, gahapatiputta, ṭhānehi kulaputtena uttarā disā mittāmaccā paccupaṭṭhātabbā – dānena peyyavajjena 70 atthacariyāya samānattatāya avisaṃvādanatāya. Imehi kho, gahapatiputta, pañcahi ṭhānehi kulaputtena uttarā disā mittāmaccā paccupaṭṭhitā pañcahi ṭhānehi kulaputtaṃ anukampanti – pamattaṃ rakkhanti, pamattassa sāpateyyaṃ rakkhanti, bhītassa saraṇaṃ honti, āpadāsu na vijahanti, aparapajā cassa paṭipūjenti. Imehi kho, gahapatiputta, pañcahi ṭhānehi kulaputtena uttarā disā mittāmaccā paccupaṭṭhitā imehi pañcahi ṭhānehi kulaputtaṃ anukampanti. Evamassa esā uttarā disā paṭicchannā hoti khemā appaṭibhayā.
๒๗๑. ‘‘ปญฺจหิ โข, คหปติปุตฺต, ฐาเนหิ อยฺยิรเกน 71 เหฎฺฐิมา ทิสา ทาสกมฺมกรา ปจฺจุปฎฺฐาตพฺพา – ยถาพลํ กมฺมนฺตสํวิธาเนน ภตฺตเวตนานุปฺปทาเนน คิลานุปฎฺฐาเนน อจฺฉริยานํ รสานํ สํวิภาเคน สมเย โวสฺสเคฺคนฯ อิเมหิ โข, คหปติปุตฺต, ปญฺจหิ ฐาเนหิ อยฺยิรเกน เหฎฺฐิมา ทิสา ทาสกมฺมกรา ปจฺจุปฎฺฐิตา ปญฺจหิ ฐาเนหิ อยฺยิรกํ อนุกมฺปนฺติ – ปุพฺพุฎฺฐายิโน จ โหนฺติ, ปจฺฉา นิปาติโน จ, ทินฺนาทายิโน จ, สุกตกมฺมกรา จ, กิตฺติวณฺณหรา จฯ อิเมหิ โข, คหปติปุตฺต, ปญฺจหิ ฐาเนหิ อยฺยิรเกน เหฎฺฐิมา ทิสา ทาสกมฺมกรา ปจฺจุปฎฺฐิตา อิเมหิ ปญฺจหิ ฐาเนหิ อยฺยิรกํ อนุกมฺปนฺติฯ เอวมสฺส เอสา เหฎฺฐิมา ทิสา ปฎิจฺฉนฺนา โหติ เขมา อปฺปฎิภยาฯ
271. ‘‘Pañcahi kho, gahapatiputta, ṭhānehi ayyirakena 72 heṭṭhimā disā dāsakammakarā paccupaṭṭhātabbā – yathābalaṃ kammantasaṃvidhānena bhattavetanānuppadānena gilānupaṭṭhānena acchariyānaṃ rasānaṃ saṃvibhāgena samaye vossaggena. Imehi kho, gahapatiputta, pañcahi ṭhānehi ayyirakena heṭṭhimā disā dāsakammakarā paccupaṭṭhitā pañcahi ṭhānehi ayyirakaṃ anukampanti – pubbuṭṭhāyino ca honti, pacchā nipātino ca, dinnādāyino ca, sukatakammakarā ca, kittivaṇṇaharā ca. Imehi kho, gahapatiputta, pañcahi ṭhānehi ayyirakena heṭṭhimā disā dāsakammakarā paccupaṭṭhitā imehi pañcahi ṭhānehi ayyirakaṃ anukampanti. Evamassa esā heṭṭhimā disā paṭicchannā hoti khemā appaṭibhayā.
๒๗๒. ‘‘ปญฺจหิ โข, คหปติปุตฺต, ฐาเนหิ กุลปุเตฺตน อุปริมา ทิสา สมณพฺราหฺมณา ปจฺจุปฎฺฐาตพฺพา – เมเตฺตน กายกเมฺมน เมเตฺตน วจีกเมฺมน เมเตฺตน มโนกเมฺมน อนาวฎทฺวารตาย อามิสานุปฺปทาเนนฯ อิเมหิ โข, คหปติปุตฺต, ปญฺจหิ ฐาเนหิ กุลปุเตฺตน อุปริมา ทิสา สมณพฺราหฺมณา ปจฺจุปฎฺฐิตา ฉหิ ฐาเนหิ กุลปุตฺตํ อนุกมฺปนฺติ – ปาปา นิวาเรนฺติ, กลฺยาเณ นิเวเสนฺติ, กลฺยาเณน มนสา อนุกมฺปนฺติ, อสฺสุตํ สาเวนฺติ, สุตํ ปริโยทาเปนฺติ, สคฺคสฺส มคฺคํ อาจิกฺขนฺติฯ อิเมหิ โข, คหปติปุตฺต, ปญฺจหิ ฐาเนหิ กุลปุเตฺตน อุปริมา ทิสา สมณพฺราหฺมณา ปจฺจุปฎฺฐิตา อิเมหิ ฉหิ ฐาเนหิ กุลปุตฺตํ อนุกมฺปนฺติฯ เอวมสฺส เอสา อุปริมา ทิสา ปฎิจฺฉนฺนา โหติ เขมา อปฺปฎิภยา’’ติฯ
272. ‘‘Pañcahi kho, gahapatiputta, ṭhānehi kulaputtena uparimā disā samaṇabrāhmaṇā paccupaṭṭhātabbā – mettena kāyakammena mettena vacīkammena mettena manokammena anāvaṭadvāratāya āmisānuppadānena. Imehi kho, gahapatiputta, pañcahi ṭhānehi kulaputtena uparimā disā samaṇabrāhmaṇā paccupaṭṭhitā chahi ṭhānehi kulaputtaṃ anukampanti – pāpā nivārenti, kalyāṇe nivesenti, kalyāṇena manasā anukampanti, assutaṃ sāventi, sutaṃ pariyodāpenti, saggassa maggaṃ ācikkhanti. Imehi kho, gahapatiputta, pañcahi ṭhānehi kulaputtena uparimā disā samaṇabrāhmaṇā paccupaṭṭhitā imehi chahi ṭhānehi kulaputtaṃ anukampanti. Evamassa esā uparimā disā paṭicchannā hoti khemā appaṭibhayā’’ti.
๒๗๓. อิทมโวจ ภควาฯ อิทํ วตฺวาน สุคโต อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –
273. Idamavoca bhagavā. Idaṃ vatvāna sugato athāparaṃ etadavoca satthā –
‘‘มาตาปิตา ทิสา ปุพฺพา, อาจริยา ทกฺขิณา ทิสา;
‘‘Mātāpitā disā pubbā, ācariyā dakkhiṇā disā;
ปุตฺตทารา ทิสา ปจฺฉา, มิตฺตามจฺจา จ อุตฺตราฯ
Puttadārā disā pacchā, mittāmaccā ca uttarā.
‘‘ทาสกมฺมกรา เหฎฺฐา, อุทฺธํ สมณพฺราหฺมณา;
‘‘Dāsakammakarā heṭṭhā, uddhaṃ samaṇabrāhmaṇā;
เอตา ทิสา นมเสฺสยฺย, อลมโตฺต กุเล คิหีฯ
Etā disā namasseyya, alamatto kule gihī.
‘‘ปณฺฑิโต สีลสมฺปโนฺน, สโณฺห จ ปฎิภานวา;
‘‘Paṇḍito sīlasampanno, saṇho ca paṭibhānavā;
นิวาตวุตฺติ อตฺถโทฺธ, ตาทิโส ลภเต ยสํฯ
Nivātavutti atthaddho, tādiso labhate yasaṃ.
‘‘อุฎฺฐานโก อนลโส, อาปทาสุ น เวธติ;
‘‘Uṭṭhānako analaso, āpadāsu na vedhati;
อจฺฉินฺนวุตฺติ เมธาวี, ตาทิโส ลภเต ยสํฯ
Acchinnavutti medhāvī, tādiso labhate yasaṃ.
‘‘สงฺคาหโก มิตฺตกโร, วทญฺญู วีตมจฺฉโร;
‘‘Saṅgāhako mittakaro, vadaññū vītamaccharo;
เนตา วิเนตา อนุเนตา, ตาทิโส ลภเต ยสํฯ
Netā vinetā anunetā, tādiso labhate yasaṃ.
‘‘ทานญฺจ เปยฺยวชฺชญฺจ, อตฺถจริยา จ ยา อิธ;
‘‘Dānañca peyyavajjañca, atthacariyā ca yā idha;
สมานตฺตตา จ ธเมฺมสุ, ตตฺถ ตตฺถ ยถารหํ;
Samānattatā ca dhammesu, tattha tattha yathārahaṃ;
เอเต โข สงฺคหา โลเก, รถสฺสาณีว ยายโตฯ
Ete kho saṅgahā loke, rathassāṇīva yāyato.
‘‘เอเต จ สงฺคหา นาสฺสุ, น มาตา ปุตฺตการณา;
‘‘Ete ca saṅgahā nāssu, na mātā puttakāraṇā;
ลเภถ มานํ ปูชํ วา, ปิตา วา ปุตฺตการณาฯ
Labhetha mānaṃ pūjaṃ vā, pitā vā puttakāraṇā.
ตสฺมา มหตฺตํ ปโปฺปนฺติ, ปาสํสา จ ภวนฺติ เต’’ติฯ
Tasmā mahattaṃ papponti, pāsaṃsā ca bhavanti te’’ti.
๒๗๔. เอวํ วุเตฺต, สิงฺคาลโก คหปติปุโตฺต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, ภเนฺต! อภิกฺกนฺตํ, ภเนฺต! เสยฺยถาปิ, ภเนฺต, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุเชฺชยฺย, ปฎิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิเกฺขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปโชฺชตํ ธาเรยฺย ‘จกฺขุมโนฺต รูปานิ ทกฺขนฺตี’ติฯ เอวเมวํ ภควตา อเนกปริยาเยน ธโมฺม ปกาสิโตฯ เอสาหํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมญฺจ ภิกฺขุสํฆญฺจฯ อุปาสกํ มํ ภควา ธาเรตุ, อชฺชตเคฺค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติฯ
274. Evaṃ vutte, siṅgālako gahapatiputto bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘abhikkantaṃ, bhante! Abhikkantaṃ, bhante! Seyyathāpi, bhante, nikkujjitaṃ vā ukkujjeyya, paṭicchannaṃ vā vivareyya, mūḷhassa vā maggaṃ ācikkheyya, andhakāre vā telapajjotaṃ dhāreyya ‘cakkhumanto rūpāni dakkhantī’ti. Evamevaṃ bhagavatā anekapariyāyena dhammo pakāsito. Esāhaṃ, bhante, bhagavantaṃ saraṇaṃ gacchāmi dhammañca bhikkhusaṃghañca. Upāsakaṃ maṃ bhagavā dhāretu, ajjatagge pāṇupetaṃ saraṇaṃ gata’’nti.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) / ๘. สิงฺคาลสุตฺตวณฺณนา • 8. Siṅgālasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) / ๘. สิงฺคาลสุตฺตวณฺณนา • 8. Siṅgālasuttavaṇṇanā