Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อุทานปาฬิ • Udānapāḷi |
๙. สิปฺปสุตฺตํ
9. Sippasuttaṃ
๒๙. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลานํ ภิกฺขูนํ ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกนฺตานํ มณฺฑลมาเฬ สนฺนิสินฺนานํ สนฺนิปติตานํ อยมนฺตรากถา อุทปาทิ – ‘‘โก นุ โข, อาวุโส, สิปฺปํ ชานาติ? โก กิํ สิปฺปํ สิกฺขิ? กตรํ สิปฺปํ สิปฺปานํ อคฺค’’นฺติ?
29. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena sambahulānaṃ bhikkhūnaṃ pacchābhattaṃ piṇḍapātapaṭikkantānaṃ maṇḍalamāḷe sannisinnānaṃ sannipatitānaṃ ayamantarākathā udapādi – ‘‘ko nu kho, āvuso, sippaṃ jānāti? Ko kiṃ sippaṃ sikkhi? Kataraṃ sippaṃ sippānaṃ agga’’nti?
ตเตฺถกเจฺจ เอวมาหํสุ – ‘‘หตฺถิสิปฺปํ สิปฺปานํ อคฺค’’นฺติฯ เอกเจฺจ เอวมาหํสุ – ‘‘อสฺสสิปฺปํ สิปฺปานํ อคฺค’’นฺติฯ เอกเจฺจ เอวมาหํสุ – ‘‘รถสิปฺปํ สิปฺปานํ อคฺค’’นฺติฯ เอกเจฺจ เอวมาหํสุ – ‘‘ธนุสิปฺปํ สิปฺปานํ อคฺค’’นฺติฯ เอกเจฺจ เอวมาหํสุ – ‘‘ถรุสิปฺปํ สิปฺปานํ อคฺค’’นฺติฯ เอกเจฺจ เอวมาหํสุ – ‘‘มุทฺทาสิปฺปํ สิปฺปานํ อคฺค’’นฺติฯ เอกเจฺจ เอวมาหํสุ – ‘‘คณนาสิปฺปํ สิปฺปานํ อคฺค’’นฺติฯ เอกเจฺจ เอวมาหํสุ – ‘‘สงฺขานสิปฺปํ สิปฺปานํ อคฺค’’นฺติฯ เอกเจฺจ เอวมาหํสุ – ‘‘เลขาสิปฺปํ สิปฺปานํ อคฺค’’นฺติฯ เอกเจฺจ เอวมาหํสุ – ‘‘กาเวยฺยสิปฺปํ 1 สิปฺปานํ อคฺค’’นฺติฯ เอกเจฺจ เอวมาหํสุ – ‘‘โลกายตสิปฺปํ สิปฺปานํ อคฺค’’นฺติฯ เอกเจฺจ เอวมาหํสุ – ‘‘ขตฺตวิชฺชาสิปฺปํ สิปฺปานํ อคฺค’’นฺติฯ อยญฺจรหิ เตสํ ภิกฺขูนํ อนฺตรากถา โหติ วิปฺปกตาฯ
Tatthekacce evamāhaṃsu – ‘‘hatthisippaṃ sippānaṃ agga’’nti. Ekacce evamāhaṃsu – ‘‘assasippaṃ sippānaṃ agga’’nti. Ekacce evamāhaṃsu – ‘‘rathasippaṃ sippānaṃ agga’’nti. Ekacce evamāhaṃsu – ‘‘dhanusippaṃ sippānaṃ agga’’nti. Ekacce evamāhaṃsu – ‘‘tharusippaṃ sippānaṃ agga’’nti. Ekacce evamāhaṃsu – ‘‘muddāsippaṃ sippānaṃ agga’’nti. Ekacce evamāhaṃsu – ‘‘gaṇanāsippaṃ sippānaṃ agga’’nti. Ekacce evamāhaṃsu – ‘‘saṅkhānasippaṃ sippānaṃ agga’’nti. Ekacce evamāhaṃsu – ‘‘lekhāsippaṃ sippānaṃ agga’’nti. Ekacce evamāhaṃsu – ‘‘kāveyyasippaṃ 2 sippānaṃ agga’’nti. Ekacce evamāhaṃsu – ‘‘lokāyatasippaṃ sippānaṃ agga’’nti. Ekacce evamāhaṃsu – ‘‘khattavijjāsippaṃ sippānaṃ agga’’nti. Ayañcarahi tesaṃ bhikkhūnaṃ antarākathā hoti vippakatā.
อถ โข ภควา สายนฺหสมยํ ปฎิสลฺลานา วุฎฺฐิโต เยน มณฺฑลมาโฬ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิฯ นิสชฺช โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา, กา จ ปน โว อนฺตรากถา วิปฺปกตา’’ติ?
Atha kho bhagavā sāyanhasamayaṃ paṭisallānā vuṭṭhito yena maṇḍalamāḷo tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā paññatte āsane nisīdi. Nisajja kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā, kā ca pana vo antarākathā vippakatā’’ti?
‘‘อิธ, ภเนฺต, อมฺหากํ ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกนฺตานํ มณฺฑลมาเฬ สนฺนิสินฺนานํ อยมนฺตรากถา อุทปาทิ – ‘โก นุ โข, อาวุโส, สิปฺปํ ชานาติ? โก กิํ สิปฺปํ สิกฺขิ? กตรํ สิปฺปํ สิปฺปานํ อคฺค’นฺติ?
‘‘Idha, bhante, amhākaṃ pacchābhattaṃ piṇḍapātapaṭikkantānaṃ maṇḍalamāḷe sannisinnānaṃ ayamantarākathā udapādi – ‘ko nu kho, āvuso, sippaṃ jānāti? Ko kiṃ sippaṃ sikkhi? Kataraṃ sippaṃ sippānaṃ agga’nti?
‘‘ตเตฺถกเจฺจ เอวมาหํสุ – ‘หตฺถิสิปฺปํ สิปฺปานํ อคฺค’นฺติฯ เอกเจฺจ เอวมาหํสุ – ‘อสฺสสิปฺปํ สิปฺปานํ อคฺค’นฺติ; เอกเจฺจ เอวมาหํสุ – ‘รถสิปฺปํ สิปฺปานํ อคฺค’นฺติ; เอกเจฺจ เอวมาหํสุ – ‘ธนุสิปฺปํ สิปฺปานํ อคฺค’นฺติ; เอกเจฺจ เอวมาหํสุ – ‘ถรุสิปฺปํ สิปฺปานํ อคฺค’นฺติ, เอกเจฺจ เอวมาหํสุ – ‘มุทฺทาสิปฺปํ สิปฺปานํ อคฺค’นฺติ เอกเจฺจ เอวมาหํสุ – ‘คณนาสิปฺปํ สิปฺปานํ อคฺค’นฺติ; เอกเจฺจ เอวมาหํสุ – ‘สงฺขานสิปฺปํ สิปฺปานํ อคฺค’นฺติ; เอกเจฺจ เอวมาหํสุ – ‘เลขาสิปฺปํ สิปฺปานํ อคฺค’นฺติ; เอกเจฺจ เอวมาหํสุ – ‘กาเวยฺยสิปฺปํ สิปฺปานํ อคฺค’นฺติ; เอกเจฺจ เอวมาหํสุ – ‘โลกายตสิปฺปํ สิปฺปานํ อคฺค’นฺติ; เอกเจฺจ เอวมาหํสุ – ‘ขตฺตวิชฺชาสิปฺปํ สิปฺปานํ อคฺค’นฺติฯ อยํ โข โน, ภเนฺต, อนฺตรากถา โหติ วิปฺปกตา, อถ ภควา อนุปฺปโตฺต’’ติฯ
‘‘Tatthekacce evamāhaṃsu – ‘hatthisippaṃ sippānaṃ agga’nti. Ekacce evamāhaṃsu – ‘assasippaṃ sippānaṃ agga’nti; ekacce evamāhaṃsu – ‘rathasippaṃ sippānaṃ agga’nti; ekacce evamāhaṃsu – ‘dhanusippaṃ sippānaṃ agga’nti; ekacce evamāhaṃsu – ‘tharusippaṃ sippānaṃ agga’nti, ekacce evamāhaṃsu – ‘muddāsippaṃ sippānaṃ agga’nti ekacce evamāhaṃsu – ‘gaṇanāsippaṃ sippānaṃ agga’nti; ekacce evamāhaṃsu – ‘saṅkhānasippaṃ sippānaṃ agga’nti; ekacce evamāhaṃsu – ‘lekhāsippaṃ sippānaṃ agga’nti; ekacce evamāhaṃsu – ‘kāveyyasippaṃ sippānaṃ agga’nti; ekacce evamāhaṃsu – ‘lokāyatasippaṃ sippānaṃ agga’nti; ekacce evamāhaṃsu – ‘khattavijjāsippaṃ sippānaṃ agga’nti. Ayaṃ kho no, bhante, antarākathā hoti vippakatā, atha bhagavā anuppatto’’ti.
‘‘น เขฺวตํ, ภิกฺขเว, ตุมฺหากํ ปติรูปํ กุลปุตฺตานํ สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตานํ ยํ ตุเมฺห เอวรูปิํ กถํ กเถยฺยาถฯ สนฺนิปติตานํ โว, ภิกฺขเว, ทฺวยํ กรณียํ – ธมฺมี วา กถา อริโย วา ตุณฺหีภาโว’’ติฯ
‘‘Na khvetaṃ, bhikkhave, tumhākaṃ patirūpaṃ kulaputtānaṃ saddhā agārasmā anagāriyaṃ pabbajitānaṃ yaṃ tumhe evarūpiṃ kathaṃ katheyyātha. Sannipatitānaṃ vo, bhikkhave, dvayaṃ karaṇīyaṃ – dhammī vā kathā ariyo vā tuṇhībhāvo’’ti.
อถ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
Atha kho bhagavā etamatthaṃ viditvā tāyaṃ velāyaṃ imaṃ udānaṃ udānesi –
‘‘อสิปฺปชีวี ลหุ อตฺถกาโม,
‘‘Asippajīvī lahu atthakāmo,
ยตินฺทฺริโย สพฺพธิ วิปฺปมุโตฺต;
Yatindriyo sabbadhi vippamutto;
อโนกสารี อมโม นิราโส,
Anokasārī amamo nirāso,
หิตฺวา มานํ เอกจโร ส ภิกฺขู’’ติฯ นวมํ;
Hitvā mānaṃ ekacaro sa bhikkhū’’ti. navamaṃ;
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ขุทฺทกนิกาย (อฎฺฐกถา) • Khuddakanikāya (aṭṭhakathā) / อุทาน-อฎฺฐกถา • Udāna-aṭṭhakathā / ๙. สิปฺปสุตฺตวณฺณนา • 9. Sippasuttavaṇṇanā