Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā)

    ๘. สิงฺคาลสุตฺตวณฺณนา

    8. Siṅgālasuttavaṇṇanā

    นิทานวณฺณนา

    Nidānavaṇṇanā

    ๒๔๒. ปากาเรน ปริกฺขิตฺตนฺติ ปทํ อาเนตฺวา สมฺพโนฺธฯ โคปุรฎฺฎาลกยุตฺตนฺติ ทฺวารปาสาเทน เจว ตตฺถ ตตฺถ ปาการมตฺถเก ปติฎฺฐาปิตอฎฺฎาลเกหิ จ ยุตฺตํฯ เวฬูหิ ปริกฺขิตฺตตฺตา, อพฺภนฺตเร ปุปฺผูปคผลูปครุกฺขสญฺฉนฺนตฺตา จ นีโลภาสํฯ ฉายูทกสมฺปตฺติยา, ภูมิภาคสมฺปตฺติยา จ มโนรมํฯ

    242. Pākārena parikkhittanti padaṃ ānetvā sambandho. Gopuraṭṭālakayuttanti dvārapāsādena ceva tattha tattha pākāramatthake patiṭṭhāpitaaṭṭālakehi ca yuttaṃ. Veḷūhi parikkhittattā, abbhantare pupphūpagaphalūpagarukkhasañchannattā ca nīlobhāsaṃ. Chāyūdakasampattiyā, bhūmibhāgasampattiyā ca manoramaṃ.

    กาฬกเวเสนาติ กลนฺทกรูเปนฯ นิวาปนฺติ โภชนํฯ นฺติ อุยฺยานํฯ

    Kāḷakavesenāti kalandakarūpena. Nivāpanti bhojanaṃ. Tanti uyyānaṃ.

    ‘‘โข ปนา’’ติ วจนาลงฺการมตฺตเมตนฺติ เตน สมเยนาติ อตฺถวจนํ ยุตฺตํฯ คหปติ มหาสาโลติ คหปติภูโต มหาสาโร, ร-การสฺส ล-การํ กตฺวา อยํ นิเทฺทโสฯ วิภวสมฺปตฺติยา มหาสารปฺปโตฺต กุฎุมฺพิโกฯ ‘‘ปุโตฺต ปนสฺส อสฺสโทฺธ’’ติอาทิ อฎฺฐุปฺปตฺติโก ยํ สุตฺตนิเกฺขโปติ ตํ อฎฺฐุปฺปตฺติํ ทเสฺสตุํ อารทฺธํฯ กมฺมผลสทฺธาย อภาเวน อสฺสโทฺธฯ รตนตฺตเย ปสาทาภาเวน อปฺปสโนฺนฯ เอวมาหาติ เอวํ อิทานิ วุจฺจมานากาเรน วทติฯ

    ‘‘Kho panā’’ti vacanālaṅkāramattametanti tena samayenāti atthavacanaṃ yuttaṃ. Gahapati mahāsāloti gahapatibhūto mahāsāro, ra-kārassa la-kāraṃ katvā ayaṃ niddeso. Vibhavasampattiyā mahāsārappatto kuṭumbiko. ‘‘Putto panassa assaddho’’tiādi aṭṭhuppattiko yaṃ suttanikkhepoti taṃ aṭṭhuppattiṃ dassetuṃ āraddhaṃ. Kammaphalasaddhāya abhāvena assaddho. Ratanattaye pasādābhāvena appasanno. Evamāhāti evaṃ idāni vuccamānākārena vadati.

    ยาวชีวํ อนุสฺสรณียา โหติ หิเตสิตาย วุตฺตา ปจฺฉิมา วาจาติ อธิปฺปาเยนฯ ปุถุทิสาติ วิสุํ วิสุํ ทิสา, ตา ปน อเนกาติ อาห ‘‘พหุทิสา’’ติฯ

    Yāvajīvaṃ anussaraṇīyā hoti hitesitāya vuttā pacchimā vācāti adhippāyena. Puthudisāti visuṃ visuṃ disā, tā pana anekāti āha ‘‘bahudisā’’ti.

    ๒๔๓. ‘‘น ตาว ปวิโฎฺฐ’’ติอาทีสุ วตฺตพฺพํ เหฎฺฐา วุตฺตเมวฯ น อิทาเนวาติ น อิมาย เอว เวลายฯ กิํ จรหีติ อาห ‘‘ปจฺจูสสมเยปี’’ติอาทิฯ คิหิวินยนฺติ คิหีนํ คหฎฺฐานํ วินยตนฺติภูตํ ‘‘คิหินา เอวํ วตฺติตพฺพ’’นฺติ คหฎฺฐาจารสฺส คหฎฺฐวตฺตสฺส อนวเสสโต อิมสฺมิํ สุเตฺต สวิเสสํ กตฺวา วุตฺตตฺตาฯ ตเถวาติ ยถา พุทฺธจกฺขุนา ทิฎฺฐํ, ตเถว ปสฺสิฯ นมสฺสติ วตฺตวเสน กตฺตพฺพนฺติ คเหตฺวา ฐิตตฺตาฯ

    243.‘‘Na tāva paviṭṭho’’tiādīsu vattabbaṃ heṭṭhā vuttameva. Na idānevāti na imāya eva velāya. Kiṃ carahīti āha ‘‘paccūsasamayepī’’tiādi. Gihivinayanti gihīnaṃ gahaṭṭhānaṃ vinayatantibhūtaṃ ‘‘gihinā evaṃ vattitabba’’nti gahaṭṭhācārassa gahaṭṭhavattassa anavasesato imasmiṃ sutte savisesaṃ katvā vuttattā. Tathevāti yathā buddhacakkhunā diṭṭhaṃ, tatheva passi. Namassati vattavasena kattabbanti gahetvā ṭhitattā.

    ฉทิสาทิวณฺณนา

    Chadisādivaṇṇanā

    ๒๔๔. วจนํ สุตฺวาว จิเนฺตสิ พุทฺธานุภาเวน อตฺตสมฺมาปณิธานนิมิเตฺตน ปุญฺญพเลน จ โจทิยมาโนฯ น กิร ตา เอตาติ ตา ฉ ทิสา เอตา อิทานิ มยา นมสฺสิยมานา ปุรตฺถิมาทิกา น โหนฺติ กิราติฯ นิปาตมตฺตนฺติ อนตฺถกภาวํ ตสฺส วทติฯ ปุจฺฉาปทนฺติ ปุจฺฉาวจนํฯ

    244.Vacanaṃ sutvāva cintesi buddhānubhāvena attasammāpaṇidhānanimittena puññabalena ca codiyamāno. Na kira tā etāti tā cha disā etā idāni mayā namassiyamānā puratthimādikā na honti kirāti. Nipātamattanti anatthakabhāvaṃ tassa vadati. Pucchāpadanti pucchāvacanaṃ.

    ภควา คหปติปุเตฺตน นมสฺสิตพฺพา ฉ ทิสา ปุจฺฉิโต เทสนากุสลตาย อาทิโต เอว ตา อกเถตฺวา ตสฺส ตาว ปฎิปตฺติยา นํ ภาชนภูตํ กาตุํ วชฺชนียวชฺชนตฺถเญฺจว เสวิตพฺพเสวนตฺถญฺจ โอวาทํ เทโนฺต ‘‘ยโต โข คหปติปุตฺตา’’ติอาทินา เทสนํ อารภิฯ ตตฺถ กมฺมกิเลสาติ กมฺมภูตา สํกิเลสาฯ กิลิสฺสนฺตีติ กิลิฎฺฐา มลีนา วิย ฐิตา, อุปตาปิตา จ โหนฺตีติ อโตฺถฯ ตสฺมาติ กิลิสฺสนนิมิตฺตตฺตาฯ ยทิปิ สุราปานํ ปญฺจเวรภาเวน อุปาสเกหิ ปริวชฺชนียํ, ตสฺส ปน อปายมุขภาเวน ปรโต วตฺตุกามตาย ปาณาติปาตาทิเก เอว สนฺธาย ‘‘จตฺตาโร’’ติ วุตฺตํ, น ‘‘ปญฺจา’’ติฯ ‘‘วิสุํ อกมฺมปถภาวโต จา’’ติ อปเรฯ ‘‘สุราปานมฺปิ ‘สุราเมรยปานํ, ภิกฺขเว, อาเสวิตํ ภาวิตํ พหุลีกตํ นิรยสํวตฺตนิก’นฺติอาทิ (อ. นิ. ๘.๔๐) วจนโต วิสุํ กมฺมปถภาเวน อาคตํฯ ตถา หิ ตํ ทุจฺจริตกมฺมํ หุตฺวา ทุคฺคติคามิปิฎฺฐิวตฺตกภาเวน นิยต’’นฺติ เกจิ, เตสํ มเตน เอกาทส กมฺมปถา สิยุํ ฯ ตสฺมา ยถาวุเตฺตเสฺวว กมฺมปเถสุ อุปการกตฺตสภาคตฺตวเสน อนุปฺปเวโส ทฎฺฐโพฺพติ ‘‘วิสุํ อกมฺมปถภาวโต จา’’ติ สุวุตฺตเมตํฯ สุราปานสฺส โภคาปายมุขภาเวน วตฺตุกามตาย ‘‘จตฺตาโร’’ เตฺวว อโวจฯ ติฎฺฐติ เอตฺถ ผลํ ตทายตฺตวุตฺติตายาติ ฐานํ, เหตูติ อาห ‘‘ฐาเนหีติ การเณหี’’ติฯ อเปนฺติ อปคจฺฉนฺติ, อเปติ วา เอเตหีติ อปายา, อปายานํ, อปายา เอว วา มุขานิ ทฺวารานีติ อปายมุขานิฯ วินาสมุขานีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ

    Bhagavā gahapatiputtena namassitabbā cha disā pucchito desanākusalatāya ādito eva tā akathetvā tassa tāva paṭipattiyā naṃ bhājanabhūtaṃ kātuṃ vajjanīyavajjanatthañceva sevitabbasevanatthañca ovādaṃ dento ‘‘yato kho gahapatiputtā’’tiādinā desanaṃ ārabhi. Tattha kammakilesāti kammabhūtā saṃkilesā. Kilissantīti kiliṭṭhā malīnā viya ṭhitā, upatāpitā ca hontīti attho. Tasmāti kilissananimittattā. Yadipi surāpānaṃ pañcaverabhāvena upāsakehi parivajjanīyaṃ, tassa pana apāyamukhabhāvena parato vattukāmatāya pāṇātipātādike eva sandhāya ‘‘cattāro’’ti vuttaṃ, na ‘‘pañcā’’ti. ‘‘Visuṃ akammapathabhāvato cā’’ti apare. ‘‘Surāpānampi ‘surāmerayapānaṃ, bhikkhave, āsevitaṃ bhāvitaṃ bahulīkataṃ nirayasaṃvattanika’ntiādi (a. ni. 8.40) vacanato visuṃ kammapathabhāvena āgataṃ. Tathā hi taṃ duccaritakammaṃ hutvā duggatigāmipiṭṭhivattakabhāvena niyata’’nti keci, tesaṃ matena ekādasa kammapathā siyuṃ . Tasmā yathāvuttesveva kammapathesu upakārakattasabhāgattavasena anuppaveso daṭṭhabboti ‘‘visuṃ akammapathabhāvato cā’’ti suvuttametaṃ. Surāpānassa bhogāpāyamukhabhāvena vattukāmatāya ‘‘cattāro’’ tveva avoca. Tiṭṭhati ettha phalaṃ tadāyattavuttitāyāti ṭhānaṃ, hetūti āha ‘‘ṭhānehīti kāraṇehī’’ti. Apenti apagacchanti, apeti vā etehīti apāyā, apāyānaṃ, apāyā eva vā mukhāni dvārānīti apāyamukhāni. Vināsamukhānīti etthāpi eseva nayo.

    กิญฺจาปิ ‘‘อริยสาวกสฺสา’’ติ ปุเพฺพ สาธารณโต วุตฺตํ, วิเสสโต ปน ปฐมาย ภูมิยํ ฐิตเสฺสว วกฺขมานนโย ยุชฺชตีติ ‘‘โสติ โส โสตาปโนฺน’’ติ วุตฺตํฯ ปาปก-สโทฺท นิหีนปริยาโยติ ‘‘ลามเกหี’’ติ วุตฺตํฯ อปายทุกฺขํ, วฎฺฎทุกฺขญฺจ ปาเปนฺตีติ วา ปาปกา, เตหิ ปาปเกหิฯ ฉ ทิสา ปฎิจฺฉาเทโนฺตติ เตน เตน ภาเคน ทิสฺสนฺตีติ ‘‘ทิสา’’ติ สญฺญิเต ฉ ภาเค สเตฺต ยถา เตหิ สทฺธิํ อตฺตโน ฉิทฺทํ น โหติ, เอวํ ปฎิจฺฉาเทโนฺต ปฎิสนฺธาเรโนฺตฯ วิชินนตฺถายาติ อภิภวนตฺถายฯ โย หิ ทิฎฺฐธมฺมิกํ, สมฺปรายิกญฺจ อนตฺถํ ปริวชฺชนวเสน อภิภวติ, ตโต เอว ตทุภยตฺถํ สมฺปาเทติ, โส อุภยโลกวิชยาย ปฎิปโนฺน นาม โหติ ปจฺจตฺถิกนิคฺคณฺหนโต, สกตฺถสมฺปาทนโต จฯ เตนาห ‘‘อยเญฺจว โลโก’’ติอาทิฯ ปาณาติปาตาทีนิ ปญฺจ เวรานิ เวรปฺปสวนโตฯ อารโทฺธ โหตีติ สํสาธิโต โหติ, ตยิทํ สํสาธนํ กิตฺติสเทฺทน อิธ สตฺตานํ จิตฺตโตสเนน , เวราภาวาปาทเนน จ โหตีติ อาห ‘‘ปริโตสิโต เจว นิปฺผาทิโต จา’’ติฯ ปุน ปญฺจ เวรานีติ ปญฺจ เวรผลานิ อุตฺตรปทโลเปนฯ

    Kiñcāpi ‘‘ariyasāvakassā’’ti pubbe sādhāraṇato vuttaṃ, visesato pana paṭhamāya bhūmiyaṃ ṭhitasseva vakkhamānanayo yujjatīti ‘‘soti so sotāpanno’’ti vuttaṃ. Pāpaka-saddo nihīnapariyāyoti ‘‘lāmakehī’’ti vuttaṃ. Apāyadukkhaṃ, vaṭṭadukkhañca pāpentīti vā pāpakā, tehi pāpakehi. Cha disā paṭicchādentoti tena tena bhāgena dissantīti ‘‘disā’’ti saññite cha bhāge satte yathā tehi saddhiṃ attano chiddaṃ na hoti, evaṃ paṭicchādento paṭisandhārento. Vijinanatthāyāti abhibhavanatthāya. Yo hi diṭṭhadhammikaṃ, samparāyikañca anatthaṃ parivajjanavasena abhibhavati, tato eva tadubhayatthaṃ sampādeti, so ubhayalokavijayāya paṭipanno nāma hoti paccatthikaniggaṇhanato, sakatthasampādanato ca. Tenāha ‘‘ayañceva loko’’tiādi. Pāṇātipātādīni pañca verāni verappasavanato. Āraddho hotīti saṃsādhito hoti, tayidaṃ saṃsādhanaṃ kittisaddena idha sattānaṃ cittatosanena , verābhāvāpādanena ca hotīti āha ‘‘paritosito ceva nipphādito cā’’ti. Puna pañca verānīti pañca veraphalāni uttarapadalopena.

    กตมสฺสาติ กตเม อสฺสฯ กิเลสสมฺปยุตฺตตฺตา กิเลโสติ ตํโยคโต ตํสทิสํ วทติ ยถา ‘‘ปีติสุขํ ปฐมํ ฌานํ, (ที. นิ. ๑.๒๒๖; ม. นิ. ๑.๒๗๑, ๒๘๗, ๒๙๗; สํ. นิ. ๒.๑๕๒; อ. นิ. ๔.๑๒๓; ๕.๒๘; ปารา. ๑๑; ธ. ส. ๔๙๙; วิภ. ๕๐๘) นีลํ วตฺถ’’นฺติ จฯ สมฺปยุตฺตตา เจตฺถ ตเทกฎฺฐตาย เวทิตพฺพา, น เอกุปฺปาทาทิตายฯ เอวญฺจ กตฺวา ปาณาติปาตกมฺมสฺส ทิฎฺฐิมานโลภาทีหิปิ กิลิฎฺฐตา สิทฺธา โหติ, มิจฺฉาจารสฺส โทสาทีหิ กิลิฎฺฐตาฯ เตนาห ‘‘สํกิเลโสเยวา’’ติอาทิฯ ปุเพฺพ วุตฺตอตฺถวเสน ปน สมฺมุเขนปิ เนสํ กิเลสปริยาโย ลพฺภเตวฯ เอตทตฺถปริทีปกเมวาติ โย ‘‘ปาณาติปาโต โข’’ติอาทินา วุโตฺต, เอตสฺส อตฺถสฺส ปริทีปกเมวฯ ยทิ เอวํ กสฺมา ปุน วุตฺตนฺติ อาห ‘‘คาถาพนฺธ’’นฺติ, ตสฺส อตฺถสฺส สุขคฺคหณตฺถํ ภควา คาถาพนฺธํ อโวจาติ อธิปฺปาโยฯ

    Katamassāti katame assa. Kilesasampayuttattā kilesoti taṃyogato taṃsadisaṃ vadati yathā ‘‘pītisukhaṃ paṭhamaṃ jhānaṃ, (dī. ni. 1.226; ma. ni. 1.271, 287, 297; saṃ. ni. 2.152; a. ni. 4.123; 5.28; pārā. 11; dha. sa. 499; vibha. 508) nīlaṃ vattha’’nti ca. Sampayuttatā cettha tadekaṭṭhatāya veditabbā, na ekuppādāditāya. Evañca katvā pāṇātipātakammassa diṭṭhimānalobhādīhipi kiliṭṭhatā siddhā hoti, micchācārassa dosādīhi kiliṭṭhatā. Tenāha ‘‘saṃkilesoyevā’’tiādi. Pubbe vuttaatthavasena pana sammukhenapi nesaṃ kilesapariyāyo labbhateva. Etadatthaparidīpakamevāti yo ‘‘pāṇātipāto kho’’tiādinā vutto, etassa atthassa paridīpakameva. Yadi evaṃ kasmā puna vuttanti āha ‘‘gāthābandha’’nti, tassa atthassa sukhaggahaṇatthaṃ bhagavā gāthābandhaṃ avocāti adhippāyo.

    จตุฐานาทิวณฺณนา

    Catuṭhānādivaṇṇanā

    ๒๔๖. ‘‘ปาปกมฺมํ กโรตี’’ติ กสฺมา อยํ อุเทฺทสนิเทฺทโส ปวโตฺตติ อโนฺตลีนโจทนํ สนฺธาย ‘‘อิทํ ภควา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ สุกฺกปกฺขวเสน หิ อุเทฺทโส กโต, กณฺหปกฺขวเสน จ นิเทฺทโส อารโทฺธฯ การเกติ ปาปกมฺมสฺส การเกฯ อการโก ปากโฎ โหติ ยถา ปฎิปชฺชโนฺต ปาปํ กโรติ นาม, ตถา อปฺปฎิปชฺชนโตฯ สํกิเลสธมฺมวิวชฺชนปุพฺพกํ โวทานธมฺมปฎิปตฺติอาจิกฺขนํ อิธ เทสนาโกสลฺลํฯ ปฐมตรํ การกํ ทเสฺสโนฺต อาห ยถา ‘‘วามํ มุญฺจ ทกฺขิณํ คณฺหา’’ติ (ธ. ส. อฎฺฐ. ๔๙๘) ตถา หิ ภควา อฎฺฐติํส มงฺคลานิ ทเสฺสโนฺต ‘‘อเสวนา จ พาลาน’’นฺติ (ขุ. ปา. ๕.๓; สุ. นิ. ๒๖๒) วตฺวา ‘‘ปณฺฑิตานญฺจ เสวนา’’ติ (ขุ. ปา. ๕.๓; สุ. นิ. ๒๖๒) อโวจฯ ฉนฺทาคตินฺติ เอตฺถ สนฺธิวเสน สรโลโปติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘ฉเนฺทน เปเมน อคติ’’นฺติฯ ฉนฺทาติ เหตุมฺหิ นิสฺสกฺกวจนนฺติ อาห ‘‘ฉเนฺทนา’’ติฯ ฉนฺท-สโทฺท เจตฺถ ตณฺหาปริยาโย, น กุสลจฺฉนฺทาทิปริยาโยติ อาห ‘‘เปเมนา’’ติฯ ปรปเทสูติ ‘‘โทสาคติํ คจฺฉโนฺต’’ติอาทีสุ วาเกฺยสุฯ ‘‘เอเสว นโย’’ติ อิมินา ‘‘โทเสน โกเปนา’’ติ เอวมาทิ อตฺถวจนํ อติทิสติฯ มิโตฺตติ ทฬฺหมิโตฺต, สมฺภโตฺตติ อโตฺถฯ สนฺทิโฎฺฐติ ทิฎฺฐมตฺตสหาโยฯ ปกติเวรวเสนาติ ปกติยา อุปฺปนฺนเวรวเสน, จิรกาลานุพนฺธวิโรธวเสนาติ อโตฺถฯ เตเนวาห ‘‘ตงฺขณุปฺปนฺนโกธวเสน วา’’ติฯ ยํ วา ตํ วา อยุตฺตํ อการณํ วตฺวาฯ วิสเม โจราทิเก, วิสมานิ วา กายทุจฺจริตาทีนิ สมาทาย วตฺตเนน นิสฺสิโต วิสมนิสฺสิโตฯ

    246. ‘‘Pāpakammaṃ karotī’’ti kasmā ayaṃ uddesaniddeso pavattoti antolīnacodanaṃ sandhāya ‘‘idaṃ bhagavā’’tiādi vuttaṃ. Sukkapakkhavasena hi uddeso kato, kaṇhapakkhavasena ca niddeso āraddho. Kāraketi pāpakammassa kārake. Akārako pākaṭo hoti yathā paṭipajjanto pāpaṃ karoti nāma, tathā appaṭipajjanato. Saṃkilesadhammavivajjanapubbakaṃ vodānadhammapaṭipattiācikkhanaṃ idha desanākosallaṃ. Paṭhamataraṃ kārakaṃ dassento āha yathā ‘‘vāmaṃ muñca dakkhiṇaṃ gaṇhā’’ti (dha. sa. aṭṭha. 498) tathā hi bhagavā aṭṭhatiṃsa maṅgalāni dassento ‘‘asevanā ca bālāna’’nti (khu. pā. 5.3; su. ni. 262) vatvā ‘‘paṇḍitānañca sevanā’’ti (khu. pā. 5.3; su. ni. 262) avoca. Chandāgatinti ettha sandhivasena saralopoti dassento āha ‘‘chandena pemena agati’’nti. Chandāti hetumhi nissakkavacananti āha ‘‘chandenā’’ti. Chanda-saddo cettha taṇhāpariyāyo, na kusalacchandādipariyāyoti āha ‘‘pemenā’’ti. Parapadesūti ‘‘dosāgatiṃ gacchanto’’tiādīsu vākyesu. ‘‘Eseva nayo’’ti iminā ‘‘dosena kopenā’’ti evamādi atthavacanaṃ atidisati. Mittoti daḷhamitto, sambhattoti attho. Sandiṭṭhoti diṭṭhamattasahāyo. Pakativeravasenāti pakatiyā uppannaveravasena, cirakālānubandhavirodhavasenāti attho. Tenevāha ‘‘taṅkhaṇuppannakodhavasena vā’’ti. Yaṃ vā taṃ vā ayuttaṃ akāraṇaṃ vatvā. Visame corādike, visamāni vā kāyaduccaritādīni samādāya vattanena nissito visamanissito.

    ฉนฺทาคติอาทีนิ น คจฺฉติ มเคฺคเนว จตุนฺนมฺปิ อคติคมนานํ ปหีนตฺตา, อคติคมนานีติ จ ตถาปวตฺตา อปายคมนียา อกุสลจิตฺตุปฺปาทา เวทิตพฺพา อคติ คจฺฉติ เอเตหีติฯ

    Chandāgatiādīni na gacchati maggeneva catunnampi agatigamanānaṃ pahīnattā, agatigamanānīti ca tathāpavattā apāyagamanīyā akusalacittuppādā veditabbā agati gacchati etehīti.

    ยสฺสติ เตน กิตฺตียตีติ ยโส, ถุติโฆโสฯ ยสฺสติ เตน ปุเรจรานุจรภาเวน ปริวารียตีติ ยโส, ปริวาโรติ อาห ‘‘กิตฺติยโสปิ ปริวารยโสปี’’ติฯ ปริหายตีติ ปุเพฺพ โย จ ยาวตเก ลพฺภติ, ตโต ปริโต หายติ ปริกฺขยํ คจฺฉติฯ

    Yassati tena kittīyatīti yaso, thutighoso. Yassati tena purecarānucarabhāvena parivārīyatīti yaso, parivāroti āha ‘‘kittiyasopi parivārayasopī’’ti. Parihāyatīti pubbe yo ca yāvatake labbhati, tato parito hāyati parikkhayaṃ gacchati.

    ฉอปายมุขาทิวณฺณนา

    Chaapāyamukhādivaṇṇanā

    ๒๔๗. ปูเว ภาชเน ปกฺขิปิตฺวา ตชฺชํ อุทกํ ทตฺวา มทฺทิตฺวา กตา ปูวสุราฯ เอวํ เสสสุราปิฯ กิณฺณาติ ปน ตสฺสา สุราย พีชํ วุจฺจติ, เย ‘‘สุราโมทกา’’ ติปิ วุจฺจนฺติ, เต ปกฺขิปิตฺวา กตา กิณฺณปกฺขิตฺตาฯ หรีตกีสาสปาทินานาสมฺภาเรหิ สํโยชิตา สมฺภารสํยุตฺตาฯ มธุกตาลนาฬิเกราทิปุปฺผรโส จิรปาริวาสิโก ปุปฺผาสโวฯ ปนสาทิผลรโส ผลาสโวฯ มุทฺทิการโส มธฺวาสโวฯ อุจฺฉุรโส คุฬาสโวฯ หรีตกามลกกฎุกภณฺฑาทินานาสมฺภารานํ รโส จิรปาริวาสิโก สมฺภารสํยุโตฺตฯ ตํ สพฺพมฺปีติ ตํ สพฺพํ ทสวิธมฺปิฯ มทกรณวเสน มชฺชํ ปิวนฺตํ มทยตีติ กตฺวาฯ สุราเมรยมเชฺช ปมาทฎฺฐานํ สุราเมรยมชฺชปมาทฎฺฐานํฯ อนุ อนุ โยโคติ ปุนปฺปุนํ ตํสมงฺคิตาฯ เตนาห ‘‘ปุนปฺปุนํ กรณ’’นฺติ, อปราปรํ ปวตฺตนนฺติ อโตฺถฯ อุปฺปนฺนา เจว โภคา ปริหายนฺติ ปานพฺยสเนน พฺยสนกรณโตฯ อนุปฺปนฺนา จ นุปฺปชฺชนฺติ ปมตฺตสฺส กมฺมเนฺตสุ ญายกรณาภาวโตฯ โภคานนฺติ ภุญฺชิตพฺพเฎฺฐน ‘‘โภคา’’ติ ลทฺธนามานํ กามคุณานํฯ อปายมุข-สทฺทสฺส อโตฺถ เหฎฺฐา วุโตฺต เอวฯ อเวลายาติ อยุตฺตเวลายฯ ยทา วิจรโต อตฺถรกฺขาทโย น โหนฺติฯ วิสิขาสุ จริยาติ รจฺฉาสุ วิจรณํฯ

    247. Pūve bhājane pakkhipitvā tajjaṃ udakaṃ datvā madditvā katā pūvasurā. Evaṃ sesasurāpi. Kiṇṇāti pana tassā surāya bījaṃ vuccati, ye ‘‘surāmodakā’’ tipi vuccanti, te pakkhipitvā katā kiṇṇapakkhittā. Harītakīsāsapādinānāsambhārehi saṃyojitā sambhārasaṃyuttā. Madhukatālanāḷikerādipuppharaso cirapārivāsiko pupphāsavo. Panasādiphalaraso phalāsavo. Muddikāraso madhvāsavo. Ucchuraso guḷāsavo. Harītakāmalakakaṭukabhaṇḍādinānāsambhārānaṃ raso cirapārivāsiko sambhārasaṃyutto. Taṃ sabbampīti taṃ sabbaṃ dasavidhampi. Madakaraṇavasenamajjaṃ pivantaṃ madayatīti katvā. Surāmerayamajje pamādaṭṭhānaṃ surāmerayamajjapamādaṭṭhānaṃ. Anu anu yogoti punappunaṃ taṃsamaṅgitā. Tenāha ‘‘punappunaṃ karaṇa’’nti, aparāparaṃ pavattananti attho. Uppannā ceva bhogā parihāyanti pānabyasanena byasanakaraṇato. Anuppannā ca nuppajjanti pamattassa kammantesu ñāyakaraṇābhāvato. Bhogānanti bhuñjitabbaṭṭhena ‘‘bhogā’’ti laddhanāmānaṃ kāmaguṇānaṃ. Apāyamukha-saddassa attho heṭṭhā vutto eva. Avelāyāti ayuttavelāya. Yadā vicarato attharakkhādayo na honti. Visikhāsu cariyāti racchāsu vicaraṇaṃ.

    สมชฺชา วุจฺจติ มโห, ยตฺถ นจฺจานิปิ ปโยชียนฺติ, เตสํ ทสฺสนาทิอตฺถํ ตตฺถ อภิรติวเสน จรณํ อุปคมนํ สมชฺชาภิจรณํฯ นจฺจาทิทสฺสนวเสนาติ นจฺจาทีนํ ทสฺสนาทิวเสนาติ อาทิสทฺทโลโป ทฎฺฐโพฺพ, ทสฺสเนน วา สวนมฺปิ คหิตํ วิรูเปกเสสนเยนฯ อาโลจนสภาวตาย วา ปญฺจวิญฺญาณานํ สวนกิริยายปิ ทสฺสนสเงฺขปสมฺภวโต ‘‘ทสฺสนวเสน’’ อิเจฺจว วุตฺตํฯ อิธ จิตฺตาลสิยตา อการณนฺติ ‘‘กายาลสิยตา’’ติ วุตฺตํฯ ยุตฺตปฺปยุตฺตตาติ ตปฺปสุตตา อติเรกตรตายฯ

    Samajjā vuccati maho, yattha naccānipi payojīyanti, tesaṃ dassanādiatthaṃ tattha abhirativasena caraṇaṃ upagamanaṃ samajjābhicaraṇaṃ. Naccādidassanavasenāti naccādīnaṃ dassanādivasenāti ādisaddalopo daṭṭhabbo, dassanena vā savanampi gahitaṃ virūpekasesanayena. Ālocanasabhāvatāya vā pañcaviññāṇānaṃ savanakiriyāyapi dassanasaṅkhepasambhavato ‘‘dassanavasena’’ icceva vuttaṃ. Idha cittālasiyatā akāraṇanti ‘‘kāyālasiyatā’’ti vuttaṃ. Yuttappayuttatāti tappasutatā atirekataratāya.

    สุราเมรยสฺส ฉอาทีนวาทิวณฺณนา

    Surāmerayassa chaādīnavādivaṇṇanā

    ๒๔๘. สยํ ทฎฺฐพฺพนฺติ สนฺทิฎฺฐํฯ สนฺทิฎฺฐเมว สนฺทิฎฺฐิกํ, ธนชานิสทฺทาเปกฺขาย ปน อิตฺถิลิงฺควเสน นิเทฺทโส, ทิฎฺฐธมฺมิกาติ อยเมตฺถ อโตฺถติ อาห ‘‘อิธโลกภาวินี’’ติฯ สมํ, สมฺมา ปสฺสิตพฺพาติ วา สนฺทิฎฺฐิกา, ปานสมกาลภาวินีติ อโตฺถฯ กลหปฺปวฑฺฒนี มิตฺตสฺส กลเห อนาทีนวทสฺสิภาวโตฯ เขตฺตํ อุปฺปตฺติฎฺฐานภาวโตฯ อายตนนฺติ วา การณํ, อากโร วาติ อโตฺถฯ ปรโลเก อกิตฺติํ ปาปุณนฺติ อกิตฺติสํวตฺตนิยสฺส กมฺมสฺส ปสวนโตฯ โกปีนํ วา ปากฎภาเวน อกตฺตพฺพรหสฺสกมฺมํฯ สุรามทมตฺตา จ ปุเพฺพ อตฺตนา กตํ ตาทิสํ กมฺมํ อมตฺตกาเล ฉาเทนฺตา วิจริตฺวา มตฺตกาเล ปจฺจตฺถิกานมฺปิ วิวรนฺติ ปากฎํ กโรนฺติ, เตน เตสํ สา สุรา ตสฺส โกปีนสฺส นิทํสนโต ‘‘โกปีนนิทํสนี’’ติ วุจฺจตีติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ กมฺมสฺสกตาปญฺญนฺติ นิทสฺสนมตฺตํ ทฎฺฐพฺพํฯ ‘‘ยํ กิญฺจิ โลกิยํ ปญฺญํ ทุพฺพลํ กโรติเยวา’’ติ หิ สกฺกา วิญฺญาตุํฯ ตถา หิ พฺยติเรกมุเขน ตมตฺถํ ปติฎฺฐเปตุํ ‘‘มคฺคปญฺญํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘อโนฺตมุขเมว น ปวิสตี’’ติ อิมินา สุราย มคฺคปญฺญาทุพฺพลกรณสฺส ทุรสมุสฺสาริตภาวมาห ฯ นนุ เจวํ สุราย ตสฺสา ปญฺญาย ทุพฺพลีกรเณ สามตฺถิยวิฆาโต อโจทิโต โหติ อริยานํ อนุปฺปโยคเสฺสว โจทิตตฺตาติ? นยิทํ เอวํ อุปโยโคปิ นาม สทา เตสํ นตฺถิ, กุโต กิจฺจกรณนฺติ อิมสฺส อตฺถสฺส วุตฺตตฺตาฯ อถ ปน อฎฺฐานปริกปฺปวเสนสฺสา กทาจิ สิยา อุปโยโค, ตถาปิ โส ตสฺสา ทุพฺพลิยํ อีสกมฺปิ กาตุํ นาลเมว สมฺมเทว ปฎิปกฺขทูรีภาเวน สุปฺปติฎฺฐิตภาวโตฯ เตนาห ‘‘มคฺคปญฺญํ ปน ทุพฺพลํ กาตุํ น สโกฺกตี’’ติฯ มคฺคสีเสน เจตฺถ อริยานํ สพฺพสฺสาปิ โลกิยโลกุตฺตราย ปญฺญาย ทุพฺพลภาวาปาทาเน อสมตฺถตา ทสฺสิตาติ ทฎฺฐพฺพํฯ ปชฺชติ เอเตน ผลนฺติ ปทํ, การณํฯ

    248. Sayaṃ daṭṭhabbanti sandiṭṭhaṃ. Sandiṭṭhameva sandiṭṭhikaṃ, dhanajānisaddāpekkhāya pana itthiliṅgavasena niddeso, diṭṭhadhammikāti ayamettha atthoti āha ‘‘idhalokabhāvinī’’ti. Samaṃ, sammā passitabbāti vā sandiṭṭhikā, pānasamakālabhāvinīti attho. Kalahappavaḍḍhanī mittassa kalahe anādīnavadassibhāvato. Khettaṃ uppattiṭṭhānabhāvato. Āyatananti vā kāraṇaṃ, ākaro vāti attho. Paraloke akittiṃ pāpuṇanti akittisaṃvattaniyassa kammassa pasavanato. Kopīnaṃ vā pākaṭabhāvena akattabbarahassakammaṃ. Surāmadamattā ca pubbe attanā kataṃ tādisaṃ kammaṃ amattakāle chādentā vicaritvā mattakāle paccatthikānampi vivaranti pākaṭaṃ karonti, tena tesaṃ sā surā tassa kopīnassa nidaṃsanato ‘‘kopīnanidaṃsanī’’ti vuccatīti evamettha attho daṭṭhabbo. Kammassakatāpaññanti nidassanamattaṃ daṭṭhabbaṃ. ‘‘Yaṃ kiñci lokiyaṃ paññaṃ dubbalaṃ karotiyevā’’ti hi sakkā viññātuṃ. Tathā hi byatirekamukhena tamatthaṃ patiṭṭhapetuṃ ‘‘maggapaññaṃ panā’’tiādi vuttaṃ. ‘‘Antomukhameva na pavisatī’’ti iminā surāya maggapaññādubbalakaraṇassa durasamussāritabhāvamāha . Nanu cevaṃ surāya tassā paññāya dubbalīkaraṇe sāmatthiyavighāto acodito hoti ariyānaṃ anuppayogasseva coditattāti? Nayidaṃ evaṃ upayogopi nāma sadā tesaṃ natthi, kuto kiccakaraṇanti imassa atthassa vuttattā. Atha pana aṭṭhānaparikappavasenassā kadāci siyā upayogo, tathāpi so tassā dubbaliyaṃ īsakampi kātuṃ nālameva sammadeva paṭipakkhadūrībhāvena suppatiṭṭhitabhāvato. Tenāha ‘‘maggapaññaṃ pana dubbalaṃ kātuṃ na sakkotī’’ti. Maggasīsena cettha ariyānaṃ sabbassāpi lokiyalokuttarāya paññāya dubbalabhāvāpādāne asamatthatā dassitāti daṭṭhabbaṃ. Pajjati etena phalanti padaṃ, kāraṇaṃ.

    ๒๔๙. อตฺตาปิสฺส อกาลจาริสฺส อคุโตฺต สรสโต อรกฺขิโต อุปกฺกมโตปิ ปริวชฺชนียานํ อปริวชฺชนโตฯ เตนาห ‘‘อเวลาย จรโนฺต หี’’ติอาทิฯ กณฺฎกาทีนิปีติ ปิ-สเทฺทน โสพฺภาทิเก สงฺคณฺหาติฯ เวริโนปีติ ปิ-สเทฺทน โจราทิกา สงฺคยฺหนฺติฯ ปุตฺตทาราติ เอตฺถ ปุตฺตคฺคหเณน ปุตฺตีปิ คหิตาติ อาห ‘‘ปุตฺตธีตโร’’ติฯ พหิ ปตฺถนนฺติ กามปตฺถนาวเสน อโนฺตเคหสฺสิตโต นิพทฺธวตฺถุโต พหิทฺธา ปตฺถนํ กตฺวาฯ อเญฺญหิ กตปาปกเมฺมสูติ ปเรหิ กตาสุ ปาปกิริยาสุฯ สงฺกิตโพฺพ โหติ อกาเล ตตฺถ ตตฺถ จรณโตฯ รุหติ ยสฺมิํ ปเทเส โจริกา ปวตฺตา, ตตฺถ ปเรหิ ทิฎฺฐตฺตาฯ วตฺตุํ น สกฺกาติ ‘‘เอตฺตกํ ทุกฺขํ, เอตฺตกํ โทมนสฺส’’นฺติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา วตฺตุํ น สกฺกาฯ ตํ สพฺพมฺปิ วิกาลจาริมฺหิ ปุคฺคเล อาหริตพฺพํ ตสฺส อุปริ ปกฺขิปิตพฺพํ โหติฯ กถํ? อญฺญสฺมิํ ปุคฺคเล ตถารูเป อาสงฺกิตเพฺพ อสติฯ อิตีติ เอวํฯ โสติ วิกาลจารีฯ ปุรกฺขโต ปุรโต อตฺตโน อุปริ อาสงฺกเนฺต กตฺวา จรติฯ

    249.Attāpissa akālacārissa agutto sarasato arakkhito upakkamatopi parivajjanīyānaṃ aparivajjanato. Tenāha ‘‘avelāya caranto hī’’tiādi. Kaṇṭakādīnipīti pi-saddena sobbhādike saṅgaṇhāti. Verinopīti pi-saddena corādikā saṅgayhanti. Puttadārāti ettha puttaggahaṇena puttīpi gahitāti āha ‘‘puttadhītaro’’ti. Bahi patthananti kāmapatthanāvasena antogehassitato nibaddhavatthuto bahiddhā patthanaṃ katvā. Aññehi katapāpakammesūti parehi katāsu pāpakiriyāsu. Saṅkitabbo hoti akāle tattha tattha caraṇato. Ruhati yasmiṃ padese corikā pavattā, tattha parehi diṭṭhattā. Vattuṃ na sakkāti ‘‘ettakaṃ dukkhaṃ, ettakaṃ domanassa’’nti paricchinditvā vattuṃ na sakkā. Taṃ sabbampi vikālacārimhi puggale āharitabbaṃ tassa upari pakkhipitabbaṃ hoti. Kathaṃ? Aññasmiṃ puggale tathārūpe āsaṅkitabbe asati. Itīti evaṃ. Soti vikālacārī. Purakkhato purato attano upari āsaṅkante katvā carati.

    ๒๕๐. นฎนาฎกาทินจฺจนฺติ นเฎหิ นาฎเกหิ นจฺจิตพฺพนาฎกาทินจฺจวิธิฯ อาทิ-สเทฺทน อวสิฎฺฐํ สพฺพํ สงฺคณฺหาติฯ ‘‘ตตฺถ คนฺตพฺพํ โหตี’’ติ วตฺวา ตตฺถสฺส คมเนน ยถา อนุปฺปนฺนานํ โภคานํ อนุปฺปาโท, อุปฺปนฺนานญฺจ วินาโส โหติ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ตสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ คีตนฺติ สรคตํ, ปกรณคตํ , ตาฬคตํ, อปธานคตนฺติ คนฺธพฺพสตฺถวิหิตํ อญฺญมฺปิ สพฺพํ คีตํ เวทิตพฺพํฯ วาทิตนฺติ วีณาเวณุมุทิงฺคาทิวาทนํฯ อกฺขานนฺติ ภารตยุทฺธสีตาหรณาทิอกฺขานํฯ ปาณิสฺสรนฺติ กํสตาฬํ, ‘‘ปาณิตาฬ’’นฺติปิ วทนฺติฯ กุมฺภถูนนฺติ จตุรสฺสอมฺพณกตาฬํฯ ‘‘กุฎเภริสโทฺท’’ติ เกจิฯ ‘‘เอเสว นโย’’ติ อิมินา ‘‘กสฺมิํ ฐาเน’’ติอาทินา นเจฺจ วุตฺตมตฺถํ คีตาทีสุ อติทิสติฯ

    250.Naṭanāṭakādinaccanti naṭehi nāṭakehi naccitabbanāṭakādinaccavidhi. Ādi-saddena avasiṭṭhaṃ sabbaṃ saṅgaṇhāti. ‘‘Tattha gantabbaṃ hotī’’ti vatvā tatthassa gamanena yathā anuppannānaṃ bhogānaṃ anuppādo, uppannānañca vināso hoti, taṃ dassetuṃ ‘‘tassā’’tiādi vuttaṃ. Gītanti saragataṃ, pakaraṇagataṃ , tāḷagataṃ, apadhānagatanti gandhabbasatthavihitaṃ aññampi sabbaṃ gītaṃ veditabbaṃ. Vāditanti vīṇāveṇumudiṅgādivādanaṃ. Akkhānanti bhāratayuddhasītāharaṇādiakkhānaṃ. Pāṇissaranti kaṃsatāḷaṃ, ‘‘pāṇitāḷa’’ntipi vadanti. Kumbhathūnanti caturassaambaṇakatāḷaṃ. ‘‘Kuṭabherisaddo’’ti keci. ‘‘Eseva nayo’’ti iminā ‘‘kasmiṃ ṭhāne’’tiādinā nacce vuttamatthaṃ gītādīsu atidisati.

    ๒๕๑. ชยนฺติ ชูตํ ชินโนฺตฯ เวรนฺติ ชิเตน กีฬกปุริเสน ชยนิมิตฺตํ อตฺตโน อุปริ เวรํ วิโรธํ ปสวติ อุปฺปาเทติฯ ตญฺหิสฺส เวรปสวนํ ทเสฺสตุํ ‘‘ชิตํ มยา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ชิโนติ ชูตปราชยาปนฺนาย ธนชานิยา ชิโนฯ เตนาห ‘‘อเญฺญน ชิโต สมาโน’’ติอาทิฯ วิตฺตํ อนุโสจตีติ ตํ ชินํ วิตฺตํ อุทฺทิสฺส อนุตฺถุนติฯ วินิจฺฉยฎฺฐาเนติ ยสฺมิํ กิสฺมิญฺจิ อฎฺฎวินิจฺฉยฎฺฐาเนฯ สกฺขิปุฎฺฐสฺสาติ สกฺขิภาเวน ปุฎฺฐสฺสฯ อกฺขโสโณฺฑติ อกฺขธุโตฺตฯ ชูตกโรติ ชูตปมาทฎฺฐานานุยุโตฺตฯ ตฺวมฺปิ นาม กุลปุโตฺตติ กุลปุโตฺต นาม ตฺวํ, น มยํ ตยิ โกลปุตฺติยํ อิทานิ ปสฺสามาติ อธิปฺปาโยฯ ฉินฺนภินฺนโกติ ฉินฺนภินฺนหิโรตฺตโปฺป, อหิริโก อโนตฺตปฺปีติ อโตฺถฯ ตสฺส การณาติ ตสฺส อตฺถายฯ

    251.Jayanti jūtaṃ jinanto. Veranti jitena kīḷakapurisena jayanimittaṃ attano upari veraṃ virodhaṃ pasavati uppādeti. Tañhissa verapasavanaṃ dassetuṃ ‘‘jitaṃ mayā’’tiādi vuttaṃ. Jinoti jūtaparājayāpannāya dhanajāniyā jino. Tenāha ‘‘aññena jito samāno’’tiādi. Vittaṃ anusocatīti taṃ jinaṃ vittaṃ uddissa anutthunati. Vinicchayaṭṭhāneti yasmiṃ kismiñci aṭṭavinicchayaṭṭhāne. Sakkhipuṭṭhassāti sakkhibhāvena puṭṭhassa. Akkhasoṇḍoti akkhadhutto. Jūtakaroti jūtapamādaṭṭhānānuyutto. Tvampi nāma kulaputtoti kulaputto nāma tvaṃ, na mayaṃ tayi kolaputtiyaṃ idāni passāmāti adhippāyo. Chinnabhinnakoti chinnabhinnahirottappo, ahiriko anottappīti attho. Tassa kāraṇāti tassa atthāya.

    อนิจฺฉิโตติ น อิจฺฉิโตฯ โปสิตพฺพา ภวิสฺสติ ชูตปราชเยน สพฺพกาลํ ริตฺตตุจฺฉภาวโตฯ

    Anicchitoti na icchito. Positabbā bhavissati jūtaparājayena sabbakālaṃ rittatucchabhāvato.

    ปาปมิตฺตตาย ฉอาทีนวาทิวณฺณนา

    Pāpamittatāya chaādīnavādivaṇṇanā

    ๒๕๒. อกฺขธุตฺตาติ อเกฺขสุ ธุตฺตา, อกฺขนิมิตฺตํ อตฺถวินาสกาฯ อิตฺถิโสณฺฑาติ อิตฺถีสุ โสณฺฑา, อิตฺถิสโมฺภคนิมิตฺตํ อาตปฺปนกาฯ ตถา ภตฺตโสณฺฑาทโย เวทิตพฺพาฯ ปิปาสาติ อุปรูปริ สุราปิปาสาฯ เตนาห ‘‘ปานโสณฺฑา’’ติฯ เนกติกาทโย เหฎฺฐา วุตฺตา เอวฯ เมตฺติอุปฺปตฺติฎฺฐานตาย มิตฺตา โหนฺติฯ ตสฺมาติ ปาปมิตฺตตายฯ

    252.Akkhadhuttāti akkhesu dhuttā, akkhanimittaṃ atthavināsakā. Itthisoṇḍāti itthīsu soṇḍā, itthisambhoganimittaṃ ātappanakā. Tathā bhattasoṇḍādayo veditabbā. Pipāsāti uparūpari surāpipāsā. Tenāha ‘‘pānasoṇḍā’’ti. Nekatikādayo heṭṭhā vuttā eva. Mettiuppattiṭṭhānatāya mittā honti. Tasmāti pāpamittatāya.

    ๒๕๓. กมฺมนฺตนฺติ กมฺมํ, ยถา สุตฺตํเยว สุตฺตโนฺต, เอวํ กมฺมํเยว กมฺมโนฺต, ตํ กาตุํ คจฺฉามาติ วุโตฺตฯ กมฺมํ วา อโนฺต นิฎฺฐานํ คจฺฉติ เอตฺถาติ กมฺมโนฺต, กมฺมกรณฎฺฐานํ, ตํ คจฺฉามาติ วุโตฺตฯ

    253.Kammantanti kammaṃ, yathā suttaṃyeva suttanto, evaṃ kammaṃyeva kammanto, taṃ kātuṃ gacchāmāti vutto. Kammaṃ vā anto niṭṭhānaṃ gacchati etthāti kammanto, kammakaraṇaṭṭhānaṃ, taṃ gacchāmāti vutto.

    ปนฺนสขาติ สุรํ ปาตุํ ปเนฺน ปฎิปชฺชเนฺต เอว สขาติ ปนฺนสขาฯ เตนาห ‘‘อยเมวโตฺถ’’ติฯ ‘‘สมฺมิยสมฺมิโย’’ติ วจนเมตฺถ อตฺถีติ สมฺมิยสมฺมิโยฯ เตนาห ‘‘สมฺมสมฺมาติ วทโนฺต’’ติฯ สหาโย โหตีติ สหาโย วิย โหติฯ โอตารเมว คเวสตีติ รนฺธเมว ปริเยสติ อนตฺถมสฺส กาตุกาโมฯ เวรปฺปสโวติ ปเรหิ อตฺตนิ เวรสฺส ปสวนํ อนุปวตฺตนํฯ เตนาห ‘‘เวรพหุลตา’’ติฯ ปเรสํ กริยมาโน อนโตฺถ เอตฺถ อตฺถีติ อนโตฺถ, ตพฺภาโว อนตฺถตาติ อาห ‘‘อนตฺถการิตา’’ติฯ โย หิ ปเรสํ อนตฺถํ กโรติ, โส อตฺถโต อตฺตโน อนตฺถกาโร นาม, ตสฺมา อนตฺถตาติ อุภยานตฺถการิตาฯ อริโย วุจฺจติ สโตฺต, กุจฺฉิโต อริโย กทริโยฯ ยสฺส ธมฺมสฺส วเสน โส ‘‘กทริโย’’ติ วุจฺจติ, โส ธโมฺม กทริยตา, มจฺฉริยํฯ ตํ ปน ทุพฺพิสชฺชนียภาเว ฐิตํ สนฺธายาห ‘‘สุฎฺฐุ กทริยตา ถทฺธมจฺฉริยภา’’โวติฯ อวิปณฺณสภาวโต อุฎฺฐาตุํ อสโกฺกโนฺต จ อิณํ คณฺหโนฺต สํสีทโนฺตว อิณํ วิคาหติ นามฯ สูริเย อนุคฺคเต เอว กมฺมเนฺต อนารภโนฺต รตฺติํ อนุฎฺฐานสีโลฯ

    Pannasakhāti suraṃ pātuṃ panne paṭipajjante eva sakhāti pannasakhā. Tenāha ‘‘ayamevattho’’ti. ‘‘Sammiyasammiyo’’ti vacanamettha atthīti sammiyasammiyo. Tenāha ‘‘sammasammāti vadanto’’ti. Sahāyo hotīti sahāyo viya hoti. Otārameva gavesatīti randhameva pariyesati anatthamassa kātukāmo. Verappasavoti parehi attani verassa pasavanaṃ anupavattanaṃ. Tenāha ‘‘verabahulatā’’ti. Paresaṃ kariyamāno anattho ettha atthīti anattho, tabbhāvo anatthatāti āha ‘‘anatthakāritā’’ti. Yo hi paresaṃ anatthaṃ karoti, so atthato attano anatthakāro nāma, tasmā anatthatāti ubhayānatthakāritā. Ariyo vuccati satto, kucchito ariyo kadariyo. Yassa dhammassa vasena so ‘‘kadariyo’’ti vuccati, so dhammo kadariyatā, macchariyaṃ. Taṃ pana dubbisajjanīyabhāve ṭhitaṃ sandhāyāha ‘‘suṭṭhu kadariyatā thaddhamacchariyabhā’’voti. Avipaṇṇasabhāvato uṭṭhātuṃ asakkonto ca iṇaṃ gaṇhanto saṃsīdantova iṇaṃ vigāhati nāma. Sūriye anuggate eva kammante anārabhanto rattiṃ anuṭṭhānasīlo.

    อตฺถาติ ธนานิฯ อติกฺกมนฺตีติ อปคจฺฉนฺติฯ อถ วา อตฺถาติ กิจฺจานิฯ อติกฺกมนฺตีติ อติกฺกนฺตกาลานิ โหนฺติ, เตสํ อติกฺกโมปิ อตฺถโต ธนานเมว อติกฺกโมฯ อิมินา กถามเคฺคนาติ อิมินา ‘‘ยโต โข คหปติปุตฺตา’’ติอาทิ (ที. นิ. ๓.๒๔๔) นยปฺปวเตฺตน กถาสงฺขาเตน หิตาธิคมูปาเยนฯ เอตฺตกํ กมฺมนฺติ จตฺตาโร กมฺมกิเลสา, จตฺตาริ อคติคมนานิ, ฉ โภคานํ อปายมุขานีติ เอวํ วุตฺตํ จุทฺทสวิธํ ปาปกมฺมํฯ

    Atthāti dhanāni. Atikkamantīti apagacchanti. Atha vā atthāti kiccāni. Atikkamantīti atikkantakālāni honti, tesaṃ atikkamopi atthato dhanānameva atikkamo. Iminā kathāmaggenāti iminā ‘‘yato kho gahapatiputtā’’tiādi (dī. ni. 3.244) nayappavattena kathāsaṅkhātena hitādhigamūpāyena. Ettakaṃ kammanti cattāro kammakilesā, cattāri agatigamanāni, cha bhogānaṃ apāyamukhānīti evaṃ vuttaṃ cuddasavidhaṃ pāpakammaṃ.

    มิตฺตปติรูปกวณฺณนา

    Mittapatirūpakavaṇṇanā

    ๒๕๔. อนโตฺถติ ‘‘โภคชานิ, อายสกฺยํ, ปริสมเชฺฌ มงฺกุภาโว, สมฺมูฬฺหมรณ’’นฺติ เอวํ อาทิโก ทิฎฺฐธมฺมิโก ‘‘ทุคฺคติปริกิเลโส, สุคติยญฺจ อปฺปายุกตา, พหฺวาพาธตา, อติทลิทฺทตา, อปฺปนฺนปานตา’’ติ เอวํ อาทิโก จ อนโตฺถ อุปฺปชฺชติฯ ยานิ กานิจิ ภยานีติ อตฺตานุวาทภยปรานุวาทภยทณฺฑภยาทีนิ โลเก ลพฺภมานานิ ยานิ กานิจิ ภยานิฯ อุปทฺทวาติ อนฺตรายาฯ อุปสคฺคาติ สรีเรน สํสฎฺฐานิ วิย อุปรูปริ อุปฺปชฺชนกานิ พฺยสนานิฯ อญฺญทตฺถูติ เอกเนฺตนาติ เอตสฺมิํ อเตฺถ นิปาโต ‘‘อญฺญทตฺถุทโส’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๔๒) วิยาติ วุตฺตํ ‘‘เอกํเสนา’’ติฯ ยํ กิญฺจิ คหณโยคฺยํ หรติเยว คณฺหาติเยวฯ วาจา เอว ปรมา เอตสฺส กมฺมนฺติ วจีปรโมฯ เตนาห ‘‘วจนมเตฺตเนวา’’ติอาทิฯ อนุปฺปิยนฺติ ตกฺกนํ, ยํ วา ‘‘รุจี’’ติ วุจฺจติ เยหิ สุราปานาทีหิ โภคา อเปนฺติ วิคจฺฉนฺติ, เตสุ เตสํ อปาเยสุ พฺยสนเหตูสุ สหาโย โหติฯ

    254.Anatthoti ‘‘bhogajāni, āyasakyaṃ, parisamajjhe maṅkubhāvo, sammūḷhamaraṇa’’nti evaṃ ādiko diṭṭhadhammiko ‘‘duggatiparikileso, sugatiyañca appāyukatā, bahvābādhatā, atidaliddatā, appannapānatā’’ti evaṃ ādiko ca anattho uppajjati. Yāni kānici bhayānīti attānuvādabhayaparānuvādabhayadaṇḍabhayādīni loke labbhamānāni yāni kānici bhayāni. Upaddavāti antarāyā. Upasaggāti sarīrena saṃsaṭṭhāni viya uparūpari uppajjanakāni byasanāni. Aññadatthūti ekantenāti etasmiṃ atthe nipāto ‘‘aññadatthudaso’’tiādīsu (dī. ni. 1.42) viyāti vuttaṃ ‘‘ekaṃsenā’’ti. Yaṃ kiñci gahaṇayogyaṃ haratiyeva gaṇhātiyeva. Vācā eva paramā etassa kammanti vacīparamo. Tenāha ‘‘vacanamattenevā’’tiādi. Anuppiyanti takkanaṃ, yaṃ vā ‘‘rucī’’ti vuccati yehi surāpānādīhi bhogā apenti vigacchanti, tesu tesaṃ apāyesu byasanahetūsu sahāyo hoti.

    ๒๕๕. หารโกเยว โหติ, น ทายโก, ตมสฺส เอกํสโต หารกภาวํ ทเสฺสตุํ ‘‘สหายสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ยํ กิญฺจิ อปฺปกนฺติ ปุปฺผผลาทิ ยํ กิญฺจิ ปริตฺตํ วตฺถุํ ทตฺวา, พหุํ ปเตฺถติ พหุํ มหคฺฆํ วตฺถยุคาทิํ ปจฺจาสีสติฯ ทาโส วิย หุตฺวา มิตฺตสฺส ตํ ตํ กิจฺจํ กโรโนฺต กถํ อมิโตฺต นาม ชาโตติ อาห ‘‘อย’’นฺติอาทิฯ ยสฺส กิจฺจํ กโรติ อนตฺถปริหารตฺถํ, อตฺตโน มิตฺตภาวทสฺสนตฺถญฺจ, ตํ เสวติฯ อตฺถการณาติ วฑฺฒินิมิตฺตํ, อยเมเตสํ เภโทฯ

    255.Hārakoyeva hoti, na dāyako, tamassa ekaṃsato hārakabhāvaṃ dassetuṃ ‘‘sahāyassā’’tiādi vuttaṃ. Yaṃ kiñci appakanti pupphaphalādi yaṃ kiñci parittaṃ vatthuṃ datvā, bahuṃ pattheti bahuṃ mahagghaṃ vatthayugādiṃ paccāsīsati. Dāso viya hutvā mittassa taṃ taṃ kiccaṃ karonto kathaṃ amitto nāma jātoti āha ‘‘aya’’ntiādi. Yassa kiccaṃ karoti anatthaparihāratthaṃ, attano mittabhāvadassanatthañca, taṃ sevati. Atthakāraṇāti vaḍḍhinimittaṃ, ayametesaṃ bhedo.

    ๒๕๖. ปเรติ ปรทิวเสฯ น อาคโต สีติ อาคโต นาโหสิฯ ขีณนฺติ ตาทิสสฺส, อสุกสฺส จ ทินฺนตฺตาฯ สสฺสสงฺคเหติ สสฺสโต กาตพฺพธญฺญสงฺคเห กเตฯ

    256.Pareti paradivase. Na āgato sīti āgato nāhosi. Khīṇanti tādisassa, asukassa ca dinnattā. Sassasaṅgaheti sassato kātabbadhaññasaṅgahe kate.

    ๒๕๗. ‘‘ทานาทีสุ ยํ กิญฺจิ กโรมา’’ติ วุเตฺต ‘‘สาธุ สมฺม กโรมา’’ติ อนุชานาตีติ อิมมตฺถํ ‘‘กลฺยาเณปิ เอเสว นโย’’ติ อติทิสติฯ นนุ เอวํ อนุชานโนฺต อยํ มิโตฺต เอว, น อมิโตฺต มิตฺตปติรูปโกติ? อนุปฺปิยภาณีทสฺสนมตฺตเมตํฯ สหาเยน วา เทสกาลํ, ตสฺมิํ วา กเต อุปฺปชฺชนกวิโรธาทิํ อสลฺลเกฺขตฺวา ‘‘กโรมา’’ติ วุเตฺต โย ตํ ชานโนฺต เอว ‘‘สาธุ สมฺม กโรมา’’ติ อนุปฺปิยํ ภณติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘กลฺยาณํ ปิสฺส อนุชานาตี’’ติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘กลฺยาเณปิ เอเสว นโย’’ติฯ

    257. ‘‘Dānādīsu yaṃ kiñci karomā’’ti vutte ‘‘sādhu samma karomā’’ti anujānātīti imamatthaṃ ‘‘kalyāṇepi eseva nayo’’ti atidisati. Nanu evaṃ anujānanto ayaṃ mitto eva, na amitto mittapatirūpakoti? Anuppiyabhāṇīdassanamattametaṃ. Sahāyena vā desakālaṃ, tasmiṃ vā kate uppajjanakavirodhādiṃ asallakkhetvā ‘‘karomā’’ti vutte yo taṃ jānanto eva ‘‘sādhu samma karomā’’ti anuppiyaṃ bhaṇati, taṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘kalyāṇaṃ pissa anujānātī’’ti. Tena vuttaṃ ‘‘kalyāṇepi eseva nayo’’ti.

    ๒๕๙. มิตฺตปติรูปกา เอเต มิตฺตาติ เอวํ ชานิตฺวาฯ

    259.Mittapatirūpakā ete mittāti evaṃ jānitvā.

    สุหทมิตฺตวณฺณนา

    Suhadamittavaṇṇanā

    ๒๖๐. สุนฺทรหทยาติ เปมสฺส อตฺถิวเสน ภทฺทจิตฺตาฯ

    260.Sundarahadayāti pemassa atthivasena bhaddacittā.

    ๒๖๑. ปมตฺตํ รกฺขตีติ เอตฺถ ปมาทวเสน กิญฺจิ อยุเตฺต กเต ตาทิเส กาเล รกฺขณํ ‘‘ภีตสฺส สรณํ โหตี’’ติ อิมินาว ตํ คหิตนฺติ ตโต อญฺญเมว ปมตฺตสฺส รกฺขณวิธิํ ทเสฺสตุํ ‘‘มชฺชํ ปิวิตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เคเห อารกฺขํ อสํวิหิตสฺส พหิคมนมฺปิ ปมาทปกฺขิกเมวาติ ‘‘สหาโย พหิคโต วา โหตี’’ติ วุตฺตํฯ ภยํ หรโนฺตติ ภยํ ปฎิพาหโนฺตฯ โภคเหตุตาย ผลูปจาเรน ธนํ ‘‘โภค’’นฺติ วทติฯ กิจฺจกรณีเยติ ขุทฺทเก, มหเนฺต จ กาตเพฺพ อุปฺปเนฺนฯ

    261.Pamattaṃ rakkhatīti ettha pamādavasena kiñci ayutte kate tādise kāle rakkhaṇaṃ ‘‘bhītassa saraṇaṃ hotī’’ti imināva taṃ gahitanti tato aññameva pamattassa rakkhaṇavidhiṃ dassetuṃ ‘‘majjaṃ pivitvā’’tiādi vuttaṃ. Gehe ārakkhaṃ asaṃvihitassa bahigamanampi pamādapakkhikamevāti ‘‘sahāyo bahigato vā hotī’’ti vuttaṃ. Bhayaṃ harantoti bhayaṃ paṭibāhanto. Bhogahetutāya phalūpacārena dhanaṃ ‘‘bhoga’’nti vadati. Kiccakaraṇīyeti khuddake, mahante ca kātabbe uppanne.

    ๒๖๒. นิคูหิตุํ ยุตฺตกถนฺติ นิคูหิตุํ ฉาเทตุํ ยุตฺตกถํ, นิคูหิตุํ วา ยุตฺตา กถา เอตสฺสาติ นิคูหิตุํ ยุตฺตกถํ, อตฺตโน กมฺมํฯ รกฺขตีติ อนาวิกโรโนฺต ฉาเทติฯ ชีวิตมฺปีติ ปิ-สเทฺทน กิมงฺคํ ปน อญฺญํ ปริคฺคหิตวตฺถุนฺติ ทเสฺสติฯ

    262.Nigūhituṃ yuttakathanti nigūhituṃ chādetuṃ yuttakathaṃ, nigūhituṃ vā yuttā kathā etassāti nigūhituṃ yuttakathaṃ, attano kammaṃ. Rakkhatīti anāvikaronto chādeti. Jīvitampīti pi-saddena kimaṅgaṃ pana aññaṃ pariggahitavatthunti dasseti.

    ๒๖๓. ปสฺสเนฺตสุ ปสฺสเนฺตสูติ อาเมฑิตวจเนน นิวาริยมานสฺส ปาปสฺส ปุนปฺปุนํ กรณํ ทีเปติฯ ปุนปฺปุนํ กโรโนฺต หิ ปาปโต วิเสเสน นิวาเรตโพฺพ โหติฯ สรเณสูติ สรเณสุ วตฺตสฺสุ อภินฺนานิ กตฺวา ปฎิปชฺช, สรเณสุ วา อุปาสกภาเวน วตฺตสฺสุฯ นิปุณนฺติ สณฺหํฯ การณนฺติ กมฺมสฺสกตาทิเภทยุตฺตํฯ อิทํ กมฺมนฺติ อิมํ ทานาทิเภทํ กุสลกมฺมํฯ ‘‘กมฺม’’นฺติ สาธารณโต วุตฺตสฺสาปิ ตสฺส ‘‘สเคฺค นิพฺพตฺตนฺตี’’ติ ปทนฺตรสนฺนิธาเนน สทฺธาหิโรตฺตปฺปาโลภาทิคุณธมฺมสมงฺคิตา วิย กุสลภาโว โชติโต โหติฯ สทฺธาทโย หิ ธมฺมา สคฺคคามิมโคฺคฯ ยถาห –

    263.Passantesu passantesūti āmeḍitavacanena nivāriyamānassa pāpassa punappunaṃ karaṇaṃ dīpeti. Punappunaṃ karonto hi pāpato visesena nivāretabbo hoti. Saraṇesūti saraṇesu vattassu abhinnāni katvā paṭipajja, saraṇesu vā upāsakabhāvena vattassu. Nipuṇanti saṇhaṃ. Kāraṇanti kammassakatādibhedayuttaṃ. Idaṃ kammanti imaṃ dānādibhedaṃ kusalakammaṃ. ‘‘Kamma’’nti sādhāraṇato vuttassāpi tassa ‘‘sagge nibbattantī’’ti padantarasannidhānena saddhāhirottappālobhādiguṇadhammasamaṅgitā viya kusalabhāvo jotito hoti. Saddhādayo hi dhammā saggagāmimaggo. Yathāha –

    ‘‘สทฺธา หิริยํ กุสลญฺจ ทานํ,

    ‘‘Saddhā hiriyaṃ kusalañca dānaṃ,

    ธมฺมา เอเต สปฺปุริสานุยาตา;

    Dhammā ete sappurisānuyātā;

    เอตญฺหิ มคฺคํ ทิวิยํ วทนฺติ,

    Etañhi maggaṃ diviyaṃ vadanti,

    เอเตน หิ คจฺฉติ เทวโลก’’นฺติฯ (อ. นิ. ๘.๓๒);

    Etena hi gacchati devaloka’’nti. (a. ni. 8.32);

    ๒๖๔. ภวนํ สมฺปตฺติวฑฺฒนํ ภโวติ อโตฺถ, ตปฺปฎิเกฺขเปน อภโวติ อาห ‘‘อภเวน อวุฑฺฒิยา’’ติฯ ปาริชุญฺญนฺติ ชานิฯ อนตฺตมโน โหตีติ อตฺตมโน น โหติ อนุกมฺปกภาวโตฯ อญฺญทตฺถุ ตํ อภวํ อตฺตนิ อาปติตํ วิย มญฺญติฯ อิทานิ ตํ ภวํ สรูปโต ทเสฺสตุํ ‘‘ตถารูป’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ วิรูโปติ พีภโจฺฉฯ น ปาสาทิโกติ ตเสฺสว เววจนํฯ สุชาโตติ สุนฺทรชาติโก ชาติสมฺปโนฺนฯ

    264. Bhavanaṃ sampattivaḍḍhanaṃ bhavoti attho, tappaṭikkhepena abhavoti āha ‘‘abhavena avuḍḍhiyā’’ti. Pārijuññanti jāni. Anattamano hotīti attamano na hoti anukampakabhāvato. Aññadatthu taṃ abhavaṃ attani āpatitaṃ viya maññati. Idāni taṃ bhavaṃ sarūpato dassetuṃ ‘‘tathārūpa’’ntiādi vuttaṃ. Virūpoti bībhaccho. Na pāsādikoti tasseva vevacanaṃ. Sujātoti sundarajātiko jātisampanno.

    ๒๖๕. ชลนฺติ ชลโนฺตฯ อคฺคีวาติ อคฺคิกฺขโนฺธ วิยฯ ภาสตีติ วิโรจติฯ ยสฺมาสฺส ภควตา สวิเสสํ วิโรจนํ โลเก ปากฎภาวญฺจ ทเสฺสตุํ ‘‘ชลํ อคฺคีว ภาสตี’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา ยทา อคฺคิ สวิเสสํ วิโรจติ, ยตฺถ จ ฐิโต ทูเร ฐิตานมฺปิ ปญฺญายติ, ตํ ทสฺสนาทิวเสน ตมตฺถํ วิภาเวตุํ ‘‘รตฺติ’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ

    265.Jalanti jalanto. Aggīvāti aggikkhandho viya. Bhāsatīti virocati. Yasmāssa bhagavatā savisesaṃ virocanaṃ loke pākaṭabhāvañca dassetuṃ ‘‘jalaṃ aggīva bhāsatī’’ti vuttaṃ, tasmā yadā aggi savisesaṃ virocati, yattha ca ṭhito dūre ṭhitānampi paññāyati, taṃ dassanādivasena tamatthaṃ vibhāvetuṃ ‘‘ratti’’ntiādi vuttaṃ.

    ‘‘ภมรเสฺสว อิรียโต’’ติ เอเตเนวสฺส โภคสํหรณํ ธมฺมิกํ ญาโยเปตนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อตฺตานมฺปี’’ติอาทิมาหฯ ราสิํ กโรนฺตสฺสาติ ยถาสฺส ธนธญฺญาทิโภคชาตํ สมฺปิณฺฑิตํ ราสิภูตํ หุตฺวา ติฎฺฐติ, เอวํ อิรียโต อายูหนฺตสฺส จฯ จกฺกปฺปมาณนฺติ รถจกฺกปฺปมาณํฯ นิจยนฺติ วุฑฺฒิํ ปริวุฑฺฒิํฯ ‘‘โภคา สนฺนิจยํ ยนฺตี’’ติ เกจิ ปฐนฺติฯ

    ‘‘Bhamarasseva irīyato’’ti etenevassa bhogasaṃharaṇaṃ dhammikaṃ ñāyopetanti dassento ‘‘attānampī’’tiādimāha. Rāsiṃ karontassāti yathāssa dhanadhaññādibhogajātaṃ sampiṇḍitaṃ rāsibhūtaṃ hutvā tiṭṭhati, evaṃ irīyato āyūhantassa ca. Cakkappamāṇanti rathacakkappamāṇaṃ. Nicayanti vuḍḍhiṃ parivuḍḍhiṃ. ‘‘Bhogā sannicayaṃ yantī’’ti keci paṭhanti.

    สมาหตฺวาติ สํหริตฺวาฯ อลํ-สโทฺท ‘‘อลเมว สพฺพสงฺขาเรสุ นิพฺพินฺทิตุํ, อลํ วิรชฺชิตุ’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๗๒; สํ. นิ. ๒.๑๒๔, ๑๒๙, ๑๓๔, ๑๔๓) ยุตฺตนฺติ อิมมตฺถํ โชเตติ, ‘‘อลมริยญาณทสฺสนวิเสส’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๒๘) ปริยตฺตนฺติฯ โย เวฐิตโตฺตติอาทีสุ (สุ. นิ. ๒๑๗) วิย อตฺต-สโทฺท สภาวปริยาโยติ ตํ สพฺพํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยุตฺตสภาโว’’ติอาทิมาหฯ สณฺฐเปตุนฺติ สมฺมา ฐเปตุํ, สมฺมเทว ปวเตฺตตุนฺติ อโตฺถฯ

    Samāhatvāti saṃharitvā. Alaṃ-saddo ‘‘alameva sabbasaṅkhāresu nibbindituṃ, alaṃ virajjitu’’ntiādīsu (dī. ni. 2.272; saṃ. ni. 2.124, 129, 134, 143) yuttanti imamatthaṃ joteti, ‘‘alamariyañāṇadassanavisesa’’ntiādīsu (ma. ni. 1.328) pariyattanti. Yo veṭhitattotiādīsu (su. ni. 217) viya atta-saddo sabhāvapariyāyoti taṃ sabbaṃ dassento ‘‘yuttasabhāvo’’tiādimāha. Saṇṭhapetunti sammā ṭhapetuṃ, sammadeva pavattetunti attho.

    เอวํ วิภชโนฺตติ เอวํ วุตฺตนเยน อตฺตโน ธนํ จตุธา วิภชโนฺต วิภชนเหตุ มิตฺตานิ คนฺถติ โสฬส กลฺยาณมิตฺตานิ เมตฺตาย อชีราปเนน ปพนฺธติฯ เตนาห ‘‘อเภชฺชมานานิ ฐเปตี’’ติ ฯ กถํ ปน วุตฺตนเยน จตุธา โภคานํ วิภชเนน มิตฺตานิ คนฺถตีติ อาห ‘‘ยสฺส หี’’ติอาทิฯ เตนาห ภควา ‘‘ททํ มิตฺตานิ คนฺถตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๒๔๖)ฯ ภุเญฺชยฺยาติ อุปภุเญฺชยฺย, อุปยุเญฺชยฺย จาติ อโตฺถฯ สมณพฺราหฺมณกปณทฺธิกาทีนํ ทานวเสน เจว อธิวตฺถเทวตาทีนํ เปตพลิวเสน, นฺหาปิตาทีนํ เวตนวเสน จ วินิโยโคปิ อุปโยโค เอวฯ ตถา หิ วกฺขติ ‘‘อิเมสุ ปนา’’ติอาทิ อาโย นาม เหฎฺฐิมเนฺตน วยโต จตุคฺคุโณ อิจฺฉิตโพฺพ, อญฺญถา วโย อวิเจฺฉทวเสน น สนฺตาเนยฺย, นิเธยฺย, ภาเชยฺย จ อสมฺภเตติ วุตฺตํ ‘‘ทฺวีหิ กมฺมํ ปโยชเย’’ติฯ นิเธตฺวาติ นิทหิตฺวา, ภูมิคตํ กตฺวาติ อโตฺถฯ ราชาทิวเสนาติ อาทิ-สเทฺทน อคฺคิอุทกโจรทุพฺภิกฺขาทิเก สงฺคณฺหาติฯ นฺหาปิตาทีนนฺติ อาทิ-สเทฺทน กุลาลรชกาทีนํ สงฺคโหฯ

    Evaṃ vibhajantoti evaṃ vuttanayena attano dhanaṃ catudhā vibhajanto vibhajanahetu mittāni ganthati soḷasa kalyāṇamittāni mettāya ajīrāpanena pabandhati. Tenāha ‘‘abhejjamānāni ṭhapetī’’ti . Kathaṃ pana vuttanayena catudhā bhogānaṃ vibhajanena mittāni ganthatīti āha ‘‘yassa hī’’tiādi. Tenāha bhagavā ‘‘dadaṃ mittāni ganthatī’’ti (saṃ. ni. 1.246). Bhuñjeyyāti upabhuñjeyya, upayuñjeyya cāti attho. Samaṇabrāhmaṇakapaṇaddhikādīnaṃ dānavasena ceva adhivatthadevatādīnaṃ petabalivasena, nhāpitādīnaṃ vetanavasena ca viniyogopi upayogo eva. Tathā hi vakkhati ‘‘imesu panā’’tiādi āyo nāma heṭṭhimantena vayato catugguṇo icchitabbo, aññathā vayo avicchedavasena na santāneyya, nidheyya, bhājeyya ca asambhateti vuttaṃ ‘‘dvīhi kammaṃ payojaye’’ti. Nidhetvāti nidahitvā, bhūmigataṃ katvāti attho. Rājādivasenāti ādi-saddena aggiudakacoradubbhikkhādike saṅgaṇhāti. Nhāpitādīnanti ādi-saddena kulālarajakādīnaṃ saṅgaho.

    ฉทฺทิสาปฎิจฺฉาทนกณฺฑวณฺณนา

    Chaddisāpaṭicchādanakaṇḍavaṇṇanā

    ๒๖๖. จตูหิ การเณหีติ น ฉนฺทคมนาทีหิ จตูหิ การเณหิ ฯ อกุสลํ ปหายาติ ‘‘จตฺตาโร กมฺมกิเลสา’’ติ วุตฺตํ อกุสลเญฺจว อคติคมนากุสลญฺจ ปชหิตฺวาฯ ฉหิ การเณหีติ สุราปานาทีสุ อาทีนวทสฺสนสงฺขาเตหิ ฉหิ การเณหิฯ สุราปานานุโยคาทิเภทํ ฉพฺพิธํ โภคานํ อปายมุขํ วินาสมุขํ วเชฺชตฺวาฯ โสฬส มิตฺตานีติ อุปการาทิวเสน จตฺตาโร, ปมตฺตรกฺขณาทิกิจฺจวิเสสวเสน ปเจฺจกํ จตฺตาโร จตฺตาโร กตฺวา โสฬสวิเธ กลฺยาณมิเตฺต เสวโนฺต ภชโนฺตฯ สตฺถวาณิชฺชาทิมิจฺฉาชีวํ ปหาย ญาเยเนว วตฺตนโต ธมฺมิเกน อาชีเวน ชีวติฯ นมสฺสิตพฺพาติ อุปการวเสน, คุณวเสน จ นมสฺสิตพฺพา สพฺพทา นเตน หุตฺวา วตฺติตพฺพาฯ ทิสา-สทฺทสฺส อโตฺถ เหฎฺฐา วุโตฺต เอวฯ อาคมนภยนฺติ ตตฺถ สมฺมา อปฺปฎิปตฺติยา, มิจฺฉาปฎิปตฺติยา จ อุปฺปชฺชนกอนโตฺถฯ โส หิ ภายนฺติ เอตสฺมาติ ‘‘ภย’’นฺติ วุจฺจติฯ เยน การเณน มาตาปิตุอาทโย ปุรตฺถิมาทิภาเวน อปทิฎฺฐา, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ปุพฺพุปการิตายา’’ติอาทิ วุตฺตํ, เตน อตฺถสริกฺขตาย เนสํ ปุรตฺถิมาทิภาโวติ ทเสฺสติฯ ตถา หิ มาตาปิตโร ปุตฺตานํ ปุรตฺถิมภาเวน ตาว อุปการิภาเวน ทิสฺสนโต, อปทิสฺสนโต จ ปุรตฺถิมา ทิสาฯ อาจริยา อเนฺตวาสิกสฺส ทกฺขิณภาเวน, หิตาหิตํ ปติกุสลภาเวน ทกฺขิณารหตาย จ วุตฺตนเยน ทกฺขิณา ทิสาฯ อิมินา นเยน ‘‘ปจฺฉิมา ทิสา’’ติอาทีสุ ยถารหํ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ฆราวาสสฺส ทุกฺขพหุลตาย เต เต จ กิจฺจวิเสสา ยถาอุปฺปติตทุกฺขนิตฺถรณตฺถาติ วุตฺตํ ‘‘เต เต ทุกฺขวิเสเส อุตฺตรตี’’ติฯ ยสฺมา ทาสกมฺมกรา สามิกสฺส ปาทานํ ปยิรุปาสนวเสน เจว ตทนุจฺฉวิกกิจฺจสาธนวเสน จ เยภุเยฺยน สนฺติกาวจรา, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ปาทมูเล ปติฎฺฐานวเสนา’’ติฯ คุเณหีติ อุปริภาวาวเหหิ คุเณหิฯ อุปริ ฐิตภาเวนาติ สคฺคมเคฺค โมกฺขมเคฺค จ ปติฎฺฐิตภาเวนฯ

    266.Catūhi kāraṇehīti na chandagamanādīhi catūhi kāraṇehi . Akusalaṃ pahāyāti ‘‘cattāro kammakilesā’’ti vuttaṃ akusalañceva agatigamanākusalañca pajahitvā. Chahi kāraṇehīti surāpānādīsu ādīnavadassanasaṅkhātehi chahi kāraṇehi. Surāpānānuyogādibhedaṃ chabbidhaṃ bhogānaṃ apāyamukhaṃ vināsamukhaṃ vajjetvā. Soḷasa mittānīti upakārādivasena cattāro, pamattarakkhaṇādikiccavisesavasena paccekaṃ cattāro cattāro katvā soḷasavidhe kalyāṇamitte sevanto bhajanto. Satthavāṇijjādimicchājīvaṃ pahāya ñāyeneva vattanato dhammikena ājīvena jīvati. Namassitabbāti upakāravasena, guṇavasena ca namassitabbā sabbadā natena hutvā vattitabbā. Disā-saddassa attho heṭṭhā vutto eva. Āgamanabhayanti tattha sammā appaṭipattiyā, micchāpaṭipattiyā ca uppajjanakaanattho. So hi bhāyanti etasmāti ‘‘bhaya’’nti vuccati. Yena kāraṇena mātāpituādayo puratthimādibhāvena apadiṭṭhā, taṃ dassetuṃ ‘‘pubbupakāritāyā’’tiādi vuttaṃ, tena atthasarikkhatāya nesaṃ puratthimādibhāvoti dasseti. Tathā hi mātāpitaro puttānaṃ puratthimabhāvena tāva upakāribhāvena dissanato, apadissanato ca puratthimā disā. Ācariyā antevāsikassa dakkhiṇabhāvena, hitāhitaṃ patikusalabhāvena dakkhiṇārahatāya ca vuttanayena dakkhiṇā disā. Iminā nayena ‘‘pacchimā disā’’tiādīsu yathārahaṃ attho veditabbo. Gharāvāsassa dukkhabahulatāya te te ca kiccavisesā yathāuppatitadukkhanittharaṇatthāti vuttaṃ ‘‘te te dukkhavisese uttaratī’’ti. Yasmā dāsakammakarā sāmikassa pādānaṃ payirupāsanavasena ceva tadanucchavikakiccasādhanavasena ca yebhuyyena santikāvacarā, tasmā vuttaṃ ‘‘pādamūle patiṭṭhānavasenā’’ti. Guṇehīti uparibhāvāvahehi guṇehi. Upari ṭhitabhāvenāti saggamagge mokkhamagge ca patiṭṭhitabhāvena.

    ๒๖๗. ภโตติ โปสิโต, ตํ ปน ภรณํ ชาตกาลโต ปฎฺฐาย สุขปจฺจยูปหรเณน ทุกฺขปจฺจยาปหรเณน จ เตหิ ปวตฺติตนฺติ ทเสฺสตุํ ‘‘ถญฺญํ ปาเยตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ชคฺคิโตติ ปฎิชคฺคิโตฯ เตติ มาตาปิตโรฯ

    267.Bhatoti posito, taṃ pana bharaṇaṃ jātakālato paṭṭhāya sukhapaccayūpaharaṇena dukkhapaccayāpaharaṇena ca tehi pavattitanti dassetuṃ ‘‘thaññaṃ pāyetvā’’tiādi vuttaṃ. Jaggitoti paṭijaggito. Teti mātāpitaro.

    มาตาปิตูนํ สนฺตกํ เขตฺตาทิํ อวินาเสตฺวา รกฺขิตํ เตสํ ปรมฺปราย ฐิติยา การณํ โหตีติ ‘‘ตํ รกฺขโนฺต กุลวํสํ สณฺฐเปติ นามา’’ติ วุตฺตํฯ อธมฺมิกวํสโตติ ‘‘กุลปฺปเทสาทินา อตฺตนา สทิสํ เอกํ ปุริสํ ฆเฎตฺวา วา คีวายํ วา หเตฺถ วา พนฺธมณิยํ วา หาเรตพฺพ’’นฺติ เอวํ อาทินา ปวตฺตอธมฺมิกปเวณิโตฯ หาเรตฺวาติ อปเนตฺวา ตํ คาหํ วิสฺสชฺชาเปตฺวาฯ มาตาปิตโร ตโต คาหโต วิเวจเนเนว หิ อายติํ เตสํ ปรมฺปราหาริกา สิยาฯ ธมฺมิกวํเสติ หิํสาทิวิรติยา ธมฺมิเก วํเส ธมฺมิกาย ปเวณิยํฯ ฐเปโนฺตติ ปติฎฺฐเปโนฺตฯ สลากภตฺตาทีนิ อนุปจฺฉินฺทิตฺวาติ สลากภตฺตทานาทีนิ อวิจฺฉินฺทิตฺวาฯ

    Mātāpitūnaṃ santakaṃ khettādiṃ avināsetvā rakkhitaṃ tesaṃ paramparāya ṭhitiyā kāraṇaṃ hotīti ‘‘taṃ rakkhanto kulavaṃsaṃ saṇṭhapeti nāmā’’ti vuttaṃ. Adhammikavaṃsatoti ‘‘kulappadesādinā attanā sadisaṃ ekaṃ purisaṃ ghaṭetvā vā gīvāyaṃ vā hatthe vā bandhamaṇiyaṃ vā hāretabba’’nti evaṃ ādinā pavattaadhammikapaveṇito. Hāretvāti apanetvā taṃ gāhaṃ vissajjāpetvā. Mātāpitaro tato gāhato vivecaneneva hi āyatiṃ tesaṃ paramparāhārikā siyā. Dhammikavaṃseti hiṃsādiviratiyā dhammike vaṃse dhammikāya paveṇiyaṃ. Ṭhapentoti patiṭṭhapento. Salākabhattādīni anupacchinditvāti salākabhattadānādīni avicchinditvā.

    ทายชฺชํ ปฎิปชฺชามีติ เอตฺถ ยสฺมา ทายปฎิลาภสฺส โยคฺยภาเวน วตฺตมาโนเยว ทายชฺชํ ปฎิปชฺชติ นาม, น อิตโร, ตสฺมา ตมตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘มาตาปิตโร’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ทารเกติ ปุเตฺตฯ วินิจฺฉยํ ปตฺวาติ ‘‘ปุตฺตสฺส จชวิสฺสชฺชน’’นฺติ เอวํ อาคตํ วินิจฺฉยํ อาคมฺมฯ ทายชฺชํ ปฎิปชฺชามีติ วุตฺตนฺติ ‘‘ทายชฺชํ ปฎิปชฺชามี’’ ติ อิทํ จตุตฺถํ วตฺตนฎฺฐานํ วุตฺตํฯ เตสนฺติ มาตาปิตูนํฯ ตติยทิวสโต ปฎฺฐายาติ มตทิวสโต ตติยทิวสโต ปฎฺฐายฯ

    Dāyajjaṃ paṭipajjāmīti ettha yasmā dāyapaṭilābhassa yogyabhāvena vattamānoyeva dāyajjaṃ paṭipajjati nāma, na itaro, tasmā tamatthaṃ dassetuṃ ‘‘mātāpitaro’’tiādi vuttaṃ. Dāraketi putte. Vinicchayaṃ patvāti ‘‘puttassa cajavissajjana’’nti evaṃ āgataṃ vinicchayaṃ āgamma. Dāyajjaṃ paṭipajjāmīti vuttanti ‘‘dāyajjaṃ paṭipajjāmī’’ ti idaṃ catutthaṃ vattanaṭṭhānaṃ vuttaṃ. Tesanti mātāpitūnaṃ. Tatiyadivasato paṭṭhāyāti matadivasato tatiyadivasato paṭṭhāya.

    ปาปโต นิวารณํ นาม อนาคตวิสยํฯ สมฺปตฺตวตฺถุโตปิ หิ นิวารณํ วีติกฺกเม อนาคเต เอว สิยา, น วตฺตมาเนฯ นิพฺพตฺติตา ปน ปาปกิริยา ครหณมตฺตปฎิการาติ อาห ‘‘กตมฺปิ ครหนฺตี’’ติฯ นิเวเสนฺตีติ ปติฎฺฐเปนฺติฯ วุตฺตปฺปการา มาตาปิตโร อนวชฺชเมว สิปฺปํ สิกฺขาเปนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘มุทฺทาคณนาทิสิปฺป’’นฺติฯ รูปาทีหีติ อาทิ-สเทฺทน โภคปริวาราทิํ สงฺคณฺหาติฯ อนุรูเปนาติ อนุจฺฉวิเกนฯ

    Pāpato nivāraṇaṃ nāma anāgatavisayaṃ. Sampattavatthutopi hi nivāraṇaṃ vītikkame anāgate eva siyā, na vattamāne. Nibbattitā pana pāpakiriyā garahaṇamattapaṭikārāti āha ‘‘katampi garahantī’’ti. Nivesentīti patiṭṭhapenti. Vuttappakārā mātāpitaro anavajjameva sippaṃ sikkhāpentīti vuttaṃ ‘‘muddāgaṇanādisippa’’nti. Rūpādīhīti ādi-saddena bhogaparivārādiṃ saṅgaṇhāti. Anurūpenāti anucchavikena.

    นิจฺจภูโต สมโย อภิณฺหกรณกาโลฯ อภิณฺหโตฺถ หิ อยํ นิจฺจ-สโทฺท ‘‘นิจฺจปหํสิโต นิจฺจปหโฎฺฐ’’ติอาทีสุ วิยฯ ยุตฺตปตฺตกาโล เอว สมโย กาลสมโยฯ ‘‘อุฎฺฐาย สมุฎฺฐายา’’ติ อิมินาสฺส นิจฺจเมว ทาเน เตสํ ยุตฺตปยุตฺตตํ ทเสฺสติฯ สิขาฐปนํ ทารกกาเลฯ อาวาหวิวาหํ ปุตฺตธีตูนํ โยพฺพนปฺปตฺตกาเลฯ

    Niccabhūto samayo abhiṇhakaraṇakālo. Abhiṇhattho hi ayaṃ nicca-saddo ‘‘niccapahaṃsito niccapahaṭṭho’’tiādīsu viya. Yuttapattakālo eva samayo kālasamayo. ‘‘Uṭṭhāya samuṭṭhāyā’’ti imināssa niccameva dāne tesaṃ yuttapayuttataṃ dasseti. Sikhāṭhapanaṃ dārakakāle. Āvāhavivāhaṃ puttadhītūnaṃ yobbanappattakāle.

    ตํ ภยํ ยถา นาคจฺฉติ, เอวํ ปิหิตา โหติ ‘‘ปุรตฺถิมา ทิสา’’ติ วิภตฺติํ ปริณาเมตฺวา โยชนาฯ ยถา ปน ตํ ภยํ อาคเจฺฉยฺย, ยถา จ นาคเจฺฉยฺย, ตทุภยํ ทเสฺสตุํ ‘‘สเจ หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ วิปฺปฎิปนฺนาติ ‘‘ภโต เน ภริสฺสามี’’ติอาทินา อุตฺตสมฺมาปฎิปตฺติยา อการเณน เจว ตปฺปฎิปกฺขมิจฺฉาปฎิปตฺติยา อกรเณน จ วิปฺปฎิปนฺนา ปุตฺตา อสฺสุฯ เอตํ ภยนฺติ เอตํ ‘‘มาตาปิตูนํ อปฺปติรูปาติ วิญฺญูนํ ครหิตพฺพตาภยํ, ปรวาทภย’’นฺติ เอวมาทิ อาคเจฺฉยฺย ปุเตฺตสุฯ ปุตฺตานํ นานุรูปาติ เอตฺถ ‘‘ปุตฺตาน’’นฺติ ปทํ เอตํ ภยํ ปุตฺตานํ อาคเจฺฉยฺยาติ เอวํ อิธาปิ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํฯ ตาทิสานญฺหิ มาตาปิตูนํ ปุตฺตานํ โอวาทานุสาสนิโย ทาตุํ สมตฺถกาลโต ปฎฺฐาย ตา เตสํ ทาตพฺพา เอวาติ กตฺวา ตถา วุตฺตํฯ ปุตฺตานญฺหิ วเสนายํ เทสนา อนาคตา สมฺมาปฎิปเนฺนสุ อุโภสุ อตฺตโน, มาตาปิตูนญฺจ วเสน อุปฺปชฺชนกตาย สพฺพํ ภยํ น โหติ สมฺมาปฎิปนฺนตฺตาฯ เอวํ ปฎิปนฺนตฺตา เอว ปฎิจฺฉนฺนา โหติ ตตฺถ กาตพฺพปฎิสนฺถารสฺส สมฺมเทว กตตฺตาฯ เขมาติ อนุปทฺทวาฯ ยถาวุตฺตสมฺมาปฎิปตฺติยา อกรเณน หิ อุปฺปชฺชนกอุปทฺทวา กรเณน น โหนฺตีติฯ

    Taṃ bhayaṃ yathā nāgacchati, evaṃ pihitā hoti ‘‘puratthimā disā’’ti vibhattiṃ pariṇāmetvā yojanā. Yathā pana taṃ bhayaṃ āgaccheyya, yathā ca nāgaccheyya, tadubhayaṃ dassetuṃ ‘‘sace hī’’tiādi vuttaṃ. Vippaṭipannāti ‘‘bhato ne bharissāmī’’tiādinā uttasammāpaṭipattiyā akāraṇena ceva tappaṭipakkhamicchāpaṭipattiyā akaraṇena ca vippaṭipannā puttā assu. Etaṃ bhayanti etaṃ ‘‘mātāpitūnaṃ appatirūpāti viññūnaṃ garahitabbatābhayaṃ, paravādabhaya’’nti evamādi āgaccheyya puttesu. Puttānaṃ nānurūpāti ettha ‘‘puttāna’’nti padaṃ etaṃ bhayaṃ puttānaṃ āgaccheyyāti evaṃ idhāpi ānetvā sambandhitabbaṃ. Tādisānañhi mātāpitūnaṃ puttānaṃ ovādānusāsaniyo dātuṃ samatthakālato paṭṭhāya tā tesaṃ dātabbā evāti katvā tathā vuttaṃ. Puttānañhi vasenāyaṃ desanā anāgatā sammāpaṭipannesu ubhosu attano, mātāpitūnañca vasena uppajjanakatāya sabbaṃ bhayaṃ na hoti sammāpaṭipannattā. Evaṃ paṭipannattā eva paṭicchannā hoti tattha kātabbapaṭisanthārassa sammadeva katattā. Khemāti anupaddavā. Yathāvuttasammāpaṭipattiyā akaraṇena hi uppajjanakaupaddavā karaṇena na hontīti.

    ‘‘น โข เต’’ติอาทินา วุโตฺต สงฺคีติอนารุโฬฺห ภควตา ตทา ตสฺส วุโตฺต ปรมฺปราคโต อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ เตนาห ‘‘ภควา สิงฺคาลกํ เอตทโวจา’’ติฯ อยญฺหีติ เอตฺถ หิ-สโทฺท อวธารเณฯ ตถา หิ ‘‘โน อญฺญา’’ติ อญฺญทิสํ นิวเตฺตติฯ

    ‘‘Na kho te’’tiādinā vutto saṅgītianāruḷho bhagavatā tadā tassa vutto paramparāgato attho veditabbo. Tenāha ‘‘bhagavā siṅgālakaṃ etadavocā’’ti. Ayañhīti ettha hi-saddo avadhāraṇe. Tathā hi ‘‘no aññā’’ti aññadisaṃ nivatteti.

    ๒๖๘. อาจริยํ ทูรโตว ทิสฺวา อุฎฺฐานวจเนเนว ตสฺส ปจฺจุคฺคมนาทิสามีจิกิริยา อวุตฺตสิทฺธาติ ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา’’ติอาทิมาหฯ อุปฎฺฐาเนนาติ ปยิรุปาสเนนฯ ติกฺขตฺตุํอุปฎฺฐานคมเนนาติ ปาโต, มชฺฌนฺหิเก, สายนฺติ ตีสุ กาเลสุ อุปฎฺฐานตฺถํ อุปคมเนนฯ สิปฺปุคฺคหณตฺถํ ปน อุปคมนํ อุปฎฺฐานโนฺตคธํ ปโยชนวเสน คมนภาวโตติ อาห ‘‘สิปฺปุคฺคหณ…เป.… โหตี’’ติฯ โสตุํ อิจฺฉา สุสฺสูสา, สา ปน อาจริเย สิกฺขิตพฺพสิเกฺข จ อาทรคารวปุพฺพิกา อิจฺฉิตพฺพา ‘‘อทฺธา อิมินา สิเปฺปน สิกฺขิเตน เอวรูปํคุณํ ปฎิลภิสฺสามี’’ติฯ ตถาภูตญฺจ ตํ สวนํ สทฺธาปุพฺพงฺคมํ โหตีติ อาห ‘‘สทฺทหิตฺวา สวเนนา’’ติฯ วุตฺตเมวตฺถํ พฺยติเรกวเสน ทเสฺสตุํ ‘‘อสทฺทหิตฺวา…เป.… นาธิคจฺฉตี’’ติ วุตฺตํฯ ตสฺมา ตสฺสโตฺถ วุตฺตปฎิปกฺขนเยน เวทิตโพฺพฯ ยํ สนฺธาย ‘‘อวเสสขุทฺทกปาริจริยายา’’ติ วุตฺตํ, ตํ วิภชนํ อนวเสสโต ทเสฺสตุํ ‘‘อเนฺตวาสิเกน หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ปจฺจุปฎฺฐานาทีนีติ อาทิ-สเทฺทน อาสนปญฺญาปนํ พีชนนฺติ เอวมาทิํ สงฺคณฺหาติฯ อเนฺตวาสิกวตฺตนฺติ อเนฺตวาสิเกน อาจริยมฺหิ สมฺมาวตฺติตพฺพวตฺตํฯ สิปฺปปฎิคฺคหเณนาติ สิปฺปคนฺถสฺส สกฺกจฺจํ อุคฺคหเณนฯ ตสฺส หิ สุฎฺฐุ อุคฺคหเณน ตทนุสาเรนสฺส ปโยโคปิ สมฺมเทว อุคฺคหิโต โหตีติฯ เตนาห ‘‘โถกํ คเหตฺวา’’ติอาทิฯ

    268. Ācariyaṃ dūratova disvā uṭṭhānavacaneneva tassa paccuggamanādisāmīcikiriyā avuttasiddhāti taṃ dassento ‘‘paccuggamanaṃ katvā’’tiādimāha. Upaṭṭhānenāti payirupāsanena. Tikkhattuṃupaṭṭhānagamanenāti pāto, majjhanhike, sāyanti tīsu kālesu upaṭṭhānatthaṃ upagamanena. Sippuggahaṇatthaṃ pana upagamanaṃ upaṭṭhānantogadhaṃ payojanavasena gamanabhāvatoti āha ‘‘sippuggahaṇa…pe… hotī’’ti. Sotuṃ icchā sussūsā, sā pana ācariye sikkhitabbasikkhe ca ādaragāravapubbikā icchitabbā ‘‘addhā iminā sippena sikkhitena evarūpaṃguṇaṃ paṭilabhissāmī’’ti. Tathābhūtañca taṃ savanaṃ saddhāpubbaṅgamaṃ hotīti āha ‘‘saddahitvā savanenā’’ti. Vuttamevatthaṃ byatirekavasena dassetuṃ ‘‘asaddahitvā…pe… nādhigacchatī’’ti vuttaṃ. Tasmā tassattho vuttapaṭipakkhanayena veditabbo. Yaṃ sandhāya ‘‘avasesakhuddakapāricariyāyā’’ti vuttaṃ, taṃ vibhajanaṃ anavasesato dassetuṃ ‘‘antevāsikena hī’’tiādi vuttaṃ. Paccupaṭṭhānādīnīti ādi-saddena āsanapaññāpanaṃ bījananti evamādiṃ saṅgaṇhāti. Antevāsikavattanti antevāsikena ācariyamhi sammāvattitabbavattaṃ. Sippapaṭiggahaṇenāti sippaganthassa sakkaccaṃ uggahaṇena. Tassa hi suṭṭhu uggahaṇena tadanusārenassa payogopi sammadeva uggahito hotīti. Tenāha ‘‘thokaṃ gahetvā’’tiādi.

    สุวินีตํ วิเนนฺตีติ อิธ อาจารวินโย อธิเปฺปโตฯ สิปฺปสฺมิํ ปน สิกฺขาปนวินโย ‘‘สุคฺคหิตํ คาหาเปนฺตี’’ติ อิมินาว สงฺคหิโตติ วุตฺตํ ‘‘เอวํ เต นิสีทิตพฺพ’’นฺติอาทิฯ อาจริยา หิ นาม อเนฺตวาสิเก น ทิฎฺฐธมฺมิเก เอว วิเนนฺติ, อถ โข สมฺปรายิเกปีติ อาห ‘‘ปาปมิตฺตา วเชฺชตพฺพา’’ติฯ สิปฺปคนฺถสฺส อุคฺคณฺหนํ นาม ยาวเทว ปโยคสมฺปาทนตฺถนฺติ อาห ‘‘ปโยคํ ทเสฺสตฺวา คณฺหาเปนฺตี’’ติฯ มิตฺตามเจฺจสูติ อตฺตโน มิตฺตามเจฺจสุฯ ปฎิยาเทนฺตีติ ปริคฺคเหตฺวา นํ มมตฺตวเสน ปฎิยาเทนฺติฯ ‘‘อยํ อมฺหากํ อเนฺตวาสิโก’’ติอาทินา หิ อตฺตโน ปริคฺคหิตทสฺสนมุเขน เจว ‘‘พหุสฺสุโต’’ติอาทินา ตสฺส คุณปริคฺคณฺหนมุเข จ ตํ เตสํ ปฎิยาเทนฺติฯ สพฺพทิสาสุ รกฺขํ กโรนฺติ จาตุทฺทิสภาวสมฺปาทเนนสฺส สพฺพตฺถ สุขชีวิภาวสาธนโตฯ เตนาห ‘‘อุคฺคหิตสิโปฺป หี’’ติอาทิฯ สตฺตานญฺหิ ทุวิธา สรีรรกฺขา อพฺภนฺตรปริสฺสยปฎิฆาเตน, พาหิรปริสฺสยปฎิฆาเตน จฯ ตตฺถ อพฺภนฺตรปริสฺสโย ขุปฺปิปาสาทิเภโท, โส ลาภสิทฺธิยา ปฎิหญฺญติ ตาย ตชฺชาปริหารสํวิธานโตฯ พาหิรปริสฺสโย โจรอมนุสฺสาทิเหตุโก, โส วิชฺชาสิทฺธิยา ปฎิหญฺญติ ตาย ตชฺชาปริหารสํวิธานโตฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ยํ ยํ ทิส’’นฺติอาทิฯ

    Suvinītaṃ vinentīti idha ācāravinayo adhippeto. Sippasmiṃ pana sikkhāpanavinayo ‘‘suggahitaṃ gāhāpentī’’ti imināva saṅgahitoti vuttaṃ ‘‘evaṃ te nisīditabba’’ntiādi. Ācariyā hi nāma antevāsike na diṭṭhadhammike eva vinenti, atha kho samparāyikepīti āha ‘‘pāpamittā vajjetabbā’’ti. Sippaganthassa uggaṇhanaṃ nāma yāvadeva payogasampādanatthanti āha ‘‘payogaṃ dassetvā gaṇhāpentī’’ti. Mittāmaccesūti attano mittāmaccesu. Paṭiyādentīti pariggahetvā naṃ mamattavasena paṭiyādenti. ‘‘Ayaṃ amhākaṃ antevāsiko’’tiādinā hi attano pariggahitadassanamukhena ceva ‘‘bahussuto’’tiādinā tassa guṇapariggaṇhanamukhe ca taṃ tesaṃ paṭiyādenti. Sabbadisāsu rakkhaṃ karonti cātuddisabhāvasampādanenassa sabbattha sukhajīvibhāvasādhanato. Tenāha ‘‘uggahitasippo hī’’tiādi. Sattānañhi duvidhā sarīrarakkhā abbhantaraparissayapaṭighātena, bāhiraparissayapaṭighātena ca. Tattha abbhantaraparissayo khuppipāsādibhedo, so lābhasiddhiyā paṭihaññati tāya tajjāparihārasaṃvidhānato. Bāhiraparissayo coraamanussādihetuko, so vijjāsiddhiyā paṭihaññati tāya tajjāparihārasaṃvidhānato. Tena vuttaṃ ‘‘yaṃ yaṃ disa’’ntiādi.

    ปุเพฺพ ‘‘อุคฺคหิตสิโปฺป หี’’ติอาทินา สิปฺปสิกฺขาปเนเนว ลาภุปฺปตฺติยา ทิสาสุ ปริตฺตาณกรณํ ทสฺสิตํ, อิทานิ ‘‘ยํ วา โส’’ติอาทินา ตสฺส อุคฺคหิตสิปฺปสฺส นิปฺผตฺติวเสน คุณกิตฺตนมุเขน ปคฺคณฺหเนนปิ ลาภุปฺปตฺติยาติ อยเมเตสํ วิกปฺปานํ เภโทฯ เสสนฺติ ‘‘ปฎิจฺฉนฺนา โหตี’’ติอาทิกํ ปาฬิอาคตํ, ‘‘เอวญฺจ ปน วตฺวา’’ติอาทิกํ อฎฺฐกถาคตญฺจฯ เอตฺถาติ เอตสฺมิํ ทุติยทิสาวาเรฯ ปุริมนเยเนวาติ ปุเพฺพ ปฐมทิสาวาเร วุตฺตนเยเนวฯ

    Pubbe ‘‘uggahitasippo hī’’tiādinā sippasikkhāpaneneva lābhuppattiyā disāsu parittāṇakaraṇaṃ dassitaṃ, idāni ‘‘yaṃ vā so’’tiādinā tassa uggahitasippassa nipphattivasena guṇakittanamukhena paggaṇhanenapi lābhuppattiyāti ayametesaṃ vikappānaṃ bhedo. Sesanti ‘‘paṭicchannā hotī’’tiādikaṃ pāḷiāgataṃ, ‘‘evañca pana vatvā’’tiādikaṃ aṭṭhakathāgatañca. Etthāti etasmiṃ dutiyadisāvāre. Purimanayenevāti pubbe paṭhamadisāvāre vuttanayeneva.

    ๒๖๙. สมฺมานนา นาม สมฺภาวนา, สา ปน อตฺถจริยาลกฺขณา จ ทานลกฺขณา จ จตุตฺถปญฺจมฎฺฐาเนเหว สงฺคหิตาติ ปิยวจนลกฺขณํ ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘สมฺภาวิตกถากถเนนา’’ติ วุตฺตํฯ วิคตมานนา วิมานนา, น วิมานนา อวิมานนา, วิมานนาย อกรณํฯ เตนาห ‘‘ยถา ทาสกมฺมกราทโย’’ติอาทิฯ สามิเกน หิ วิมานิตานํ อิตฺถีนํ สโพฺพ ปริชโน วิมาเนติเยว ฯ ปริจรโนฺตติ อินฺทฺริยานิ ปริจรโนฺตฯ ตํ อติจรติ นาม ตํ อตฺตโน คิหินิํ อติมญฺญิตฺวา อคเณตฺวา วตฺตนโตฯ อิสฺสริยโวสฺสเคฺคนาติ เอตฺถ ยาทิโส อิสฺสริยโวสฺสโคฺค คิหินิยา อนุจฺฉวิโก, ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ภตฺตเคเห วิสฺสเฎฺฐ’’ติ อาหฯ เคเห เอว ฐตฺวา วิจาเรตพฺพมฺปิ หิ กสิวาณิชฺชาทิกมฺมํ กุลิตฺถิยา ภาโร น โหติ, สามิกเสฺสว ภาโร, ตโต อาคตสาปเตยฺยํ ปน ตาย สุคุตฺตํ กตฺวา ฐเปตพฺพํ โหติฯ ‘‘สพฺพํ อิสฺสริยํ วิสฺสฎฺฐํ นาม โหตี’’ติ เอตา มญฺญนฺตีติ อธิปฺปาโยฯ อิตฺถิโย นาม ปุตฺตลาเภน วิย มหคฺฆวิปุลาลงฺการลาเภนปิ น สนฺตุสฺสเนฺตวาติ ตาสํ โตสนํ อลงฺการทานนฺติ อาห ‘‘อตฺตโน วิภวานุรูเปนา’’ติฯ

    269.Sammānanā nāma sambhāvanā, sā pana atthacariyālakkhaṇā ca dānalakkhaṇā ca catutthapañcamaṭṭhāneheva saṅgahitāti piyavacanalakkhaṇaṃ taṃ dassetuṃ ‘‘sambhāvitakathākathanenā’’ti vuttaṃ. Vigatamānanā vimānanā, na vimānanā avimānanā, vimānanāya akaraṇaṃ. Tenāha ‘‘yathā dāsakammakarādayo’’tiādi. Sāmikena hi vimānitānaṃ itthīnaṃ sabbo parijano vimānetiyeva . Paricarantoti indriyāni paricaranto. Taṃ aticarati nāma taṃ attano gihiniṃ atimaññitvā agaṇetvā vattanato. Issariyavossaggenāti ettha yādiso issariyavossaggo gihiniyā anucchaviko, taṃ dassento ‘‘bhattagehe vissaṭṭhe’’ti āha. Gehe eva ṭhatvā vicāretabbampi hi kasivāṇijjādikammaṃ kulitthiyā bhāro na hoti, sāmikasseva bhāro, tato āgatasāpateyyaṃ pana tāya suguttaṃ katvā ṭhapetabbaṃ hoti. ‘‘Sabbaṃ issariyaṃ vissaṭṭhaṃ nāma hotī’’ti etā maññantīti adhippāyo. Itthiyo nāma puttalābhena viya mahagghavipulālaṅkāralābhenapi na santussantevāti tāsaṃ tosanaṃ alaṅkāradānanti āha ‘‘attano vibhavānurūpenā’’ti.

    กุลิตฺถิยา สํวิหิตพฺพกมฺมนฺตา นาม อาหารสมฺปาทนวิจารปฺปการาติ อาห ‘‘ยาคุภตฺตปจนกาลาทีนี’’ติอาทิฯ สมฺมานนาทีหิ ยถารหํ ปิยวจเนหิ เจว โภชนทานาทีหิ จ ปเหณกเปสนาทีหิ อญฺญโต, ตเตฺถว วา อุปฺปนฺนสฺส ปณฺณาการสฺส ฉณทิวสาทีสุ เปเสตพฺพปิยภเณฺฑหิ จ สงฺคหิตปริชนาฯ เคหสามินิยา อโนฺตเคหชโน นิจฺจํ สงฺคหิโต เอวาติ วุตฺตํ ‘‘อิธ ปริชโน นาม…เป.… ญาติชโน’’ติฯ อาภตธนนฺติ พาหิรโต อโนฺตเคหํ ปเวสิตธนํฯ คิหินิยา นาม ปฐมํ อาหารสมฺปาทเน โกสลฺลํ อิจฺฉิตพฺพํ, ตตฺถ จ ยุตฺตปยุตฺตตา, ตโต สามิกสฺส อิตฺถิชนายเตฺตสุ กิจฺจากิเจฺจสุ, ตโต ปุตฺตานํ ปริชนสฺส กาตพฺพกิเจฺจสูติ อาห ‘‘ยาคุภตฺตสมฺปาทนาทีสู’’ติอาทิฯ ‘‘นิโกฺกสชฺชา’’ติ วตฺวา ตเมว นิโกฺกสชฺชตํ พฺยติเรกโต, อนฺวยโต จ วิภาเวตุํ ‘‘ยถา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อิธาติ อิมสฺมิํ ตติยทิสาวาเรฯ ปุริมนเยเนวาติ ปฐมทิสาวาเร วุตฺตนเยเนวฯ อิติ ภควา ‘‘ปจฺฉิมา ทิสา ปุตฺตทารา’’ติ อุทฺทิสิตฺวาปิ ทารวเสเนว ปจฺฉิมํ ทิสํ วิสฺสเชฺชสิ, น ปุตฺตวเสนฯ กสฺมา? ปุตฺตา หิ ทารกกาเล อตฺตโน มาตุ อนุคฺคณฺหเนเนว อนุคฺคหิตา โหนฺติ อนุกมฺปิตา, วิญฺญุตํ ปตฺตกาเล ปน ยถา เตปิ ตทา อนุคฺคเหตพฺพา, สฺวายํ วิธิ ‘‘ปาปา นิวาเรนฺตี’’ติอาทินา ปฐมทิสาวาเร ทสฺสิโต เอวาติ กิํ ปุน วิสฺสชฺชเนนาติฯ ทานาทิสงฺคหวตฺถูสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฎฺฐา วุตฺตเมวาติฯ

    Kulitthiyā saṃvihitabbakammantā nāma āhārasampādanavicārappakārāti āha ‘‘yāgubhattapacanakālādīnī’’tiādi. Sammānanādīhi yathārahaṃ piyavacanehi ceva bhojanadānādīhi ca paheṇakapesanādīhi aññato, tattheva vā uppannassa paṇṇākārassa chaṇadivasādīsu pesetabbapiyabhaṇḍehi ca saṅgahitaparijanā. Gehasāminiyā antogehajano niccaṃ saṅgahito evāti vuttaṃ ‘‘idha parijano nāma…pe… ñātijano’’ti. Ābhatadhananti bāhirato antogehaṃ pavesitadhanaṃ. Gihiniyā nāma paṭhamaṃ āhārasampādane kosallaṃ icchitabbaṃ, tattha ca yuttapayuttatā, tato sāmikassa itthijanāyattesu kiccākiccesu, tato puttānaṃ parijanassa kātabbakiccesūti āha ‘‘yāgubhattasampādanādīsū’’tiādi. ‘‘Nikkosajjā’’ti vatvā tameva nikkosajjataṃ byatirekato, anvayato ca vibhāvetuṃ ‘‘yathā’’tiādi vuttaṃ. Idhāti imasmiṃ tatiyadisāvāre. Purimanayenevāti paṭhamadisāvāre vuttanayeneva. Iti bhagavā ‘‘pacchimā disā puttadārā’’ti uddisitvāpi dāravaseneva pacchimaṃ disaṃ vissajjesi, na puttavasena. Kasmā? Puttā hi dārakakāle attano mātu anuggaṇhaneneva anuggahitā honti anukampitā, viññutaṃ pattakāle pana yathā tepi tadā anuggahetabbā, svāyaṃ vidhi ‘‘pāpā nivārentī’’tiādinā paṭhamadisāvāre dassito evāti kiṃ puna vissajjanenāti. Dānādisaṅgahavatthūsu yaṃ vattabbaṃ, taṃ heṭṭhā vuttamevāti.

    ๒๗๐. จตฺตาริปิ ฐานานิ ลงฺฆิตฺวา ปญฺจมเมว ฐานํ วิวริตุํ ‘‘อวิสํวาทนตายา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ยสฺส ยสฺส นามํ คณฺหาตีติ สหาโย อตฺถิกภาเวน ยสฺส ยสฺส วตฺถุโน นามํ กเถติฯ อวิสํวาเทตฺวาติ เอตฺถ ทุวิธํ อวิสํวาทนํ วาจาย, ปโยเคน จาติ ตํ ทุวิธมฺปิ ทเสฺสตุํ ‘‘อิทมฺปี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘ทาเนนา’’ติ จ อิทํ นิทสฺสนมตฺตํ ทฎฺฐพฺพํ อิตรสงฺคหวตฺถุวเสนปิ อวิสํวาเทตฺวา สงฺคณฺหนสฺส ลพฺภนโต, อิจฺฉิตพฺพโต จฯ อปรา ปจฺฉิมา ปชา อปรปชา, อปราปรํ อุปฺปนฺนา วา ปชา อปรปชาฯ ปฎิปูชนา นาม มมายนา, สกฺการกิริยา จาติ ตทุภยํ ทเสฺสตุํ ‘‘เกลายนฺตี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ มมายนฺตีติ มมตฺตํ กโรนฺติฯ

    270. Cattāripi ṭhānāni laṅghitvā pañcamameva ṭhānaṃ vivarituṃ ‘‘avisaṃvādanatāyā’’tiādi vuttaṃ. Tattha yassa yassa nāmaṃ gaṇhātīti sahāyo atthikabhāvena yassa yassa vatthuno nāmaṃ katheti. Avisaṃvādetvāti ettha duvidhaṃ avisaṃvādanaṃ vācāya, payogena cāti taṃ duvidhampi dassetuṃ ‘‘idampī’’tiādi vuttaṃ. ‘‘Dānenā’’ti ca idaṃ nidassanamattaṃ daṭṭhabbaṃ itarasaṅgahavatthuvasenapi avisaṃvādetvā saṅgaṇhanassa labbhanato, icchitabbato ca. Aparā pacchimā pajā aparapajā, aparāparaṃ uppannā vā pajā aparapajā. Paṭipūjanā nāma mamāyanā, sakkārakiriyā cāti tadubhayaṃ dassetuṃ ‘‘kelāyantī’’tiādi vuttaṃ. Mamāyantīti mamattaṃ karonti.

    ๒๗๑. ยถาพลํ กมฺมนฺตสํวิธาเนนาติ ทาสกมฺมกรานํ ยถาพลํ พลานุรูปํ เตสํ เตสํ กมฺมนฺตานํ สํวิทหเนน วิจารเณน, การาปเนนาติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘ทหเรหี’’ติอาทิฯ ภตฺตเวตนานุปฺปทาเนนาติ ตสฺส ตสฺส ทาสกมฺมกรสฺส อนุรูปํ ภตฺตสฺส, เวตนสฺส จ ปทาเนน ฯ เตเนวาห ‘‘อยํ ขุทฺทกปุโตฺต’’ติอาทิฯ เภสชฺชาทีนีติ อาทิ-สเทฺทน สปฺปายาหารวสนฎฺฐานาทิํ สงฺคณฺหาติฯ สาตภาโว เอว รสานํ อจฺฉริยตาติ อาห ‘‘อจฺฉริเย มธุรรเส’’ติฯ เตสนฺติ ทาสกมฺมกรานํฯ โวสฺสชฺชเนนาติ กมฺมกรณโต วิสฺสชฺชเนนฯ เวลํ ญตฺวาติ ‘‘ปหาราวเสโส, อุปฑฺฒปหาราวเสโส วา ทิวโส’’ติ เวลํ ชานิตฺวาฯ โย โกจิ มหุสฺสโว ฉโณ นามฯ กตฺติกุสฺสโว, ผคฺคุณุสฺสโวติ เอวํ นกฺขตฺตสลฺลกฺขิโต มหุสฺสโว นกฺขตฺตํฯ ปุพฺพุฎฺฐายิตา, ปจฺฉานิปาติตา จ มหาสุทสฺสเน วุตฺตา เอวาติ อิธ อนามฎฺฐาฯ

    271.Yathābalaṃ kammantasaṃvidhānenāti dāsakammakarānaṃ yathābalaṃ balānurūpaṃ tesaṃ tesaṃ kammantānaṃ saṃvidahanena vicāraṇena, kārāpanenāti attho. Tenāha ‘‘daharehī’’tiādi. Bhattavetanānuppadānenāti tassa tassa dāsakammakarassa anurūpaṃ bhattassa, vetanassa ca padānena . Tenevāha ‘‘ayaṃ khuddakaputto’’tiādi. Bhesajjādīnīti ādi-saddena sappāyāhāravasanaṭṭhānādiṃ saṅgaṇhāti. Sātabhāvo eva rasānaṃ acchariyatāti āha ‘‘acchariye madhurarase’’ti. Tesanti dāsakammakarānaṃ. Vossajjanenāti kammakaraṇato vissajjanena. Velaṃ ñatvāti ‘‘pahārāvaseso, upaḍḍhapahārāvaseso vā divaso’’ti velaṃ jānitvā. Yo koci mahussavo chaṇo nāma. Kattikussavo, phagguṇussavoti evaṃ nakkhattasallakkhito mahussavo nakkhattaṃ.Pubbuṭṭhāyitā, pacchānipātitā ca mahāsudassane vuttā evāti idha anāmaṭṭhā.

    ทินฺนาทายิโนติ ปุพฺพปทาวธารณวเสน สาวธารณวจนนฺติ อวธารเณน นิวตฺติตํ ทเสฺสตุํ ‘‘โจริกาย กิญฺจิ อคฺคเหตฺวา’’ติ วุตฺตํฯ เตนาห ‘‘สามิเกหิ ทินฺนเสฺสว อาทายิโน’’ติฯ น มยํ กิญฺจิ ลภามาติ อนุชฺฌายิตฺวาติ ปฎิเสธทฺวเยน เตหิ ลทฺธพฺพสฺส ลาภํ ทเสฺสติฯ ‘‘กิํ เอตสฺส กเมฺมน กเตนาติ อนุชฺฌายิตฺวา’’ติ อิทํ ตุฎฺฐหทยตาย การณทสฺสนํ ปฎิปกฺขทูรีภาวโตฯ ตุฎฺฐหทยตาทสฺสนมฺปิ กมฺมสฺส สุกตการิตาย การณทสฺสนํฯ กิตฺติ เอว วโณฺณ กิตฺติวโณฺณ, ตํ กิตฺติวณฺณํ คุณกถํ หรนฺติ, ตํ ตํ ทิสํ อุปาหรนฺตีติ กิตฺติวณฺณหราฯ ตถา ตถา กิเตฺตตพฺพโต หิ กิตฺติ , คุโณ, เตสํ วณฺณนํ กถนํ วโณฺณฯ เตนาห ‘‘คุณกถาหารกา’’ติฯ

    Dinnādāyinoti pubbapadāvadhāraṇavasena sāvadhāraṇavacananti avadhāraṇena nivattitaṃ dassetuṃ ‘‘corikāya kiñci aggahetvā’’ti vuttaṃ. Tenāha ‘‘sāmikehi dinnasseva ādāyino’’ti. Na mayaṃ kiñci labhāmāti anujjhāyitvāti paṭisedhadvayena tehi laddhabbassa lābhaṃ dasseti. ‘‘Kiṃ etassa kammena katenāti anujjhāyitvā’’ti idaṃ tuṭṭhahadayatāya kāraṇadassanaṃ paṭipakkhadūrībhāvato. Tuṭṭhahadayatādassanampi kammassa sukatakāritāya kāraṇadassanaṃ. Kitti eva vaṇṇo kittivaṇṇo, taṃ kittivaṇṇaṃ guṇakathaṃ haranti, taṃ taṃ disaṃ upāharantīti kittivaṇṇaharā. Tathā tathā kittetabbato hi kitti, guṇo, tesaṃ vaṇṇanaṃ kathanaṃ vaṇṇo. Tenāha ‘‘guṇakathāhārakā’’ti.

    ๒๗๒. การณภูตา เมตฺตา เอเตสํ อตฺถีติ เมตฺตานิ, กายกมฺมาทีนิฯ ยานิ ปน ตานิ ยถา ยถา จ สมฺภวนฺติ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘วิหารคมน’’นฺติอาทีสุ ‘‘เมตฺตจิตฺตํ ปจฺจุปฎฺฐาเปตฺวา’’ติ ปทํ อาหริตฺวา โยเชตพฺพํฯ อนาวฎทฺวารตายาติ เอตฺถ ทฺวารํ นาม อโลภชฺฌาสยตา ทานสฺส มุขภาวโตฯ ตสฺส สโต เทยฺยธมฺมสฺส ทาตุกามตา อนาวฎตา เอวญฺหิ ฆรมาวสโนฺต กุลปุโตฺต เคหทฺวาเร ปิหิเตปิ อนาวฎทฺวาโร เอว, อญฺญถา อปิหิเตปิ ฆรทฺวาเร อาวฎทฺวาโร เอวาติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิฯ วิวริตฺวาปิ วสโนฺตติ วจนเสโสฯ ปิทหิตฺวาปีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ ‘‘สีลวเนฺตสู’’ติ อิทํ ปฎิคฺคาหกโต ทกฺขิณวิสุทฺธิทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ กรุณาเขเตฺตปิ ทาเนน อนาวฎทฺวารตา เอวฯ ‘‘สนฺตเญฺญวา’’ติ อิมินา อสนฺตํ นตฺถิวจนํ ปุจฺฉิตปฎิวจนํ วิย อิจฺฉิตพฺพํ เอวาติ ทเสฺสติ วิญฺญูนํ อตฺถิกานํ จิตฺตมทฺทวกรณโตฯ ‘‘ปุเรภตฺตํ ปริภุญฺชิตพฺพก’’นฺติ อิทํ ยาวกาลิเก เอว อามิสภาวสฺส นิรุฬฺหตาย วุตฺตํฯ

    272. Kāraṇabhūtā mettā etesaṃ atthīti mettāni, kāyakammādīni. Yāni pana tāni yathā yathā ca sambhavanti, taṃ dassetuṃ ‘‘tatthā’’tiādi vuttaṃ. ‘‘Vihāragamana’’ntiādīsu ‘‘mettacittaṃ paccupaṭṭhāpetvā’’ti padaṃ āharitvā yojetabbaṃ. Anāvaṭadvāratāyāti ettha dvāraṃ nāma alobhajjhāsayatā dānassa mukhabhāvato. Tassa sato deyyadhammassa dātukāmatā anāvaṭatā evañhi gharamāvasanto kulaputto gehadvāre pihitepi anāvaṭadvāro eva, aññathā apihitepi gharadvāre āvaṭadvāro evāti. Tena vuttaṃ ‘‘tatthā’’tiādi. Vivaritvāpi vasantoti vacanaseso. Pidahitvāpīti etthāpi eseva nayo. ‘‘Sīlavantesū’’ti idaṃ paṭiggāhakato dakkhiṇavisuddhidassanatthaṃ vuttaṃ. Karuṇākhettepi dānena anāvaṭadvāratā eva. ‘‘Santaññevā’’ti iminā asantaṃ natthivacanaṃ pucchitapaṭivacanaṃ viya icchitabbaṃ evāti dasseti viññūnaṃ atthikānaṃ cittamaddavakaraṇato. ‘‘Purebhattaṃ paribhuñjitabbaka’’nti idaṃ yāvakālike eva āmisabhāvassa niruḷhatāya vuttaṃ.

    ‘‘สเพฺพ สตฺตา’’ติ อิทํ เตสํ สมณพฺราหฺมณานํ อชฺฌาสยสมฺปตฺติทสฺสนํ ปกฺขปาตาภาวทีปนโต, โอธิโส ผรณายปิ เมตฺตาภาวนาย ลพฺภนโตฯ ยาย กุสลาภิวฑฺฒิอากงฺขาย เตสํ อุปฎฺฐากานํ, ตถา เนสํ เคหปวิสนํ, ตํ สนฺธายาห ‘‘ปวิสนฺตาปิ กลฺยาเณน เจตสา อนุกมฺปนฺติ นามา’’ติฯ สุตสฺส ปริโยทาปนํ นาม ตสฺส ยาถาวโต อตฺถํ วิภาเวตฺวา วิจิกิจฺฉาตมวิธมเนน วิโสธนนฺติ อาห ‘‘อตฺถํ กเถตฺวา กงฺขํ วิโนเทนฺตี’’ติฯ สวนํ นาม ธมฺมสฺส ยาวเทว สมฺมาปฎิปชฺชนาย อสติ ตสฺมิํ ตสฺส นิรตฺถกภาวโต, ตสฺมา สุตสฺส ปริโยทาปนํ นาม สมฺมาปฎิปชฺชาปนนฺติ อาห ‘‘ตถตฺตาย วา ปฎิปชฺชาเปนฺตี’’ติฯ

    ‘‘Sabbe sattā’’ti idaṃ tesaṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ ajjhāsayasampattidassanaṃ pakkhapātābhāvadīpanato, odhiso pharaṇāyapi mettābhāvanāya labbhanato. Yāya kusalābhivaḍḍhiākaṅkhāya tesaṃ upaṭṭhākānaṃ, tathā nesaṃ gehapavisanaṃ, taṃ sandhāyāha ‘‘pavisantāpi kalyāṇena cetasā anukampanti nāmā’’ti. Sutassa pariyodāpanaṃ nāma tassa yāthāvato atthaṃ vibhāvetvā vicikicchātamavidhamanena visodhananti āha ‘‘atthaṃ kathetvā kaṅkhaṃ vinodentī’’ti. Savanaṃ nāma dhammassa yāvadeva sammāpaṭipajjanāya asati tasmiṃ tassa niratthakabhāvato, tasmā sutassa pariyodāpanaṃ nāma sammāpaṭipajjāpananti āha ‘‘tathattāya vā paṭipajjāpentī’’ti.

    ๒๗๓. อลมโตฺตติ สมตฺถสภาโว, โส จ อตฺถโต สมโตฺถ เอวาติ ‘‘อคารํ อชฺฌาวสนสมโตฺถ’’ติ วุตฺตํฯ ทิสานมสฺสนฎฺฐาเนติ ยถาวุตฺตทิสานํ ปจฺจุปฎฺฐานสญฺญิเต นมสฺสนการเณฯ ปณฺฑิโต หุตฺวา กุสโล เฉโก ลภเต ยสนฺติ โยชนาฯ สณฺหคุณโยคโต สโณฺห, สณฺหคุโณติ ปเนตฺถ สุขุมนิปุณปญฺญา, มุทุวาจาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘สุขุม…เป.… ภณเนน วา’’ติ วุตฺตํฯ ทิสานมสฺสนฎฺฐาเนนาติ เยน ญาเณน ยถาวุตฺตา ฉ ทิสา วุตฺตนเยน ปฎิปชฺชโนฺต นมสฺสติ นาม, ตํ ญาณํ ทิสานมสฺสนฎฺฐานํ, เตน ปฎิภานวาฯ เตน หิ ตํตํกิจฺจยุตฺตปตฺตวเสน ปฎิปชฺชโนฺต อิธ ‘‘ปฎิภานวา’’ติ วุโตฺตฯ นิวาตวุตฺตีติ ปณิปาตสีโลฯ อตฺถโทฺธติ น ถโทฺธ ถมฺภรหิโตติ จิตฺตสฺส อุทฺธุมาตลกฺขเณน ถมฺภิตภาเวน วิรหิโตฯ อุฎฺฐานวีริยสมฺปโนฺนติ กายิเกน วีริเยน สมนฺนาคโตฯ นิรนฺตรกรณวเสนาติ อารทฺธสฺส กมฺมสฺส สตตการิตาวเสนฯ ฐานุปฺปตฺติยา ปญฺญายาติ ตสฺมิํ ตสฺมิํ อตฺถกิเจฺจ อุปฎฺฐิเต ฐานโส ตงฺขเณ เอว อุปฺปชฺชนกปญฺญายฯ

    273.Alamattoti samatthasabhāvo, so ca atthato samattho evāti ‘‘agāraṃ ajjhāvasanasamattho’’ti vuttaṃ. Disānamassanaṭṭhāneti yathāvuttadisānaṃ paccupaṭṭhānasaññite namassanakāraṇe. Paṇḍito hutvā kusalo cheko labhate yasanti yojanā. Saṇhaguṇayogato saṇho, saṇhaguṇoti panettha sukhumanipuṇapaññā, muduvācāti dassento ‘‘sukhuma…pe… bhaṇanena vā’’ti vuttaṃ. Disānamassanaṭṭhānenāti yena ñāṇena yathāvuttā cha disā vuttanayena paṭipajjanto namassati nāma, taṃ ñāṇaṃ disānamassanaṭṭhānaṃ, tena paṭibhānavā. Tena hi taṃtaṃkiccayuttapattavasena paṭipajjanto idha ‘‘paṭibhānavā’’ti vutto. Nivātavuttīti paṇipātasīlo. Atthaddhoti na thaddho thambharahitoti cittassa uddhumātalakkhaṇena thambhitabhāvena virahito. Uṭṭhānavīriyasampannoti kāyikena vīriyena samannāgato. Nirantarakaraṇavasenāti āraddhassa kammassa satatakāritāvasena. Ṭhānuppattiyā paññāyāti tasmiṃ tasmiṃ atthakicce upaṭṭhite ṭhānaso taṅkhaṇe eva uppajjanakapaññāya.

    สงฺคหกโรติ ยถารหํ สตฺตานํ สงฺคณฺหนโกฯ มิตฺตกโรติ มิตฺตภาวกโร, โส ปน อตฺถโต มิเตฺต ปริเยสนโก นาม โหตีติ วุตฺตํ ‘‘มิตฺตคเวสโน’’ติฯ ยถาวุตฺตํ วทํ วจนํ ชานาตีติ วทญฺญูติ อาห ‘‘ปุพฺพการินา วุตฺตวจนํ ชานาตี’’ติฯ อิทานิ ตเมวตฺถํ สเงฺขเปน วุตฺตํ วิตฺถารวเสน ทเสฺสตุํ ‘‘สหายกสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ปุเพฺพ ยถาปวตฺตาย วาจาย ชานเน วทญฺญุตํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ อาการสลฺลกฺขเณน อปฺปวตฺตาย วาจาย ชานเนปิ วทญฺญุตํ ทเสฺสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘เยน เยน วา ปนา’’ติอาทินา วจนียตฺถตํ วทญฺญู-สทฺทสฺส ทเสฺสติฯ เนตาติ ยถาธิเปฺปตมตฺถํ ปจฺจกฺขโต ปาเปตาฯ เตนาห ‘‘ตํ ตมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ปญฺญาย เนตา’’ติฯ เนติ ตํ ตมตฺถนฺติ อาเนตฺวา สมฺพโนฺธฯ ปุนปฺปุนํ เนตีติ อนุ อนุ เนติ, ตํ ตมตฺถนฺติ อาเนตฺวา โยชนาฯ

    Saṅgahakaroti yathārahaṃ sattānaṃ saṅgaṇhanako. Mittakaroti mittabhāvakaro, so pana atthato mitte pariyesanako nāma hotīti vuttaṃ ‘‘mittagavesano’’ti. Yathāvuttaṃ vadaṃ vacanaṃ jānātīti vadaññūti āha ‘‘pubbakārinā vuttavacanaṃ jānātī’’ti. Idāni tamevatthaṃ saṅkhepena vuttaṃ vitthāravasena dassetuṃ ‘‘sahāyakassā’’tiādi vuttaṃ. Pubbe yathāpavattāya vācāya jānane vadaññutaṃ dassetvā idāni ākārasallakkhaṇena appavattāya vācāya jānanepi vadaññutaṃ dassetuṃ ‘‘apicā’’tiādi vuttaṃ. ‘‘Yena yena vā panā’’tiādinā vacanīyatthataṃ vadaññū-saddassa dasseti. Netāti yathādhippetamatthaṃ paccakkhato pāpetā. Tenāha ‘‘taṃ tamatthaṃ dassento paññāya netā’’ti. Neti taṃ tamatthanti ānetvā sambandho. Punappunaṃ netīti anu anu neti, taṃ tamatthanti ānetvā yojanā.

    ตสฺมิํ ตสฺมินฺติ ตสฺมิํ ตสฺมิํ ทานาทีหิ สงฺคเหหิ สงฺคเหตเพฺพ ปุคฺคเลฯ อาณิยาติ อกฺขสีสคตาย อาณิยาฯ ยายโตติ คจฺฉโตฯ ปุตฺตการณาติ ปุตฺตนิมิตฺตํฯ ปุตฺตเหตุกญฺหิ ปุเตฺตน กตฺตพฺพํ มานํ วา ปูชํ วาฯ

    Tasmiṃ tasminti tasmiṃ tasmiṃ dānādīhi saṅgahehi saṅgahetabbe puggale. Āṇiyāti akkhasīsagatāya āṇiyā. Yāyatoti gacchato. Puttakāraṇāti puttanimittaṃ. Puttahetukañhi puttena kattabbaṃ mānaṃ vā pūjaṃ vā.

    อุปโยควจเนติ อุปโยคเตฺถฯ วุจฺจตีติ วจนํ, อโตฺถฯ อุปโยควจเน วา วตฺตเพฺพฯ ปจฺจตฺตนฺติ ปจฺจตฺตวจนํฯ สมฺมา เปกฺขนฺตีติ สมฺมเทว กาตเพฺพ เปกฺขนฺติฯ ปสํสนียาติ ปสํสิตพฺพาฯ ภวนฺติ เอเต สงฺคเหตเพฺพ ตตฺถ ปุคฺคเล ยถารหํ ปวเตฺตนฺตาติ อธิปฺปาโยฯ

    Upayogavacaneti upayogatthe. Vuccatīti vacanaṃ, attho. Upayogavacane vā vattabbe. Paccattanti paccattavacanaṃ. Sammā pekkhantīti sammadeva kātabbe pekkhanti. Pasaṃsanīyāti pasaṃsitabbā. Bhavanti ete saṅgahetabbe tattha puggale yathārahaṃ pavattentāti adhippāyo.

    ๒๗๔. ‘‘อิติ ภควา’’ติอาทิ นิคมนํฯ ยา ทิสาติ ยา มาตาปิตุอาทิลกฺขณา ปุรตฺถิมาทิทิสาฯ นมสฺสาติ นมเสฺสยฺยาสีติ อโตฺถ ‘‘ยถา กถํ ปนา’’ติอาทิกาย คหปติปุตฺตสฺส ปุจฺฉาย วเสน เทสนาย อารทฺธตฺตา ‘‘ปุจฺฉาย ฐตฺวา’’ติ วุตฺตํฯ อกถิตํ นตฺถิ คิหีหิ กตฺตพฺพกเมฺม อปฺปมาทปฎิปตฺติยา อนวเสสโต กถิตตฺตาฯ มาตาปิตุอาทีสุ หิ เตหิ จ ปฎิปชฺชิตพฺพปฎิปตฺติยา นิรวเสสโต กถเนเนว ราชาทีสุปิ ปฎิปชฺชิตพฺพวิธิ อตฺถโต กถิโต เอว โหตีติฯ คิหิโน วินียนฺติ, วินยํ อุเปนฺติ เอเตนาติ คิหิวินโยฯ ยถานุสิฎฺฐนฺติ ยถา อิธ สตฺถารา อนุสิฎฺฐํ คิหิจาริตฺตํ , ตถา เตน ปกาเรน ตํ อวิราเธตฺวาฯ ปฎิปชฺชมานสฺส วุทฺธิเยว ปาฎิกงฺขาติ ทิฎฺฐธมฺมิกสมฺปรายิกปรมเตฺถหิ วุทฺธิเยว อิจฺฉิตพฺพา อวสฺสมฺภาวินีติฯ

    274.‘‘Iti bhagavā’’tiādi nigamanaṃ. Yā disāti yā mātāpituādilakkhaṇā puratthimādidisā. Namassāti namasseyyāsīti attho ‘‘yathā kathaṃ panā’’tiādikāya gahapatiputtassa pucchāya vasena desanāya āraddhattā ‘‘pucchāya ṭhatvā’’ti vuttaṃ. Akathitaṃ natthi gihīhi kattabbakamme appamādapaṭipattiyā anavasesato kathitattā. Mātāpituādīsu hi tehi ca paṭipajjitabbapaṭipattiyā niravasesato kathaneneva rājādīsupi paṭipajjitabbavidhi atthato kathito eva hotīti. Gihino vinīyanti, vinayaṃ upenti etenāti gihivinayo. Yathānusiṭṭhanti yathā idha satthārā anusiṭṭhaṃ gihicārittaṃ , tathā tena pakārena taṃ avirādhetvā. Paṭipajjamānassa vuddhiyeva pāṭikaṅkhāti diṭṭhadhammikasamparāyikaparamatthehi vuddhiyeva icchitabbā avassambhāvinīti.

    สิงฺคาลสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนาฯ

    Siṅgālasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya / ๘. สิงฺคาลสุตฺตํ • 8. Siṅgālasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) / ๘. สิงฺคาลสุตฺตวณฺณนา • 8. Siṅgālasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact